This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
46
news & activity / Jason Excellent Comfort Supporter รัดกระชับ ป้องกันข้อต่อ ถอดใส่ สะดวกสบาย
« on: June 17, 2010, 01:55:54 PM »
Jason Excellent Comfort Supporter รัดกระชับ ป้องกันข้อต่อ ถอดใส่ สะดวกสบาย
บริษัท คิวรอน จำกัด เอาใจคนรักสุขภาพ ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Jason Excellent Comfort Supporter ประกอบด้วย Jason Knee Strap Support แถบรัดหัวเข่าขนาดมาตรฐาน และ Jason Ankle Support ผ้ารัดข้อเท้า ช่วยป้องกันการกระแทกของหัวเข่า และ ข้อเท้าจาการออกกำลังกายทุกชนิด ขณะเล่นกีฬาออกกำลังกายหมดกังวลเรื่องอาการเจ็บปวดเข่าและข้อเท้าจากการออกกำลังกาย รัดกระชับถอดใส่ง่าย สะดวกสบายเนื้อผ้าทำจาก Brush Fabric and Nylon Jersey สามารถใช้ได้ทั้งหัวเข่า และข้อเท้าด้านซ้ายและขวา ตอบทุกความต้องการของคนรักสุขภาพเช่นคุณ ราคาชิ้นละ 500 บาท ขนาด Free size สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Sports Mall และ Active nation หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-736-0303
บริษัท คิวรอน จำกัด เอาใจคนรักสุขภาพ ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด Jason Excellent Comfort Supporter ประกอบด้วย Jason Knee Strap Support แถบรัดหัวเข่าขนาดมาตรฐาน และ Jason Ankle Support ผ้ารัดข้อเท้า ช่วยป้องกันการกระแทกของหัวเข่า และ ข้อเท้าจาการออกกำลังกายทุกชนิด ขณะเล่นกีฬาออกกำลังกายหมดกังวลเรื่องอาการเจ็บปวดเข่าและข้อเท้าจากการออกกำลังกาย รัดกระชับถอดใส่ง่าย สะดวกสบายเนื้อผ้าทำจาก Brush Fabric and Nylon Jersey สามารถใช้ได้ทั้งหัวเข่า และข้อเท้าด้านซ้ายและขวา ตอบทุกความต้องการของคนรักสุขภาพเช่นคุณ ราคาชิ้นละ 500 บาท ขนาด Free size สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Sports Mall และ Active nation หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02-736-0303
47
news & activity / KTAMชู2ทางเลือกลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและตปท.
« on: June 17, 2010, 01:54:49 PM »
KTAMชู2ทางเลือกลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและตปท.
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนพันธบัตรภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน ฟิกซ์อินคัม 4 เดือน2 ( KTF4M2 ) ตั้งแต่วันที่ 16 -22 มิถุนายน 2553 อายุ 4 เดือน มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 75 % เครดิตเรตติ้งที่ AA โดยฟิทซ์ และอีก 25% ลงทุนในบัญชีเงินฝากธนาคาร Standard Chartered Bank สาขา UAE ( Full branch ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.30% ต่อปี
สำหรับภาวะการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า สำหรับผลตอบแทนจากพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารกลางมีนัยว่าสถานการณ์เกี่ยวกับหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรปและภาคอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้ ยังไม่ถึงระดับที่ต้องน่าวิตก ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารกลางจะยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ จึงทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังได้ประกาศแผนที่จะควบคุมเสถียรภาพของสกุลเงินวอนโดยจะจำกัด ให้ธนาคารต่างชาติมีอนุพันธ์เกี่ยวกับค่าเงินวอนได้ไม่เกิน 250% ของเงินทุน และ 50% สำหรับธนาคารท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแกว่งตัวค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บลจ.กรุงไทยยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3 ) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2553 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 8% หุ้นกู้ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด สถาบันละ 24% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) 20% และธนาคารธนชาติ 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 0.90% ต่อปี ซึ่งที้ง 2 กองทุนจะไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนพันธบัตรภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน ฟิกซ์อินคัม 4 เดือน2 ( KTF4M2 ) ตั้งแต่วันที่ 16 -22 มิถุนายน 2553 อายุ 4 เดือน มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 75 % เครดิตเรตติ้งที่ AA โดยฟิทซ์ และอีก 25% ลงทุนในบัญชีเงินฝากธนาคาร Standard Chartered Bank สาขา UAE ( Full branch ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.30% ต่อปี
สำหรับภาวะการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า สำหรับผลตอบแทนจากพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารกลางมีนัยว่าสถานการณ์เกี่ยวกับหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรปและภาคอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้ ยังไม่ถึงระดับที่ต้องน่าวิตก ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารกลางจะยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ จึงทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังได้ประกาศแผนที่จะควบคุมเสถียรภาพของสกุลเงินวอนโดยจะจำกัด ให้ธนาคารต่างชาติมีอนุพันธ์เกี่ยวกับค่าเงินวอนได้ไม่เกิน 250% ของเงินทุน และ 50% สำหรับธนาคารท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแกว่งตัวค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บลจ.กรุงไทยยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3 ) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2553 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 8% หุ้นกู้ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด สถาบันละ 24% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) 20% และธนาคารธนชาติ 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 0.90% ต่อปี ซึ่งที้ง 2 กองทุนจะไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย
48
news & activity / Re: บทบทวิเคราะห์ เรื่อง “มองทิศทางอสังหาฯ… หลังวิกฤติการเมืองคลายตัว”
« on: June 17, 2010, 01:52:54 PM »
RESEARCH DEPARTMENT BANK OF AYUDHYA PUBLIC COMPANY LIMITED
REAL-ESTATE OUTLOOK AFTER POLITICAL CRISIS EASES
For the rest of 2010, an uphill struggle is looming for the Thai real-estate business in the wake of the severe jolt caused by political protests and riots, effectively dampening the positive sentiments early on this year.
In the first quarter of the year, real-estate indicators were distinctly healthy, with many project launches to capitalize on the recovering economy while consumers’ and entrepreneurs’ confidence remained buoyant. In addition, entrepreneurs were benefiting from the government’s sector-specific tax reduction measures, which would have ended in March 2010. This measure somewhat nurtured the sector during the first quarter, when the tally of new residences rose by 75.8% over the corresponding period of 2009, led by the Pruksa Real Estate Group, which launched new projects every month and accounted for one-quarter of newly launched units. About 76.2% of the new projects launched early on this year focused on medium-income and low-income target groups, each paying up to THB 3 million. Note that this period saw medium-sized and small projects crowding the market. Most of these were suburban projects located near key workplaces and areas with communication network access sustaining urban expansion, including Song Prapha, Ram Indra, outer Sukhumvit, and Rangsit-Nakhon Nayok areas. The average sales prices dropped to THB 2.2 million/unit from THB 2.9 million/unit in the last quarter of 2009. The receding prices were accounted for by new condominium projects focusing on those with less purchasing power.
With heightened political tension emerging in April, however, negative psychological impacts undermined entrepreneurs’ confidence so much that they delayed several project launches. Compared with the blossoming 20,000 or so units of the first quarter, April 2010 saw a 26% drop from April 2009. A sharp 70.7% drop represented vertical residences, against a 16.7% drop for horizontal residences.
While the political tension has begun to ease or passed the trough, worries about the unrest lingers, widely undermining people’s purchasing power. As for the outlook, the Research Department, Bank of Ayudhya, foresees more doldrums for the real-estate sector’s business performance for the third and fourth quarters of the year. Entrepreneurs are bound to still remain hesitant about new investments or will be expanding cautiously due to the lingering concerns about the unrest; meanwhile, consumers lack enough confidence to spend considerable sums of money or incur long-term debts, which could delay their decisions to buy residences. Suppose no political violence erupts, the real-estate market is likely to recover at the end of 2010, but be prepared to see intense competition due to a huge surplus of residence supply. As of year-end 2009, 28,000 vertical-residence units and 70,000 horizontal-residence units were overhanging in the market, which would continue to hamper growth in entrepreneurs’ business performance in 2010.
As for the business outlook of Bangkok and perimeter areas in the wake of the doldrums of 2010, new real-estate expansion in Bangkok is cramped, even for condominiums. However, Bangkok business locations around medium zones that qualify for new condominiums include Ratchadaphisek, Lat Phrao, Thonburi, and Suksawat. Inner zones that could accommodate new projects tend to be along the two current electric-train routes, including Sukhumvit, Pathumwan, and Phahon Yothin, although targeting upper-market customers or foreigners. On the other hand, outer zones and the perimeter are still fairly good prospects,
with prime locations being near the planned extensions of outbound electric-train routes, namely Nonthaburi (Purple Line, Bang Sue – Bang Yai) and Samut Prakan (Green Line, On Nuch – Bearing), where condominium projects are cropping up. Note that these projects belong to major operators, including Pruksa, Supalai, L.P.N., Mankong Khehakarn, and Tanayong. These eye customers of the medium market upward, taking up from where the Ban Uea Athon condominium project – which focuses on lower-market customers – leaves off. Medium-sized and small entrepreneurs equipped with capital will, in the meantime, still be focusing on the horizontal-residence market while keeping a keen eye on competition in the condominium market, ready to come in and join the foray immediately with a clear indication of market blooming in perimeter areas.
REAL-ESTATE OUTLOOK AFTER POLITICAL CRISIS EASES
For the rest of 2010, an uphill struggle is looming for the Thai real-estate business in the wake of the severe jolt caused by political protests and riots, effectively dampening the positive sentiments early on this year.
In the first quarter of the year, real-estate indicators were distinctly healthy, with many project launches to capitalize on the recovering economy while consumers’ and entrepreneurs’ confidence remained buoyant. In addition, entrepreneurs were benefiting from the government’s sector-specific tax reduction measures, which would have ended in March 2010. This measure somewhat nurtured the sector during the first quarter, when the tally of new residences rose by 75.8% over the corresponding period of 2009, led by the Pruksa Real Estate Group, which launched new projects every month and accounted for one-quarter of newly launched units. About 76.2% of the new projects launched early on this year focused on medium-income and low-income target groups, each paying up to THB 3 million. Note that this period saw medium-sized and small projects crowding the market. Most of these were suburban projects located near key workplaces and areas with communication network access sustaining urban expansion, including Song Prapha, Ram Indra, outer Sukhumvit, and Rangsit-Nakhon Nayok areas. The average sales prices dropped to THB 2.2 million/unit from THB 2.9 million/unit in the last quarter of 2009. The receding prices were accounted for by new condominium projects focusing on those with less purchasing power.
With heightened political tension emerging in April, however, negative psychological impacts undermined entrepreneurs’ confidence so much that they delayed several project launches. Compared with the blossoming 20,000 or so units of the first quarter, April 2010 saw a 26% drop from April 2009. A sharp 70.7% drop represented vertical residences, against a 16.7% drop for horizontal residences.
While the political tension has begun to ease or passed the trough, worries about the unrest lingers, widely undermining people’s purchasing power. As for the outlook, the Research Department, Bank of Ayudhya, foresees more doldrums for the real-estate sector’s business performance for the third and fourth quarters of the year. Entrepreneurs are bound to still remain hesitant about new investments or will be expanding cautiously due to the lingering concerns about the unrest; meanwhile, consumers lack enough confidence to spend considerable sums of money or incur long-term debts, which could delay their decisions to buy residences. Suppose no political violence erupts, the real-estate market is likely to recover at the end of 2010, but be prepared to see intense competition due to a huge surplus of residence supply. As of year-end 2009, 28,000 vertical-residence units and 70,000 horizontal-residence units were overhanging in the market, which would continue to hamper growth in entrepreneurs’ business performance in 2010.
