Recent Posts

Pages: 1 ... 8 9 [10]
91
ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับเมดโทรนิค
เปิดศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง




             วันนี้ (1 เมษายน 2567) ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับบริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เปิดตัว “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” บ่มเพาะเป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้เฉพาะทางแก่แพทย์ พยาบาล และบุคลากรการแพทย์จากประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน โดยพิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1201 โซน A ชั้น 12 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


             รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แบบ ซึ่งสอดคล้องกับในหลายประเทศทั่วโลกที่มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น สวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกันกับประเทศไทยที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่ค่อนข้างต่ำ เพียง 600,000 กว่าคนต่อปีเท่านั้น ทำให้ 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งโรคที่พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญคือ ภาวะโรคกระดูกและข้อ ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดี นอกจากนี้สถานการณ์โรคที่เกี่ยวข้องกับ “กระดูกสันหลัง” และ “ระบบประสาท” ในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่ม “มนุษย์ออฟฟิศ” ที่ต้องเร่งรีบในการทำงาน หรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ พบสูงสุดในกลุ่มอาชีพรับจ้างทั่วไป, พนักงานเอกชน รองลงมาคือ กลุ่มทำงานภาคเกษตรกรรม โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ช่วงอายุที่พบมากคือ 45-54 ปี รองลงมาช่วงอายุ 55-64 ปี ดังนั้นการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลัง จึงเป็นสาขาทางการแพทย์ที่มีความต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพแก่ผู้ป่วยในประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน จึงนำมาซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อพัฒนาศูนย์ฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลังและเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน


             รศ.นพ.ฉันชาย กล่าวว่า โรคทางด้านกระดูกสันหลัง ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขและมีผลต่อภาระทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ ตามมา ดังนั้นในฐานะที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีองค์ความรู้และความสามารถในการเรียนการสอน ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายสนับสนุนการเปิดศูนย์การอบรมทางวิชาการต่างๆ เพื่อให้แพทย์ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วได้กลับเข้ามารับความรู้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องผ่านหลากหลายช่องทางการเรียนรู้ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และบริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมมือในการพัฒนา “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลังเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีเป้าหมายร่วมกันที่จะเป็นสถาบันต้นแบบทางการแพทย์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งในและต่างประเทศที่ได้มาตรฐานในระดับสากล


             ด้าน รศ.นพ.วิชาญ ยิ่งศักดิ์มงคล หัวหน้าภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ในยุคที่สังคมกำลังเผชิญกับผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เราทุ่มเทในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านออร์โธปิดิกส์ที่เน้นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและยกระดับการให้บริการที่มีคุณภาพ เพื่อรองรับกับการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในอนาคต ทางภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ได้ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลัง เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานิสิตแพทย์ให้มีความรู้ทางทฤษฎีและปฏิบัติที่ตรงกับมาตรฐานทางวิชาชีพโดยให้ความสำคัญกับการประยุกต์ใช้ความรู้ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง รวมถึงการให้บริการที่มีคุณภาพและเน้นความมีส่วนร่วมของผู้ป่วย เราพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาและเป็นผู้นำทางด้านการรักษาโรคด้านกระดูกสันหลังเพื่อการรักษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล ด้วยความพร้อมของภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ทั้งในด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการรักษาที่ทันสมัย การเปิดตัว “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” นั้น จึงเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าสำคัญของภาควิชาในการนำองค์ความรู้ที่มีมาพัฒนาแพทย์ในประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ “เพื่อการเป็นผู้นำด้านออร์โธปิดิกส์ชั้นนำของประเทศที่ให้ความรู้ด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติแก่นิสิตแพทย์ บัณฑิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้านอย่างมีประสิทธิผล โดยมุ่งให้บริการ ด้วยคุณธรรมและจริยธรรมตามมาตรฐานวิชาชีพและสร้างงานวิจัยที่ตอบสนองความต้องการของสังคม”


             ในขณะที่ รศ.นพ.วรวรรธน์ ลิ้มทองกุล หัวหน้าหน่วยศัลยกรรมกระดูกสันหลัง และผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านชีวกลศาสตร์และนวัตกรรมการผ่าตัดกระดูกสันหลัง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า จากความร่วมมือในการจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และบริษัทเมดโทรนิค มุ่งเน้นพัฒนาหลักสูตรองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและการรักษาที่ทันสมัยเพื่อให้บริการรักษาโรคทางด้านกระดูกสันหลังที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยในประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน เพื่อเตรียมความพร้อมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลังให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ช่วยให้แพทย์ที่มารับการฝึกอบรม ได้พัฒนาองค์ความรู้ความสามารถในการรักษาและให้บริการที่ทันสมัย สามารถกลับไปทำหัตถการ ได้ตามแนวทางมาตรฐานสากล ปัจจุบัน ทางภาควิชาออโธปิดิกส์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กำลังค้นคว้าวิจัย การนำเทคโนโลยีระบบหุ่นยนต์ช่วยนำทาง มาช่วยในการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก เพื่อศึกษาถึงประโยชน์และความปลอดภัยในการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษาผู้ป่วย และหากการศึกษาวิจัยครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยยกระดับการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนได้ดียิ่งขึ้น


             ทางด้าน Mr. Paul Verhulst Vice President, Mainland Southeast Asia, Medtronic PLC. กล่าวว่า ในฐานะที่เมดโทรนิคเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพและมีศักยภาพในการสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นในการแก้ไขความท้าทายทางด้านสุขภาพ ในการบรรเทาความเจ็บปวดจากโรคภัยต่างๆ ส่งเสริมให้ประชากรทุกคนมีสุขภาพที่ดีและมีชีวิตที่ยืนยาว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544


             “กว่า 23 ปีที่เมดโทรนิคได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐและผู้ให้บริการด้านสุขภาพในทุกภาคส่วน ผ่านหลากหลายโครงการความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทางการแพทย์และสาธารณสุข ในด้านการส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การอบรมบุคลากรที่มีคุณภาพในการทำหัตถการที่มีความซับซ้อน เพิ่มบุคลากรที่มีความรู้และทักษะไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพิ่มการเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัยให้กับประชาชน ขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านงานวิจัย ยกระดับศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งล้วนถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาของระบบสาธารณสุขของประเทศไทยให้อยู่ในระดับสากล และในปี พ.ศ. 2567 นี้ เมดโทรนิค ประเทศไทย จึงมีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับภาควิชาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในการร่วมกันจัดตั้ง“ศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดโรคทางด้านกระดูกสันหลัง”ขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการเข้าถึงการเรียนรู้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ” Mr. Paul Verhulst กล่าว


             “ทั้งนี้ทางบริษัทฯ มีความยินดี และพร้อมจะสนับสนุนโครงการความร่วมมือ ในการพัฒนาองค์ความรู้ลักษณะนี้กับทุกสถาบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย ทั้งทางด้านการศึกษา การแพทย์ และสังคมไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยอย่างยั่งยืน และเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยีสุขภาพของประชาชนไทยได้มากขึ้นในอนาคต” Mr. Paul Verhulst กล่าวทิ้งท้าย


             นอกจากนี้ คุณสุชาดา ธนาวิบูลเศรฐ, Senior Country Director บริษัท เมดโทรนิค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเมดโทรนิค ให้ความสำคัญกับคนไข้เป็นอันดับแรก โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ยกระดับศักยภาพในการผ่าตัดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงสุด


             นอกจากการพัฒนาทักษะของบุคลากรทางการแพทย์ที่เราให้ความสำคัญแล้ว เมดโทรนิคยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคที่แม่นยำมากขึ้นและเพิ่มความปลอดภัยในการผ่าตัดให้ดียิ่งขึ้น เรามีการนำระบบหุ่นยนต์ช่วยนำทาง(Robotic Guidance System) และเครื่องช่วยผ่าตัดนำวิถี (O-arm Navigation) ซึ่งเป็นเครื่องสแกนกระดูกสันหลังในขณะผ่าตัด และสร้างภาพกระดูกสันหลังเป็นภาพทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ ที่จะช่วยระบุบพิกัดบนภาพสแกนอวัยวะของผู้ป่วยเพื่อประกอบการตัดสินใจของแพทย์ที่จะนำไปสู่การรักษาที่ปลอดภัยมากขึ้น การแสดงผลภาพที่ชัดเจน จะทำให้แพทย์สามารถระบุตำแหน่งของเครื่องมือที่ใส่ ระยะใกล้ไกลเส้นประสาทหรือไขกระดูกสันหลังได้อย่างแม่นยำ สามารถเอ็กซ์เรย์ในห้องผ่าตัดได้โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายคนไข้ ช่วยยกระดับการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังด้วยการผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery) ทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

             ความร่วมมือจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมการผ่าตัดกระดูกสันหลังในครั้งนี้ได้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะทางด้านผ่าตัดกระดูกสันหลังที่มีความซับซ้อน ให้มีผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีแก่ผู้ป่วย ผ่านการถ่ายทอดความรู้ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ให้มีทักษะการผ่าตัดที่ก้าวหน้าเพิ่มขีดความสามารถของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้พร้อมรับมือกับโรคกระดูกสันหลังที่มีความท้าทายยิ่งขึ้น เพิ่มจำนวนบุคลากรมีความเชี่ยวชาญในภูมิภาค ลดการพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ พัฒนาระบบการดูแลสุขภาพในประเทศ เพิ่มการเข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงที การทำงานร่วมกันเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมากต่อการรักษาโรคกระดูกสันหลังทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
92
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป โชว์ผลประกอบการปี 2023
กวาดรายได้ 2.7 แสนล้านบาท

              เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมธุรกิจปี 2023 เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานภายใต้  กลยุทธ์ "Lifetime Partner 24: Driving Growth" กวาดรายได้รวมกว่า 2.7 แสนล้านบาท จากกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) พร้อมโชว์สถานะความมั่นคงทางด้านการเงิน แบ่งปันผล 1.28 ยูโรต่อหุ้น เตรียมกางแผนเดินหน้าเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน


              นาย อาร์ช คอลมิ (Mr. Arsh Kaumi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ผลประกอบการของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในปี 2023 ที่ผ่านถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์หลัก Lifetime Partner 24: Driving Growth ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีในการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ซึ่งเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์เองก็ได้ยึดมั่นในหลักการนี้เช่นเดียวกัน


              โดยในปี 2023 เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีรายได้จากผลการดำเนินงานรวม (Operating Result) อยู่ที่  6.9พันล้านยูโร หรือคิดเป็น 2.7 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7.9%) โดยรายได้หลักมาจากประกันชีวิตและการเติบโตของธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) คิดเป็นอัตราส่วนรวมอยู่ที่ 94.0% (Combined Ratio -1.4 p.p.) และมีผลกำไรขั้นต้นจากธุรกิจใหม่อยู่ที่ 5.78% (New Business Margin +0.09 p.p.) เบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) อยู่ที่ 82.5 พันล้านยูโร คิดเป็น 3.25 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.6%) อีกทั้งยังมีการเติบโตของธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) อยู่ที่ 12.0% ทางด้านผลลัพธ์สุทธิที่ปรับปรุงใหม่ (Adjusted net result) สูงเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 3,575 ล้านยูโร คิดเป็น 1.41 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.1%) นอกจากนี้สถานะทางเงินทุนยังคงความแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุน (Solvency Ratio) อยู่ที่ 220% และเงินปันผลที่เสนอต่อหุ้นอยู่ที่ 1.28 ยูโร (เพิ่มขึ้น 10.3%) ภาพรวมผลประกอบการทั้งหมดจึงเป็นการยืนยันว่า เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง ดูแลกลุ่มลูกค้าและผู้ถือหุ้นเป็นอย่างดี

              สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2024 เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เตรียมวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมให้สอดรับกับนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ด้วยการใช้กลยุทธ์การปรับความสมดุลในพอร์ตของประกันชีวิต เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและจัดสรรเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและลดความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ด้วยการแนะนำโซลูชันที่หลากหลายมาปรับใช้ในบริการ และมุ่งเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ตามแนวคิด Lifetime Partner 24: Driving Growth

              ทางด้าน มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ (Generali Group CEO)  กล่าวว่า “จากผลการดำเนินงานในปี 2023 ที่ผ่านมา เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงการดำเนินการตามกลยุทธ์ Lifetime Partner 24 : Driving Growth บริษัทฯ มีความมั่นคงทางด้านการเงินและมีสถานะทางเงินทุนที่แข็งแกร่ง จึงทำให้มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ป อยู่ในสถานะทางการเงินที่ดีที่สุดในฐานะบริษัทประกันภัยและการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย อีกทั้งจะได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการ Conning และ Liberty Seguros ซึ่งจะส่งผลให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมากยิ่งขึ้น

              เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ขอขอบคุณทีมงานและตัวแทนสำหรับความพยายามเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์เชิงบวกเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานของเส้นทางการเติบโตที่ยั่งยืน”

หมายเหตุ อัตราค่าแลกเปลี่ยน 1 ยูโร เท่ากับ 39.45 บาท
93
ใช้สตินำทาง ชวนเยาวชนไทยเรียนรู้และเข้าใจความแตกต่าง
ผ่านแอนิเมชั่นซีรีส์ “สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ”


             ในยุคที่ "โซเชียลมีเดีย (Social Media)" หรือสื่อสังคมออนไลน์ เป็นสื่อใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมให้ต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง ทำให้การเรียนรู้ของเด็กยุคสมัยนี้เริ่มมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในเรื่องของภาษา หรือ ทักษะการใช้ชีวิตต่าง ๆ ล้วนเสิร์ชหาจากอินเทอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย ทำให้หลาย ๆ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มปรับตัว ซึ่งล่าสุด มูลนิธิวิมุตตยาลัย มูลนิธิพุทธรักษา มูลนิธิอริยวรารมย์ เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล และ ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น ได้น้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนของ พระเมธีวชิโรดม หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี มาปลุกปั้นเป็นแอนิเมชั่นซีรีส์ สติมา “เณรน้อยอัจฉริยะ” เพื่อส่งต่อสิ่งดี ๆ ออกไปสู่สังคม พร้อมเผยแพร่พระพุทธศาสนาแบบวิถีใหม่ให้เยาวชนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน ซึ่งทางน้อง ๆ เยาวชนจากโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า พระราม 5 ก็ได้มาเผยความประทับใจและสิ่งที่ได้เรียนรู้จาก สติมา “เณรน้อยอัจฉริยะ” และชวนพี่ๆเพื่อนๆมารับชมกัน


             น้องเอญ่า - เด็กหญิงไอยวรินทร์ บุญรอด ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่าความประทับใจหลังจากได้รับชมแอนิเมชั่นซีรีส์ สติมา “เณรน้อยอัจฉริย” ให้ฟังว่า หลังจากที่ได้รับชมการ์ตูนหนูรู้สึกประทับใจในตัวละคร “ซุปเปอร์” น้องหมาในเรื่องมาก ๆ เพราะน้องน่ารักสุด ๆ ไปเลยค่ะ และอีกตัวละครที่ชื่นชอบก็คือ “เณรสติมา” เพราะทำให้ได้รับความรู้หลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะในเรื่องการใช้สติก่อนที่จะลงมือทำอะไรสักอย่าง เพราะการที่เรามีชีวิตอยู่จะต้องใช้สตินำทางในทุก ๆ วัน เพราะถ้าเราไม่มีสติอาจเกิดเรื่องไม่ดีกับเราได้ เช่นในตอนที่หั่นผัก หากไม่มีสติมีดอาจบาดมือของเราจนได้รับบาดเจ็บได้ และครั้งหนึ่งหนูเคยไม่มีสติตอนที่เต้นบัลเลต์ จนทำให้หนูได้รับบาดเจ็บจนเล็บเท้าหลุด ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่หายดีเลยค่ะ ยังเจ็บมาก ๆ อยู่ เพราะฉะนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าการมีสติเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าเราไม่มีสติ อาจได้รับบาดเจ็บแบบหนูได้


