Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2293
1
เครื่องหอมบ้านเปี่ยมเสน่ห์ Maison Berger Paris คอลเลคชัน Terra
เรียบหรู สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขาเซ็นทรัล ชิดลม


              การก้าวเข้าสู่บ้านที่มีกลิ่นหอมละมุนของน้ำหอมบริสุทธิ์ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความเชี่ยวชาญอันสั่งสมมานานหลายศตวรรษ จะไม่ใช่เพียงแค่กลิ่นหอมทั่วไป แต่เป็นผลงานศิลปะที่คัดสรรมาอย่างดี เป็นเอกลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใครจาก Maison Berger Paris สะท้อนถึงความรู้ความชำนาญแบบฝรั่งเศสที่ได้เป็นชิ้นงานตกแต่งบ้านมาตลอดหลายชั่วอายุคน


              ประสบการณ์แสนพิเศษนี้เข้าถึงได้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าคุณจะต้องการเติมความสดชื่นให้กับพื้นที่อยู่อาศัย เพิ่มความหรูหราให้กับมุมส่วนตัว หรือค้นหาของขวัญที่สมบูรณ์แบบ สามารถเอื้อมถึงได้ด้วยข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะร้าน Maison Berger Paris สาขาเซ็นทรัล ชิดลม กับคอลเลคชัน Terra


              Terra Collection มีให้เลือก 2 ชุด ได้แก่ ชุดตะเกียงน้ำหอมสุดโมเดิร์นด้วยรูปทรงสามเหลี่ยมกลับหัว สีแดง (Terra Rouge) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Black Angelica ปริมาณ 250 มิลลิลิตร เป็นกลิ่นหอมแสนลึกลับของดอกไม้เปี่ยมเสน่ห์ และ สีดำ (Terra Noire) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Wilderness ปริมาณ 250 มิลลิลิตร เป็นกลิ่นสดชื่นเสมือนได้เดินทางสัมผัสโลกและสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ โปรโมชันลดพิเศษ 30% Terra Collection ตั้งแต่วันนี้ – 15 ตุลาคม 2567 ที่ร้าน Maison Berger Paris สาขา เซ็นทรัล ชิดลม

              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ร้าน Maison Berger Paris และช่องทางออนไลน์ Facebook: MaisonBergerThailand, LINE: @maisonbergerthai, IG: maisonbergerthailand, www.maisonbergerthailand.com, Lazada, Shopee, ShopSabuy และ Tiktok หรือ โทร. 02-672-2088

2
สวพส. หนุนชุมชนห้วยก้างปลา “ปลูกผักปลอดภัย รายได้งาม ตามพื้นที่ที่ดินจำกัด”


              เป้าหมายในการขยายผลสำเร็จโครงการหลวงภายใต้การดำเนินงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. เพื่อพัฒนาให้ชุมชนบนพื้นที่สูงอยู่ดีมีสุขอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยใช้องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และการพัฒนาแบบองค์รวม ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพภูมิสังคมของพื้นที่ มุ่งเน้นการส่งเสริมพืชทางเลือกใหม่ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง เพื่อสร้างรายได้ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ทำกินร่วมกับกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการปลูกผักอินทรีย์ ส่งผลให้ “ชุมชนห้วยก้างปลา” เป็นชุมชนต้นแบบในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างเต็มศักยภาพ


              โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา มีพื้นที่ดำเนินงานตามขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำจันครอบคลุม 9 หมู่บ้าน ของตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ประชากรประกอบด้วย ชนเผ่าลีซู ลาหู่ อาข่า เมี่ยน จีน ลั๊วะ และคนเมือง อุปสรรคของการพัฒนาคือ พื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีการถือครองที่ดินค่อนข้างจำกัดเฉลี่ย 2-5 ไร่ต่อครัวเรือนและชาวบ้านมากกว่า 278 ครัวเรือน ไม่มีที่ดินทำกิน ชุมชนมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนเพียง 25,000 บาทต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ภายในครอบครัว


              นายประสิทธ์ วงศ์ผา หัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา  สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) กล่าวว่า สวพส. ได้ใช้กลไกเชิงนโยบายที่เอื้อต่อกระบวนการมีส่วนร่วม อาศัยองค์ความรู้ตามแนวทางโครงการหลวง ขับเคลื่อนด้วยการจัดทำแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงให้สอดคล้องเหมาะสมกับพื้นที่ เกิดกระบวนการจัดการความรู้แก้ไขปัญหาการมีพื้นที่ทำกินจำกัดของชุมชนโดยการส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนระบบการทำเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นระบบเกษตรประณีต ใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการปลูกผักในโรงเรือนในระบบปลอดภัยและระบบอินทรีย์ ร่วมกับการพัฒนากลุ่มเกษตรกรภายใต้ชื่อ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน” เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการตลาดทำให้ปัจจุบันพื้นที่ “ห้วยก้างปลา” เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ยครอบครัวละ 76,000 บาทต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีรายได้ จากการจำหน่ายผักอินทรีย์ประมาณ 2.4 ล้านบาท โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจันเป็นแกนหลักที่เข้มแข็ง และมีศักยภาพในการบริหารจัดการตลาด สามารถสร้างตราผลิตภัณฑ์ชุมชน โอบดอย ออร์แกนิค ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่คนในชุมชนสามารถนำมาถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปสู่ชุมชนบนพื้นที่สูงอื่นๆ ด้วย


              นายเกาชิง แซ่กง เกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา กล่าวว่า เมื่อก่อนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นหลักมีพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ซึ่งรายได้ยังไม่พอเลี้ยงครอบครัวและยังมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรในโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงห้วยก้างปลา โดยทำผักเกษตรอินทรีย์เป็นหลัก อาทิ คะน้าฮ่องกง เบบี้ฮ่องเต้ ผักกาดหอม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 5 โรงเรือน สามารถสร้างรายได้ประมาณ 5,250 บาทต่อรอบต่อ 1 โรงเรือน หรือประมาณ 200,000 บาทต่อปี นอกจากนั้นยังเลี้ยงหมูหลุมเพื่อนำมูลมาทำปุ๋ยไว้ใช้เอง ลดการซื้อปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปัจจุบันได้รวมกลุ่มกับเกษตรกรเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนลุ่มน้ำจัน และนำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับบริษัท รวมถึงจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ภายใต้แบรนด์ โอบดอย ออร์แกนิค ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่ม ครอบครัวและชุมชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้และมีภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง












3
1 - 12 ตุลาคม 2567
อร่อยฟินอิ่มบุญสไตล์ คาเฟ่ แคนทารี


               1 - 12 ตุลาคม 2567 คาเฟ่ แคนทารี ต้อนรับเทศกาลกินเจ ด้วยเมนูแสนอร่อย พร้อมเชิญชวนทุกท่านร่วมอิ่มบุญ และอิ่มอร่อยไปกับการละเว้นจากการทานเนื้อสัตว์ พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มสูตรเจสุดพิเศษ อาทิ “สปาเกตตี ซอสโบโลเนสเต้าหู้” (ราคาเริ่มต้นที่ 175 บาท) “สเต๊กเต้าหู้ชุบเกล็ดขนมปังทอด” (ราคาเริ่มต้นที่ 175 บาท) “อุด้งญี่ปุ่น” (ราคาเริ่มต้นที่ 185 บาท) และ “สลัดญี่ปุ่น” (ราคาเริ่มต้นที่ 165 บาท) ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขาอยุธยา, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา ระยอง และ ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์)



               พลาดไม่ได้กับเมนูของหวาน เบเกอรี่อบสดใหม่และเครื่องดื่มสูตรเจ หลากหลายความอร่อย อาทิ “วาฟเฟิลฟักทอง” (ราคาเริ่มต้นที่ 165 บาท) วาฟเฟิลฟักทองเนื้อนุ่ม สูตรพิเศษของคาเฟ่ แคนทารี เสิร์ฟพร้อมโคโคนัทครีมซอสและไซรัป อร่อยฟินและอิ่มบุญตลอดเทศกาลกินเจ ณ คาเฟ่ แคนทารี สาขา เชียงใหม่, เกาะยาวน้อย, โคราช, ภูเก็ต, ปราจีนบุรี, ศรีราชา, ระยอง,  ระยองบายเดอะซี (หาดแสงจันทร์),อยุธยา และคาเฟ่ แคนทารี คอนเนอร์ สาขาคลาสสิค คามิโอ อยุธยา

4
ชายสี่ มีสติ๊กเกอร์ไลน์แล้ว ทั้งคาแรกเตอร์ “ลุงพัน” และ “น้องบะหมี่”
น่ารักน่าสะสม ดาวน์โหลดได้เลย!!


