Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - activity

Pages: 1 ... 55 56 [57] 58 59
841
บริษัท ควอลลีเทค  จำกัด(มหาชน) QLT   ได้รับการโหวตจาก website ฟอร์บส (Forbes.com) คอลัมน์ Asia’s 200 Best Under A Billion ให้เป็น 1 ใน 200 บริษัทชั้นนำในเอเชียที่ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดีที่สุด งานนี้ทำเอา”สรรพัชญ์  รัตคาม” กรรมการผู้จัดการ ดีใจยิ้มแก้มปริ  แถมครึ่งปีหลังยังโหมบุกประมูลงานทั้งในและต่างแดนอย่างต่อเนื่อง  เชื่อว่าได้เห็นผลงานกลับมาเจิดจรัสอีกครั้ง

842


“เชิงชาย” นั่งแท่นโปรดิวเซอร์ “ตู้ปณ.ข่าว3” ส่ง “กฤต – มินดา” ดำเนินรายการ เริ่ม 6 ก.ย.นี้
         
          ตั้งแต่ฉลองครบรอบ การก้าวสู่ปีที่ 6 ของครอบครัวข่าวเป็นต้นมา ครอบครัวข่าวก็ได้ปรุงโฉมตามคอนเซ็ป “connect” มาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ได้เปิดรายการ “ตู้ ปณ.ข่าว 3” อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นรายการที่นำเรื่องราวร้องทุกข์ของชาวบ้านผ่านมาที่ ศูนย์รับเรื่อง ที่ขณะนี้มีเรื่องราวร้องทุกข์กว่า 2,000 แล้ว โดยมี 2 ผู้ประกาศที่คร่ำหวอดด้านงานข่าว “กฤต เจนพานิชการ” และ “มินดา นิตยวรรธนะ” รับหน้าที่ดำเนินรายการ ส่วน “เชิงชาย หว่างอุ่น” รับหน้าที่โปรดิวเซอร์

          โดย “เชิงชาย” ได้เปิดเผยถึงเนื้อหาของรายการว่า “ เนื้อหารายการก็จะประกอบไปด้วย ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศเลยนะครับ แล้วก็จะเป็นเรื่องการเตือนภัยสังคม เรื่องของการไปดูสิ่งต่างๆที่เหมือนกับเป็นการปลูกจิตสำนึกของคนไทยด้วย รวมถึงส่งเสริมคนที่มีพฤติกรรมดีๆมีความคิดดีๆของสังคมด้วยครับ เราเปิดดำเนินการกันมาก่อนที่รายการจะออกอากาศเรียกว่า ศูนย์รับเรื่อง ซึ่งมีเรื่องราวร้องเข้ามาถึงสองพันกว่าเรื่องแล้ว ก็ต้องมีการพิจารณากันก่อนว่าเรื่องที่ได้รับมามีความถูกต้องของข้อมูลอย่างไร เป็นความเดือดร้อนแบบไหน ที่เดือดร้อนมากๆเราก็ไปช่วยก่อน”     
   
          สำหรับผู้ชมที่ต้องการติดต่อ “ตู้ ปณ.ข่าว 3” สามารถให้ข้อมูลต่างๆผ่าน 4 ช่องทางหลัก คือ สายด่วน 02-2623331 – ตู้ปณ.3333 – www.thaitv3.com และ www.krobkruakho.com และ ติดตามชมได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 14.20 ถึง 14.40 น.เริ่มวันจันทร์ที่ 6 กันยายน ศกนี้ หลังจบรายการ “สีสันบันเทิงสด” ทางไทยทีวีสีช่อง 3

843
เรื่องย่อ: สงครามชีวิต โอชิน

ประเภท : ซีรีส์ ญี่ปุ่น

นำแสดงโดย : สงครามชีวิตโอชิน : อายาโกะ โคบายาชิ , ยูโกะ ทานากะ , โนบุโกะ โอโตวา

ออกอากาศ : ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 18.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มตอนแรก 4 มิ.ย.53




เรื่องย่อ

          เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ โอชิน (OSHIN) ที่ต้องเผชิญกับชีวิตตั้งแต่วัยเด็กตัวน้อย ๆ จนเติบโตเป็นวัยรุ่นสาวแสนสวย แล้วมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวจนกระทั่งแก่ชราต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ชีวิตของ โอชิน มีแต่เรื่องเศร้าเสียเป็นส่วนใหญ่จึงเรียกน้ำตาให้ไหลหยด ๆ จากคนดูได้

          เรื่อง โอชิน ครอบคลุมกินเวลายาวนาน ตั้งแต่ปี 1906 ซึ่ง โอชิน มีอายุหกขวบ และจบลงในปี 1983 เริ่มต้นเรื่องด้วยบรรดาสมาชิกตระกูลทาโนคุระกำลังจะเปิดห้างสรรพสินค้าสาขาที่ 17 แต่แล้ว โอชิน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของครอบครัว กลับหลบหนีหายไปโดยไม่บอกกล่าว ถัดจากนั้นหลายชายบุญธรรมก็อาศัยไหวพริบ ออกติดตามจนพบตัวคุณย่า ทั้งสองจึงเดินทางตระเวนไปตามเมืองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องผูกพันกับชีวิตของหญิงชรา พร้อม ๆ กับคำบอกเล่าถึงทุกข์สุขต่าง ๆ ย้อนหลัง

          โอชิน เกิดในครอบครัวชาวนาเช่าที่ดินทำกิน มีรายได้แทบเข้าขั้นติดลบ มิหนำซ้ำยังมีหลายปากท้องต้องเลี้ยงดู กระทั่งต้องหุงข้าวปนหัวไช้เท้าทุกมื้อ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนได้อิ่มโดยทั่วถึง

          เมื่ออายุ 7 ขวบ โอชิน ต้องพลัดพรากจากบ้าน ถูกขายให้ไปทำงานเลี้ยงเด็กในร้านค้าไม้เป็นเวลาหนึ่งปี (แลกกับข้าวสารหนึ่งกระสอบ) ผ่านการตรากตรำกรำงานหนักเกือบครบตามสัญญา ก็มีเหตุให้หนูน้อย โอชิน ตัดสินใจหลบหนีกลับบ้านตามลำพัง เนื่องจากโกรธและน้อยใจที่โดนกล่าวหาว่าขโมยเงิน โอชิน เกือบพบจุดจบเมื่อล้มฟุบหมดสติท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ แต่ก็มีชายหนุ่มหนีทหารชื่อชุนซากุที่หลบซ่อนตัวอยู่ในละแวกนั้นช่วยชีวิตไว้