As for the business outlook of Bangkok and perimeter areas in the wake of the doldrums of 2010, new real-estate expansion in Bangkok is cramped, even for condominiums. However, Bangkok business locations around medium zones that qualify for new condominiums include Ratchadaphisek, Lat Phrao, Thonburi, and Suksawat. Inner zones that could accommodate new projects tend to be along the two current electric-train routes, including Sukhumvit, Pathumwan, and Phahon Yothin, although targeting upper-market customers or foreigners. On the other hand, outer zones and the perimeter are still fairly good prospects,
with prime locations being near the planned extensions of outbound electric-train routes, namely Nonthaburi (Purple Line, Bang Sue – Bang Yai) and Samut Prakan (Green Line, On Nuch – Bearing), where condominium projects are cropping up. Note that these projects belong to major operators, including Pruksa, Supalai, L.P.N., Mankong Khehakarn, and Tanayong. These eye customers of the medium market upward, taking up from where the Ban Uea Athon condominium project – which focuses on lower-market customers – leaves off. Medium-sized and small entrepreneurs equipped with capital will, in the meantime, still be focusing on the horizontal-residence market while keeping a keen eye on competition in the condominium market, ready to come in and join the foray immediately with a clear indication of market blooming in perimeter areas.
49
news & activity / บทบทวิเคราะห์ เรื่อง “มองทิศทางอสังหาฯ… หลังวิกฤติการเมืองคลายตัว”
« on: June 17, 2010, 01:51:49 PM »
มองทิศทางอสังหาฯ… หลังวิกฤติการเมืองคลายตัว
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ดูเหมือนว่าผู้ประกอบการยังคงต้องเหนื่อยอีกระลอกในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง หลังเหตุการณ์จราจลทางการเมือง จนกลบสัญญาณขาขึ้นในช่วงต้นปี
จากเครื่องชี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกปี 53 ที่มีการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นมากหลังเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว ระดับความเชื่อมั่นทั้งของผู้บริโภคและผู้ประกอบการยังคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการยังได้รับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดมาตรการฯ ภายในเดือน มี.ค.53 ยังเป็นเหมือนน้ำเลี้ยงให้ธุรกิจนี้กระเตื้องขึ้นมาในช่วงไตรมาสแรกของปี โดยจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่สะสมในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นถึง 75.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นำโดยกลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท ที่เปิดตัวทุกเดือน ในสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของหน่วยเปิดใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้โครงการใหม่ที่มีการเปิดตัวในช่วงต้นปีส่วนใหญ่จะยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับปานกลาง-ล่างราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทในสัดส่วนถึ ง 76.2% ของหน่วยเปิดขายทั้งหมด ซึ่งเป็นจังหวะที่โครงการขนาดกลางและเล็กเริ่มออกมามากขึ้น และส่วนใหญ่เป็นโครงการย่านชานเมือง แหล่งงานสำคัญ และพื้นที่ที่มีระบบโครงข่ายการคมนาคมสะดวกรองรับการขยายตัวของเมือง อาทิ ย่านสรงประภา รามอินทรา สุขุมวิทตอนปลาย และรังสิต-นครนายก ซึ่งราคาขายเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท/หน่วย เทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่ 2.9 ล้านบาท/หน่วย โดยราคาเฉลี่ยที่ปรับตัวลงส่วนใหญ่เป็นส่วนของคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ ที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อน้อยลง
หลังจากปัญหาการเมืองเริ่มตึงเครียดมากขึ้นนับจากเดือนเมษายน ได้ก่อให้เกิดผลเชิงลบในด้านจิตวิทยาที่บั่นทอนความมั่นใจทำให้ผู้ประกอบการต้องชะลอการเปิดตัวโครงการออกไปหลังจากเปิดตัวในอัตราเร่งกว่า 2 หมื่นยูนิตในไตรมาสแรก โดยพบว่า จำนวนหน่วยเปิดใหม่เดือน เม.ย.53 ลดลง 26% เทียบกับ เม.ย.52 โดยเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยแนวสูงถึง 70.7% และที่อยู่อาศัยแนวราบลดลง 16.7%
ปัจจุบันแม้เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองจะเริ่มคลายตัวลง หรือผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วจากการสลายการชุมนุมทางการเมือง แต่ระลอกของความกังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังคงครุกรุ่น และยังส่งผลบั่นทอนกำลังซื้อในวงกว้าง แนวโน้มในช่วงต่อไป ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่าผลประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 3/53-ไตรมาส 4/53 จะซบเซาอยู่ โดยผู้ประกอบการยังมีแนวโน้มจะชะลอการลงทุนโครงการใหม่ หรือหากจะขยายการลงทุนก็เป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากในระยะที่ยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงที่ปัญหาจะปะทุขึ้นอีก ท่ามกลางภาวะที่ผู้บริโภคก็ยังไม่มั่นใจที่จะใช้จ่ายเงินจำนวนมากหรือก่อภาระหนี้สินระยะยาว ทำให้อาจชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อน ทั้งนี้ หากไม่มีความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้นอีก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ในช่วงท้ายปี 53 แต่ก็จะได้เห็นภาวะการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เนื่องจากอุปทานส่วนเกินของที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่จำนวนมาก (ณ สิ้นปี 52 มีอุปทานที่อยู่อาศัยแนวสูงคงค้างในตลาด 28,000 ยูนิต และแนวราบ 70,000 ยูนิต) ซึ่งก็ยังคงเป็นปัจจัยฉุดผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการในปี 53 ให้ขยายตัวในระดับต่ำ
หากมองทิศทางของธุรกิจโดยเปรียบเทียบพื้นที่ในเขต กทม. กับปริมณฑลหลังผ่านพ้นช่วงซบเซาในปี 53 ไปแล้ว การขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน กทม.ยังมีข้อจำกัดด้านเนื้อที่ในการรองรับโครงการใหม่ๆ แม้แต่คอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม สำหรับทำเลย่านธุรกิจใน กทม.ที่อยู่ในเขตพื้นที่ชั้นกลางที่สามารถรองรับโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้แก่ ย่านรัชดาฯ ลาดพร้าว ธนบุรี สุขสวัสดิ์ เป็นต้น ส่วนพื้นที่ชั้นในที่อาจมีโครงการใหม่ขึ้นได้ จะเป็นตามแนวรถไฟฟ้า 2 สายปัจจุบัน อาทิ ย่านสุขุมวิท ปทุมวัน และพหลโยธิน ซึ่งจะเน้นตลาดบนหรือลูกค้าต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เขตรอบนอกและปริมณฑลยังมีโอกาสขยายตัวดีในอนาคต โดยทำเลทองจะเป็นพื้นที่ในส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าไปสู่ชานเมือง ได้แก่ นนทบุรี (สายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่) และสมุทรปราการ (สายสีเขียว อ่อนนุช-แบริ่ง) ที่ปัจจุบันเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามามากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการของรายใหญ่ที่มีแบรนด์เนม ได้แก่ กลุ่มพฤกษา ศุภาลัย L.P.N. มั่นคงเคหะการ ธนายง เป็นต้น ซึ่งจะจูงใจลูกค้าตลาดกลางขึ้นไป ต่อเนื่องจากโครงการคอนโดฯ ของบ้านเอื้ออาทรที่เน้นตลาดล่าง ส่วนผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กที่มีความพร้อมด้านเงินทุนส่วนใหญ่ยังคงเน้นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบไปก่อน แต่จะรอจังหวะการเข้ามาแข่งในตลาดคอนโนมิเนียมเต็มตัวมากขึ้นหลังจากที่ตลาดนี้เริ่มขยายตัวชัดเจนในปริมณฑล
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ดูเหมือนว่าผู้ประกอบการยังคงต้องเหนื่อยอีกระลอกในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรง หลังเหตุการณ์จราจลทางการเมือง จนกลบสัญญาณขาขึ้นในช่วงต้นปี
จากเครื่องชี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกปี 53 ที่มีการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้นมากหลังเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัว ระดับความเชื่อมั่นทั้งของผู้บริโภคและผู้ประกอบการยังคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการยังได้รับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดมาตรการฯ ภายในเดือน มี.ค.53 ยังเป็นเหมือนน้ำเลี้ยงให้ธุรกิจนี้กระเตื้องขึ้นมาในช่วงไตรมาสแรกของปี โดยจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่สะสมในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นถึง 75.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นำโดยกลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท ที่เปิดตัวทุกเดือน ในสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของหน่วยเปิดใหม่ทั้งหมด ทั้งนี้โครงการใหม่ที่มีการเปิดตัวในช่วงต้นปีส่วนใหญ่จะยังคงเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับปานกลาง-ล่างราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทในสัดส่วนถึ ง 76.2% ของหน่วยเปิดขายทั้งหมด ซึ่งเป็นจังหวะที่โครงการขนาดกลางและเล็กเริ่มออกมามากขึ้น และส่วนใหญ่เป็นโครงการย่านชานเมือง แหล่งงานสำคัญ และพื้นที่ที่มีระบบโครงข่ายการคมนาคมสะดวกรองรับการขยายตัวของเมือง อาทิ ย่านสรงประภา รามอินทรา สุขุมวิทตอนปลาย และรังสิต-นครนายก ซึ่งราคาขายเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท/หน่วย เทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่ 2.9 ล้านบาท/หน่วย โดยราคาเฉลี่ยที่ปรับตัวลงส่วนใหญ่เป็นส่วนของคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ ที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อน้อยลง