             น้องฟรอยด์​ - เด็กชายณธกร​  บุญกาญจนารัตน์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ได้เผยความรู้สึกว่ามีครั้งหนึ่งผมกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ แล้วมันจะมีจังหวะที่เพื่อนเรียกผมตอนที่ผมกำลังชู้ตบาส ตอนนั้นผมลังเลว่าจะหันไปหาเพื่อน หรือ จะชู้ตบาสต่อดี แต่ผมเลือกหันไปหาเพื่อนจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขาพลิกจนคุณครูต้องนำส่งโรงพยาบาล หลังจากได้รับบาดเจ็บจึงคิดได้ว่า ถ้าตอนนั้นเราชู้ตบาสก่อนค่อยหันไปหาเพื่อน เราคงไม่ได้รับบาดเจ็บ เหมือนกับการ์ตูนเรื่องนี้เลยครับที่เณรสติมาได้สอน ๆ ให้เพื่อน ๆ ของเขาทุกคนมีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำกิจกรรม หรือพูดจากับใครก็ตาม เพราะถ้าเกิดพลาดขึ้นมาเราก็กลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว


             น้องดีใจ - เด็กหญิงพลอยชมพู ต่อทรัพย์สิน ชั้นประถมศึกษาปีที่ บอกว่า หลังจากดูการ์ตูนแล้วหนูชอบ “มะลิ” มากเลยค่ะ เพราะมะลิน่ารัก พูดจาไพเราะดี ไม่ใจร้ายกับเพื่อน ๆ ตั้งใจทำทุกอย่างจนสำเร็จ และเป็นการ์ตูนที่ทำให้เด็ก ๆ ชอบดู ได้ความรู้เยอะมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งเมื่อก่อนในบางครั้งเวลาหนูเรียนกีตาร์แล้วหนูไม่ค่อยมีสติทำให้หนูลืมโน๊ต จนไม่สามารถแข่งขันต่อได้เพราะหนูตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะ หลังจากดูการ์ตูนจบก็ทำให้หนูได้เรียนรู้ว่า หนูจะต้องโฟกัสกับสิ่งที่ทำตรงหน้าและเรียนรู้ในเรื่องนั้นให้ดีที่สุด หลังจากนี้หนูจะกลับไปชวนคุณพ่อกับคุณแม่ดูด้วยกันที่บ้าน ช่วยแนะนำให้เพื่อนๆของหนูดูการ์ตูนเรื่องนี้ค่ะ เพราะเวลาไปโรงเรียนเราจะได้มีเรื่องที่สามารถแชร์กันได้ และหนูจะเป็นเด็กดีแบบมะลิให้ได้ค่ะ




             สำหรับ แอนิเมชันซีรีส์ สติมา “เณรน้อยอัจฉริยะ” เป็นเรื่องราวของสามเณร สติมา ผู้มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ธรรมะและแบ่งปันวิถีการดําเนินชีวิตในกลุ่มเพื่อนและชาวบ้านในชุมชน โดยแต่ละตอน จะเป็นฉากในวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่อยู่ชายขอบระหว่างความเป็นเมืองและชนบทที่ยังคงยึดโยงกับชุมชนแบบเก่า วัดจึงเป็นที่รวมของคนที่มีความหลากหลายทั้งแนวความคิด วิถีความเป็นอยู่ อาชีพ และความเชื่อ เรื่องราวจะมีความสนุกสนาน ตื่นเต้น ผจญภัย โดยเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นการอุปมาอุปไมย ให้แง่คิดภายใต้หลักธรรม ที่สร้างจากแนวคิดของความเชื่อในการทําความดี และสร้างโลกให้ดีขึ้น จากธรรมะของพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) มีจำนวนทั้งสิ้น 13 ตอน ความยาวตอนละ 11 นาที ได้แก่ตอน "อย่าด่วนตัดสิน", "สำคัญที่ใจ", "สติมา ปัญญาเกิด", "คุณครูชื่อ ปัญหา", "หนักเป็นเบา เมื่อเราไม่แบก", "ข่าวร้อน ร้อน", "รางวัลของการประกวด", " รวยธรรมข้ามคืน", "ที่พึ่งแห่งตน", "ขอนไม้แห่งศรัทธา", " สนทนาภาษาใจ", "นักเรียนแลกเปลี่ยน" และ ตอน "ทางโลก ทางธรรม"




             รับชม สติมา “เณรน้อยอัจฉริยะ” พร้อมกันทั้งครอบครัวได้แล้ววันนี้ ผ่านช่องทางสตรีมมิ่งทาง TrueID และเตรียมรับชมที่ช่อง True Spark Play (444) ทาง TrueVisions ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ทุกวันพฤหัสบดี – ศุกร์ เวลา 16.55 น. และ สถานีโทรทัศน์ ALTV ช่อง 4 ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 16.40 น. และ ช่อง 7HD ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2567 ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09.40 น.เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังสามารถมีส่วนร่วมในการเป็นผู้สนับสนุน ได้ด้วยการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ สติมา ทั้งสองเวอร์ชันได้ที่ LINE: https://line.me/S/sticker/24943553 และ https://line.me/S/sticker/25433626 โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสมทบทุนสร้างแอนิเมชันซีรีส์ สติมา เณรน้อยอัจฉริยะ ซีซัน 2 ต่อไป





94
สุดยิ่งใหญ่! ครั้งแรกในไทย! ชวนตื่นตาตื่นใจกับ “นิทรรศการดาบพิฆาตอสูร”
ที่เหล่าสาวกการ์ตูนญี่ปุ่นแนวผจญภัย ห้ามพลาด! ที่ศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก




ชวนชมนิทรรศการดาบพิฆาตอสูร "Demon Slayer : Kimetsu no Yaiba Total Concentration Exhibition in Thailand” สุดยิ่งใหญ่ ด้วยพื้นที่จัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดกว่าครั้งไหนๆ และครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศไทย สำหรับเหล่าสาวกที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น แนวผจญภัย-ดาร์กแฟนตาซี ไปจนถึงการชมการ์ตูนแอนิเมชั่น ทางทีวี จะต้องรู้จักกับเรื่องดาบพิฆาตอสูร หรือ ชื่อภาษาญี่ปุ่น Kimetsu no Yaiba (คิเม็ตสึ โนะ ไยบะ) สำหรับชื่อภาษาอังกฤษ คือ Demon Slayer






ข่าวดี ! คือตอนนี้มีการจัดนิทรรศการสุดยิ่งใหญ่คุ้มค่าแก่การรอคอยกับการคัดสรรนำตัวละครขวัญใจ ของการ์ตูนเรื่องดาบพิฆาตอสูร พร้อมคัดฉากสำคัญแบบผสมผสานระหว่างภาค ได้แก่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ และภาคย่านเริงรมย์ นอกจากนี้ยังมีการรวมส่วนไฮไลท์ของเหล่าเสาหลักทั้งภูเขาฟูจิคาซาเนะ, สำนักงานใหญ่กองปราบอสูร, อาณาจักรแห่งอสูร, การต่อสู้ที่ภูเขานาตากุโมะ, สถาบันนักฆ่าอสูร โดยทั้งหมดนี้ยกทัพต้นตำรับมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง เพื่อนำมาจัดแสดงเอาใจให้เหล่าสาวกชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตนเอง






นอกจากนี้ยังมีโซนจำหน่ายของที่ระลึก Official สุดเอ็กคลูซีฟ ที่จัดทำขึ้นเฉพาะที่ประเทศไทย และสินค้าของใช้ที่ระลึกอื่นๆ อีกหลากหลายไอเทมมาให้เลือกช้อปกันแบบจุใจ อาทิ กระเป๋า,แก้วน้ำ, โปสเตอร์, พวงกุญแจ, กาชาปอง, ฟิกเกอร์ ฯลฯ และมีมุมนั่งพักสุดชิลกับเครื่องดื่มแสนอร่อยที่โซน Demon Slayer Café  ที่คัดสรรเมนูสุดคูลพร้อมเสิร์ฟให้แฟนๆได้ฟินกันตลอดงานอีกด้วย






ชวนมาสัมผัสประสบการณ์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เปิดให้เข้าชมเวลา 12.30 – 22.00 น. ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้า The Market Bangkok ราชประสงค์  สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ทางโทรศัพท์ 063-3179854  ติดตามรายละเอียดที่น่าสนใจ Facebook: Demon Slayer : Kimetsu no Yaiba Total Concentration Exhibition in Thailand ซื้อบัตรหน้างานราคา 650 บาท  ซื้อบัตรออนไลน์ราคา 550 บาท ช่องทางลิงก์ Ticketmelon ซื้อบัตรออนไลน์ https://www.ticketmelon.com/zeusentertainment/demon-slayer-kimetsu-no-yaiba















95
‘ผู้ป่วยโรคหายาก หาไม่ยาก..อย่างที่คิด’ ทุกชีวิต.. รวมพลังเดินหน้า เพื่อเข้าถึงการวินิจฉัยและรักษาอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน


ศ.พญ.ดวงฤดี วัฒนศิริชัยกุล ที่ปรึกษาและกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก และ คุณปรียา สิงห์นฤหล้า ประธานมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก กล่าวถึงการจัดงานวัน “โรคหายาก” ประเทศไทย ปีที่ 14 นี้ว่า เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้น้อย น้อยกว่า 1 ใน 2,500 คน หรือแต่ละโรคมีผู้ป่วยไม่เกิน 10,000 ราย ทว่ามีจำนวนโรคหลายพันโรค ซึ่งโรคเหล่านี้ต้องใช้เทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูง และที่ใช้รักษาปัจจุบันยังมีราคาแพงเป็นภาระกับครอบครัวของผู้ป่วย จึงมีการจัดมีการจัดงานวันโรคหายากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนรณรงค์ให้เกิดการดูแลรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง และติดตามความก้าวหน้าด้านนโยบายและระบบสุขภาพของกลุ่มโรคหายาก ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ป่วย แพทย์ และนักศึกษาแพทย์ เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ดำเนินกิจกรรมได้ตลอดมา


คุณบุญ พุฒิพงศ์ธนโชติ ประธานมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี คุณปวีณ์ริศา อัศวสุนทรเนตร ประธานชมรมกลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ ประเทศไทย และ คุณเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์ รองประธานชมรมผู้ป่วยฮีโมฟิเลีย กล่าวถึงกิจกกรมสืบเนื่องจากปี 2566 ว่า มูลนิธิฯ ได้มีการเข้าไปช่วยสนับสนุนการพัฒนากลุ่มผู้ป่วยจำเพาะโรคกลุ่มใหม่หรือการจัดงานของกลุ่มที่มีอยู่แล้ว รวม 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มกล้ามเนื้ออ่อนแรงดูเชน (Duchene) กลุ่มผู้ป่วยโรคหนังแข็ง กลุ่มผู้ป่วยโรคกระดูกอ่อน กลุ่มผู้ป่วยพราเดอร์-วิลลี่ และกลุ่มโรคท้าวแสนปม


รศ. นพ. เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ ประธานคณะทำงานจัดระบบการดูแลรักษาโรคหายาก สปสช. และ ศ.พญ.กัญญา ศุภปีติพร ประธานร่วมคณะทำงานฯ กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือบัตรทอง ยึดหลักการของ Universal Health Coverage หรือการประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึงและยั่งยืน สนับสนุนงานวิจัย การรักษาที่ทันสมัย การสร้างเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยร่วมกันระหว่างโรงเรียนแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข


นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา อดีตเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะตัวแทน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขา สปสช.ปัจจุบัน กล่าวว่า สปสช. ต้องการมุ้งเน้นมิติด้านสังคมเพิ่มเติมไปจากมิติด้านสุขภาพที่ทำอยู่แล้ว โดยมี 2 keywords สำคัญได้แก่ 1. Safety net ซึ่งเป็นตาข่ายที่จะรองรับนโยบายด้านสุขภาพ 6 ด้านสำคัญได้แก่ สิทธิ/ ความครอบคลุม/ การเข้าถึง/ คุณภาพ/ ความปลอดภัย/ การคุ้มครอง 2. No one left behind ซึ่งเน้นด้านการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง ไม่ให้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง


ความท้าทายในอนาคต ได้แก่ 1. ความสมดุลของบประมาณของประเทศกับความครอบคลุมการรักษาของโรคหายาก  2. การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่ทันสมัยในการตรวจวินิจฉัย และการรักษา 3. การตรวจคัดกรองภาวะพาหะในคู่สมรสก่อนแต่งาน/ก่อนมีบุตร และขณะตั้งครรภ์ รวมถึงการให้คำปรึกษาที่เหมาะสม 4. กองทุนสำหรับโรคหายาก  5. องค์กรมิตรภาพบำบัด เพื่อนช่วยเพื่อน โดยขอแนะนำให้มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก ช่วยสานต่อความก้าวหน้าและขยายความเป็นปึกแผ่นของกลุ่มผู้ป่วย โดยรวมกลุ่มย่อยผู้ป่วยในแต่ละโรงพยาบาลหรือภูมิภาคให้เป็นกลุ่มใหญ่ และดึงเอาภาคส่วนต่างๆเข้ามามีส่วนร่วม มุ่งสร้างกลุ่มให้เข้มแข้ง และนำไปสู่เสนอนโยบายเพื่อการเปลี่ยนแปลงในทางที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยโรคหายากต่อไป


คุณเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์: “ผู้ป่วยโรคหายากสร้างแรงบันดาลใจ” คุณเอก เป็นผู้ป่วยด้วยโรคฮีโมฟิเลีย ซึ่งเป็นโรคหายากโรคหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อก่อน ผมเคยคิดว่าการเป็นโรคนี้ ทำให้ผมขาดโอกาสหลายอย่างในชีวิต และขาดสมดุลในครอบครัว แต่ปัจจุบันมุมมองชีวิตของผมได้เปลี่ยนไป” “ผมได้โอกาสหลายอย่างจากการเป็น โรคฮีโมฟิเลีย เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวโรคซึ่งไม่มีวันหายขาด แต่หากเราอยู่กับโรคอย่างเข้าใจ เราจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่เราอาจจะได้กลับมาจากการเป็นโรคนี้” “สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับ คือ โอกาสที่ได้ส่งต่อประสบการณ์ ถ่ายทอดมุมมองและแนวคิดที่ผมได้เรียนรู้ ต่อไปให้ผู้ป่วยคนอื่นและครอบครัว และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคฮีโมฟิเลียดีขึ้นได้” คุณเอกจึงอยากสนับสนุนและช่วยเหลือให้ผู้ป่วยโรคหายากโรคอื่นๆ อื่นจัดตั้งชมรมเช่นกัน


