This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / อลิอันซ์ อยุธยา ชวนคนไทยร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
« on: September 18, 2024, 09:59:54 PM »อลิอันซ์ อยุธยา ชวนคนไทยร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะบริษัทประกันชีวิตและประกันภัยชั้นนำในประเทศไทย พร้อมอยู่เคียงข้างช่วยเหลือลูกค้าเสมอในทุกเงื่อนไขชีวิต ร่วมกับมูลนิธิกระจกเงาและมูลนิธิ SOS เดินหน้าส่งต่อความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือครั้งนี้ผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่
· บริจาคเงิน “ช่วยล้างบ้าน” เพื่อจ้างอาสาชุมชนและจัดหาอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมดินโคลน เพื่อให้กลับมาอยู่ในสภาพอยู่อาศัยได้หลังน้ำลด โดย อลิอันซ์ อยุธยา จะร่วมสบทบการบริจาคของท่าน ผู้สนใจสามารถบริจาคเงินได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี: 202-258298-3 ชื่อบัญชี: กองทุนภัยพิบัติ โดยมูลนิธิกระจกเงา และสามารถ อัปโหลดสลิปบริจาคที่ allianzth.co/FloodDonate เพื่อให้บริษัททำการสมทบยอด
· บริจาคอาหารพร้อมกิน “ช่วยเติมอิ่ม” กับมูลนิธิกู้ภัยอาหาร SOS เพื่อสนับสนุนหน่วยกู้ภัยและผู้ประสบภัย อาทิ ขนมปังบิสกิต ปลากระป๋อง นมกล่อง ขนมถุง เกลือแร่ สามารถมอบให้ที่จุดรับบริจาค สำนักงานใหญ่ อลิอันซ์ อยุธยา ชั้น 1 อาคารเพลินจิต ทาวเวอร์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 กันยายน 2567 เวลา: 9.00 – 17.00 น.
อลิอันซ์ อยุธยา จะอยู่เคียงข้างคนไทย และพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ประสบภัยในภาวะวิกฤตในครั้งนี้ สำหรับลูกค้าอลิอันซ์ อยุยา สามารถติดต่อศูนย์ดูแลลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าประกันชีวิต โทร 1373 ลูกค้าประกันภัย โทร 1292
2
ข่าวบันเทิง / “ชมพู่ ก่อนบ่าย” ยกทีมมาฮากันให้หนำใจ “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ทีทรูโฟร์ยู
« on: September 18, 2024, 09:22:14 PM »“ชมพู่ ก่อนบ่าย” ยกทีมมาฮากันให้หนำใจ
“ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
“ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
หนังตลกขำกลิ้งฮากันไม่พักกับภาพยนตร์ล้อเลียนหนังดัง “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์” ที่รวมเอานักแสดงตลกตัวท็อปอย่าง ชมพู่ ก่อนบ่าย ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด เต้ เป็ดกะดัน แอนนา ชวนชื่น หน่อย เชิญยิ้ม นุ้ย เชิญยิ้ม และโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม มาร่วมสร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะตลอดทั้งเรื่อง
ณ หมู่บ้านดงมะขวิด มีกำนันโก๋ เจ้าของวงดนตรีลูกทุ่ง และผู้ใหญ่เก๋า (โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม) เจ้าของสนามกอล์ฟ ทั้งสองไม่ค่อยถูกกัน แต่มีเรื่องเล่าว่าในอดีตทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมาก ยอมตายแทนกันได้ แต่เรื่องของผู้หญิงทำให้ทั้งสองผิดใจกัน เพราะการขอยืมแฟนเพื่อนไปหลอกพ่อว่าเป็นแฟนแล้วไม่ยอมคืน ความลำบากจึงตกมาถึงลูก (ชมพู่ ก่อนบ่าย - เต้ เป็ดกะดัน) ของทั้งสองที่รักกัน ทำให้ถูกขัดขวางจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เรื่องราวจะจบลงอย่างไร ต้องติดตามกันต่อในภาพยนตร์ “ยืมวันเสาร์ คืนเช้าวันจันทร์”วันศุกร์ที่ 20 กันยายนนี้ เวลา 20.40 น.ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live
#ทรูโฟร์ยูช่อง24
#ยืมวันเสาร์คืนเช้าวันจันทร์
3
news & activity / จากความมุ่งมั่น สู่ความสำเร็จ จากความสำเร็จ สู่ความยั่งยืน
« on: September 18, 2024, 09:00:57 PM »จากความมุ่งมั่น สู่ความสำเร็จ จากความสำเร็จ สู่ความยั่งยืน
สวพส. องค์กรต้นแบบที่สร้างคุณค่า สร้างสรรค์ผลงานเพื่อชุมชนบนพื้นที่สูง
สวพส. องค์กรต้นแบบที่สร้างคุณค่า สร้างสรรค์ผลงานเพื่อชุมชนบนพื้นที่สูง
ความสำเร็จของการดำเนินงานในการสร้างสรรค์ผลงานการปฏิบัติราชการจนเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนของ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับ “รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ” ประจำปี 2567 และรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่น ๆ รวม 7 รางวัล เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นได้รับรางวัลเลิศรัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นต้นแบบที่สร้างคุณค่าในการปฏิบัติงานจนมีความสำเร็จมุ่งประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า สวพส. เป็น 1 ใน 3 หน่วยงาน ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ ประจำปี 2567 จากสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สวพส. มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง ภายใต้แนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือก (UNGPs on AD) ขยายผลสำเร็จสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงที่ห่างไกลและทุรกันดารของประเทศไทย ให้ได้รับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกภาคเกษตร แก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ได้รับโอกาสอย่างเสมอภาค สนับสนุนชุมชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน และร่วมบูรณาการกับทุกภาคส่วน ตลอดจนการมุ่งสู่การลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้บริบทและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงให้คนสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน เป็นผลให้ สวพส. ได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาอื่นๆ รวม 7 รางวัล ได้แก่
1. รางวัลเกียรติยศเลิศรัฐ
2. รางวัลบริการภาครัฐ ระดับดี ประเภทขับเคลื่อนเห็นผล 2 รางวัล ได้แก่ ชุมชนคาร์บอนต่ำ กุญแจสำคัญ ลดโลกร้อน และผู้นำสตรี สิทธิเท่าเทียมชาย
3. รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน 2 รางวัล ได้แก่ ภูมิปัญญา (หัตถกรรม) แก้จน คนบนดอย และไม้ผลกินได้ สร้างป่า สร้างเงิน แก้จนคนสะเนียน
4. รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดี ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม 1 รางวัล ได้แก่ Smart Farm คนจน ต้นเขื่อนสิริกิติ์
5. รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ระดับก้าวหน้า (Advance)
ปัญหาบนพื้นที่สูงเป็นปัญหาองค์รวม ที่ต้องแก้ไขทั้งระบบ ความสำเร็จของการทำงาน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ความยั่งยืนเกิดจากทุกหน่วยงานร่วมใจและมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน และปรับตัวรองรับปัญหาต่าง ๆ ต่อไปได้เรื่อย ๆ ตามการเปลี่ยนแปลง รางวัลที่ สวพส. ได้รับ ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดและจะเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ชุมชน ตลอดจนหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดย สวพส. จะไม่หยุดพัฒนาองค์กรเพื่อความอยู่ดีมีสุขของชุมชนบนพื้นที่สูงสืบไป
