Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1
อิ่มอร่อยไม่อั้นกับ “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ”
กับ 2 โรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์
ณ ห้องอาหาร แทพเพสทรี โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง และ อยุธยา




            วันนี้ – 31 ตุลาคม 2568 สายติ่มซำพลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นสุดคุ้ม “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ” อิ่มอร่อยกับติ่มซำเลิศรสสไตล์กวางตุ้ง จากวัตถุดิบชั้นเลิศ อาทิ ขนมจีบ ฮะเก๋า ซี่โครงหมูนึ่ง ขนมผักกาด พร้อมเมนูนึ่งร้อนเลิศรสนานาชนิด ซาลาเปาชิ้นใหญ่ไส้อร่อยแน่นเต็มๆ คำ และหลากหลายเมนูของทอดยอดนิยม อาทิ ฟองเต้าหู้ทอด เผือกทอด เกี๊ยวทอด พร้อมคาราวานของหวานแบบจุใจ ณ 2 โรงแรมชั้นนำในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ จังหวัดระยอง และอยุธยา


            1) ห้องอาหารจีนแทพเพสทรี โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง ขอเชิญชวนทุกท่านมาเต็มอิ่มกับ “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ” มื้อกลางวัน ทุกวันพฤหัสบดี, วันเสาร์ และ วันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. – 14.00 น. ในราคาเพียง 520 บาท (สุทธิ)/ท่าน

            สำรองที่นั่งล่วงหน้าหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง โทร. 038-614-340-9 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.kameocollection.com/classickameo-rayong/




            2) ห้องอาหารจีนแทพเพสทรี โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา จัดเต็มกับ “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ” มื้อกลางวัน ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 14.00 น. ในราคา 600 บาท (สุทธิ)/ท่าน

            สำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา โทร. 035-212-535 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.kameocollection.com/ClassicKameo-Ayutthaya/
2
อลิอันซ์ อยุธยา เสริมแกร่งตัวแทนจัดงาน Allianz Ayudhya Agency Leader 2025



             บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต นำโดย มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มร.อามัน คาพัว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารตัวแทนประกันชีวิตและสุขภาพ นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้าและความยั่งยืน จัดงานสัมมนาผู้บริหารตัวแทนประจำปี 2568 พร้อมด้วยผู้บริหารตัวแทนระดับสูง ร่วมพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำก้าวไปสู่ความเป็นที่สุด ภายใต้แนวคิด “BETTER THAN THE BEST-เหนือความเป็นที่สุด” อัดแน่นด้วยคุณภาพจากวิทยากรตลอด 2 วันเต็ม ที่มาร่วมให้ความรู้และเตรียมความพร้อม ทุกด้าน ทะยานสู่ความเป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์ โดยมีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประมาณร่วมงานกว่า 1,000 คน ณ โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช พัทยา เมื่อเร็วๆนี้



3
Predator x Intel เปิดแคมเปญใหญ่!
พาแฟน VALORANT บินลัดฟ้าเชียร์
VCT 2025 PACIFIC Stage 2 รอบไฟนอลที่ญี่ปุ่น


Predator แบรนด์เกมมิ่งจาก Acer ชวนแฟน VALORANT ชาวไทยร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ลุ้นบินฟรีไปชม "VCT 2025: Pacific Stage 2" รอบ Finals ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ การแข่งขันระดับภูมิภาคสุดเข้มข้นที่จะตัดสินแชมป์ Pacific และสองทีมสุดท้ายที่จะได้สิทธิ์เข้าสู่เวทีระดับโลกในศึก VALORANT Champions 2025 นำทัพโดยทีมอีสปอร์ตชั้นนำอย่าง T1, Paper Rex, DRX, ZETA DIVISION และอีกมากมาย

เพื่อให้แฟนชาวไทยได้มีส่วนร่วมกับโมเมนต์ความมันระดับโลก Predator จึงจับมือกับ Intel จัด 3 กิจกรรมใหญ่ตลอดทัวร์นาเมนต์ VCT 2025: Pacific Stage 2



กิจกรรมที่ 1: ลุ้นบินฟรีเชียร์รอบ Finals ถึงโตเกียว!
ร่วมสนุกกับแคมเปญพิเศษ ลุ้นรับแพ็กเกจสุดพรีเมียมแบบครบเซ็ต ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบัตรเข้าชมการแข่งขันรอบ Finals เพียงร่วมกิจกรรมกับ Predator ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน – 26 กรกฎาคม 2568 ทาง Facebook: Predator Gaming Thailand

กิจกรรมที่ 2: Influencer Watch Party
รวมพลดูเกมมันทุกเย็นวันศุกร์ตลอดเดือนกรกฎาคม ชวนแฟน ๆ ร่วมชมการแข่งขันรอบ Playoffs และ Finals ไปพร้อมกับอินฟลูเอนเซอร์สาย FPS ชื่อดัง พร้อมพูดคุย วิเคราะห์เกม และแจกของรางวัลลิมิเต็ดจาก Predator และ Intel เฉพาะในกิจกรรมนี้เท่านั้น