          เมื่อกลับคืนสู่บ้านเกิดและครอบครัวได้ไม่นาน ความอดอยากก็ส่งผลให้ โอชิน ต้องประสบชะตากรรมเดิม ๆ ต้องออกไปทำงานกับครอบครัวร้านค้าข้าวสารในตำบลซาคาตะ แต่ครั้งนี้สถานการณ์พลิกผันเป็นบวก เมื่อคุณนายคุนิผู้มีเมตตาและเที่ยงธรรม คอยให้ความอุปการะช่วยเหลือ โอชิน จนกระทั่ง โอชิน ผ่านพ้นวัยเด็กอย่างมีความสุข

844




เรื่องย่อ: ระบำดวงดาว

บทประพันธ์โดย อัจฉรียา

           บทโทรทัศน์ กลีบผกา และ นันทพร แก้วอัมพร
          กำกับการแสดง กฤษฎา เตชะนิโลบล
          ดำเนินการสร้างโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
 
          ดาราดาวเด่นบนฟากฟ้า
          ร่ายลีลาพลิ้วไหวตามบทบาทที่ถูกกำหนด
          แต่แท้จริงแล้ว ตัวตนของเขาเหล่านั้น
          แตกต่างหรือเฉกเช่นกับสิ่งที่เขาแสดง
          ระบำดวงดาว เรื่องราวของดาราบนฟากฟ้า ที่ร่ายลีลาหลากหลาย
          ให้ใครต่อใครเฝ้ามองชื่นชม...พร้อมตั้งคำถาม
          สิ่งที่เห็น...ความจริงหรือภาพลวง...

          รายชื่อนักแสดง
          1. ธนา สุทธิกมล รับบท ปยุตร
          2. เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท น้ำหวาน
          3. ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา รับบท เหมย
          4. สิรีภรณ์ ยุกตะทัต รับบท รมมี่
          5. ธนากร โปษยานนท์ รับบท วาทิศ
          6. เปรม บุษราคัมวงษ์ รับบท พีท
          7. โสภิตสุดา อิทธิเมธินทร์ รับบท แต้ว
          8. ประชากร ปิยะสกุลแก้ว รับบท ไม้
          9. ณัชร นันทโพธิ์เดช รับบท กันต์
          10. จักรพันธ์ จันโอ รับบท ป้อง
          11. วิยะดา อุมารินทร์ รับบท อำภา
          12. ปวีณา ชารีฟสกุล รับบท แม่กุ้ง

845
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก มีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 7 กันยายน 2553 ดังนี้

อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

เงินฝาก   อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละ ต่อปี)
   20 ก.ค. 53   7 ก.ย 53
ออมทรัพย์   0.50   0.50
เงินฝากประจำ      
3 เดือน   0.875   1.05
6 เดือน
วงเงินน้อยกว่า 20 ล้านบาท
วงเงินตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป   1.10   
1.20
1.30
12 เดือน
วงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท
วงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป    
1.10
1.20   
1.35
1.50
24 เดือน
วงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท
วงเงินตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป   1.75   
2.00
2.25
36 เดือน   2.00   2.25
48 เดือน   2.25   2.50

846
news & activity / UACพบนักวิเคราะห์
« on: September 02, 2010, 09:45:18 AM »



นายกิตติ ชีวะเกตุ กรรมการผู้จัดการ(กลาง)พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC)และนายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (3จากขวา) , นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง จำกัด(มหาชน)ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น(ขวา) เข้าร่วมนำเสนอข้อมูลบริษัทฯให้แก่นักวิเคราะห์ ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  เมื่อเร็วๆนี้

847
 KTAMเปิดขายกองทุน6เดือนชูผลตอบแทน1.80%ต่อปี 

             นายสมชัย  บุญนำศิริ   กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย  ธนทรัพย์ เอ 6 เดือน2  ( KTSUPA6M2 )   ตั้งแต่วันนี้  ถึงวันที่ 14 กันยายน 2553  เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  ไม่เกิน 79%  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   อายุโครงการ 6 เดือน  มูลค่า  1,500     ล้านบาท  โดยกองทุนจะลงทุนใน เงินฝากประจำของธนาคาร BARCLAY [AA- by S&P] และ HSBC Middle East [AA- by FITCH] สาขาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ตั๋วแลกเงินของ บมจ.โรจนะ [A- by TRIS] บมจ.เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง [BBB+ by TRIS] บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ [BBB+ by TRIS]   และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย   ผลตอบแทนประมาณการที่ 1.80% ต่อปี   โดยกองทุนจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

          สำหรับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเทศไทยอายุ 6 เดือนยังคงปรับตัวลดลง โดยผลการประมูลเมื่อวันที่ 9 กันยายนอยู่ที่ระดับ 1.803% ปรับตัวลดลงประมาณ 3.7 bps โดยมีความต้องการซื้อพันธบัตรค่อนข้างหนาแน่นเนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีเงินลงทุนกลับจากการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้และเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ  ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้ก็ยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน   ในขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินฝากของธนาคารใน Middle East ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เพราะต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินสกุลบาทและเงินสกุลดอลลาห์สหรัฐฯยังคงมีแนวโน้มลดลง   ทั้งนี้  บริษัทได้มองหาตราสารการลงทุนทั้งในและต่างประเทศตลอดเวลา เพื่อนำมาลงทุนในกองทุนต่างๆ ที่บริษัทเปิดจำหน่าย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี

848
news & activity / ฤกษ์ดี…
« on: September 02, 2010, 09:43:38 AM »
ฤกษ์ดี…

ได้ฤกษ์วันดีวันที่ 9 เดือน 9 แถลงข่าวเปิดตัวบริษัท พร้อมเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) อย่างเป็นทางการสำหรับหุ้นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ หรือ UAC ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ งานนี้คุณกิตติ ชีวะเกตุ กรรมการผู้จัดการ บอกผมไม่ได้ถือเคล็ดอะไรนะครับ แต่วันดีดีมาลงตัวเหมาะเจาะพอดี...