4
news & activity / เอสซีจีชวนชมสารคดี “The Rain Keepers” ฝีมือคนไทย ดีกรีโลก เผยภารกิจ 3 ชุมชน
« on: September 18, 2024, 02:23:19 PM »เอสซีจีชวนชมสารคดี “The Rain Keepers” ฝีมือคนไทย ดีกรีโลก
เผยภารกิจ 3 ชุมชนพร้อมใจกู้วิกฤตน้ำท่วม-น้ำแล้งจาก “โลกเดือด”
เผยภารกิจ 3 ชุมชนพร้อมใจกู้วิกฤตน้ำท่วม-น้ำแล้งจาก “โลกเดือด”
จากวิกฤติโลกเดือดที่ส่งผลให้อากาศแปรปรวน ประเทศไทยต้องเผชิญสภาวะ "เอลนีโญ" และ "ลานีญา" เกิดน้ำท่วมสลับฝนแล้ง ส่งผลให้เกษตรกร ซึ่งเป็นผู้พึ่งพา “น้ำ” ทำเกษตรกรรม ต้องปรับตัวให้อยู่รอด เอสซีจีจับมือกับบริษัท ป่าใหญ่ครีเอชั่น จำกัด ผู้ผลิตภาพยนตร์สารคดีระดับโลก ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราว 3 ผู้นำชุมชน จาก 3 หมู่บ้าน ใน 3 ภูมิภาคของไทย ที่ใช้ความรู้ เทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น แก้ปัญหาน้ำท่วมรุนแรงและภัยแล้งแรมเดือน เพื่อ “สู้” ให้อยู่รอด มุ่งหวังให้คนไทยเห็นความสำคัญของทรัพยกร “น้ำ” โดยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า วางแผน กักเก็บ และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
"The Rain Keepers" ภาพยนต์สารคดีดีกรีระดับโลกฝีมือคนไทย ที่ให้ความรู้ผสมผสานการสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านความเเข็งเเกร่งของ 3 ผู้นำชุมชน จาก 3 หมู่บ้าน ใน 3 ภูมิภาคของประเทศที่ทำอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ บ้านแป้น จ.ลำปาง บ้านป่าเป้ง จ.ขอนแก่น และบ้านมาบจันทร์ จ.ระยอง เเต่ต้องเผชิญปัญหาภัยเเล้งเเละน้ำท่วมอย่างรุนแรงจากปัญหาความเเปรปรวนในสภาวะโลกเดือด โดยสะท้อนให้เห็นความพยายามตามล่าหา “น้ำ” ทรัพยากรล้ำค่าในการใช้ชีวิต โดยมี “ผู้นำชุมชน” ที่ปลุกขวัญกำลังใจชาวบ้านให้ลุกขึ้นมา “สู้” ร่วมมือทุ่มเทแรงกายเเรงใจ เอาชนะปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ต้องอาศัยทั้งความเชื่อ ภูมิปัญญา ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เเละความร่วมมือมาผนวกกัน เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหา เเละเร่งเตรียมตัวให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนเเปลงที่คาดการณ์ไม่ได้ เพื่อความอยู่รอดของชุมชน
มาร่วมลุ้นเเละให้กำลังใจ 3 ชุมชนเล็ก ๆ ในการกู้วิกฤตระดับโลก ใน "The Rain Keepers" ได้แล้ววันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ VIPA https://bit.ly/4e2qtqz และทางช่อไทยพีบีเอส ในวันที่ 12 ตุลาคม 2567 เเล้วคุณจะตระหนักได้ว่า ปัญหาน้ำไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง เเต่ “น้ำคือชีวิต” ของเราทุกคน
5
ข่าวบันเทิง / “ทรูโฟร์ยู ช่อง 24” ชวนไปฟินกับ 4 หนังดังยอดฮิต ที่คุณต้องดู !!
« on: September 17, 2024, 10:30:41 PM »“ทรูโฟร์ยู ช่อง 24” ชวนไปฟินกับ 4 หนังดังยอดฮิต ที่คุณต้องดู !!
“สุดสัปดาห์นี้ เตรียมพบกับโปรแกรมหนังดังสุดฟิน ที่ยังคงเติมเต็มเข้ามาแบบแน่น ๆ เช่นเคย กับ 4 หนังดังแนวโรแมนติก สยองขวัญ คอมเมดี้ และแอคชั่นที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ได้คัดสรรมาให้คุณผู้ชมได้สนุกและตื่นเต้นไปพร้อมกันในวันเสาร์ที่ 21 กันยายนนี้ และทาง https://true4u.com/live
เริ่มด้วย ‘สูบกู้คู่โลก” เวลา 6.00 น. พบกับ “จ๊อด” (หม่ำ จ๊กมก) และ “อี๊ด” (เปิ้ล นาคร) คู่หูเจ้าของอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์ที่กำลังถูกตามล่าจากเจ้าหนี้ ทั้งคู่ต้องหาวิธีหาเงินชดใช้หนี้สินอันท่วมหัว ในขณะเดียวกัน หลานชายของพวกเขา “ป๋อง” (ภูมิ รังษีธนานนท์) ที่เคยเป็นหนุ่มเกเรกลับกลายเป็นชายหนุ่มเรียบร้อยและกลายเป็นขวัญใจของสาวพาณิชย์ ต่อด้วย อุกกาบาต เวลา 8.30 น. ว่าด้วยเรื่องของอุกกาบาตพุ่งตกลงมา ณ สุสานร้างในภาคเหนือของไทย ที่มาพร้อมการเกิดของทารกชายสองคน คนแรกคือ “โอม” (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ที่เติบโตขึ้นมาเป็นจิตแพทย์ ส่วนอีกคนคือ “การิน” (ภาณุ สุวรรณโณ) ที่มีพลังเหนือธรรมชาติและใช้พลังนี้ในการแก้แค้นชาวบ้านที่เคยขับไล่มารดาของเขา ในช่วงเวลา 17.00 น. ไปสนุกกันต่อกับภาพยนตร์ “ไลโอโคตรแย้ยักษ์” ภาพยนตร์แนวแอคชั่น-ผจญภัย-ระทึกขวัญที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องเผชิญกับสัตว์ประหลาดยักษ์ในดินแดนแห้งแล้งของจังหวัดเลย หายนะเริ่มขึ้นเมื่อมีกลุ่มคนพยายามขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง แต่การขุดเจาะนี้กลับปลุกสัตว์ประหลาดยักษ์ที่หลับใหลอยู่ใต้ดินตื่นขึ้นมา ตบท้ายด้วยภาพยนตร์
“แสงกระสือ 2” เวลา 19.00 น. หนังบอกเล่าเรื่อง น้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขามีคนรักและเชื้อกระสือที่เคยอยู่ในรอยจูบถ่ายทอดสู่ลูกสาว ชื่อว่า สาว (นิ้ง ชัญญา แม็คคลอรีย์) น้อยต้องหาทางยับยั้งไม่ให้สาวกลายร่างเป็นกระสือ ด้วยยาสมุนไพรที่สกัดจากว่านกระสือ ในระหว่างนั้นสาวได้รู้จักกับ คล้าว (เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) เด็กเผือกที่มีพลังวิเศษ จนกลายเป็นความรักระหว่างคนกับกระสือ
6
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดบ้าน ฉลองสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ เดินหน้าสร้างการเติบโต
« on: September 17, 2024, 09:49:23 PM »เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดบ้าน ฉลองสำนักงานใหญ่แห่งใหม่
เดินหน้าสร้างการเติบโตในประเทศไทยอย่างยั่งยืน
เดินหน้าสร้างการเติบโตในประเทศไทยอย่างยั่งยืน
(จากซ้าย)นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน,มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia, มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย,นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และ นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ตัดริบบิ้นเปิดงาน
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จัดงานเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ณ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) อาคารมิกซ์ยูสระดับพรีเมียมแห่งใหม่ ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ที่ถูกออกแบบมารองรับการทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ Hybrid Work Model พร้อมดึงเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรสู่การทำงานในยุค Digital Transformation และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าแบบไร้รอยต่อ
นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์
นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “สำหรับการย้ายสำนักงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและการให้บริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม โดยเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้ในสำนักงานแห่งใหม่ ณ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) นี้ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด Hybrid Work Model ตอบโจทย์การทำงานของบุคลากรและการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่ยุค Digital transformation พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงาน และยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ
มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย
มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia
อีกทั้ง เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวสู่ความสำเร็จไปอีกขั้น พร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจ และเสริมสร้างความพึงพอใจของลูกค้าในระยะยาว รวมถึงทำให้พนักงาน พันธมิตร และลูกค้าของเรา ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และร่วมก้าวสู่อนาคตของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ไปพร้อมกัน”
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์
โดยในงานเปิดสำนักงานใหญ่ ได้รับเกียรติจาก มร. เปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย มร.โรแบร์โต้ ลีโอนาดี้ Generali’s Regional CEO, Asia นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการอิสระ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นางสาวกัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ กรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ร่วมทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและกล่าวแสดงความยินดี โดยมี นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ คณะผู้บริหาร และพนักงาน ให้การต้อนรับ
สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) พร้อมด้วย คณะกรรมการ และคณะผู้บริหารเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์
โดยในโอกาสพิเศษนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ทำพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช พร้อมทั้งได้นิมนต์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานของเจนเนอราลี่ อีกทั้งยังได้มอบน้ำดื่ม พร้อมของใช้จำเป็นให้แก่ตัวแทนชุมชน ได้แก่ มูลนิธิไครสต์เชิร์ช, สำนักงานเขตบางรัก และ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ อาคารพาร์ค สีลม
7
แฟชั่น & เครื่องสำอางค์ / เครื่องหอมบ้านเปี่ยมเสน่ห์ Maison Berger Paris คอลเลคชัน
« on: September 17, 2024, 09:23:30 PM »เครื่องหอมบ้านเปี่ยมเสน่ห์ Maison Berger Paris คอลเลคชัน Terra
เรียบหรู สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขาเซ็นทรัล ชิดลม
เรียบหรู สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขาเซ็นทรัล ชิดลม
การก้าวเข้าสู่บ้านที่มีกลิ่นหอมละมุนของน้ำหอมบริสุทธิ์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญอันสั่งสมมานานหลายศตวรรษ จะไม่ใช่เพียงแค่กลิ่นหอมทั่วไป แต่เป็นผลงานศิลปะที่คัดสรรมาอย่างดี เป็นเอกลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใครจาก Maison Berger Paris สะท้อนถึงความรู้ความชำนาญแบบฝรั่งเศสที่ได้เป็นชิ้นงานตกแต่งบ้านมาตลอดหลายชั่วอายุคน
ประสบการณ์แสนพิเศษนี้เข้าถึงได้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าคุณจะต้องการเติมความสดชื่นให้กับพื้นที่อยู่อาศัย เพิ่มความหรูหราให้กับมุมส่วนตัว หรือค้นหาของขวัญที่สมบูรณ์แบบ สามารถเอื้อมถึงได้ด้วยข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะร้าน Maison Berger Paris สาขาเซ็นทรัล ชิดลม กับคอลเลคชัน Terra
Terra Collection มีให้เลือก 2 ชุด ได้แก่ ชุดตะเกียงน้ำหอมสุดโมเดิร์นด้วยรูปทรงสามเหลี่ยมกลับหัว สีแดง (Terra Rouge) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Black Angelica ปริมาณ 250 มิลลิลิตร เป็นกลิ่นหอมแสนลึกลับของดอกไม้เปี่ยมเสน่ห์ และ สีดำ (Terra Noire) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Wilderness ปริมาณ 250 มิลลิลิตร เป็นกลิ่นสดชื่นเสมือนได้เดินทางสัมผัสโลกและสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ โปรโมชันลดพิเศษ 30% Terra Collection ตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2567 ที่ร้าน Maison Berger Paris สาขา เซ็นทรัล ชิดลม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ร้าน Maison Berger Paris และช่องทางออนไลน์ Facebook: MaisonBergerThailand, LINE: @maisonbergerthai, IG: maisonbergerthailand, www.maisonbergerthailand.com, Lazada, Shopee, ShopSabuy และ Tiktok หรือ โทร. 02-672-2088
8
news & activity / สวพส. หนุนชุมชนห้วยก้างปลา “ปลูกผักปลอดภัย รายได้งาม ตามพื้นที่ที่ดินจำกัด”
« on: September 17, 2024, 08:37:48 PM »สวพส. หนุนชุมชนห้วยก้างปลา “ปลูกผักปลอดภัย รายได้งาม ตามพื้นที่ที่ดินจำกัด”
เป้าหมายในการขยายผลสำเร็จโครงการหลวงภายใต้การดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เพื่อพัฒนาให้ชุมชนบนพื้นที่สูงอยู่ดีมีสุขอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยใช้องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และการพัฒนาแบบองค์รวม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมของพื้นที่ มุ่งเน้นการส่งเสริมพืชทางเลือกใหม่ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างรายได้ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ทำกินร่วมกับกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการปลูกผักอินทรีย์ ส่งผลให้ “ชุมชนห้วยก้างปลา” เป็นชุมชนต้นแบบในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเต็มศักยภาพ
โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา มีพื้นที่ดำเนินงานตามขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำจันครอบคลุม 9 หมู่บ้าน ของตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ประชากรประกอบด้วย ชนเผ่าลีซู ลาหู่ อาข่า เมี่ยน จีน ลั๊วะ และคนเมือง อุปสรรคของการพัฒนาคือ พื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีการถือครองที่ดินค่อนข้างจำกัดเฉลี่ย 2-5 ไร่ต่อครัวเรือนและชาวบ้านมากกว่า 278 ครัวเรือน ไม่มีที่ดินทำกิน ชุมชนมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพียง 25,000 บาทต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ภายในครอบครัว