หลังจากปัญหาการเมืองเริ่มตึงเครียดมากขึ้นนับจากเดือนเมษายน ได้ก่อให้เกิดผลเชิงลบในด้านจิตวิทยาที่บั่นทอนความมั่นใจทำให้ผู้ประกอบการต้องชะลอการเปิดตัวโครงการออกไปหลังจากเปิดตัวในอัตราเร่งกว่า 2 หมื่นยูนิตในไตรมาสแรก โดยพบว่า จำนวนหน่วยเปิดใหม่เดือน เม.ย.53 ลดลง 26% เทียบกับ เม.ย.52 โดยเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยแนวสูงถึง 70.7% และที่อยู่อาศัยแนวราบลดลง 16.7%
ปัจจุบันแม้เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองจะเริ่มคลายตัวลง หรือผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วจากการสลายการชุมนุมทางการเมือง แต่ระลอกของความกังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังคงครุกรุ่น และยังส่งผลบั่นทอนกำลังซื้อในวงกว้าง แนวโน้มในช่วงต่อไป ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่าผลประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 3/53-ไตรมาส 4/53 จะซบเซาอยู่ โดยผู้ประกอบการยังมีแนวโน้มจะชะลอการลงทุนโครงการใหม่ หรือหากจะขยายการลงทุนก็เป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากในระยะที่ยังมีความกังวลต่อความเสี่ยงที่ปัญหาจะปะทุขึ้นอีก ท่ามกลางภาวะที่ผู้บริโภคก็ยังไม่มั่นใจที่จะใช้จ่ายเงินจำนวนมากหรือก่อภาระหนี้สินระยะยาว ทำให้อาจชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อน ทั้งนี้ หากไม่มีความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้นอีก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ในช่วงท้ายปี 53 แต่ก็จะได้เห็นภาวะการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เนื่องจากอุปทานส่วนเกินของที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่จำนวนมาก (ณ สิ้นปี 52 มีอุปทานที่อยู่อาศัยแนวสูงคงค้างในตลาด 28,000 ยูนิต และแนวราบ 70,000 ยูนิต) ซึ่งก็ยังคงเป็นปัจจัยฉุดผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการในปี 53 ให้ขยายตัวในระดับต่ำ
หากมองทิศทางของธุรกิจโดยเปรียบเทียบพื้นที่ในเขต กทม. กับปริมณฑลหลังผ่านพ้นช่วงซบเซาในปี 53 ไปแล้ว การขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน กทม.ยังมีข้อจำกัดด้านเนื้อที่ในการรองรับโครงการใหม่ๆ แม้แต่คอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม สำหรับทำเลย่านธุรกิจใน กทม.ที่อยู่ในเขตพื้นที่ชั้นกลางที่สามารถรองรับโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้แก่ ย่านรัชดาฯ ลาดพร้าว ธนบุรี สุขสวัสดิ์ เป็นต้น ส่วนพื้นที่ชั้นในที่อาจมีโครงการใหม่ขึ้นได้ จะเป็นตามแนวรถไฟฟ้า 2 สายปัจจุบัน อาทิ ย่านสุขุมวิท ปทุมวัน และพหลโยธิน ซึ่งจะเน้นตลาดบนหรือลูกค้าต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เขตรอบนอกและปริมณฑลยังมีโอกาสขยายตัวดีในอนาคต โดยทำเลทองจะเป็นพื้นที่ในส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าไปสู่ชานเมือง ได้แก่ นนทบุรี (สายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่) และสมุทรปราการ (สายสีเขียว อ่อนนุช-แบริ่ง) ที่ปัจจุบันเริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามามากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการของรายใหญ่ที่มีแบรนด์เนม ได้แก่ กลุ่มพฤกษา ศุภาลัย L.P.N. มั่นคงเคหะการ ธนายง เป็นต้น ซึ่งจะจูงใจลูกค้าตลาดกลางขึ้นไป ต่อเนื่องจากโครงการคอนโดฯ ของบ้านเอื้ออาทรที่เน้นตลาดล่าง ส่วนผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กที่มีความพร้อมด้านเงินทุนส่วนใหญ่ยังคงเน้นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบไปก่อน แต่จะรอจังหวะการเข้ามาแข่งในตลาดคอนโนมิเนียมเต็มตัวมากขึ้นหลังจากที่ตลาดนี้เริ่มขยายตัวชัดเจนในปริมณฑล
50
news & activity / คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามินอี เนรมิตผิวสวยเนียนสนิท ปกปิดพร้อมบำรุง
« on: June 17, 2010, 01:48:33 PM »
คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามินอี เนรมิตผิวสวยเนียนสนิท ปกปิดพร้อมบำรุง
คิวท์เพรส สวย..ได้ทุกวัน แนะนำ อิเวอร์รี่ พลัส วิตามินอี ทูเวย์ พาวเดอร์เค้ก “เนรมิตผิวสวยเนียนสนิท ปกปิดพร้อมบำรุง” แป้งผสมรองพื้น ผสานคุณค่าด้วย วิตามิน อี บริสุทธิ์ สกัดจากธรรมชาติ ปกปิดได้เนียนสนิท พร้อมเติมความชุ่มชื่นให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่ทำให้ผิวหยาบกร้าน หน้าจึงดูเนียนใสเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ สวยนานได้ง่ายๆตลอดทั้งวัน
พิเศษซื้ออิเวอร์รี่ พลัส วิตามินอี ตลับมาตรฐาน คู่กับ รีฟิว ได้ในราคาพิเศษเพียง 249 บาท(ราคาสุทธิ) จากราคา 308 บาท ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ สามารถซื้อได้ที่ คิวท์เพรสช้อป, ศูนย์คิวท์เพรส หรือสาวจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.cutepress.com
คิวท์เพรส สวย..ได้ทุกวัน แนะนำ อิเวอร์รี่ พลัส วิตามินอี ทูเวย์ พาวเดอร์เค้ก “เนรมิตผิวสวยเนียนสนิท ปกปิดพร้อมบำรุง” แป้งผสมรองพื้น ผสานคุณค่าด้วย วิตามิน อี บริสุทธิ์ สกัดจากธรรมชาติ ปกปิดได้เนียนสนิท พร้อมเติมความชุ่มชื่นให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่ทำให้ผิวหยาบกร้าน หน้าจึงดูเนียนใสเด้งอย่างเป็นธรรมชาติ สวยนานได้ง่ายๆตลอดทั้งวัน
พิเศษซื้ออิเวอร์รี่ พลัส วิตามินอี ตลับมาตรฐาน คู่กับ รีฟิว ได้ในราคาพิเศษเพียง 249 บาท(ราคาสุทธิ) จากราคา 308 บาท ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ สามารถซื้อได้ที่ คิวท์เพรสช้อป, ศูนย์คิวท์เพรส หรือสาวจำหน่ายทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.cutepress.com
51
news & activity / โรช ไดแอกโนสติกส์ ร่วมสนับสนุนสภากาชาด จัดงานวันบริจาคโลหิตโลก
« on: June 17, 2010, 01:47:29 PM »
โรช ไดแอกโนสติกส์ ร่วมสนับสนุนสภากาชาด จัดงานวันบริจาคโลหิตโลก “พลังเลือดใหม่ เพื่อโลกใบนี้”
สภากาชาดไทย จัดงานวันบริจาคโลหิตโลก ภายใต้แนวคิด พลังเลือดใหม่ เพื่อโลกใบนี้ “New Blood for the World” โดยมี พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด (ซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เป็นผู้แทนมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นางสาวอำภา ศรีอิ่นแก้ว (ขวา) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผู้แทนจาก บริษัท โรช ไดแอก โนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้สมทบทุนเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เพื่อร่วมให้การสนับสนุนการจัดงาน ณ ศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังค์ เมื่อเร็วๆ นี้
สภากาชาดไทย จัดงานวันบริจาคโลหิตโลก ภายใต้แนวคิด พลังเลือดใหม่ เพื่อโลกใบนี้ “New Blood for the World” โดยมี พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด (ซ้าย) ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เป็นผู้แทนมอบประกาศนียบัตรให้แก่ นางสาวอำภา ศรีอิ่นแก้ว (ขวา) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผู้แทนจาก บริษัท โรช ไดแอก โนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้สมทบทุนเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เพื่อร่วมให้การสนับสนุนการจัดงาน ณ ศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังค์ เมื่อเร็วๆ นี้
52
news & activity / คัลเลอร์ฟูร์ ซินโดม [Colorful syndrome] โรคที่มาพร้อมแฟชั่นสีผม ที่พึงระวัง
« on: June 17, 2010, 01:45:20 PM »
คัลเลอร์ฟูร์ ซินโดม [Colorful syndrome] โรคที่มาพร้อมแฟชั่นสีผม ที่พึงระวัง โดย ภญ.กรรณิการ์ เอกศักดิ์ บริษัท เฮลธ์ อิมแพค จำกัด
ปัจจุบันแฟชั่นย้อมผมหรือทำไฮไลท์กำลังมาแรง สีย้อมผมมีให้เลือกใช้หลายแบบทั้งในรูปโฟม โลชั่น ครีม แชมพูหรือแม้แต่มาสคารา เรียกว่าสามารถหล่อสวยด้วยสีต่าง ๆ ได้ในพริบตา อยากได้สีไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ จะเป็นย้อมผมถาวรหรือกึ่งถาวรหรือชั่วคราวก็ทำได้ ซึ่งโดยมากก็จะมีสารพวกไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ทำให้สีผมจางลง แล้วตามด้วยตัวยาเปลี่ยนสีผมซึ่งจะมีความเข้มข้นและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการย้อมผมชั่วคราวก็ใช้สีชนิดที่ละลายน้ำได้ดี ถูกชะล้างออกได้ง่ายด้วยน้ำเพียง 1 - 2 ครั้ง ส่วนถ้าต้องการย้อมผมแบบถาวร ก็ใช้สีที่ติดทนนาน ไม่จางหายไป แต่จะมีผมใหม่ค่อย ๆ งอกออกมาแทนที่ตรงโคนผม ทำให้ต้องย้อมผมใหม่ทุก 4 – 6 สัปดาห์ นอกจากการทำสีผมแล้ว บางท่านก็ชอบดัด หรือยืดผมในคราวเดียวกัน เรียกว่า เข้าซาลอนทั้งทีต้องสวยครบสูตรแต่นั่นคือสิ่งที่อันตรายมาก เพราะเส้นผมและหนังศีรษะ จะถูกรบกวนจากน้ำยามากจนเกินไป ทำให้ผมขาดน้ำหนัก เปราะบาง หักง่ายและเมื่อหนังศีรษะอ่อนแอ รากผมและเส้นผมจะไม่แข็งแรง หลุดร่วงได้ง่ายถ้าปล่อยทิ้งไว้ปัญหาเล็กๆ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อเซลล์รากผมอ่อนแอมากจนกระทั่งตาย เส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ จะทำให้เกิดภาวะศีรษะล้านได้
การรักษาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้านในเพศหญิง มีข้อจำกัดมากกว่าเพศชาย เนื่องจากยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้มีขนขึ้นบริเวณหน้า แขนและขา ส่วนยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชายจะ ใช้ไม่ได้ผลใน เพศหญิง และการใช้ยานั้นหากไม่ทานยาต่อเนื่องผมก็จะร่วงเมื่อหยุดยา จะเห็นว่าทางเลือกของผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางแทบไม่มีเลย จะไปรักษาตามสถาบันต่าง ๆ ราคาก็สูงมาก เราจึงควรแก้ไขที่ต้นเหตุพร้อมทั้งปรับสภาพของหนังศีรษะ รากผมและเส้นผมให้แข็งแรง โดยไม่ควรย้อมผมถี่เกินไป และหลีกเลี่ยงการดัดผม ยืดผมและย้อมผมในเวลาเดียวกัน เพราะเส้นผมจะถูกรบกวนจากน้ำยามากจนเกินไป ควรทิ้งระยะห่างสัก 2–3 สัปดาห์ นอกจากนี้ก็ควรบำรุงรากผมและหนังศีรษะด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นแก่เส้นผม สารอาหารหลักได้แก่ ไบโอตินหรือวิตามิน H เป็นวิตามินที่ช่วยทำให้ผมและเล็บแข็งแรง พบมากในอาหารประเภท ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ส่วนบริเวอร์ยีสต์ เป็นโปรตีนที่จำเป็นต่อ เส้นผมทำให้เส้นผมแข็งแรงนั้น พบมากในเบียร์ ซึ่งคนสมัยก่อนจะใช้เบียร์หมักผมเพื่อให้ผมนุ่ม ซึ่งในปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าขึ้น เราสามารถรับประทานได้ในรูปโปรตีนสกัดจากบริเวอร์ยีสต์ นอกจากวิตามินและโปรตีนที่มีส่วนสำคัญต่อผมแล้ว แร่ธาตุสังกะสีก็มีส่วนช่วยในการปรับสภาพหนังศีรษะที่อ่อนแอจากการถูกทำร้ายโดย สารเคมีทำให้หนังศีรษะแข็งแรงขึ้น ซึ่งเราพบแร่ธาตุชนิดนี้ได้มากในอาหารทะเล เช่น หอยนางรม อย่างไรก็ตามอาหารต่าง ๆ ที่ให้วิตามินและแร่ธาตุที่ต้องการนั้น ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง ไม่ว่าจะเป็นไข่แดง หรือหอยนางรม ทำให้เป็นข้อจำกัด โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาโคเลสเตอรอล ซึ่งในปัจจุบันก็มีการผลิตออกมาในรูปแบบแคปซูลที่มีส่วนผสมทั้ง ไบโอติน บริเวอร์ยีสต์ สังกะสี รวมทั้งวิตามินบี 5 รวมอยู่ด้วยในรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงรากผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ ถือเป็นทางเลือกใหม่ของผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางผมร่วง ที่ไม่ต้องการเสี่ยงกับการรับประทานยาตลอดชีวิต หรือต้องเผชิญกับผลข้างเคียงของยา การทำสีผมนับเป็นหนึ่งสาเหตุของปัญหาผมบาง ผมร่วงเท่านั้น ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เราควรระวังและป้องกันไว้ก่อนที่จะประสบกับปัญหาศีรษะล้าน สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง สามารถโทรปรึกษาได้ที่ศูนย์ข้อมูลคูรามิ โทร 02 8604561 หรือ 081 657 2351
ปัจจุบันแฟชั่นย้อมผมหรือทำไฮไลท์กำลังมาแรง สีย้อมผมมีให้เลือกใช้หลายแบบทั้งในรูปโฟม โลชั่น ครีม แชมพูหรือแม้แต่มาสคารา เรียกว่าสามารถหล่อสวยด้วยสีต่าง ๆ ได้ในพริบตา อยากได้สีไหนก็เลือกได้ตามใจชอบ จะเป็นย้อมผมถาวรหรือกึ่งถาวรหรือชั่วคราวก็ทำได้ ซึ่งโดยมากก็จะมีสารพวกไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ทำให้สีผมจางลง แล้วตามด้วยตัวยาเปลี่ยนสีผมซึ่งจะมีความเข้มข้นและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าต้องการย้อมผมชั่วคราวก็ใช้สีชนิดที่ละลายน้ำได้ดี ถูกชะล้างออกได้ง่ายด้วยน้ำเพียง 1 - 2 ครั้ง ส่วนถ้าต้องการย้อมผมแบบถาวร ก็ใช้สีที่ติดทนนาน ไม่จางหายไป แต่จะมีผมใหม่ค่อย ๆ งอกออกมาแทนที่ตรงโคนผม ทำให้ต้องย้อมผมใหม่ทุก 4 – 6 สัปดาห์ นอกจากการทำสีผมแล้ว บางท่านก็ชอบดัด หรือยืดผมในคราวเดียวกัน เรียกว่า เข้าซาลอนทั้งทีต้องสวยครบสูตรแต่นั่นคือสิ่งที่อันตรายมาก เพราะเส้นผมและหนังศีรษะ จะถูกรบกวนจากน้ำยามากจนเกินไป ทำให้ผมขาดน้ำหนัก เปราะบาง หักง่ายและเมื่อหนังศีรษะอ่อนแอ รากผมและเส้นผมจะไม่แข็งแรง หลุดร่วงได้ง่ายถ้าปล่อยทิ้งไว้ปัญหาเล็กๆ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อเซลล์รากผมอ่อนแอมากจนกระทั่งตาย เส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ จะทำให้เกิดภาวะศีรษะล้านได้
การรักษาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้านในเพศหญิง มีข้อจำกัดมากกว่าเพศชาย เนื่องจากยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้มีขนขึ้นบริเวณหน้า แขนและขา ส่วนยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชายจะ ใช้ไม่ได้ผลใน เพศหญิง และการใช้ยานั้นหากไม่ทานยาต่อเนื่องผมก็จะร่วงเมื่อหยุดยา จะเห็นว่าทางเลือกของผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางแทบไม่มีเลย จะไปรักษาตามสถาบันต่าง ๆ ราคาก็สูงมาก เราจึงควรแก้ไขที่ต้นเหตุพร้อมทั้งปรับสภาพของหนังศีรษะ รากผมและเส้นผมให้แข็งแรง โดยไม่ควรย้อมผมถี่เกินไป และหลีกเลี่ยงการดัดผม ยืดผมและย้อมผมในเวลาเดียวกัน เพราะเส้นผมจะถูกรบกวนจากน้ำยามากจนเกินไป ควรทิ้งระยะห่างสัก 2–3 สัปดาห์ นอกจากนี้ก็ควรบำรุงรากผมและหนังศีรษะด้วยสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นแก่เส้นผม สารอาหารหลักได้แก่ ไบโอตินหรือวิตามิน H เป็นวิตามินที่ช่วยทำให้ผมและเล็บแข็งแรง พบมากในอาหารประเภท ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ส่วนบริเวอร์ยีสต์ เป็นโปรตีนที่จำเป็นต่อ เส้นผมทำให้เส้นผมแข็งแรงนั้น พบมากในเบียร์ ซึ่งคนสมัยก่อนจะใช้เบียร์หมักผมเพื่อให้ผมนุ่ม ซึ่งในปัจจุบันวิทยาการก้าวหน้าขึ้น เราสามารถรับประทานได้ในรูปโปรตีนสกัดจากบริเวอร์ยีสต์ นอกจากวิตามินและโปรตีนที่มีส่วนสำคัญต่อผมแล้ว แร่ธาตุสังกะสีก็มีส่วนช่วยในการปรับสภาพหนังศีรษะที่อ่อนแอจากการถูกทำร้ายโดย สารเคมีทำให้หนังศีรษะแข็งแรงขึ้น ซึ่งเราพบแร่ธาตุชนิดนี้ได้มากในอาหารทะเล เช่น หอยนางรม อย่างไรก็ตามอาหารต่าง ๆ ที่ให้วิตามินและแร่ธาตุที่ต้องการนั้น ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง ไม่ว่าจะเป็นไข่แดง หรือหอยนางรม ทำให้เป็นข้อจำกัด โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาโคเลสเตอรอล ซึ่งในปัจจุบันก็มีการผลิตออกมาในรูปแบบแคปซูลที่มีส่วนผสมทั้ง ไบโอติน บริเวอร์ยีสต์ สังกะสี รวมทั้งวิตามินบี 5 รวมอยู่ด้วยในรูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงรากผมและหนังศีรษะโดยเฉพาะ ถือเป็นทางเลือกใหม่ของผู้หญิงที่มีปัญหาผมบางผมร่วง ที่ไม่ต้องการเสี่ยงกับการรับประทานยาตลอดชีวิต หรือต้องเผชิญกับผลข้างเคียงของยา การทำสีผมนับเป็นหนึ่งสาเหตุของปัญหาผมบาง ผมร่วงเท่านั้น ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เราควรระวังและป้องกันไว้ก่อนที่จะประสบกับปัญหาศีรษะล้าน สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง สามารถโทรปรึกษาได้ที่ศูนย์ข้อมูลคูรามิ โทร 02 8604561 หรือ 081 657 2351
53
news & activity / ทรูดิจิตอลพลัส เปิดโหมดใหม่ 2010 FIFA World Cup South Africa
« on: June 17, 2010, 01:44:16 PM »
ทรูดิจิตอลพลัส เปิดโหมดใหม่ 2010 FIFA World Cup South Africa เอาใจคอเกมแฟนบอลชาวไทย แจกรางวัลใหญ่ แพ็กเกจทัวร์ชมฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ
บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ EA Sports FIFA Online 2 เอาใจคอเกมลูกหนัง เปิดโหมดใหม่ 2010 FIFA World Cup South Africa ให้เกมเมอร์ชาวไทยสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นสมจริงของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกรอบการแข่งขัน ครบทั้ง 199 ทีมชาติ ทั้งนำทัพนักเตะทีมชาติไทยซึ่งได้รับการออกแบบหน้าตา พร้อมเพิ่มพลังความสามารถเสมือนตัวจริงร่วมลงสนามประชันแข้งครบทีม ทั้ง ธีรเทพ วิโนทัย, ดัสกร ทองเหลา, สุรีย์ สุขะ, ธีรศิลป์ แดงดา, สุเชาว์ นุชนุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นเกมเมอร์ที่ร่วมสนุก รับสิทธิ์ ลุ้นรางวัลใหญ่ “แพ็กเกจทัวร์ชมฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ 6 วัน 3 คืน” และรางวัลผลิตภัณฑ์กีฬา Adidas ทั้งเสื้อฟุตบอลทีมชาติและลูกฟุตบอล Jabulani เป็นประจำทุกสัปดาห์ สนใจเพิ่มเติมดูได้ที่ www.gg.in.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
บริษัท ทรู ดิจิตอล พลัส จำกัด ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ EA Sports FIFA Online 2 เอาใจคอเกมลูกหนัง เปิดโหมดใหม่ 2010 FIFA World Cup South Africa ให้เกมเมอร์ชาวไทยสัมผัสประสบการณ์ความตื่นเต้นสมจริงของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกรอบการแข่งขัน ครบทั้ง 199 ทีมชาติ ทั้งนำทัพนักเตะทีมชาติไทยซึ่งได้รับการออกแบบหน้าตา พร้อมเพิ่มพลังความสามารถเสมือนตัวจริงร่วมลงสนามประชันแข้งครบทีม ทั้ง ธีรเทพ วิโนทัย, ดัสกร ทองเหลา, สุรีย์ สุขะ, ธีรศิลป์ แดงดา, สุเชาว์ นุชนุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นเกมเมอร์ที่ร่วมสนุก รับสิทธิ์ ลุ้นรางวัลใหญ่ “แพ็กเกจทัวร์ชมฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ 6 วัน 3 คืน” และรางวัลผลิตภัณฑ์กีฬา Adidas ทั้งเสื้อฟุตบอลทีมชาติและลูกฟุตบอล Jabulani เป็นประจำทุกสัปดาห์ สนใจเพิ่มเติมดูได้ที่ www.gg.in.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
54
news & activity / หนังโฆษณา คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี ตัวช่วยสลัดพ้นความแก่ “ ตาม/ติด
« on: June 17, 2010, 01:41:22 PM »
หนังโฆษณา คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี ตัวช่วยสลัดพ้นความแก่ “ ตาม/ติด ”
Client : SSUP Bangkok 1991 Co.,Ltd.
Product : Cute Press Evory plus Vitamin E powder
Title : ตาม / ติด
Length : 30/ 15 sec.