             “ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น” แบรนด์สตรีทฟู้ดมหาชน ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ “ลุงพัน” และ “น้องบะหมี่” น่ารักน่าสะสม โดนใจทุกวัย มีท่าทางน่ารัก ๆ มากถึง 16 คาเรกเตอร์ โดย “ลุงพัน” สื่อถึงอารมณ์และคำพูดของลุงพันที่ให้บริการลูกค้าอย่างเป็นมิตรและอารมณ์ดี ส่วน “น้องบะหมี่” ให้ความรู้สึกสดใสร่าเริง พร้อมเติมความอร่อย

             ชายสี่ มุ่งหวังเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ ด้วยจุดขายอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารสตรีทฟู้ดที่เข้าถึงง่าย สู่การออกแบบสติ๊กเกอร์ไลน์ที่สื่อสารอารมณ์ต่าง ๆ นับเป็นการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์แบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ตอบรับการเป็น “สตรีทฟู้ดมหาชนของทุกคน”

             สามารถดาวน์โหลด สติ๊กเกอร์ไลน์จากชายสี่ ได้ที่ “ลุงพัน https://line.me/S/sticker/26752785/
 
“น้องบะหมี่” https://line.me/S/sticker/26140714

#ลุงพัน #น้องบะหมี่
#ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว #Chaixibameekiao #Chaixi
#ชายสี่คอร์ปอเรชั่น #สตรีทฟู้ดมหาชนของทุกคน
#linesticker

5
เอสซีจี เผยแผนรุก สู้อนาคตท้าทาย
เพิ่มความเข้มแข็งปิโตรเคมีเวียดนาม รับมือวัฏจักรปิโตรเคมีผันผวนยาว
เร่งนวัตกรรมกรีนทุกธุรกิจ ตามแนวทาง Inclusive Green Growth


กรุงเทพฯ: 16 กันยายน 2567 – เอสซีจี เผยแผนรุก Future Forward เร่งปรับตัว เสริมแกร่งธุรกิจ คล่องตัว ลดคาร์บอน ตามแนวทาง Inclusive Green Growth สร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว รับวัฏจักรปิโตรเคมีผันผวนยาว เตรียมเพิ่มออปชันวัตถุดิบปิโตรเคมีเวียดนาม LSP ด้วยก๊าซอีเทน ดันปูนคาร์บอนต่ำส่งนอก คว้าโอกาสจากนโยบายหนุนนวัตกรรมกรีน ดึงเทคโนโลยียกระดับการอยู่อาศัย สร้างชีวิตกรีน&สมาร์ท ขยายธุรกิจพลังงานสะอาดสู่อาเซียน สร้าง New S-curve พร้อมเดินหน้า ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เข้มข้น ดันเศรษฐกิจเติบโตแบบโลว์คาร์บอน


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เมื่อมองสถานการณ์โลกปัจจุบันและทิศทางอนาคต ในระยะ 2-5 ปี จะมีความผันผวนมากขึ้น ทั้งความท้าทายจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ พร้อมทั้งกฎเกณฑ์และโอกาสใหม่ ๆ จากเทรนด์รักษ์โลก ทุกธุรกิจของเอสซีจีจึงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมลดคาร์บอนไดออกไซด์ ตามแนวทาง Inclusive Green Growth เพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันระยะยาว


สำหรับ เอสซีจี เคมิคอลส์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 39 ของรายได้รวมเอสซีจี เร่งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลกอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับสูง ธุรกิจจึงเตรียมแผนเพิ่มศักยภาพโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ให้มีความยืนหยุ่นด้านต้นทุนการผลิตมากขึ้น จากการเพิ่มทางเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิต เพื่อให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้เหมาะสมกับจังหวะตลาดและลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ โดยจะเพิ่มสัดส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติอีเทน (Ethane) เป็นวัตถุดิบเพิ่มเติมจากการใช้แนฟทา (Naphtha) และก๊าซธรรมชาติโพรเพน (Propane) เนื่องจากราคาเฉลี่ยอีเทนต่ำกว่า ร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยราคาของแนฟทาและโพรเพนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับเพิ่มการใช้ก๊าซอีเทนยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และลดการเกิดผลิตภัณฑ์พลอยได้ (By-product)


การเสริมแกร่งครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดจุดแข็งของ LSP ที่ถูกออกแบบให้สามารถรองรับวัตถุดิบประเภทก๊าซอยู่แล้ว โดยมีระบบสาธารณูปโภคส่วนกลางที่มีความพร้อมในการติดตั้งถังเก็บวัตถุดิบและท่อนำส่งก๊าซอีเทน คาดการณ์ใช้ระยะเวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี เพื่อเดินหน้าการผลิตโอเลฟินส์ และพอลิโอเลฟินส์ อย่างพอลิเอทิลีน และพอลิโพรพิลีน ตอบโจทย์ความต้องการพลาสติกสำหรับผลิตสินค้าอุปโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในตลาดเวียดนาม ซึ่งมีความต้องการสูง ภายใต้การบริหารต้นทุนที่เหมาะสม ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ LSP จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2567


นอกจากนี้ ความพร้อมของ LSP ยังสามารถรองรับการผลิตนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMERTM ในอนาคต ซึ่งเป็นนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูงที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอบรับเทรนด์รักษ์โลก ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั้งในประเทศเวียดนามและภูมิภาคอาเซียนต่อไป


ด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน มุ่งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันเพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้มาตรการภาษีคาร์บอนที่เริ่มบังคับใช้ในหลายประเทศ โดยธุรกิจได้ดำเนินการลดคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดกระบวนการของธุรกิจล่วงหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองกับทิศทางธุรกิจ และยังเป็นโอกาสสร้างการเติบโตจากนโยบายสนับสนุนการใช้ปูนคาร์บอนต่ำเป็นหลักในหลายโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชน ที่ผ่านมา เอสซีจีสามารถส่งออกปูนคาร์บอนต่ำไปสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านตัน รวมทั้งยังสามารถขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ ทั้งในอาเซียน ออสเตรเลีย และแคนาดา จึงเร่งผลักดันด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ต่อเนื่อง ปัจจุบันกำลังพัฒนาปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 3 ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มสัดส่วนการทดแทนปูนเม็ดในการผลิต ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 40-50 เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์ประเภทเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการปูนคาร์บอนต่ำที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งขยายกำลังการผลิตปูนคาร์บอนต่ำในเวียดนามใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและสามารถเป็นฐานการส่งออกในอนาคต


ทิศทางของ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า สินค้าหลักอย่างกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะมุ่งพัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำมากขึ้น ตอบโจทย์ตลาดรักษ์โลก เน้นการลดคาร์บอน พร้อมมีดีไซน์สวยและแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้มีแผนใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ออกแบบผลิตภัณฑ์ เพิ่มความรวดเร็วและปรับได้ตามความต้องการลูกค้า ควบคู่กับพัฒนากระบวนการผลิต เพิ่มหุ่นยนต์ เพื่อลดของเสีย บริหารต้นทุนให้แข่งขันได้กับผู้เล่นรายใหม่ ๆ ที่เข้ามา เช่น จีน และเตรียมขยายตลาดวัสดุก่อสร้างไปยังตลาดอินเดีย และตะวันออกกลางซึ่งเติบโตสูงมากขึ้น นอกจากนี้ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้างานระบบ ตอบโจทย์การก่อสร้างเร็วและใช้งานดีขึ้น โดยเฉพาะระบบผนังที่มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ช่วยกันร้อนและกันเสียง รวมไปถึงระบบหลังคา ดีไซน์หลากหลาย ปรับได้ตามความต้องการและแบบบ้าน พร้อมฟังก์ชันกันร้อน และช่วยประหยัดพลังงาน


เดินหน้าสมาร์ทโซลูชัน New S-curve จากแบรนด์ ‘ออนเนกซ์ (ONNEX)’ ที่ผสานความเชี่ยวชาญของเอสซีจีและเทคโนโลยีล้ำสมัย ยกระดับการอยู่อาศัยทุกมิติ ทั้งประหยัดพลังงาน ด้วยระบบบำบัดอากาศเสีย ‘Air Scrubber’ และโซลูชันพลังงานสะอาด ‘Solar Hybrid Solutions’ ดูแลคุณภาพอากาศในบ้านและอาคาร ‘Bi-on’ ในอนาคตจะเพิ่มโซลูชันดูแลผู้สูงอายุ ตอบเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ พร้อมเตรียมเชื่อมต่อกับทุกโซลูชันของออนเนกซ์ให้สามารถบริหารจัดการได้ในแพลตฟอร์มเดียว ผ่าน ระบบปฏิบัติการดิจิทัล ‘Trinity’ เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้งานมากขึ้น


เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มและ AI ยกระดับระบบจัดจำหน่ายสินค้าให้ลูกค้าและคู่ค้าเข้าถึงสะดวกขึ้น ช่วยลดระยะเวลาการเก็บสินค้าคงคลัง และสามารถคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคต ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นภายใต้ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น แอปพลิเคชัน ‘Prompt Plus’ สำหรับระบบค้าส่ง สามารถช่วยวิเคราะห์และนำเสนอสินค้าตามความต้องการ (Personalized Recommendations) เพื่อการบริหารจัดการสินค้าคงคลังของผู้แทนจำหน่ายและร้านค้ารายย่อยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกัน ขยายการก่อสร้างและที่อยู่อาศัยรักษ์โลกสู่ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง อาทิ นำเสนอคอนกรีตผสมแบบพร้อมใช้ ‘CPAC Ready Mix’ และ ‘CPAC 3D Printing Solution’ เข้าสู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการก่อสร้าง ลดของเสียหน้างาน


ธุรกิจ New S-Curve เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ เดินหน้าขยายสู่อาเซียน ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มุ่งสู่เป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 3,500 เมกะวัตต์ในปี 2573 ด้วยจุดแข็งด้านนวัตกรรมและโซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจรระดับโลก ทั้งระบบบริหารจัดการ การผลิต การจัดเก็บ (Energy Storage System) และจำหน่ายไฟฟ้าจากแพลตฟอร์มพลังงานสะอาด ‘Smart Micro Grid’ ตลอดจน ‘แบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด (Heat Battery)’ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างยูนิตแรกของโลกสำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ที่โรงงานปูนซีเมนต์ เอสซีจี จ.สระบุรี นอกจากนี้ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการลงทุนในบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง 'นวัตกรรมการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์แบบ Tandem Perovskite' โดยบริษัทนี้มีจำนวนสิทธิบัตรอันดับต้น ๆ ของโลก เพื่อช่วยผลิตเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 30 ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวกยิ่งขึ้น


แผนรุกครั้งนี้ เอสซีจีเดินหน้าบนมาตรการคุมเข้มทางการเงิน โดยจะพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ ภายใต้งบประมาณการลงทุนปีละ 40,000 ล้านบาท และมุ่งลดเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ร้อยละ 10-15 จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมทั้งโฟกัสในธุรกิจที่มีศักยภาพ ปิดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร โดยหมุนทรัพยากรและกำลังคนมาโฟกัสในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต ครึ่งแรกของปี มีเงินสดคงเหลือ 78,907 ล้านบาท




นายธรรมศักดิ์ เสริมถึงทิศทางติดปีกธุรกิจต่อไปว่า เอสซีจีกำลังเร่งขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยี นำ AI มาขับเคลื่อนธุรกิจทุกมิติ สนับสนุนให้พนักงานทุกคนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างเข้าใจ ทำจริง และขยายผลต่อยอด เพื่อปูทางสู่ศักยภาพธุรกิจระยะยาว วันนี้มีหลายโครงการเริ่มเดินหน้าและอยู่ในแผนพัฒนา เช่น การดึง AI เป็นเพื่อนคู่คิดลูกค้าช้อปปิ้งเรื่องบ้านโดนใจ หรือ AI ดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงเพื่อการทำงานอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ เอสซีจี ร่วมกับภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ขับเคลื่อน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5 ด้าน ได้แก่ 1) เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด​จากศักยภาพพื้นที่​และสายส่ง​ด้วยระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Grid​ Modernization)  2) มุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ผลิตสินค้ารักษ์โลกและคาร์บอนต่ำ3) สร้างมูลค่าเพิ่มจากของเหลือใช้ 4) การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ลดใช้น้ำ ลดคาร์บอน  5) เพิ่มพื้นที่สีเขียว ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมทั้งหาทุนสีเขียว (Green Funding) จากต่างประเทศมาพัฒนานวัตกรรมคาร์บอนต่ำ อาทิ เทคโนโลยีดักจับและใช้ประโยชน์จากคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS) เพื่อมุ่งสร้างเศรษฐกิจเติบโตแบบโลว์คาร์บอน ตั้งเป้าปี 2573 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี 5 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หนุนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์บรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593




“เอสซีจี ติดตามสถานการณ์ไทยและโลกทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ สังคม สิ่งแวดล้อม เพราะต่างส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันยังนำมาวิเคราะห์ล่วงหน้า จัดทำแผนที่เหมาะสมกับแต่ละจังหวะ และนำมาใช้ปรับตัวอย่างทันท่วงทีให้ธุรกิจดำเนินต่อเนื่องและมั่นคง นอกจากจะสร้างความสามารถทางการแข่งขันที่เข้มแข็งทั้งในระยะสั้น-กลาง-ยาว ยังรักษาเสถียรภาพทางการเงิน พร้อมขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง ตอบทุกโอกาสและความท้าทายที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง" กรรมการผู้จัดการใหญ่ สรุปปิดท้าย

6
4 วิธีรักษาหยุดน้ำท่วมปอดจากมะเร็ง

ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก
โรงพยาบาลวชิรพยาบาล


              รู้หรือไม่ว่า น้ำในเยื่อหุ้มปอด หรือน้ำท่วมปอด (malignant pleural effusion) หรือว่า ภาวะน้ำท่วมปอด (Pulmonary edema) หรือภาวะปอดบวมน้ำ นั้นมักเกิดจากการมีของเหลวในถุงลมปอดมากผิดปกติ  ทำให้การแลกเปลี่ยนก็าซลดลง ผู้ป่วยจึงเกิดอาการต่าง ๆ จากการมีระดับออกซิเจนในเลือดลดลงหากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงมักเจอบ่อยในกลุ่มคนไข้มะเร็ง ซึ่งจะเกิดจากตัวมะเร็งกระจายไปที่เยื่อหุ้มปอด แล้วผลิตน้ำออกมา ส่งผลทำให้มีอาการไอหรือเหนื่อย โดยสามารถเจอมากถึง 40% ในกลุ่มคนไข้มะเร็งในระยะ 4 (มะเร็งที่กระจายสู่อวัยวะอื่นๆ)  ซึ่งได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้และมะเร็งอื่นๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งผู้ป่วยมักจะมาเจอด้วยอาการนี้เป็นครั้งแรก (เจอก็ระยะ 4 เลย) เหตุผลว่า ทำไมผู้ป่วยถึงไม่แสดงอาการและมักเจอระยะที่ 4 เพราะว่าภายในปอดทั้ง  2 ข้างมีถุงลมหลายล้านเซลล์ที่คอยทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจน เมื่อมะเร็งเริ่มก่อตัวเป็นจุดเล็ก ๆ ในปอด จึงยังไม่แสดงอาการ เนื่องจากมีถุงลมจำนวนมากพอที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนแทน กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปอดก็เป็นตอนที่น้ำท่วมปอดหรือก้อนกระจายไปแล้ว อยู่ในระยะลุกลามที่เริ่มรุนแรงมากแล้ว ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูง 4 วิธีช่วยรักษาอาการน้ำท่วมปอดจากมะเร็งให้ดีขึ้น ได้แก่


1.การใส่สายระบายเพื่อระบายน้ำในเยื่อหุ้มปอดออกมา การรักษาจะสามารถช่วยผู้ป่วยได้เบื้องต้นทำให้หายใจโล่งขึ้น แต่น้ำมักมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง เนื่องจากยังงมีเซลล์มะเร็งอยู่

2.ผ่าตัดส่องกล้องแก้น้ำจากมะเร็งแบบจุดเดียว (Uniportal VATS Surgery) โดยเจาะรูบริเวณข้างลำตัวผ่านช่องซี่โครงเพื่อใส่เครื่องมือเข้าไปทำการผ่าตัด โดยจะล้างเอาน้ำออก และ ใส่สารเคลือบปอด ( Talc pleurodesis) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร เจ็บน้อย พักฟื้นไม่นาน (อย่างไรก็ตามเนื่องจากมะเร็งระยะ 4 การรักษาหลัก ๆ ส่วนใหญ่ บทบาทยังคงเป็นการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและยาภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งลุกลามกว่าเดิม)



