Recent Posts

Pages: 1 ... 7 8 [9] 10
81
BOND เปิดตัว "BOND DEO STICK" ไอเทมระงับกลิ่นกาย ที่ผู้ชายทุกคนควรมี


หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายผู้ชาย ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ หนึ่งในแบรนด์ที่กำลังมาแรงและผู้ชายทั่วไปนึกถึงคือ BOND เพราะนี่คือแบรนด์ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดและระงับกลิ่น ร่างกายสำหรับผู้ชายระดับพรีเมี่ยม ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย มาพร้อม “จุดแข็ง” คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้ชายอย่างครอบคลุม

โดยล่าสุด “BOND” ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสำหรับผู้ชาย ที่ชื่อว่า "DEO STICK" ที่เป็นเนื้อบาล์มสำหรับผู้ชาย โดยมีนวัตกรรมใหม่อย่าง NEO-POL WDA ที่มีผลทดสอบแล้วว่าช่วยระงับกลิ่นกายได้นานถึง 12 ชั่วโมง

ขณะเดียวกันก็มีส่วนผสมที่สกัดมาจากพืช (Plant-Derived) นำเข้าจากประเทศเกาหลี โดยจะทำปฏิกิริยาโดยตรงกับโมเลกุลของกลิ่นตัว ทำให้องค์ประกอบทางเคมีของกลิ่นตัวเจือจางลง อีกทั้งยังมีส่วนผสมของวิตามิน E ช่วยให้วงแขนเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดปัญหากลิ่นกายอย่างตรงจุด โดย "BOND DEO STICK" มีให้เลือก 2 สูตร


ARIES - กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ BOND มาพร้อมคาแรคเตอร์ที่มีเสน่ห์สุดๆ ที่จะช่วยจุดประกายไฟความหลงใหล หากคนใกล้ชิดได้สัมผัสกลิ่นย่อมสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม


GEMINI - กลิ่นใหม่ที่ BOND ภูมิใจนำเสนอ ที่มาพร้อมคาแรคเตอร์สดชื่น ขณะเดียวกันก็ยังแฝงด้วยความลึกลับมีสเน่ห์ เป็นกลิ่นที่มีความซับซ้อน แต่ลงตัว

จะเห็นว่าทั้ง 2 สูตรของ BOND เป็นมากกว่าการระงับกลิ่นกาย แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ ให้ผู้ชายทุกคนพร้อมในทุกๆ สถานการณ์

“BOND” อยู่ภายใต้การดูแลและจัดจำหน่าย บริษัท บอนด์ อินโนเวนเจอร์ จำกัด โดยล่าสุดทางบริษัทลงทุนสร้างสรรค์งานโฆษณาที่มีโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่ จนสร้างกระแสครั้งใหญ่ในตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นชาย

หากใครที่สนใจโฆษณาชุดใหม่ ให้คลิกที่ https://youtu.be/Eghi4NGtSAg?feature=shared หรือ https://fb.watch/qw4cTIJMnC/

โดยทาง "BOND DEO STICK" มุ่งเน้นสื่อสารกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ใส่ใจเรื่องความสะอาดของร่างกาย มองหาไอเทมตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงไหลไปกับความหอมของน้ำหอม


คุณ กฤตพล ลิมปิผลไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บอนด์ อินโนเวนเจอร์ จำกัด เผยว่า " สิ่งที่ทำให้  BOND ประสบความสำเร็จก็คือ “Brand Promise” คือเมื่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ BOND แล้วจะสร้างความมีเสน่ห์ในสไตล์พรีเมี่ยม และ สร้างความเหนือระดับกว่าผู้ชายทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ BOND ”

BOND จึงถือเป็นไอเทมสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ชายมีสเน่ห์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใครมาพร้อมราคาที่จับต้องได้

สำหรับใครที่อยากสัมผัสเสน่ห์ความหอมระดับพรีเมี่ยมที่ไม่เหมือนใคร สามารถหาซื้อ "BOND DEO STICK" ทั้ง 2 สูตรคือ ARIES และ GEMINI ได้ที่ร้านค้าเหล่านี้ทุกสาขาทั้ง Boost, Watsons, Beautrium,Tops, GourmetMarket หรือช่องทางการสั่งซื้อทางออนไลน์ที่ Bond Official ทั้งใน Shopee Lazada TikTok และ Konvy ถือได้ว่าเป็นไอเทมสำคัญที่ต้องมีติดไว้ และราคาจับต้องได้


ส่วนใครที่อยากติดตามข่าวสารของแบรนด์ BOND ไม่ว่าจะเป็นการออกสินค้าใหม่ๆ จนถึงโปรโมชั่นของสินค้า ที่มาตลอดทั้งปี ติดตามได้ที่ https://bondthailand.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account : @bondthailand
82
Group-IB เปิดตัวรายงาน Hi-Tech Crime Trends 23/24: ประเทศไทยตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้วย Ransomware มากที่สุดเป็นอันดับสามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Group-IB ผู้นำในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อการสืบสวน, ป้องกัน และต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ได้เปิดเผยข้อมูลภาพรวมภูมิทัศน์ภัยคุกคามไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) สำหรับปี 2023/2024 ผ่านการเผยแพร่รายงาน Hi-Tech Crime Trends ประจำปี โดยภายในรายงานดังกล่าวจะนำเสนอถึงผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกว่าความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2023 นักวิจัยจาก Group-IB ได้ค้นพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนกรณีการโจมตีขโมยข้อมูลบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 64% ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าออสเตรเลียนั้นเป็นอันดับหนึ่งในรายการดังกล่าวที่มีบัตรเครดิตถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิตมากถึง 255,910 ใบ ในขณะที่เหตุการณ์การโจมตีด้วย Ransomware ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นก็มากขึ้นถึง 39% ในปี 2023 โดยมีธุรกิจในอุตสาหกรรมการผลิตและอสังหาริมทรัพย์ที่ตกเป็นเหยื่อสูงที่สุด นอกจากนี้ ออสเตรเลียและอินเดียก็ยังคงรักษาตำแหน่งของการเป็นประเทศที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีจาก Ransomware-as-a-Service (RaaS) สูงที่สุดอยู่เช่นเคย ส่วนผู้ขโมยข้อมูลนั้นก็ได้สร้างความน่ากังวลเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีอุปกรณ์ภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากถึง 399,682 ชุดที่ตกเป็นเหยื่อ และถูกนำข้อมูล Log ภายในอุปกรณ์ออกไปเผยแพร่บน Underground Clouds of Logs (UCL) รวมถึงยังมีอุปกรณ์อีก 1,530,978 ชุดที่ถูกนำข้อมูล Log ไปเผยแพร่ในตลาดใต้ดิน

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตกเป็นเป้าการโจมตี

นักวิจัยจาก Group-IB พบว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเคยเป็นสนามรบใหญ่ระดับโลกสำหรับ Advanced Persistent Threat (APT) ในปีที่แล้ว ในภาพรวมนั้น สำหรับปี 2023 ที่ผ่านมา Group-IB สามารถจำแนกการโจมตีทั่วโลกได้ถึง 523 ครั้งที่มีความเกี่ยวข้องกับภาครัฐ ซึ่งการโจมตีที่มุ่งเป้าต่อองค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นมีสัดส่วนมากถึง 34% เทียบกับทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Group-IB ได้เสริมว่าเหตุนี้อาจเกิดขึ้นเพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินเป็นปริมาณมากในภูมิภาคนี้ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก รวมถึงยังมีปัจจัยจากความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมืองมาเกี่ยวข้องอีกด้วย