ปิดท้ายด้วยกิจกรรมพิเศษให้แฟน VALORANT ชาวไทย สัมผัสบรรยากาศสุดมันแบบไม่ต้องบินไกลถึงญี่ปุ่น กับงาน "Predator x Intel VCT Pacific 2025 Viewing Party" ร่วมชมแมตช์ไฟนอลสุดเดือดผ่านจอยักษ์ใจกลางกรุงเทพฯ ณ Lido Connect Hall 2 (ชั้น 2) ในวันที่ 31 สิงหาคม 2568 สนุกไปกับบรรยากาศสุดมัน เสียงเชียร์และ บทวิเคราะห์จากอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง พร้อมกิจกรรมแจกของรางวัลและของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมงาน ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดตามรายละเอียดและอัปเดตความเคลื่อนไหวทุกกิจกรรม ได้ทาง Facebook: Acer Gaming Thailand และ Predator Gaming Thailand แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์เกม VALORANT ที่เดือดที่สุดแห่งปีไปพร้อมกัน!
4
โรงพยาบาลพระรามเก้า ฉลองครบรอบ 33 ปี ชวนเปลี่ยน "กระเช้า" เป็น "ต้นไม้"
สร้างพื้นที่สีเขียว เติมเต็มสุขภาพดีอย่างยั่งยืน


โรงพยาบาลพระรามเก้า ก้าวเข้าสู่ปีที่ 33 สานต่อแนวคิด "โรงพยาบาลสีเขียว" (Green Hospital) ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Good Health Grows With Care สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลอย่างใส่ใจ" ผ่านกิจกรรมรักษ์โลกสุดสร้างสรรค์ "เปลี่ยนกระเช้า" เป็น "ต้นไม้" เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโรงพยาบาล ส่งต่อความสดชื่นและอากาศบริสุทธิ์ให้แก่ผู้มาใช้บริการ ทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคน

นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า บอกว่า "ในโอกาสครบรอบ 33 ปีของโรงพยาบาล เราอยากมอบสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริงกลับคืนสู่สังคม และขอเชิญชวนทุกท่านที่ประสงค์จะร่วมแสดงความยินดี เปลี่ยนจากการมอบกระเช้าของขวัญ มาเป็นการมอบต้นไม้แทน เพราะต้นไม้หนึ่งต้นสามารถช่วยดูดซับมลพิษ เพิ่มออกซิเจน และสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่น ส่งเสริมให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ดี นำไปสู่สุขภาพที่ดีในทุก ๆ วัน"



ในโอกาสพิเศษนี้ โรงพยาบาลพระรามเก้าขอเชิญชวนทุกท่านร่วมส่งต่อความใส่ใจเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยการมอบ "ต้นไม้" แทน "กระเช้าของขวัญ" เพื่อร่วมกันสร้างพื้นที่สีเขียวที่เติบโตเคียงคู่สุขภาพดีของ ทุกคน ตามแนวคิด Good Health Grows With Care สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลอย่างใส่ใจ

ถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยคุณค่า สะท้อนความห่วงใยของโรงพยาบาลพระรามเก้าได้อย่างแท้จริง เพราะสุขภาพดีไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของร่างกาย แต่ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนอาศัยอยู่ด้วย
5
Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 สร้างสถิติใหม่
ดันอุตสาหกรรมความงามอาเซียนเติบโต


Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok 2025 ปิดฉากลงอย่างงดงาม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมความงามอาเซียน ตอกย้ำบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มอันทรงพลังในการสร้างเครือข่ายธุรกิจ อัปเดตความรู้ระดับมืออาชีพ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทรนด์ล่าสุดที่กำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมความงามในอาเซียน

งานครั้งนี้จัดโดยความร่วมมือระหว่าง BolognaFiere Cosmoprof, Informa Markets และ Shanghai Baiwen Exhibition โดยชี้ให้เห็นถึงบทบาทเชิงกลยุทธ์ของเวที Cosmoprof CBE ASEAN ในการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลจาก Statista คาดว่าตลาดความงามและการดูแลส่วนบุคคลในอาเซียนจะมีมูลค่าสูงถึง 36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 และมีอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 3.8% จนถึงปี 2573 ขณะที่ไทยยังคงเป็นศูนย์กลางสำคัญของภูมิภาค โดยคาดว่าจะเติบโตถึง 11% ในปี 2568



งานในปีนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 23,000 คน จาก 66 ประเทศและภูมิภาค เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2567 โดยเฉพาะประเทศไทยมีผู้เข้าร่วมเพิ่มขึ้น 20% และจากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 16% ประเทศที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด ได้แก่ ไทย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เมียนมา สิงคโปร์ และมาเลเซีย ด้านพื้นที่จัดแสดงมีมากกว่า 25,000 ตร.ม. ครอบคลุมการแสดงสินค้าจาก 650 บริษัท 2,000 แบรนด์ความงาม จาก 21 ประเทศและภูมิภาค เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทั้งในด้านพื้นที่ 16% และการเข้าร่วมจากต่างประเทศ 22%