849
เกาหลีทันใจ 1 จ่ายผลตอบแทน 1 กันยายนนี้ กองทุน 101 มนตรีสโตร์เรจจ่ายปันผล 7% ต่อปี 15 กันยายน

นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด  กล่าวว่า กองทุนเกาหลีทันใจ 1 ที่ปิด IPO วันที่ 20 สิงหาคม พร้อมจ่ายผลตอบแทนให้กับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา

นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กล่าวว่า สำหรับกองทุนเกาหลีทันใจ 2  จ่ายผลตอบแทนล่วงหน้าจะลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอย่างเคย และแจ้งเพิ่มเติมว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์101มนตรีสโตร์เรจ (MONTRI) พร้อมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยในอัตราร้อยละ 7.0% ต่อปีในวันที่ 15 กันยายน 2553 นี้เช่นกัน

นายอนุสรณ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. แสดงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อราคาของตราสารหนี้ ดังนั้นภายใต้ภาวะปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ที่เหมาะน่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี เช่น กองทุนรวมเกาหลีทันใจ หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มีความคล่องตัวในการลงทุนสูงและมีความผันผวนด้านราคาต่ำ สามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ เช่น กองทุนเปิด ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ ตราสารหนี้ (CIMB-Principal Daily Fix Fund) และ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ ตราสารหนี้ระยะสั้น (CIMB-Principal Treasury) ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ในปัจจุบัน

850



เบ็นคิว ตั้งเป้า “อันดับหนึ่ง” ตลาด DLP Projector ปูพรมสินค้ากว่า 20 รุ่น บุกหนักตลาดการศึกษา หวังสร้างมิติใหม่ด้านการเรียนการสอนแบบอินเตอร์แอคทีฟ

เบ็นคิวเปิดเกมส์รุกตลาดเครื่องฉายภาพดิจิตอล (DLP Projector) ส่งทัพสินค้าใหม่มากกว่า 20 รุ่น พร้อมโชว์ศักยภาพทางเทคโนโลยี เน้นเจาะกลุ่มตลาดการศึกษา เพื่อเสริมสร้างมิติใหม่ด้านการเรียนการสอนแบบอินเทอร์แอคทีฟ หวังขึ้นแท่น “อันดับหนึ่ง” ตลาด DLP ในปีหน้า

มร.เควิน ลิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มของตลาดเครื่อง โปรเจคเตอร์ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในตลาดการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางมากขึ้น และเป็นตลาดที่เบ็นคิวให้ความสำคัญมาโดยตลอดในการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านโปรเจคเตอร์ เพื่อสนับสนุนรูปแบบการเรียนการสอนในมิติที่หลากหลาย

โดยในครึ่งปีหลัง เบ็นคิวได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์ทางด้านเครื่องฉายภาพดิจิตอลรวมมากกว่า 20 รุ่น ออกสู่ตลาด เพื่อรองรับวัตถุประสงค์การใช้งานที่หลากหลายกับสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับโรงเรียนไปจนถึงมหาวิทยาลัย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน และทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โปรเจคเตอร์ ประเภท “PointDraw” ซึ่งเหมาะสำหรับการนำเสนอสื่อการเรียนการสอนที่เน้นให้ครูและนักเรียนสามารถโต้ตอบกันได้ในแบบอินเทอร์แอคทีฟ  รุ่น “Interactive Whiteboards” เพื่อการนำเสนอสื่อการเรียนการสอนแบบสามมิติ โปรเจคเตอร์ ประเภท “Short Throw” ที่ต้องการระยะห่างระหว่างเครื่องฉายและจอภาพในระยะสั้นเพียง 0.5 เมตร ซึ่งเหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก หรือ โปรเจคเตอร์ ประเภท “Big zoom” ที่สามารถตั้งระยะห่างระหว่างเครื่องฉายและจอภาพได้มากถึง 3.36 เมตร จึงเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ โปรเจคเตอร์ ประเภท “Full HD High Brigness” ที่ให้ความคมชัดของภาพสูง และโปรเจคเตอร์ รุ่น “Network” โดยสามารถเชื่อมโยงการใช้งานของเครื่องฉายภาพที่ติดตั้งในห้องเรียน หรือสถานที่ต่าง ๆ ภายในแคมปัสผ่านระบบแลน เพื่อให้การจัดสรร หรือกำกับดูแลการเผยแพร่สื่อข้อมูลของสถาบันการศึกษา สามารถบริหารจัดการได้จากจุดเดียว

“จุดแข็งของโปรเจคเตอร์เบ็นคิวที่แตกต่างจากคู่แข่ง อยู่ที่การออกแบบและผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มความคงทนในการใช้งาน มีการออกแบบให้สามารถควบคุมในเรื่องความแตกต่างของแสง (High contrast rate) และลดการรบกวนของสัญญาณต่าง ๆ (Low DB noise) รวมทั้งการที่เรามีผลิตภัณฑ์ที่ครบไลน์ตามความความต้องการของลูกค้า ด้วยราคาที่ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง” นายพัทธกร พรศิริธิเวช ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบ็นคิว(ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

นายพัทธกร กล่าวเพิ่มเติมถึงการคาดการณ์ตลาดรวมครึ่งปีหลังของปี 2553 ว่า จะเติบโตถึง 45-50% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนจากการจัดซื้อของภาครัฐ เช่น โครงการสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด จะช่วยให้เบ็นคิวสามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดด้านโปรเจคเตอร์ได้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจนถึงสิ้นปี จะสามารถทำตลาดโปรเจคเตอร์ได้ถึง 12,000 เครื่อง   นอกจากนี้ เบ็นคิวยังมีแผนในการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีการวางแผนแคมเปญและกิจการการตลาดโดยร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างต่อเนื่อง การตั้งจุดจำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และซูเปอร์สโตร์ต่าง ๆ เพื่อสร้างชื่อ “เบ็นคิว” ให้เป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายของการเป็นผู้จัดจำหน่ายโปรเจคเตอร์ระบบดิจิตอล “อันดับหนึ่ง” ในตลาด และเป็น “อันดับสอง” ในการทำตลาดโปรเจคเตอร์ทุกประเภทให้ได้ในปีหน้า