Agency : NUDE COMMUNICATION CO.,LTD
Creative Director : คุณเจสัน ลิม
Senior Copy Writer : คุณชมแข หิรัญรัศมี
Production House : Goodboy’z
แนวความคิดของภาพยนตร์โฆษณา
“อายุ 25” สาวๆ หลายคนเริ่มวิตกกังวลกับปัญหาผิวหน้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งรูขุมขนที่ใหญ่ขึ้น, ริ้วรอยก่อนวัยที่มาเร็วขึ้น และ ใบหน้าที่ดูหยาบกร้านมากขึ้น ทำให้สาวๆมองหาตัวช่วยเพื่อกลบทุกปัญหาผิวหน้าให้กลับมาดูเนียนใส “แป้งผสมรองพื้น” จึงกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์คู่กายที่สาวๆขาดไม่ได้แต่นั่นคงไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่เพราะความเนียน ที่คุณได้มาอาจต้องแลกกับปัญหาผิวหน้าที่เพิ่มขึ้นคิวท์เพรสได้เล็งเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นที่ต้องการให้สาวไทยสวยได้ง่ายๆในแบบตัวของคุณเองภายใต้แนวคิด “คิวท์เพรส สวยได้...ทุกวัน” จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนอง ความต้องการของสาวสมัยใหม่กับผลิตภัณฑ์ “คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี พาวเดอร์”แป้งผสมรองพื้นที่มาพร้อมการบำรุงด้วยคุณค่าจากวิตามิน อี สกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยฟื้นบำรุงให้ความชุ่มชื่น พร้อมชะลอริ้วรอยก่อนวัย ผสมเข้ากับเนื้อแป้งที่สร้างสรรค์ และคิดค้นพิเศษเฉพาะของคิวท์เพรส จึงมอบความเนียนสวยเป็นธรรมชาติพร้อมการบำรุงทุกครั้งที่ทา แม้กระทั่งหลังล้างหน้าก็ไม่ทิ้งความหยาบกร้านไว้ จึงช่วยถนอมผิวหน้าให้ดูสุขภาพดี นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ “คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี พาวเดอร์” เป็นผลิตภัณฑ์ที่คืนความสวยเด้งแบบผิววัยสาวได้เต็มที่และกลายเป็นแป้งผสมรองพื้นคุณภาพเยี่ยมที่ครองใจสาวไทยมาโดยตลอด
ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษนี้จึงถูกเล่าผ่านภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30 และ 15 วินาที ที่ได้แนวคิดมาจากความวิตกกังวลของผู้หญิงที่เมื่ออายุขึ้น 25 ความแก่ก็ยิ่งไล่ตามมาเร็วขึ้นทุกทีโดยเปิดเรื่องที่ ลานจอดรถตึกออฟฟิศแห่งหนึ่งหญิงสาวกำลังเดินไปยังรถของเธอทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น...มีใครคนหนึ่งกำลังสะกดรอยตามเธออยู่ ซึ่งก็คือความแก่ของตัวเธอนั่นเอง เธอพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อหนีความแก่ให้พ้น แต่ความแก่ก็ไม่ละความพยายามที่จะเร่งฝีเท้าไล่ตามเธอมาติดๆโชคดีที่สุดท้ายเธอก็หนีเข้ามาในรถและขับหนีจากความแก่ที่ตามเธอได้อย่างปลอดภัย แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ ความแก่ที่เธอพึ่งหนีพ้นมานั้น ก็กลับมานั่งอยู่ในรถข้างๆ เธอนั่นเอง จนเธอได้เปลี่ยนมาใช้ “คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี ” อีกขั้นของแป้งผสมรองพื้นที่ผสานคุณค่าบำรุง ด้วยวิตามิน อี สกัดจากธรรมชาติ ช่วยเนรมิตผิวสวยเนียนสนิท ปกปิดพร้อมบำรุง ให้ผิวเนียนสวยเด้งแบบผิววัยสาว ท้ายที่สุดแล้วเธอจึงทิ้งห่างความแก่ที่ไล่ตามเธอมาได้อย่างสบายๆ
คุณเองก็สามารถสัมผัสความเนียนสวยเด้งแบบผิววัยสาวได้ง่ายๆ ที่ คิวท์เพรสช้อป ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกเลือกชมผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณสวยได้...ทุกวัน แล้วที่ www.cutepress.com
Client : SSUP Bangkok 1991 Co.,Ltd.
Product : Cute Press Evory plus Vitamin E powder
Title : ตาม / ติด
Length : 30/ 15 sec.
Agency : NUDE COMMUNICATION CO.,LTD
Creative Director : คุณเจสัน ลิม
Senior Copy Writer : คุณชมแข หิรัญรัศมี
Production House : Goodboy’z
แนวความคิดของภาพยนตร์โฆษณา
“อายุ 25” สาวๆ หลายคนเริ่มวิตกกังวลกับปัญหาผิวหน้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งรูขุมขนที่ใหญ่ขึ้น, ริ้วรอยก่อนวัยที่มาเร็วขึ้น และ ใบหน้าที่ดูหยาบกร้านมากขึ้น ทำให้สาวๆมองหาตัวช่วยเพื่อกลบทุกปัญหาผิวหน้าให้กลับมาดูเนียนใส “แป้งผสมรองพื้น” จึงกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์คู่กายที่สาวๆขาดไม่ได้แต่นั่นคงไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่เพราะความเนียน ที่คุณได้มาอาจต้องแลกกับปัญหาผิวหน้าที่เพิ่มขึ้นคิวท์เพรสได้เล็งเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นที่ต้องการให้สาวไทยสวยได้ง่ายๆในแบบตัวของคุณเองภายใต้แนวคิด “คิวท์เพรส สวยได้...ทุกวัน” จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนอง ความต้องการของสาวสมัยใหม่กับผลิตภัณฑ์ “คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี พาวเดอร์”แป้งผสมรองพื้นที่มาพร้อมการบำรุงด้วยคุณค่าจากวิตามิน อี สกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยฟื้นบำรุงให้ความชุ่มชื่น พร้อมชะลอริ้วรอยก่อนวัย ผสมเข้ากับเนื้อแป้งที่สร้างสรรค์ และคิดค้นพิเศษเฉพาะของคิวท์เพรส จึงมอบความเนียนสวยเป็นธรรมชาติพร้อมการบำรุงทุกครั้งที่ทา แม้กระทั่งหลังล้างหน้าก็ไม่ทิ้งความหยาบกร้านไว้ จึงช่วยถนอมผิวหน้าให้ดูสุขภาพดี นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ “คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี พาวเดอร์” เป็นผลิตภัณฑ์ที่คืนความสวยเด้งแบบผิววัยสาวได้เต็มที่และกลายเป็นแป้งผสมรองพื้นคุณภาพเยี่ยมที่ครองใจสาวไทยมาโดยตลอด
ด้วยคุณสมบัติที่พิเศษนี้จึงถูกเล่าผ่านภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30 และ 15 วินาที ที่ได้แนวคิดมาจากความวิตกกังวลของผู้หญิงที่เมื่ออายุขึ้น 25 ความแก่ก็ยิ่งไล่ตามมาเร็วขึ้นทุกทีโดยเปิดเรื่องที่ ลานจอดรถตึกออฟฟิศแห่งหนึ่งหญิงสาวกำลังเดินไปยังรถของเธอทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น...มีใครคนหนึ่งกำลังสะกดรอยตามเธออยู่ ซึ่งก็คือความแก่ของตัวเธอนั่นเอง เธอพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อหนีความแก่ให้พ้น แต่ความแก่ก็ไม่ละความพยายามที่จะเร่งฝีเท้าไล่ตามเธอมาติดๆโชคดีที่สุดท้ายเธอก็หนีเข้ามาในรถและขับหนีจากความแก่ที่ตามเธอได้อย่างปลอดภัย แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ ความแก่ที่เธอพึ่งหนีพ้นมานั้น ก็กลับมานั่งอยู่ในรถข้างๆ เธอนั่นเอง จนเธอได้เปลี่ยนมาใช้ “คิวท์เพรส อิเวอร์รี่ พลัส วิตามิน อี ” อีกขั้นของแป้งผสมรองพื้นที่ผสานคุณค่าบำรุง ด้วยวิตามิน อี สกัดจากธรรมชาติ ช่วยเนรมิตผิวสวยเนียนสนิท ปกปิดพร้อมบำรุง ให้ผิวเนียนสวยเด้งแบบผิววัยสาว ท้ายที่สุดแล้วเธอจึงทิ้งห่างความแก่ที่ไล่ตามเธอมาได้อย่างสบายๆ
คุณเองก็สามารถสัมผัสความเนียนสวยเด้งแบบผิววัยสาวได้ง่ายๆ ที่ คิวท์เพรสช้อป ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกเลือกชมผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณสวยได้...ทุกวัน แล้วที่ www.cutepress.com
55
news & activity / โทรบ้านทรู ยิ้มรับมาตรการกระชับราคา
« on: June 17, 2010, 01:28:32 PM »
โทรบ้านทรู ยิ้มรับมาตรการกระชับราคา
คุณวสุ คุณวาสี ผู้จัดการทั่วไปด้าน Wire-line Voice Services บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ฉีกยิ้ม รับยอดผู้สมัครใช้บริการ โทรศัพท์บ้านครั้งละ 3 บาท จะโทรไกล โทรใกล้ หรือโทรมือถือ ก็ครั้งละ 3 บาทเท่านั้น เรียกว่าเป็นมาตรการกระชับราคา ที่มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าชนิดโดนใจสุดๆ ทำให้มีผู้สมัครใช้บริการพุ่งสูงขึ้นถึง 2.4 แสนราย อย่างรวดเร็ว จึงฝากขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน พร้อมกับเชิญชวนให้รีบๆ ใช้โทรศัพท์บ้านครั้งละ 3 บาท ก่อนที่จะสิ้นสุด มาตรการในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ส่วนโปรโมชั่นใหม่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่า จะประกาศอีกเมื่อไหร่ ครับผม
คุณวสุ คุณวาสี ผู้จัดการทั่วไปด้าน Wire-line Voice Services บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ฉีกยิ้ม รับยอดผู้สมัครใช้บริการ โทรศัพท์บ้านครั้งละ 3 บาท จะโทรไกล โทรใกล้ หรือโทรมือถือ ก็ครั้งละ 3 บาทเท่านั้น เรียกว่าเป็นมาตรการกระชับราคา ที่มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าชนิดโดนใจสุดๆ ทำให้มีผู้สมัครใช้บริการพุ่งสูงขึ้นถึง 2.4 แสนราย อย่างรวดเร็ว จึงฝากขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน พร้อมกับเชิญชวนให้รีบๆ ใช้โทรศัพท์บ้านครั้งละ 3 บาท ก่อนที่จะสิ้นสุด มาตรการในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ส่วนโปรโมชั่นใหม่นั้น ไม่รู้เหมือนกันว่า จะประกาศอีกเมื่อไหร่ ครับผม
56
news & activity / Re: ทรูออนไลน์ เดินหน้าขยายตลาดบรอดแบนด์ เสริมทัพแพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม
« on: June 17, 2010, 01:28:03 PM »
TrueOnline To Expand Broadband Market With New Value Package:
“Eco hi-speed Internet Pack From TrueOnline” At 399 Baht /Month
Attracting New And Light Internet Users with Pay Less Concept Focusing On Price And Quality
Bangkok, June 15, 2010: TrueOnline has launched a new hi-speed package “Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline” as another option to better serve various urban lifestyles. The package is suitable for users who are beginning to use the Internet including students and office workers who are online regularly. The “Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline” at 399 Baht per month offering 100 hours of Internet access at 2 Mbps plus free router and free fixed telephone line installation at home. Emphasizing price and quality, this new package is aimed at increasing the number of broadband users so they can access online information more easily and with greater affordability. To apply for the new package, visit any True Shop branch or call 1686 (24 hours) from today onwards.
Mr. Vichaow Rakphongphairoj, Managing Director, TrueOnline, True Corporation Plc said “Broadband usage has increased constantly from last year by approximately 33% and will continue to do so as online access becomes a part of urban lifestyles. As the broadband market leader, TrueOnline is offering a new hi-speed Internet package Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline in order to serve the new Internet user segment with reasonable prices at 399 Baht per month with 100 hours hi-speed Internet access at 2 Mbps. The concept of the package is “pay less for light usage” and is available from TrueOnline with speeds ranging from 2-16 Mbps. We are confident that the new Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline will receive positive feedback from consumers due to our quality network and value for money pricing, and subsequently help expand TrueOnline’s customer base. By offering a wide range of packages, TrueOnline has gained over 27,000 new customers in the first quarter of 2010 bringing the total number of broadband users to 718,000.