ในงานมีการเข้าร่วมของพาวิลเลียนชั้นนำ 5 ประเทศ ได้แก่ จีน อิตาลี เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย ตอกย้ำความเป็นเวทีระดับนานาชาติของงาน ทำให้บรรยากาศงานเต็มไปด้วยพลังแห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลก ผู้ประกอบการท้องถิ่น ซัพพลายเออร์นวัตกรรม แบรนด์สินค้าสำเร็จรูปที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงสตาร์ทอัพและแบรนด์อิสระ ที่เข้ามาสร้างบรรยากาศให้เปี่ยมด้วยพลังแห่งอนาคตและความคิดสร้างสรรค์

เพื่อเสริมโอกาสทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง งานในปีนี้จึงมีผู้ซื้อรายใหญ่ที่ได้รับเชิญกว่า 540 ราย เพิ่มขึ้น 46% จากปี 2024 โดยมาจากไทย ภูมิภาคอาเซียน เอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกา การเข้าร่วมของผู้ซื้อระดับสากลเหล่านี้ได้ตอกย้ำบทบาทของ Cosmoprof CBE ASEAN Bangkok ในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำด้านการสร้างเครือข่ายธุรกิจ การค้นหาเทรนด์ใหม่ และการขยายตลาดในระดับภูมิภาค ในขณะเดียวกัน "อินเดีย" ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้แทนเข้าร่วมมากที่สุด สะท้อนถึงอิทธิพลและบทบาทที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมความงามของอาเซียน



คุณวรินธร วามะศิริ กรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรี่ส์ จำกัด ประเทศไทย ผู้ร่วมแสดงสินค้า มองว่า Cosmoprof CBE ASEAN ไม่ใช่แค่งานแสดงสินค้า แต่เป็นจุดรวมพลังของอุตสาหกรรม และเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท ซึ่งถือเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการนำเสนอศักยภาพทั้งในด้านขนาดธุรกิจ โซลูชันนวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ของเราต่อพันธมิตรเดิมและลูกค้าใหม่ Mylott มองว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ยืดหยุ่นและครบวงจร การเข้าร่วมงานนี้ไม่เพียงเป็นการโชว์ศักยภาพ แต่ยังเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการเติบโตและรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

คุณเปาลา กุยด้า (Paola Guida) ข้าหลวงพาณิชย์ประจำสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนประจำประเทศไทย ผู้ร่วมแสดงสินค้า กล่าวว่า อิตาลีได้รับการยอมรับในระดับโลกด้านความเป็นเลิศในการออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ และงานฝีมือ ซึ่งเป็นคุณค่าที่ฝังรากลึกในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของประเทศ งาน Cosmoprof CBE ASEAN กำลังกลายเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พบกับผู้แสดงสินค้าชั้นนำจากอิตาลี ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่เครื่องสำอางระดับพรีเมียม สกินแคร์ที่หรูหรา ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมืออาชีพ อุปกรณ์ความงามล้ำสมัย จนถึงไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอาเซียนทุกกลุ่ม ในฐานะสำนักงานส่งเสริมการค้าอิตาลี เราเชื่อมั่นว่า Cosmoprof CBE ASEAN จะเป็นหนึ่งในประตูหลักในการเข้าถึงโลกแห่งความงามจากอิตาลี และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทอิตาเลียนกับผู้ประกอบการในไทยและอาเซียนให้เติบโตมากขึ้น

คุณฌอง โนเอล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Ocean International Trade (Color & Soin), ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า การได้เข้าร่วมงาน Cosmoprof CBE ASEAN มีความสำคัญอย่างมาก แม้บริษัทเราจะมีฐานธุรกิจในฝรั่งเศส แต่เราภูมิใจที่สามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ใน 17 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียและจีนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป้าหมายของการร่วมงานนี้คือการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายและพันธมิตรใหม่ ๆ ในตลาดอาเซียน และกำลังเริ่มขยายเข้าสู่ประเทศไทย เรามาที่นี่เพื่อสร้างการเติบโตให้แบรนด์ เรียนรู้ตลาด และแน่นอน เพื่อดื่มด่ำกับความงดงามของประเทศไทยด้วย



คุณอานคิด อาโรรา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Streamline Beauty India Pvt Ltd ประเทศอินเดีย กล่าวว่า Cosmoprof CBE ASEAN 2025 เป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกอย่างแท้จริง และถือเป็นประตูสู่การผลิตในไทยที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง งานปีนี้ใหญ่กว่าปีก่อนชัดเจน ทั้งในด้านนวัตกรรม คุณภาพ และความร่วมมือทางธุรกิจ ขอขอบคุณทีมงาน Cosmoprof ที่ให้การต้อนรับอบอุ่น และพาไปรู้จักผู้ผลิตชั้นนำในภูมิภาค ตั้งแต่สูตรผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลลัพธ์สูง ไปจนถึงนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ในไทยและระดับโลก ทำให้เรากลับไปพร้อมกับไอเดียใหม่ ความร่วมมือใหม่ และแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม พร้อมความตั้งใจที่จะกลับมาอีกในปีหน้า

คุณซิลเวีย เตลี ผู้จัดการฝ่ายส่งออก บริษัท Professional By FAMA ประเทศอิตาลี – ผู้ร่วมแสดงสินค้า กล่าวว่า การเข้าร่วม Cosmoprof CBE ASEAN คือโอกาสอันมีค่าในการเสริมสถานะของแบรนด์ในภูมิภาคนี้ เรามั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ Made in Italy และเชื่อว่างานลักษณะนี้จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน การร่วมงานในครั้งนี้ทำให้เราได้พบพันธมิตรธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการบริหารการจัดจำหน่ายอย่างเป็นมืออาชีพ เรารู้สึกยินดีที่ได้แนะนำแบรนด์ Professional By FAMA ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความร่วมมือที่มีคุณค่าร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน

คุณชาติภู วริยธัญญจิตต์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท Opulence Global ประเทศไทย เผยว่า Cosmoprof CBE ASEAN มีคุณค่าอย่างมากในการช่วยให้บริษัทค้นหาซัพพลายเออร์และผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการ งานนี้เป็นเวทีครบวงจร ทั้งการแสดงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและสุขภาพ เทรนด์และนวัตกรรม รวมถึงโอกาสในการเชื่อมต่อพันธมิตรใหม่ ๆ การเข้าร่วมงานครั้งนี้ช่วยขยายเครือข่าย เพิ่มฐานลูกค้า B2B และยกระดับธุรกิจของเราไปอีกขั้น เราขอแนะนำงานนี้อย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมความงามทุกคน

คุณไวชาลี คุปตะ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท PEP TECHNO (แบรนด์ MCaffeine) ประเทศอินเดีย กล่าวว่า Cosmoprof CBE ASEAN เป็นประสบการณ์ที่เปิดโลกและเปลี่ยนมุมมองของเราเกี่ยวกับนวัตกรรมในอุตสาหกรรมความงาม งานนี้รวบรวมเทรนด์หลากหลายและแบรนด์ชั้นนำจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนถึงความล้ำหน้าของภูมิภาคนี้ และประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในฐานะศูนย์กลางด้านการจัดหาและการผลิต ผ่านผู้ผลิตและพันธมิตรด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) จำนวนมาก โดยปีนี้เราได้พบทั้งโอกาสใหม่และเทรนด์ที่น่าจับตามอง ซึ่งล้วนส่งสัญญาณถึงอนาคตที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมความงาม



งาน Cosmoprof CBE ASEAN ยังเป็นเวทีสำคัญในการให้ความรู้และอัปเดตข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผ่านโปรแกรม CosmoTalks ซึ่งรวบรวมผู้นำความคิดและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาแลกเปลี่ยนมุมมองในหัวข้อที่ทันสมัย ตั้งแต่เทรนด์ความงาม กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และแนวทางเข้าสู่ตลาดอาเซียน โดยมีพันธมิตรหลักอย่าง Future Snoops, BEAUTYSTREAMS, MINTEL, สมาคมเครื่องสำอางอาเซียน (ACA) และ SGS ที่ร่วมให้ข้อมูลเชิงลึก ทั้งด้านแนวโน้มผู้บริโภคและโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ และข้อกำหนดกฎระเบียบต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม คือ Spa and Wellbeing Congress ซึ่งจัดร่วมกับสมาคมสปาไทย โดยเน้นการพัฒนาและแนวโน้มของธุรกิจสปาและสุขภาพในประเทศไทย

Cosmoprof CBE ASEAN 2026 จะกลับมาอีกครั้งระหว่างวันที่ 24–26 มิถุนายน 2569 โดยผู้เล่นในอุตสาหกรรมความงามทั่วภูมิภาคจะได้รวมตัวกันอีกครั้ง พร้อมการพัฒนาครั้งสำคัญที่น่าจับตามอง จากไฮไลต์สำคัญอย่างการเปิดตัว Cosmopack CBE ASEAN Bangkok 2026 ซึ่งเป็น "งานภายในงาน" ที่นำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัยในห่วงโซ่อุปทานความงามครบวงจร ตั้งแต่ส่วนผสม วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ เครื่องจักร การผลิตแบบ OEM/ODM การพิมพ์ฉลาก ไปจนถึงโวลูชันบริการที่ครบวงจร