3.เคมีบำบัด (Chemotherapy) ใช้ในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ทำให้ฝ่อลงและควบคุมแพร่กระจาย เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ขึ้นไปโดยเฉพาะใยรายที่มีการลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น และ เยื่อหุ้มปอด

4.ภูมิคุ้มกันบำบัด(Immunotherapy) เป็นการรักษามะเร็งด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่เข้าไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้กำจัดเซลล์มะเร็ง มักเหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งระยะที่3 และระยะที่ 4 ทั้งนี้อาจใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด รังสีรักษา หรือมีการผ่าตัดร่วมด้วยตามคำแนะนำของแพทย์



              สามารถเข้ามาศึกษาการรักษาแก้น้ำท่วมปอดจากมะเร็งและปรึกษาได้ที่เว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com หรือเพจเฟซบุ๊ก ผ่าตัดปอดโดยผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ได้ที่ Lineid:@lungsurgeryth

7
แชมป์ดิโอเพ่นร่วมล่าแชมป์ เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น สองโปรไทยพร้อมลงแก้มือ


ไบรอัน ฮาร์แมน

13 กันยายน 2567 - ไบรอัน ฮาร์แมน ดีกรีแชมป์ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพปี 2023 ตอบรับร่วมวงสวิงศึกเอเชียนทัวร์ รายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35 ล้านบาท) ณ สนามมาเก๊า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 10 -13 ตุลาคมนี้ ซึ่งปีนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และครบรอบ 25 ปีของเขตบริหารพิเศษมาเก๊ากลับคืนสู่จีน ด้าน ภูมิ ศักดิ์แสน และ พชร คงวัดใหม่ สองโปรแถวหน้าของไทยพร้อมลงแก้มืออีกครั้ง (ภาพ: Asian Tour/Getty Images)

โดย ฮาร์แมน โปรกอล์ฟมืออันดับ 19 ของโลกชาวอเมริกันจะประชันฝีมือลุ้นแชมป์กับ ลี มิน วู แชมป์เก่าจากออสเตรเลีย และดาวดังจากเอเชียนทัวร์อย่าง จอห์น แคทลิน จากสหรัฐฯ, เบน เคมพ์เบลล์ จากนิวซีแลนด์, ไทอิจิ โค จากฮ่องกง รวมถึง ภูมิ ศักดิ์แสน และพชร คงวัดใหม่ สองโปรหนุ่มแถวหน้าไทยที่หวังแก้มือในปีนี้ หลังจบอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับเมื่อปีที่แล้ว


พชร คงวัดใหม่

สำหรับฮาร์แมน คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์มาแล้ว 3 รายการ และผลงานโดดเด่นที่สุดคือการแข่งขันดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาเอาชนะคู่แข่ง 6 สโตรก ผงาดครองแชมป์เมเจอร์แรกในอาชีพที่สนามรอยัล ลิเวอร์พูล โดยขึ้นเป็นผู้นำในรอบที่สอง หลังตีเข้ามาด้วยสกอร์ 65 และรักษาตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้เมื่อจบรอบสาม เข้าสู่รอบสุดท้ายโดยมีสกอร์นำอยู่ 5 สโตรก และคว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ

โปรกอล์ฟจากสหรัฐฯ กล่าวถึงการเข้าร่วมแข่งขันที่มาเก๊าว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ในปีนี้ และตื่นเต้นที่จะได้ประชันฝีมือกับเหล่านักกอล์ฟระดับแถวหน้าของเอเชียนทัวร์ ผมได้ยินเรื่องราวดีๆ มากมายเกี่ยวกับสนามกอล์ฟแห่งนี้และหวังว่าจะได้โชว์ผลงานที่น่าประทับใจต่อหน้าแฟนกีฬากอล์ฟในมาเก๊า”


จอห์น แคทแลน

ด้านจอห์น แคทแลน เป็นนักกอล์ฟอีกหนึ่งคนที่น่าจับตามองในการแข่งขันปีนี้ ปัจจุบันรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอันดับคะแนนสะสมเอเชียนทัวร์ หรือเอเชียนทัวร์ ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต จากผลงานคว้าแชมป์สองรายการติดต่อกันในศึกอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า และซาอุดิ โอเพ่น พรีเซนเต็ดบาย พีเอฟไอ รวมทั้งจบใน 10 อันดับแรกอีกสองรายการ โดยในชัยชนะที่อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แคทลินทำสถิติตี 11 อันเดอร์พาร์ 59 ในรอบที่สาม และเจ้าตัวตั้งเป้าคว้าแชมป์รายการที่สองที่มาเก๊าเมื่อกลับมายังสนาม มาเก๊า กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ อีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้

แคทลิน กล่าวถึงการแข่งขันที่มาเก๊าในเดือนหน้าว่า “ผมเฝ้ารอที่จะได้กลับเยือนมาเก๊าอีกครั้ง ผมมีความสุขมากกับการแข่งขันที่นี่ และเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษสำหรับผม สนามมาเก๊า กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ เหมาะกับเกมการเล่นของผม ตอนนี้ผมนับวันรอการแข่งขันเอสเอ็มเจ มาเก๊า โอเพ่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะคว้าแชมป์เพิ่มอีกสักรายการให้กับตัวเองในฤดูกาลนี้”

ส่วนเบน แคมพ์เบลล์ ที่เอาชนะแคทลิน ในการแข่งขันรายการ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลุ้นคว้าแชมป์เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น เช่นกัน แคมพ์เบลล์สร้างผลงานโดดเด่นที่โมร็อกโก หลังจากพลิกสถานการณ์ที่ตามหลังแคทลิน 3 สโตรก ขณะเหลืออีก 2 หลุม ทำแต้มตีเสมอ ก่อนไปพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 20 ฟุตที่หลุม 18 ในการดวลเพลย์ออฟหลุมแรก คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์รายการที่สองให้กับตัวเอง ต่อจากฮ่องกง โอเพ่น 2023 ซึ่งโปรกอล์ฟจากนิวซีแลนด์ ยิงเบอร์ดี้ระยะ 15 ฟุตในหลุมสุดท้าย เฉือนชนะ คาเมรอน สมิธ แชมป์ดิ โอเพ่น ปี 2022 จากออสเตรเลีย และพชร คงวัดใหม่ นักกอล์ฟหนุ่มไทยไปได้แบบเร้าใจ


ไทอิจิ โค

ขณะที่ ไทอิจิ โค เป็นอีกหนึ่งดาวดังอีกจาก Greater Bay Area (พื้นที่เศรษฐกิจใหม่ กวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า) ที่จะร่วมชิงชัยในการแข่งขันรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น โดยสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟจากฮ่องกงคนแรกที่คว้าแชมป์เอเชียนทัวร์ หลังจากชนะเลิศรายการเวิลด์ ซิตี้ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2023 และคว้าเหรียญประวัติศาสตร์ให้กับทัพนักกอล์ฟฮ่องกงเป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้เหรียญทองประเภทบุคคลและเหรียญทองแดงประเภททีม

ไทอิจิ โค เผยระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนร่วมชิงชัยที่มาเก๊าว่า “ผมสนุกกับการแข่งขันทุกครั้งในเกรทเตอร์เบย์ แอเรีย ซึ่งผมได้รับการสนนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากแฟนๆ ตอนนี้ผมเฝ้ารอที่จะได้โชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดอีกครั้งในรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น และคว้าแชมป์ได้สำเร็จ


ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์

นอกจากนี้ยังมี คิม ฮงเท็ก โปรกอล์ฟจากเกาหลีใต้ ที่ปัจจุบันรั้งที่ 7 ของอันดับทำเงินรางวัลสะสมเอเชียนทัวร์ ตั้งเป้าขยับอันดับดับขึ้นด้วยการคว้าแชมป์รายการที่สองต่อจากแชมป์จีเอส คาลเท็กซ์ เมคยอง โอเพ่น เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ และพชร คงวัดใหม่ สองโปรกอล์ฟไทยที่เข้าป้ายอันดับ 2 และ 3 ในการแข่งขันเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น เมื่อปีที่แล้ว หวังทำผลงานได้ดีกว่าเดิมในปีนี้[/size

โดยภูมิ ซึ่งกลับมาคว้าแชมป์เอเชียนทัวร์แรกในรอบ 5 ปี ในศึกหยางเต๋อ ทีพีซี ที่ไต้หวันเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และสู้กับ ลี มินวู ได้อย่างสนุกในการลุ้นแชมป์เอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น เมื่อปีที่แล้ว และหวังว่าจะทำได้ดีอีกครั้งในปีนี้ เจ้าตัวกล่าวถึงเป้าหมายในปีนี้ว่า “ผลการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว เป็นแรงผลักดันให้ผมอยากกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น การแข่งขันรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น มีความเข้มข้นสูสี แต่ผมเชื่อว่าตัวเองมีเกมที่ดีพอจะขยับผลงานให้ดีขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นและมีโอกาสคว้าแชมป์ปีนี้ได้”

ส่วนนักกอล์ฟไทยคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมแข่งขันรายการเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ในเดือนตุลาคมนี้ ยังมี นิติธร ทิพย์พงษ์ ,สดมภ์ แก้วกาญจนา, เด่นวิทย์ เดวิด บริบูรณ์ทรัพย์ และสุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย ที่ล้วนคว้าแชมป์เอเชียนทัวร์มาแล้ว

แฟนกีฬากอล์ฟสามารถลงทะเบียนเพื่อรับบัตรเข้าชมฟรีในการแข่งขันกอล์ฟเอสเจเอ็ม มาเก๊า โอเพ่น ระหว่างวันที่ 10 -13 ตุลาคมนี้  โดย 1 ท่านสารถลงทะเบียนรับบัตรได้ 10 ใบ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.sjmmacaoopen.com


8
BEDO นำเสนอการพัฒนา AI มาสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ


             สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิด การบริหารจัดการการนำทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการ อนุรักษ์อย่างยั่งยืน BEDO ได้ขับเคลื่อนการทำงานด้านทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ ควบคู่กับการ บริหารจัดการข้อมูลทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพในรูปแบบของระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทาง ชีวภาพ โดยเริ่มต้นจากการค้นหาของดีจากความหลากหลายทางชีวภาพ และได้รับการสนับส นุนข้อมูลจาก นักวิชาการที่ร่วมกันจัดทำข้อมูลบัญชีรายการทรัพยากรชีวภาพ ข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูล องค์ความรู้ออนไลน์ และข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจน สพภ. ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลด้วย ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อนำใช้ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นวิสาหกิจชุมชน ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ ภาคการศึกษา ไปต่อยอดเชิงคุณค่าเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจ การผลิตสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่จากความหลากหลาย ทางชีวภาพ ที่ถือเป็น “วัตถุดิบในเชิงเศรษฐกิจ” นำไปสู่การพัฒนาเป็น Soft Power สร้างฐานรายได้ใหม่เป็น New Engine of Growth ในอนาคต


             เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567สพภ. ได้จัดประชุมเผยแพร่ความหลากหลายทางชีวภาพกับการสร้างโอกาส ทางธุรกิจด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ ในหัวข้อ “AI กับโอกาสทางธุรกิจชีวภาพ” ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอน เวนชั่น โดยมีนางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ เป็นประธานใน พิธีพร้อมด้วยคณะกรรมการ สพภ. คณะผู้บริหาร สพภ. และวิทยากรทุก ๆ ท่าน และมีผู้เข้าร่วมที่มีความสนใจ เป็นจำนวนมากกว่า 100 คน โดยภายในงานได้มีการแนะนำระบบของ สพภ. และให้ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ หัวข้อ“AI กับโอกาสทางธุรกิจชีวภาพ”คือ


1) แนะนำระบบงานบริการของ สพภ. โดย ดร.ธนิต ชังถาวร รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ จากฐานชีวภาพ

2) แนะนำระบบฐานงานบริการข้อมูลฐานชีวภาพด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการนำไปใช้ ประโยชน์โดย นายสัณห์ อุทยารัตน์ ที่ปรึกษาโครงการบริษัท เกรซ เทคโนโลยี แอนด์ คอนซัลแตนท์

3) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับเศรษฐกิจชีวภาพ (BCG) โดย ดร.วาริน รัชนานุสรณ์ ผู้อำนวยการสถาบัน ส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล





4) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับ เศรษฐกิจ โดยนายสืบศักดิ์ สืบภัคดี กรรมการบริหารและเลขาธิการ สมาคม โทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

5) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับ เกษตรที่ยังยืน โดย รศ.ดร.มงคล รักษาพัชรวงศ์ผู้อำนวยการสถานี  รับสัญญาณดาวเทียมจุฬาภรณ์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

6) ให้ความรู้เกี่ยวกับ AI กับ สิ่งแวดล้อม โดย ดร.ไชยวัฒน์ กล่ำพล ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ  คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์






             สพภ. จัดประชุมเผยแพร่ “AI กับโอกาสทางธุรกิจชีวภาพ” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลฐานชีวภาพเพื่อนำ ความหลากหลายทางชีวภาพไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยข้อมูลเชิงนิเวศ  ข้อมูลภูมิปัญญา ข้อมูลการนำไปใช้ประโยชน์ และส่งเสริมความรู้การพัฒนาศักยภาพของข้อมูลฐานชีวภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการประมวลผลข้อมูลในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนำไปสู่การพัฒนา เป็น Soft Power สร้างฐานรายได้ใหม่เป็น New Engine of Growth

9
โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย คว้ารางวัล "ทราเวลเลอร์ส ชอยซ์"
จาก "ทริปแอดไวเซอร์ อวอร์ดส 2024"


              อองตวน เดนดา (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย พร้อมด้วย ศศิวิมล ไชยสมาน (คนที่ 5 จากซ้าย) หัวหน้าฝ่ายการเงิน, เฟดเดอริกา วาเลนตินา แซนรินี (คนที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าต่างประเทศ, ธนากร สุววัฒนะ (คนที่ 6 จากซ้าย) หัวหน้าแผนกช่าง, จรรยา กอบัวแก้ว  (คนที่ 1 จากซ้าย) รองหัวหน้าแผนกครัว และ นัทธ์พิรดา รัตนรักษ์จิระบุญ (คนที่ 5 จากซ้าย) ผู้จัดการห้องอาหารของโรงแรมฯ ร่วมแสดงความยินดีและเป็นส่วนหนึ่งของความภาคภูมิใจ ที่โรงแรมฯ ได้รับรางวัล "ทราเวลเลอร์ส ชอยซ์" (Travellers' Choice) จาก "ทริปแอดไวเซอร์ อวอร์ดส 2024" (TripAdvisor Awards 2024) ซึ่งเป็นการการันตีถึงความเป็นเลิศด้านคุณภาพและมาตรฐานของโรงแรมฯ โดยแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก ที่พิจารณามอบรางวัลจากผลการโหวตและรีวิวของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ณ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย

10
สจล. ลงนามร่วมมือทางวิชาการ MOU กับ 65 หน่วยงาน  สร้างทักษะ 8 กลุ่มรายวิชา
พร้อมเปิด 3 รายวิชา Hyflex ให้ผู้สนใจได้เรียน ในงาน KMITL GenEd Day 2024


               เพื่อเสริมทักษะ Hard Skills / Soft Skills ให้น้องๆ มัธยมศึกษาตอนปลายและบุคคลภายนอกได้เรียนรู้ด้วยตนเอง – ตลอดชีวิต  พร้อมก้าวสู่การเป็นนวัตกรและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ


               สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก้าวสู่ปีที่ 65 สำนักวิชาศึกษาทั่วไป (GenEd) ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีกว่า 25,000 คน มีทักษะที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถาบันฯ ที่มุ่งพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมโลก โดยจัดงาน KMITL GenEd Day 2024 พร้อมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่าง สจล. และ 65 หน่วยงานชั้นนำของไทย พร้อมเปิดคอร์ส อบรมตอบโจทย์ทุกช่วงวัย เพื่อประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน ภายใต้ธีม “Connecting the dots: Integrating Knowledge for Innovators” โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. และผศ.ศิริพันธ์ มุรธาธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาศึกษาทั่วไป สจล. ร่วมเปิดงานและแถลงข่าว พร้อมมอบสูจิบัตรที่ระลึกความร่วมมือทางวิชาการ  ณ สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิต สจล.


               รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมโลก ด้วยวิสัยทัศน์การเป็น “The World Master of Innovation” เพื่อแสดงศักยภาพด้านการวิจัยเชิงประยุกต์และนวัตกรรมสู่สังคม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพื่อเตรียมนักศึกษาให้พร้อมสำหรับการเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) โดยสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง ผ่านหลักสูตรของสำนักวิชาศึกษาทั่วไป (General Education) และประเมินผลผ่าน Skill Mapping ที่สามารถระบุทักษะที่โดดเด่นของนักศึกษาแต่ละบุคคล


               ทั้งนี้ การพัฒนาหลักสูตรจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ครั้งนี้ จึงมีความสำคัญในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในแต่ละศาสตร์และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันผลิตบัณฑิตที่มีทั้งสมรรถนะทักษะ (Hard Skills) และจรณทักษะ (Soft Skills ) พร้อมกับการทำงานในอนาคต และมุ่งให้นักศึกษาเป็นนวัตกรและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ สจล. ยังพร้อมคนทุกช่วงวัยให้มีโอกาสได้เพิ่มเติมทักษะให้ตัวเองกับคอร์สเรียน คอร์สอบรมทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์ ผ่านสำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(KLLC) และ KMITL Master Class ที่มีกว่า 300 รายวิชา


               ซึ่งในครั้งนี้ได้ทำความร่วมมือทางวิชาการกับ 65 หน่วยงานที่มีคุณภาพ และความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างคอร์สเรียนใน 8 กลุ่มทักษะ ได้แก่ 1.SDGs, 2.SoulGlow, 3.PassionCrafts, 4.TechFusion, 5.Profiteer, 6.SuccessFuel, 7.ChitChat และ 8.VisionaryX เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักศึกษาที่มีความสนใจในด้านต่างๆ ที่หลากหลาย และสามารถนำไปต่อยอดกับความรู้ที่มีอยู่ได้


               ผศ.ศิริพันธ์ มุรธาธัญลักษณ์  ผู้อำนวยการสำนักวิชาศึกษาทั่วไป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า สจล. ได้เริ่มดำเนินโครงการ "GENED: Jumpstart Your Journey to KMITL" เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและบุคคลภายนอกเข้าเรียนเพื่อสะสมหน่วยกิต ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง โดยผู้เรียนสามารถเลือกวัน เวลา ในการเรียน ตลอดจนวางแผนการเรียนรู้ได้ เป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ใฝ่รู้ และพัฒนาตนเองต่อเนื่องตลอดชีวิต


               สำหรับความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่าง สจล. และ 65 หน่วยงาน ในครั้งนี้ เป็นการผสานความร่วมมือกับกลุ่มทักษะด้านบุคคลและทักษะส่งเสริมวิชาชีพ ที่มีความเป็นมืออาชีพให้มาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน โดย หน่วยงานที่เข้าร่วม MOU ในครั้งนี้ เช่น สถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สมาคมคหเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, สมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก, สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย, สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทยจีน, สมาคมนวัตกรรมภาคอุตสาหกรรม และสมาคมวิจัยสถาบันและพัฒนาอุดมศึกษา เป็นต้น


               นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะเปิดรายวิชาที่มีรูปแบบการเรียนการสอนในลักษณะ Hyflex  ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบยืดหยุ่น ผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ ทั้งการเรียนกับเพื่อน หรือการทำชิ้นงาน และรายวิชาที่คาดว่าจะเปิดรับ ประกอบด้วย Practice Under Personal and Professional Skills 3 (3 หน่วยกิต), YouTuber (3 หน่วยกิต), English Skill Development for Life-long Learning (3 หน่วยกิต) ซึ่งจะเปิดให้กับผู้สนใจทั่วไปได้ลงทะเบียนเรียนกันอีกด้วย เปิดรับสมัครในช่วงเดือน มกราคม พ.ศ. 2568 ช่วงเวลาเรียน เมษายน 2568 ถึง พฤษภาคม 2568


               ทั้งนี้ ทักษะต่างๆ ที่นำมาให้เรียนรู้เพิ่มเติม อาทิ การคิดวิเคราะห์และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Analytical and Critical Thinking), การแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน (Complex Problem Solving), การคิดสร้างสรรค์ (Creativity), ความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interpersonal Skills),  ความซื่อสัตย์และความพากเพียรพยายาม (Integrity and Perseverance),  การเรียนรู้เชิงรุกและการใฝ่รู้(Active Learning and Learning Strategies),  ความอดทน ยืดหยุ่น และฟื้นตัวจากสภาวะความเครียด (Resilience, Stress Tolerance and Flexibility) และการเป็นผู้นำและผู้เปลี่ยนแปลงสังคม (Leadership and Social Influence)

               สำหรับการจัดงาน KMITL GenEd Day 2024 โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ  ประกอบด้วย คุณธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ร่วมแชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนาเรื่อง “เจ๊งในกระดาษ ดีกว่าเจ๊งในชีวิตจริง”, คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ (มิหมี Techsauce) ร่วมแชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนาเรื่อง “บทเรียนสตาร์ทอัพ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง”, คุณสรานี สงวนเรือง (เฟื่องลดา Ladies of Digital Age) แชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนา  “พูดอย่างไร ใครๆ ก็อยากฟัง" และคุณรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ (โจ้ Que Q) แชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนาเรื่อง “จาก SME สู่ QueQ สตาร์ทอัพร้อยล้าน” อีกด้วย

               ผู้ที่สนใจสมัครเรียน สามารถติดต่อ สำนักวิชาศึกษาทั่วไป สจล. โทร 02 329 8220 คุณผจงจิตต์ ยืนวงษ์ และ facebook GenEd KMITL สำนักวิชาศึกษาทั่วไป พระจอมเกล้าลาดกระบัง

               ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000

11
กำปั้นจอมโหด "อเลสซิโอ" ส่งหมัด "นครชัย" พ่าย TKO หมดรูปยก 2


               การแข่งขันศึก "FCC 6" ที่สังเวียน FCC BOXING GYM PATTAYA เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา กำปั้นจอมเก๋า อเลสซิโอ บิสุตติ นักชกจากอิตาลี เจ้าของเข็มขัดแชมป์มวยโลก WBA, WBC, ABF และ PAT สถิติไม่เคยแพ้ใคร ชนะน็อกรวด 6 ครั้ง ดวลหมัดกับ นครชัย ปานทัง นักชกไทย รุ่นเฮฟวี่เวท


               เกมการชกเป็นไปอย่างดุเดือด ทันทีที่ระฆังดังเริ่มยกแรก กำปั้นทั้งคู่เดินหน้าแลกหมัดกันแบบไม่มีเกรงกลัว จนเข้าสู่ยก 1 อเลสซิโอ บิสุตติ รัวหมัดซ้อนเข้าปลายคาง นครชัย ปั้นแตง จนออกอาการ แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้


               เข้าสู่ยกที่ 2 กำปั้นจอมเก๋า อเลสซิโอ บิสุตติ เริ่มเหนือกว่าออกหมัดตัดลำตัวสลับใบหน้าได้จังๆ ทำเอา นครชัย ปั้นแตง นักชกไทย ออกอาการให้เห็นแบบชัดเจน ปล่อยซ้ายเข้าปลายคางส่ง นครชัย ปั้นแตง หงายท้องนอนลงไปกองแบบหมดสภาพหลังโดน สะสมมาเยอะ ทำให้กรรมการตัดสินใจยุติการชกในที่สุด ทำให้ อเลสซิโอ บิสุตติ รุ่นเฮฟวี่เวท คว้าความปราชัยในไฟต์นี้ได้สำเร็จ


ผลการแข่งขันทุกคู่ในศึก FCC 6 มีดังนี้

คู่ที่ 1. รุ่นไลท์เวท พิกัด 108 ปอนด์ (4 ยก) ระหว่าง.จิรกฤต จารุรัตน์ชัย ชนะคะแนน นัฐพงษ์ ไชยมงคล

คู่ที่ 2. รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ (4 ยก) ระหว่าง เรนาโต้ ชา นักชกจากฟิลิปปินส์ เสมอกัน พิศิษฐ์ เเป้าจันทึก นักชกไทย

คู่ที่ 3. มวยหญิง รุ่นไลท์เวต พิกัด 135 ปอนด์ (6 ยก) ระหว่าง ไซรีน ลาจิลี นักชกจากตูนิเซีย แพ้คะแนนให้กับ กาซาล เรซาอี นักชกจากอิหร่าน





คู่ที่ 4. เป็นการแข่งขันชกมวยไทย รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท พิกัด 126 ปอนด์ (3 ยก) ระหว่าง ตูมตาม ศิษย์ชาญสิงห์ แพ้น็อก ยก 1 ฉัตรชัย คล้ายสวน

คู่ที่ 5. เป็นการแข่งขันชกมวยไทย รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท พิกัด 114 ปอนด์ (3 ยก) ระหว่าง ภูสยาม ศิษย์ชาญสิงห์ แพ้น็อก ยกที่ 2 ธีร์ธ วัชดนย์

คู่ที่ 6. .รุ่นเฮฟวีเวท พิกัด 225 ปอนด์ (4 ยก) ระหว่าง ดาริว ซามูเอล เฮล นักชกจากไอร์แลนด์ ชนะน็อกยกที่ 1 ชินกฤต ศิริมงคลยิม นักชกไทย

คู่ที่ 7. รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 140 ปอนด์ (6 ยก) ระหว่าง ไรอัน วิลลิส นักชกจากฟิลิปปินส์ ชนะน็อก ยกที่ 1 อภิชาติ มานพชัยยิม นักชกไทย







คู่ที่ 8. รุ่นครุยเซอร์เวท พิกัด 200 ปอนด์ (6 ยก) ระหว่าง ลัมรานี อับเดอร์เรซซัค นักชกจากแอลจีเรีย ชนะน็อก ยกที่ 3 ยุทธนา สิทธิมโนชัย นักชกไทย

คู่ที่ 9. รุ่นเวตเตอร์เวต พิกัด 147 ปอนด์ (8 ยก) ระหว่าง วาลิด เอล เคฮาล นักชกจากโมร็อกโก ยอมแพ้ให้กับ มาห์ดี ซาร์บาซ นักชกจากอิหร่าน เป็นฝ่ายชนะ

คู่ที่ 10. คู่เอกเป็นการชกชิงเข็มขัด UBO แชมเปี้ยนชิพ รุ่นมิดเดิ้ลเวท พิกัด 168 ปอนด์ (10 ยก) ระหว่าง แฟรงค์ อาทังกานา นักชกจากฝรั่งเศส คว้าเข็มขัดแชมป์ UBO ด้วยการเอาชนะคะแนน อาหมัด ซามีร์ ดาวรานี นักชกจากอัฟกานิสถาน

คู่ที่ 11. เป็นการชกอุ่นเครื่อง รุ่นเฮฟวี่เวท พิกัด 220 ปอนด์ (10 ยก) ระหว่าง อเลสซิโอ บิสุตติ นักชกจากอิตาลี ชนะน็อกยกที่ 2 นครชัย ปั้นแตง นักชกไทย







               สำหรับ "FCC 7" ไฟต์ต่อไป โปรโมเตอร์ มีสเตอร์ อเลสซิโอ บิสุตติ ขนทัพทีมงาน FCC BOXING GYM PATTAYA ไปจัดการแข่งขันกันที่สนามมวยลุมพินี ซึ่งเป็นสังเวียนในประวัติศาสตร์ และในครั้งนี้ขอเชิญชวนมาเชียร์มาชมมวยมันส์ ๆ ดุเดือดและเร้าใจ พบกับนักชกชาวไทยปะทะต่างชาติและมวยไทย ในศึก "FCC 7" ซึ่งรายการนี้เป็นการชกชิงเข็มขัดแชมป์เปี้ยน (UBO) FCC BOXING GYM PATTAYA เปิดสังเวียนไฟต์ประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2567 ณ สนามมวยเวทีลุมพินี เริ่มสร้างประวัติศาสตร์กันตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ห้ามพลาด!

12
สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ เชิญรับชมเพจเฟซบุ๊ก“ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง” EP.43 ตอน “การฉายแสง ช่วยรักษาโรคผิวหนังอย่างไร”


สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย หรือ DST ขอเชิญประชาชนและผู้สนใจทั่วไป เข้ารับชม Facebook Live ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง” ใน EP.43 ในหัวข้อ “การฉายแสง ช่วยรักษาโรคผิวหนังอย่างไร” ในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 19.00-20.00 น.

???

แสงอาทิตย์เป็นสิ่งที่ให้คุณประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลก เช่น ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างวิตามินดี (ช่วยป้องกันโรคกระดูกผุ) และใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคด่างขาว ผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคผมร่วง เนื่องจากเราไม่สามารถควบคุมความเข้มข้นของแสงอาทิตย์ จึงได้มีเครื่องมือฉายแสงอาทิตย์เทียม ซึ่งผลิตแสดงอัลตราไวโอเลต เอ และ บี ที่ใช้รักษาโรคผิวหนัง

สำหรับเพจเฟซบุ๊ก “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง” ใน EP.43  ในหัวข้อ“การฉายแสง ช่วยรักษาโรคผิวหนังอย่างไร” ในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 19.00-20.00 น. ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวโดย ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ, ผศ.(พิเศษ)พญ.ไอณภัค บุญทวียุวัฒน์, ผศ.พญ.ชญาดา ชัยบุตรและผศ.นพ.ธีรพงษ์ รัตนนุกรม  ผู้สนใจฝากข้อความคำถามได้ที่เพจ “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง”หรือเข้าศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย (WWW.DST.OR.TH)

13
เปิดมุมมองสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมด้วยทักษะหลากหลาย


             เมื่อเร็วๆ นี้ รศ. ดร.คมสัน มาลีสี (คนที่ 2 จากซ้าย) อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วย ดร.ณพพงศ์ ธีระวร (คนที่ 3 จากซ้าย) อดีตประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย ได้รับเกียรติเข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ Connecting the dots: Integrating Knowledge for Innovators” เปิดมุมมองสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมด้วยทักษะหลากหลายจากสำนักวิชาศึกษาทั่วไปในงาน KMITL GenEd Day 2024 จัดโดย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  และร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง - ตลอดชีวิต เพื่อก้าวไปเป็นนวัตกรที่จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs ที่เป็นรากฐานของระบบเศรษบกิจของประเทศต่อไป พร้อมให้กำลังใจน้องๆ นักศึกษาของสจล.ได้เตรียมตัวเสริมทักษะทั้ง Hard Skills / Soft Skills  ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ง่ายในปัจจุบันทั้งหลักสูตรต่างๆ ในมหาวิทยาลัยที่ออกต่อเนื่องนับว่าเอื้อต่อการเรียนรู้ไม่รู้จบ


             ผู้ที่สนใจสมัครเรียน สามารถติดต่อ สำนักวิชาศึกษาทั่วไป สจล. โทร 02 329 8220 คุณผจงจิตต์ ยืนวงษ์ และ facebook GenEd KMITL สำนักวิชาศึกษาทั่วไป พระจอมเกล้าลาดกระบัง




             ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000

หมายเหตุ: ภาพบุคคล เรียงลำดับจากซ้ายไปขวา

1.ผศ.ศิริพันธ์ มุรธาธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาศึกษาทั่วไป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
2.รศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
3.ดร.ณพพงศ์ ธีระวร อดีตประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย

14
ยัวซ่า แบตเตอรี่ เดินหน้าสนามที่ 4 จังหวัดกาญจนบุรี
กับโครงการ “YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2024”


               กิจกรรม “YUASA FOOTBALL INSPIRATION 2024” จัดขึ้นเป็นสนามที่ 4 อย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อเสริมสร้างทักษะเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนอายุ 8-12 ปี ซึ่งกิจกรรมในสนามนี้ได้รับเกียรติจาก คุณ ฮิโรยูกิ ทาคาฮาชิ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร กลุ่มงานวิศวกรรม บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ร่วมกับผู้บริหารจากยัวซ่าแบตเตอรี่ และตัวแทนจำหน่ายยัวซ่าในจังหวัดกาญจนบุรี นำโดย คุณอนุรัตน์ จี้เพ็ชร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายในประเทศ คุณอวยพร จรรยาอังกูร ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายงานขายสินค้าทดแทน และคุณเจริญ ชัยชื่นชอบ (โกเล็ก) ผู้บริหาร ร้านโปรพาร์ท ออโต้ (ฮั่วเฮงหลงอะไหล่ ท่าม่วง) เข้าร่วมงาน ณ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม Big Arena จ.กาญจนบุรี




               กิจกรรมการฝึกสอนในครั้งนี้ ได้ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตนักฟุตบอลและโค้ชทีมชาติไทย ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนโครงการ และ “โน๊ต” จักรพันธ์ แก้วพรม กับ “ไอซ์” กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล นักฟุตบอลทีมชาติไทย มาเป็นทีมผู้ฝึกสอนพร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่สมัครเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ และยังมีบริการตรวจเช็คสุขภาพแบตเตอรี่รถให้กับผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาร่วมกิจกรรมการฝึกซ้อม และการมอบทุนอุปกรณ์กีฬาให้กับ โรงเรียนหนองตากยาตั้งวิริยะราษฎร์บำรุง จำนวน 5,000 บาท อีกด้วย




               สำหรับโครงการ “YUASA  FOOTBALL INSPIRATION 2024” ยังเหลืออีกหนึ่งสนามสุดท้าย วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามพัทยาซอคเกอร์ จ.ชลบุรี น้อง ๆ เยาวชนอายุ 8-12 ปี คนใดที่สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ สามารถสมัครและติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว ได้ทางเพจ FACEBOOK: YUASA CLUB

15
จัดหนักทุกไฟต์! อเลสซิโอ บิซุตติ และทีมงาน FCC BOXING GYM PATTAYA ชวนเชียร์ ศึก "FCC Thailand 6" พบกับ 11 คู่ขุนพลนักสู้ ห้ามพลาด!