การเข้าถึงการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรคหายาก และสิทธิประโยชน์ ปัจจุบัน สปสช (บัตรทอง) กำหนดสิทธิการรักษาพยาบาลครอบคลุมกลุ่ม 24 โรคหายาก ซึ่งเป็นโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกที่เกี่ยวข้องกับ “3 กรด 1 วงจร” (กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ กรดไขมัน และวงจรยูเรีย) ซึ่งเป็นกลุ่มโรคหายากที่มีการรักษาที่จำเพาะ หากรักษาเร็วจะเพิ่มโอกาสรอดชีวิต ลดอัตราพิการและสติปัญญาบกพร่อง นอกจากนี้เด็กไทยทุกคนยังได้รับสิทธิ์ ตรวจกรองโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกในทารกแรกเกิด ซึ่งเริ่มครอบคลุมทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา โดย ทำให้ตามเด็กกลับมารับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเติบโตเป็นเด็กแข็งแรงและพัฒนาการปกติได้ต่อไป หาไม่แล้ว...ทารกเหล่านี้อาจเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยหรือมีความพิการทางสมองอย่างถาวร โรคพันธุกรรมเมตาบอลิกแอสเอสดี (LSD) เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเริ่มมีการผลักดันการเข้าถึงและครอบคลุมการรักษามากขึ้น โดยโรคโกเชร์ (Gaucher) เป็นโรคแรกที่รับรองสิทธิการรักษาจากทั้งสิทธิ์บัตรทอง/สิทธิ์ประกันสังคม/สิทธิ์ข้าราชการ ซึ่งครอบคุลมยาเอนไซม์และการปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัย และทำงานได้เหมือนคนปกติ อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคในกลุ่มแอลเอสดีอีกหลายโรคยังรอผลการพิจารณามานานหลายปีแล้ว เช่น โรคเอมพีเอส โรคปอมเป


ความคิดเห็นจากวิทยากรท่านอื่นๆ และ ประชาชนผู้เข่าร่วมงาน ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยมีความลำบากในการเดินทางเข้ามารับการรักษาและติดตามการรักษากับผู้เชี่ยวชาญซึ่งมักจะกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ ดังนั้นจึงควรมีการเพิ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปยังศูนย์โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น และสามารถติดตามได้อย่างต่อเนื่อง การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยให้รู้จักวิธีการดูแลตัวเอง และดูแลครอบครัวแบบองค์รวม และการให้คำปรึกษาที่ดีก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากเช่นกัน

อยากให้สังคมมองผู้ป่วยโรคหายากอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นโอกาสทางด้านการศึกษาหรือการทำงาน เพราะในหลายๆ โรค หากผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ดีผู้ป่วยก็สามารถเรียนหรือทำงานได้ปกติ และอยากให้มีกองทุนสนับสนุนปัจจัยอื่นๆ ในการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยด้วย เช่น ทุนการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น


ในส่วนของแพทย์เอง ก็เห็นความสำคัญของการจัดตั้งกลุ่มผู้ป่วย และยังพยายามช่วยในด้านการรักษาโดยการช่วยจัดหายาบริจาค (compassionate use) หรือการส่งตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยโรคผ่านโครงการวิจัยต่างๆ หากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้น ในการผลักดันให้ได้สิทธิประโยชน์การวินจฉัยและการรักษา การนำยาโรคหายากที่จำเป็นเข้ามาในประเทศ หรือสร้างกองทุนจัดซื้อยาจะเป็นผลดีมาก ไม่เช่นนั้นผู้ป่วยหลายคนอาจพลาดโอกาสการรักษาไป

ข้อคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิภาครัฐ คุณวรรณา เอียดประพาล ภญ.อัญชลี จิตรักนที นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล และนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา สปสช และทางบัญชียาหลักแห่งชาติ พยายามขับเคลื่อนให้มีการเบิกจ่ายยาสำหรับกลุ่มโรคหายากมากขึ้น แม้จะมีจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่เนื่องจากยามีราคาค่อนข้างสูง จำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบเพื่อจะได้มีความยั่งยืนต่อไป ปัจจุบันภาครัฐและภาคเอกชนมีความร่วมมือกันให้การสนับสนุนการให้ยารักษาในกลุ่มโรคหายากนี้โดยรัฐช่วยจ่ายในค่ายาบางส่วนและบริษัทยาบริจาคบางส่วน เป้าหมายที่ท้าทายในอนาคตคือการพัฒนาระบบให้มีความยั่งยืนต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราตรวจพบผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ สปสช. และหน่วยการที่เกี่ยวข้องเช่น HITAP ได้พยายามที่จะปรับกระบวนการพิจารณาสิทธิประโยชน์และขั้นตอนการวิจัยความคุ้มค่าและภาระงบประมาณ ให้มีขึ้นตอบที่รวดเร็วขึ้น องค์การอาหารและยา (อย.) ก็พยายามช่วยพัฒนาการขึ้นทะเบียนยาให้รวดเร็วขึ้น เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาแก่ผู้ป่วย

ทั้งนี้ภาครัฐเองก็ต้องการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนทำงานร่วมกับภาครัฐ โดยการเสนอความคิดเห็น การปรับปรุงนโยบาย และกระบวนการการเข้าถึงการเข้าถึงการรักษา เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพให้ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรคหายากนี้ อีกทั้งความร่วมมือจากฝั่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ และฝ่ายวิจัย ซึ่งสามารถให้ข้อมูล สร้างฐานข้อมูลที่สำคัญ และจำเป็นต่อการวางแผนงบประมาณและร่างนโยบายได้ง่ายขึ้นต่อไป
96
แอ็กซอลตา เปิดตัวผลิตภัณฑ์แห่งนวัตกรรม ซูเปอร์พาวเวอร์ เคลียร์ “โครแมกซ์ 3060S”
เคลียร์ 2K ประสิทธิภาพสูงสุด เงาวับ แห้งเร็วพร้อมประหยัดพลังงาน


              บริษัท แอ็กซอลตา โค้ทติ้ง  ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำสีพ่นรถยนต์ระดับโลก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “โครแมกซ์ 3060S” เคลียร์โค้ทเคลือบเงาแบบ 2K ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งให้ทั้งความเงางามที่ดีเยี่ยม และผลิตผลในการทำงานสูง แม้สภาวะอุณหภูมิและความชื้นสูง ระยะการแห้งตัวเร็วเป็นพิเศษ เลือกได้ด้วยการแบบไม่อบ หรืออบแบบสั้น ๆ 15นาที ช่วยให้ประหยัดเวลาและประหยัดพลังงาน สามารถพ่นทับหน้าได้ทั้งสีจริงระบบน้ำและระบบโซลเว้นท์ การใช้งานคู่กับตัวเร่งได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน รวมถึงการทำงานพ่นซ่อมแบบเฉพาะจุด พ่นทั้งบานและรอบคัน


              แอ็กซอลตา มุ่งมั่นในการตอบโจทย์ความต้องการของช่างสีรถมืออาชีพอย่างแท้จริง เทคโนโลยีใหม่จาก โครแมกซ์ 3060S นี้ ใช้งานง่าย มาพร้อมความหลากหลาย ช่วยให้ช่างมืออาชีพพลิกฟื้นรถยนต์ให้เหมือนสีรถที่พ่นใหม่ในพริบตา สามารถเพิ่มปริมาณงานพ่นด้วยคุณสมบัติของการแห้งตัวเร็วเป็นพิเศษ มีให้เลือกทั้งอบ 15 นาทีที่ 60°C, อบ 30 นาทีที่ 40°C หรือทิ้งให้แห้งโดยไม่อบ 1.5 - 2 ชั่วโมง อีกทั้งพ่นทับสีจริงได้บนสีพ่นซ่อมรถยนต์ทั่วไปและสีพ่นรถยนต์สูตรน้ำ เหมาะทั้งงานพ่นซ่อมรถแบบเฉพาะจุด พ่นทั้งบานหรือพ่นซ่อมแบบทั้งคัน ใช้ร่วมกับตัวเร่งและทินเนอร์ของ โครแมกซ์ ทั่วไปที่มีใช้อยู่แล้วได้ ให้ผลลัพธ์ที่มั่นใจด้วยการพ่น 2 เที่ยว โดยทิ้งช่วงเที่ยวพ่นเพียงสั้น ๆ เท่านั้น