นายประสิทธ์ วงศ์ผา หัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) กล่าวว่า สวพส. ได้ใช้กลไกเชิงนโยบายที่เอื้อต่อกระบวนการมีส่วนร่วม อาศัยองค์ความรู้ตามแนวทางโครงการหลวง ขับเคลื่อนด้วยการจัดทำแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่ เกิดกระบวนการจัดการความรู้แก้ไขปัญหาการมีพื้นที่ทำกินจำกัดของชุมชนโดยการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนระบบการทำเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นระบบเกษตรประณีต ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปลูกผักในโรงเรือนในระบบปลอดภัยและระบบอินทรีย์ ร่วมกับการพัฒนากลุ่มเกษตรกรภายใต้ชื่อ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน” เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการตลาดทำให้ปัจจุบันพื้นที่ “ห้วยก้างปลา” เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยครอบครัวละ 76,000 บาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีรายได้ จากการจำหน่ายผักอินทรีย์ประมาณ 2.4 ล้านบาท โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจันเป็นแกนหลักที่เข้มแข็ง และมีศักยภาพในการบริหารจัดการตลาด สามารถสร้างตราผลิตภัณฑ์ชุมชน โอบดอย ออร์แกนิค ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่คนในชุมชนสามารถนำมาถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงอื่นๆ ด้วย
นายเกาชิง แซ่กง เกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา กล่าวว่า เมื่อก่อนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหลักมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งรายได้ยังไม่พอเลี้ยงครอบครัวและยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา โดยทำผักเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก อาทิ คะน้าฮ่องกง เบบี้ฮ่องเต้ ผักกาดหอม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 โรงเรือน สามารถสร้างรายได้ประมาณ 5,250 บาทต่อรอบต่อ 1 โรงเรือน หรือประมาณ 200,000 บาทต่อปี นอกจากนั้นยังเลี้ยงหมูหลุมเพื่อนำมูลมาทำปุ๋ยไว้ใช้เอง ลดการซื้อปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปัจจุบันได้รวมกลุ่มกับเกษตรกรเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน และนำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับบริษัท รวมถึงจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ โอบดอย ออร์แกนิค ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่ม ครอบครัวและชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้และมีภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
9
กิน - เที่ยว เปรี้ยวซ่า / 1 - 12 ตุลาคม 2567 อร่อยฟินอิ่มบุญสไตล์ คาเฟ่ แคนทารี
« on: September 16, 2024, 10:55:19 PM »1 - 12 ตุลาคม 2567
อร่อยฟินอิ่มบุญสไตล์ คาเฟ่ แคนทารี
อร่อยฟินอิ่มบุญสไตล์ คาเฟ่ แคนทารี
1 - 12 ตุลาคม 2567 คาเฟ่ แคนทารี ต้อนรับเทศกาลกินเจ ด้วยเมนูแสนอร่อย พร้อมเชิญชวนทุกท่านร่วมอิ่มบุญ และอิ่มอร่อยไปกับการละเว้นจากการทานเนื้อสัตว์ พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มสูตรเจสุดพิเศษ อาทิ “สปาเกตตี ซอสโบโลเนสเต้าหู้” (ราคาเริ่มต้นที่ 175 บาท) “สเต๊กเต้าหู้ชุบเกล็ดขนมปังทอด” (ราคาเริ่มต้นที่ 175 บาท) “อุด้งญี่ปุ่น” (ราคาเริ่มต้นที่ 185 บาท) และ “สลัดญี่ปุ่น” (ราคาเริ่มต้นที่ 165 บาท) ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขาอยุธยา, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา ระยอง และ ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์)
พลาดไม่ได้กับเมนูของหวาน เบเกอรี่อบสดใหม่และเครื่องดื่มสูตรเจ หลากหลายความอร่อย อาทิ “วาฟเฟิลฟักทอง” (ราคาเริ่มต้นที่ 165 บาท) วาฟเฟิลฟักทองเนื้อนุ่ม สูตรพิเศษของคาเฟ่ แคนทารี เสิร์ฟพร้อมโคโคนัทครีมซอสและไซรัป อร่อยฟินและอิ่มบุญตลอดเทศกาลกินเจ ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขา เชียงใหม่, เกาะยาวน้อย, โคราช, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา, ระยอง, ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์),อยุธยา และคาเฟ่ แคนทารี คอนเนอร์ สาขาคลาสสิค คามิโอ อยุธยา
10
news & activity / ชายสี่ มีสติ๊กเกอร์ไลน์แล้ว ทั้งคาแรกเตอร์ “ลุงพัน” และ “น้องบะหมี่”
« on: September 16, 2024, 09:16:08 PM »ชายสี่ มีสติ๊กเกอร์ไลน์แล้ว ทั้งคาแรกเตอร์ “ลุงพัน” และ “น้องบะหมี่”
น่ารักน่าสะสม ดาวน์โหลดได้เลย!!
น่ารักน่าสะสม ดาวน์โหลดได้เลย!!
“ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น” แบรนด์สตรีทฟู้ดมหาชน ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ “ลุงพัน” และ “น้องบะหมี่” น่ารักน่าสะสม โดนใจทุกวัย มีท่าทางน่ารัก ๆ มากถึง 16 คาเรกเตอร์ โดย “ลุงพัน” สื่อถึงอารมณ์และคำพูดของลุงพันที่ให้บริการลูกค้าอย่างเป็นมิตรและอารมณ์ดี ส่วน “น้องบะหมี่” ให้ความรู้สึกสดใสร่าเริง พร้อมเติมความอร่อย
ชายสี่ มุ่งหวังเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ ด้วยจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารสตรีทฟู้ดที่เข้าถึงง่าย สู่การออกแบบสติ๊กเกอร์ไลน์ที่สื่อสารอารมณ์ต่าง ๆ นับเป็นการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์แบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ตอบรับการเป็น “สตรีทฟู้ดมหาชนของทุกคน”
สามารถดาวน์โหลด สติ๊กเกอร์ไลน์จากชายสี่ ได้ที่ “ลุงพัน https://line.me/S/sticker/26752785/
“น้องบะหมี่” https://line.me/S/sticker/26140714
#ลุงพัน #น้องบะหมี่
#ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว #Chaixibameekiao #Chaixi
#ชายสี่คอร์ปอเรชั่น #สตรีทฟู้ดมหาชนของทุกคน
#linesticker
11
news & activity / เอสซีจี เผยแผนรุก สู้อนาคตท้าทาย เพิ่มความเข้มแข็งปิโตรเคมีเวียดนาม
« on: September 16, 2024, 07:46:04 PM »เอสซีจี เผยแผนรุก สู้อนาคตท้าทาย
เพิ่มความเข้มแข็งปิโตรเคมีเวียดนาม รับมือวัฏจักรปิโตรเคมีผันผวนยาว
เร่งนวัตกรรมกรีนทุกธุรกิจ ตามแนวทาง Inclusive Green Growth
เพิ่มความเข้มแข็งปิโตรเคมีเวียดนาม รับมือวัฏจักรปิโตรเคมีผันผวนยาว
เร่งนวัตกรรมกรีนทุกธุรกิจ ตามแนวทาง Inclusive Green Growth
กรุงเทพฯ: 16 กันยายน 2567 – เอสซีจี เผยแผนรุก Future Forward เร่งปรับตัว เสริมแกร่งธุรกิจ คล่องตัว ลดคาร์บอน ตามแนวทาง Inclusive Green Growth สร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว รับวัฏจักรปิโตรเคมีผันผวนยาว เตรียมเพิ่มออปชันวัตถุดิบปิโตรเคมีเวียดนาม LSP ด้วยก๊าซอีเทน ดันปูนคาร์บอนต่ำส่งนอก คว้าโอกาสจากนโยบายหนุนนวัตกรรมกรีน ดึงเทคโนโลยียกระดับการอยู่อาศัย สร้างชีวิตกรีน&สมาร์ท ขยายธุรกิจพลังงานสะอาดสู่อาเซียน สร้าง New S-curve พร้อมเดินหน้า ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เข้มข้น ดันเศรษฐกิจเติบโตแบบโลว์คาร์บอน
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เมื่อมองสถานการณ์โลกปัจจุบันและทิศทางอนาคต ในระยะ 2-5 ปี จะมีความผันผวนมากขึ้น ทั้งความท้าทายจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมทั้งกฎเกณฑ์และโอกาสใหม่ ๆ จากเทรนด์รักษ์โลก ทุกธุรกิจของเอสซีจีจึงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมลดคาร์บอนไดออกไซด์ ตามแนวทาง Inclusive Green Growth เพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันระยะยาว
สำหรับ เอสซีจี เคมิคอลส์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 39 ของรายได้รวมเอสซีจี เร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลกอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับสูง ธุรกิจจึงเตรียมแผนเพิ่มศักยภาพโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ให้มีความยืนหยุ่นด้านต้นทุนการผลิตมากขึ้น จากการเพิ่มทางเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิต เพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้เหมาะสมกับจังหวะตลาดและลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โดยจะเพิ่มสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติอีเทน (Ethane) เป็นวัตถุดิบเพิ่มเติมจากการใช้แนฟทา (Naphtha) และก๊าซธรรมชาติโพรเพน (Propane) เนื่องจากราคาเฉลี่ยอีเทนต่ำกว่า ร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยราคาของแนฟทาและโพรเพนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับเพิ่มการใช้ก๊าซอีเทนยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการเกิดผลิตภัณฑ์พลอยได้ (By-product)
การเสริมแกร่งครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดจุดแข็งของ LSP ที่ถูกออกแบบให้สามารถรองรับวัตถุดิบประเภทก๊าซอยู่แล้ว โดยมีระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางที่มีความพร้อมในการติดตั้งถังเก็บวัตถุดิบและท่อนำส่งก๊าซอีเทน คาดการณ์ใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี เพื่อเดินหน้าการผลิตโอเลฟินส์ และพอลิโอเลฟินส์ อย่างพอลิเอทิลีน และพอลิโพรพิลีน ตอบโจทย์ความต้องการพลาสติกสำหรับผลิตสินค้าอุปโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในตลาดเวียดนาม ซึ่งมีความต้องการสูง ภายใต้การบริหารต้นทุนที่เหมาะสม ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ LSP จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2567
นอกจากนี้ ความพร้อมของ LSP ยังสามารถรองรับการผลิตนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMERTM ในอนาคต ซึ่งเป็นนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูงที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบรับเทรนด์รักษ์โลก ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั้งในประเทศเวียดนามและภูมิภาคอาเซียนต่อไป
ด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน มุ่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันเพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้มาตรการภาษีคาร์บอนที่เริ่มบังคับใช้ในหลายประเทศ โดยธุรกิจได้ดำเนินการลดคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดกระบวนการของธุรกิจล่วงหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองกับทิศทางธุรกิจ และยังเป็นโอกาสสร้างการเติบโตจากนโยบายสนับสนุนการใช้ปูนคาร์บอนต่ำเป็นหลักในหลายโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชน ที่ผ่านมา เอสซีจีสามารถส่งออกปูนคาร์บอนต่ำไปสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านตัน รวมทั้งยังสามารถขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ ทั้งในอาเซียน ออสเตรเลีย และแคนาดา จึงเร่งผลักดันด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อเนื่อง ปัจจุบันกำลังพัฒนาปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 3 ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มสัดส่วนการทดแทนปูนเม็ดในการผลิต ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 40-50 เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์ประเภทเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการปูนคาร์บอนต่ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งขยายกำลังการผลิตปูนคาร์บอนต่ำในเวียดนามใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและสามารถเป็นฐานการส่งออกในอนาคต
ทิศทางของ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สินค้าหลักอย่างกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะมุ่งพัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำมากขึ้น ตอบโจทย์ตลาดรักษ์โลก เน้นการลดคาร์บอน พร้อมมีดีไซน์สวยและแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้มีแผนใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ออกแบบผลิตภัณฑ์ เพิ่มความรวดเร็วและปรับได้ตามความต้องการลูกค้า ควบคู่กับพัฒนากระบวนการผลิต เพิ่มหุ่นยนต์ เพื่อลดของเสีย บริหารต้นทุนให้แข่งขันได้กับผู้เล่นรายใหม่ ๆ ที่เข้ามา เช่น จีน และเตรียมขยายตลาดวัสดุก่อสร้างไปยังตลาดอินเดีย และตะวันออกกลางซึ่งเติบโตสูงมากขึ้น นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้างานระบบ ตอบโจทย์การก่อสร้างเร็วและใช้งานดีขึ้น โดยเฉพาะระบบผนังที่มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ช่วยกันร้อนและกันเสียง รวมไปถึงระบบหลังคา ดีไซน์หลากหลาย ปรับได้ตามความต้องการและแบบบ้าน พร้อมฟังก์ชันกันร้อน และช่วยประหยัดพลังงาน
เดินหน้าสมาร์ทโซลูชัน New S-curve จากแบรนด์ ‘ออนเนกซ์ (ONNEX)’ ที่ผสานความเชี่ยวชาญของเอสซีจีและเทคโนโลยีล้ำสมัย ยกระดับการอยู่อาศัยทุกมิติ ทั้งประหยัดพลังงาน ด้วยระบบบำบัดอากาศเสีย ‘Air Scrubber’ และโซลูชันพลังงานสะอาด ‘Solar Hybrid Solutions’ ดูแลคุณภาพอากาศในบ้านและอาคาร ‘Bi-on’ ในอนาคตจะเพิ่มโซลูชันดูแลผู้สูงอายุ ตอบเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ พร้อมเตรียมเชื่อมต่อกับทุกโซลูชันของออนเนกซ์ให้สามารถบริหารจัดการได้ในแพลตฟอร์มเดียว ผ่าน ระบบปฏิบัติการดิจิทัล ‘Trinity’ เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งานมากขึ้น
เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มและ AI ยกระดับระบบจัดจำหน่ายสินค้าให้ลูกค้าและคู่ค้าเข้าถึงสะดวกขึ้น ช่วยลดระยะเวลาการเก็บสินค้าคงคลัง และสามารถคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคต ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นภายใต้ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น แอปพลิเคชัน ‘Prompt Plus’ สำหรับระบบค้าส่ง สามารถช่วยวิเคราะห์และนำเสนอสินค้าตามความต้องการ (Personalized Recommendations) เพื่อการบริหารจัดการสินค้าคงคลังของผู้แทนจำหน่ายและร้านค้ารายย่อยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกัน ขยายการก่อสร้างและที่อยู่อาศัยรักษ์โลกสู่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง อาทิ นำเสนอคอนกรีตผสมแบบพร้อมใช้ ‘CPAC Ready Mix’ และ ‘CPAC 3D Printing Solution’ เข้าสู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการก่อสร้าง ลดของเสียหน้างาน