รุ่นไฮไลท์ BenQ MP780 ST

นายวรพันธ์  นวาระสุจิตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ และแอลซีดี มอนิเตอร์ บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโปรเจคเตอร์รุ่นไฮไลท์ ที่เปิดตัวในวันนี้ คือ BenQ MP780 ST โปรเจคเตอร์เทคโนโลยี DLP ให้ความละเอียดในการฉายภาพระดับ WXGA ด้วยความสว่าง 2500 ANSI Lumens  ทำให้ได้ภาพที่คมชัด และเป็นโปรเจคเตอร์ประเภทฉายภาพระยะสั้น ทำให้คุณได้ภาพถึงขนาด 81 นิ้วที่ระยะฉายเพียง 1 เมตร นอกจากนี้ ยังรองรับการฉายภาพผ่านระบบแลน จากการใช้งานจากโน้ตบุ๊กได้ 8 เครื่องพร้อมกัน และสั่งปิด-เปิดเครื่อง ผ่านระบบแลนได้อีกด้วย พร้อมกับให้ความสะดวกสบายด้วยการรองรับการฉายภาพผ่านสายยูเอสบี เช่น อุปกรณ์แฟลชไดร์ฟและฮาร์ดดิสก์ ที่สำคัญคือ รองรับการใช้งานระบบฉายภาพสามมิติ ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้” 

เกี่ยวกับเบ็นคิว คอร์ปอเรชั่น

เบ็นคิว คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านดิจิตอลดีไวซ์เพื่อตอบสนองชีวิตไลฟ์สไตล์ เป็นองค์กรที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ โดยมี
ความแข็งแกร่งในการออกแบบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีด้านภาพเสมือน และเทคโนโลยีด้านโมบาย เบ็นคิวนำเสนอสุดยอดผลิตภัณฑ์ในหลากหลายกลุ่ม และหลากหลายประเภท ที่ประสานเทคโนโลยี ผ่านการให้คำมั่นสัญญาในแบรนด์ที่ว่า “มอบความบันเทิง และคุณภาพสู่ชีวิต” สู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย เครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์ดิจิตอล
แอลซีดีมอนิเตอร์ แลปท็อปพีซี เน็ตบุ๊ก ออลอินวันพีซี แอลซีดีทีวี กล้องดิจิตอล อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล โทรศัพท์มือถือ สตอเรจมีเดีย และอุปกรณ์รับการสื่อสารจากผู้ใช้งาน เช่น เมาส์ และคีย์บอร์ด ในปี 2551 เบ็นคิว คอร์ปอเรชั่น มีรายได้มากกว่า 1.54 พันล้านดอลลาร์

กลุ่มบริษัทเบ็นคิว

กลุ่มบริษัทเบ็นคิว ประกอบด้วยบริษัท 12 บริษัท ประกอบด้วย เอยู ออฟโทรนิคส์ คอร์ปอเรชั่น  ผู้นำด้านการผลิต
จอแอลซีดี, คิสดา คอร์ปอเรชั่น, บริษัท ดาร์ฟอน อิเล็คทรอนิกส์ จำกัด, คอร์ ดาซอน เทคโนโลยี อิงค์, บริษัท เวลลี่พาวเวอร์ ออฟโทรนิคส์ จำกัด, เรเดียม เซมิคอนดัคเตอร์ คอร์ปอเรชั่น, แคนโด คอร์ปอเรชั่น, บริษัทดาร์วิน พรีซีชั่นส์ จำกัด, เบ็นคิว คอร์ปอเรชั่น,  บริษัท เบ็นคิว ฮอทพิทัล จำกัด และบริษัทเบ็นคิว กูรู ซอฟต์แวร์ จำกัด

851


คัสมาร์ ผู้นำตลาดผ้าเย็นรายใหญ่ของไทย ส่งแบรนด์  “Wake Up” รุกตลาดชูจุดผ้าเย็นไร้แอลกอฮอล์ โรดโชว์ร้านอาหาร-สถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

ค่ายคัสมาร์ ผู้นำตลาดผ้าเย็นรายใหญ่ของประเทศ เตรียมส่งผ้าเย็น “Wake Up” รุกตลาด ด้วยจุดขายเด่นผ้าเย็นสูตรพิเศษไร้แอลกอฮอล์ เจ้าแรกของเมืองไทย เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคระดับกลางถึงบน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่ใส่ใจด้านสุขภาพผิวหน้า ประเดิมแคมเปญโรดโชว์ และแนะนำสินค้าในร้านอาหาร สถานบันเทิงชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงไตรมาส 3 นี้ พร้อมเตรียมขยายกิจกรรมสู่ภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ระบุชัดตลาดผ้าเย็นโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดผ้าเย็น พรีเมี่ยมของ Wake Up จะสร้างส่วนแบ่งราว 10% ภายในปีนี้ และจะสามารถขยายฐานรองรับความต้องการแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายอรรถสิทธิ์ แสงสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คัสมาร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะรุกการเปิดตลาดผ้าเย็นระดับพรีเมี่ยม โดยส่งผ้าเย็นภายใต้แบรนด์ เวคอัพ (Wake Up) เพื่อรุกขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผ้าเย็นเวคอัพ มีความแตกต่างจากผ้าเย็นอื่นๆ คือการพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้กับผ้าเย็นสูตรพิเศษ ที่สร้างความสดชื่นให้กับผู้ใช้ และมีจุดเด่นที่สำคัญคือ ปราศจากการใช้แอลกอฮอล์ ทำให้ไม่มีผลกระทบต่ออาการแพ้และระคายเคืองผิวหน้า ทั้งนี้จะมีการจัดกิจกรรมแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ผ้าเย็นเวคอัพ และการใช้ผ้าเย็นอย่างปลอดภัย ให้กับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล อาทิ ร้านอาหารและสถานบันเทิงชื่อในช่วงไตรมาสสามนี้ และจะขยายการแนะนำผลิตภัณฑ์ไปยังพื้นที่ต่างๆ ในภูมิภาคในช่วงไตรมาสสี่ของปีนี้ด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะกิจกรรมในครั้งนี้ จะสร้างความสนใจให้กับลูกค้า และส่งผลให้ยอดขายรวมของผ้าเย็นพรีเมี่ยมเวคอัพในปี้นี้เพิ่มขึ้น 15-20% จากเดิมที่มียอดขายราวๆ 20 ล้านบาทต่อปี