              ผู้ที่สนใจกรุณาติดต่อตัวแทนจำหน่าย หรือศูนย์ซ่อมรถที่ท่านสะดวก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02 734 5001 หรือ https://www.cromax.com/th/










###

เกี่ยวกับ แอ็กซอลตา

แอ็กซอลตา เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ในธุรกิจสีเคลือบสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมแห่งสีสัน สูตรสีที่สวยงามคงทน พร้อมด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยานพาหนะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ สีเพื่องานพ่นซ่อม อุปกรณ์ ส่วนประกอบที่เป็นไฟฟ้า อาคาร ท่อส่งน้ำ สีของแอ็กซอลตาทนทานต่อการกัดกร่อน เพิ่มประสิทธิภาพ ให้สีติดทนนาน ด้วยประสบการณ์กว่า 150 ปี ในอุตสาหกรรมสีเคลือบ ตอบสนองกลุ่มลูกค้ากว่า 100,000 คน ดำเนินธุรกิจใน 140 ประเทศทั่วโลก แอ็กซอลตาพร้อมตอบสนองลูกค้าด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ดีที่สุด ข้อมูลเพิ่มเติมที่ axalta.co.th
97
สุดมันส์!! จ็อฟเฟอร์ มอนทาโน นักชกฟิลิปปินส์โชว์ฟอร์มดุไล่ถลุงน็อคผหาดคว้าแชมป์ WBO ORIENTAL รุ่นเวลเตอร์เวท 147 ปอนด์ ที่ว่างมาครองสุดสวย ศึก NRIS HIGHLAND THE BOX BOXING PROMOTIONS


เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2567 ที่เวทีมวยชั่วคราว WSS ตะวันนา บางกะปิ กรุงเทพฯ มีการจัดการแข่งขันชกมวยชิงแชมป์โลก ในศึก NARIS HIGHLAND THE BOX BOXING PROMOTIONS โดยมี นายนริส สิงห์วังชา ประธานที่ปรึกษาและประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF พร้อมด้วย พล ต.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ การประกบคู่มวยโดยสองยอดโปรโมเตอร์ไทย-ฟิลิปปินส์ นายศุภณัฐ จันทร์แรม และ บริโก้ แซนติ๊ก และแพทย์ประจำสนามแข่งขัน นายจิระศักดิ์ บุปผาชาติ


โดยคู่เอกของรายการเป็นการชิงที่ว่าง WBO ORIENTAL รุ่นเวลเตอร์เวท 147 ปอนด์ ที่ว่างกำหนด 10 ยก นักชกจอมเก๋าอันตรายจากฟิลิปปินส์ จอฟเฟอร์ มอนทาโน พบกับนักชกไทยฟอร์มสดซ้ายอันตราย อัฉริยะ เสถียรมวยไทยยิม เริ่มยกแรก มอนทาโน อาศัยความสูงใหญ่เดินเข้าหาออกหมัดซ้ายได้รุนแรง ด้าน อัฉริยะ แม้เสียเปรียบรูปร่าง รอสวนจังหวะสองฮุคขวาเข้าลำตัวแต่ไม่หนักพอ มาถึงต้นยก 2 มอนทาโน ได้จังหวะซ้ายตรงเข้าปลายคาง อัฉริยะ เต็มๆ ถึงกับร่วงให้กรรมการ แสวง ทวีคูณ นับถึง 8 ชกต่อได้ มอนทาโน ไม่ปล่อยโอกาสเข้าถลุงลำตัวและใบหน้าเต็มๆ อัฉริยะ ถึงกับร่วงทั้งยืนปล่อยกรรมการนับถึง 10 ในยกที่สองนี้เองทำให้ จอฟเฟอร์ มอนทาโน คว้าแชมปฺ์ WBO ORIENTALรุ่นเวลเตอร์เวท 147 ปอนด์ ที่ว่างมาครองอย่างสุดสวย




ด้านคู่ชิงแชมปฺ์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF Continental รุ่นครุยเซอร์เวท 200 ปอรด์ ขึ้นไปกำหนด10 ยก ระหว่างนักชกจากอาร์เซอร์ใบจันทร์ ทาเยฟ จาฟารอฟ กับนักชกจากอินโดนีเซีย อเล็กซานเดอร์ บาจาวา เกมส์จบลงเร็วเกินคาดแค่ยกที่1 เมื่อ จาฟารอฟ อาศัยความใหญ่สด ต่อยตัดลำตัวรุนแรงถึงกับทิังตัวลงไปนอนอย่าง่ายดายด้วยเวลา1.45 นาที ทำให้ ทาเยฟ จาฟารอฟ คว้าแชมป์มาครองอย่างสมใจ




อีกคู่ชิงแชมป์ WBC Asia  Silver รุ่นเฟเธอร์เวท 126 ปอนด์ที่ว่าง 10 ยก ระหว่าง ไทเคิล อันตูยาน จากรัสเซีย ชนะทีเคโอ ยก 1 จักรกฤษ รัชกุล คว้าแชมป์มาครอง

คู่ประกอบรายการอุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซุปเปอร์เวลเตอร์เวท 154 ปอนด์ มาดิ ซาบาสบัก อิหร่านชนะทีเคโอยก 2 บำเหน็จ รุ่งเรืองยิม






อุ่นเครื่อง 8 ยก รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ มวยหญิง เสาวลักษณ์ สิงห์มนัสศักดิ์ยิม ชนะคะแนน โรทีเซีย คัมพาน่า จากฝรั่งเศส

อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซุปเปอร์เฟเธอร์เวท 130 ปอนด์ การ์เซล ลีเซีย อิหร่าน ชนะทีเคโอยก 3 รัศมี มานพชัยยิม

อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นฟลายเวท 112 ปอนด์ เจสซี่เบล ปากาดัว ฟิลิปปินส์ชนะคะแนน ภาณุมาศ พรหมทา มวยหญิง









อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท 175 ปอนด์ อัสทเวส ฮาโรยัน แอลมาเนีย ชนะทีเคโอยก 1รุ่งโรจน์ มานพชัยยิม

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นไลท์เวท 135 ปอนด์ ซาง ยอน คิม  เกาหลีชนะแตก ยก1มาโนช คำพุต

อุ่นเครื่อง 8 ยก รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ มวยหญิง แองเจลีน่า ลูคัส คาซุกสถาน ขนะคะแนนธรรณวรัตน์ แสงเย็นจิต

อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นไลท์เวท 135 ปอนด์ ชาง ยอน คิม ชนะแตกยก 1 มาโนช คำพุต

ปิดท้ายด้วย อุ่นเครื่อง 8 ยก โตขิฮิโก อีล่า ญี่ปุ่น ชนะทีเคโอยก 2 ฟังกี้ โรฮิ


ส่วนไฟต์ต่อไป "บริโก้ แซนติ๊ก" จะมอบความสนุกตื่นเต้น เร้าใจให้แฟนมวยทั้งชาวไทยและต่างชาติรับชมอีกครั้ง โปรดติดตามข่าวสารความคืบหน้าต่อไป
98
วิเคราะห์และถอดบทเรียนปัญหาเครนถล่มซ้ำซาก


จากเหตุการณ์เครนถล่มที่จังหวัดระยองเมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 ราย ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ระบุ ว่าขณะนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่เหตุการณ์เครนถล่มครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต ถือได้ว่าเป็นปัญหาซ้ำซากที่ยังไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้

จากเหตุการณ์เครนที่ถล่มในครั้งนี้ ศ.ดร.อมร ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นปั้นจั่นชนิดหอสูง หรือ Tower crane เพราะดูจากภาพแล้วมีความสูงหลายสิบเมตรจากระดับพื้นดิน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง ความแข็งแรงของปั้นจั่นหอสูงประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับ 1. กำลังรับน้ำหนักของโครงเหล็กถัก 2. เสถียรภาพหรือการทรงตัวและ 3. ฐานรองรับ