ปี 2023 เป็นปีขาขึ้นของเหล่าภัยคุกคามที่ต่อเนื่องและซับซ้อนเป็นอย่างมาก โดยทีม Threat Intelligence ของ Group-IB ได้ตรวจพบ APT ที่ยังไม่เคยมีใครพบมาก่อนถึงสองรายการ ได้แก่ Dark Pink (ซึ่งมุ่งเป้าการโจมตีไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและยุโรป) และ Lotus Bane (ซึ่งมุ่งเป้าการโจมตีไปยังเวียดนาม) โดยในช่วงปลายปี นักวิจัยจาก Group-IB ก็ได้เปิดเผยถึงการค้นพบ iOS Trojan แรกที่ทำการรวบรวมข้อมูลชีวภาพภายใต้ชื่อ GoldPickaxe.iOS ที่มุ่งเป้าโจมตีไปยังผู้ใช้งานในประเทศไทยและเวียดนามเหมือน Trojan วงศ์เดียวกันบนระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเชื่อว่า Trojan เหล่านี้คงไม่หยุดการโจมตีเพียงแค่สองประเทศนี้เท่านั้น ทั้งนี้ระบบปฏิบัติการของ Apple ก็ได้ตกเป็นเป้าหมายของผู้โจมตีมากขึ้น ซึ่งมีหลักฐานคือการค้นพบ iOS Trojan จำนวนมากขึ้น และมีผู้ขโมยข้อมูลที่มุ่งพัฒนาวิธีการใหม่ๆ สำหรับการโจมตี macOS มาแลกเปลี่ยนกันในตลาดใต้ดิน

พงศาวดาร Ransomware: พายุยังคงโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องในปี 2023

การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของการโจมตีด้วย Ransomware ก็ยังคงเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนของบริษัทที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีระบบสำคัญและการเผยแพร่ข้อมูลความลับของธุรกิจเพิ่มขึ้น ในปีที่แล้ว Group-IB ตรวจพบว่ามีบริษัท 463 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ถูกเผยแพร่ข้อมูลบน Data Leak Site (DLS) ของ Ransomware ซึ่งสามารถตีความได้ว่ามีการโจมตีลักษณะนี้จนสำเร็จเพิ่มขึ้นประมาณ 39% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งมีข้อมูลของบริษัทที่ตกเป็นเหยื่อ 334 แห่งถูกเผยแพร่บน DLS

ในปี 2023 อุตสาหกรรมโรงงานและการผลิตได้ตกเป็นเป้าหมายบ่อยครั้งที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยนับเป็นสัดส่วน 16% ของบริษัทซึ่งตกเป็นเหยื่อและถูกเผยแพร่ข้อมูลบน DLS ในขณะที่อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นเหยื่อมากเป็นอันดับที่สอง โดยนับเป็นสัดส่วน 9% ของการโจมตีทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภูมิภาค ส่วนทางด้านอุตสาหกรรมการเงินนั้นตามมาเป็นอันดับที่สามจากการตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี 8%

เมื่อพิจารณาในแง่มุมของผู้โจมตีด้วย Ransomware ที่มีการปฏิบัติการมากที่สุดในภูมิภาค LockBit ถูกนับเป็นอันดับหนึ่งด้วยการมีเหยื่อมากถึง 34% จากเหยื่อทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ถูกเผยแพร่ข้อมูลบน DLS ตามมาด้วย BlackCat (ALPHV) ที่เป็นอันดับสองด้วยสัดส่วน 12% ของการโจมตี และ Cl0p ที่เป็นอันดับสามด้วยสัดส่วน 6% จากเหยื่อของการโจมตีด้วย Ransomware ทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก


ในปี 2023 ออสเตรเลีย (ซึ่งเป็นอับดับหนึ่งในการตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีที่บ่อยที่สุด) ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้วย Ramsomware และถูกเผยแพร่ข้อมูลบน DLS เพิ่มขึ้นถึง 80% โดยมีเหยื่อเพิ่มจาก 56 รายในปี 2022 เป็น 101 รายในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับอินเดียที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นถึง 110% โดยมีเหยื่อเพิ่มจาก 40 รายเป็น 84 ราย ภูมิทัศน์ของภัยคุกคามจาก Ransomware ในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ด้วยอัตราการเติบโต 28% จากเหยื่อที่ถูกเผยแพร่ข้อมูลบน DLS 29 รายเป็น 37 ราย ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ จำนวนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้วย Ransomware ที่แท้จริงนั้นน่าจะมีปริมาณที่สูงกว่านี้เป็นอย่างมาก จากการที่มีเหยื่อหลายรายเลือกที่จะจ่ายค่าไถ่ และกลุ่มผู้โจมตีด้วย Ransomware บางกลุ่มก็ไม่ได้มีการใช้งาน DLS แต่อย่างใด


ตลาดเริ่มชะลอตัว: การดำเนินการของ Broker เชื่องช้าลง

ผู้ให้บริการ Ransomware ซึ่งเป็นผู้ขายช่องทางการเข้าถึงระบบเครือข่ายขององค์กรบน Dark Web ที่เป็นที่รู้จักในนามของ Initial Access Broker (IAB) มีการปรับตัวตามความต้องการของผู้โจมตีรายอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น ก็เริ่มมีการชะลอการดำเนินงานลงเล็กน้อย โดยในปี 2023 ช่องทางการเข้าถึงระบบเครือข่ายของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้นถูกวางจำหน่ายด้วยกัน 439 ครั้ง ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่มีการวางขายอยู่ 453 ครั้ง การชะลอตัวนี้อาจเป็นเพราะ Broker ที่ดำเนินการโจมตีด้วย RaaS เองมีจำนวนมากขึ้น

อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขายช่องทางการเข้าถึงระบบเครือข่ายของภูมิภาคนี้ในปี 2023 คือกลุ่มพื้นที่อาคารปฏิบัติการทางทหารและองค์กรภาครัฐ (โดยมีสัดส่วนถึง 11% จากการจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายในภูมิภาคนี้) ในขณะที่อุตสาหกรรมโรงงานและการผลิตตามมาเป็นอันดับสอง (9% จากการจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายในภูมิภาคนี้) ส่วนอุตสาหกรรมการเงินนั้นตามมาเป็นอันดับสาม (7% จากการจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายในภูมิภาคนี้)


หากพิจารณาถึงประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อินเดียนั้นตกเป็นอันดับหนึ่งจากการถูกวางจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายถึง 81 รายการ นับเป็น 19% ของช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายในภูมิภาคนี้ที่ถูกตรวจพบโดยนักวิเคราะห์จาก Group-IB ส่วนตัวเลขช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายองค์กรในประเทศจีนนั้นเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 66% ในขณะที่สิงคโปร์ก็มีอัตราที่สูงขึ้นถึง 67% จากการถูกวางจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่าย 12 รายการที่เพิ่มขึ้นเป็น 20 รายการจากการตรวจสอบของ Group-IB โดยผู้วางจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายที่มีการปฏิบัติการมากที่สุดในภูมิภาคนั้นคือ sganarelle โดยตลอดทั้งปี 2023 ที่ผ่านมา sganarelle ได้วางจำหน่ายช่องทางการเข้าถึงเครือข่ายมากถึง 140 รายการ โดยมี 24% ที่มุ่งเป้าไปยังเหยื่อในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก


แรคคูนและผองเพื่อนทำการขโมยข้อมูล

ข้อมูล Log จากผู้ขโมยข้อมูลนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในช่องทางหลักสำหรับเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่จะใช้ในการเข้าถึงเครือข่ายขององค์กร เพราะเป็นวิธีการที่ง่ายและได้ผล โดยผู้ขโมยข้อมูลนี้จะใช้ Malware กลุ่มที่ทำการารวบรวมข้อมูลยืนยันตัวตนซึ่งถูกบันทึกอยู่ในเบราว์เซอร์, ข้อมูลบัตรเครดิตจากธนาคาร, ข้อมูลกระเป๋าเงินคริปโต, คุกกี้, ประวัติการเยี่ยมชมเว็บไซต์ และข้อมูลอื่นๆ จากเบราว์เซอร์ที่ถูกติดตั้งบนเครื่องของเหยื่อที่มี Malware นั้นๆ อยู่

Underground Clouds of Logs (UCL) ที่ใช้งานได้ฟรีนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลหลักเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ติด Malware โดยในปีที่ผ่านมา มีจำนวนอุปกรณ์ที่ตกเป็นเหยื่อโดยไม่ซ้ำกันเพิ่มขึ้น 23% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ถูกเผยแพร่ข้อมูล Log บน UCL จนมีจำนวนเกือบ 400,000 ราย ซึ่งอินเดียและเวียดนามนั้นก็ยังคงตกเป็นเหยื่อที่ถูกโจมตีมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ตลาดใต้ดินเองก็มีการเติบโตเช่นกัน โดยแม้ว่าจะมีความแตกต่างจาก UCL ซึ่งข้อมูล Log จำนวนมากนั้นถูกเผยแพร่ให้เข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตลาดใต้ดินนั้นจะมุ่งเน้นการขายข้อมูล Log จากอุปกรณ์ที่ตกเป็นเหยื่อโดยเหล่าผู้ขโมยข้อมูลเท่านั้น ซึ่งในปี 2023 ก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปี 2022 และจำนวนของอุปกรณ์ภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ถูกวางขายนั้นก็มีจำนวนมากถึง 1,530,978 รายการ อินเดียยังคงตกเป็นเป้าหมายหลักอยู่ จากข้อมูล Log ที่ถูกตรวจพบในตลาดใต้ดินในปี 2023 มากถึง 461,893 รายการ โดย RedLine Stealer, Raccoon, META และ LummaC2 คือผู้ขโมยข้อมูลที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่มุ่งเป้าโจมตีมายังภูมิภาคนี้


การขโมยข้อมูลบัตรกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

หลังจากที่มีการชะลอตัวลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดของการขายข้อมูลบัตรอย่างผิดกฎหมายก็กลับมาอีกครั้ง โดยมีการพบแนวโน้มของการใช้ JavaScript sniffers (JS-sniffers) ที่เติบโตมากขึ้น และการเติบโตของเหล่านักขโมยข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งปี 2023 ที่ผ่านมา ทางนักวิจัยจาก Group-IB ได้ตรวจพบการเติบโตของจำนวนบัตรที่ถูกขโมยข้อมูลซึ่งออกโดยธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นถึง 64%

ออสเตรเลียนั้นถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิตมากขึ้นถึง 27% เพิ่มจาก 177,625 ใบในปี 2022 เป็น 225,910 ใบในปี 2023 ส่วนอินเดียและจีนนั้นมีการตรวจพบว่ามีบัตรที่ถูกขโมยข้อมูลเพิ่มขึ้นถึง 83% และ 183% ตามลำดับ ทำให้มีจำนวนบัตรที่ถูกขโมยข้อมูลมากถึง 100,884 ใบและ 89,798 ใบตามลำดับในปี 2023 ทางด้านญี่ปุ่นและสิงคโปร์เองก็มีการโจมตีลักษณะนี้เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน โดยมีบัตรที่ถูกขโมยข้อมูลมากถึง 85,920 ใบและ 64,545 ใบ นับเป็นการเติบโต 116% และ 170% ตามลำดับ


กรณีข้อมูลรั่วไหลเพิ่มขึ้นอย่างถาโถม

ในปี 2023 มีการตรวจพบข้อมูลรั่วไหลสู่สาธารณะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น 338 รายการ แต่มีเพียงฐานข้อมูลแค่ 5% เท่านั้นมีมีข้อมูลรหัสผ่านอยู่ด้วย โดยในกรณีข้อมูลรั่วไหลเหล่านี้ มีข้อความมากกว่า 412 ล้านรายการที่มีข้อมูลของผู้ใช้งานอยู่ถูกเข้าถึง ซึ่งอินเดีย, อินโดนีเซีย และประเทศไทยนั้นตกเป็นเป้าของการโจมตีลักษณะนี้มากที่สุด โดยมีข้อมูลที่รั่วไหล 121 รายการ, 58 รายการ และ 30 รายการตามลำดับ


รายงาน Hi-Tech Crime Trends 23/24 โดย Group-IB ได้ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้โจมตีที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเกิดขึ้นของ TTP ใหม่ และแนวโน้มอื่นๆ ที่ครอบคลุมถึงทุกประเด็นซึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่นิยามวิวัฒนาการของภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ คุณสามารถดาวน์โหลดรายงานดังกล่าวได้ที่ https://www.group-ib.com/resources/research-hub/hi-tech-crime-trends-2023-apac/

#####

เกี่ยวกับรายงาน Hi-Tech Crime Trends

Group-IB ได้เริ่มนำเสนอรายงานประจำปีตั้งแต่ปี 2012 โดยการรวบรวมข้อมูลจากผลการสืบสวนของบริษัทและองค์ความรู้ที่ได้จาการทำ Incident Response ทั่วโลก โดยรายงานฉบับนี้จะทำเสนอถึงการทำนายแนวโน้มรายปีที่ได้รับความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีในแง่ของความแม่นยำ และกลายเป็นคู่มือเชิงปฏิบัติการแก่เหล่าผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการความเสี่ยง, การทำ Digital Business Transformation, การวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไปจนถึงการลงทุนด้านการป้องกันระบบสารสนเทศ ในขณะที่สำหรับเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค เช่น CISO, ทีม SOC, ทีม DFIR, นักวิจัย, นักวิเคราะห์ Malware รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Threat Hunting รายงานฉบับนี้จาก Group-IB จะสร้างโอกาสในการวิเคราะห์ถึงนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้อง, การปรับแต่งการตั้งค่าด้านความมั่นคงปลอดภัยสำหรับระบบต่างๆ และเสริมความเชี่ยวชาญในการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมที่ทำงานอยู่

ในปีนี้ Group-IB ได้มีการปรับปรุงครั้งสำคัญหลายประการให้กับรายงาน Hi-Tech Crime Trends เพื่อส่งมอบข้อมูลที่แม่นยำและเป็นประโยชน์มากขึ้นแก่ผู้อ่าน ประการแรกนั้นก็คือ Group-IB ได้ทำการปรับกรอบเวลาของรายงานให้ตรงยกับปีปฏิทิน ประการที่สองนั้นก็คือ Group-IB ได้มีการนำเสนอข้อมูลเชิงกลยุทธ์สำหรับแต่ละภูมิภาคภายในเนื้อหาแต่ละบท นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอเนื้อหาในบทเฉพาะที่มุ่งเน้นถึงภัยคุกคาม AI เป็นหลัก พร้อมทำการเจาะลึกถึงวิธีการที่อาชญากรไซเบอร์จะประยุกต์ใช้บริการเหล่านี้ในการก่ออาชญากรรม