Mr. Non Ingkutanon, General Manager, Wireline Broadband Services Business of True Corporation Plc said that the Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline will target the new Internet user segment as well as people who currently use the 56k dial-up system, Internet cafés, and mobile Internet. The advantage of this new package is that it is ideal for students and office workers who usually go online less than 100 hours on average per month. Under the “pay less for light usage” concept, the new Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline offers 100 hours of hi-speed Internet access at 2 Mbps, upload 256 kbps, for only 399 Baht per month. In addition, subscribers will receive more privileges from TrueOnline such as a free router and free fixed telephone line installation at home .
“TrueOnline is committed to constantly developing new services to better serve urban lifestyles with many choices for online access. The new Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline will open up more and affordable opportunities for consumers in society to access information at faster speeds via a quality network,” Mr. Vichaow concluded.
* hi-speed Internet Package Speed
(download/upload) Monthly Fee
Privilege
“new” eco pack 2 Mbps/256 kbps 399 Baht /100 hrs
(Extra charged at
5 Baht/hour
(maximum charge 799 Baht) Free router rental
online pack 4 Mbps
online pack 5 Mbps
online pack 6 Mbps
online pack 8 Mbps
online pack 12 Mbps
online pack 16 Mbps 4 Mbps/512 kbps
5 Mbps/512 kbps
6 Mbps/512 kbps
8 Mbps/512 kbps
12 Mbps/512 kbps
16 Mbps/512 kbps 599 Baht (unlimited usage)
799 Baht (unlimited usage)
999 Baht (unlimited usage)
1,199 Baht (unlimited usage)
1,699 Baht (unlimited usage)
2,199 Baht (unlimited usage) Free Wi-Fi router rental and receive TrueMove free call bonus equivalent to the value of the TrueMove package
* from now to July 31, 2010
“Eco hi-speed Internet Pack From TrueOnline” At 399 Baht /Month
Attracting New And Light Internet Users with Pay Less Concept Focusing On Price And Quality
Bangkok, June 15, 2010: TrueOnline has launched a new hi-speed package “Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline” as another option to better serve various urban lifestyles. The package is suitable for users who are beginning to use the Internet including students and office workers who are online regularly. The “Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline” at 399 Baht per month offering 100 hours of Internet access at 2 Mbps plus free router and free fixed telephone line installation at home. Emphasizing price and quality, this new package is aimed at increasing the number of broadband users so they can access online information more easily and with greater affordability. To apply for the new package, visit any True Shop branch or call 1686 (24 hours) from today onwards.
Mr. Vichaow Rakphongphairoj, Managing Director, TrueOnline, True Corporation Plc said “Broadband usage has increased constantly from last year by approximately 33% and will continue to do so as online access becomes a part of urban lifestyles. As the broadband market leader, TrueOnline is offering a new hi-speed Internet package Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline in order to serve the new Internet user segment with reasonable prices at 399 Baht per month with 100 hours hi-speed Internet access at 2 Mbps. The concept of the package is “pay less for light usage” and is available from TrueOnline with speeds ranging from 2-16 Mbps. We are confident that the new Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline will receive positive feedback from consumers due to our quality network and value for money pricing, and subsequently help expand TrueOnline’s customer base. By offering a wide range of packages, TrueOnline has gained over 27,000 new customers in the first quarter of 2010 bringing the total number of broadband users to 718,000.
Mr. Non Ingkutanon, General Manager, Wireline Broadband Services Business of True Corporation Plc said that the Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline will target the new Internet user segment as well as people who currently use the 56k dial-up system, Internet cafés, and mobile Internet. The advantage of this new package is that it is ideal for students and office workers who usually go online less than 100 hours on average per month. Under the “pay less for light usage” concept, the new Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline offers 100 hours of hi-speed Internet access at 2 Mbps, upload 256 kbps, for only 399 Baht per month. In addition, subscribers will receive more privileges from TrueOnline such as a free router and free fixed telephone line installation at home .
“TrueOnline is committed to constantly developing new services to better serve urban lifestyles with many choices for online access. The new Eco hi-speed Internet Pack from TrueOnline will open up more and affordable opportunities for consumers in society to access information at faster speeds via a quality network,” Mr. Vichaow concluded.
* hi-speed Internet Package Speed
(download/upload) Monthly Fee
Privilege
“new” eco pack 2 Mbps/256 kbps 399 Baht /100 hrs
(Extra charged at
5 Baht/hour
(maximum charge 799 Baht) Free router rental
online pack 4 Mbps
online pack 5 Mbps
online pack 6 Mbps
online pack 8 Mbps
online pack 12 Mbps
online pack 16 Mbps 4 Mbps/512 kbps
5 Mbps/512 kbps
6 Mbps/512 kbps
8 Mbps/512 kbps
12 Mbps/512 kbps
16 Mbps/512 kbps 599 Baht (unlimited usage)
799 Baht (unlimited usage)
999 Baht (unlimited usage)
1,199 Baht (unlimited usage)
1,699 Baht (unlimited usage)
2,199 Baht (unlimited usage) Free Wi-Fi router rental and receive TrueMove free call bonus equivalent to the value of the TrueMove package
* from now to July 31, 2010
57
news & activity / ทรูออนไลน์ เดินหน้าขยายตลาดบรอดแบนด์ เสริมทัพแพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม
« on: June 17, 2010, 01:26:30 PM »
ทรูออนไลน์ เดินหน้าขยายตลาดบรอดแบนด์ เสริมทัพแพ็กเกจใหม่สุดคุ้ม ไฮสปีด-อีโคแพ็ก 399 บาท/เดือน
เจาะกลุ่มผู้เริ่มใช้ออนไลน์ ใช้น้อย - จ่ายน้อย เน้นคุ้มมากทั้งคุณภาพและราคา
กรุงเทพฯ วันที่ 15 มิถุนายน 2553: ทรูออนไลน์ เพิ่มทางเลือกตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ครบครัน เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กจากทรูออนไลน์ เพียง 399 บาท สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2 Mpbs นาน 100 ชั่วโมงต่อเดือน พร้อมรับฟรี Router และฟรีค่าติดตั้งโทรศัพท์บ้าน เจาะกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้งานออนไลน์ ทั้งคนทำงานรุ่นใหม่ และนักเรียนนักศึกษาที่ใช้เน็ตเป็นประจำ ชูจุดเด่นความคุ้มค่าทั้งคุณภาพและราคา มั่นใจขยายฐานการใช้งานบรอดแบนด์เข้าถึงข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้น ผู้สนใจสมัครใช้บริการผ่านทรูช้อปทุกสาขา หรือโทร 1686 ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า อัตราการใช้งานบรอดแบนด์เทียบจากปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 33% ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมือง ล่าสุดทรูออนไลน์ในฐานะผู้นำตลาดเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กจากทรูออนไลน์ [Eco Pack] ขยายบริการสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ผู้เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตและจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านออนไลน์ ในราคาย่อมเยาเพียงเดือนละ 399 บาท สามารถใช้งานไฮสปีดอินเทอร์เน็ตความเร็ว 2 Mbps สูงสุด 100 ชั่วโมง เพิ่มความคุ้มค่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใช้น้อย จ่ายน้อย รองรับความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการทุกแพ็กเกจความเร็วของทรูออนไลน์ตั้งแต่ 2 – 16 Mbps เหมาะต่อสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน มั่นใจด้วยจุดเด่นของคุณภาพโครงข่าย ราคาที่คุ้มค่า จะทำให้อีโคแพ็กได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถขยายฐานตลาดลูกค้าทรูออนไลน์เพิ่มมากขึ้น จากในไตรมาส 1 ปี 2553 ซึ่งทรูออนไลน์ได้สร้างสรรค์แพ็กเกจหลากหลายให้เลือกได้ตรงใจ ทำให้สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้บริการได้มากกว่า 27,000 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ทั้งหมด รวมแล้วประมาณ 718,000 ราย
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็ก [Eco Pack] จากทรูออนไลน์ เน้นเจาะกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้งานออนไลน์ ทั้งกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบ Dial-Up 56k กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือโมบายอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน และนักเรียนนักศึกษาที่ใช้งานออนไลน์เป็นประจำโดยเฉลี่ยไม่เกิน 100 ชั่วโมงต่อเดือน ดังนั้น ด้วยจุดเด่นของแพ็กเกจใหม่ ใช้น้อย จ่ายน้อย เพิ่มความสะดวกสบายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น จะตอบสนองสไตล์การใช้งานของคนกลุ่มนี้ เพราะได้ท่องเน็ตแบบไฮสปีดความเร็วสูงถึง 2 Mbps อัพโหลด 256 kbps จ่ายเพียง 399 บาท ใช้ได้สูงสุด 100 ชั่วโมงต่อเดือน นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมาย อาทิ ฟรี Router และฟรีค่าติดตั้งโทรศัพท์บ้านอีกด้วย
ทรูออนไลน์มุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กใหม่จากทรูออนไลน์นี้ จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเพิ่มโอกาสให้คนในสังคมเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ผ่านการใช้งานอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงมากขึ้น นายวิเชาวน์ กล่าวสรุปในที่สุด
* บริการ hi-speed Internet ความเร็ว
(download/upload) อัตราค่าบริการ
(บาท/ชม.การใช้งาน/เดือน) สิทธิพิเศษ
eco pack “ใหม่” 2 Mbps/256 kbps 399.- 100 ชม.