              จัดต่อเนื่อง! สาดความมันเชียร์กันให้สนั่นบนสังเวียน FCC BOXING GYM PATTAYA กันอีกครั้ง กับศึก "FCC Thailand 6" จัดโดยโปรโมเตอร์มิสเตอร์ อเลสซิโอ บิซุตติ ชาวอิตาลี ที่ขนทัพขุนพลนักสู้ 11 คู่มาดวลหมัดกันในวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 ที่ เวทีมวยชั่วคราว FCC BOXING GYM PATTAYA ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป


              เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 ที่ FCC BOXING GYM PATTAYA ได้มีการตรวจร่างกายและชั่งน้ำหนักนักมวยอย่างเป็นทางการ ของขุนพลนักชกที่จะขึ้นทำศึก "FCC Thailand 6" โดยมี โปรโมเตอร์ มิสเตอร์ อเลสซิโอ บิซุตติ ชาวอิตาลี พร้อมด้วย ทีมงาน FCC BOXING GYM PATTAYA และ แพทย์สนามมวย "หมอโบชิตา" น.ส.วิกานดา ศรีกิ้ม เป็นผู้ตรวจร่างกายและชั่งน้ำหนักนักมวย ที่ FCC BOXING GYM PATTAYA ผลปรากฎว่านักมวยทั้ง 11 คู่ผ่านการตรวจร่างกายและชั่งน้ำหนักผ่านฉลุยพร้อมตะบันหน้ากันในศึก "FCC Thailand 6" โดยมีโปรโมเตอร์มิสเตอร์ อเลสซิโอ บิซุตติ พร้อมด้วย แพทย์สนามมวย "หมอโบชิตา" น.ส. วิกานดา ศรีกิ้ม ผู้ตรวจร่างกาย และร่วมเป็นสักขีพยานการตรวจร่างกายและชั่งน้ำหนักนักมวยในครั้งนี้อีกด้วย


              ผลปรากฏว่า คู่เอก  อเลสซิโอ บิซุตติ นักชกอิตาลี และ นครชัย ปานทัง นักชกไทย ชั่งได้ 220 ปอนด์ตามพิกัดพอดี พร้อมที่จะขึ้นตะบันหน้ากันอย่างแน่นอน เพื่อชิงความเป็น 1 ของรุ่นเฮฟวี่เวท ในพิกัด 220 ปอนด์ (10 ยก)


              สำหรับ อเลสซิโอ บิซุตติ นักชกอิตาลี ขึ้นบนสังเวียนการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่มาแล้วรายครั้ง และ ด้วยความเป็นแชมป์มวยโลกอันทรงเป็นเกียรติของ อเลสซิโอ บิซุตติ นักชกชาวอิตาลี เป็นนักชกบนสังเวียนที่มีหมัดอันทรงพลังทุกหมัดที่เคยน็อกเอาท์มาแล้ว 6 ไฟต์ ซึ่ง อเลสซิโอ บิซุตติ มีเข็มขัดแชมป์มวยโลกมีทั้ง WBA, WBC, ABF และ PAT ทั้ง 4 สถาบัน ด้วยสถิติการชกชนะมา 7 ไฟต์อย่างไร้คู่ต่อสู้ โดย 6 ไฟต์ที่ผ่านมาขึ้นชกได้ด้วยการน็อกเอาท์ กลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่ทุกคนต้องหันมาจับตามอง อเลสซิโอ บิซุตติ คนเหล็กจากอิตาลี หลังล่าสุดโชว์ความโหดสอยน็อก "ปัญญา ชมภูพวง" นักชกชาวไทย ลงไปนอนกองบนผืนผ้าใบในยกที่ 5 ในศึก “FCC Thailand 5” ป้องกันเข็มขัดแชมป์ WBC Asia เอาไว้ได้แบบสุดสะใจ


              สำหรับคู่เอกเป็นการชกชิงเข็มขัด UBO แชมเปี้ยนชิพ รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท พิกัด 168 ปอนด์ (10 ยก) ระหว่าง แฟรงค์ อาทังกานา นักชกจากฝรั่งเศส พบกับ อาหมัด ซามีร์ ดาวรานี นักชกจากอัฟกานิสถาน


ส่วนผลการชั่งนัำหนักนักมวยคู่อื่น ๆ มีดังนี้

คู่ที่ 1. รุ่นไลท์เวท พิกัด 108 ปอนด์ (4 ยก) ระหว่าง.จิรกฤต จารุรัตน์ชัย ไทยพบกับไทย นัฐพงษ์ ไชยมงคล

คู่ที่ 2. รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ (4 ยก) ระหว่าง เรนาโต้ ชา นักชกจากฟิลิปปินส์ พบกับ พิศิษฐ์ เเป้าจันทึก นักชกไทย

คู่ที่ 3. มวยหญิง รุ่นไลท์เวต พิกัด 135 ปอนด์ (6 ยก) ระหว่าง ไซรีน ลาจิลี นักชกจากตูนิเซีย พบกับ กาซาล เรซาอี นักชกจากอิหร่าน

คู่ที่ 4. เป็นการแข่งขันชกมวยไทย รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท พิกัด 126 ปอนด์ (3 ยก) ระหว่าง ตูมตาม ศิษย์ชาญสิงห์ ไทยพบกับไทย ฉัตรชัย คล้ายสวน

คู่ที่ 5. เป็นการแข่งขันชกมวยไทย รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท พิกัด 114 ปอนด์ (3 ยก) ระหว่าง ภูสยาม ศิษย์ชาญสิงห์ ไทยพบกับไทย ธีร์ธ วัชดนย์



คู่ที่ 6. รุ่นเฮฟวีเวท พิกัด 225 ปอนด์ (4 ยก) ระหว่าง ดาริว ซามูเอล เฮล ไอร์แลนด์ พบกับ ชินกฤต ศิริมงคลยิม นักชกไทย

คู่ที่ 7. รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 140 ปอนด์ (6 ยก) ระหว่าง ไรอัน วิลลิส นักชกจากฟิลิปปินส์ พบกับ อภิชาติ มานพชัยยิม นักชกไทย

คู่ที่ 8. รุ่นครุยเซอร์เวท พิกัด 200 ปอนด์ (6 ยก) ระหว่าง ลัมรานี อับเดอร์เรซซัค นักชกจากแอลจีเรีย พบกับ ยุทธนา สิทธิมโนชัย นักชกไทย

คู่ที่ 9. รุ่นเวตเตอร์เวต พิกัด 147 ปอนด์ (8 ยก) ระหว่าง วาลิด เอล เคฮาล นักชกจากโมร็อกโก พบกับ มาห์ดี ซาร์บาซ นักชกจากอิหร่าน

คู่ที่ 10. คู่เอกเป็นการชกชิงเข็มขัด UBO แชมเปี้ยนชิพ รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท พิกัด 168 ปอนด์ (10 ยก) ระหว่าง แฟรงค์ อาทังกานา นักชกจากฝรั่งเศส พบกับ อาหมัด ซามีร์ ดาวรานี นักชกจากอัฟกานิสถาน

คู่ที่ 11. เป็นการชกอุ่นเครื่อง รุ่นเฮฟวี่เวท พิกัด 220 ปอนด์ (10 ยก) ระหว่าง อเลสซิโอ บิสุตติ นักชกจากอิตาลี พบกับ นครชัย ปั้นแตง นักชกไทย



              จัดโดยโปรโมเตอร์ มิสเตอร์ อเลสซิโอ บิซุตติ พร้อมทีมงาน FCC BOXING GYM PATTAYA ที่เอาใจแฟน ๆ คอมวยตัวจริงห้ามพลาดกับมวยมันส์ ๆ พร้อมจัดเต็มมวย 11 คู่ขุนพลนักสู้พร้อมขึ้นตะบันหน้ากันในศึก "FCC 6" วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 ที่ เวทีมวยชั่วคราว FCC BOXING พัทยา ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ห้ามพลาด!






Pages: [1] 2 3 ... 2293