ที่ผ่านมาภาพรวมของตลาดผ้าเย็น มีมูลค่าการตลาดโดยรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งราวร้อยละ 60 ของผ้าเย็นที่ขายอยู่ในท้องตลาด ผู้ประกอบการทั่วไปมักนำแอลกอฮอล์มาเป็นส่วนผสมในผ้าเย็น โดยพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ราวร้อยละ 4-8 ในขณะที่บริษัท คัสมาร์ จำกัด ในฐานะผู้นำตลาดการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับผ้าเย็น มีการเปิดตัวผ้าเย็นสูตรพิเศษภายใต้แบรนด์ เวคอัพ มากกว่า 4 ปี โดยวางแผนในการเจาะกลุ่มลูกค้าผ้าเย็นในระดับกลางถึงบน ที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ที่มีไลฟ์สไตล์ในการชื่นชอบการเดินทาง, ท่องเที่ยว, บันเทิง, ทันสมัยฅ รวมถึงใส่ใจในสุขภาพและความปลอดภัยสูง, มีรสนิยมและมีสถานภาพทางสังคมที่ดี ดังนั้นการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ผ้าเย็น ให้ตอบรับกับตลาดลูกค้าที่ใส่ใจเกี่ยวกับเพื่อสุขภาพ ด้วยการนำสารสกัดและส่วนผสมใหม่ทดแทนการใช้แอลกอฮอล์ในที่สุด ที่เรียกว่าเทคนิค Cooling Agent สูตรเฉพาะของผ้าเย็นเวคอัพ ทำให้เวคอัพเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตผ้าเย็นที่มีส่วนผสมไร้แอลกอฮอล์ด้วย และแพ็คเกจจิ้งของผ้าเย็นเวคอัพ มีโลโก้ ‘Alcohol Free’ ระบุไว้ที่ซองผ้าเย็นให้เห็นอย่างชัดเจนนั่นเอง

“กลุ่มผู้ใช้ผ้าเย็นกลุ่มเวคอัพมองไว้ ในเบื้องต้นเป็นกลุ่มคนชื่นชอบการขับรถ นักเดินทาง คนที่เที่ยวผับ-บาร์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจในสุขภาพผิวหน้า ซึ่งถือว่าเป็น Global Trend เพื่อฉีกหนีกลยุทธ์จากการแข่งขันด้านราคา ดังนั้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผ้าเย็นเวคอัพได้เปรียบผู้ผลิตรายอื่น ในฐานะที่มีโรงงานผลิตที่ที่มีคุณภาพ รวมถึงมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใน ที่ไม่หยุดนิ่งในการค้นคว้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมออกสู่ตลาดทุกปี โรงงานการผลิตผ้าเย็นเวคอัพ ได้รับการรองมาตรฐาน ISO 9001-2008 รวมถึงได้การรับรองจาก GMP (Asian Harmonized) ที่รับรองโดยองค์กรเกี่ยวกับอาหารและยาในกลุ่มประเทศอาเซียน ว่าเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานการผลิตที่ดี สำหรับแผนการใช้งบประมาณโฆษณาและส่งเสริมการขายในปีนี้ ใช้งบราว 20% ของยอดขาย ” นายอรรถสิทธิ์ กล่าว

    ด้าน น.พ. สมิทธิ์ อารยะสกุล หรือหมอโอ๊ค นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ ในฐานะแขกรับเชิญพิเศษ กล่าวเสริมว่า กรณีการใช้ผ้าเย็นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์  หากพิจารณาโดยสัดส่วนทางเคมีของผ้าเย็นทั่วๆ ไป จะพบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในส่วนผสมอยู่ในผ้าเย็นทั่วไป มักมีสัดส่วนของแอลกอฮอล์ เทียบเท่าได้กับปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วไป อาทิ เบียร์ ไวน์ เป็นต้น ทั้งนี้อาจจะมีสาเหตุจากการที่ผู้ผลิตทั่วไป ต้องการผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำ จึงใช้แอลกอฮอล์เข้มข้นและมีคุณภาพต่ำ มาเป็นส่วนผสมในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และช่วยสร้างความรู้สึกเย็นให้กับผ้าเย็นทั่วๆ ไป ซึ่งผลจากการที่ผู้บริโภคนำผ้าเย็นที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ปริมาณสูงไปใช้ หรือใช้ติดต่อกันบ่อยๆ อาจจะมีผลกระทบต่อผิวหน้าได้ เบื้องต้นอาจแสดงอาการแพ้ของผิวหน้า หรือมีผิวหน้ามีอาการแห้งมากขึ้น บางรายมีอาการแพ้มากถึงขั้นเป็นผื่นแดง หรืออาจทำให้กลายเป็นผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นต้น สำหรับผ้าเย็นที่ไม่ได้มาตรฐานนี้ หน่วยงานของรัฐก็ยังมิได้มีการตรวจสอบหรือกำกับดูแลอย่างทั่วถึง ซึ่งผู้บริโภคทั่วไปอาจจะมีภาวะเสี่ยงจากการใช้สินค้าได้ ดังนั้นการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวการใช้ผ้าเย็นอย่างถูกวิธี รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าเย็นที่ไม่มีแอลกอฮอล์ จึงนับเป็นอีกทางเลือกที่ดีให้สำหรับผู้บริโภคนั่นเอง