ด้วยการใช้เครื่องมือเฉพาะเพื่อติดตามระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เหล่าอาชญากรไซเบอร์ใช้งาน รวมถึงการศึกษางานวิจัยโดยทีมผู้รักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั่วโลกหลายทีม ผู้เชี่ยวชาญของ Group-IB จึงสามารถจำแนกและยืนยันรูปแบบที่พบได้บ่อยครั้งในแต่ละปี เพื่อนำมาสร้างเป็นภาพรวมทิศทางการพัฒนาของภัยคุกคามไซเบอร์ทั่วโลก และกลายเป็นรากฐานของการทำนายแนวโน้มในอนาคตภายในรายงานฉบับนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจทั่วโลกสามารถวางกลยุทธ์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์โดยอ้างอิงจากภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องได้

ผู้ที่สนใจสามารถทำการเข้าถึงบทการวิเคราะห์อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Research Hub ของ Group-IB


เกี่ยวกับ Group-IB

Group-IB ก่อตั้งเมื่อปี 2003 และมีสาขาหลักอยู่ที่สิงคโปร์ ในฐานะของผู้นำด้านการสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยเพื่อการสืบสวน, ป้องกัน และต่อสู้กับอาชญากรรมดิจิทัล การรับมือกับอาชญากรรมไซเบอร์นั้นอยู่ใน DNA ของบริษัท ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีเพื่อปกป้องธุรกิจ, ประชาชน และสนับสนุนกระบวนการบังคับใช้ทางกฎหมาย

ในเดือนพฤศจิกายน 2023 ทาง Group-IB ได้มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีที่ก่อตั้งด้วยการจัดกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอย่างหลากหลาย ที่แสดงถึงการเติบโตของบริษัททั่วโลก และมีส่วนร่วมที่สำคัญในการบังคับใช้กฎหมายระดับนานาชาติเพื่อกำจัดอาชญากรรมไซเบอร์

หน่วยงาน Digital Crime Resistance Centers (DCRCs) ของ Group-IB ตั้งอยู่ที่ตะวันออกกลาง, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก และเอเชียกลาง เพื่อช่วยวิเคราะห์และบรรเทาภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาคหรือแต่ละประเทศ หน่วยงานที่มีความสำคัญระดับสูงสุดเหล่านี้ช่วยให้ Group-IB สามารถเสริมศักยภาพในการมีส่วนร่วมเพื่อป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วโลก และยังคงขยายขีดความสามารถในการไล่ล่าภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างการดำเนินการแบบกระจายตัวและเป็นอิสระต่อกันของ Group-IB ได้ช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการสนับสนุนที่ครบวงจรและออกแบบมาโดยเฉพาะด้วยความเชี่ยวชาญในระดับสูง เราเชื่อมโยงรูปแบบการโจมตีและบรรเทาความเสียหายจากการดำเนินการของผู้โจมตีในแต่ละภูมิภาค พร้อมส่งมอบโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งครอบคลุมถึงค้าปลีก, สาธารณสุข, เกม, บริการการเงิน, โรงงานและการผลิต, บริการสำคัญ และอื่นๆ

ผู้นำด้านความมั่นคงปลอดภัยระดับโลกในบริษัทของเรานั้นทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับหลายเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดของอุตสาหกรรม เพื่อให้มีความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองที่สามารถระงับเหตุการหยุดชะงักทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็ว

Laboratory ชั้นนำของวงการ, High-Tech Crime Investigations Department และ CERT-GIB ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

โซลูชันและบริการของบริษัทได้รับความชื่นชมอย่างต่อเนื่องจากที่ปรึกษาและหน่วยงานนักวิเคราะห์ชั้นนำอย่างเช่น Aite Novarica, Forrester, Frost & Sullivan, KuppingerCole Analysts AG และอื่นๆ อีกมากมาย

การที่ยังคงมีสถานภาพเป็นพันธมิตรกับหน่วยสืบสวนระดับนานาชาติ ทำให้ Group-IB ได้ร่วมมือกับองค์กรบังคับใช้กฎหมายระดับโลกอย่างเช่น INTERPOL และ EUROPOL เพื่อสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นบนโลกไซเบอร์ นอกจากนี้ Group-IB ก็ยังเป็นสมาชิกของ Advisory Group ทางด้าน Internet Security แห่ง Europol European Cybercrime Center (EC3) ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง Europol และเหล่าพันธมิตรชั้นนำนอกเหนือจากผู้บังคับใช้กฎหมายอีกด้วย
83
ลิ้มลองความอร่อยเลิศรสกับบุฟเฟ่ต์สเต๊กพรีเมียมทุกวันพฤหัสบดี
ณ ห้องอาหารคาเฟ่ อันดามัน โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต








            ห้องอาหารคาเฟ่ อันดามัน โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต ขอเชิญชวนทุกท่านเปลี่ยนดินเนอร์มื้อธรรมดาๆ ให้เป็นค่ำคืนของสเต๊ก  สัมผัสกับความอร่อยนุ่มฉ่ำลิ้นของบุฟเฟ่ต์สเต๊กนานาชนิด ที่ทางเชฟได้คัดสรรเนื้อคุณภาพดีมาปรุงพร้อมเสิร์ฟเป็นอาหารจานอร่อย อาทิ สเต๊กเซอร์ลอยน์ สเต๊กเทนเดอร์ลอยน์ และสเต๊กริบอาย ควบคู่กับอาหารจานร้อนอย่าง หมูพอร์คชอป และ พอร์คลอยน์ รวมทั้งมีมุมสลัดและของหวานปิดท้ายอาทิ เค้ก พานาคอตต้า และไอศกรีม ให้เลือกรับประทานอย่างเต็มอิ่ม พร้อมเพลินเพลิดไปกับการแสดงดนตรีสดบนเวที พบกับความอร่อยได้ทุกวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 18.30 – 22.00 น. ในราคา 1,100 ++ บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2567

            สำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต โทร. 076 391 123 ต่อ 196 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.capepanwa.com
84
“กรีน” เบียดคว้าแชมป์ เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ “ปภังกร” จบที่ 8 ร่วม


ฮานนาห์ กรีน

สิงคโปร์ 3 มีนาคม 2567 – ฮานนาห์ กรีน โปรสาวมือ 29 ของโลกจากออสเตรเลีย เร่งเครื่องทำ 3 เบอร์ดี้ติดในสามหลุมสุดท้าย จบด้วยสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 275 เบียดคว้าแชมป์ เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ที่สนามเซนโตซา กอล์ฟ คลับ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ด้าน แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ ทำผลงานดีสุดในกลุ่มผู้เล่นไทยที่อันดับ 8 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 281


ฮานนาห์ กรีน

แอลพีจีเอ ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 63 ล้านบาท) แข่งขัน 4 วัน แบบไม่มีตัดตัว ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคมที่ผ่านมา ณ สนามเซนโตซา กอล์ฟคลับ ตันจงคอร์ส ระยะ 6,775 หลา พาร์ 72 ประเทศสิงคโปร์ และมีโปรไทยลงแข่งขัน 5 คน ได้แก่ ปภังกร ธวัชธนกิจ (อันดับ 27 ของโลก), ชเนตตี วรรณเสน (อันดับ 35 ของโลก), เอรียา จุฑานุกาล (อันดับ 45 ของโลก), จัสมิน สุวัณณะปุระ (อันดับ 88 ของโลก) และ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ (อันดับ 93 ของโลก)