แนวทางการวิเคราะห์สาเหตุการถล่ม คงต้องเริ่มจากวางกรอบประเด็นการวิเคราะห์ไว้ 6 ปัจจัย ได้แก่

1.   ขั้นตอนการติดตั้ง การรื้อถอน การประกอบหรือการเพิ่มความสูงของเครน ไม่ถูกวิธี หรือไม่เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิต
2.   การใช้งานไม่ถูกต้อง เช่น ยกของเกินพิกัดน้ำหนักบรรทุก
3.   ขาดการตรวจสอบก่อนใช้งาน
4.   วัสดุเสื่อมสภาพ หรือ การยึดระหว่างชิ้นส่วนต่างๆของเครน หรือ การยึดระหว่างเครนกับโครงสร้าง ไม่ครบถ้วน
5.   ปัจจัยด้านธรรมชาติ เช่น ลม พายุ
6.   ผู้ปฏิบัติงานประสบการณ์ หรือขาดความรู้ และไม่มีผู้ควบคุมการปฏิบัติงาน


ทั้งนี้ จากสถิติในอดีต พบว่าสาเหตุของเครนถล่มมักจะเกิดขึ้นในระหว่างการประกอบติดตั้ง หรือเพิ่มความสูงถึง 42 % และเกิดจากการใช้งานไม่ถูกต้อง 27% สำหรับกรณีที่ระยองนี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ ต้องรวบรวมข้อมูลรายละเอียดเพื่อประกอบการวิเคราะห์สาเหตุต่อไป

เนื่องจากปั้นจั่นหอสูงจัดเป็นทั้งโครงสร้าง และ เครื่องจักร ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปั้นจั่น หลายฉบับได้แก่ พ.ร.บ.วิศวกร 2542 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 และกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ปั้นจั่นและหม้อน้ำ ปี 2564 แต่ก็ยังเกิดอุบัติเหตุซ้ำซากอีก

ในกฎหมายเหล่านี้ ได้มีการกำหนดมาตรการและบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในการใช้งานเครนอย่างปลอดภัย ได้แก่ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย วิศวกรเครื่องกลที่ตรวจสอบเครน วิศวกรโยธาควบคุมงานก่อสร้าง ตลอดถึงจนเจ้าของงาน และในส่วนของการใช้งานเครน กฎหมายก็ยังกำหนดให้ต้องมี ผู้บังคับปั้นจั่น ผู้ให้สัญญาณ ผู้ยึดเกาะวัสดุ และผู้ควบคุมการใช้ปั่นจั่น

ศ.ดร.อมร กล่าวต่อว่า กฎหมายต่างๆที่ออกมานั้น ถือได้ว่ามีความครอบคลุมอยู่แล้ว แต่ปัญหาใหญ่คือการบังคับใช้และการตรวจสอบ แม้ว่าเราจะมีกฎหมายที่ดีและครอบคลุมเพียงใด แต่หากละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักทางวิศวกรรมที่มีอยู่ ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ทั้งนี้ มาตรการที่ภาครัฐควรพิจารณาคือ ต้องเพิ่มแนวทางการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ให้เคร่งครัดและกำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างจริงจังต่อไป
99
โอมาซ และ เอส เอฟ เปิดตัว CINEMA OF HAPPINESS
อวดโฉมใหม่ “เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว”
พิเศษกับโรงภาพยนตร์ “THE BED CINEMA BY OMAZZ”
ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์บันเทิง




เสริมความยิ่งใหญ่ โอมาซ (Omazz®) แบรนด์เครื่องนอนระดับโลก จับมือ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อวดโฉมใหม่ “โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีนีม่า สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว”  ภายใต้คอนเซ็ปต์ CINEMA OF HAPPINESS มอบความสุขให้ทุกไลฟ์สไตล์ เปิดโรงภาพยนตร์ “THE BED CINEMA BY OMAZZ” แห่งใหม่พร้อมต้อนรับทุกคนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!


คุณทีปกร โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอมาซซ์ โฮลดิ้ง จำกัด เผยว่า “ตั้งแต่การเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีนีม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และที่สาขา เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ซึ่งนอกจากกลุ่มลูกค้าของ Omazz® เองแล้ว เรายังพบว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนักศึกษา และวัยทำงาน เข้าไปใช้บริการโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® เป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของเราที่ต้องการส่งมอบประสบการณ์และสัมผัสการพักผ่อนที่ดีที่สุดจาก Omazz® ไปถึงผู้บริโภคทุกคน


สำหรับโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® สาขาใหม่ที่ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีนีม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว ทางโอมาซได้นำเตียงนอนไฟฟ้ารุ่น Adjusto™ รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้บริการ พร้อมเครื่องนอนคุณภาพดีที่สุดอย่าง Omazz Tencel® และผ้ารองกันเปื้อนกันน้ำและไรฝุ่น Omazz® Fresca ทุกที่นั่ง นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถใช้บริการเลาจน์รับรองพิเศษที่ถูกออกแบบให้เหมือนกับได้พักผ่อนในห้องนั่งเล่นซึ่งถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์คอลเลคชั่นพิเศษจาก ‘ไลบรารี่ คาซ่า (Library Casa)’ ที่ได้รับการเลือกสรรค์โดย Designer จาก Shiang Hai มาพร้อมป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม ให้บริการก่อนรอบฉายภาพยนตร์ 30 นาที และสามารถนำเข้าไปรับประทานได้ตลอดการชมภาพยนตร์ ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท เราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ท่านจะได้รับจาก THE BED CINEMA by Omazz® จะเป็นมากกว่าความสุขจากความบันเทิง แต่ยังรวมถึงความสุขจากประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบและเอาใจใส่สิ่งแวดล้อม เหมือนปรัชญาของแบรนด์โอมาซที่ว่า ‘Peace is true happiness.’ อีกด้วยครับ” คุณทีปกรกล่าว


คุณสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เอส เอฟ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโรงภาพยนตร์เพื่อตอบโจทย์คนทุกกลุ่มที่ทุกไลฟ์สไตล์ โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราได้ทยอยรีโนเวทสาขาต่างๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ในการชมภาพยนตร์ให้กับลูกค้า สำหรับโรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีนีม่า สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ถือเป็นหนึ่งในสาขาสำคัญที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ศักยภาพ และมีผู้ใช้บริการสูงเป็นอันดับต้นๆ ของ เอส เอฟ ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา เอส เอฟ จึงได้ปรับโฉมโรงภาพยตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีนีม่า สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว  ครั้งใหญ่ ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง และภายใน 10 โรงภาพยนตร์ รวมกว่า 2,000 ที่นั่ง โดยตั้งเป้าให้เป็น CINEMA OF HAPPINESS หรือโรงภาพยนตร์แห่งความสุขของทุกคน ด้วยโรงภาพยนตร์พิเศษและประเภทที่นั่งที่ดีที่สุดของ เอส เอฟ  ไม่ว่าจะเป็น โรงภาพยนตร์ Zigma Cinestadium presented by C2 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีด้านภาพและเสียงที่ดีที่สุดของไทยในขณะนี้ รวมไปถึงระยะห่างระหว่างที่นั่งแบบ Super Stadium Seat ที่กว้างและสบายกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป, ที่นั่งประเภท First Class เบาะหนังปรับเอนไฟฟ้า ที่กว้างเป็นพิเศษ พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มในเลาจน์ก่อนรอบฉาย 1 ชั่วโมง และบริการเสิร์ฟป๊อปคอร์น-เครื่องดื่ม ภายในโรงภาพยนตร์ตลอดรอบฉาย