ธุรกิจ New S-Curve เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ เดินหน้าขยายสู่อาเซียน ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มุ่งสู่เป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 3,500 เมกะวัตต์ในปี 2573 ด้วยจุดแข็งด้านนวัตกรรมและโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจรระดับโลก ทั้งระบบบริหารจัดการ การผลิต การจัดเก็บ (Energy Storage System) และจำหน่ายไฟฟ้าจากแพลตฟอร์มพลังงานสะอาด ‘Smart Micro Grid’ ตลอดจน ‘แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด (Heat Battery)’ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างยูนิตแรกของโลกสำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ที่โรงงานปูนซีเมนต์ เอสซีจี จ.สระบุรี นอกจากนี้ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง 'นวัตกรรมการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Tandem Perovskite' โดยบริษัทนี้มีจำนวนสิทธิบัตรอันดับต้น ๆ ของโลก เพื่อช่วยผลิตเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 30 ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวกยิ่งขึ้น
แผนรุกครั้งนี้ เอสซีจีเดินหน้าบนมาตรการคุมเข้มทางการเงิน โดยจะพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ ภายใต้งบประมาณการลงทุนปีละ 40,000 ล้านบาท และมุ่งลดเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ร้อยละ 10-15 จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมทั้งโฟกัสในธุรกิจที่มีศักยภาพ ปิดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร โดยหมุนทรัพยากรและกำลังคนมาโฟกัสในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต ครึ่งแรกของปี มีเงินสดคงเหลือ 78,907 ล้านบาท
นายธรรมศักดิ์ เสริมถึงทิศทางติดปีกธุรกิจต่อไปว่า เอสซีจีกำลังเร่งขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยี นำ AI มาขับเคลื่อนธุรกิจทุกมิติ สนับสนุนให้พนักงานทุกคนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างเข้าใจ ทำจริง และขยายผลต่อยอด เพื่อปูทางสู่ศักยภาพธุรกิจระยะยาว วันนี้มีหลายโครงการเริ่มเดินหน้าและอยู่ในแผนพัฒนา เช่น การดึง AI เป็นเพื่อนคู่คิดลูกค้าช้อปปิ้งเรื่องบ้านโดนใจ หรือ AI ดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงเพื่อการทำงานอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เอสซีจี ร่วมกับภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ขับเคลื่อน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5 ด้าน ได้แก่ 1) เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดจากศักยภาพพื้นที่และสายส่งด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid Modernization) 2) มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ผลิตสินค้ารักษ์โลกและคาร์บอนต่ำ3) สร้างมูลค่าเพิ่มจากของเหลือใช้ 4) การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ลดใช้น้ำ ลดคาร์บอน 5) เพิ่มพื้นที่สีเขียว ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมทั้งหาทุนสีเขียว (Green Funding) จากต่างประเทศมาพัฒนานวัตกรรมคาร์บอนต่ำ อาทิ เทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS) เพื่อมุ่งสร้างเศรษฐกิจเติบโตแบบโลว์คาร์บอน ตั้งเป้าปี 2573 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี 5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หนุนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์บรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
“เอสซีจี ติดตามสถานการณ์ไทยและโลกทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ สังคม สิ่งแวดล้อม เพราะต่างส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันยังนำมาวิเคราะห์ล่วงหน้า จัดทำแผนที่เหมาะสมกับแต่ละจังหวะ และนำมาใช้ปรับตัวอย่างทันท่วงทีให้ธุรกิจดำเนินต่อเนื่องและมั่นคง นอกจากจะสร้างความสามารถทางการแข่งขันที่เข้มแข็งทั้งในระยะสั้น-กลาง-ยาว ยังรักษาเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง ตอบทุกโอกาสและความท้าทายที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง" กรรมการผู้จัดการใหญ่ สรุปปิดท้าย
12
news & activity / 4 วิธีรักษาหยุดน้ำท่วมปอดจากมะเร็ง
« on: September 16, 2024, 04:43:19 PM »4 วิธีรักษาหยุดน้ำท่วมปอดจากมะเร็ง
ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก
โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก
โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
รู้หรือไม่ว่า น้ำในเยื่อหุ้มปอด หรือน้ำท่วมปอด (malignant pleural effusion) หรือว่า ภาวะน้ำท่วมปอด (Pulmonary edema) หรือภาวะปอดบวมน้ำ นั้นมักเกิดจากการมีของเหลวในถุงลมปอดมากผิดปกติ ทำให้การแลกเปลี่ยนก็าซลดลง ผู้ป่วยจึงเกิดอาการต่าง ๆ จากการมีระดับออกซิเจนในเลือดลดลงหากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงมักเจอบ่อยในกลุ่มคนไข้มะเร็ง ซึ่งจะเกิดจากตัวมะเร็งกระจายไปที่เยื่อหุ้มปอด แล้วผลิตน้ำออกมา ส่งผลทำให้มีอาการไอหรือเหนื่อย โดยสามารถเจอมากถึง 40% ในกลุ่มคนไข้มะเร็งในระยะ 4 (มะเร็งที่กระจายสู่อวัยวะอื่นๆ) ซึ่งได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้และมะเร็งอื่นๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งผู้ป่วยมักจะมาเจอด้วยอาการนี้เป็นครั้งแรก (เจอก็ระยะ 4 เลย) เหตุผลว่า ทำไมผู้ป่วยถึงไม่แสดงอาการและมักเจอระยะที่ 4 เพราะว่าภายในปอดทั้ง 2 ข้างมีถุงลมหลายล้านเซลล์ที่คอยทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจน เมื่อมะเร็งเริ่มก่อตัวเป็นจุดเล็ก ๆ ในปอด จึงยังไม่แสดงอาการ เนื่องจากมีถุงลมจำนวนมากพอที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนแทน กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปอดก็เป็นตอนที่น้ำท่วมปอดหรือก้อนกระจายไปแล้ว อยู่ในระยะลุกลามที่เริ่มรุนแรงมากแล้ว ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูง 4 วิธีช่วยรักษาอาการน้ำท่วมปอดจากมะเร็งให้ดีขึ้น ได้แก่
1.การใส่สายระบายเพื่อระบายน้ำในเยื่อหุ้มปอดออกมา การรักษาจะสามารถช่วยผู้ป่วยได้เบื้องต้นทำให้หายใจโล่งขึ้น แต่น้ำมักมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง เนื่องจากยังงมีเซลล์มะเร็งอยู่
2.ผ่าตัดส่องกล้องแก้น้ำจากมะเร็งแบบจุดเดียว (Uniportal VATS Surgery) โดยเจาะรูบริเวณข้างลำตัวผ่านช่องซี่โครงเพื่อใส่เครื่องมือเข้าไปทำการผ่าตัด โดยจะล้างเอาน้ำออก และ ใส่สารเคลือบปอด ( Talc pleurodesis) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร เจ็บน้อย พักฟื้นไม่นาน (อย่างไรก็ตามเนื่องจากมะเร็งระยะ 4 การรักษาหลัก ๆ ส่วนใหญ่ บทบาทยังคงเป็นการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและยาภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งลุกลามกว่าเดิม)
3.เคมีบำบัด (Chemotherapy) ใช้ในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ทำให้ฝ่อลงและควบคุมแพร่กระจาย เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ขึ้นไปโดยเฉพาะใยรายที่มีการลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น และ เยื่อหุ้มปอด