ปภังกร ธวัชธนกิจ

วันสุดท้ายของการแข่งขันปรากฎว่ามีฝนตกลงมาในช่วงเช้า และเป็น ฮานนาห์ กรีน โปรมือ 29 ของโลก ซึ่งลงเล่นในกลุ่มสุดท้ายด้วยสกอร์ตามหลัง อายากะ ฟูรุเอะ จากญี่ปุ่น สองสโตรค โชว์พัตเตอร์ร้อนทำ 3 เบอร์ดี้ติดในสามหลุมท้าย รวมกับอีก 3 เบอร์ดี้ เสียเพียงโบกี้เดียว จบ 18 หลุมเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 67 สกอร์รวมสี่วัน 13 อันเดอร์พาร์ 275 คว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์รายการที่ 4 ให้กับตัวเอง พร้อมรับเงินรางวัล 270,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.5 ล้านบาท โดยเฉือนชนะ เซลีน บูติเยร์ โปรมือ 3 ของโลกจากฝรั่งเศส เพียงสโตรคเดียว


เซลีน บูติเยร์

กรีน วัย 27 ปี  ซึ่งจบอันดับ 54 ร่วมที่พัทยาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เผยหลังคว้าแชมป์ในเอเชียเป็นครั้งแรกว่า “ฉันออกสตาร์ทวันแรกไม่ดีนักตีเกินไปสอง แม้ตามหลังผู้นำ 6 สโตรค แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่  สภาพสนามที่นี่ค่อนข้างยาก แต่ก็มีหลายหลุมที่สามารถทำแต้มได้ วันนี้ตั้งใจเล่นเกมของตัวเอง มีโอกาสเล่นเกมบุกและพัตต์ทำแต้ม และพัตต์ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งช่วงรอบหลังพัตต์ได้ดีมาก โดยเฉพาะที่หลุม 16 ทำให้มั่นใจและเก็บสามเบอร์ดี้ติด ที่หลุมสุดท้ายตั้งใจว่าต้องพัตต์เบอร์ดี้ให้ลงเพื่อไม่ต้องไปเพลย์ออฟกับซีลีน ดีใจที่ได้มาชนะที่เอเชียเป็นครั้งแรก และคว้าแชมป์ได้ค่อนข้างเร็วในช่วงต้นของฤดูกาล”

สำหรับนักกอล์ฟสาวไทยผลงานดีสุดเป็น แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ ที่เรียกฟอร์มคืนกลับมาในรอบสุดท้ายหวด 5 อันเดอร์พาร์ 67 จากการทำ 7 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ ขึ้นมาจบที่อันดับ 8 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 281 เท่ากับ อายากะ ฟูรุเอะ มือ 20 ของโลกจากญี่ปุ่น ผู้นำรอบสาม และ โค จิน ยอง มือ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้และอดีตแชมป์สองสมัยรายการนี้ และผู้เล่นอีกสองคน รับเงินรางวัลไปคนละ 38,484 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1.35 ล้านบาท

ปภังกร เจ้าของสองแชมป์ติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกล่าวว่า “สัปดาห์นี้สภาพร่างกายยังไม่ค่อยพร้อมร้อยเปอร์เซนต์ และตีไม่เหมือนเดิม  รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ตีได้ปกติที่สุดตั้งแต่เล่นมา 4 วัน เล่นได้เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และไม่เหนื่อยเหมือนสามวันที่ผ่านมา วันนี้ไดร์ฟดี เหล็กดีตีเข้าไปใกล้หลายหลุม และมีฝนตกในช่วงเช้าถือว่าเป็นผลดีทำให้กรีนนุ่มขึ้นและตัวเองสามารถเล่นเกมบุกได้มากขึ้น โดยรวมสัปดาห์นี้ตีดีแต่ก็มีทำสามพัตต์ทุกวัน ซึ่งถ้าไม่ทำสามพัตต์ทุกวันก็น่าจะมีลุ้นเหมือนกัน ก็รู้สึกภูมิใจที่ดึงตัวเองกลับมาจบในอันดับท็อปเท็นได้”

ทางด้านเมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ ตีเข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสี่วันมี 6 อันเดอร์พาร์ 282 จบอันดับ 13 ร่วมกับ หยิน รัวหนิง มือ 4 ของโลกจากจีน และผู้เล่นอีกสองคน ส่วนผู้เล่นชาวไทยอีก 3 คน ทำผลงานดังนี้ เม-เอรียา จุฑานุกาล (72) สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 285 อันดับ 22 ร่วม, พราว-ชเนตตี วรรณแสน (68) สกอร์รวมอีเวนพาร์ 288 อันดับ 29 ร่วม และจัสมิน สุวัณณะปุระ (73) สกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ 289 เท่ากับ ลิเดีย โค มือ 7 ของโลกจากนิวซีแลนด์ อันดับ 34 ร่วม ขณะที่ ลิเลีย วู โปรสาวมือหนึ่งของโลกจากสหรัฐฯ ถอนตัวจากการแข่งขันเนื่องจากมีอาการป่วย

ข้อมูลเพิ่มเติมการแข่งขัน เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ได้ที่เว็บไซต์ www.hsbcgolf.com/womens
85
WRS จับมือ MOU มทร.กรุงเทพ และ Tiny MakeUp สร้างหลักสูตรซอล์ฟสกิลพลังคนรุ่นใหม่ สภาอุตฯดัน เตรียมเสนอ อว.




              เมื่อวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ บริษัทเวิร์ดรีวอร์ดโซลูชั่น จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงทางวิชาการ กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และ Tiny MakeUp Academy โดยมีผู้แทนคณะทำงานภายใต้ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ผู้แทนสภาอุตสาหกรรม และผู้แทนคณะทำงานวุฒิสภาด้านการอุดมศึกษา ร่วมสนับสนุนและเป็นสักขีพยาน ซึ่งการดำเนินความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างหลักสูตรพัฒนาศักยภาพพลังคนรุ่นใหม่ด้านซอล์ฟสกิลเพื่อตอบโจทย์นโยบายของการพัฒนากำลังคนของรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยภายในงานได้มีการสาธิตการเรียนด้านผู้นำโปรโตคอลและการเปิดวีดีทัศน์การจัดหลักสูตร ๑ วัน นอกไปจากนั้น ในขอบข่ายความร่วมมือดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการสร้างงานวิจัย การบริการวิชาการสำหรับประชาชน การสร้างงานด้านศิลปวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์นโยบายการดำเนินงานด้านซอล์ฟพาวเวอร์อีกด้วย









86
"HOMEPRO 3.3 DOUBLE SALE!!!"
ดีลเด็ดวันเลขเบิ้ล!!! ให้คุณช้อปแบบดับเบิ้ลคุ้ม ลดจัดหนัก รับคืนจัดเต็ม!!
ช้อปมันส์ 5 วันเต็มๆ ตั้งแต่ 1-5 มี.ค. 67 ที่โฮมโปรทุกสาขา


ห้ามพลาด! แคมเปญช้อปสุดคุ้มวันดีเดย์ของคนรักบ้าน HomePro DOUBLE SALE 3.3 5 วันเต็ม !! เริ่ม 1-5 มีนาคม 2567 จัดหนักแจกใหญ่กว่าเดิม! ครบครันขบวนสินค้าของแต่งบ้านแบรนด์ดัง HOT DEAL ลดแรงส์ทะลุปรอท สูงสุดถึง 50% พร้อมกระหน่ำส่วนลดเกินคุ้ม