(ส่วนเกิน 5.- /ชม. ไม่เกิน 799 บาท) ฟรี ยืม Router
Online pack 4 Mbps
Online pack 5 Mbps
Online pack 6 Mbps
Online pack 8 Mbps
Online pack 12 Mbps
Online pack 16 Mbps 4 Mbps/512 kbps
5 Mbps/512 kbps
6 Mbps/512 kbps
8 Mbps/512 kbps
12 Mbps/512 kbps
16 Mbps/512 kbps 599.- Unlimited
799.- Unlimited
999.- Unlimited
1,199.- Unlimited
1,699.- Unlimited
2,199.- Unlimited ฟรี ยืม WiFi Router
และรับโบนัสทรูมูฟโทรฟรีตามราคาแพ็กเกจ
* ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2553
เจาะกลุ่มผู้เริ่มใช้ออนไลน์ ใช้น้อย - จ่ายน้อย เน้นคุ้มมากทั้งคุณภาพและราคา
กรุงเทพฯ วันที่ 15 มิถุนายน 2553: ทรูออนไลน์ เพิ่มทางเลือกตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ครบครัน เปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กจากทรูออนไลน์ เพียง 399 บาท สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 2 Mpbs นาน 100 ชั่วโมงต่อเดือน พร้อมรับฟรี Router และฟรีค่าติดตั้งโทรศัพท์บ้าน เจาะกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้งานออนไลน์ ทั้งคนทำงานรุ่นใหม่ และนักเรียนนักศึกษาที่ใช้เน็ตเป็นประจำ ชูจุดเด่นความคุ้มค่าทั้งคุณภาพและราคา มั่นใจขยายฐานการใช้งานบรอดแบนด์เข้าถึงข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้น ผู้สนใจสมัครใช้บริการผ่านทรูช้อปทุกสาขา หรือโทร 1686 ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า อัตราการใช้งานบรอดแบนด์เทียบจากปีที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณ 33% ทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนเมือง ล่าสุดทรูออนไลน์ในฐานะผู้นำตลาดเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กจากทรูออนไลน์ [Eco Pack] ขยายบริการสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ผู้เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตและจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านออนไลน์ ในราคาย่อมเยาเพียงเดือนละ 399 บาท สามารถใช้งานไฮสปีดอินเทอร์เน็ตความเร็ว 2 Mbps สูงสุด 100 ชั่วโมง เพิ่มความคุ้มค่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใช้น้อย จ่ายน้อย รองรับความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการทุกแพ็กเกจความเร็วของทรูออนไลน์ตั้งแต่ 2 – 16 Mbps เหมาะต่อสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน มั่นใจด้วยจุดเด่นของคุณภาพโครงข่าย ราคาที่คุ้มค่า จะทำให้อีโคแพ็กได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และสามารถขยายฐานตลาดลูกค้าทรูออนไลน์เพิ่มมากขึ้น จากในไตรมาส 1 ปี 2553 ซึ่งทรูออนไลน์ได้สร้างสรรค์แพ็กเกจหลากหลายให้เลือกได้ตรงใจ ทำให้สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้บริการได้มากกว่า 27,000 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ทั้งหมด รวมแล้วประมาณ 718,000 ราย
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป Wire-line Broadband Services Business บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็ก [Eco Pack] จากทรูออนไลน์ เน้นเจาะกลุ่มผู้เริ่มต้นใช้งานออนไลน์ ทั้งกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบ Dial-Up 56k กลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือโมบายอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน และนักเรียนนักศึกษาที่ใช้งานออนไลน์เป็นประจำโดยเฉลี่ยไม่เกิน 100 ชั่วโมงต่อเดือน ดังนั้น ด้วยจุดเด่นของแพ็กเกจใหม่ ใช้น้อย จ่ายน้อย เพิ่มความสะดวกสบายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น จะตอบสนองสไตล์การใช้งานของคนกลุ่มนี้ เพราะได้ท่องเน็ตแบบไฮสปีดความเร็วสูงถึง 2 Mbps อัพโหลด 256 kbps จ่ายเพียง 399 บาท ใช้ได้สูงสุด 100 ชั่วโมงต่อเดือน นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมาย อาทิ ฟรี Router และฟรีค่าติดตั้งโทรศัพท์บ้านอีกด้วย
ทรูออนไลน์มุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งไฮสปีดอินเทอร์เน็ต อีโคแพ็กใหม่จากทรูออนไลน์นี้ จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเพิ่มโอกาสให้คนในสังคมเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ผ่านการใช้งานอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงมากขึ้น นายวิเชาวน์ กล่าวสรุปในที่สุด
* บริการ hi-speed Internet ความเร็ว
(download/upload) อัตราค่าบริการ
(บาท/ชม.การใช้งาน/เดือน) สิทธิพิเศษ
eco pack “ใหม่” 2 Mbps/256 kbps 399.- 100 ชม.
(ส่วนเกิน 5.- /ชม. ไม่เกิน 799 บาท) ฟรี ยืม Router
Online pack 4 Mbps
Online pack 5 Mbps
Online pack 6 Mbps
Online pack 8 Mbps
Online pack 12 Mbps
Online pack 16 Mbps 4 Mbps/512 kbps
5 Mbps/512 kbps
6 Mbps/512 kbps
8 Mbps/512 kbps
12 Mbps/512 kbps
16 Mbps/512 kbps 599.- Unlimited
799.- Unlimited
999.- Unlimited
1,199.- Unlimited
1,699.- Unlimited
2,199.- Unlimited ฟรี ยืม WiFi Router
และรับโบนัสทรูมูฟโทรฟรีตามราคาแพ็กเกจ
* ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2553
58
news & activity / บิ๊กซีจับมือกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมโครงการสินค้าราคาประหยัด
« on: June 17, 2010, 01:24:22 PM »
บิ๊กซีจับมือกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมโครงการสินค้าราคาประหยัด ซื้ออาหารในบิ๊กซีได้ในราคาพิเศษสุด10-15 บาทเท่านั้น
ตามที่รัฐบาลออกมาตรการตรึงราคาสินค้าช่วยเหลือประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการขอร้องให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขอให้มีการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้
น.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัทบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ BIGC เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนกันยายน หลังจากที่มาตรการเดิมจะหมดลงในเดือนมิถุนายนนี้ โดยทางบิ๊กซีได้ตระหนักถึงนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในส่วนของบิ๊กซีจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนในครั้งนี้ ด้วยการจัดราคาสินค้าราคาประหยัดที่ยังคงคุณภาพของสินค้าและปริมาณไว้ในระดับเดิม
โดยในวันนี้ทางบิ๊กซีได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดรายการพิเศษ โดยการลดราคาสินค้าทุกอย่างที่มีราคา 10 - 15 บาท ทั้งอาหารจานเดียว เบเกอรี่ อาหารพร้อมทานทุกอย่าง เช่น ผัดหมี่บิ๊กซี มาม่าผัดขี้เมา,ผัดไทย เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว,ข้าวไข่เจียวไส้กรอก,ข้าวสวยทอดมันปลา,ข้าวต้มทรงเครื่องหมูสับ ,ข้าวสวยผัดเผ็ดลูกชิ้นหน่อไม้ เป็นต้น โดยลูกค้าสามารถเลือกสรรสินค้าดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.....................
ตามที่รัฐบาลออกมาตรการตรึงราคาสินค้าช่วยเหลือประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการขอร้องให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคขอให้มีการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้
น.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัทบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ BIGC เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนกันยายน หลังจากที่มาตรการเดิมจะหมดลงในเดือนมิถุนายนนี้ โดยทางบิ๊กซีได้ตระหนักถึงนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในส่วนของบิ๊กซีจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนในครั้งนี้ ด้วยการจัดราคาสินค้าราคาประหยัดที่ยังคงคุณภาพของสินค้าและปริมาณไว้ในระดับเดิม
โดยในวันนี้ทางบิ๊กซีได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดรายการพิเศษ โดยการลดราคาสินค้าทุกอย่างที่มีราคา 10 - 15 บาท ทั้งอาหารจานเดียว เบเกอรี่ อาหารพร้อมทานทุกอย่าง เช่น ผัดหมี่บิ๊กซี มาม่าผัดขี้เมา,ผัดไทย เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว,ข้าวไข่เจียวไส้กรอก,ข้าวสวยทอดมันปลา,ข้าวต้มทรงเครื่องหมูสับ ,ข้าวสวยผัดเผ็ดลูกชิ้นหน่อไม้ เป็นต้น โดยลูกค้าสามารถเลือกสรรสินค้าดังกล่าวได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.....................
59
news & activity / Re: TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง
« on: June 17, 2010, 01:22:45 PM »
TK park: การประชุมชี้แจงนโยบายทิศทางแก่ผู้บริหาร ครูศูนย์ GTX และตัวแทนภาคีเครือข่าย
ฝ่ายเสาะหาและพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ สำนักงานอุทยาการเรียนรู้ ถือโอกาสช่วงเปิดภาค เรียนจัด “การประชุมชี้แจงนโยบายทิศทางแก่ผู้บริหาร ครูศูนย์ GTX และตัวแทนภาคีเครือข่าย” อันเป็นกิจกรรมตามโครงการด้านการพัฒนาบุคลากรในระบบเพื่อขับเคลื่อนภารกิจ ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2553 เวลา 8.00-16.00 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 10 โรงแรมแกรนด์ไชน่า ปริ๊นเซส กทม. เพื่อชี้แจง นโยบายและทิศทางของ การดำเนินงานศูนย์ฯ ภายหลังการโอนถ่ายภารกิจของสถาบันส่งเสริม อัจฉริยภาพและนวัตกรรมการเรียนรู้ (สสอน.) มายังสำนักงาน อุทยานการเรียนรู้ (สอร.) ในปีงบประมาณ 2553 ให้ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าและครูศูนย์ฯ ตลอดจนผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะที่เป็นภาคีเครือข่าย เข้าใจทิศทางของการจัดกิจกรรมตามปีงบประมาณ 2553 รับรู้แนวทางการทำงาน ทำความรู้จักคุ้นเคย ปรับปรุงข้อมูลเพื่อการติดต่อประสานงานให้เกิด ประสิทธิภาพการดำเนินงานศูนย์กับภาคีเครือข่ายการทำงานด้านเสาะหาพัฒนา ผู้มีความสามารถพิเศษ
งานนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้มากมาย กำหนดการสำคัญเริ่มจากการเสวนาเรื่อง “งานพัฒนาเยาวชนผู้มีความสามารถพิเศษ” โดย นางสุธาทิพย์ ธัชยพงศ์ รองประธานมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก อนุกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ผอ.พริ้มพราย สุพโปฎก ประธานอำนวยการบริหารโรงเรียน ไผทอุดมศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความสามารถ พิเศษ ดร.ทัศนัย วงษ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ดร.ธีระภาพ เพชรมาลัยกุล หัวหน้าฝ่ายเสาะหา และพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ตามด้วยการบรรยายของ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ และ ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน) ในหัวข้อ ““นโยบาย สพฐ. สำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษ” ช่วงบ่ายเป็นการบรรยาย “แนวทางของท้องถิ่นในการส่งเสริมเยาวชนผู้มีความสามารถพิเศษของนายศรีพงษ์ บุตรงามดี ผู้แทนอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ประชุมจากศูนย์ GTX และเครือข่ายจะได้รับทราบแผนงานในปี งบประมาณ 2553 และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย จาก ผช.ผอ.เฉียดฉัตรโฉมและ ดร.ธีระภาพ พร้อมการแลกเปลี่ยนและตอบข้อซักถาม ผลการประชุมจะนำไปสู่การดำเนินงานของศูนย์และเครือข่าย ที่มีคุณภาพต่อไป
ข้อมูลประกอบ
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) องค์การมหาชน มีพันธกิจสำคัญประการหนึ่ง คือการเสาะหาและพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษอันสืบเนื่องมาจากสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ (สมพช.) ในปี 2547 และต่อมาได้ควบรวมกับสถาบันวิทยาการเรียนรู้ (สวร.) ในปี 2550 จัดตั้งเป็นสถาบันส่งเสริมอัจฉริยภาพและนวัตกรรมการเรียนรู้ (สสอน.) โดยในปีงบ ประมาณ 2553 ได้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานอีกครั้ง ด้วยการโอนย้ายภารกิจมาเป็นฝ่ายเสาะหา และพัฒนา ผู้มีความสามารถพิเศษ ภายใต้สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา
นับจากนั้นทางสำนักงานอุทยานการเรียนรู้หรือ TK park จึงเริ่มดำเนินการต่อด้วยกรอบแนวคิดสำคัญ คือให้มีการทบทวน ปรับให้เหมาะสมตามความพร้อมและขีดความสามารถ เพื่อเพิ่มศักยภาพและมุ่งผลให้เกิด ประโยชน์แก่สังคมในอนาคตอย่างสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง นำมาสู่การจัดประชุมระดมสมอง ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้มีความสามารถพิเศษในประเทศเพื่อเริ่มพัฒนาภารกิจ ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางภารกิจ เสาะหาและพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ” จำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 และ 11กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา เพื่อทบทวนบทบาทหน้าที่ กำหนดทิศทาง พร้อมทั้งวางนโยบายการส่งเสริมที่ถูกต้อง สำหรับ การพัฒนาภารกิจให้มีประสิทธิภาพในอนาคตอันใกล้
ล่าสุดในวันที่ 4 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ทาง TK park ยังได้จัดการประชุมระดมสมองเป็นครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “การปฏิบัติการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ” เพื่อรวมรวมประเด็น อาทิ การเฟ้นหา-คัดกรอง การจัดการเรียนรู้และการวัดแววความสามารถ การพัฒนาในระบบการศึกษาปกติและ นอกระบบ และรวมไปถึงการส่งเสริมต่อยอด ฯลฯ ในระดับปฏิบัติการ ตลอดจนพบปะพูดคุยในแง่ของการ สร้างเครือข่ายสำหรับดำเนินงานร่วมกันในอนาคต อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อครู ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง ในการ ดำเนินการพัฒนาเด็กกลุ่มนี้ในแต่ละขั้นตอนในภาคปฏิบัติ ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์เสาะหา และพัฒนาเด็กที่มีความสามารถในท้องถิ่น (Gifted and Talented Exploring Center: GTX Center) จำนวน 61 แห่ง ใน 40 จังหวัด เพื่อทำหน้าที่หลักในการเสาะหา พัฒนา และส่งเสริมเยาวชน ี่มี แววความสามารถพิเศษ ในพื้นที่ต่างๆ
ฝ่ายเสาะหาและพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ สำนักงานอุทยาการเรียนรู้ ถือโอกาสช่วงเปิดภาค เรียนจัด “การประชุมชี้แจงนโยบายทิศทางแก่ผู้บริหาร ครูศูนย์ GTX และตัวแทนภาคีเครือข่าย” อันเป็นกิจกรรมตามโครงการด้านการพัฒนาบุคลากรในระบบเพื่อขับเคลื่อนภารกิจ ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2553 เวลา 8.00-16.00 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 10 โรงแรมแกรนด์ไชน่า ปริ๊นเซส กทม. เพื่อชี้แจง นโยบายและทิศทางของ การดำเนินงานศูนย์ฯ ภายหลังการโอนถ่ายภารกิจของสถาบันส่งเสริม อัจฉริยภาพและนวัตกรรมการเรียนรู้ (สสอน.) มายังสำนักงาน อุทยานการเรียนรู้ (สอร.) ในปีงบประมาณ 2553 ให้ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าและครูศูนย์ฯ ตลอดจนผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะที่เป็นภาคีเครือข่าย เข้าใจทิศทางของการจัดกิจกรรมตามปีงบประมาณ 2553 รับรู้แนวทางการทำงาน ทำความรู้จักคุ้นเคย ปรับปรุงข้อมูลเพื่อการติดต่อประสานงานให้เกิด ประสิทธิภาพการดำเนินงานศูนย์กับภาคีเครือข่ายการทำงานด้านเสาะหาพัฒนา ผู้มีความสามารถพิเศษ
งานนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมงานประชุมครั้งนี้มากมาย กำหนดการสำคัญเริ่มจากการเสวนาเรื่อง “งานพัฒนาเยาวชนผู้มีความสามารถพิเศษ” โดย นางสุธาทิพย์ ธัชยพงศ์ รองประธานมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก อนุกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ผอ.พริ้มพราย สุพโปฎก ประธานอำนวยการบริหารโรงเรียน ไผทอุดมศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความสามารถ พิเศษ ดร.ทัศนัย วงษ์พิเศษกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ดร.ธีระภาพ เพชรมาลัยกุล หัวหน้าฝ่ายเสาะหา และพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ ตามด้วยการบรรยายของ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ และ ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน) ในหัวข้อ ““นโยบาย สพฐ. สำหรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษ” ช่วงบ่ายเป็นการบรรยาย “แนวทางของท้องถิ่นในการส่งเสริมเยาวชนผู้มีความสามารถพิเศษของนายศรีพงษ์ บุตรงามดี ผู้แทนอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ประชุมจากศูนย์ GTX และเครือข่ายจะได้รับทราบแผนงานในปี งบประมาณ 2553 และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย จาก ผช.ผอ.เฉียดฉัตรโฉมและ ดร.ธีระภาพ พร้อมการแลกเปลี่ยนและตอบข้อซักถาม ผลการประชุมจะนำไปสู่การดำเนินงานของศูนย์และเครือข่าย ที่มีคุณภาพต่อไป
ข้อมูลประกอบ
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) องค์การมหาชน มีพันธกิจสำคัญประการหนึ่ง คือการเสาะหาและพัฒนาเด็กที่มีความสามารถพิเศษอันสืบเนื่องมาจากสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ (สมพช.) ในปี 2547 และต่อมาได้ควบรวมกับสถาบันวิทยาการเรียนรู้ (สวร.) ในปี 2550 จัดตั้งเป็นสถาบันส่งเสริมอัจฉริยภาพและนวัตกรรมการเรียนรู้ (สสอน.) โดยในปีงบ ประมาณ 2553 ได้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานอีกครั้ง ด้วยการโอนย้ายภารกิจมาเป็นฝ่ายเสาะหา และพัฒนา ผู้มีความสามารถพิเศษ ภายใต้สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา
นับจากนั้นทางสำนักงานอุทยานการเรียนรู้หรือ TK park จึงเริ่มดำเนินการต่อด้วยกรอบแนวคิดสำคัญ คือให้มีการทบทวน ปรับให้เหมาะสมตามความพร้อมและขีดความสามารถ เพื่อเพิ่มศักยภาพและมุ่งผลให้เกิด ประโยชน์แก่สังคมในอนาคตอย่างสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง นำมาสู่การจัดประชุมระดมสมอง ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้มีความสามารถพิเศษในประเทศเพื่อเริ่มพัฒนาภารกิจ ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางภารกิจ เสาะหาและพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ” จำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2553 และ 11กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา เพื่อทบทวนบทบาทหน้าที่ กำหนดทิศทาง พร้อมทั้งวางนโยบายการส่งเสริมที่ถูกต้อง สำหรับ การพัฒนาภารกิจให้มีประสิทธิภาพในอนาคตอันใกล้
ล่าสุดในวันที่ 4 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ทาง TK park ยังได้จัดการประชุมระดมสมองเป็นครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “การปฏิบัติการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ” เพื่อรวมรวมประเด็น อาทิ การเฟ้นหา-คัดกรอง การจัดการเรียนรู้และการวัดแววความสามารถ การพัฒนาในระบบการศึกษาปกติและ นอกระบบ และรวมไปถึงการส่งเสริมต่อยอด ฯลฯ ในระดับปฏิบัติการ ตลอดจนพบปะพูดคุยในแง่ของการ สร้างเครือข่ายสำหรับดำเนินงานร่วมกันในอนาคต อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อครู ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้อง ในการ ดำเนินการพัฒนาเด็กกลุ่มนี้ในแต่ละขั้นตอนในภาคปฏิบัติ ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้มีการจัดตั้ง ศูนย์เสาะหา และพัฒนาเด็กที่มีความสามารถในท้องถิ่น (Gifted and Talented Exploring Center: GTX Center) จำนวน 61 แห่ง ใน 40 จังหวัด เพื่อทำหน้าที่หลักในการเสาะหา พัฒนา และส่งเสริมเยาวชน ี่มี แววความสามารถพิเศษ ในพื้นที่ต่างๆ
60
news & activity / TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง
« on: June 17, 2010, 01:21:52 PM »
TK Mobile Library หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง
เพราะโลกแห่งการเรียนรู้ไม่ได้ถูกจำกัดไว้ด้วยเวลาและสถานที่ อุทยานการเรียนรู้ TK park ก็เช่น เดียวกันเพราะถึงแม้ว่าในขณะนี้ พื้นที่บริการหลักที่ผู้ใช้บริการเคยผ่านมาเวียนแวะและหาความรู้ ความ บันเทิงและความคิดสร้างสรรค์หลากหลายแขนงจะต้องหยุดให้บริการชั่วคราว แต่ด้วยพันธกิจหลักที่ TK park ได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอดกับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การเรียนรู้มากมายและหลากหลายประเภท จึงได้ เกิดโครงการ “TK Mobile Library ห้องสมุดมีชีวิตเคลื่อนที่” ขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ ที่ต้องการเปิดประสบการณ์ในการเรียนรู้ใหม่ ๆ นอกสถานที่
กิจกรรม “หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง” ส่วนหนึ่งของโครงการ TK Mobile Library ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้รับสาระบันเทิง (Edutainment) ผ่านหนังสือ+กิจกรรม+ดนตรี+มัลติมีเดีย = จินตนาการไม่รู้จบ ที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี อาทิ หนังสือดี 0-100 ปีชีวีมีสุข เหล่าหนังสือ ร่วมร้อยเรื่องที่จะช่วยเติมเต็มความรู้ ความบันเทิง และความสุข ให้กับผู้อ่านทุกเพศวัย ศิลปะหรรษา พาครอบครัวสร้างสรรค์ ร่วมถ่ายทอดจินตนาการคิดอ่านผ่านงานประดิษฐ์ เสวนาวาไรตี้ และดนตรี จิตอาสา พื้นที่เปิดสำหรับเด็กและเยาวชนกับการแสดงสดอย่างใกล้ชิด และเปิดโลกใบน้อยของหนู ๆ กับนิทานสร้างเสริมจินตนาการ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ TK Mobile Library ตามวันและเวลา ดังนี้
วันเสาร์ที่ 19 และวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น.
ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 ตั้งแต่เวลา 9.00-15.00 น.
ณ เสถียรธรรมสถาน
เพราะโลกแห่งการเรียนรู้ไม่ได้ถูกจำกัดไว้ด้วยเวลาและสถานที่ อุทยานการเรียนรู้ TK park ก็เช่น เดียวกันเพราะถึงแม้ว่าในขณะนี้ พื้นที่บริการหลักที่ผู้ใช้บริการเคยผ่านมาเวียนแวะและหาความรู้ ความ บันเทิงและความคิดสร้างสรรค์หลากหลายแขนงจะต้องหยุดให้บริการชั่วคราว แต่ด้วยพันธกิจหลักที่ TK park ได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอดกับกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การเรียนรู้มากมายและหลากหลายประเภท จึงได้ เกิดโครงการ “TK Mobile Library ห้องสมุดมีชีวิตเคลื่อนที่” ขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก เยาวชนและผู้ใหญ่ ที่ต้องการเปิดประสบการณ์ในการเรียนรู้ใหม่ ๆ นอกสถานที่
กิจกรรม “หนังสือเดินเท้า เรื่องเล่าเดินทาง” ส่วนหนึ่งของโครงการ TK Mobile Library ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้รับสาระบันเทิง (Edutainment) ผ่านหนังสือ+กิจกรรม+ดนตรี+มัลติมีเดีย = จินตนาการไม่รู้จบ ที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี อาทิ หนังสือดี 0-100 ปีชีวีมีสุข เหล่าหนังสือ ร่วมร้อยเรื่องที่จะช่วยเติมเต็มความรู้ ความบันเทิง และความสุข ให้กับผู้อ่านทุกเพศวัย ศิลปะหรรษา พาครอบครัวสร้างสรรค์ ร่วมถ่ายทอดจินตนาการคิดอ่านผ่านงานประดิษฐ์ เสวนาวาไรตี้ และดนตรี จิตอาสา พื้นที่เปิดสำหรับเด็กและเยาวชนกับการแสดงสดอย่างใกล้ชิด และเปิดโลกใบน้อยของหนู ๆ กับนิทานสร้างเสริมจินตนาการ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ TK Mobile Library ตามวันและเวลา ดังนี้
วันเสาร์ที่ 19 และวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น.
ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน 2553 ตั้งแต่เวลา 9.00-15.00 น.
ณ เสถียรธรรมสถาน