4.ภูมิคุ้มกันบำบัด(Immunotherapy) เป็นการรักษามะเร็งด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่เข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้กำจัดเซลล์มะเร็ง มักเหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งระยะที่3 และระยะที่ 4 ทั้งนี้อาจใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด รังสีรักษา หรือมีการผ่าตัดร่วมด้วยตามคำแนะนำของแพทย์
สามารถเข้ามาศึกษาการรักษาแก้น้ำท่วมปอดจากมะเร็งและปรึกษาได้ที่เว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com หรือเพจเฟซบุ๊ก ผ่าตัดปอดโดยผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ได้ที่ Lineid:@lungsurgeryth
13
Sport News & Motor Sport / แชมป์ดิโอเพ่นร่วมล่าแชมป์ เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น สองโปรไทยพร้อมลงแก้มือ
« on: September 15, 2024, 10:25:06 PM »แชมป์ดิโอเพ่นร่วมล่าแชมป์ เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น สองโปรไทยพร้อมลงแก้มือ
ไบรอัน ฮาร์แมน
13 กันยายน 2567 - ไบรอัน ฮาร์แมน ดีกรีแชมป์ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพปี 2023 ตอบรับร่วมวงสวิงศึกเอเชียนทัวร์ รายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35 ล้านบาท) ณ สนามมาเก๊า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 10 -13 ตุลาคมนี้ ซึ่งปีนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และครบรอบ 25 ปีของเขตบริหารพิเศษมาเก๊ากลับคืนสู่จีน ด้าน ภูมิ ศักดิ์แสน และ พชร คงวัดใหม่ สองโปรแถวหน้าของไทยพร้อมลงแก้มืออีกครั้ง (ภาพ: Asian Tour/Getty Images)
โดย ฮาร์แมน โปรกอล์ฟมืออันดับ 19 ของโลกชาวอเมริกันจะประชันฝีมือลุ้นแชมป์กับ ลี มิน วู แชมป์เก่าจากออสเตรเลีย และดาวดังจากเอเชียนทัวร์อย่าง จอห์น แคทลิน จากสหรัฐฯ, เบน เคมพ์เบลล์ จากนิวซีแลนด์, ไทอิจิ โค จากฮ่องกง รวมถึง ภูมิ ศักดิ์แสน และพชร คงวัดใหม่ สองโปรหนุ่มแถวหน้าไทยที่หวังแก้มือในปีนี้ หลังจบอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับเมื่อปีที่แล้ว
พชร คงวัดใหม่
สำหรับฮาร์แมน คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์มาแล้ว 3 รายการ และผลงานโดดเด่นที่สุดคือการแข่งขันดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาเอาชนะคู่แข่ง 6 สโตรก ผงาดครองแชมป์เมเจอร์แรกในอาชีพที่สนามรอยัล ลิเวอร์พูล โดยขึ้นเป็นผู้นำในรอบที่สอง หลังตีเข้ามาด้วยสกอร์ 65 และรักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้เมื่อจบรอบสาม เข้าสู่รอบสุดท้ายโดยมีสกอร์นำอยู่ 5 สโตรก และคว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ
โปรกอล์ฟจากสหรัฐฯ กล่าวถึงการเข้าร่วมแข่งขันที่มาเก๊าว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ในปีนี้ และตื่นเต้นที่จะได้ประชันฝีมือกับเหล่านักกอล์ฟระดับแถวหน้าของเอเชียนทัวร์ ผมได้ยินเรื่องราวดีๆ มากมายเกี่ยวกับสนามกอล์ฟแห่งนี้และหวังว่าจะได้โชว์ผลงานที่น่าประทับใจต่อหน้าแฟนกีฬากอล์ฟในมาเก๊า”
จอห์น แคทแลน
ด้านจอห์น แคทแลน เป็นนักกอล์ฟอีกหนึ่งคนที่น่าจับตามองในการแข่งขันปีนี้ ปัจจุบันรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอันดับคะแนนสะสมเอเชียนทัวร์ หรือเอเชียนทัวร์ ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต จากผลงานคว้าแชมป์สองรายการติดต่อกันในศึกอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า และซาอุดิ โอเพ่น พรีเซนเต็ดบาย พีเอฟไอ รวมทั้งจบใน 10 อันดับแรกอีกสองรายการ โดยในชัยชนะที่อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แคทลินทำสถิติตี 11 อันเดอร์พาร์ 59 ในรอบที่สาม และเจ้าตัวตั้งเป้าคว้าแชมป์รายการที่สองที่มาเก๊าเมื่อกลับมายังสนาม มาเก๊า กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ อีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้
แคทลิน กล่าวถึงการแข่งขันที่มาเก๊าในเดือนหน้าว่า “ผมเฝ้ารอที่จะได้กลับเยือนมาเก๊าอีกครั้ง ผมมีความสุขมากกับการแข่งขันที่นี่ และเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษสำหรับผม สนามมาเก๊า กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ เหมาะกับเกมการเล่นของผม ตอนนี้ผมนับวันรอการแข่งขันเอสเอ็มเจ มาเก๊า โอเพ่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะคว้าแชมป์เพิ่มอีกสักรายการให้กับตัวเองในฤดูกาลนี้”
ส่วนเบน แคมพ์เบลล์ ที่เอาชนะแคทลิน ในการแข่งขันรายการ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลุ้นคว้าแชมป์เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น เช่นกัน แคมพ์เบลล์สร้างผลงานโดดเด่นที่โมร็อกโก หลังจากพลิกสถานการณ์ที่ตามหลังแคทลิน 3 สโตรก ขณะเหลืออีก 2 หลุม ทำแต้มตีเสมอ ก่อนไปพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 20 ฟุตที่หลุม 18 ในการดวลเพลย์ออฟหลุมแรก คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์รายการที่สองให้กับตัวเอง ต่อจากฮ่องกง โอเพ่น 2023 ซึ่งโปรกอล์ฟจากนิวซีแลนด์ ยิงเบอร์ดี้ระยะ 15 ฟุตในหลุมสุดท้าย เฉือนชนะ คาเมรอน สมิธ แชมป์ดิ โอเพ่น ปี 2022 จากออสเตรเลีย และพชร คงวัดใหม่ นักกอล์ฟหนุ่มไทยไปได้แบบเร้าใจ
ไทอิจิ โค
ขณะที่ ไทอิจิ โค เป็นอีกหนึ่งดาวดังอีกจาก Greater Bay Area (พื้นที่เศรษฐกิจใหม่ กวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า) ที่จะร่วมชิงชัยในการแข่งขันรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น โดยสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟจากฮ่องกงคนแรกที่คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์ หลังจากชนะเลิศรายการเวิลด์ ซิตี้ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2023 และคว้าเหรียญประวัติศาสตร์ให้กับทัพนักกอล์ฟฮ่องกงเป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้เหรียญทองประเภทบุคคลและเหรียญทองแดงประเภททีม
ไทอิจิ โค เผยระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนร่วมชิงชัยที่มาเก๊าว่า “ผมสนุกกับการแข่งขันทุกครั้งในเกรทเตอร์เบย์ แอเรีย ซึ่งผมได้รับการสนนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากแฟนๆ ตอนนี้ผมเฝ้ารอที่จะได้โชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดอีกครั้งในรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น และคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์
นอกจากนี้ยังมี คิม ฮงเท็ก โปรกอล์ฟจากเกาหลีใต้ ที่ปัจจุบันรั้งที่ 7 ของอันดับทำเงินรางวัลสะสมเอเชียนทัวร์ ตั้งเป้าขยับอันดับดับขึ้นด้วยการคว้าแชมป์รายการที่สองต่อจากแชมป์จีเอส คาลเท็กซ์ เมคยอง โอเพ่น เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ และพชร คงวัดใหม่ สองโปรกอล์ฟไทยที่เข้าป้ายอันดับ 2 และ 3 ในการแข่งขันเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น เมื่อปีที่แล้ว หวังทำผลงานได้ดีกว่าเดิมในปีนี้[/size