- ใช้คะแนนลดเพิ่ม สูงสุด 28% ลดเพิ่ม 15% จากคะแนนโฮมการ์ดเมื่อมียอดซื้อสินค้าตั้งแต่ 3,000. ลดเพิ่ม 13% จากแลกคะแนนบัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม เท่ายอดซื้อ
- รับเงินคืน เข้าโฮมโปร วอลเล็ต สูงสุด 114,200 บาท!! ต่อแรก...สมาชิกโฮมการ์ด ช้อปครบรับเงินคืน เข้าโฮมโปร วอลเล็ต เงินคืนสูงสุด 100,000 บาท / สมาชิกตลอดรายการ ต่อสอง...ลูกค้าบัตรเครดิต โฮมโปร วีซ่า แพลทินัม รับเครดิตเงินคืน เข้าโฮมโปร วอลเล็ต จำกัดรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12,000 บาท / 1หมายเลขบัญชีบัตรเครดิต / 1 หมายเลขโฮมการ์ด / ตลอดรายการ
- ดับเบิ้ลพิเศษ สิทธิ์แรก….สมาชิกโฮมการ์ด กดปุ๊ปรับเลย คูปองส่วนลดรวมมูลค่าสูงสุด 2,300 บาท ที่ HomePro Line Connect สิทธิ์สอง....สมัครสมาชิกโฮมการ์ดใหม่ ได้ทั้งคูปองส่วนลดเพิ่ม 100 บาท พร้อมรับคะแนนโฮมการ์ดคูณสามทันที !! สิทธิ์สาม...สำหรับผู้ถือบัตรสินเชื่อ จากสถาบันการเงินที่ร่วมรายการ รับสิทธิ์ผ่อนแรง 0% นานสูงสุด 24 เดือน

พลาดไม่ได้ !! ช้อปคุ้มค่ากับเฉพาะเทศกาล 3.3 DOUBLE SALE นี้ 5 วันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1 - 5 มีนาคม 2567 ที่ โฮมโปรโปรทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือช้อปผ่านโฮมโปรออนไลน์
87
CHANGAN Thailand กางแผน ตั้งเป้า
ส่งมอบรถ Deepal 3,000 คัน ในประเทศไทย





               กรุงเทพมหานคร - ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา วงการรถยนต์เริ่มคึกคักอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่กำลังมาแรงในประเทศไทย และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยประเมินจากยอดขายและสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นมา อย่างมั่นคง หนึ่งในค่ายรถยนต์ที่มาแรงที่สุดในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น CHANGAN ผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ นำโดย นาย เซิน ซิงหัว ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด และ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยแผนการส่งมอบรถ Deepal S07 และ Deepal L07 ว่า
 
               “เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น CHANGAN เราประสบความสำเร็จอีกขั้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย ด้วยการส่งมอบรถ Deepal S07 และรุ่น Deepal L07 ไปแล้วกว่า 3,000 คัน ความสำเร็จครั้งสำคัญนี้ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ และความมุ่งมั่นในการให้บริการ ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามาโดยตลอด หากมองย้อนกลับไปในช่วงงาน Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา CHANGAN มียอดจองมากกว่า 3,000 คัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย การส่งมอบรถได้เริ่มตั้งแต่ เดือนมกราคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ เรายังตั้งเป้าขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุม โดยเริ่มจากกรุงเทพและปริมณฑล ก่อนกระจายไปทั่วประเทศเพื่อเพิ่มการให้บริการอย่างครบวงจร และตั้งเป้าสร้างโชว์รูม ทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงบริการ และอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าคนพิเศษของเราทุกพื้นที่ด้วย”




                  นอกจากนี้ นาย เซิน ซิงหัว ยังได้กล่าวถึงลูกค้าในประเทศไทยที่มอบความไว้วางใจให้กับทางแบรนด์ด้วยว่า “ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ที่มอบความมั่นใจและสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ซึ่งความไว้วางใจและความมั่นใจในแบรนด์นี้ คือสิ่งที่ขับเคลื่อน CHANGAN ให้ก้าวไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จมั่นคงและไม่หยุดยั้ง ในการพัฒนาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้มีศักยภาพต่อไป ในนาม CHANGAN Thailand เราคัดสรรทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อช่วยกันพัฒนาให้รถแต่ละรุ่นที่ออกจากโรงงานของเรานั้น เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่พร้อมเปิดประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี เหนือขั้นที่มาพร้อมสมรรถนะ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้านการใช้งานในปัจจุบันอย่างแท้จริง” นาย เซิน ซิงหัว กล่าว







                    สำหรับ CHANGAN Thailand พร้อมแล้วสำหรับตลาดประเทศไทยอย่างเต็มตัว ด้วยการส่งรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น 2 ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครด้วยดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีระดับโลก DEEPAL S07 Smart Lifestyle SUV : ประกอบด้วยแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EPA1 เป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดของ CHANGAN ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์แบรนด์ DEEPAL เท่านั้น ซึ่งออกแบบมาบนพื้นฐานของการขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง (Rear Wheel Drive, RWD) ให้มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลทั้ง 4 ล้อ ทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีความเหนือระดับ ทั้งเรื่องความปลอดภัยขั้นสูง ประสิทธิภาพ ระบบอัจฉริยะ และสมรรถนะขั้นสูง ให้ประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ที่เยี่ยมยอด เหมาะสมต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมไปถึง แพลตฟอร์ม EPA1 มาพร้อมระบบการจัดการแบตเตอรี่ดิจิทัลแบบ iBC (iBC Digital Battery Management) ซึ่งผสานการทำงานระหว่างการวิเคราะห์จากตัวรถและบนระบบคลาวด์ ทำให้มีความแม่นยำทั้งในด้านของการติดตามสุขภาพแบตเตอรี่ การเตือนภัยด้านความเสี่ยง และการจัดการระบบชาร์จแบตเตอรี่ โดดเด่นสะดุดตาด้วยดีไซน์ภายนอก ตัวถังแบบเอสยูวี ประตูกระจกแบบไร้ขอบ หลังคากระจกแบบพาโนรามาพร้อม  ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าความจุ 125 ลิตร มือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อน ล้ออัลลอย 20 นิ้วลาย Moon White Blade ไฟ DRL LED ดีไซน์แบบ Star Petal ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Star Flame สปอยเลอร์หลังดีไซน์แบบ Sport พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ประตูฝาท้ายแบบไฟฟ้า (Power Tailgate) ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ด้านดีไซน์ภายใน ใช้เป็นวัสดุแบบบุนุ่ม ระบบจดจำตำแหน่งเบาะคนขับ พร้อมระบบเลื่อนเข้า-ออกอัตโนมัติ ระบบเป่าลมบริเวณเบาะนั่งและพนักพิงหลังสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ช่องเก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ความจุ 435 ลิตร พื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบ (Flat Rear Leg Room) ปุ่ม Shortcut บนพวงมาลัย 2 ปุ่ม เลือกได้ 4 ฟังก์ชัน (Steering Wheel with 2 Shortcut Buttons and 4 Function Applicable) แผงควบคุมด้านหลังแบบสัมผัสพร้อมฟังก์ชันปรับตำแหน่งที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าและม่านหลังคา







               DEEPAL L07 – Sport Fastback EV นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Fastback คันแรกของแบรนด์ ที่ได้ทั้งความโดดเด่น ดีไซน์โฉบเฉี่ยว และออกแบบมาเพื่อการขับเคลื่อนทันสมัยพร้อมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีไซน์ภายนอก ตัวถังแบบฟาสต์แบ็ก ประตูกระจกแบบไร้ขอบ หลังคากระจกแบบพาโนรามาแบบกันความร้อน ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าความจุ 71 ลิตร มือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อน ล้ออัลลอย 19 นิ้วลาย New Sport ไฟ DRL LED ดีไซน์แบบ Star Petal (Star Petal DRL) ไฟท้าย LED ดีไซน์แบบ Star Flame สปอยเลอร์หลังดีไซน์แบบ Sport ประตูฝาท้ายแบบไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และดีไซน์ภายใน วัสดุภายในเป็นแบบบุนุ่ม  ระบบจดจำตำแหน่งเบาะคนขับ พร้อมระบบเลื่อนเข้า-ออกอัตโนมัติ ระบบเป่าลมบริเวณเบาะนั่งและพนักพิงหลังสำหรับคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ช่องเก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ความจุ 329 ลิตร พื้นห้องโดยสารด้านหลังแบบเรียบ  ปุ่ม Shortcut บนพวงมาลัย 2 ปุ่ม เลือกได้ 4 ฟังก์ชัน
               
               นอกจากรถทั้งสองรุ่นที่กำลังไปได้ดีในตลาดประเทศไทย ในงาน Motor Show 2024 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นระหว่าง วันที่ 27 มี.ค. - 7 เม.ย.นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี CHANGAN Thailand จัดทัพยานยนต์ไฟฟ้า มาให้ได้ชมกันแบบจัดเต็ม พร้อมกิจกรรมและโปรโมชันพิเศษเพื่อลูกค้าทุกท่าน เฉพาะในงานนี้เท่านั้น

              ติดตามความเคลื่อนไหวและอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.changan.co.th/













88
สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความยินดี
ในโอกาส อุปนายกสมาคมฯ ได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์


สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) นำโดย รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร (คนที่ 4 จากซ้าย) อุปนายก สมาคมฯ เป็นตัวแทนแสดงความยินดีแด่ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ (คนที่ 5 จากซ้าย) อุปนายก สมาคมฯ เนื่องในโอกาสได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมี คณะกรรมการ, เลขาธิการและสมาชิก สมาคมฯ อาทิ น.สพ.ดร. อลงกรณ์ มหรรณพ (คนที่ 7 จากซ้าย), ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล (คนที่ 2 จากซ้าย), อมร ชุมศรี (คนที่ 3 จากซ้าย), สวรรค์ แสงบัลลังค์ (คนที่ 6 จากซ้าย) และ ประดับพร ฉันทวรลักษณ์ (คนที่ 1 จากซ้าย) ร่วมแสดงความยินดี ณ อาคาร B.L.H. ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ
89
วช. โดย ศูนย์ HTAPC ชี้ทางรอดฝุ่น PM2.5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องใช้ข้อมูลจากงานวิจัย เร่งปรับพฤติกรรม ผสานความร่วมมือ


สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (Hub of Talents on Air Pollution and Climate – HTAPC) จัดการประชุมสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง “ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ PM2.5 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิด และมี นายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น และรองศาสตราจารย์ ดร.สสิธร เทพตระการพร คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.สุพัฒน์ หวังวงค์วัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ร่วมประชุมเสวนา ณ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ได้ให้การสนับสนุนผลงานวิจัยและนวัตกรรมในกลุ่มเรื่อง Haze Free Thailand และปัญหาฝุ่น PM2.5  มาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การริเริ่มก่อตั้ง เกิดเป็น “ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ” (Hub of Talents on Air Pollution and Climate: HTAPC) ภายใต้แผนงานการพัฒนาศูนย์กลางกำลังคนระดับสูง (Hub of Talent) และ ศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge) เพื่อเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายของผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในระดับประเทศและระดับนานาชาติจากหลากหลายสถาบัน  ด้วยหลายปีที่ผ่านมาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยประสบปัญหามลพิษทางอากาศและได้รับผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการข้อมูลตรวจวัดคุณภาพอากาศพบว่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานคุณภาพอากาศของประเทศไทย และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นอีก  วช. โดย ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ จึงจัดการประชุมสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง “ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ PM2.5 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ในวันนี้ เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 ปัญหามลพิษทางอากาศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งตอนบนและตอนล่าง โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการแหล่งกำเนิดและที่มาของฝุ่น PM2.5 การจัดการกับปัญหาการเผาป่าและการเผาในที่โล่งภาคการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเรื่องหมอกควันข้ามแดน ที่แหล่งกำเนิดมาจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะลุ่มน้ำโขง แล้วเกิดการเคลื่อนที่ของมลพิษในระยะไกลเข้ามาในประเทศไทย และเพื่อบูรณาการการจัดการฝุ่น PM2.5 และสร้างความเข้าใจและความตระหนักรู้นำไปสู่ “การจัดการกับปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออากาศสะอาดสำหรับทุกคน”


นายยุทธพร พิรุณสาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดใหญ่มีประชากรมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศพบว่า มีแนวโน้มและโอกาสเกิดปัญหามลพิษทางอากาศเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ที่มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศในบางช่วงของปี ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว พบความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานรายวัน ปัญหา PM2.5 จึงมีผลกระทบกับกลุ่มประชากรจำนวนมากในช่วงที่เป็นปัญหา แต่องค์ความรู้ด้านคุณภาพอากาศ ความเข้าใจในสภาพปัญหา และที่มาของฝุ่นละอองขนาดเล็กยังมีจำกัด การประชุมสัมมนาวิชาการเรื่องคุณภาพอากาศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงเป็นประโยชน์กับพื้นที่ เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศในแต่ละพื้นที่อย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับสภาวการณ์ ทั้งนี้ได้เตรียมวางแผนงานและมาตรการเฝ้าระวังปัญหา PM2.5 ในพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงต่อไป


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสถาบันอุดมศึกษาหลักแห่งหนึ่งในภูมิภาคที่ได้มีความตระหนัก ติดตาม ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและได้ดำเนินการในเชิงวิชาการซึ่งเป็นภารกิจหลักขององค์กร ได้แก่ การวิจัย การจัดอบรมสัมมนา การให้บริการทางวิชาการ เพื่อสนับสนุนการป้องกัน แก้ไขและลดผลกระทบจากปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้นดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการได้ครอบคลุมตั้งแต่แหล่งกำเนิดไปจนถึงผู้รับมลพิษ แต่อย่างไรก็ดี ปัญหานี้ยังคงดำรงค์อยู่และคาดว่าจะยังคงไม่สิ้นสุดภายในระยะเวลาอันใกล้ การศึกษาวิจัยในเรื่องนี้จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากเป็นปัญหาใหญ่ที่ครอบคลุมหลายมิติ การศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้และสอดคล้องกับบริบทในพื้นที่ จะสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป


ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ วช. กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของการสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่อง “ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ PM2.5 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ นำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวิจัยต่าง ๆ ที่ผ่านมาในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับฝุ่นละออง PM2.5 มาไขข้อข้องใจในสิ่งที่ไม่เข้าใจในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้กับนักวิชาการและประชาชนทั่วไปให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ


จากการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการนำสิ่งที่ไม่เข้าใจในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ก็จะนำไปสู่การนำเสนอแนวทางการเตรียมรับมือด้านสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อเป็นข้อมูลแก่ประชาชนในการเฝ้าระวัง การเผชิญเหตุเมื่อปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบทางด้านสุขภาพ ข้อควรปฏิบัติ เพื่อรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ในช่วงเวลาวิกฤตของพื้นที่ การจัดการพื้นที่ SAFE ZONE หรือพื้นที่ปลอดฝุ่น รวมถึงร่วมกันเสนอมาตรการที่เหมาะสมในการจัดการฝุ่น PM2.5 ที่เหมาะสมกับรายบุคคล ทั้งนี้ วช. และศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ จะนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนทุนจาก วช. ที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชน เฝ้าระวัง ป้องกันฝุ่น PM2.5 สร้างความรู้ ความเข้าใจ ความตระหนัก อันจะนำไปสู่ สุขภาพ คุณภาพ ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีในอนาคต













90
“ฟูรุเอะ” ขยับขึ้นนำ เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ "ปาจรีย์-เอรียา" ตามห่าง


อายากะ ฟูรุเอะ

สิงคโปร์, 2 มีนาคม 2567 – อายากะ ฟูรุเอะ โปรสาวมือ 20 ของโลกจากญี่ปุ่น หวดเพิ่มอีก 4 อันเดอร์พาร์ 68 แซงขึ้นมาเดี่ยวที่สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 206 หลังจบรอบสามกอล์ฟเอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ที่สนามเซนโตซา กอล์ฟ คลับ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ และ เอรียา จุฑานุกาล มีคนละ 3 อันเดอร์พาร์ 213

แอลพีจีเอ ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ เอชเอสบีซี วีเมนส์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 63 ล้านบาท) โดยแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 270,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 9.5 ล้านบาท มีนักกอล์ฟสาวชั้นนำจากทั่วโลกลงประชันวงสวิง 66 คน จาก 22 ประเทศ แข่งขัน 4 วัน แบบไม่มีตัดตัว ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคมนี้ ที่สนามเซนโตซา กอล์ฟคลับ ตันจงคอร์ส ระยะ 6,775 หลา พาร์ 72 ประเทศสิงคโปร์ และมีโปรไทยลงแข่งขัน 5 คน ได้แก่ ปภังกร ธวัชธนกิจ (อันดับ 27 ของโลก), ชเนตตี วรรณเสน (อันดับ 35 ของโลก), เอรียา จุฑานุกาล (อันดับ 45 ของโลก), จัสมิน สุวัณณะปุระ (อันดับ 88 ของโลก) และ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ (อันดับ 93 ของโลก)


โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล

รอบที่สามของการชิงชัย อายากะ ฟูรุเอะ มือ 20 ของโลกจากญี่ปุ่น ซึ่งออกสตาร์ทด้วยสกอร์ตามหลัง เซลีน บูติเยร์ โปรสาวมือ 3 ของโลกจากฝรั่งเศส เพียงสโตรคเดียว รอบนี้หวดเพิ่มได้อีก 4 อันเดอร์พาร์ 68 จากการทำ 5 เบอร์ดี้ เสียเพียงโบกี้เดียว รวมสามวันมี 10 อันเดอร์พาร์ 206 ขยับขึ้นมานำเดี่ยว โดยมี ฮานนาห์ กรีน โปรสาวชาวออสเตรเลียน มือ 29 ของโลก ที่ตีเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 67 สกอร์รวมตามหลังสองสโตรค

ทางด้านนักกอล์ฟสาวไทยผลงานดีสุดเป็น โปรเมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ และ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล ที่สกอร์รวมคนละ 3 อันเดอร์พาร์ 213 โดยปาจรีย์พัตเตอร์ร้อนทำ 4 อันเดอร์พาร์ 68 จากการทำ 6 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ ส่วนเอรียาเก็บเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 จาก 4 เบอร์ดี้ เสียโบกี้เดียว ทั้งคู่รั้งอันดับ 17 ร่วม ตามหลังผู้นำ 7 สโตรค


โปรเมียว-ปาจรีย์ อนันต์นฤการ

ปาจรีย์ อนันต์นฤการ เจ้าของสองแชมป์แอลพีจีเอ วัย 24 ปี กล่าวหลังเกมว่า “ลงแข่งรายการนี้เป็นครั้งที่สาม สภาพสนามค่อนข้างใกล้เคียงครั้งที่ผ่านๆ มา โชคดีที่สามวันมานี้ไม่ค่อยเจอฝน แต่ปีนี้เซ็ตอัพสนามให้ขึ้นเหล็กยาวมากขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีความท้าทายขึ้น พยายามเล่นให้ได้ตามแผนตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ  เล่นตามที่ต้องการได้ดี โดยเฉพาะพัตเตอร์วันนี้ทำงานได้ดีมาก ทำให้ได้เบอร์ดี้ค่อนข้างเยอะ เล่นเสียน้อย สำหรับนักกอล์ฟทุกคนเมื่อลงแข่งก็อยากได้แชมป์ แต่ไม่อยากกดดันตัวเองมาก พยายามอยู่กับตัวเองและอยู่กับแต่ละช็อตให้มากที่สุด เพราะบางครั้งเราคิดไปข้างหน้ามากไปทำให้หลุดโฟกัส พรุ่งนี้ก็จะเล่นตามแผนเดิม ตีแฟร์เวย์ให้เยอะ และเปิดโอกาสเล่นช็อตสองให้ได้มากที่สุดเหมือนวันนี้”

ขณะที่ เซลีน บูติเยร์ โปรสาวมือ 3 ของโลกจากฝรั่งเศส ที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงแซงขึ้นนำในรอบสอง รอบนี้เก็บแต้มเพิ่มไม่ได้ ตีเข้ามาอีเวนพาร์ 72 หล่นไปอยู่อันดับ 3 ร่วมกับ แอนเดรีย ลี จากสหรัฐฯ ที่สกอร์รวมคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 209, ส่วนดาวดังของโลกอย่าง โค จิน ยอง มือ 6 ของโลกจากเกาหลีใต้และอดีตแชมป์สองสมัยรายการนี้ เครื่องร้อนหวด 6 อันเดอร์พาร์ 66 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 5 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 210, ลิเลีย วู โปรสาวมือหนึ่งของโลกจากสหรัฐฯ เร่งเครื่องหวด 4 อันเดอร์พาร์ 68 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 9 ร่วมด้วยสกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 211 ส่วนหยิน รัวหนิง มือ 4 ของโลกจากจีน หวดอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสามวันมี 4 อันเดอร์พาร์ 212 ตามมาที่อันดับ 12 ร่วม

ทางด้านนักกอล์ฟสาวไทยอีก 3 คน แพตตี้-ปภังกร ธวัชธนกิจ ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ 73 สกอร์รวมเหลือ 2 อันเดอร์พาร์ 214 อยู่อันดับ 24 ร่วม, จัสมิน สุวัณณะปุระ ตีเกิน 2 โอเวอร์พาร์ 74 สกอร์รวมอีเวนพาร์ 216 อยู่อันดับ 28 ร่วม และ พราว-ชเนตตี วรรณแสน ตีเกินอีก 5 โอเวอร์พาร์ 77 สกอร์รวม 4 โอเวอร์พาร์ 220 รั้งอันดับ 46 ร่วม
Pages: 1 ... 7 8 [9] 10