852



อ.ธรรมรัตน์ เต็มนิรันรัตน์ ช่างผมระดับโลก โชว์ลีลาวาดเสียวตีลังกาทำสีผม ในงานเปิดตัวครีมเปลี่ยนสีผม“ซีนพลัส” Seen+ ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แบรนด์ “แคริ่ง” ทุ่ม กว่า 10 ตลาดบุกตลาดครีมเปลี่ยนสีผม เจาะตลาดความต้องการกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ทั้งในด้านคุณภาพของสินค้า และราคา ชูความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของแคริ่งควบคู่กับฝีมือ และประสบการณ์ของแชมป์ผมโลกร่วมพัฒนา จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้เฉดสีตรง คงประกายความนุ่มของเส้นผม กลิ่นไม่ฉุน 18 เฉดสี ไม่ว่าจะเป็นสาวมั่นบุคลิกภาพแบบไหน ก็สามารถหาเฉดสีที่ตรงใจได้ ทั้งโทนสีธรรมชาติ, โทนสีอ่อน และโทนสีแฟชั่น ณ เมเจอร์รัชโยธิน
 

853
ผลสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกชี้ ความคิดสร้างสรรค์คือปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จในอนาคต
ซีอีโออาเซียนคาดการณ์ความซับซ้อนเพิ่มขึ้นในอนาคต เร่งกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ มุ่งเสริมสร้างทักษะของบุคลากร

ไอบีเอ็มร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานเสวนา “The 2010 CEO Study Launch: Capitalizing on Complexity” ซึ่งรายงานผลการสำรวจ “IBM Global CEO Study 2010” ที่ได้รวบรวมความคิดเห็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กว่า 1,500 คน จาก 60 ประเทศ และ 33 เขตอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งผลสำรวจชี้ว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้เห็นพ้องต้องกันว่าความคิดสร้างสรรค์คือปัจจัยสำคัญที่จะนำพาสู่ความสำเร็จท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต โดยปัจจัยดังกล่าวนับว่ามีความสำคัญมากกว่าความเข้มงวด วินัยในการบริหารจัดการ คุณธรรม หรือแม้กระทั่งวิสัยทัศน์ การเสวนาจัดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 8 กันยายน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมรับฟังข้อมูล กว่า 100 ราย

ที่ปรึกษาจากกลุ่มธุรกิจให้คำปรึกษาของไอบีเอ็มได้สัมภาษณ์ผู้บริหารเป็นรายบุคคล และพบว่าไม่ถึงครึ่งหนึ่งของซีอีโอทั่วโลกเชื่อว่าองค์กรของตนเองมีความพร้อมในการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนและมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น  ซีอีโอเหล่านี้ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งในเรื่องของกฎระเบียบใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงศูนย์กลางอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก การปฏิรูปอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รสนิยมและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผลการสำรวจความคิดเห็นระบุว่า การกระตุ้น “ความคิดสร้างสรรค์” ทั่วทั้งองค์กรจะช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายทั้งหมดนี้

กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของซีอีโอทั่วโลกเชื่อว่า การปฏิรูปอุตสาหกรรมถือเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และผลการสำรวจชี้ว่า องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องคิดค้นหนทางใหม่ๆ สำหรับการจัดการโครงสร้างองค์กร การเงิน บุคลากร และกลยุทธ์

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเผยให้เห็นถึงความคิดที่แตกต่างอย่างมากระหว่างซีอีโอในเอเชีย ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยนับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารภาครัฐและภาคเอกชนในแต่ละภูมิภาคมีทัศนะที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเช่นนี้

"หลังจากที่ผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยและต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติครั้งใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บรรดาผู้บริหารซีอีโอมีความเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในอนาคต” ธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าว "ถ้าหากเราหยุดคิดสักนิดหนึ่ง ก็จะพบว่าประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งต่อองค์กรที่จะต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเสมือนกับระบบขนาดใหญ่ที่มีการเชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลา"

ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้ร่วมจัดการเสวนา กล่าวว่า จากความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการสื่อสาร ทำให้การทำธุรกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นว่าข้อมูลผลสำรวจ “IBM Global CEO Study 2010” และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากการเสวนาครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน ในด้านการพัฒนาแนวคิดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และการบริหารจัดการองค์กรภายใต้ปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่องไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโต เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อันจะส่งผลให้เกิดความน่าสนใจในการเข้ามาร่วมลงทุนของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
 
การจัดการกับความซับซ้อน
ซีอีโอที่ได้รับการสัมภาษณ์บอกกล่าวกับไอบีเอ็มว่า สภาพธุรกิจในปัจจุบันมีความผันผวน ไม่แน่นอน และมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น  ซีอีโอ 8 ใน 10 คนคาดหมายว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะซับซ้อนขึ้นอย่างมาก แต่มีเพียงแค่ 49 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อว่าองค์กรของตนเองพร้อมที่จะรับมือกับความซับซ้อนที่ว่านี้ ซึ่งนับเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริหารจากผลการศึกษาวิจัยที่ไอบีเอ็มดำเนินการมานานถึง 8 ปี

ผู้บริหารระดับซีอีโอระบุว่า นอกเหนือจากความซับซ้อนของโลกที่มีการเชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารเหล่านี้คาดหมายว่ารายได้จากช่องทางใหม่ๆ จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า และผู้บริหาร 76 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าพลังทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนย้ายไปสู่ตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

จากผลการศึกษา 4 ครั้งล่าสุด พบว่าผลกระทบของเทคโนโลยีที่องค์กรต่างๆ ได้รับมีความสำคัญเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 6 เป็นอันดับที่ 2 ซึ่งเผยให้เห็นว่าผู้บริหารระดับซีอีโอเข้าใจว่าเทคโนโลยีและความเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกคือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดความสลับซับซ้อนที่เราต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และผู้บริหารเหล่านี้ต้องการคำตอบที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จในโลกที่มีการเชื่อมโยงถึงกันอย่างกว้างขวาง

ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงคุณลักษณะขององค์กรที่มีผลประกอบการดีเยี่ยม โดยพิจารณาจากรายได้และผลกำไรในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รวมถึงช่วงเศรษฐกิจขาลงไว้ดังนี้