โดยภูมิ ซึ่งกลับมาคว้าแชมป์เอเชียนทัวร์แรกในรอบ 5 ปี ในศึกหยางเต๋อ ทีพีซี ที่ไต้หวันเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และสู้กับ ลี มินวู ได้อย่างสนุกในการลุ้นแชมป์เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น เมื่อปีที่แล้ว และหวังว่าจะทำได้ดีอีกครั้งในปีนี้ เจ้าตัวกล่าวถึงเป้าหมายในปีนี้ว่า “ผลการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว เป็นแรงผลักดันให้ผมอยากกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น การแข่งขันรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น มีความเข้มข้นสูสี แต่ผมเชื่อว่าตัวเองมีเกมที่ดีพอจะขยับผลงานให้ดีขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นและมีโอกาสคว้าแชมป์ปีนี้ได้”
ส่วนนักกอล์ฟไทยคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมแข่งขันรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ในเดือนตุลาคมนี้ ยังมี นิติธร ทิพย์พงษ์ ,สดมภ์ แก้วกาญจนา, เด่นวิทย์ เดวิด บริบูรณ์ทรัพย์ และสุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย ที่ล้วนคว้าแชมป์เอเชียนทัวร์มาแล้ว
แฟนกีฬากอล์ฟสามารถลงทะเบียนเพื่อรับบัตรเข้าชมฟรีในการแข่งขันกอล์ฟเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ระหว่างวันที่ 10 -13 ตุลาคมนี้ โดย 1 ท่านสารถลงทะเบียนรับบัตรได้ 10 ใบ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.sjmmacaoopen.com
14
news & activity / BEDO นำเสนอการพัฒนา AI มาสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ
« on: September 15, 2024, 10:11:14 PM »BEDO นำเสนอการพัฒนา AI มาสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิด การบริหารจัดการการนำทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการ อนุรักษ์อย่างยั่งยืน BEDO ได้ขับเคลื่อนการทำงานด้านทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่กับการ บริหารจัดการข้อมูลทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพในรูปแบบของระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทาง ชีวภาพ โดยเริ่มต้นจากการค้นหาของดีจากความหลากหลายทางชีวภาพ และได้รับการสนับส นุนข้อมูลจาก นักวิชาการที่ร่วมกันจัดทำข้อมูลบัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพ ข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูล องค์ความรู้ออนไลน์ และข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจน สพภ. ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลด้วย ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อนำใช้ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นวิสาหกิจชุมชน ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาคการศึกษา ไปต่อยอดเชิงคุณค่าเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจ การผลิตสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่จากความหลากหลาย ทางชีวภาพ ที่ถือเป็น “วัตถุดิบในเชิงเศรษฐกิจ” นำไปสู่การพัฒนาเป็น Soft Power สร้างฐานรายได้ใหม่เป็น New Engine of Growth ในอนาคต
เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567สพภ. ได้จัดประชุมเผยแพร่ความหลากหลายทางชีวภาพกับการสร้างโอกาส ทางธุรกิจด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ ในหัวข้อ “AI กับโอกาสทางธุรกิจชีวภาพ” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอน เวนชั่น โดยมีนางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ เป็นประธานใน พิธีพร้อมด้วยคณะกรรมการ สพภ. คณะผู้บริหาร สพภ. และวิทยากรทุก ๆ ท่าน และมีผู้เข้าร่วมที่มีความสนใจ เป็นจำนวนมากกว่า 100 คน โดยภายในงานได้มีการแนะนำระบบของ สพภ. และให้ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ หัวข้อ“AI กับโอกาสทางธุรกิจชีวภาพ”คือ
1) แนะนำระบบงานบริการของ สพภ. โดย ดร.ธนิต ชังถาวร รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ จากฐานชีวภาพ
2) แนะนำระบบฐานงานบริการข้อมูลฐานชีวภาพด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการนำไปใช้ ประโยชน์โดย นายสัณห์ อุทยารัตน์ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท เกรซ เทคโนโลยี แอนด์ คอนซัลแตนท์
3) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับเศรษฐกิจชีวภาพ (BCG) โดย ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบัน ส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
4) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับ เศรษฐกิจ โดยนายสืบศักดิ์ สืบภัคดี กรรมการบริหารและเลขาธิการ สมาคม โทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
5) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับ เกษตรที่ยังยืน โดย รศ.ดร.มงคล รักษาพัชรวงศ์ผู้อำนวยการสถานี รับสัญญาณดาวเทียมจุฬาภรณ์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
6) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับ สิ่งแวดล้อม โดย ดร.ไชยวัฒน์ กล่ำพล ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สพภ. จัดประชุมเผยแพร่ “AI กับโอกาสทางธุรกิจชีวภาพ” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลฐานชีวภาพเพื่อนำ ความหลากหลายทางชีวภาพไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยข้อมูลเชิงนิเวศ ข้อมูลภูมิปัญญา ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์ และส่งเสริมความรู้การพัฒนาศักยภาพของข้อมูลฐานชีวภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการประมวลผลข้อมูลในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา เป็น Soft Power สร้างฐานรายได้ใหม่เป็น New Engine of Growth
15
กิน - เที่ยว เปรี้ยวซ่า / โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย คว้ารางวัล "ทราเวลเลอร์ส ชอยซ์" จาก "ทริปแอดไวเซอร์
« on: September 15, 2024, 09:53:11 PM »โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย คว้ารางวัล "ทราเวลเลอร์ส ชอยซ์"
จาก "ทริปแอดไวเซอร์ อวอร์ดส 2024"
จาก "ทริปแอดไวเซอร์ อวอร์ดส 2024"
อองตวน เดนดา (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย พร้อมด้วย ศศิวิมล ไชยสมาน (คนที่ 5 จากซ้าย) หัวหน้าฝ่ายการเงิน, เฟดเดอริกา วาเลนตินา แซนรินี (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าต่างประเทศ, ธนากร สุววัฒนะ (คนที่ 6 จากซ้าย) หัวหน้าแผนกช่าง, จรรยา กอบัวแก้ว (คนที่ 1 จากซ้าย) รองหัวหน้าแผนกครัว และ นัทธ์พิรดา รัตนรักษ์จิระบุญ (คนที่ 5 จากซ้าย) ผู้จัดการห้องอาหารของโรงแรมฯ ร่วมแสดงความยินดีและเป็นส่วนหนึ่งของความภาคภูมิใจ ที่โรงแรมฯ ได้รับรางวัล "ทราเวลเลอร์ส ชอยซ์" (Travellers' Choice) จาก "ทริปแอดไวเซอร์ อวอร์ดส 2024" (TripAdvisor Awards 2024) ซึ่งเป็นการการันตีถึงความเป็นเลิศด้านคุณภาพและมาตรฐานของโรงแรมฯ โดยแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก ที่พิจารณามอบรางวัลจากผลการโหวตและรีวิวของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ณ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย