Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - sianbun

Pages: 1 ... 227 228 [229] 230
3421
“มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์” ครั้งที่ 4 พร้อมเดินหน้า 20-22 มี.ค.นี้ ฮอลล์ 1-2 อิมแพค เมืองทองธานี



   แม็คโคร มีข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจจัดเลี้ยง ตลอดจนประชาชนทั่วไป ไม่ควรพลาดเข้ามาร่วม “ต่อยอดธุรกิจ สร้างแนวคิดใหม่” กับงาน มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 4” Makro HoReCa 2009 ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี วันที่ 20-22 มีนาคมนี้ ฮอลล์1-2 อิมแพค เมืองทองธานี เวลา 9.00 – 19.00 น. ร่วมตื่นตากับเชฟระดับโลก ตัวจริงจากยุทธภูมิกระทะเหล็ก (เชฟซาไค) Chef Hiroyuki Sakai มาสาธิตการทำอาหารฝรั่งเศส โดยใช้วัตถุดิบของไทยที่มีจำหน่ายในแม็คโคร รวมทั้งภายในบู้ธของแม็คโคร มีการจัด workshop ซูชิแฟนซี น้ำปั่น เบเกอรี่จัดเลี้ยง และสอนทำอาหารเพื่อทำขาย อาทิ ข้าวมันไก่ไขมันต่ำ แกงกะหรี่สูตรเยาวราช

          Hiroyuki Sakai (เชฟซาไค) จากรายการยุทธภูมิกระทะเหล็ก
          นอกจากนี้ ยังมีขบวนสินค้าจากพันธมิตรกว่า 270 ราย มาให้เลือกสรรอย่างจุใจ และสัมมนาเสริมความรู้ อาทิ เปิดทางรอด บอกทางรุ่ง ธุรกิจโฮเรก้า ,ทำไมร้านอาหารต้องสร้างแบรนด์ ?,กว่าจะเป็นบูติกโฮเท็ล, และร่วม Work Shop โดยวิทยากรชั้นนำอย่าง คุณดุ๊ก ภาณุเดช วัฒนสุชาติ , คุณโรส วริศรา ลี้ธีระกุล ,คุณกบ ธนกร – คุณกอหญ้า ฮุนตระกูล มหาลัยราชภัฎ สวนดุสิต เปิดคอร์สสอนทำขนม เป็นต้น สอบถามรายละเอียดโทร. 0-2351-8888 หรือ www.siammakro.co.th

3422
news & activity / “Andre ‘Kim Fashion Fantasia in Bangkok”
« on: March 15, 2009, 09:35:05 PM »
ครั้งแรกและครั้งเดียว เกือบสองชั่วโมงเต็มกับแฟชั่นโชว์สุดอลังการของดีไซน์เนอร์ระดับ
ท็อปของเอเชีย ที่มาพร้อมซุปเปอร์สตาร์ชายอย่างคับคั่งจากประเทศเกาหลีในงาน “Andre ‘Kim Fashion Fantasia in Bangkok”

นายนัยสันต์ จันทรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธิรวา จำกัด ในนามของคณะผู้จัดงานแสดงแฟชั่นโชว์

“Andre ‘Kim Fashion Fantasia in Bangkok ”  ที่จัดขึ้น ณ Centara Grand & Bangkok Convention Centre at Central World ในวันที่ 7 มีนาคม 2552 ได้กล่าวถึงการเตรียมงานครั้งนี้ว่า  เป็นการเตรียมงานแสดงแฟชั่นโชว์ที่มีความแตกต่างจากแฟชั่นโชว์ทั่วๆ ไปที่เราต่างได้เห็นและชมการแสดงแฟชั่นโชว์ของที่ผ่านๆ มา ซึ่งนับว่าครั้งนี้ทางดีไซน์เนอร์ระดับท็อปของเอเชีย “มิสเตอร์ อังเดร คิม” ได้เตรียมการแสดงแฟชั่นโชว์สุดอลังการครั้งแรกและครั้งเดียวของประเทศไทยจริงๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย – สาธารณรัฐเกาหลี  ที่เราทุกท่านจะต้องไม่พลาด และเต็มอิ่มกับการแสดงที่ทางดีไซน์เนอร์ชื่อดังเกาหลี ได้เตรียมการแสดงมาให้สมกับการรอคอยของผู้ที่ชื่นชอบผลงานและไม่ให้ผิดหวังกับผู้ที่มาชมการแสดงครั้งนี้เพราะผลงานที่ทางดีไซน์เนอร์ชื่อดัง “มิสเตอร์ อังเดร คิม” ได้เตรียมเปิดการแสดงให้คนไทยได้มีโอกาสชมกันในครั้งนี้นั้น จะแบ่งเป็น 6 Episode ด้วยกันใน Concept : Andre ‘Kim Fashion Art Fantasia

                Episode1: 2010 World Festival for Spring & Summer in Bangkok
                Episode 2: Unforgettable Romanticism & Poetic Dream
                Episode 3: Everlasting Glory for Kingdom of Thailand
                Episode 4: Korea, The Tales about Land of Morning Calm
                Episode 5: Seven Veils Legend of Orient
                Episode 6: My Love of Eternity in Shangrila

           โดยเสื้อผ้าที่นำมาเปิดการแสดงจำนวน 175 ชุดนั้น ล้วนคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์การออกแบบตามสไตล์ของ มิสเตอร์ อังเดร คิม ที่มีการผสมผสานระหว่างความงดงามแบบคลาสสิค และความโดดเด่นแบบทันสมัยไว้อย่างลงตัว  ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเลือกใช้สีสัน วัสดุ รูปแบบ หรือแม้กระทั่งลวดลายที่มีความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร การออกแบบของเขาจะยังคงกลิ่นอายของความเป็นเอเชียไว้ด้วยลวดลายของดอกไม้ นก และกิ่งไม้นานาชนิด อีกทั้งยังมีเซ็ทพิเศษที่ทางดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ”มิสเตอร์ อังเดร คิม” ได้ออกแบบและตัดเย็บมาโดยใช้ผ้าไหมไทยของของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ไทย อีกด้วย  นับเป็นการแสดงแฟชั่นโชว์ที่แสดงให้เห็นถึงสัมพันธภาพอันดีระหว่างสองประเทศ  ในนามของผู้จัดงานจึงขอเชิญชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นเสื้อผ้า และแฟนพันธุ์แท้ของซีรีย์เกาหลีห้ามพลาดกับการร่วมงานแฟชั่นโชว์ที่เรียกได้ว่าเต็มอิ่มชิดขอบรันเวย์กับเหล่าซุปเปอร์สตาร์ชายที่อิมพอร์ตมาจากประเทศเกาหลีอย่างคับคั่งในงาน “Andre‘Kim Fashion Fantasia in Bangkok”  สำหรับผู้สนใจสามารถซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์  ติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 02-262-3456 หรือ www.thaiticketmajor.com

3423
อีซีซี กรุ๊ป เปิดตัว โพรเมนาดา เชียงใหม่ พร้อมจัดตั้งอีซีซี รีเทล อินเวสท์เม้นท์ โฮลดิ้ง มูลค่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ




อีซีซี กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกจาก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เปิดตัว โพรเมนาดา เชียงใหม่ ที่สุดแห่งชีวิตยุคใหม่ในภาคเหนือ พร้อมจัดตั้งอีซีซี รีเทล อินเวสท์เม้นท์ โฮลดิ้ง มูลค่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการในไทยและเวียดนาม
          อีซีซี กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ประกาศทุ่มงบกว่า 3,100 ล้านบาท สร้าง โพรเมนาดา ศูนย์การค้าในเมืองเชียงใหม่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ
          โพรเมนาดา ศูนย์การค้าครบวงจรบนพื้นที่ 75, 000 ตารางเมตรตั้งอยู่บนถนนบ้านสหกรณ์ติดกับซูเปอร์ ไฮเวย์และถนนวงแหวนรอบ 2 ซึ่งเป็นย่านที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่และสามารถเดินทางได้สะดวก
          และเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทางศูนย์จึงได้คัดสรร   แบรนด์ชั้นนำของไทยและต่างประเทศทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหารและกิจกรรมบันเทิงอันหลากหลาย ทั้งนี้ศูนย์การค้าโพรเมนาดา มีกำหนดเสร็จสิ้นการก่อสร้างและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปี พ.ศ.2554


          งบลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท

          อีซีซี กรุ๊ป ได้วางงบประมาณการลงทุนในโครงการนี้ไว้ถึง 3,100 ล้านบาท (88.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยคาดว่าเมื่อก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้เกิดการจ้างงานถึง 3,000 ตำแหน่งและในช่วงระหว่างการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะเริ่มในช่วงครึ่งปีหลังของปีพ.ศ. 2552 จะทำให้เกิดการจ้างงานจากคนงานท้องถิ่นกว่าพันตำแหน่ง

          สำหรับอีซีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท ในเครือของอีซีซี กรุ๊ป ได้รับใบอนุญาตการลงทุนจากสถาบัน ส่งเสริมการลงทุน (ฺBOI) สำหรับการลงทุนโครงการ โพรเมนาดา เชียงใหม่ ทางบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท VGF Design ในเชียงใหม่ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกแบบ ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องเรือนและของตกแต่งบ้านคุณภาพสูง

          ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ว่า “เราให้คุณมากกว่าการช้อปปิ้ง” อีซีซี กรุ๊ป จึงมุ่งมั่นในการสร้างให้ โพรเมนาดา เป็นศูนย์รวมความทันสมัยและจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ของชาวเชียงใหม่และชาวเหนือรวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

          สำหรับการโปรโมท โพรเมนาดาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างนั้น อีซีซี กรุ๊ป มีแผนจัดงานแฟชั่นโชว์และคอนเสิร์ตอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการตีพิมพ์นิตยสาร โพรเมนาดา นิตยสารรายสามเดือนที่รวบรวมข่าวสาร กิจกรรมใหม่ ๆ และโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้อัพเดทสินค้าและเทรนด์ใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวเครดิตการ์ดของทางศูนย์และโครงการ Loyalty Program เพื่อดึงดูดใจลูกค้าด้วย
          อีซีซี กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2534 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าในยุโรป และจะนำความเชี่ยวชาญนี้มาพัฒนาโครงการในเอเชียถึงปัจจุบัน อีซีซี กรุ๊ป ใช้เงินลงทุนไปกว่า 12.25 พันล้านบาท (350 ล้านเหรียญสหรัฐ) สำหรับโครงการที่เสร็จสิ้นแล้วในยุโรป ขณะนี้ อีซีซี กรุ๊ป กำลังใช้เงินลงทุนกว่า 17.5 พันล้านบาท (500 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ใน ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทยและเวียดนาม) แอฟริกาเหนือ (โมรอคโค) และตะวันออกกลาง (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

          ในเวียดนาม อีซีซี กรุ๊ป ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท GuocoLand จากประเทศสิงคโปร์ เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์การค้า “โพรเมนาดา @ คาแนรี่” ภายใต้คอนเซ็ปท์เดียวกับโพรเมนาดา เชียงใหม่ ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของกรุงโฮจิมินห์ มีพื้นที่ทั้งหมด 82,000 ตารางเมตร คาดว่าการก่อสร้างเฟสแรกจะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 3 พ.ศ.2554 และการก่อสร้างในเฟสที่ 2 จะเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 4 พ.ศ. 2555 โดยจะเป็นโครงการศูนย์การค้าที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติแห่งแรกในเวียดนาม
          ทั้งนี้ อีซีซี อินเวสท์ บริษัทที่ดูแลด้านการลงทุนของอีซีซี กรุ๊ป ซึ่งก่อตั้งในปีพ.ศ. 2550 ได้จัดตั้งอีซีซี รีเทล อินเวสท์เม้นท์ โฮลดิ้ง มูลค่าถึง 8.75 พันล้านบาท (250 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

          เกี่ยวกับ อีซีซี กรุ๊ป
          อีซีซี กรุ๊ป เป็นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน โดยก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2534 อีซีซี กรุ๊ป มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบริหารงานศูนย์การค้าขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ โพรเมนาดา และมีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 65 คน ซึ่งดูแลการดำเนินงานและปฏิบัติงานในทวีปยุโรปและเอเชียได้แก่ ประเทศโปแลนด์ ฮังการี สาธารณรัฐเชค เวียดนามและไทย อีซีซี กรุ๊ปใช้เงินลงทุนกว่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการที่เสร็จสิ้นแล้ว และได้เตรียมงบลงทุนกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการในอนาคต ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549  อีซีซี กรุ๊ป  เริ่มลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

          ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีซีซี กรุ๊ป ได้ที่เว็บไซต์ www.eccrealestate.com

3424
“เวิลด์เด็กซ์ฯ” ทุ่มงบฯ 20 ล.เปิดโลกแห่งการเล่น-เรียนรู้ เนรมิตงาน “Kids of the World 2009”





   เวิลด์เด็กซ์ฯ ...เมินวิกฤติเศรษฐกิจ ผนึกองค์กรพันธมิตร และบริษัทชั้นนำของเมืองไทย เตรียมจัดงาน “Kids of the World 2009” สวนสนุกแห่งการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศ พร้อมเนรมิตรพื้นที่กว่า 13,500 ตารางเมตร ภายในอิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นดินแดนแห่งการ “เล่นและเรียนรู้” (Play & Learn) สำหรับเด็กสุดยิ่งใหญ่ในปลายปีนี้ ลั่นอัดงบ 20 ล้านบาท หวังดึงน้องๆ หนูๆ และผู้ปกครอง สัมผัสความหลากหลายของกิจกรรม อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะของเด็กและเยาวชนไทย

          คุณนงลักษณ์ ภัทรสกุล ผู้จัดการโครงการ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากความสำเร็จในการจัดงาน Kids of the World 2008 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้เวิลด์เด็กซ์ฯ ในฐานะบริษัทผู้จัดงานมีความตั้งใจที่จะจัดงาน Kids of the world 2009 อีกครั้ง เน้นการส่งเสริมความรู้เชิงสร้างสรรค์ และเสริมด้วยกิจกรรมการเล่นต่างๆ ที่สอดแทรกสาระที่จะเพิ่มจินตนาการอันเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชนและผู้ปกครอง ให้มีความยิ่งใหญ่ตระกรานตามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันที่ 1-5 ตุลาคม 2552 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          “ในปีที่ผ่านมาถือว่าเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบริษัทร่วมออกงานมากกว่า 250 ราย และมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 450,000 คน สำหรับงาน Kids of the world 2009 นี้ เราจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่าในปีที่ผ่านมา แต่ยังคงยึดแนวคิดเดิม คือ Play & Learn พร้อมด้วยการเนรมิตพื้นที่กว่า 13,500 ตารางเมตร ให้กลายเป็นโซนการเล่นและเรียนรู้ ให้เด็กและเยาวชนได้ค้นพบความสนใจเชิงทักษะในด้านต่างๆ ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา เพื่อพัฒนาการที่สมวัย ทั้งด้านสติปัญญา ร่างกาย และอารมณ์”

          สำหรับพื้นที่การจัดงาน ได้แบ่งออกเป็น 5 โซน คือ 1. Adventure World : การผจญภัยในโลกไดโนเสาร์ โดยผู้ร่วมชมงานจะได้ตื่นตาตื่นใจกับไดโนเสาร์จำลอง พร้อมโครงกระดูกไดโนเสาร์และฟอสซิล ของสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งบริษัทฯ ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมทรัพยากรธรณี 2. Toy City: เมืองของเล่นปลอดภัย พบกับของเล่นปลอดภัยไร้สารพิษ จากเหล่าแบรนด์ดังที่จะยกขบวนมาลดราคาภายในงาน รวมไปถึง playground zone สนามเด็กเล่นสำหรับน้องๆ เพื่อ

          พัฒนาการที่สมวัย โดยแบ่งเป็น 3 ช่วงวัย คือ 0-3 ปี / 4-9 ปี / และ 10-12 ปี 3. Talent World: โลกแห่งศิลปะ กลับมาอีกครั้งกับการปล่อยจินตนาการให้จับต้องได้ผ่านปลายพู่กันและสีสันอันหลากหลายไร้สารพิษ รวมทั้งกิจกรรมสร้างสรรค์เชิงศิลป์อีกมากมาย 4. Contest Zone: ในปีนี้กำหนดจัดการแข่งขัน “KIDS OF THE WORLD 2009 CHEERLEADING JUNIOR CONTEST” ขึ้น โดยเป็นการแข่งขันระดับอนุบาล ชิงถ้วยรางวัลและทุนการศึกษา เพื่อเป็นโอกาสให้เด็กๆได้แสดงออกและสร้างความสามัคคี และ 5. Shopping Zone: เด็กและผู้ปกครองจะได้พบกับสินค้ามากกมาย ที่พร้อมใจกันจำหน่ายในราคาพิเศษ

          “ปีนี้เราตั้งใจจะจัดให้ยิ่งใหญ่ และได้วางงบประมาณในการดำเนินงานและการประชาสัมพันธ์กว่า 20 ล้านบาท ผ่านสื่อทุกช่องทาง และหวังว่าตลอดทั้ง 5 วันของการจัดงาน Kids of the World 2009 จะเป็นโอกาสดี ที่ให้เด็กๆ และผู้ปกครอง ได้ใช้เวลาร่วมกันในช่วงปิดภาคเรียน ได้ร่วมสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมและสินค้าคุณภาพ รวมทั้งได้เรียนรู้และค้นพบความสนใจใหม่ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ของเด็กและเยาวชนไทย” คุณนงลักษณ์ กล่าว

          ด้าน คุณพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด หนึ่งในองค์กรพันธมิตรที่เข้าร่วมงานติดต่อกันเป็นปีที่ 2 เปิดเผยว่า บริษัทฯ รู้สึกยินดีที่จะเข้าร่วมงานอีกครั้ง เพราะงานดังกล่าวถือว่ามีความสอดคล้องกับนโยบายของเมืองไทยประกันชีวิต ที่มอบความสุขและรอยยิ้มให้กับชาวไทยตลอดมา

          สำหรับไฮไลท์ของบูธ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด นั้น นอกจากจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาการวางแผนอนาคตทางการเงินให้แก่ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมงานแล้ว ยังมีการจัดพื้นที่กิจกรรมสร้างเสริมทักษะให้กับน้องๆ อาทิ การวาดภาพระบายสี, การเพ็นท์เล็บ นอกจากนี้ยังมีการจัดพื้นที่ Play zone เพื่อให้น้องๆ ได้สนุกสนานกับบ้านลูกบอลอีกด้วย

          “นอกจากนี้ ภายในงานเมืองไทยประกันชีวิต ยังได้นำตัวการ์ตูนทั้ง 4 คาแร็กเตอร์อันแสนน่ารักของบริษัทฯ ได้แก่ พี่จิ้งจก พี่นกแสก พี่กะหร่อง และพี่ซูบซีด มาร่วมเดินโชว์ตัวในขบวนพาเหรด เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สัมผัสความน่ารักของพวกเขาอย่างใกล้ชิด”

3425
ข้อแนะนำสำหรับการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในโลกไร้พรมแดน



 นับตั้งแต่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น ซึ่งได้ทำลายกำแพงและอุปสรรคทางด้านเวลาและระยะทางในการติดต่อสื่อสารกันแล้ว อินเทอร์เน็ตยังเอื้อประโยชน์ให้การทำงานร่วมกันสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัดอีกด้วย ในปัจจุบัน เครื่องมือต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น อีเมล อินสแตนท์ เมสเสจจิ้ง การสร้างห้องสนทนาเฉพาะกลุ่ม การประชุมออนไลน์ หรือการสร้างคลังข้อมูลออนไลน์เพื่อใช้อ้างอิง (วิกิ wiki) ถือเป็นเครื่องมือที่รู้จักกันดีและใช้กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีการพัฒนาต่อเนื่องอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับเครื่องมือต่าง ๆ ดีเพียงใดก็ตาม เราก็ควรรู้จักวิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

          ไอบีเอ็ม ขอเสนอข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ 7 ประการ เพื่อสนับสนุนให้การทำงานร่วมกันเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
          1. เลือกใช้สื่อให้เหมาะกับเนื้อหา ก่อนที่จะเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพอร์ทัล วิกิ อินสแตนท์ เมสเสจจิ้ง หรือแม้กระทั่งการใช้โลกเสมือน เช่น เซคั่น ไลฟ์ (Second Life) เป็นต้น ควรพิจารณาเนื้อหานั้น ๆ ก่อนว่าควรจะใช้วิธีการสื่อสารหรือใช้ผ่านเครื่องมือแบบใดจึงจะเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเนื้อหาแต่ละประเภทอาจเหมาะกับรูปแบบหรือวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกัน
          2. สถานะ “กำลังออนไลน์อยู่” (Present) ไม่ได้หมายความว่า “ว่าง” ปัจจุบันในโปรแกรมอินสแตนท์ แมสเสจจิ้ง มักจะมีการแสดงสถานะของผู้ใช้ เช่น กำลังออนไลน์อยู่ ไม่ว่าง หรือ พักทานข้าว เป็นต้น แต่ในแง่ของการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพ เรามักจะต้องพิจารณาก่อนเริ่มส่งข้อความให้คู่สนทนาว่า การส่งข้อความของเรานั้นจะรบกวนคู่สนทนาหรือไม่ วิธีที่พึงกระทำก่อนอื่นใดก็คือ คุณควรจะเกริ่นถามคู่สนทนาก่อนว่า เขาหรือเธอสะดวกที่จะพูดคุยกับคุณในตอนนั้นหรือไม่ ก่อนจะเริ่มต้นการสนทนาอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
          3. ยึดหลักแห่งความเรียบง่ายในการสื่อสารหรือทำงานร่วมกัน หลักที่ควรยึดถือปฏิบัติข้อหนึ่งก็คือ การทำงานในวิธีการหรือรูปแบบใดก็ตาม ต้องเอื้อประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพ โดยไม่เพิ่มภาระหรือทำให้งานนั้น ๆ เกิดความซับซ้อนมากขึ้นโดยไม่จำเป็น ตัวอย่างหนึ่งที่อาจหยิบยกมาแสดงเพื่อให้เห็นภาพก็คือ การใช้บอร์ดสนทนาในการทำงานซึ่งอาจใช้ในโครงการที่มีผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเพื่อให้การสื่อสารหรือทำงานร่วมกันเกิดประสิทธิภาพดีขึ้น ผู้เกี่ยวข้องในงานดังกล่าวอาจเลือกวิธีการสนทนาแบบกลุ่มย่อยแทนในบางสถานะ เพื่อให้งานบางอย่างสำเร็จลุล่วงเร็วขึ้นหรือเกิดประสิทธิภาพดีขึ้น เป็นต้น
          4. คำนึงถึงความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม เฉกเช่นเดียวกับการไปเยือนประเทศหรือชุมชนที่มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา คุณควรคำนึงถึงข้อพึงปฏิบัติทางด้านวัฒนธรรมและมารยาทที่เหมาะสมในวัฒนธรรมนั้น ๆ เช่น การใช้ข้อความโต้ตอบแบบทันทีผ่านโปรแกรมอินสแตนท์ แมสเสจจิ้งอาจไม่ใช่เครื่องมือที่นิยมใช้หรือเหมาะสมในบางประเทศ หรือแม้กระทั่งตัวย่อที่ใช้ในวัฒนธรรมหนึ่งก็อาจแตกต่างกันในเชิงความหมายกับอีกวัฒนธรรมหนึ่ง เป็นต้น
          5. ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในเชิงสร้างสรรค์ให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน การทำงานร่วมกันอาจเป็นหนทางหนี่งในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการพบปะกันแบบตัวต่อตัวอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่การใช้เครื่องมือเช่น โปรแกรมส่งข้อความวิดีโอโต้ตอบแบบทันทีก็อาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการประชุมร่วมกันโดยตรง โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางโดยไม่จำเป็น
          6. เทคโนโลยีช่วยส่งเสริมการดูแลให้คำแนะนำระหว่างเพื่อนร่วมงาน การใช้เครื่องมือที่รู้จักกันดีสำหรับเทคโนโลยีโซเชียลเน็ตเวิร์คกิ้ง เช่น บล็อก แท็ก และชุมชนเสมือน อาจช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดต่อผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องหรือช่วยค้นหาข้อมูลที่ต้องการและสนับสนุนทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว เครื่องมือเหล่านี้ยังช่วยเสริมบรรยากาศของการทำงาน และเป็นประโยชน์โดยตรงโดยเฉพาะกับพนักงานใหม่ซึ่งอาจเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการสนทนา หรือใช้ชุมชนของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องเพื่อหาความรู้เฉพาะทางหรือสิ่งที่ตัวเองสนใจ เป็นต้น
          7. มาตรฐานแบบเปิดช่วยขยายขอบเขตของการทำงานร่วมกัน เช่นเดียวกับเป้าหมายของชุมชนโอเพ่นซอร์ส (Open Source) ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถใช้ เผยแพร่ และปรับปรุงโค้ดซอฟต์แวร์ได้อย่างอิสระ การใช้มาตรฐานเปิดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่รองรับการพัฒนาร่วมกันก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานในชุมชนนั้น ๆ ได้ช่วยเหลือกันในการปรับปรุงประสบการณ์การทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น