- องค์กรที่มีผลประกอบการดีเยี่ยมมีแนวโน้มที่จะดำเนินการตัดสินใจอย่างรวดเร็วกว่าองค์กรอื่นๆ 54 เปอร์เซ็นต์  ผู้บริหารซีอีโอระบุว่าตนเองกำลังเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อแนวคิดใหม่ๆ อย่างฉับไว เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงเชิงลึกที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร
- 95 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่มีผลประกอบการดีเยี่ยม มีความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยอาศัยช่องทางใหม่ๆ อาทิ เว็บ ช่องทางอินเทอร์แอคทีฟ และสื่อทางสังคม เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและประชาชน ผู้บริหารเหล่านี้มองการขยายตัวของข้อมูลและกระแสข้อมูลที่ไหลเวียนทั่วโลกเป็นโอกาส มากกว่าที่จะเป็นภัยคุกคาม
- เป็นที่คาดหมายว่าองค์กรที่มีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากกว่าจะสามารถคว้าส่วนแบ่งรายได้ในอนาคตจากช่องทางใหม่ๆ ได้มากกว่าองค์กรอื่นๆ อย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์

ความคิดสร้างสรรค์และทักษะของบุคลากรคือวาระสำคัญสำหรับซีอีโอในอาเซียน
ผลการสำรวจความคิดเห็นโดยรวมสำหรับภูมิภาคอาเซียนมีลักษณะคล้ายคลึงกับผลการสำรวจทั่วโลก โดยซีอีโอส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต  และนอกจากนี้ ซีอีโอในอาเซียนยังเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์คือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำในอนาคต
ในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ผู้บริหารซีอีโอเห็นพ้องต้องกันว่าการปฏิรูปอุตสาหกรรมและปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 2 ปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อองค์กรของตนในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในส่วนของปัจจัยที่ 3  โดยซีอีโอในอาเซียนจัดอันดับให้การขาดแคลนบุคลากรคุณภาพมากกว่าซีอีโอทั่วโลก  ทั้งนี้ เพราะตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงในอาเซียน รวมถึงอินเดียและบราซิล มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงประสบภาวะขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ
ซีอีโอทั่วโลกและในอาเซียนพยายามที่จะเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น เพื่อรับมือกับสภาวะทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ด้วยการปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกและเทคโนโลยี  ซีอีโอในอาเซียนให้ความสำคัญมากกว่ากับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังสำหรับผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางใหม่ๆ  นอกจากนี้ซีอีโอในอาเซียนยังระบุว่าทักษะของบุคลากรเป็นแง่มุมสำคัญที่สุดที่จะต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษในช่วง 5 ปีข้างหน้า
ทั้งซีอีโอทั่วโลกและซีอีโอในอาเซียนต่างเห็นพ้องต้องกันถึงความจำเป็นในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ว่านี้ในการติดต่อประสานงานกับลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน  ที่จริงแล้วความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในส่วนนี้  ซีอีโอในอาเซียนให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องความยั่งยืนมากกว่าซีอีโอทั่วโลก โดยนับเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเป็นอับดับที่สองสำหรับซีอีโอในภูมิภาคนี้  ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม  ซีอีโอในอาเซียนมีความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม และดังนั้นจึงสนับสนุนการรักษาสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน  ทั้งซีอีโอทั่วโลกและซีอีโอในอาเซียนระบุว่าคุณธรรมคือคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้นำ

เกี่ยวกับการสำรวจความคิดเห็นซีอีโอทั่วโลกประจำปี 2010 ของไอบีเอ็ม

ผลการศึกษานี้เป็นฉบับที่สี่ในชุดผลการสำรวจความคิดเห็น Global CEO Study ซึ่งจัดทำขึ้นทุกสองปี  เพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาท้าทายและเป้าหมายของผู้บริหารระดับซีอีโอในปัจจุบัน ที่ปรึกษาของไอบีเอ็มจึงได้พบปะพูดคุยโดยตรงกับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง  โดยในช่วงเดือนกันยายน 2009 ถึงมกราคม 2010 ไอบีเอ็มได้สัมภาษณ์ซีอีโอ, ผู้จัดการทั่วไป และผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานภาครัฐ 1,541 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากองค์กรหลายๆ ขนาดใน 60 ประเทศ และ 33 เขตอุตสาหกรรม

หากต้องการดูรายละเอียดของผลการศึกษาทั้งหมด รวมถึงกรณีศึกษา โปรดเยี่ยมชม: http://www.ibm.com/ceostudy

ร่วมสนทนาเกี่ยวกับความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดได้ที่: http://smarterleaders.tumblr.com/

854


“แคริ่ง” อัดงบ 10 ล้าน เปิดตัว ครีมเปลี่ยนสีผม “ซีนพลัส” เจาะตลาดสาวไทยวัยโจ๋

“แคริ่ง” ทุ่ม 10 ล้าน บุกตลาดครีมเปลี่ยนสีผม เปิดตัวครีมเปลี่ยนสีผม“ซีนพลัส” Seen+ เจาะตลาดความต้องการกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ทั้งในด้านคุณภาพของสินค้า และราคา ชูความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของแคริ่งควบคู่กับฝีมือ และประสบการณ์ของแชมป์ผมโลกร่วมพัฒนา จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้เฉดสีตรง คงประกายความนุ่มของเส้นผม กลิ่นไม่ฉุน 18 เฉดสี ไม่ว่าจะเป็นสาวมั่นบุคลิกภาพแบบไหน ก็สามารถหาเฉดสีที่ตรงใจได้ ทั้งโทนสีธรรมชาติ, โทนสีอ่อน และโทนสีแฟชั่น หวังเป้ายอดขายปีแรกขยับ 5 % ในตลาดสีผมที่มีมูลค่ารวมกว่า 2,400 ล้านบาท และเพิ่ม 10 % ภายใน 3 ปี

