This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
4831
news & activity / งานฉลอง 1 ปีนิตยสาร OHO
« on: March 12, 2009, 11:20:59 AM »
งานฉลอง 1 ปี นิตยสารบันเทิง OHO มีคนบันเทิงไปร่วมงานกันเพียบ งานนี้เขามอบรางวัลเป็นกำลังใจให้คนบันเทิงด้วย
นิตยสารบันเทิง OHO จัดงานฉลองครบรอบ 1 ขวบปี เลยมีกองทัพสื่อมวลชน ดารา และแฟนคลับ เข้าร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง ทำเอา 4 ผู้บริหาร หอย เปิ้ล วิลลี่ และ แหม่ม ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว
ซึ่งในงานนี้ก็มีการประกาศรางวัลขวัญใจ OHO โดยตำแหน่งขวัญใจฟรีเซ็นเตอร์ชายหญิงนั้น หนุ่มบี้ สุกฤษฎิ์ และสาวแพนเค้ก เขมนิจ ก็คว้ารางวัลไปนอนกอดหลังจากมีเจ้าของสินค้าจองตัวกันข้ามปี
ส่วนรางวัลละครเรตติงสูงสุด ก็ตกเป็นของละครเรื่อง คมแฝก, หนังองค์บาก 2 ครองรางวัลภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด ไปตามความคาดหมาย ส่วนหนุ่มออฟ ปองศักดิ์ ก็คว้ารางวัลเจ้าพ่อเพลงประกอบละครไปครอง ด้านรางวัลนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ก็เป็นของหนุ่มสุดฮอตฟิล์ม รัฐภูมิ ส่วนขวัญใจละครชายหญิงนั้นก็ตกเป็นของคู่ขวัญ แอน-เคน
นิตยสารบันเทิง OHO จัดงานฉลองครบรอบ 1 ขวบปี เลยมีกองทัพสื่อมวลชน ดารา และแฟนคลับ เข้าร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง ทำเอา 4 ผู้บริหาร หอย เปิ้ล วิลลี่ และ แหม่ม ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว
ซึ่งในงานนี้ก็มีการประกาศรางวัลขวัญใจ OHO โดยตำแหน่งขวัญใจฟรีเซ็นเตอร์ชายหญิงนั้น หนุ่มบี้ สุกฤษฎิ์ และสาวแพนเค้ก เขมนิจ ก็คว้ารางวัลไปนอนกอดหลังจากมีเจ้าของสินค้าจองตัวกันข้ามปี
ส่วนรางวัลละครเรตติงสูงสุด ก็ตกเป็นของละครเรื่อง คมแฝก, หนังองค์บาก 2 ครองรางวัลภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด ไปตามความคาดหมาย ส่วนหนุ่มออฟ ปองศักดิ์ ก็คว้ารางวัลเจ้าพ่อเพลงประกอบละครไปครอง ด้านรางวัลนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ก็เป็นของหนุ่มสุดฮอตฟิล์ม รัฐภูมิ ส่วนขวัญใจละครชายหญิงนั้นก็ตกเป็นของคู่ขวัญ แอน-เคน
4832
news & activity / “แพนเค้ก” ชวนคนไทยร่วมโหวต เพื่อมอบเงินบริจาค 3.8 ล้านบาทให้เด็กไทยผู้ด้อยโอกาส
« on: March 12, 2009, 11:08:33 AM »
“แพนเค้ก” ชวนคนไทยร่วมโหวต เพื่อมอบเงินบริจาค 3.8 ล้านบาทให้เด็กไทยผู้ด้อยโอกาส กับแคมเปญ “ซัมซุงโฮป”
แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ ดารานางแบบชื่อดัง ร่วมกับนายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ประกาศเปิดตัวแคมเปญซีเอสอาร์เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนครั้งยิ่งใหญ่ “ซัมซุงโฮป (Samsung Hope)” เพื่อเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมบริจาคเงินจำนวน 3.8 ล้านบาท โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้แก่ 3 โครงการในซัมซุงโฮป ประกอบด้วย “โฮป ฟอร์ โฮม (Hope for Home)” โครงการให้ที่พักพิงและความรักความอบอุ่นแก่น้องกับโสสะมูลนิธิแห่งประเทศไทยฯ “โฮป ฟอร์ ฮาร์โมนี่ (Hope for Harmony)” โครงการสร้างผู้นำเยาวชนกับมูลนิธิรัฐบุรุษฯ และ “โฮป ฟอร์ ฟิวเจอร์ (Hope for Future)” โครงการเพื่อมอบโอกาสอนาคตทางการศึกษาแก่เยาวชนไทยของบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด โดย “แพนเค้ก” ได้มาร่วมรณรงค์จัดกิจกรรมเชิญชวนชาวไทย “คลิกเพื่อโหวต” พร้อมนำขบวนน้องๆจากโสสะมูลนิธิฯ เดินแจกใบปลิวโครงการบริเวณสยามสแควร์ ผู้สนใจสามารถร่วมทำบุญได้โดยเข้าไปโหวตที่เว็บไซต์ www.samsung.com/th/hope ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม นี้
แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ ดารานางแบบชื่อดัง ร่วมกับนายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ประกาศเปิดตัวแคมเปญซีเอสอาร์เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนครั้งยิ่งใหญ่ “ซัมซุงโฮป (Samsung Hope)” เพื่อเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมบริจาคเงินจำนวน 3.8 ล้านบาท โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้แก่ 3 โครงการในซัมซุงโฮป ประกอบด้วย “โฮป ฟอร์ โฮม (Hope for Home)” โครงการให้ที่พักพิงและความรักความอบอุ่นแก่น้องกับโสสะมูลนิธิแห่งประเทศไทยฯ “โฮป ฟอร์ ฮาร์โมนี่ (Hope for Harmony)” โครงการสร้างผู้นำเยาวชนกับมูลนิธิรัฐบุรุษฯ และ “โฮป ฟอร์ ฟิวเจอร์ (Hope for Future)” โครงการเพื่อมอบโอกาสอนาคตทางการศึกษาแก่เยาวชนไทยของบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด โดย “แพนเค้ก” ได้มาร่วมรณรงค์จัดกิจกรรมเชิญชวนชาวไทย “คลิกเพื่อโหวต” พร้อมนำขบวนน้องๆจากโสสะมูลนิธิฯ เดินแจกใบปลิวโครงการบริเวณสยามสแควร์ ผู้สนใจสามารถร่วมทำบุญได้โดยเข้าไปโหวตที่เว็บไซต์ www.samsung.com/th/hope ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม นี้
4833
news & activity / สถาพร มาเก็ตติ้ง - คายาริ ยาจุดกันยุงประเภทผสมสมุนไพร
« on: March 11, 2009, 04:13:05 PM »
สถาพร มาเก็ตติ้ง - คายาริ ยาจุดกันยุงประเภทผสมสมุนไพร
บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533 บนเนื้อที่กว่า 48,000 ตรม ในจังหวัด สมุทรสาคร เพื่อดำเนินกิจการด้านยาจุดกันยุงชนิดขดคุณภาพสูงหลังจากพบว่าประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการนำเข้ายาจุดกันยุงจากประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นระยะเวลายาว และยังมีปัญหาด้านคุณภาพของสินค้า ปัญหาการขนส่งและภาษี ดังนั้นจึงเห็นว่าการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดขึ้นเองในประเทศ จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยในการรักษาเงินตราภายในประเทศไว้ได้
จากการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผลิตวัตถุดิบสำหรับลิตยาจุดกันยุงยาวนานกว่า 40 ปี ผนวกเข้ากับกาเดินทางไปศึกษางานด้านการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการนำเข้าเครื่องจักรคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น จากจุดเริ่มต้นที่กำลังการผลิตจำนวน 65 ล้านขดและพนักงานเพียง 20 คน ในปี พ.ศ. 2534 นั้น เป็นต้นกำเนิดของการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดและนำออกสู่ตลาด อีกทั้งยังมีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการผลิตมาโดยตลอด จนได้รับมาตรฐาน ISO 9002 เป็นแห่งแรกของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2543 ทำให้สินค้าของทางบริษัทฯมีคุณภาพสูงในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ จนกระทั่ง บริษัทฯสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึงกว่า 700 ล้านขด และมีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 200 คน ในปัจจุบัน
หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะผู้ผลิต ทางบริษัทฯจึงได้มีนโยบายที่จะผลิตสินค้ายาจุดกันยุงที่มีความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยจะเน้นในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ดี จึงได้มีการทำวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังทำให้เราพบว่ามีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงได้ดี เช่น ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน และ ยูคาลิปตัส อีกทั้งยังสามารถสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนของตัวผลิตภัณฑ์ในเรื่องของสีและกลิ่น โดยมีการใช้สูตรการผสมแบบพิเศษทำให้ได้ยาจุดกันยุงขดสีฟ้า และ มีกลิ่นหอม ซึ่งได้มีการจดเป็นตราสินค้าของบริษัทขึ้นใน เดือน สิงหาคม ปี 2004 ในชื่อว่า “คายาริ” ซึ่งมาจากภาษาญีปุ่นแปลว่า “ผู้พิชิตยุง” โดยได้มีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์คือ คายาริ เป็นยาจุดกันยุงผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม และ มีประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง นับได้ว่า คายาริ เป็นผู้สร้างนวตกรรมใหม่ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ให้กับวงการยาจุดกันยุงอย่างแท้จริง
ในช่วง 2 ปีแรกของการทำตลาดนั้นเราจะเน้นในเรื่องของการกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งทางบริษัทฯได้มอบความไว้วางใจให้กับทาง บริษัท ดิทแฮล์ม จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งทำให้เราสามารถครอบคลุมพื้นที่จัดจำหน่ายหลักๆได้ประมาณ 80% จนกระทั่งในปี 2006 ทางบริษัทฯ ได้เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “เราจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญออกสู่ตลาดเสมอ” นั่นหมายความว่าการทำการตลาดให้กับคายาริจะต้องเป็น talk of the town ในทุกด้าน ทั้ง above the line และ below the line โดยในปี 2006 ทางบริษัทฯ ได้มีการออกภาพยนต์โฆณา โดยใช้ น้องเดียว ที่ในขณะนั้นกำลังจะเป็นแชมป์การตอบคำถาม 100 หน้าจากเกมส์ทศกัณฑ์เด็ก มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยใช้คอนเซปต์ว่า “ฉลาดใช้” ซึ่งเป็นการนำความอัจฉริยะของน้องเดียว มาเพื่อพูดจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในเรื่องของการมีส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติ 99% เพื่อสื่อว่าคนฉลาดเลือกใช้สินค้าจะเลือกใช้ยาจุดกันยุงคายาริ ซึ่งคายาริเป็นรายแรกที่เห็นศักยภาพของน้องเดียวในการสร้าง brand awareness ให้กับสินค้าโดยใช้ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 3 ปี (ปี2006-2008)จนทำให้คายาริเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คายาริซึ่งถือว่าเป็นยาจุดกันยุงน้องใหม่สามารถแทรกตัวเข้ามาแบ่งส่วนตลาดได้ด้วยเวลาเพียง 2 ปี (2004-2006) โดยอยู่ในอันดับที่ 5 ของตลาด ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดจากมูลค่าตลาดรวม 750 ล้านบาท ดังนี้ ห่านฟ้า 36%, ช้าง 23%, ไบกอน 18%, คินโช 6%, คายาริ 3.8% และ อื่นๆ 13.2% โดยมีอัตราการเติบโต 15% ต่อปี (ที่มา : บริษัท เอซี เนลสัน จำกัด จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับวันที่ 25 มิย.- 1 กค. 50 ) นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้มีการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคอีกมากมาย อาทิเช่น การทำหน่วยคอมแมนโดแจกสินค้าทั่วประเทศ , การสนับสนุนโครงการดาวรุ่งลูกทุ่งไทยแลนด์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เกิดการทดลองใช้สินค้า ซึ่งจากการทำการตลาดเชิงรุกทั้ง above และ below the line อย่างจริงจังด้วยวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด best brand award 2007 จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในหมวดสินค้าจากทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของทางบริษัทฯกับสินค้า ยาจุดกันยุงคายาริ
สำหรับในปี 2009 นี้ ทางบริษัทฯ ได้สร้างปรากฎการณ์ Talk of the Town อีกครั้งในการใช้กลยุทธ์ Music Marketing ด้วยการ สนับสนุนอัลบั้มการกุศลของ ฮีโร่นักชกเหรีญทองโอลิมปิกของคนไทย คุณ สมจิตร จงจอหอ ในอัลบั้ม “นักรัก…สมัครเล่น” เพื่อหารายได้เข้า กองทุนกีฬาเพื่อน้อง ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดหาอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนยากจน ซึ่งอัลบั้มชุดนี้จะเป็นแนวเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้กำลังใจ และ แสดงความห่วงใยคนที่รัก อย่างเช่นเพลง กว่าจะถึงวันนี้ – เป็นการให้กำลังใจสำหรับคนที่กำลังท้อแท้ให้สู่ต่อไป และ เพลง ขอเป็นยากันยุง – เป็นการแสดงความห่วงใยคนรักด้วยการอาสาเป็นยากันยุงไล่ยุงให้คนรัก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแต่งเพลงขึ้นใหม่ให้กับคายาริ ซึ่งเป็นเพลงพิเศษที่ทาง คุณ วิทย์ มหาชน โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มชุดนี้แต่งให้เพื่อเป็นการขอบคุณทางคายาริที่เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมดีของทางคุณสมจิตร จงจอหอ พร้อมกันนี้ได้มีการถ่ายทำภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ในคอนเซปต์ “ การ์ดป้องกันยุงร้าย” โดยให้ คุณสมจิตร จงจอหอ เป็น brand ambassador ซึ่งจะมีการทุ่มงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท ทั้งในส่วนของ โทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ อีกทั้งยังมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อคืนสู่สังคมด้วยการบริจาคเงินจากทุกกล่องคายาริที่ขายได้ในช่วงเดือน มีนาคม – มิถุนายน 2552 เข้าสุ่กองทุนกีฬาเพื่อน้องอีกด้วย โดยทางบริษัทฯได้ตั้งเป้าจากแคมเปญนี้ไว้ว่าในปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 40% จากปี 2008 และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 15%
ยาจุดกันยุงคายาริ
คายาริ เป็นยาจุดกันยุงประเภทผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม โดยมีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ (ยูคาลิบตัส ตะไคร้หอม และ ขมิ้นชัน) ถึง 99% ปลอดภัย และ มีประสิทธิภาพในการไล่ยุงสูง
กลุ่มเป้าหมายหลัก แม่บ้านอายุ 30 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายรอง ช/ญ อายุ 25 ปีขึ้นไป
คายาริมี 3 กลิ่นคือ
กลิ่นดอกไม้ ขดสีฟ้าจากดอกอันชัญ ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะไคร้หอม, ยูคาลิปตัส)
กลิ่นสมุนไพร ขดสีเหลืองจากขมิ้นชัน ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะไคร้หอม, ยูคาลิปตัส และ ขมิ้นชัน)
กลิ่นลาเวนเดอร์ ขดสีม่วง ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะใคร้หอม,ยูคาลิปตัส และ ขมิ้นชัน)
การเปรียบเทียบคุณสมบัติยาจุดกันยุงคายาริ กับ ยาจุดกันยุงในท้องตลาด
จุดเด่นของยาจุดกันยุงคายาริ ยาจุดกันยุงท้องตลาด
มีส่วนผสมสมุนไพรธรรมชาติ จาก ยูคาลิบตัส ตะไคร้หอม และ ขมิ้นชัน ผลิตจากสารเคมี กลิ่นฉุน ผู้บริโภครู้สึกว่าอันตราย
ให้กลิ่นหอมยาวนานตลอดการจุดจนหมดขด กลิ่นเจือจางเมื่อจุด
แยกขดง่ายไม่แตกหัก และ เผาไหม้หมดตลอดขด แตกหักง่ายเมื่อแยกออกจากขดคู่ หรือเมื่อถูกกระแทกเพียงเล็กน้อย และ จุดแล้วมักดับกลางคัน
มีสารออกฤทธิ์ในปริมาณที่เหมาะสมให้ประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง ปริมาณสารออกฤทธิ์น้อยกว่าที่ระบุไว้ข้างกล่องทำให้ประสิทธิภาพการไล่ยุงไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533 บนเนื้อที่กว่า 48,000 ตรม ในจังหวัด สมุทรสาคร เพื่อดำเนินกิจการด้านยาจุดกันยุงชนิดขดคุณภาพสูงหลังจากพบว่าประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการนำเข้ายาจุดกันยุงจากประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นระยะเวลายาว และยังมีปัญหาด้านคุณภาพของสินค้า ปัญหาการขนส่งและภาษี ดังนั้นจึงเห็นว่าการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดขึ้นเองในประเทศ จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยในการรักษาเงินตราภายในประเทศไว้ได้
จากการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผลิตวัตถุดิบสำหรับลิตยาจุดกันยุงยาวนานกว่า 40 ปี ผนวกเข้ากับกาเดินทางไปศึกษางานด้านการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการนำเข้าเครื่องจักรคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น จากจุดเริ่มต้นที่กำลังการผลิตจำนวน 65 ล้านขดและพนักงานเพียง 20 คน ในปี พ.ศ. 2534 นั้น เป็นต้นกำเนิดของการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดและนำออกสู่ตลาด อีกทั้งยังมีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการผลิตมาโดยตลอด จนได้รับมาตรฐาน ISO 9002 เป็นแห่งแรกของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2543 ทำให้สินค้าของทางบริษัทฯมีคุณภาพสูงในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ จนกระทั่ง บริษัทฯสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึงกว่า 700 ล้านขด และมีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 200 คน ในปัจจุบัน
หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะผู้ผลิต ทางบริษัทฯจึงได้มีนโยบายที่จะผลิตสินค้ายาจุดกันยุงที่มีความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยจะเน้นในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ดี จึงได้มีการทำวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังทำให้เราพบว่ามีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงได้ดี เช่น ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน และ ยูคาลิปตัส อีกทั้งยังสามารถสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนของตัวผลิตภัณฑ์ในเรื่องของสีและกลิ่น โดยมีการใช้สูตรการผสมแบบพิเศษทำให้ได้ยาจุดกันยุงขดสีฟ้า และ มีกลิ่นหอม ซึ่งได้มีการจดเป็นตราสินค้าของบริษัทขึ้นใน เดือน สิงหาคม ปี 2004 ในชื่อว่า “คายาริ” ซึ่งมาจากภาษาญีปุ่นแปลว่า “ผู้พิชิตยุง” โดยได้มีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์คือ คายาริ เป็นยาจุดกันยุงผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม และ มีประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง นับได้ว่า คายาริ เป็นผู้สร้างนวตกรรมใหม่ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ให้กับวงการยาจุดกันยุงอย่างแท้จริง
ในช่วง 2 ปีแรกของการทำตลาดนั้นเราจะเน้นในเรื่องของการกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งทางบริษัทฯได้มอบความไว้วางใจให้กับทาง บริษัท ดิทแฮล์ม จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งทำให้เราสามารถครอบคลุมพื้นที่จัดจำหน่ายหลักๆได้ประมาณ 80% จนกระทั่งในปี 2006 ทางบริษัทฯ ได้เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า “เราจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญออกสู่ตลาดเสมอ” นั่นหมายความว่าการทำการตลาดให้กับคายาริจะต้องเป็น talk of the town ในทุกด้าน ทั้ง above the line และ below the line โดยในปี 2006 ทางบริษัทฯ ได้มีการออกภาพยนต์โฆณา โดยใช้ น้องเดียว ที่ในขณะนั้นกำลังจะเป็นแชมป์การตอบคำถาม 100 หน้าจากเกมส์ทศกัณฑ์เด็ก มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยใช้คอนเซปต์ว่า “ฉลาดใช้” ซึ่งเป็นการนำความอัจฉริยะของน้องเดียว มาเพื่อพูดจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในเรื่องของการมีส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติ 99% เพื่อสื่อว่าคนฉลาดเลือกใช้สินค้าจะเลือกใช้ยาจุดกันยุงคายาริ ซึ่งคายาริเป็นรายแรกที่เห็นศักยภาพของน้องเดียวในการสร้าง brand awareness ให้กับสินค้าโดยใช้ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 3 ปี (ปี2006-2008)จนทำให้คายาริเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มเป้าหมาย ทำให้คายาริซึ่งถือว่าเป็นยาจุดกันยุงน้องใหม่สามารถแทรกตัวเข้ามาแบ่งส่วนตลาดได้ด้วยเวลาเพียง 2 ปี (2004-2006) โดยอยู่ในอันดับที่ 5 ของตลาด ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดจากมูลค่าตลาดรวม 750 ล้านบาท ดังนี้ ห่านฟ้า 36%, ช้าง 23%, ไบกอน 18%, คินโช 6%, คายาริ 3.8% และ อื่นๆ 13.2% โดยมีอัตราการเติบโต 15% ต่อปี (ที่มา : บริษัท เอซี เนลสัน จำกัด จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับวันที่ 25 มิย.- 1 กค. 50 ) นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้มีการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคอีกมากมาย อาทิเช่น การทำหน่วยคอมแมนโดแจกสินค้าทั่วประเทศ , การสนับสนุนโครงการดาวรุ่งลูกทุ่งไทยแลนด์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เกิดการทดลองใช้สินค้า ซึ่งจากการทำการตลาดเชิงรุกทั้ง above และ below the line อย่างจริงจังด้วยวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด best brand award 2007 จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในหมวดสินค้าจากทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของทางบริษัทฯกับสินค้า ยาจุดกันยุงคายาริ
สำหรับในปี 2009 นี้ ทางบริษัทฯ ได้สร้างปรากฎการณ์ Talk of the Town อีกครั้งในการใช้กลยุทธ์ Music Marketing ด้วยการ สนับสนุนอัลบั้มการกุศลของ ฮีโร่นักชกเหรีญทองโอลิมปิกของคนไทย คุณ สมจิตร จงจอหอ ในอัลบั้ม “นักรัก…สมัครเล่น” เพื่อหารายได้เข้า กองทุนกีฬาเพื่อน้อง ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดหาอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนยากจน ซึ่งอัลบั้มชุดนี้จะเป็นแนวเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้กำลังใจ และ แสดงความห่วงใยคนที่รัก อย่างเช่นเพลง กว่าจะถึงวันนี้ – เป็นการให้กำลังใจสำหรับคนที่กำลังท้อแท้ให้สู่ต่อไป และ เพลง ขอเป็นยากันยุง – เป็นการแสดงความห่วงใยคนรักด้วยการอาสาเป็นยากันยุงไล่ยุงให้คนรัก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแต่งเพลงขึ้นใหม่ให้กับคายาริ ซึ่งเป็นเพลงพิเศษที่ทาง คุณ วิทย์ มหาชน โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มชุดนี้แต่งให้เพื่อเป็นการขอบคุณทางคายาริที่เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมดีของทางคุณสมจิตร จงจอหอ พร้อมกันนี้ได้มีการถ่ายทำภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ในคอนเซปต์ “ การ์ดป้องกันยุงร้าย” โดยให้ คุณสมจิตร จงจอหอ เป็น brand ambassador ซึ่งจะมีการทุ่มงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท ทั้งในส่วนของ โทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ อีกทั้งยังมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อคืนสู่สังคมด้วยการบริจาคเงินจากทุกกล่องคายาริที่ขายได้ในช่วงเดือน มีนาคม – มิถุนายน 2552 เข้าสุ่กองทุนกีฬาเพื่อน้องอีกด้วย โดยทางบริษัทฯได้ตั้งเป้าจากแคมเปญนี้ไว้ว่าในปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 40% จากปี 2008 และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 15%
ยาจุดกันยุงคายาริ
คายาริ เป็นยาจุดกันยุงประเภทผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม โดยมีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ (ยูคาลิบตัส ตะไคร้หอม และ ขมิ้นชัน) ถึง 99% ปลอดภัย และ มีประสิทธิภาพในการไล่ยุงสูง
กลุ่มเป้าหมายหลัก แม่บ้านอายุ 30 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายรอง ช/ญ อายุ 25 ปีขึ้นไป
คายาริมี 3 กลิ่นคือ
กลิ่นดอกไม้ ขดสีฟ้าจากดอกอันชัญ ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะไคร้หอม, ยูคาลิปตัส)
กลิ่นสมุนไพร ขดสีเหลืองจากขมิ้นชัน ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะไคร้หอม, ยูคาลิปตัส และ ขมิ้นชัน)
กลิ่นลาเวนเดอร์ ขดสีม่วง ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะใคร้หอม,ยูคาลิปตัส และ ขมิ้นชัน)
การเปรียบเทียบคุณสมบัติยาจุดกันยุงคายาริ กับ ยาจุดกันยุงในท้องตลาด
จุดเด่นของยาจุดกันยุงคายาริ ยาจุดกันยุงท้องตลาด
มีส่วนผสมสมุนไพรธรรมชาติ จาก ยูคาลิบตัส ตะไคร้หอม และ ขมิ้นชัน ผลิตจากสารเคมี กลิ่นฉุน ผู้บริโภครู้สึกว่าอันตราย
ให้กลิ่นหอมยาวนานตลอดการจุดจนหมดขด กลิ่นเจือจางเมื่อจุด
แยกขดง่ายไม่แตกหัก และ เผาไหม้หมดตลอดขด แตกหักง่ายเมื่อแยกออกจากขดคู่ หรือเมื่อถูกกระแทกเพียงเล็กน้อย และ จุดแล้วมักดับกลางคัน
มีสารออกฤทธิ์ในปริมาณที่เหมาะสมให้ประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง ปริมาณสารออกฤทธิ์น้อยกว่าที่ระบุไว้ข้างกล่องทำให้ประสิทธิภาพการไล่ยุงไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
4834
news & activity / เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวใหม่...สู่ I Bank
« on: March 11, 2009, 04:09:59 PM »
เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวใหม่...สู่ I Bank
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวใหม่...สู่ I Bank ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยมี ศ.พล.ท.ดร.สมชาย วิรุฬหผล ประธานกรรมการ และนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ธนาคารอิสลามฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องบอลรูม ร.ร.อินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวใหม่...สู่ I Bank ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยมี ศ.พล.ท.ดร.สมชาย วิรุฬหผล ประธานกรรมการ และนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ธนาคารอิสลามฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องบอลรูม ร.ร.อินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา
4835
news & activity / “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ”
« on: March 11, 2009, 04:09:15 PM »
“แอดแมน” ครั้งที่ 6 ชูงานสื่อสารการตลาดเป็นวาระแห่งชาติ กับแนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ”
คณะกรรมการบริหารสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวรายละเอียดของการประกวดสุดยอดงานโฆษณาและงานสื่อสารการตลาดของเมืองไทย “Adman Awards & Symposium 2009” ครั้งที่ 6 โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
งาน Adman Awards & Symposium หนึ่งในงานประกวดสุดยอดงานโฆษณาและผลงานสร้างสรรค์ระดับโลกของไทย ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ” เพื่อ เฉลิมฉลองผลงานสร้างสรรค์ที่ดีเด่น ทุ่มเท กล้าหาญที่จะเอาชนะข้อจำกัด อุปสรรคต่าง ๆ จนเกิดผลสำเร็จในการสร้างแบรนด์และการขาย พร้อมสะท้อนถึงความสำคัญของงานโฆษณาที่มีต่อชาวไทยและประเทศชาติ มีความโดดเด่นจนเป็นที่สนใจและศึกษาของชาวต่างชาติทั่วโลกมาไม่น้อย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นและ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้รุดหน้ามาโดยตลอด
นายตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วายแอนด์อาร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวดในปีนี้ กล่าวว่า “แนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ” ของแอดแมนปีนี้เกิดขึ้นจากการที่พวกเราซึ่งเป็นคนทำงานด้านการตลาด การสื่อสาร การออกแบบสร้างสรรค์ เห็นว่าน่าจะมีวันของพวกเราบ้าง เหมือนกับที่เด็กๆ มีวันเด็กแห่งชาติ ทำไมจะมีวันแอดแห่งชาติบ้างไม่ได้ เพื่อเป็นวันที่พวกเราสามารถแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีที่มีต่อกัน และให้ความสำคัญต่อวิชาชีพ”
“งานโฆษณาถือเป็นผลผลิตสำคัญอันหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้คนไทยและประเทศชาติ สามารถสร้างแรงสะเทือนให้กับวงการโฆษณาระดับนานาชาติได้เสมอ และเป็นแบบอย่างให้ชาวต่างชาติศึกษามาก็ไม่น้อย ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในขณะนี้ เรายิ่งต้องทุ่มเท บ้าคลั่งกับการคิดงานสร้างสรรค์งานให้เจ๋ง แหลมคม ชนิดที่คนดูเห็นแล้วแทบจะวิ่งออกไปซื้อของซื้อสินค้าทันที เพื่อกระตุ้นให้เงินหมุนเวียน ผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เปรียบเหมือนกับว่า ยิ่งมีงานที่ฉลาดๆ มากเท่าไร ชาติก็ยิ่งเจริญมากขึ้นเท่านั้น” นายตรงกล่าว
ในปีนี้มีการเพิ่มรางวัลประเภทสื่อโฆษณา “Interactive and Digital media” เพราะสื่อทางอินเทอร์เน็ตนับเป็นสื่อที่กำลังเป็นที่นิยมและมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน
นอกจากนั้น รางวัลประเภทสื่อโฆษณา “Ad That Works” ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ยังคงมีอยู่ต่อไป โดยเป็นรางวัลที่เปิดให้ผู้วางแผนกลยุทธ์การตลาดและลูกค้าส่งผลงานเข้าประกวด ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลใหญ่อีกหมวดหนึ่งที่เทียบเท่ากับรางวัลในระดับ Best of The Best ในงาน โดยเกณฑ์การตัดสินคำนึงถึงประสิทธิภาพและความได้ผลของแผนงานสื่อสารเพื่อการตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นสำคัญ และมีคณะกรรมการตัดสินต่างหากแยกออกจากคณะกรรมการชุดงานครีเอทีฟ
นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทยและ ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน Adman Awards & Symposium กล่าวว่า “งาน Adman Awards & Symposium ในปีนี้ เราอยากให้คนทำงานในอุตสาหกรรมโฆษณาและการสื่อสารเล็งเห็นคุณค่าของตนเองและวิชาชีพ ตลอดจนบทบาทที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยเติมพลังในการสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดนิ่งและท้อถอย”
ประเภทการประกวดและรางวัลต่าง ๆ สำหรับปีนี้แบ่งออกเป็น 11 หมวดหลัก คือ สื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้งและสื่อแฝง สื่อวิทยุ การออกแบบกราฟฟิค แผนและกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณา แผนประชาสัมพันธ์ แผนการตลาดประเภทกิจกรรม สื่อโฆษณาแบบ Integrated Marketing Campaign (ซึ่งเผยแพร่ในสื่อโฆษณาตั้งแต่ 3 สื่อขึ้นไป) Ad That Works และ Interactive & Digital Media รวมจำนวนรางวัลทั้งหมด 289 รางวัล
งานในครั้งนี้จะจัดร่วมกับงานสัมมนาเชิงวิชาการอีกสองรายการเหมือนทุกปีที่ผ่านมา คือ งานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยศรีปทุม รับเป็นเจ้าภาพร่วมกับสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และงานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา ซึ่งนิตยสารแบรนด์เอจจะจัดร่วมกับสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับนิสิตนักศึกษา และบุคลากรในสายงานโฆษณา
นายตรง ตันติเวชกุล ประธานคณะกรรมการตัดสิน กล่าวเสริมว่า “ปีนี้เรามุ่งหวังที่จะชักชวนทุก ๆ คนที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนธุรกิจโฆษณาและการตลาดมาร่วมกันสร้างและเฉลิมฉลอง “วันแอดแห่งชาติ” กับงานแอดแมนครั้งที่ 6 ให้ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีที่ผ่าน ๆ มา”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 4 พฤษภาคม 2552 นี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แพลนโนวา จำกัด โทร. 0-2530-9300 หรือ เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.adassothai.com หรือ www.admanawards.com
งานสัมมนาเชิงวิชาการ (Adman Symposium)
งานสัมมนาเชิงวิชาการ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน Adman Awards & Symposium โดยในปีนี้ งานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษาซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม และสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “คนโฆษณา เส้นทางนอกตำรา #6” ส่วนงานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา จัดโดยนิตยสาร BrandAge โดยมีหัวข้อที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป
งานสัมมนาเชิงวิชาการเป็นการร่วมมือกันจากหลายฝ่ายรวมถึงด้านการศึกษา และให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความความคิดและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวงการโฆษณา โดยผู้ดำเนินรายการและผู้อภิปรายจะมีการโต้ตอบกับผู้ร่วมสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพูดคุยและวิเคราะห์ทิศทางในอนาคตที่อาจเป็นประโยชน์ต่อวงการโฆษณาไทยในอนาคต
งาน Adman Awards & Symposium 2009 – วันที่ 29 พฤษภาคม 2552
งานสัมมนาเชิงวิชาการ (Adman Symposiums)
- สัมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษา หัวข้อ “คนโฆษณา เส้นทางนอกตำรา #6”
- สัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา
งานประกวด Adman Awards
แนวคิด: วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ
ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
คณะกรรมการบริหารสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวรายละเอียดของการประกวดสุดยอดงานโฆษณาและงานสื่อสารการตลาดของเมืองไทย “Adman Awards & Symposium 2009” ครั้งที่ 6 โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
งาน Adman Awards & Symposium หนึ่งในงานประกวดสุดยอดงานโฆษณาและผลงานสร้างสรรค์ระดับโลกของไทย ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ” เพื่อ เฉลิมฉลองผลงานสร้างสรรค์ที่ดีเด่น ทุ่มเท กล้าหาญที่จะเอาชนะข้อจำกัด อุปสรรคต่าง ๆ จนเกิดผลสำเร็จในการสร้างแบรนด์และการขาย พร้อมสะท้อนถึงความสำคัญของงานโฆษณาที่มีต่อชาวไทยและประเทศชาติ มีความโดดเด่นจนเป็นที่สนใจและศึกษาของชาวต่างชาติทั่วโลกมาไม่น้อย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นและ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้รุดหน้ามาโดยตลอด
นายตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วายแอนด์อาร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวดในปีนี้ กล่าวว่า “แนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ” ของแอดแมนปีนี้เกิดขึ้นจากการที่พวกเราซึ่งเป็นคนทำงานด้านการตลาด การสื่อสาร การออกแบบสร้างสรรค์ เห็นว่าน่าจะมีวันของพวกเราบ้าง เหมือนกับที่เด็กๆ มีวันเด็กแห่งชาติ ทำไมจะมีวันแอดแห่งชาติบ้างไม่ได้ เพื่อเป็นวันที่พวกเราสามารถแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีที่มีต่อกัน และให้ความสำคัญต่อวิชาชีพ”
“งานโฆษณาถือเป็นผลผลิตสำคัญอันหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้คนไทยและประเทศชาติ สามารถสร้างแรงสะเทือนให้กับวงการโฆษณาระดับนานาชาติได้เสมอ และเป็นแบบอย่างให้ชาวต่างชาติศึกษามาก็ไม่น้อย ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในขณะนี้ เรายิ่งต้องทุ่มเท บ้าคลั่งกับการคิดงานสร้างสรรค์งานให้เจ๋ง แหลมคม ชนิดที่คนดูเห็นแล้วแทบจะวิ่งออกไปซื้อของซื้อสินค้าทันที เพื่อกระตุ้นให้เงินหมุนเวียน ผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เปรียบเหมือนกับว่า ยิ่งมีงานที่ฉลาดๆ มากเท่าไร ชาติก็ยิ่งเจริญมากขึ้นเท่านั้น” นายตรงกล่าว
ในปีนี้มีการเพิ่มรางวัลประเภทสื่อโฆษณา “Interactive and Digital media” เพราะสื่อทางอินเทอร์เน็ตนับเป็นสื่อที่กำลังเป็นที่นิยมและมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน
นอกจากนั้น รางวัลประเภทสื่อโฆษณา “Ad That Works” ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ยังคงมีอยู่ต่อไป โดยเป็นรางวัลที่เปิดให้ผู้วางแผนกลยุทธ์การตลาดและลูกค้าส่งผลงานเข้าประกวด ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลใหญ่อีกหมวดหนึ่งที่เทียบเท่ากับรางวัลในระดับ Best of The Best ในงาน โดยเกณฑ์การตัดสินคำนึงถึงประสิทธิภาพและความได้ผลของแผนงานสื่อสารเพื่อการตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นสำคัญ และมีคณะกรรมการตัดสินต่างหากแยกออกจากคณะกรรมการชุดงานครีเอทีฟ
นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทยและ ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน Adman Awards & Symposium กล่าวว่า “งาน Adman Awards & Symposium ในปีนี้ เราอยากให้คนทำงานในอุตสาหกรรมโฆษณาและการสื่อสารเล็งเห็นคุณค่าของตนเองและวิชาชีพ ตลอดจนบทบาทที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยเติมพลังในการสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดนิ่งและท้อถอย”
ประเภทการประกวดและรางวัลต่าง ๆ สำหรับปีนี้แบ่งออกเป็น 11 หมวดหลัก คือ สื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้งและสื่อแฝง สื่อวิทยุ การออกแบบกราฟฟิค แผนและกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณา แผนประชาสัมพันธ์ แผนการตลาดประเภทกิจกรรม สื่อโฆษณาแบบ Integrated Marketing Campaign (ซึ่งเผยแพร่ในสื่อโฆษณาตั้งแต่ 3 สื่อขึ้นไป) Ad That Works และ Interactive & Digital Media รวมจำนวนรางวัลทั้งหมด 289 รางวัล
งานในครั้งนี้จะจัดร่วมกับงานสัมมนาเชิงวิชาการอีกสองรายการเหมือนทุกปีที่ผ่านมา คือ งานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยศรีปทุม รับเป็นเจ้าภาพร่วมกับสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และงานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา ซึ่งนิตยสารแบรนด์เอจจะจัดร่วมกับสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับนิสิตนักศึกษา และบุคลากรในสายงานโฆษณา
นายตรง ตันติเวชกุล ประธานคณะกรรมการตัดสิน กล่าวเสริมว่า “ปีนี้เรามุ่งหวังที่จะชักชวนทุก ๆ คนที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนธุรกิจโฆษณาและการตลาดมาร่วมกันสร้างและเฉลิมฉลอง “วันแอดแห่งชาติ” กับงานแอดแมนครั้งที่ 6 ให้ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีที่ผ่าน ๆ มา”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 4 พฤษภาคม 2552 นี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แพลนโนวา จำกัด โทร. 0-2530-9300 หรือ เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.adassothai.com หรือ www.admanawards.com
งานสัมมนาเชิงวิชาการ (Adman Symposium)
งานสัมมนาเชิงวิชาการ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน Adman Awards & Symposium โดยในปีนี้ งานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษาซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม และสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “คนโฆษณา เส้นทางนอกตำรา #6” ส่วนงานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา จัดโดยนิตยสาร BrandAge โดยมีหัวข้อที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป
งานสัมมนาเชิงวิชาการเป็นการร่วมมือกันจากหลายฝ่ายรวมถึงด้านการศึกษา และให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความความคิดและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวงการโฆษณา โดยผู้ดำเนินรายการและผู้อภิปรายจะมีการโต้ตอบกับผู้ร่วมสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพูดคุยและวิเคราะห์ทิศทางในอนาคตที่อาจเป็นประโยชน์ต่อวงการโฆษณาไทยในอนาคต
งาน Adman Awards & Symposium 2009 – วันที่ 29 พฤษภาคม 2552
งานสัมมนาเชิงวิชาการ (Adman Symposiums)
- สัมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษา หัวข้อ “คนโฆษณา เส้นทางนอกตำรา #6”
- สัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา
งานประกวด Adman Awards
แนวคิด: วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ
ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
4836
news & activity / บลจ.ทิสโก้ จัดเสวนา “ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก”
« on: March 11, 2009, 04:07:29 PM »
บลจ.ทิสโก้ จัดเสวนา “ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก”
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด นำโดย อารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ และผู้บริหาร ให้การต้อนรับ อัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และ สุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ. ปตท. ในโอกาสที่มาร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญในงานเสวนาพิเศษ “ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ บลจ. ทิสโก้จัดให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการลงทุนในน้ำมัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าโภคภัณฑ์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ บลจ. ทิสโก้กำลังอยู่ในระหว่างการเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์” เปิดทางรับผลตอบแทนตามราคาน้ำมันดิบโลก มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยเสนอขายครั้งแรก (IPO) จนถึงวันที่ 20 มี.ค. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 2 หมื่นบาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02 633 6000 กด 4
จากซ้ายไปขวา
1. พิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
2. อัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
3. อารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
4. สุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ. ปตท.
5. ธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด นำโดย อารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ และผู้บริหาร ให้การต้อนรับ อัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และ สุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ. ปตท. ในโอกาสที่มาร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญในงานเสวนาพิเศษ “ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ บลจ. ทิสโก้จัดให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการลงทุนในน้ำมัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าโภคภัณฑ์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ บลจ. ทิสโก้กำลังอยู่ในระหว่างการเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์” เปิดทางรับผลตอบแทนตามราคาน้ำมันดิบโลก มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยเสนอขายครั้งแรก (IPO) จนถึงวันที่ 20 มี.ค. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 2 หมื่นบาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02 633 6000 กด 4
จากซ้ายไปขวา
1. พิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
2. อัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
3. อารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
4. สุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ. ปตท.
5. ธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
4837
news & activity / ซิสโก้เผย Connected Health เต็มรูปแบบ ตั้งเป้าสร้างชุมชนเชื่อมโยงระบบสุขภาพ
« on: March 11, 2009, 04:03:21 PM »
ซิสโก้เผย Connected Health เต็มรูปแบบ ตั้งเป้าสร้างชุมชนเชื่อมโยงระบบสุขภาพครบวงจร
ร.พ.สมิติเวช โดดร่วมวิสัยทัศน์ ก้าวสู่การเป็น Connected Hospital พร้อมเตรียมต่อยอดสู่ Connected Health ด้านเน็กเซนเทลเผยสร้างชุมชนระบบสุขภาพต้องใช้ความเข้าใจ ผสานเทคโนโลยีเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ
ซิสโก้เปิดตัว Connected Health เต็มรูปแบบ ชี้ทิศทางการใช้ระบบเครือข่ายเพื่อธุรกิจบริการด้านสุขภาพ แนะเชื่อมโยงสร้างชุมชนระบบสุขภาพแบบครบวงจร มั่นใจเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและสังคม ยกเคสจริง ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท Connected Hospital สมบูรณ์แบบ ก้าวแรกสู่ Connected Health พร้อมควงแขนเน็กเซนเทลเผยเคล็ดลับการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายสู่กระบวนการทางธุรกิจ
นายวัตสัน ถิระภัทรพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ บริษัทซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Connected Health คือแนวคิดการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงชุมชนระบบสุขภาพแบบครบวงจร โดยเชื่อมโยงทุกบริการที่เกี่ยวข้องกับการบริการสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงผู้รับบริการปลายทางเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สถานพยาบาลทั้งในเมืองและในพื้นที่ห่างไกล ผู้ป่วย แพทย์ ร้านขายยา สถาบันวิจัย หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง บริษัทประกัน ไปจนถึงลูกจ้าง พนักงาน และบ้านเรือน เป็นต้น
นายวัตสัน กล่าวต่อว่า ระบบ Connected Health จะช่วยให้โรงพยาบาลขยายขอบเขตการประสานความร่วมมือกันได้อย่างครอบคลุม ทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ช่วยพัฒนาการให้บริการ ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังช่วยเชื่อมโยงบุคลากรทางการแพทย์ถึงกัน และเชื่อมโยงแพทย์เข้ากับข้อมูลสำคัญต่างๆ ช่วยให้แพทย์สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเส้นทางการดูแลรักษาพยาบาล ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ป่วยมีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลหรือดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังได้ขยายแนวความคิดเรื่องการแพทย์เชิงป้องกันหรือการตรวจดูแลผู้ป่วยแบบระยะไกลให้ไกลออกไปจากเดิม โดยจะสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ก่อนที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล
นายวัตสัน กล่าวอีกว่า ซิสโก้มีโซลูชั่นสำหรับการเชื่อมโยงทางการแพทย์ที่ครบวงจร เริ่มตั้งแต่ระบบเครือข่ายอัจฉริยะซิสโก้ เมดิคัล-เกรด เน็ตเวิร์ค (Cisco Medical-Grade Network) เพื่อรองรับการใช้ข้อมูลสุขภาพร่วมกัน ซึ่งสามารถตรวจสอบ คุ้มครอง และซ่อมแซมตัวเอง เพื่อให้แอพพลิเคชั่นและข้อมูลสำคัญมีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังมีโซลูชั่นซิสโก้ คอนเน็กเต็ด อิมเมจจิ้ง (Cisco Connected Imaging) สำหรับบริหารจัดการและเชื่อมโยงการรับส่งภาพถ่ายทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะรังสีวิทยาเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจวิเคราะห์เเละวินิจฉัยโรค และโซลูชั่นซิสโก้ คลินิคัล คอนเน็กชั่น สวีท (Cisco Clinical Connection Suite) ที่เชื่อมต่อแพทย์ ผู้ป่วย และข้อมูลสุขภาพเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ซึ่งภายใต้ระบบ Cisco Clinical Connection Suite ยังประกอบไปด้วย solution ต่าง ๆ เช่น
Collaborative Care เพื่อให้การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ให้บริการด้านการเเพทย์และผู้ป่วย หรือ ระหว่างผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์ด้วยกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยให้การบริการผู้ป่วยใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ความพึงพอใจสูงสุดจากผู้ป่วย Interpretation Services ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างล่ามที่มีอยู่ปริมาณจำกัดให้บริการผู้ป่วยต่างชาติได้จำนวนมากขึ้นเเละยังสามารถบริหารจัดการล่ามที่อยู่ต่างสถานที่ผ่านโครงข่ายเน็ตเวิร์คสำหรับสถานบริการบางที่ที่มีล่ามภาษานั้น ๆ ในปริมาณที่จำกัดหรือไม่มีเลย ถัดมาระบบติดตามตำแหน่งที่ตั้ง (Context Aware Healthcare) ซึ่งระบบสามารถติดตามข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย (Mobile Care) ระบบติดตามพยาบาลฉุกเฉิน (Nurse Call) ผ่านไอพีโฟนไร้สายสำหรับพกพา และระบบเทเลเพรสเซนส์ (TelePresence for Healthcare )สำหรับการบริการสุขภาพ ที่ผู้ป่วยจะได้รับบริการจากสถานบริการการเเพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการเเพทย์ผ่านระบบเสมือนจริง
ด้านนายวันชัย สว่างวงศากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กเซนเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า ในแต่ละภาคธุรกิจมีความเฉพาะตัวของตัวเอง การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้จึงมีความท้าทายแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับกระบวนการทางธุรกิจของธุรกิจนั้นๆ อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ธุรกิจบริการสุขภาพ ต้องใช้โซลูชั่นทางด้านการแพทย์ ซึ่งควรจะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ที่เชื่อมต่อแพทย์ ผู้ป่วย และข้อมูลสุขภาพเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการรักษาพยาบาลในลักษณะประสานความร่วมมือกันและกัน โดยเชื่อมต่อบุคลากรที่เหมาะสมเข้ากับข้อมูลผู้ป่วยในแบบไดนามิก เพื่อปรับปรุงความรวดเร็วในการรักษาพยาบาล และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เป็นต้น
สำหรับร.พ.สมิติเวช สุขุมวิทนั้น ได้ติดตั้งซิสโก้ไอพีโฟนรุ่น 7970 และซิสโก้ไอพีโฟนไร้สายรุ่น 7921G ซึ่งเน็กเซนเทลเป็นผู้พัฒนาแอพลิเคชั่นบนเครื่อง รวมถึงระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่ต้องติดตั้งแอ็คเซสพ้อยท์นับร้อยจุด จึงต้องอาศัยระบบบริหารจัดการเครือข่ายที่ชาญฉลาด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและทำให้เครือข่ายไร้สายพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีโซลูชั่นด้านการแพทย์อื่นๆ อาทิ ระบบ Patient Discharge ระบบบริการล่ามผ่านจอ ระบบเชื่อมโยงภาพถ่ายทางการแพทย์ เป็นต้น
ฝ่าย พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดเผยว่า สมิติเวช ในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล็งเห็นประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพราะเราเชื่อว่าเทคโนโลยีคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับการให้บริการ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ตลอดจนลดความซับซ้อนในการทำงานลงไปได้ในขณะเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่สมิติเวชได้ก้าวสู่การเป็น Connected Hospital ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมุมมองของซิสโก้ในเรื่อง Connected Health
สมิติเวชได้ผสานแนวคิดในเรื่อง Connected Health นี้เข้ากับวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล และได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแอพลิเคชั่นทั้งระบบให้สมบูรณ์แข็งแรง โดยมีซิสโก้คอยให้คำปรึกษาในแนวทางต่างๆ และเราก็พบว่ายังมีความเป็นไปได้อีกมากที่การเชื่อมโยงถึงกันบนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดกับธุรกิจ ตัวองค์กร ผู้ปฏิบัติงาน ผู้รับบริการ ไปจนถึงทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายในหรือภายนอกองค์กรก็ตาม
ในวันนี้เราได้กลายเป็น Connected Hospital อย่างแท้จริง เทคโนโลยีช่วยให้เราเชื่อมโยงทุกแผนกของโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันลูกค้าและผู้ป่วยที่มาใช้บริการของเราก็สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอก และขอรับบริการต่างๆ ของโรงพยาบาลได้สะดวกขึ้น พร้อมๆ กับที่เราเองก็ทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย
เกี่ยวกับซิสโก้ ซีสเต็มส์
ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านระบบเครือข่ายที่เปลี่ยนแปลงวิธีการเชื่อมต่อ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซิสโก้ได้ที่ http://www.cisco.com หรือติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของซิสโก้ได้ที่ http://newsroom.cisco.com สำหรับผลิตภัณฑ์ของซิสโก้ในประเทศไทยได้รับการจัดหาโดยบริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของซิสโก้ ซีสเต็มส์ อิงค์
ซิสโก้ เครื่องหมายซิสโก้ และซิสโก้ ซิสเต็มส์ เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือเครื่องหมายการค้าของบริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ และ/หรือบริษัทในเครือ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆที่ปรากฏในเอกสารนี้เป็นทรัพย์สินย์ของบริษัทนั้นๆ การใช้คำว่าคู่ค้ามิได้แสดงถึงความสัมพันธ์ทางด้านคู่ค้าระหว่างซิสโก้และบริษัทอื่นๆ สำหรับเอกสารนี้เป็นข้อมูลสาธารณะของซิสโก้
เกี่ยวกับเน็กเซนเทล
เน็กเซนเทลก่อตั้งขึ้นโดยการรวมตัวกันของทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมานานกว่า 18 ปี มุ่งเน้นให้บริการติดตั้งโซลูชั่นด้านการสื่อสารบนเครือข่ายไอพี ซึ่งรวมถึง VoIP ยูนิฟายด์ คอมมูนิเคชั่น และโซลูชั่นไอพี คอนแท็ค เซ็นเตอร์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้ระบบการสื่อสารที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจรวดเร็วยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับ ร.พ.สมิติเวช
โรงพยาบาลสมิติเวชก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2522 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ชั้นนำในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานด้านการแพทย์ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพทั้งในประเทศไทยและมาตรฐานสากลจาก Joint Commission International หรือ JCI ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่งได้แก่ สุขุมวิท ศรีนครินทร์ และศรีราชา
ร.พ.สมิติเวช โดดร่วมวิสัยทัศน์ ก้าวสู่การเป็น Connected Hospital พร้อมเตรียมต่อยอดสู่ Connected Health ด้านเน็กเซนเทลเผยสร้างชุมชนระบบสุขภาพต้องใช้ความเข้าใจ ผสานเทคโนโลยีเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ
ซิสโก้เปิดตัว Connected Health เต็มรูปแบบ ชี้ทิศทางการใช้ระบบเครือข่ายเพื่อธุรกิจบริการด้านสุขภาพ แนะเชื่อมโยงสร้างชุมชนระบบสุขภาพแบบครบวงจร มั่นใจเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและสังคม ยกเคสจริง ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท Connected Hospital สมบูรณ์แบบ ก้าวแรกสู่ Connected Health พร้อมควงแขนเน็กเซนเทลเผยเคล็ดลับการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายสู่กระบวนการทางธุรกิจ
นายวัตสัน ถิระภัทรพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ บริษัทซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Connected Health คือแนวคิดการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงชุมชนระบบสุขภาพแบบครบวงจร โดยเชื่อมโยงทุกบริการที่เกี่ยวข้องกับการบริการสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงผู้รับบริการปลายทางเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สถานพยาบาลทั้งในเมืองและในพื้นที่ห่างไกล ผู้ป่วย แพทย์ ร้านขายยา สถาบันวิจัย หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง บริษัทประกัน ไปจนถึงลูกจ้าง พนักงาน และบ้านเรือน เป็นต้น
นายวัตสัน กล่าวต่อว่า ระบบ Connected Health จะช่วยให้โรงพยาบาลขยายขอบเขตการประสานความร่วมมือกันได้อย่างครอบคลุม ทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ช่วยพัฒนาการให้บริการ ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังช่วยเชื่อมโยงบุคลากรทางการแพทย์ถึงกัน และเชื่อมโยงแพทย์เข้ากับข้อมูลสำคัญต่างๆ ช่วยให้แพทย์สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเส้นทางการดูแลรักษาพยาบาล ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ป่วยมีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลหรือดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังได้ขยายแนวความคิดเรื่องการแพทย์เชิงป้องกันหรือการตรวจดูแลผู้ป่วยแบบระยะไกลให้ไกลออกไปจากเดิม โดยจะสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ก่อนที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล
นายวัตสัน กล่าวอีกว่า ซิสโก้มีโซลูชั่นสำหรับการเชื่อมโยงทางการแพทย์ที่ครบวงจร เริ่มตั้งแต่ระบบเครือข่ายอัจฉริยะซิสโก้ เมดิคัล-เกรด เน็ตเวิร์ค (Cisco Medical-Grade Network) เพื่อรองรับการใช้ข้อมูลสุขภาพร่วมกัน ซึ่งสามารถตรวจสอบ คุ้มครอง และซ่อมแซมตัวเอง เพื่อให้แอพพลิเคชั่นและข้อมูลสำคัญมีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังมีโซลูชั่นซิสโก้ คอนเน็กเต็ด อิมเมจจิ้ง (Cisco Connected Imaging) สำหรับบริหารจัดการและเชื่อมโยงการรับส่งภาพถ่ายทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะรังสีวิทยาเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจวิเคราะห์เเละวินิจฉัยโรค และโซลูชั่นซิสโก้ คลินิคัล คอนเน็กชั่น สวีท (Cisco Clinical Connection Suite) ที่เชื่อมต่อแพทย์ ผู้ป่วย และข้อมูลสุขภาพเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ซึ่งภายใต้ระบบ Cisco Clinical Connection Suite ยังประกอบไปด้วย solution ต่าง ๆ เช่น
Collaborative Care เพื่อให้การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ให้บริการด้านการเเพทย์และผู้ป่วย หรือ ระหว่างผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์ด้วยกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยให้การบริการผู้ป่วยใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ความพึงพอใจสูงสุดจากผู้ป่วย Interpretation Services ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างล่ามที่มีอยู่ปริมาณจำกัดให้บริการผู้ป่วยต่างชาติได้จำนวนมากขึ้นเเละยังสามารถบริหารจัดการล่ามที่อยู่ต่างสถานที่ผ่านโครงข่ายเน็ตเวิร์คสำหรับสถานบริการบางที่ที่มีล่ามภาษานั้น ๆ ในปริมาณที่จำกัดหรือไม่มีเลย ถัดมาระบบติดตามตำแหน่งที่ตั้ง (Context Aware Healthcare) ซึ่งระบบสามารถติดตามข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย (Mobile Care) ระบบติดตามพยาบาลฉุกเฉิน (Nurse Call) ผ่านไอพีโฟนไร้สายสำหรับพกพา และระบบเทเลเพรสเซนส์ (TelePresence for Healthcare )สำหรับการบริการสุขภาพ ที่ผู้ป่วยจะได้รับบริการจากสถานบริการการเเพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการเเพทย์ผ่านระบบเสมือนจริง
ด้านนายวันชัย สว่างวงศากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กเซนเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า ในแต่ละภาคธุรกิจมีความเฉพาะตัวของตัวเอง การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้จึงมีความท้าทายแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับกระบวนการทางธุรกิจของธุรกิจนั้นๆ อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ธุรกิจบริการสุขภาพ ต้องใช้โซลูชั่นทางด้านการแพทย์ ซึ่งควรจะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ที่เชื่อมต่อแพทย์ ผู้ป่วย และข้อมูลสุขภาพเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการรักษาพยาบาลในลักษณะประสานความร่วมมือกันและกัน โดยเชื่อมต่อบุคลากรที่เหมาะสมเข้ากับข้อมูลผู้ป่วยในแบบไดนามิก เพื่อปรับปรุงความรวดเร็วในการรักษาพยาบาล และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เป็นต้น
สำหรับร.พ.สมิติเวช สุขุมวิทนั้น ได้ติดตั้งซิสโก้ไอพีโฟนรุ่น 7970 และซิสโก้ไอพีโฟนไร้สายรุ่น 7921G ซึ่งเน็กเซนเทลเป็นผู้พัฒนาแอพลิเคชั่นบนเครื่อง รวมถึงระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่ต้องติดตั้งแอ็คเซสพ้อยท์นับร้อยจุด จึงต้องอาศัยระบบบริหารจัดการเครือข่ายที่ชาญฉลาด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและทำให้เครือข่ายไร้สายพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีโซลูชั่นด้านการแพทย์อื่นๆ อาทิ ระบบ Patient Discharge ระบบบริการล่ามผ่านจอ ระบบเชื่อมโยงภาพถ่ายทางการแพทย์ เป็นต้น
ฝ่าย พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดเผยว่า สมิติเวช ในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล็งเห็นประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพราะเราเชื่อว่าเทคโนโลยีคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับการให้บริการ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ตลอดจนลดความซับซ้อนในการทำงานลงไปได้ในขณะเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่สมิติเวชได้ก้าวสู่การเป็น Connected Hospital ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมุมมองของซิสโก้ในเรื่อง Connected Health
สมิติเวชได้ผสานแนวคิดในเรื่อง Connected Health นี้เข้ากับวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล และได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแอพลิเคชั่นทั้งระบบให้สมบูรณ์แข็งแรง โดยมีซิสโก้คอยให้คำปรึกษาในแนวทางต่างๆ และเราก็พบว่ายังมีความเป็นไปได้อีกมากที่การเชื่อมโยงถึงกันบนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดกับธุรกิจ ตัวองค์กร ผู้ปฏิบัติงาน ผู้รับบริการ ไปจนถึงทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายในหรือภายนอกองค์กรก็ตาม
ในวันนี้เราได้กลายเป็น Connected Hospital อย่างแท้จริง เทคโนโลยีช่วยให้เราเชื่อมโยงทุกแผนกของโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันลูกค้าและผู้ป่วยที่มาใช้บริการของเราก็สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอก และขอรับบริการต่างๆ ของโรงพยาบาลได้สะดวกขึ้น พร้อมๆ กับที่เราเองก็ทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย
เกี่ยวกับซิสโก้ ซีสเต็มส์
ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านระบบเครือข่ายที่เปลี่ยนแปลงวิธีการเชื่อมต่อ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซิสโก้ได้ที่ http://www.cisco.com หรือติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของซิสโก้ได้ที่ http://newsroom.cisco.com สำหรับผลิตภัณฑ์ของซิสโก้ในประเทศไทยได้รับการจัดหาโดยบริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของซิสโก้ ซีสเต็มส์ อิงค์
ซิสโก้ เครื่องหมายซิสโก้ และซิสโก้ ซิสเต็มส์ เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือเครื่องหมายการค้าของบริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ และ/หรือบริษัทในเครือ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆที่ปรากฏในเอกสารนี้เป็นทรัพย์สินย์ของบริษัทนั้นๆ การใช้คำว่าคู่ค้ามิได้แสดงถึงความสัมพันธ์ทางด้านคู่ค้าระหว่างซิสโก้และบริษัทอื่นๆ สำหรับเอกสารนี้เป็นข้อมูลสาธารณะของซิสโก้
เกี่ยวกับเน็กเซนเทล
เน็กเซนเทลก่อตั้งขึ้นโดยการรวมตัวกันของทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมานานกว่า 18 ปี มุ่งเน้นให้บริการติดตั้งโซลูชั่นด้านการสื่อสารบนเครือข่ายไอพี ซึ่งรวมถึง VoIP ยูนิฟายด์ คอมมูนิเคชั่น และโซลูชั่นไอพี คอนแท็ค เซ็นเตอร์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้ระบบการสื่อสารที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจรวดเร็วยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับ ร.พ.สมิติเวช
โรงพยาบาลสมิติเวชก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2522 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ชั้นนำในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานด้านการแพทย์ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพทั้งในประเทศไทยและมาตรฐานสากลจาก Joint Commission International หรือ JCI ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่งได้แก่ สุขุมวิท ศรีนครินทร์ และศรีราชา
4838
news & activity / SCIB Platinum Bancassurance
« on: March 11, 2009, 03:56:08 PM »
SCIB Platinum Bancassurance
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (ขวา) กับ มร.โทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้บริหารอาวุโส บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ภูมิภาคเอเชีย ร่วมเปิดโครงการ “SCIB Platinum Bancassurance” ด้วยการขายกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 แบบ ผ่านสาขาธนาคาร 407 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ กรมธรรม์ “SCIB Platinum Life Single Premium” และ “SCIB Platinum Saving 21/7” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (ขวา) กับ มร.โทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้บริหารอาวุโส บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ภูมิภาคเอเชีย ร่วมเปิดโครงการ “SCIB Platinum Bancassurance” ด้วยการขายกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 แบบ ผ่านสาขาธนาคาร 407 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ กรมธรรม์ “SCIB Platinum Life Single Premium” และ “SCIB Platinum Saving 21/7” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ
4839
news & activity / แสนสิริเปิดตัวยิ่งใหญ่ งาน Living in Style 2009 ผนึกความร่วมมือสถาบันการเงิน
« on: March 11, 2009, 12:22:37 PM »
แสนสิริเปิดตัวยิ่งใหญ่ งาน Living in Style 2009 ผนึกความร่วมมือสถาบันการเงิน และพันธมิตรธุรกิจเอกชน รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน Living in Style 2009 ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ณ รอยัล พารากอน ฮอล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน พร้อมให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับ ดร.โกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานกรรมการ นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ และนายวันจักร์ บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยผู้บริหารจากพันธมิตรธุรกิจภาคเอกชน อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท คิวคอนเซ็พท์ จำกัด ในชื่อแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ EQ3 หนึ่งในเครือของเดคอร์มาร์ท, บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด, ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด, บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด และบริษัท สยามไดกิ้น เซลส์ จำกัด งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสินค้าอื่น อาทิ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะนำไปสู่การบริโภคและการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง หนึ่งในความร่วมมือทางธุรกิจที่สำคัญเพื่อการจัดงานที่มีคุณภาพสู่กลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีเสมอมา
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน Living in Style 2009 ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ณ รอยัล พารากอน ฮอล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน พร้อมให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับ ดร.โกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานกรรมการ นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ และนายวันจักร์ บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วยผู้บริหารจากพันธมิตรธุรกิจภาคเอกชน อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท คิวคอนเซ็พท์ จำกัด ในชื่อแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ EQ3 หนึ่งในเครือของเดคอร์มาร์ท, บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จำกัด, ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด, บริษัท ค้าสากลซิเมนต์ไทย จำกัด และบริษัท สยามไดกิ้น เซลส์ จำกัด งานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับสินค้าอื่น อาทิ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะนำไปสู่การบริโภคและการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง หนึ่งในความร่วมมือทางธุรกิจที่สำคัญเพื่อการจัดงานที่มีคุณภาพสู่กลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดีเสมอมา
4840
news & activity / เคทีซี-ทีทีเอเอ-สทน.-ไทย อะมาดิอุส ปลื้ม งาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2009”
« on: March 11, 2009, 12:16:57 PM »
เคทีซี-ทีทีเอเอ-สทน.-ไทย อะมาดิอุส ปลื้ม งาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2009” สำเร็จเกินคาด กวาดยอดขายรวมกว่า 800 ล้านบาท คนเที่ยวงานกว่า 7 แสนคน
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และนายสมเกียรติ รุ่งทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท ไทย - อะมาดิอุส เซาท์อีสเอเชีย จำกัด จัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2009” โดยมี ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานในปีนี้มีแนวคิดที่ชัดเจนเพื่อมุ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการและกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก และเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง โดยภายในงานมีการนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวทีน่าสนใจมากมาย เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ชื่นชอบการเดินทางและสมาชิกเคทีซีได้ท่องเที่ยวอย่างหลากหลายและเต็มที่ ซึ่งเพียงชั่วระยะเวลา 4 วันที่จัดงาน มีสมาชิกเคทีซีและผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700,000 คน มียอดใช้จ่ายในงานรวมสูงกว่า 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปี 2550 ซึ่งมียอดใช้จ่ายประมาณ 500 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีรวมกว่า 240 ล้านบาท หรือเติบโตสูงขึ้นกว่า 93% จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2550 ที่มีเท่ากับ 124 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีสูงที่สุดเท่าที่เราได้ร่วมจัดงานมา และเป็นความสำเร็จที่น่าพอใจที่งานนี้ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ภาคประชาชนมีการใช้จ่าย ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งเหตุผลหนึ่งอาจมาจากความคุ้มค่าที่ลูกค้าได้รับจากการซื้อสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานในงาน นอกจากนี้ยังได้รับความสะดวกสบายและรับมูลค่าเพิ่มยิ่งขึ้นทุกครั้งเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต”
“สำหรับภาพรวมที่เกิดขึ้นในงานนี้ ได้สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น จากยอดการจองโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยวและตั๋วเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังมีความผันผวนอยู่มาก แต่การเดินทางท่องเที่ยวได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการดำเนินชีวิต คนไทยยังต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายและเป็นการรีเฟรชตัวเองให้มีแรงสู้กับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยหลักที่เราประสบความสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือ การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรสมาคมต่าง ๆ ได้แก่ เคทีซี สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และไทย–อะมาดิอุส ที่มีเจตนารมณ์ในการเร่งผลักดันให้เกิดงานแฟร์ท่องเที่ยวที่มีประโยชน์สูงสุดทั้งแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น สายการบิน บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รถเช่าและสถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภคและสมาชิกบัตรเคทีซีที่รักการเดินทางโดยวางแผนจะจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติอีกด้วย”
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และนายสมเกียรติ รุ่งทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท ไทย - อะมาดิอุส เซาท์อีสเอเชีย จำกัด จัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2009” โดยมี ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานในปีนี้มีแนวคิดที่ชัดเจนเพื่อมุ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการและกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก และเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง โดยภายในงานมีการนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวทีน่าสนใจมากมาย เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ชื่นชอบการเดินทางและสมาชิกเคทีซีได้ท่องเที่ยวอย่างหลากหลายและเต็มที่ ซึ่งเพียงชั่วระยะเวลา 4 วันที่จัดงาน มีสมาชิกเคทีซีและผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 700,000 คน มียอดใช้จ่ายในงานรวมสูงกว่า 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปี 2550 ซึ่งมียอดใช้จ่ายประมาณ 500 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีรวมกว่า 240 ล้านบาท หรือเติบโตสูงขึ้นกว่า 93% จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2550 ที่มีเท่ากับ 124 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีสูงที่สุดเท่าที่เราได้ร่วมจัดงานมา และเป็นความสำเร็จที่น่าพอใจที่งานนี้ได้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ภาคประชาชนมีการใช้จ่าย ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งเหตุผลหนึ่งอาจมาจากความคุ้มค่าที่ลูกค้าได้รับจากการซื้อสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานในงาน นอกจากนี้ยังได้รับความสะดวกสบายและรับมูลค่าเพิ่มยิ่งขึ้นทุกครั้งเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต”
“สำหรับภาพรวมที่เกิดขึ้นในงานนี้ ได้สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น จากยอดการจองโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยวและตั๋วเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังมีความผันผวนอยู่มาก แต่การเดินทางท่องเที่ยวได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการดำเนินชีวิต คนไทยยังต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายและเป็นการรีเฟรชตัวเองให้มีแรงสู้กับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยหลักที่เราประสบความสำเร็จจากการจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือ การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรสมาคมต่าง ๆ ได้แก่ เคทีซี สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และไทย–อะมาดิอุส ที่มีเจตนารมณ์ในการเร่งผลักดันให้เกิดงานแฟร์ท่องเที่ยวที่มีประโยชน์สูงสุดทั้งแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็น สายการบิน บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รถเช่าและสถานที่ท่องเที่ยว รวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภคและสมาชิกบัตรเคทีซีที่รักการเดินทางโดยวางแผนจะจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติอีกด้วย”
4841
news & activity / ไอบีเอ็มเปิดตัวนวัตกรรมโครงสร้างไอทีแห่งศตวรรษที่ 21
« on: March 11, 2009, 12:06:07 PM »
ไอบีเอ็มเปิดตัวนวัตกรรมโครงสร้างไอทีแห่งศตวรรษที่ 21
นวัตกรรมที่ผนวกรวมโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิตอลเข้าด้วยกัน
รองรับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในยุคที่โลกเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบต่าง ๆ ครอบคลุมตั้งแต่ระบบอัตโนมัติ การควบรวมระบบ ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางดิจิตอลและทางกายภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบก้าวกระโดด ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถตอบสนองและจัดการกับความท้าทายที่มาพร้อมกับโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ของไอบีเอ็มถูกออกแบบขึ้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่สอดรับกับความท้าทายที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้นทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามทางด้านไอทีรูปแบบใหม่ ๆ ระบบห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา กฏเกณฑ์หรือระเบียบใหม่ ๆ ที่มีผลต่อการจัดการระบบไอที หรือแม้กระทั่งความท้าทายในยุคที่โลก “ฉลาดขึ้น” ไม่ว่าจะเป็นการที่ประชากรหนึ่งในสามของโลกจะอยู่บนอินเทอร์เน็ตภายในปีพ.ศ. 2554 จำนวนผู้ที่เข้าเว็บผ่านมือถือกว่า 4 พันล้านคนในปัจจุบัน หรือปริมาณข้อมูลเชิงลึกที่เพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาลซึ่งมีผลมาจากเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใช้ในโลกสารพัดแบบ เช่น สมาร์ทเซ็นเซอร์ที่ใช้งานอยู่ตามจุดต่าง ๆ รอบตัวเรา อาร์เอฟไอดีแท๊กส์ ระบบสาธารณูปโภคที่ใช้ระบบกริดอัจฉริยะ เป็นต้น ความท้าทายเหล่านี้คือโจทย์ที่สำคัญต่อการสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีสำหรับองค์กรในยุคปัจจุบัน
ด้วยความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายดังกล่าว ไอบีเอ็มได้ออกแบบและพัฒนาแนวทางโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไดนามิก
(Dynamic Infrastructure) เพื่อรองรับความท้าทายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
• การผนวกรวมโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิตอลเข้าด้วยกัน เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ไอทีในการบริหารจัดการระบบงานธุรกิจ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถรองรับบริการในรูปแบบใหม่ ๆ (รูปแบบบริการดังกล่าวเรียกว่า การจัดการด้านบริการ หรือ Service Management) ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
• ความสามารถในการบริหาร จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ที่เพิ่มขึ้นถึง 15 เพทาไบต์ในแต่ละวัน ด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมหาศาลซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะต่าง ๆ นี้เอง ทำให้องค์กรต่าง ๆ จำต้องหาวิธีบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันก็จำต้องให้การบริหารจัดการข้อมูลสอดคล้องกับกฎระเบียบต่าง ๆ และกฏเกณฑ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายในการเก็บรักษาข้อมูล การบริหารความเสี่ยง และการจัดการด้านความปลอดภัยข้อมูล เป็นต้น
• ความจำเป็นที่ต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบไอทีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากปัจจุบันองค์กรหลายแห่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกี่ยวกับระบบดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าพื้นที่ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าจากปีพ.ศ. 2539 ในขณะที่การใช้งานโดยเฉลี่ยของระบบเซิร์ฟเวอร์โดยทั่วไปมีอัตราการใช้งานเพียงแค่ 6-15% เท่านั้น ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความท้าทายต่าง ๆ นี้เอง ไอบีเอ็มจึงคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรที่ต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ (Dynamic Infrastructure) ดังต่อไปนี้
• เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และซอฟต์แวร์เพื่อจัดการปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อน (Data Deduplication) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าวได้แก่ ไอบีเอ็ม โปรเท็คเทียร์ (IBM TS7650 ProtecTIER® Deduplication Appliance) ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อจัดการปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อนและช่วยให้ลูกค้าสามารถเก็บรักษาข้อมูลได้นานขึ้น พร้อมทั้งช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีความเสถียรมากขึ้น ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการลดการใช้พลังงาน พื้นที่ติดตั้ง และการบำรุงรักษา และจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลขององค์กร
• ระบบสตอเรจ ไอบีเอ็ม เอ็กซ์ไอวี (IBM XIV) ระบบสตอเรจรุ่นใหม่ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น เช่นในกรณีที่ข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการใช้งานแอพพลิเคชั่นทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น แอพพลิเคชั่นด้านการเงิน ระบบโรงพยาบาล หรือเวิร์กโหลดใหม่ๆ เช่น สื่อดิจิตอล และเว็บ 2.0 เป็นต้น
• เซิร์ฟเวอร์ซิสเต็ม ซี10 (System z10) หรือเมนเฟรม ทั้งเอ็นเตอร์ไพรส์คลาส (EC) สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ และบิสิเนส คลาสสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอันหลากหลาย และมีความยืดหยุ่น รองรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็มีจุดเด่นเรื่องความสามารถในการจัดการพลังงาน และระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายแล้วยังมีความเสถียรและปลอดภัยสูงอีกด้วย
• ซอฟต์แวร์และบริการใหม่ภายใต้โซลูชั่นไอบีเอ็ม เซอร์วิส แมเนจเมนท์ ซอฟต์แวร์และบริการดังกล่าวถูกออกแบบขึ้นเพื่อธุรกิจ 7 ประเภท ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค เคมีและปิโตรเลียม โทรคมนาคม ค้าปลีก ธนาคาร อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิต โดยซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น ไอบีเอ็ม ทิโวลี่และการบริการทั้งในด้านการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนทางเทคโนโลยี ล้วนสนับสนุนให้องค์กรสามารถออกแบบและติดตั้งระบบไอทีที่จัดการและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดในลักษณะรวมศูนย์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้ทรัพยากรทางด้านไอทีขององค์กร เช่น อุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น “มิเตอร์อัจฉริยะ” และ RFID เป็นต้น
• บริการทางด้านการรักษาความปลอดภัยจากแผนกไอเอสเอสของไอบีเอ็ม (Internet Security Systems – ISS) ช่วยให้ลูกค้าองค์กรปกป้องข้อมูลสำคัญๆ ตั้งแต่ระบบเครือข่ายภายในองค์กรไปจนถึงเครือข่ายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล็ดลอดนำข้อมูลสำคัญออกไปผ่านเครือข่าย โซลูชั่นการเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูล เช่น ในกรณีที่อุปกรณ์เชื่อมต่อสูญหายหรือถูกโจรกรรม นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบและควบคุมการใช้อุปกรณ์สตอเรจภายนอกเพื่อจัดเก็บและเคลื่อนย้ายข้อมูล และการปรับปรุงความปลอดภัยของอีเมลทั้งขาเข้าและขาออก เป็นต้น
• ซอฟต์แวร์อินโฟสเฟียร์ แวร์เฮาส์ (InfoSphere Warehouse) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้ในแบบเรียลไทม์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลธุรกิจสำคัญๆ เพื่อปรับปรุงการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการบริหารคลังข้อมูล (Data Warehouse) ที่สนับสนุนแอพพลิเคชั่นระบบธุรกิจอัจริยะ (Business Intelligence) เช่น ซอฟต์แวร์คอกนอส เป็นต้น
• ซอฟต์แวร์ไอบีเอ็ม ซิสเต็มส์ ไดเร็คเตอร์ (IBM Systems Director) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทั้งแบบกายภาพและเสมือนในระบบดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งทำงานในสภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ยูนิกซ์ หรือ ลินึกซ์ โดยเครื่องมือต่าง ๆ ในซอฟต์แวร์นี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้จัดการฝ่ายไอทีสามารถควบคุมและสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับเซิร์ฟเวอร์ทั้งแบบกายภาพและเสมือน หรือปรับ เพิ่ม ลดการใช้พลังงานตามความจำเป็น รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิของฮาร์ดแวร์และการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ยังช่วยตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ระยะไกล และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเมื่อได้รับการแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมโครงสร้างไอทีสำหรับศตวรรษที่ 21 ของไอบีเอ็ม สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/dynamicinfrastructure
# # # # # #
นวัตกรรมที่ผนวกรวมโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิตอลเข้าด้วยกัน
รองรับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายในยุคที่โลกเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบต่าง ๆ ครอบคลุมตั้งแต่ระบบอัตโนมัติ การควบรวมระบบ ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางดิจิตอลและทางกายภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบก้าวกระโดด ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถตอบสนองและจัดการกับความท้าทายที่มาพร้อมกับโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ของไอบีเอ็มถูกออกแบบขึ้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่สอดรับกับความท้าทายที่ทวีความซับซ้อนมากขึ้นทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามทางด้านไอทีรูปแบบใหม่ ๆ ระบบห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา กฏเกณฑ์หรือระเบียบใหม่ ๆ ที่มีผลต่อการจัดการระบบไอที หรือแม้กระทั่งความท้าทายในยุคที่โลก “ฉลาดขึ้น” ไม่ว่าจะเป็นการที่ประชากรหนึ่งในสามของโลกจะอยู่บนอินเทอร์เน็ตภายในปีพ.ศ. 2554 จำนวนผู้ที่เข้าเว็บผ่านมือถือกว่า 4 พันล้านคนในปัจจุบัน หรือปริมาณข้อมูลเชิงลึกที่เพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาลซึ่งมีผลมาจากเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใช้ในโลกสารพัดแบบ เช่น สมาร์ทเซ็นเซอร์ที่ใช้งานอยู่ตามจุดต่าง ๆ รอบตัวเรา อาร์เอฟไอดีแท๊กส์ ระบบสาธารณูปโภคที่ใช้ระบบกริดอัจฉริยะ เป็นต้น ความท้าทายเหล่านี้คือโจทย์ที่สำคัญต่อการสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีสำหรับองค์กรในยุคปัจจุบัน
ด้วยความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายดังกล่าว ไอบีเอ็มได้ออกแบบและพัฒนาแนวทางโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไดนามิก
(Dynamic Infrastructure) เพื่อรองรับความท้าทายต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
• การผนวกรวมโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิตอลเข้าด้วยกัน เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ไอทีในการบริหารจัดการระบบงานธุรกิจ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถรองรับบริการในรูปแบบใหม่ ๆ (รูปแบบบริการดังกล่าวเรียกว่า การจัดการด้านบริการ หรือ Service Management) ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
• ความสามารถในการบริหาร จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ที่เพิ่มขึ้นถึง 15 เพทาไบต์ในแต่ละวัน ด้วยปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมหาศาลซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะต่าง ๆ นี้เอง ทำให้องค์กรต่าง ๆ จำต้องหาวิธีบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีระบบเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกันก็จำต้องให้การบริหารจัดการข้อมูลสอดคล้องกับกฎระเบียบต่าง ๆ และกฏเกณฑ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายในการเก็บรักษาข้อมูล การบริหารความเสี่ยง และการจัดการด้านความปลอดภัยข้อมูล เป็นต้น
• ความจำเป็นที่ต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบไอทีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากปัจจุบันองค์กรหลายแห่งต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เกี่ยวกับระบบดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าพื้นที่ ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าจากปีพ.ศ. 2539 ในขณะที่การใช้งานโดยเฉลี่ยของระบบเซิร์ฟเวอร์โดยทั่วไปมีอัตราการใช้งานเพียงแค่ 6-15% เท่านั้น ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความท้าทายต่าง ๆ นี้เอง ไอบีเอ็มจึงคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรที่ต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ (Dynamic Infrastructure) ดังต่อไปนี้
• เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และซอฟต์แวร์เพื่อจัดการปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อน (Data Deduplication) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าวได้แก่ ไอบีเอ็ม โปรเท็คเทียร์ (IBM TS7650 ProtecTIER® Deduplication Appliance) ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อจัดการปัญหาข้อมูลซ้ำซ้อนและช่วยให้ลูกค้าสามารถเก็บรักษาข้อมูลได้นานขึ้น พร้อมทั้งช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรให้มีประสิทธิภาพและมีความเสถียรมากขึ้น ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการลดการใช้พลังงาน พื้นที่ติดตั้ง และการบำรุงรักษา และจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลขององค์กร
• ระบบสตอเรจ ไอบีเอ็ม เอ็กซ์ไอวี (IBM XIV) ระบบสตอเรจรุ่นใหม่ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น เช่นในกรณีที่ข้อมูลมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากการใช้งานแอพพลิเคชั่นทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น แอพพลิเคชั่นด้านการเงิน ระบบโรงพยาบาล หรือเวิร์กโหลดใหม่ๆ เช่น สื่อดิจิตอล และเว็บ 2.0 เป็นต้น
• เซิร์ฟเวอร์ซิสเต็ม ซี10 (System z10) หรือเมนเฟรม ทั้งเอ็นเตอร์ไพรส์คลาส (EC) สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ และบิสิเนส คลาสสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอันหลากหลาย และมีความยืดหยุ่น รองรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็มีจุดเด่นเรื่องความสามารถในการจัดการพลังงาน และระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายแล้วยังมีความเสถียรและปลอดภัยสูงอีกด้วย
• ซอฟต์แวร์และบริการใหม่ภายใต้โซลูชั่นไอบีเอ็ม เซอร์วิส แมเนจเมนท์ ซอฟต์แวร์และบริการดังกล่าวถูกออกแบบขึ้นเพื่อธุรกิจ 7 ประเภท ได้แก่ กลุ่มสาธารณูปโภค เคมีและปิโตรเลียม โทรคมนาคม ค้าปลีก ธนาคาร อิเล็กทรอนิกส์ และการผลิต โดยซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เช่น ไอบีเอ็ม ทิโวลี่และการบริการทั้งในด้านการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนทางเทคโนโลยี ล้วนสนับสนุนให้องค์กรสามารถออกแบบและติดตั้งระบบไอทีที่จัดการและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดในลักษณะรวมศูนย์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้ทรัพยากรทางด้านไอทีขององค์กร เช่น อุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น “มิเตอร์อัจฉริยะ” และ RFID เป็นต้น
• บริการทางด้านการรักษาความปลอดภัยจากแผนกไอเอสเอสของไอบีเอ็ม (Internet Security Systems – ISS) ช่วยให้ลูกค้าองค์กรปกป้องข้อมูลสำคัญๆ ตั้งแต่ระบบเครือข่ายภายในองค์กรไปจนถึงเครือข่ายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล็ดลอดนำข้อมูลสำคัญออกไปผ่านเครือข่าย โซลูชั่นการเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูล เช่น ในกรณีที่อุปกรณ์เชื่อมต่อสูญหายหรือถูกโจรกรรม นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบและควบคุมการใช้อุปกรณ์สตอเรจภายนอกเพื่อจัดเก็บและเคลื่อนย้ายข้อมูล และการปรับปรุงความปลอดภัยของอีเมลทั้งขาเข้าและขาออก เป็นต้น
• ซอฟต์แวร์อินโฟสเฟียร์ แวร์เฮาส์ (InfoSphere Warehouse) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้ในแบบเรียลไทม์ โดยอ้างอิงจากข้อมูลธุรกิจสำคัญๆ เพื่อปรับปรุงการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการบริหารคลังข้อมูล (Data Warehouse) ที่สนับสนุนแอพพลิเคชั่นระบบธุรกิจอัจริยะ (Business Intelligence) เช่น ซอฟต์แวร์คอกนอส เป็นต้น
• ซอฟต์แวร์ไอบีเอ็ม ซิสเต็มส์ ไดเร็คเตอร์ (IBM Systems Director) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทั้งแบบกายภาพและเสมือนในระบบดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบัน ซึ่งทำงานในสภาวะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ยูนิกซ์ หรือ ลินึกซ์ โดยเครื่องมือต่าง ๆ ในซอฟต์แวร์นี้ นอกจากจะช่วยให้ผู้จัดการฝ่ายไอทีสามารถควบคุมและสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับเซิร์ฟเวอร์ทั้งแบบกายภาพและเสมือน หรือปรับ เพิ่ม ลดการใช้พลังงานตามความจำเป็น รวมทั้งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิของฮาร์ดแวร์และการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ยังช่วยตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดแวร์ระยะไกล และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเมื่อได้รับการแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมโครงสร้างไอทีสำหรับศตวรรษที่ 21 ของไอบีเอ็ม สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/dynamicinfrastructure
# # # # # #
4842
news & activity / Pattaya International Music Festival 2009
« on: March 11, 2009, 12:03:15 PM »
Pattaya International Music Festival 2009
วันที่ 20 - 22 มีนาคม 2552 ตั้งแต่เวลา 18.00 – 24.00 น.
ณ ชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี
กำหนดจัดงานแถลงข่าว
ครั้งที่ 1 วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ลานฟอรั่ม ชั้น 1(ใกล้ฝั่งอิเซตัน) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ เวลา 16.30 น.
ครั้งที่ 2 วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2552 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ททท.จัดใหญ่...เทศกาลดนตรีนานาชาติ
“พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล 2009” ศิลปินไทยและต่างประเทศ รวมพลังปลุกกระแสเที่ยวไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เตรียมจัดกิจกรรมท่องเที่ยวควบคู่ความบันเทิงครั้งใหญ่ในรอบปี เทศกาลดนตรีนานาชาติเมืองพัทยา ประจำปี 2552 “พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล 2009” (PATTAYA INTERNATIONAL MUSIC FESTIVAL 2009) ระหว่างวันศุกร์ที่ 20 - วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2552 ณ เวทีชายหาดเมืองพัทยา เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด “AMAZING THAILAND AMAZING VALUE” นอกจากตอบสนองนโยบายไทยเที่ยวไทยแล้วยังเป็นกิจกรรมที่เพิ่มมูลค่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยได้อย่างเพลิดเพลิน และที่สำคัญช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของ “เมืองพัทยา” ที่อยู่ในอันดับสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้มีความพิเศษอย่างยิ่งคือ มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีความชำนาญเฉพาะ ให้ความร่วมมืออย่างมากมาย ได้แก่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ และ SEED RADIO), Channel [V] Thailand , Channel [V] International , สถานี TVB 8 รวมถึงพันธมิตรต่างประเทศที่ให้การสนันสนุนการจัดงานในครั้งนี้ อย่างหน่วยงานจากประเทศเกาหลี Korea Foundation for International Exchange (KOFICE), ค่ายเพลงต่างประเทศ อาทิ S.M. Entertainment ค่ายเพลงชื่อดังจากเกาหลี , ค่าย EEG จากฮ่องกง , ค่าย OCEAN BUTTERFLY จากจีน , ค่าย HOUSE OF INDIES จากเวียดนาม , ค่าย HALO MUSIC จากมาเลเซีย , ค่าย AMPHEAD จากออสเตรเลีย , ค่าย INDEE RECORDS จากลาว , ค่าย AVEX TAIWAN จากไต้หวัน เป็นต้น
สำหรับรูปแบบของงานจะจัดเป็นคอนเสิร์ตที่มีเวทีแสดง 3 เวที ได้แก่ เวทีแหลมบาลีฮาย / เวทีพัทยากลาง และเวทีพัทยาซอย 4 โดยได้เชิญศิลปินชื่อดังทั้งไทยและต่างประเทศที่มีความหลากหลาย กว่า 100 ชีวิต มาร่วมโชว์บนเวที เพื่อให้รองรับกลุ่มผู้ฟังดนตรีทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นแนวเพลง Pop , Hip-hop , R&B , Rock และอื่นๆ อาทิ กอล์ฟ-ไมค์ , เป็ก ผลิตโชค , วงแคลช , วงโปเตโต้ , วงเอบีนอร์มอล , เดอะสตาร์ , วงโซคูล ฯลฯ วง SHINEE , วง GIRLS’ GENERATION จากเกาหลี , KYM JIN SHA จากจีน, DANSON TUNG จากไต้หวัน และ KENNY KWAN จากฮ่องกง ฯลฯ
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
TAT Call Center 1672
ททท. สำนักงานพัทยา โทร. 0 3841 6799 , 0 3842 8750 , 0 3842 7667
www.pattayamusicfestival.gmember.com
วันที่ 20 - 22 มีนาคม 2552 ตั้งแต่เวลา 18.00 – 24.00 น.
ณ ชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี
กำหนดจัดงานแถลงข่าว
ครั้งที่ 1 วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 ณ ลานฟอรั่ม ชั้น 1(ใกล้ฝั่งอิเซตัน) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ เวลา 16.30 น.
ครั้งที่ 2 วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2552 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ททท.จัดใหญ่...เทศกาลดนตรีนานาชาติ
“พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล 2009” ศิลปินไทยและต่างประเทศ รวมพลังปลุกกระแสเที่ยวไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เตรียมจัดกิจกรรมท่องเที่ยวควบคู่ความบันเทิงครั้งใหญ่ในรอบปี เทศกาลดนตรีนานาชาติเมืองพัทยา ประจำปี 2552 “พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิค เฟสติวัล 2009” (PATTAYA INTERNATIONAL MUSIC FESTIVAL 2009) ระหว่างวันศุกร์ที่ 20 - วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2552 ณ เวทีชายหาดเมืองพัทยา เพื่อปลุกกระแสการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด “AMAZING THAILAND AMAZING VALUE” นอกจากตอบสนองนโยบายไทยเที่ยวไทยแล้วยังเป็นกิจกรรมที่เพิ่มมูลค่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยได้อย่างเพลิดเพลิน และที่สำคัญช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของ “เมืองพัทยา” ที่อยู่ในอันดับสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้มีความพิเศษอย่างยิ่งคือ มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีความชำนาญเฉพาะ ให้ความร่วมมืออย่างมากมาย ได้แก่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ และ SEED RADIO), Channel [V] Thailand , Channel [V] International , สถานี TVB 8 รวมถึงพันธมิตรต่างประเทศที่ให้การสนันสนุนการจัดงานในครั้งนี้ อย่างหน่วยงานจากประเทศเกาหลี Korea Foundation for International Exchange (KOFICE), ค่ายเพลงต่างประเทศ อาทิ S.M. Entertainment ค่ายเพลงชื่อดังจากเกาหลี , ค่าย EEG จากฮ่องกง , ค่าย OCEAN BUTTERFLY จากจีน , ค่าย HOUSE OF INDIES จากเวียดนาม , ค่าย HALO MUSIC จากมาเลเซีย , ค่าย AMPHEAD จากออสเตรเลีย , ค่าย INDEE RECORDS จากลาว , ค่าย AVEX TAIWAN จากไต้หวัน เป็นต้น
สำหรับรูปแบบของงานจะจัดเป็นคอนเสิร์ตที่มีเวทีแสดง 3 เวที ได้แก่ เวทีแหลมบาลีฮาย / เวทีพัทยากลาง และเวทีพัทยาซอย 4 โดยได้เชิญศิลปินชื่อดังทั้งไทยและต่างประเทศที่มีความหลากหลาย กว่า 100 ชีวิต มาร่วมโชว์บนเวที เพื่อให้รองรับกลุ่มผู้ฟังดนตรีทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นแนวเพลง Pop , Hip-hop , R&B , Rock และอื่นๆ อาทิ กอล์ฟ-ไมค์ , เป็ก ผลิตโชค , วงแคลช , วงโปเตโต้ , วงเอบีนอร์มอล , เดอะสตาร์ , วงโซคูล ฯลฯ วง SHINEE , วง GIRLS’ GENERATION จากเกาหลี , KYM JIN SHA จากจีน, DANSON TUNG จากไต้หวัน และ KENNY KWAN จากฮ่องกง ฯลฯ
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
TAT Call Center 1672
ททท. สำนักงานพัทยา โทร. 0 3841 6799 , 0 3842 8750 , 0 3842 7667
www.pattayamusicfestival.gmember.com
4843
news & activity / “สมอลล์รูม” เปิดตัว “ตุ๊กตา – เลเชอร์ ซองส์”
« on: March 11, 2009, 12:01:14 PM »
“สมอลล์รูม” เปิดตัว “ตุ๊กตา – เลเชอร์ ซองส์” สาวน้อยมากความสามารถ กับดีกรีนักร้อง CU BAND
หลังจากส่งสาวน้อยทายาทเจ้าของห้างเซ็นทรัล “น้องแพร์-จิราธิวัฒน์” มาเปิดตัวอัลบั้ม LEISURE SONGS (เลเชอร์ ซองส์) ของค่ายเพลง “สมอลล์รูม” กับผลงานอัลบั้มยามว่างที่รวบรวมเอาศิลปินหนุ่มสาวไว้ถึง 11 คน ล่าสุดได้ทีส่งความสนุกกับบทเพลง “รู้นะ” ของสาวแสนซนอย่าง “น้องตุ๊กตา-จมาพร แสงทอง” ที่พกพาความสามารถทางด้านการร้องเพลงแบบเต็มตัว ด้วยดีกรี 1 ในสมาชิกนักร้อง CU BAND ให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ว่า
“เป็นคนชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้ตุ๊กตาเรียนอยู่ปี3คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนปี2ก็ไปออดิชั่นเป็นนักร้องใน CU BAND ของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ยากมากค่ะจำได้ว่าต้องผ่านการคัดเลือกอยู่3รอบได้กว่าจะได้เป็น พอรู้ผลก็ดีใจสุดๆค่ะ เพราะรู้ว่ามีรุ่นพี่อย่าง พี่รัดเกล้า , พี่ลูกหว้า ดูบาดู , พี่พิ้งค์ AF5 ที่เป็นนักร้องในCU BANDด้วยคือเก่งๆ กันทั้งนั้นเลย พอมีโอกาสได้มาเทสต์เสียงที่สมอลล์รูม แล้วได้เป็นหนึ่งในศิลปินกลุ่ม เลเชอร์ ซองส์ ก็ยัง งงๆ อยู่เลยค่ะว่าเอ..เราเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ก็ดีใจสุดๆค่ะ และก็จะทำให้ดีที่สุด อย่างเพลงที่ตุ๊กตาได้ร้องชื่อเพลงว่า “รู้นะ” เป็นแนวสนุกๆ เข้ากับตัวเองมากค่ะ เพราะพี่ๆ ทีมงานสมอลล์รูม ก็บอกว่านี้แหละเพลงของตุ๊กตา พอไปร้องโชว์ตามงานต่างๆ ก็มีคนร้องตามยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ส่วนตอนนี้ก็มีงานโชว์พ่วงกับพี่ๆ วงเสลอ เป็นแคมปัสที่ไปตามมหาวิทยาลัยทั่วกรุงเทพฯ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ตุ๊กตาด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
ความสามารถที่ได้จากการฝึกฝนและความตั้งใจของ “น้องตุ๊กตา–จมาพร แสงทอง” ส่งผลให้เป็นหนึ่งในศิลปินกลุ่ม “เลเชอร์ ซองส์” กับบทเพลงน่ารักสะดุดหู “รู้นะ” ติดตามฟังได้ตามคลื่นวิทยุทั่วประเทศ
หลังจากส่งสาวน้อยทายาทเจ้าของห้างเซ็นทรัล “น้องแพร์-จิราธิวัฒน์” มาเปิดตัวอัลบั้ม LEISURE SONGS (เลเชอร์ ซองส์) ของค่ายเพลง “สมอลล์รูม” กับผลงานอัลบั้มยามว่างที่รวบรวมเอาศิลปินหนุ่มสาวไว้ถึง 11 คน ล่าสุดได้ทีส่งความสนุกกับบทเพลง “รู้นะ” ของสาวแสนซนอย่าง “น้องตุ๊กตา-จมาพร แสงทอง” ที่พกพาความสามารถทางด้านการร้องเพลงแบบเต็มตัว ด้วยดีกรี 1 ในสมาชิกนักร้อง CU BAND ให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ว่า
“เป็นคนชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้ตุ๊กตาเรียนอยู่ปี3คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนปี2ก็ไปออดิชั่นเป็นนักร้องใน CU BAND ของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ยากมากค่ะจำได้ว่าต้องผ่านการคัดเลือกอยู่3รอบได้กว่าจะได้เป็น พอรู้ผลก็ดีใจสุดๆค่ะ เพราะรู้ว่ามีรุ่นพี่อย่าง พี่รัดเกล้า , พี่ลูกหว้า ดูบาดู , พี่พิ้งค์ AF5 ที่เป็นนักร้องในCU BANDด้วยคือเก่งๆ กันทั้งนั้นเลย พอมีโอกาสได้มาเทสต์เสียงที่สมอลล์รูม แล้วได้เป็นหนึ่งในศิลปินกลุ่ม เลเชอร์ ซองส์ ก็ยัง งงๆ อยู่เลยค่ะว่าเอ..เราเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่ก็ดีใจสุดๆค่ะ และก็จะทำให้ดีที่สุด อย่างเพลงที่ตุ๊กตาได้ร้องชื่อเพลงว่า “รู้นะ” เป็นแนวสนุกๆ เข้ากับตัวเองมากค่ะ เพราะพี่ๆ ทีมงานสมอลล์รูม ก็บอกว่านี้แหละเพลงของตุ๊กตา พอไปร้องโชว์ตามงานต่างๆ ก็มีคนร้องตามยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ส่วนตอนนี้ก็มีงานโชว์พ่วงกับพี่ๆ วงเสลอ เป็นแคมปัสที่ไปตามมหาวิทยาลัยทั่วกรุงเทพฯ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ตุ๊กตาด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
ความสามารถที่ได้จากการฝึกฝนและความตั้งใจของ “น้องตุ๊กตา–จมาพร แสงทอง” ส่งผลให้เป็นหนึ่งในศิลปินกลุ่ม “เลเชอร์ ซองส์” กับบทเพลงน่ารักสะดุดหู “รู้นะ” ติดตามฟังได้ตามคลื่นวิทยุทั่วประเทศ
4844
news & activity / สำนักงาน ป.ป.ส.นำทีมเยาวชนแสดงพลัง “เท่...ดี...ไม่ต้องมียาเสพติด”
« on: March 11, 2009, 11:58:05 AM »
สำนักงาน ป.ป.ส.นำทีมเยาวชนแสดงพลัง “เท่...ดี...ไม่ต้องมียาเสพติด”
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พลตำรวจโทกฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดตัวโครงการ “เท่ . . .ดี. . .ไม่ต้องมียาเสพติด” รวมพลเยาวชนคนเก่งแสดงพลัง ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ปฏิเสธยาเสพติด เพื่อให้เกิดผลในเชิงรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพกำลังสำคัญของชาติ ณ ลานกิจกรรมหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พลตำรวจโทกฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดตัวโครงการ “เท่ . . .ดี. . .ไม่ต้องมียาเสพติด” รวมพลเยาวชนคนเก่งแสดงพลัง ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ปฏิเสธยาเสพติด เพื่อให้เกิดผลในเชิงรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพกำลังสำคัญของชาติ ณ ลานกิจกรรมหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์
4845
news & activity / ไอบีเอ็ม เปิดตัววีดิโอเกม เพื่อพัฒนาทักษะนักศึกษา รับช่วงปิดเทอม
« on: March 11, 2009, 11:56:09 AM »
ไอบีเอ็ม เปิดตัววีดิโอเกม เพื่อพัฒนาทักษะนักศึกษา รับช่วงปิดเทอม
วีดิโอเกม 3 มิติในรูปแบบสถานะการณ์จำลอง ช่วยพัฒนาทักษะนักศึกษาทั้งในด้านธุรกิจและเทคโนโลยี
ส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์และพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาสู่การก้าวเป็นผู้นำในอนาคต
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดตัววีดิโอเกม “อินโนเวท เวอร์ชั่น 2” (Innov8 version 2) เพื่อส่งเสริมความรู้และการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์รวมทั้งพัฒนาทักษะทางด้านธุรกิจและเทคโนโลยีแก่นักศึกษาและบุคลากรในองค์กรต่าง ๆ เพื่อการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอนาคต วีดิโอเกมดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซท์ของไอบีเอ็ม (www.ibm.com/innov8) โดยจะเล่นเพียงคนเดียวหรือเล่นร่วมกันเป็นทีมก็ได้ ภายในวีดิโอเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รับโจทย์และปริศนาเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจ เช่น การหาวิธีจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบจราจร หรือการหาวิธีเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านระบบคอลล์เซ็นเตอร์ เป็นต้น
วีดิโอเกมอินโนเวท ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมทักษะความรู้แก่นักศึกษาและบุคลากรในองค์กรต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจเติบโตและคุ้นเคยกับการเล่นวีดิโอเกมมาตั้งแต่เด็ก โดยครอบคลุมเนื้อหาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทักษะการจัดการขั้นตอนทางธุรกิจ (Business Process Management - BPM) การคิดค้นกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับองค์กร หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบไอทีในองค์กร เป็นต้น สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 (Innov8 version 2) นี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเวอร์ชั่น 1 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2551 และประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยได้รับเลือกให้เป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีให้กับนักศึกษาและบุคลากรในสถาบันและองค์กรชั้นนำหลายแห่งของโลก
สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 นี้ ผู้เล่นจะได้รับภารกิจในการแก้ปริศนาและปัญหาต่าง ๆ ได้แก่
• การหาวิธีจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในเกมดังกล่าว ผู้เล่นจะต้องประเมินการทำงานในระบบซัพพลายเชนที่มีอยู่ และหาวิธีจัดการเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ
• การหาวิธีจัดการระบบจราจรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องประเมินสถานะการณ์รูปแบบการจราจรและคิดหาวิธีปรับเปลี่ยนเส้นทางการจราจรตามข้อมูลที่ได้รับจากเซนเซอร์ซึ่งจะทำหน้าที่แจ้งเตือนให้ผู้เล่นได้รับทราบเกี่ยวกับสภาวะการติดขัดของจราจรต่างๆ จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุ และการจราจรติดขัดบนท้องถนน โดยผู้เล่นต้องหาวิธีจัดการและแก้ปัญหาระบบจราจรเพื่อให้
• การหาวิธีเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านบริการระบบคอลล์เซ็นเตอร์ ในเกมนี้ ผู้เล่นต้องใช้ประโยชน์จากระบบคอลล์ เซ็นเตอร์ เพื่อหาวิธีทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
จากผลการศึกษาในปี 2551 ของมูลนิธิ อีวิง มาริออน คอฟแมน (Ewing Marion Kauffman Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา พบว่าการเรียนการสอนในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เช่น การใช้วีดิโอเกมในการเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน สามารถปรับปรุงผลการเรียนรู้ของนักศึกษาได้มากถึง 108 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการบรรยายหรือเล็คเชอร์ ซึ่งช่วยปรับปรุงผลการเรียนรู้ของนักศึกษาให้ดีขึ้นได้เพียง 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นางเจษฏา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน การพัฒนาความรู้และทักษะของนักศึกษาซึ่งเป็นกำลังสำคัญและอนาคตของชาติ โดยเฉพาะทักษะที่สำคัญเช่น เทคโนโลยีหรือธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพัฒนาทักษะดังกล่าว นอกจากจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อตัวนักศึกษาเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศอีกด้วย” นอกจากนั้น นางเจษฏา ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ไอบีเอ็ม ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคุณภาพของคนมาโดยตลอด และได้ทำกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการศึกษาและเพิ่มศักยภาพบุคลากรของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 นี้ ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ของนักศึกษาโดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียนนี้ รวมทั้งช่วยพัฒนาความรู้และส่งเสริมทักษะที่จำเป็นให้กับนักศึกษาและบุคลากรในองค์กรต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย”
ที่ผ่านมาไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับคณาจารย์กว่า 9,000 คนจากสถาบันการศึกษากว่า 4,600 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ อคาเดมิค อินิทิเอทีฟ (Academic Initiative) เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนและพัฒนาศักยภาพแก่นักศึกษา สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 นี้ ไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำหลายแห่งของโลก เช่น มหาวิทยาลัยดูเควส (Duquesne University) มหาวิทยาลัยแห่งเซาท์เธิร์น แคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) ในสหรัฐอเมริกา หรือ แมนเชสเตอร์ บิสิเนส สคูล (Manchester Business School) ในสหราชอาณาจักร ในการนำวีดิโอเกมดังกล่าว ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอน
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 (Innov8 version 2) รวมทั้งการลงทะเบียนและดาวน์โหลดเกมดังกล่าวไปใช้ได้ฟรี สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/innov8 หรือ ชมตัวอย่างหน้าตาของเกมดังกล่าวผ่านยูทูปได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=C3tJ4c0JVq0
รูปตัวอย่างหน้าตาของอินเตอร์เฟซเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 และรูปของคุณเจษฏา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.yousendit.com/download/U0d3blFNQ1BVVG52Wmc9PQ ก่อนวันที่ 16 มีนาคม 2552
ชมคลิปวีดิโอสัมภาษณ์นักศึกษาที่เคยมีประสบการณ์ใช้วีดิโอเกม อินโนเวท ผ่านยูทูปได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=prnqWwDHnZ4
หรือ http://www.youtube.com/watch?v=OPLLlnnFdHk
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ อคาเดมิค อินิทิเอทีฟ (Academic Initiative) ของไอบีเอ็ม สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/university/academicinitiative
วีดิโอเกม 3 มิติในรูปแบบสถานะการณ์จำลอง ช่วยพัฒนาทักษะนักศึกษาทั้งในด้านธุรกิจและเทคโนโลยี
ส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์และพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาสู่การก้าวเป็นผู้นำในอนาคต
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เปิดตัววีดิโอเกม “อินโนเวท เวอร์ชั่น 2” (Innov8 version 2) เพื่อส่งเสริมความรู้และการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์รวมทั้งพัฒนาทักษะทางด้านธุรกิจและเทคโนโลยีแก่นักศึกษาและบุคลากรในองค์กรต่าง ๆ เพื่อการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอนาคต วีดิโอเกมดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากเว็บไซท์ของไอบีเอ็ม (www.ibm.com/innov8) โดยจะเล่นเพียงคนเดียวหรือเล่นร่วมกันเป็นทีมก็ได้ ภายในวีดิโอเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รับโจทย์และปริศนาเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจ เช่น การหาวิธีจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบจราจร หรือการหาวิธีเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านระบบคอลล์เซ็นเตอร์ เป็นต้น
วีดิโอเกมอินโนเวท ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมทักษะความรู้แก่นักศึกษาและบุคลากรในองค์กรต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจเติบโตและคุ้นเคยกับการเล่นวีดิโอเกมมาตั้งแต่เด็ก โดยครอบคลุมเนื้อหาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทักษะการจัดการขั้นตอนทางธุรกิจ (Business Process Management - BPM) การคิดค้นกลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับองค์กร หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบไอทีในองค์กร เป็นต้น สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 (Innov8 version 2) นี้ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเวอร์ชั่น 1 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2551 และประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยได้รับเลือกให้เป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีให้กับนักศึกษาและบุคลากรในสถาบันและองค์กรชั้นนำหลายแห่งของโลก
สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 นี้ ผู้เล่นจะได้รับภารกิจในการแก้ปริศนาและปัญหาต่าง ๆ ได้แก่
• การหาวิธีจัดการระบบห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในเกมดังกล่าว ผู้เล่นจะต้องประเมินการทำงานในระบบซัพพลายเชนที่มีอยู่ และหาวิธีจัดการเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ
• การหาวิธีจัดการระบบจราจรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องประเมินสถานะการณ์รูปแบบการจราจรและคิดหาวิธีปรับเปลี่ยนเส้นทางการจราจรตามข้อมูลที่ได้รับจากเซนเซอร์ซึ่งจะทำหน้าที่แจ้งเตือนให้ผู้เล่นได้รับทราบเกี่ยวกับสภาวะการติดขัดของจราจรต่างๆ จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุ และการจราจรติดขัดบนท้องถนน โดยผู้เล่นต้องหาวิธีจัดการและแก้ปัญหาระบบจราจรเพื่อให้
• การหาวิธีเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านบริการระบบคอลล์เซ็นเตอร์ ในเกมนี้ ผู้เล่นต้องใช้ประโยชน์จากระบบคอลล์ เซ็นเตอร์ เพื่อหาวิธีทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
จากผลการศึกษาในปี 2551 ของมูลนิธิ อีวิง มาริออน คอฟแมน (Ewing Marion Kauffman Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา พบว่าการเรียนการสอนในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เช่น การใช้วีดิโอเกมในการเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน สามารถปรับปรุงผลการเรียนรู้ของนักศึกษาได้มากถึง 108 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการบรรยายหรือเล็คเชอร์ ซึ่งช่วยปรับปรุงผลการเรียนรู้ของนักศึกษาให้ดีขึ้นได้เพียง 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นางเจษฏา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน การพัฒนาความรู้และทักษะของนักศึกษาซึ่งเป็นกำลังสำคัญและอนาคตของชาติ โดยเฉพาะทักษะที่สำคัญเช่น เทคโนโลยีหรือธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพัฒนาทักษะดังกล่าว นอกจากจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อตัวนักศึกษาเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศอีกด้วย” นอกจากนั้น นางเจษฏา ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ไอบีเอ็ม ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคุณภาพของคนมาโดยตลอด และได้ทำกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการศึกษาและเพิ่มศักยภาพบุคลากรของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 นี้ ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ของนักศึกษาโดยเฉพาะในช่วงปิดภาคเรียนนี้ รวมทั้งช่วยพัฒนาความรู้และส่งเสริมทักษะที่จำเป็นให้กับนักศึกษาและบุคลากรในองค์กรต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย”
ที่ผ่านมาไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับคณาจารย์กว่า 9,000 คนจากสถาบันการศึกษากว่า 4,600 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ อคาเดมิค อินิทิเอทีฟ (Academic Initiative) เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนและพัฒนาศักยภาพแก่นักศึกษา สำหรับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 นี้ ไอบีเอ็มได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำหลายแห่งของโลก เช่น มหาวิทยาลัยดูเควส (Duquesne University) มหาวิทยาลัยแห่งเซาท์เธิร์น แคลิฟอร์เนีย (University of Southern California) ในสหรัฐอเมริกา หรือ แมนเชสเตอร์ บิสิเนส สคูล (Manchester Business School) ในสหราชอาณาจักร ในการนำวีดิโอเกมดังกล่าว ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอน
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีดิโอเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 (Innov8 version 2) รวมทั้งการลงทะเบียนและดาวน์โหลดเกมดังกล่าวไปใช้ได้ฟรี สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/innov8 หรือ ชมตัวอย่างหน้าตาของเกมดังกล่าวผ่านยูทูปได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=C3tJ4c0JVq0
รูปตัวอย่างหน้าตาของอินเตอร์เฟซเกมอินโนเวท เวอร์ชั่น 2 และรูปของคุณเจษฏา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://www.yousendit.com/download/U0d3blFNQ1BVVG52Wmc9PQ ก่อนวันที่ 16 มีนาคม 2552
ชมคลิปวีดิโอสัมภาษณ์นักศึกษาที่เคยมีประสบการณ์ใช้วีดิโอเกม อินโนเวท ผ่านยูทูปได้ที่ http://www.youtube.com/watch?v=prnqWwDHnZ4
หรือ http://www.youtube.com/watch?v=OPLLlnnFdHk
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ อคาเดมิค อินิทิเอทีฟ (Academic Initiative) ของไอบีเอ็ม สามารถเข้าไปที่ www.ibm.com/university/academicinitiative