การนำ Cosmopack มาจัดในกรุงเทพฯ ถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สอดรับกับบทบาทของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตคุณภาพสูงและนวัตกรรมความงามระดับโลก โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะแหล่งวัตถุดิบธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการผลิตแบรนด์ความงามระดับนานาชาติ
6
ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง ผู้นำโรงงานผลิตเครื่องสำอาง OEM มาตรฐานสากล
ตั้งเป้ารายได้ 1,500 ล้านบาทในปี 2568 พร้อมขยายตลาดสู่ AEC ยุโรป และสหรัฐอเมริกา


บริษัท ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด คือโรงงานผลิตเครื่องสำอางในรูปแบบ OEM 100% ที่ไม่มีแบรนด์สินค้าเป็นของตนเองอย่างแท้จริง โดยยืนหยัดในหลักจรรยาบรรณที่เข้มงวดและความเป็นมืออาชีพสูงสุด เพื่อสนับสนุนแบรนด์เครื่องสำอางทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 2568 ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท และขยายตลาดสู่ภูมิภาคอาเซียน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

นายธนวัฒ พิบูลย์สวัสดิ์ กรรมการบริหาร บริษัท ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า "ตลาดเครื่องสำอางในยุคปัจจุบันเป็นสนามแข่งขันที่เข้มข้นอย่างยิ่ง ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความต้องการสินค้าที่หลากหลาย บริษัท ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมกอัพเบส ลิป บลัชออน และผลิตภัณฑ์สำหรับตาและคิ้ว ซึ่งครองตำแหน่งผู้นำตลาดในประเทศไทยมานานกว่า 32 ปี ล่าสุดได้ขยายไลน์สินค้าสู่ตลาดสกินแคร์สำหรับใบหน้า เพื่อตอบสนองเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายทั้งเพศและวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น จนถึงผู้สูงอายุ"



ตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา บริษัทให้บริการผลิตเครื่องสำอางแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบคุณภาพสูง การควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานสากล การทดสอบสินค้า ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยรับผลิตขั้นต่ำเพียง 10,000 ชิ้นต่อรายการ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกระดับ ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงยืนหยัดในจรรยาบรรณของการเป็น OEM มืออาชีพ 100% ที่ไม่มีแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเคารพความลับทางธุรกิจของลูกค้าอย่างสูงสุด และไม่คัดลอกสูตรผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเดิมให้แก่ลูกค้าใหม่

การแข่งขันในตลาด OEM เครื่องสำอางทั้งในและต่างประเทศมีความท้าทายสูง ทั้งด้านตลาด คุณภาพ ราคา และความรวดเร็วในการปรับตัวตามเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง บริษัท ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง จึงมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรักษามาตรฐานคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ และพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ยุโรป และอเมริกา ซึ่งล้วนเป็นตลาดที่มีมาตรฐานสูงและต้องการสินค้าในกลุ่มพรีเมียม



นายธนวัฒ พิบูลย์สวัสดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "บริษัทของเรายึดมั่นในหลักจรรยาบรรณของการเป็น OEM มืออาชีพ เราเคารพความลับและสิทธิของลูกค้าอย่างเคร่งครัด สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและร่วมเติบโตไปกับเรา จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์หลายรายที่มีรายได้เพียงหลักล้านบาท วันนี้เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เติบโตถึงหลักร้อยล้านบาท เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการผลิตและการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับความมั่นใจสูงสุด ทั้งในและต่างประเทศ"

แม้จะต้องเผชิญความท้าทายจากภาษีนำเข้าวัตถุดิบและการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดโลก บริษัท ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง ยังคงรักษาคุณภาพระดับพรีเมียม โดยใช้วัตถุดิบจากทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกา พร้อมขยายขีดความสามารถในการผลิตอย่างยั่งยืน เพื่อผลักดันแบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ไทยให้ก้าวสู่ตลาดโลกอย่างเต็มศักยภาพ



ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง บริษัท ไอซีที แมนูแฟคเจอริ่ง พร้อมร่วมขับเคลื่อนวงการผลิตเครื่องสำอางไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและประสบความสำเร็จในระดับสากลอย่างมั่นคง
7
อาร์แอนด์เอ เปิดตัว “HERO WALL” สร้างพลังเชื่อมแฟนกีฬากับโปรสาวดาวดังในศึก “เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น”


11 กรกฏาคม 2568 - อาร์แอนด์เอ ประกาศเปิดตัวแคมเปญ ฮีโร่ แมสเสจ (Hero Messages) กิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อให้แฟนกีฬาได้ใกล้ชิดกับบรรดานักกอล์ฟฮีโร่ในดวงใจมากขึ้น โดยจะเปิดตัวครั้งแรกในการแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์รายการ เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น 2025 (ภาพ: The R&A/Getty Images)

การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์หญิงรายการ “เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น 2025”  จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม - 3 สิงหาคมนี้ ณ สนามรอยัล พอร์ธคอว์ล ซึ่งจะเป็นการแข่งขันกีฬาสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยจัดขึ้นในเวลส์ และเป็นครั้งแรกที่บรรดานักกอล์ฟจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ขณะเดินออกจากสนาม กับวิดีโอแมสเสจส่งตรงจากใจแฟนๆ รวมถึงคนในครอบครัว หรืออาจมีเซอร์ไพรส์จากเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ

ภายใต้แคมเปญ ฮีโร่ แมสเสจ แฟนกีฬาทั่วโลกสามารถอัพโหลดข้อความส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือคลิปวิดีโอ ส่งถึงนักกอล์ฟคนโปรดของตัวเองได้ผ่านช่องทางบนเว็บไซต์ AIGWomensOpen.com โดยข้อความต่างๆ จะปรากฏบนทีวีจอใหญ่ในสนามแข่งขัน และบนเว็บไซต์การแข่งขันกอล์ฟเอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น และส่งต่อไปยังนักกอล์ฟแต่ละคนในสนาม



จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล

ขณะที่บรรดานักกอล์ฟชื่อดังต่างให้การตอบรับแคมเปญใหม่ ฮีโร่ แมสเสจ ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับรู้ถึงการสนับสนุนที่ทรงพลังจากบรรดาแฟนกีฬากอล์ฟทั่วโลก และเป็นโอกาสพิเศษในการสร้างความพันธ์เชื่อมโยงกับแฟนกีฬาที่ส่งใจเชียร์จากทั่วโลก

จีโน่-อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสาวขวัญใจชาวไทย เผยถึงแคมเปญ ฮีโร่ แมสเสจ ว่า “จีนเชื่อว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักกีฬา เเละเป็นสิ่งที่นักกีฬาต้องการที่สุดเวลาเเข่งขัน การที่ได้เห็นข้อความเเม้จะอยู่ในวันที่ดีหรือไม่ดีก็ทำให้เรายิ้มได้เเละมีกำลังใจไปต่อได้”

ทางด้าน ลิเดีย โค โปรสาวคนดังจากนิวซีแลนด์ ในฐานะแชมป์เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น 2024 กล่าวว่า  “ฉันคิดว่าบางครั้งเราไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากมายแค่ไหนที่คอยสนับสนุนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เชียร์อยู่บ้าน คนที่อยู่ห่างไกลออกไป และแคมเปญฮีโร่ แมสเสจ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้เสียงเชียร์จากแฟนๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปมีชีวิตขึ้นมา การได้เดินออกจากสนามและเห็นข้อความจากคนที่คอยเชียร์คุณอยู่ มันมีความหมายมาก ฉันรู้สึกยินดีที่ในตอนนี้แฟนๆ มีช่องทางในการติดต่อกับเราโดยตรง”



ลิเดีย โค

ส่วน จอร์เจีย ฮอลล์ เจ้าของแชมป์ปี 2018 จากอังกฤษ กล่าวเสริมว่า “กำลังใจจากแฟนๆ มีความหมายกับเรามาก และบางครั้งเราไม่ได้รับสารจากพวกเขาโดยตรง ดังนั้น ฮีโร่ แมสเสจ จึงเป็นแนวคิดที่ดีมาก ทำให้เรามีโอกาสได้สัมผัสการสนับสนุน ได้รับรู้ถึงการส่งกำลังใจเชียร์ในแบบส่วนตัว ฉันคิดว่าจะเป็นเรื่องที่พิเศษมากที่ได้เห็นข้อความส่งกำลังใจเชียร์ ตลอดทั้งสัปดาห์และรับรู้ได้ว่ามีผู้คนมากมายแค่ไหนที่เชียร์เราอยู่”

การเปิดตัวเคมเปญ ฮีโร่ แมสเสจ ถือเป็นหัวใจสำคัญในความมุ่งมั่นของอาร์แอนด์เอ ที่จะยกระดับการมีส่วนร่วมของแฟนๆ และประสบการณ์ของนักกอล์ฟในรายการ เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น ผ่านการใช้เทคโนโลยีและการเล่าเรื่องราว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่ทรงพลัง โดยให้แฟนๆ ได้มีช่องทางให้การสนับสนุน สามารถส่งข้อความถึงนักกอล์ฟฮีโร่ในดวงใจโดยตรง

โซอี้ ริดจ์เวย์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการแข่งขันกอล์ฟ เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น ของอาร์แอนด์เอ เผยว่า  "เรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับทั้งแฟนกีฬาและเหล่านักกอล์ฟ และ ฮีโร่ แมสเสจ ถือเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในเรื่องนี้ เราตั้งเป้าที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างแฟนกีฬาและนักกอล์ฟโดยใช้เทคโนโลยี และการสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้เล่นด้วยข้อความที่ส่งตรงจากใจของแฟนๆ ที่คอยสนับสนุนและได้รับแรงบันดาลใจจากพวกเขา ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นการมีอารมณ์ร่วมไปเกมและดึงแฟนๆ ให้เข้ามาอยู่ในช่วงเวลานั้นได้"



ขณะเดียวกันแคมเปญ ฮีโร่ แมสเสจ ยังเน้นย้ำถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องของอาร์แอนด์เอในกีฬากอล์ฟสตรี ไม่เพียงเพิ่มเงินรางวัลและโปรโมทการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงทุนกับสตอรี่เทลลิ่ง หรือการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ชมผ่านการเล่าเรื่อง การเข้าถึง และนวัตกรรมที่สะท้อนถึงผู้ชมกีฬาและค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป

ติดตามข่าวสารของการแข่งขัน เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น ได้ที่เว็บไซต์
www.aigwomensopen.com
8
โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่
ต้อนรับทีมนักฟุตบอลหญิงจากสาธารณรัฐอิรัก


เศรษฐพงศ์ วรรธนะกุล (คนที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ ให้การต้อนรับทีมนักฟุตบอลหญิงจากสาธารณรัฐอิรัก พร้อมโคชผู้ฝึกสอน อับดุลวาฮับ อาบู อัลฮีล (คนที่ 3 จากซ้าย) อย่างอบอุ่น ในระหว่างฝึกซ้อมการแข่งขัน AFC Women’s Asian Cup 2026 Qualifiers และให้เกียรติเข้าพัก ณ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่
9
สาวน้อยมหัศจรรย์ “กาสะลอง-รษิกา” ลุยโปรเจกต์ยักษ์
เปิด “เคเอสแอล อะคาเดมี่” สร้าง "อาชีพทางโลกดิจิตอล"





               ตำแหน่งผู้หญิงเก่งแห่งปี 68 ต้องยกให้กับสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ ที่เป็นทั้งเจ้าแม่โปรเจกต์, ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท เคเอสแอล คอร์เปอเรชั่น (KSL Corporation) และบริษัทในเครือ อาทิ เคเอสแอล ออโต้ (KSL AUTO), เคเอสแอล เซ็นเตอร์ (KSL CENTER) ฯลฯ คุณกาสะลอง-รษิกา จิรัชฉณาณัณ ด้วยวัยเพียง 32 ปี ที่เป็นเจ้าของธุรกิจรถยนต์มือสอง ตั้งแต่อายุ 24 ปี พร้อมขยายกิจการได้ถึง 4 สาขา ในระยะเวลา 6 ปี ในอายุ 30 ปี การันตีด้วยยอดขายรถหรู รถยุโรปในปี 2020-2022 ถึง 2,000 คัน จนได้รับฉายาเป็น "เจ้าแม่รถหรู“




               ในปัจจุบัน ด้วยวัยเพียง 32 ปี เธอคนนี้ยังไม่หยุดพัฒนา ล่าสุดได้เปิดตัวกิจการใหม่ สถาบันการศึกษา เคเอสแอล อะคาเดมี่ (KSL ACADEMY) ในเครือ เคเอสแอล คอร์เปอเรชั่น (KSL Corporation) โดยมีนโยบายในการช่วย 1 ล้านชีวิต ให้ได้มีอิสระภาพทางการเงิน พร้อมมอบโอกาสในการเข้าถึงเครื่องมือ และวิธีการสร้างเงินในอากาศผ่านโลกดิจิตอลไร้ขีดจำกัด โดยได้ทำพันธะสัญญาร่วมกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่ สถาบันการเทรดระดับโลก โดยมี บอม-ชิษณุพงษ์ ผู้บริหาร ซีเอ็กซ์เอ็ม (CXM) ประเทศไทย ร่วมทำพันธะสัญญา (MOU) ร่วมกัน โดยมีทีมงานของทาง ซีเอ็กซ์เอ็ม (CXM) และผู้เข้าร่วมสัมนาเป็นสักขีพยาน ในครั้งนี้

               คุณรษิกา จิรัชฉณาณัณ กล่าวว่า ก่อนที่จะก้าวมาจับธุรกิจการวิเคราะห์ทองคำอย่างถูกวิธี ได้ทำการศึกษามาจากสถาบันการวิเคราะห์ทองคำหลายที่ ทั้งลองเล่นเอง เจ็บเอง พลาดเอง จนมั่นใจในระบบ จึงได้เปิดทำการการสอนขึ้น และมีแผนงานที่จะให้ความรู้ในการทำเงินในโลกดิจิตอล ผ่านการวิเคราะห์ทองคำอย่างถูกต้อง ให้กับผู้คนทั่วทุกภาคของประเทศ ให้ได้เข้าถึงความรู้นี้ เริ่มต้นจาก ภาคกลาง และ ภาคอีสาน







               นอกจากนี้แล้ว คุณกาสะลอง ยังได้รับหน้าที่เป็น แบรนด์ แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) ของ สถาบันการศึกษาในโปรเจกต์นี้เองอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว ยังได้วางแผนการสอนสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพในการเป็นนักวิเคราะห์การตลาดทองคำไปพร้อมๆ กัน ด้วยการจับมือทีมงานมืออาชีพ ลุยขยายตลาดเพื่อสร้าง "อาชีพทางโลกดิจิตอล" ที่มีรายได้ไร้ขีดจำกัดในโลกดิจิตอล

               คุณกาสะลอง ยังได้กล่าวอีกว่า ตั้งใจและจริงจังกับการเปิดกิจการในครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะต้องการให้คนที่ด้อยโอกาสได้มีสิทธิ์เข้าถึง เพราะตนเองเริ่มต้นมาจากฐานะที่ยากจน และเข้าใจดีว่า โอกาสเป็นสิ่งสำคัญมาก จึงได้จัดงานสัมนา และการสอนฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ในทุกจังหวัดในประเทศไทย

              ผู้สนใจที่อยากเข้าร่วมงานสัมนา สามารถติดตามความเคลื่อนไหวเบื้องต้น ได้ที่ Facebook : Reasika Jirutchananun (**เนื่องจากระบบเพจ ยังไม่เรียบร้อย จะทำการอัพเดตความเคลื่อนไหวผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัวให้ได้ติดตามไปก่อน เเละจะสามารถติดตามผ่านเพจ KSL academy ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฏาคม 68 นี้เป็นต้นไป**)

(**การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาก่อนลงทุน**)









 
10
โรคเหงื่อมือ-เท้า พัฒนาการรักษาเพื่อคนไทย

โดย รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย
ศัลยแพทย์ทรวงอกจากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลวชิรพยาบาล


             โรคเหงื่อมือ-เท้า อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก โดยปกติในช่วงฤดูร้อน เมื่ออากาศร้อนร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย แต่สำหรับบางคนการมีเหงื่อออกมากเกินความจำเป็นและเกิดขึ้นตลอดเวลาจะไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของร่างกาย แต่เรามักเรียกว่า “ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)” ซึ่งในหลายกรณีเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน


             รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอกจากศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า ประเภทของภาวะเหงื่อออกมากผิดปกตินั้น ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติแบบปฐมภูมิ (Primary Focal Hyperhidrosis) จะมีลักษณะเหงื่อออกมากเฉพาะจุด เช่น  ที่มือ รักแร้ และเท้า ภาวะนี้มักเกิดขึ้นเอง โดยไม่มีโรคอื่นเกี่ยวข้อง อีกประเภทหนึ่งคือ ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติแบบทุติยภูมิ (Secondary Hyperhidrosis) จะมีลักษณะเหงื่อออกมากร่วมกับภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง (Hypertension) หรือ ไทรอยด์เป็นพิษ ( Hyperthyroidism) ซึ่งใครที่มีความเสี่ยงต่อภาวะนี้  เช่น มีภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติแบบปฐมภูมิ จะพบได้ประมาณ 1-3 % ของจำนวนประชากร และพบในเด็กชายและเด็กหญิงเท่า ๆ กัน อาการโดยรวมมักจะเริ่มแสดงในวัยเด็กหรือวัยรุ่น อาการของภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติแบบปฐมภูมินี้ มักจะมีเหงื่อออกมากอย่างต่อเนื่องในบริเวณที่ได้รับผลกระทบที่เหงื่อออกตลอดเวลา ยกเว้นตอนนอน และอาการจะแย่ลงเมื่ออยู่ในที่อากาศร้อนหรือเมื่อเด็กเครียด ตำแหน่งที่พบมากสุด: มือและเท้า โดยเด็กส่วนใหญ่มักสังเกตเห็นอาการครั้งแรกเมื่อเหงื่อออกที่มือเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เขียนหนังสือลำบาก  จับกระดาษหรือของใช้แล้วเปียกเหงื่อหรือใช้หน้าจอสัมผัสโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ ยากขึ้น และเริ่มรู้สึกอายเมื่อต้องใช้มือหรือเท้า ร่วมทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ซึ่งการรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ สามารถรักษาได้ตั้งแต่เด็กโดยมีทางเลือกในการรักษาหลายวิธี ได้แก่






1.การใช้ยาทาภายนอก

2.การใช้ยารับประทาน

3.การฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

4.การใช้กระแสไฟฟ้าต่ำเพื่อรักษา (Iontophoresis)

5.การผ่าตัด (Sympathectomy)  เป็นการตัดเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณไปยังต่อมเหงื่อ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ (เป็นทางเดียวที่หายขาดได้)

6.การผ่าตัดในปัจจุบัน !! เราสามารถผ่าตัดผ่านกล้องเล็กเหลือแผลมีขนาด 2-3 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นแผลเป็น เพื่อทำให้ฟื้นตัวไวและกลับมาใช้ชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง





             ติดตามข่าวสาร รศ.นพ.ศิระ เลาหทัย (ศัลยแพทย์ทรวงอก) ได้ที่ เฟซบุ๊ก : ผ่าตัดปอดโดยรองศาสตราจารย์นายแพทย์ศิระ เลาหทัย หรือ Youtube : ผ่าตัดปอด หรือLineid:@lungsurgeryth หรือเว็บไซต์ https://www.siradoctorlung.com
Pages: [1] 2 3 ... 10