และไฮไลท์สำคัญกับการร่วมมือกันสร้างปรากฏการณ์สุดพิเศษอีกครั้งของเอส เอฟ และ โอมาซ (Omazz®) กับ โรงภาพยนตร์ ‘THE BED CINEMA by Omazz®’  ที่เรายกเตียงนวดปรับระดับไฟฟ้า Adjusto™  เข้ามาไว้ในโรงภาพยนตร์ โดยหลังจากประสบความสำเร็จมาแล้ว 2 แห่ง เราได้นำประสบการณ์มาพัฒนา THE BED CINEMA by Omazz® ที่ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีนีม่า สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ให้มีความพิเศษยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบทั้งด้านนอกและภายในโรงภาพยนตร์ รวมถึงเลาจน์รับรองที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น”


CINEMA OF HAPPINESS โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีนีม่า สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว โฉมใหม่ เปิดให้บริการแล้ววันนี้ พร้อมเชิญสัมผัสประสบการณ์ “ALL THE BEST, AT THE BED CINEMA BY OMAZZ ที่สุดของประสบการณ์ชมภาพยนตร์บนที่สุดของที่นอน” กับ “THE BED CINEMA by Omazz®” แห่งใหม่ล่าสุด โดยสามารถตรวจสอบรอบฉาย-ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่น SF Cinema และ www.sfcinema.com พร้อมทั้งสามารถติดตามข่าวสารและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านโซเชียลมีเดีย SF Cinema หรือ #SFcinema











100
Bose-Backed สมาร์ทวอทช์แบรนด์ Noise เปิดตัวในไทยบน Shopee และ Lazada

ด้วยแรงหนุนกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัทเครื่องเสียงยักษ์ใหญ่อย่าง Bose Noise ตอบสนองความต้องการอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะของผู้บริโภคในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นด้วยการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์ที่ขายดีที่สุด


Noise แบรนด์สมาร์ทวอทช์ชั้นนำระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจาก Bose ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเสียงชื่อดัง ได้ประกาศเปิดตัวในประเทศไทย การทำงานร่วมกันของ Bose และ Noise จะเปลี่ยนภูมิทัศน์อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะทั่วโลก ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนภารกิจของ Noise ในการช่วยให้ผู้คนสามารถบูรณาการเทคโนโลยีเพื่อสิ่งที่ดี ในขณะเดียวกันก็ทำให้สามารถขยายขอบเขตการดำเนินงานทั่วโลกได้ การขยายธุรกิจครั้งนี้ตอกย้ำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและความทุ่มเทของแบรนด์ในการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในระดับโลก


แบรนด์ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังชั้นนำอย่าง ช้อปปี้ง และ ลาซาด้า เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่สู่ตลาด เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้สะดวก

Shopee official store https://shopee.co.th/gonoise
Lazada official store https://www.lazada.co.th/shop/noise-smartwatch


ปัจจุบัน Noise เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีอุปกรณ์สวมใส่ติดตามข้อมูลของ IDC Worldwide Wearable Device Tracker และเป็นแบรนด์อินเดียแบรนด์แรกที่สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้เล่นสมาร์ทวอทช์ 3 อันดับแรกของโลกจากข้อมูลของ Canalys ซึ่ง Noise ยังเป็นผู้นำสมาร์ทวอทช์ในด้านการพัฒนาสมาร์ทวอทช์ที่ใหญ่ที่สุดเเละตลาดสมาร์ทวอทช์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียในช่วงสามปีที่ผ่านมา

นวัตกรรมที่เน้นการออกแบบ เทคโนโลยีล้ำสมัย และปรัชญาการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้จะเป็นรากฐานสำหรับแบรนด์ Noise ในการเข้าสู่ตลาดมากขึ้น


Gaurav Khatri ผู้ร่วมก่อตั้ง Noise แสดงความกระตือรือร้นเกี่ยวกับการขยายแบรนด์เข้ามาในประเทศไทย โดยกล่าวว่า "ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่เราเชื่อว่าจะตอบรับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งอนาคต เรามุ่งหวังที่จะยกระดับไลฟ์สไตล์และกำหนดมาตรฐานใหม่ในตลาดออนไลน์นี้ด้วยสินค้าเเนะนำที่ขายดีที่สุดของเรา การขยายตัวนี้ไม่ได้เป็นเพียงบทใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในการเดินทางของเราเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้บริโภคทั่วโลกโดยเริ่มจากประเทศไทย ยุคใหม่แห่งความเป็นเลิศและการเติบโต”

Noise ได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย 5 รุ่น ได้แก่ Noise ColorFit Loop, NoiseFit Twist, NoiseFit Endeavour, Noise ColorFit Pro 4 Alpha และ Noise ColorFit Pro 5 ซึ่งมอบความหลากหลายที่ครอบคลุมเพื่อประสบการณ์การสวมใส่ที่อัปเกรด ข้อเสนอของแบรนด์มีเป้าหมายเพื่อสร้างนิยามใหม่ให้กับประสบการณ์อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะของผู้ใช้ โดยให้ทางเลือกที่หลากหลายในการอัปเกรดตัวเลือกไลฟ์สไตล์เพื่อปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขา


Noise ColorFit Loop สร้างขึ้นด้วยการออกแบบตัวเครื่องอันทันสมัยและกระจกโค้ง 2.5D ในขณะที่ NoiseFit Twist จะแสดงหน้าจอ TFT ทรงกลมที่ชัดเจนควบคู่ไปกับเทคโนโลยี TruSync™ เพื่อการโทรผ่าน Bluetooth ที่ราบรื่น ด้วยเทคโนโลยี SOS และการออกแบบที่ทนทาน NoiseFit Endeavour มีประโยชน์สำหรับวัยรุ่นยุคใหม่ที่ต้องเดินทาง ในทางกลับกัน Noise ColorFit Pro 4 Alpha มีการควบคุมด้วยท่าทางและอัตราการรีเฟรชที่สูง 60 Hz เพื่อภาพที่คมชัด สุดท้ายนี้ Noise ColorFit Pro 5 ซึ่งเป็นสินค้าเเนะนำของแบรนด์ มาพร้อมหน้าปัดนาฬิกาที่ปรับแต่งได้ เทคโนโลยี SOS และการรองรับอิโมจิสำหรับการแสดงอารมณ์ของลูกค้า สมาร์ทวอทช์มาพร้อมกับ Noise Health Suite™ ในตัวเพื่อช่วยให้ผู้ใช้อัปเกรดไลฟ์สไตล์โดยการตรวจสอบตัวชี้วัดด้านสุขภาพที่สำคัญ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ รูปแบบการนอนหลับ และระดับความเครียด และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อประสบการณ์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุม

สินค้าจะวางจำหน่ายทางออนไลน์ที่แพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น ช้อปปี้ และลาซาด้า และช่องทางออฟไลน์


Shopee official store https://shopee.co.th/gonoise
Lazada official store https://www.lazada.co.th/shop/noise-smartwatch

###

เกี่ยวกับ นอยส์

Noise ก่อตั้งขึ้นโดยมีภารกิจในการสร้างประชาธิปไตยให้กับไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อกันสำหรับตลาดโลก ด้วยความที่ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางเป็นแกนหลัก Noise จึงได้คิดค้นนวัตกรรมด้านเสียง เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ และเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อชั้นนำและล้ำหน้าในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมที่ถือเป็นนวัตกรรมแรกของอุตสาหกรรมมากมายที่มอบให้กับเครดิตของเรา บริษัทได้ก้าวไปสู่อนาคตด้วยความรู้สึกที่เพิ่มมากขึ้นในการสร้างสรรค์ร่วมกันและนวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ Noiseทำให้อุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีส่วนบุคคลใหม่ล่าสุดมีจำหน่ายและราคาไม่แพงสำหรับผู้บริโภควัยหนุ่มสาว
Pages: 1 ... 8 9 [10]