ภก. บุญเกียรติ สมบูรณ์ศักดิกุล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แบรนด์ “แคริ่ง” หรือ CARING ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผมที่มีคุณภาพระดับโลกยาวนานมากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันตลาดสีผมนั้นมีผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมให้ผู้บริโภคเลือกหลากหลายเกินไป จนผู้บริโภคไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าสินค้าชิ้นใดเหมาะสมกับตนเอง ซึ่งทาง Caring ได้มองเห็นปัญหาของผู้บริโภคในจุดนี้ จึงได้ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมของคนไทยโดยเฉพาะ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มี life style ที่เปลี่ยนแปลงไป  ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ออกมานั้นมีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มวัยรุ่น และนักศึกษาด้วยบุคลิกของสาวมั่น ที่ต้องการครีมเปลี่ยนสีผมที่มีคุณภาพ ทำง่าย สะดวกรวดเร็ว ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์การทำตลาดของแบรนด์ใหม่จาก Caring ที่มีชื่อว่า “ซีน พลัส” หรือ Seen+

จุดเด่นของสินค้าจากแบรนด์ Seen+ ที่แตกต่างจากสินค้ายี่ห้ออื่น คือ เรามุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของ กลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ทั้งในด้านคุณภาพของสินค้า และราคา โดยอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของแคริ่งควบคู่กับฝีมือและประสบการณ์ของ แชมป์ผมโลกอย่าง อ. ธรรมรัตน์ เต็มนิรันรัตน์ มาร่วมพัฒนา จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้เฉดสีตรง คงประกายความนุ่มของเส้นผม อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสีผมได้อย่างรวดเร็วขึ้น กลิ่นไม่ฉุน ไม่ระคายเคืองหนังศรีษะ โดยเพิ่มส่วนผสมของสารสกัดจากมิ้นท์ซึ่งจะทำให้รู้สึกเย็นสบายและไม่เป็นอันตรายต่อหนังศรีษะ และยังง่ายต่อการเปลี่ยนสีผมด้วยตนเองทั้งที่บ้าน หรือที่ร้านเสริมสวย ทั้งนี้ Seen+ ยังมีถึง 18 เฉดสีตามเทรนด์แฟชั่นในปัจจุบันอีกด้วย

ภก.บุญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ในปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมชนิดใดที่พัฒนาให้เหมาะสมกับผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม แต่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Seen+ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ที่ต้องการสื่อถึงความเป็นตัวของตัวเอง ด้วย18 เฉดสีผม สำหรับ18 บุคลิกสาวมั่น และจะตอบสนองความต้องการได้ตรงใจ ไม่ว่าจะเป็นสาวมั่นบุคลิกภาพไหน ก็สามารถหาเฉดสีที่ตรงใจได้ ครอบคลุมทั้งหมดตั้งแต่โทนสีธรรมชาติ, โทนสีอ่อน และโทนสีแฟชั่น อาทิเช่น สีดำธรรมชาติ สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลประกายทอง สีน้ำตาลเข้มควันบุหรี่ สีน้ำตาลอ่อนควันบุหรี่ สีบลอนด์อ่อนหม่นมุก สีบลอนด์น้ำตาลอ่อน สีบลอนด์เปลือกไม้ สีบลอนด์เหลืองทอง สีบลอนด์ส้ม สีไวน์แดง สีชมพูเข้ม สีบลอนด์ประกายเขียว สีน้ำเงินเข้ม สีดำน้ำเงิน สีม่วงดำ สีม่วง และสีหมอก

สำหรับเป้าหมายในการทำตลาดของ Seen+ บริษัทฯ จะเน้นไปยัง 3 จุดหลัก คือ 1. ต้องการสร้างภาพลักษณ์ และแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก 2. การสร้างยอดขาย และการยอมรับในตลาด และสุดท้ายคือการสร้าง Seen+ Community ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Event Marketing โดยการให้ความรู้ความเข้าใจกับกลุ่มเป้าหมายในการใช้ผลิตภัณฑ์ ผสมผสานกับกิจกรรมที่ผู้บริโภคสามารถร่วมสนุกได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นการสร้าง Seen+ Community เพื่อเป็นแหล่งข่าวสารเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นสีผม แฟชั่นการแต่งตัว และทิปส์อื่นๆสำหรับกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา นอกจากนี้สมาชิก Seen+ Community ยังสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันอีกด้วย

ภก.บุญเกียรติ กล่าวอีกว่า ในการทำตลาด Seen+ ทางบริษัทฯ Caring ได้ เตรียมทุ่มงบกว่า10 ล้านบาท สำหรับการทำตลาด Seen+ เพื่อเข้าชิงส่วนแบ่งการตลาดในตลาดสีผมวัยรุ่น ที่มีมูลค่าตลาดสีผมรวมกว่า 2,400 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องกว่า 10% โดยผลิตภัณฑ์ Seen+ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดในปีแรกไว้ที่ 5% ของตลาดรวม และเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี

“สำหรับสภาพตลาดสีผมในปัจจุบัน ไม่มีผลกระทบต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ  โดยเฉพาะตลาดวัยรุ่น ซึ่งไม่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองสักเท่าไหร่ อีกทั้งแนวโน้มการทำสีผมด้วยตนเองนั้นก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแม้เศรษฐกิจจะอยู่ในเกณฑ์ไม่ดี ก็คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มากเท่าใดนัก” ภก.บุญเกียรติ กล่าวปิดท้าย

855
Music Talk คุยเล่นให้เป็นเพลง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ อย่ารอช้า อุทยานการเรียนรู้ TK park จัดกิจกรรม Music Talk คุยเล่นให้เป็นเพลง ทุกวันพุธที่ ระหว่างเวลา 12.30-13.30 น.
มาพบกับเทคนิคการฟังเพลง พร้อมบอกเล่าที่มาและลักษณะเด่นของดนตรีในแนวต่างๆ โดยวิทยากรที่มีความรู้และเชี่ยวชาญดนตรีในแต่ละสาขา

วันพุธที่ 15 กันยายน 2553 พบกับดนตรีคลาสสิค ดนตรีที่อยู่เหนือกาลเวลา โดยคุณภัทราวุธ พันธุ์พุทธพงษ์ และคุณอภิชัย เลี่ยมทอง จาก Bangkok Symphony Orchestra


กิจกรรม Music Talk คุยเล่นให้เป็นเพลง จัดที่ mini TK park ชั้น G อาคารสำนักงาน เซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ อุทยานการ เรียนรู้ TK park โทรศัพท์ 02 264 5963-5 หรือ www.tkpark.or.th กิจกรรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

Pages: 1 ... 55 56 [57] 58 59