          ด้วยเทคนิคและข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ คาดว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันในโลกไร้พรมแดนและปราศจากข้อจำกัดด้านเวลาในปัจจุบัน

3426
ชีวาทัย รุกตลาดไฮเอ็นด์เปิดม่านคอนโดฯ “เดอะ สุรวงศ์” สร้างสีสันสุดเอ็กซ์คลูซีฟ บนถนนสุรวงศ์





 “ชีวาทัย” ผนึกความร่วมมือพันธมิตรสิงคโปร์ “ฮัพ ซูน โกลบอล” เปิดตัว บริษัท ชีวาทัย ฮัพ ซูน จำกัด พร้อมโครงการ “เดอะ สุรวงศ์ บาย ชีวาทัย ฮัพ ซูน ” โครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์?โลไรซ์ 8 ชั้น 52 ยูนิต โครงการใหม่ที่มาพร้อมแนวคิด “Redefining City Lifestyle” หวังเจาะกลุ่มเศรษฐีเมืองไทยและนักลงทุน โดยชีวาทัยคาด สามารถปิดการขายได้ภายในสิ้นปี 2552 หลังฟันยอดจองก่อนเปิดตัวไปกว่า 10% โดยงานแถลงข่าวเปิดตัวได้จัดขึ้น ในวันที่ 11 มีนาคม 2552 ณ? ห้อง พิมานแมน โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ

บริษัท ชีวาทัย จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์?ที่เปิดตัวบริษัทฯ พร้อมโครงการ “ชีวาทัย ราชปรารภ” โครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองย่านราชปรารภ พร้อมรุกหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เพื่อเจาะกลุ่มตลาดบน และนักลงทุนโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ “เดอะ สุรวงศ์” ที่ร่วมทุนกับ บริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์?เวิกส์ สยาม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท ฮัพ ซูน โกลบอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหลัก ทรัพย์สิงคโปร์ใน สัดส่วนการลงทุน 50/50 กับ เม็ดเงินลงทุนกว่า 350 ล้านบาท

          หลังจากการเล็งเห็นศักยภาพในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากทำเลที่ตั้งของบริษัท ยูไนเต็ด มอเตอร์?เวิกส์ (สยาม) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลทองบนถนนสุรวงศ์ ท่ามกลางแหล่งธุรกิจ สถานศึกษา โรงพยาบาล และการเดินทาง และประสบการณ์ในการบริหารการก่อสร้างและการขายโครงการ ของบริษัทชีวาทัย จำกัด สู่การเริ่มโครงการ เดอะ สุรวงศ์ บาย ชีวาทัย ฮัพซูน โดยพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคงและความสามารถในการบริหารที่เข้มแข็งของทั้งสองฝ่าย เพิ่มความเชื่อมั่น ให้ลูกค้าทั้งในสิงคโปร์และประเทศไทย

          เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวทั่วโลก ชีวาทัยมองว่าเป็นโอกาสอันดีของบริษัทฯ? ที่จะสามารถลงทุนได้ อย่างคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากค่าวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างตลอดจนที่ดินที่มีราคาต่ำลงถึง 10-15% จึงทำให้ต้นทุนมีมูลค่าต่ำลง อีกทั้งในแง่ของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มตลาดระดับ A-A+ และนักลงทุน ทั้งไทยและต่างชาติที่มีเงินออมค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ถือว่าเป็น การลงทุนที่มีโอกาสการผันผวนของราคาต่ำ

          โดยการเปิดตัวของโครงการ “เดอะ สุรวงศ์” จะมีกำหนดเปิดตัวอีกครั้งในวันที่ 27-29 มีนาคม 2551 ณ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติกับบริษัทร่วมทุน และเป็นการเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าชาวสิงคโปร์ซึ่งถือว่าเป็น Potential Client ที่มีพฤติกรรมการซื้ออสังหาริมทรัพย์?ในต่างประเทศ อีกทั้งกลุ่มนักลงทุนชาวสิงคโปร์?ในปัจจุบันมีแนวโน้ม การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในต่างประเทศมากขึ้น? นาย บุญ ชุน เกียรติ กรรมการบริษัทชีวาทัย ชาวสิงคโปร์?กล่าว

          สำหรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ในฐานะนักลงทุนสิงคโปร์ มองว่า การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ยังมีความน่าสนใจอยู่มาก ทั้งในด้านนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อ อัตราดอกเบี้ย ประกอบกับในมุมมอง สำหรับชาวต่างชาติ เมื่อเปรียบเทียบราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยกับสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ยุโรป ฯลฯ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในประเทศไทย ยังถือว่ามีความคุ้มค่าอยู่มาก ทั้งในด้านของราคา คุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบสาธารณูปโภค ค่าครองชีพ ธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งล้วนส่งผลให้โครงการคอนโดมิเนียม “เดอะ สุรวงศ์” ในส่วนของโควตาชาวต่างชาติจะหมดไปอย่างรวดเร็ว มร. เฮนรี่ เฮง กรรมการบริหาร บริษัท ยูไนเต็ดมอเตอร์เวิกส์ (สยาม) จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริม

          โครงการ “เดอะ สุรวงศ์” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอ็นด์?ขนาด 8 ชั้น ที่ตั้งอยู่บนถนนสุรวงศ์ โดยพื้นที่ โครงการ 240 ตารางวา กับรูปแบบการก่อสร้าง ในสไตล์? Modern Contemporary จำนวน 52 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ 40 – 79 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ ตารางเมตรละ 120,000 บาท หรือ 4.3 -10 ล้านบาทต่อยูนิต โดยทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในคอนเซปต์ “Redefining City Lifestyle” โดยแบ่งเป็นห้องประเภท A-G

          ประเภทห้อง A ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน ขนาด 40.28 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต ประเภทห้อง B ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน ขนาด 45.26 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต ประเภทห้อง C ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอน ขนาด 46.72 ตารางเมตร จำนวน 18 ยูนิต ประเภทห้อง D ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน ขนาด 53.41 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต ประเภทห้อง E ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน ขนาด 65.14 ตารางเมตร จำนวน 1 ยูนิต ประเภทห้อง F ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน ขนาด 69.78 ตารางเมตร จำนวน 5 ยูนิต ประเภทห้อง G ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน ขนาด 74.03 ตารางเมตร จำนวน 5 ยูนิต ประเภทห้อง G1 ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอน ขนาด 79.43 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต โดยทุกห้องประเภทนั้นมาพร้อมกับโปรโมชั่น Fully Furnished

          โครงการ “เดอะ สุรวงศ์” ยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสุดเอ็กคลูซีฟ อาทิ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ให้ความมั่นใจด้วยระบบป้องกันความปลอดภัยสูงสุด โดยความลงตัวทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ บนถนนสุรวงศ์?ที่แวดล้อมด้วยย่านเศรษฐกิจ ย่านความบันเทิงและย่านการศึกษาหลักของประเทศไทย อาทิ ห้างเซ็นทรัล พัฒน์พงษ์ เซ็นทรัลเวิร์ล สยามสแควร์ มาบุญครอง ฯลฯ โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ สถานศึกษาชั้นนำของประเทศ และยังเดินทาง ไปมาอย่างสะดวกสบายหลากหลายวิธี อาทิ ทางด่วน รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที

          ด้วยจุดเด่นของโครงการเดอะ สุรวงศ์ บาย ชีวาทัย ฮัพ ซูน ทั้งทำเลที่ตั้ง การออกแบบ และการจำกัดจำนวนห้องเพียง 52 ยูนิต เพื่อความส่วนตัวและสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ไม่เพียงความประทับใจเมื่อแรกเห็นในรูปลักษณ์?ภายนอกเท่านั้น ภายในยังตกแต่งอย่างทัยสมัย และยัง มอบโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์ครบชุดพร้อมเข้าอยู่ในทุกยูนิต นับว่าเป็นโครงการที่

          คุ้มค่าในการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเห็นได้จากความสำเร็จของโครงการ “ ชีวาทัย ราชปรารภ ” ที่มียอดจองอย่างรวดเร็ว จึงทำให้มั่นใจได้ว่า “เดอะ สุรวงศ์” จะได้รับตอบรับจาก ลูกค้าหลังจากการ เปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ

          โดยท่านสามารถเยี่ยมชมโครงการ “เดอะ สุรวงศ์” พร้อมห้องตัวอย่างได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ณ? สำนักงานขาย “เดอะ สุรวงศ์ แกลลอรี่” บน?ถนนสุรวงศ์ กรุงเทพฯ? โทรศัพท์ 02-679-8870 หรือที่ www.chewathai.com

3427
ศูนย์บริการ “เรียนรู้งาน สานฝันเด็กไทย” ตามโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษา ให้มีรายได้ระหว่างเรียนของ ศธ. ปี ๒๕๕๒  เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน

รมว.ศธ. กล่าวว่า การดำเนินงานเปิดศูนย์บริการ “เรียนรู้งาน สานฝันเด็กไทย” ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง ศธ. กระทรวงแรงงาน กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียนนักศึกษา ให้มีรายได้ในช่วงปิดภาคเรียนของปี ๒๕๕๒ ตามที่รัฐบาลนโยบายสนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา ๑๕ ปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นับเป็นการช่วยลดภาระให้กับผู้ปกครอง ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้หลายครอบครัวประสบกับสภาวะยากลำบากในการดำรงชีวิต

ดังนั้น การจัดและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีประสบการณ์ระหว่างเรียน โดยการหารายได้จากการทำงานระหว่างปิดภาคเรียน ในขณะเดียวกัน เป็นการฝึกให้เด็กและเยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เห็นคุณค่าของการทำงาน ทำให้เกิดการประหยัด อดออม ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังนิสัยที่ดี และสร้างคุณลักษณะที่น่าชื่นชม

นอกจากนี้ ยังได้รับทราบว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีโครงการส่งเสริมการอ่านและการรู้หนังสืออย่างหลากหลาย ซึ่งนับเป็นการสนองนโยบายของ ศธ. ที่กำลังจะดำเนินการจัดให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติต่อไป กิจกรรมนี้จึงนับเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

รมว.ศธ.กล่าวขอบคุณหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยสานฝันเด็กไทยให้มีอนาคตที่ก้าวไกลจากประสบการณ์เรียนรู้งานในครั้งนี้ ขอให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนที่มาร่วมงาน ร่วมกิจกรรมต่างๆ ด้วยความสนุกสนาน มีความพยายามเรียนรู้ด้วยตนเอง เห็นคุณค่าของการอ่านหนังสือ และเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่ดีต่อตนเอง นำไปสู่ทางเลือกในการประกอบวิชาชีพในอนาคตต่อไป

วัตถุประสงค์การดำเนินงาน   เพื่อเปิดโครงการและศูนย์บริการ “เรียนรู้งาน สานฝันเด็กไทย” และรับสมัครนักเรียน นักศึกษา เข้าทำงาน เพื่อหารายได้ในช่วงปิดภาคเรียนในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน  เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับความรู้ ประสบการณ์ มีโลกทัศน์และโอกาสการเลือกและตัดสินใจทางอาชีพ ที่สามารถพัฒนาสู่อาชีพที่ยั่งยืนในอนาคต  และเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา เกิดการเรียนรู้ เกิดทักษะในการทำงาน รวมทั้งงานส่งเสริมการอ่านที่สามารถเป็นแกนนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กิจกรรมพี่สอนหนังสือน้อง กิจกรรมการสอนผู้ไม่รู้หนังสือ สอนหรืออ่านหนังสือให้แก่ผู้ด้อยโอกาสหรือผู้พิการ กิจกรรมการทำข้อมูลเชื่อมโยงความรู้ ห้องสมุดโรงเรียนกับห้องสมุดประชาชน
 

วิธีการดำเนินการ

ส่วนกลาง มีการเปิดศูนย์บริการ “เรียนรู้งาน สานฝันเด็กไทย”  ซึ่งเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ ๓-๖ มีนาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น.  ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร  รับสมัครงานทั้งภาครัฐและเอกชน ภาครัฐประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร    ซึ่งเอื้อเฟื้อสถานที่จัดงาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี สพฐ. กศน. และ สช. ตลอดจนภาคเอกชนมาร่วมออกบูธรับนำเรียน/นักศึกษาเข้าทำงาน จำนวน ๑๘ บริษัท ซึ่งจะรับนักเรียน นักศึกษาเข้าทำงานและร่วมจัดกิจกรรมร้านค้าในงานนี้ด้วย  นอกจากนั้นจะมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ในการทำงาน จัดกิจกรรมทดสอบความถนัด  ฝึกทักษะอาชีพ กิจกรรมเสวนาความรู้ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ กิจกรรมการทำงาน เพื่อการรักการอ่าน

ส่วนภูมิภาค จะมีการรับนักเรียน/นักศึกษา เข้าทำงาน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน   โดยภาครัฐจะให้ กศน. อำเภอ จำนวน ๘๗๐ อำเภอ เป็นหน่วยขับเคลื่อนในลักษณะการจ้างงานแบบบูรณาการ เพื่อให้ห้องสมุดประจำอำเภอ และสถานศึกษาในอำเภอรับนักเรียนเข้าทำงาน    ในวันที่ ๑๖-๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ นอกจากนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขตทั่วประเทศ   ร่วมดำเนินการจ้างงานด้วย

ลักษณะงานที่ทำ  งานภาครัฐจะเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ โครงสร้างพื้นฐาน ผลิตสื่อ กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ และการรักการอ่าน  ภาคเอกชน งานกิจการร้านค้า ประชาสัมพันธ์ หรือพนักงานเก็บเงิน คาดว่าในปีนี้ ทั้งประเทศจะสามารถจ้างงานนักเรียน/นักศึกษา ได้ถึง ๕๐,๐๐๐ คน จำแนกเป็น ภาครัฐ จำนวน ๒๐,๐๐๐ คน และภาคเอกชน จำนวน ๓๐,๐๐๐ คน

3428
งานฉลอง 1 ปี นิตยสารบันเทิง OHO มีคนบันเทิงไปร่วมงานกันเพียบ งานนี้เขามอบรางวัลเป็นกำลังใจให้คนบันเทิงด้วย

นิตยสารบันเทิง OHO จัดงานฉลองครบรอบ 1 ขวบปี เลยมีกองทัพสื่อมวลชน ดารา และแฟนคลับ เข้าร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง ทำเอา 4 ผู้บริหาร หอย เปิ้ล วิลลี่ และ แหม่ม ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว

ซึ่งในงานนี้ก็มีการประกาศรางวัลขวัญใจ OHO โดยตำแหน่งขวัญใจฟรีเซ็นเตอร์ชายหญิงนั้น หนุ่มบี้ สุกฤษฎิ์ และสาวแพนเค้ก เขมนิจ ก็คว้ารางวัลไปนอนกอดหลังจากมีเจ้าของสินค้าจองตัวกันข้ามปี

ส่วนรางวัลละครเรตติงสูงสุด ก็ตกเป็นของละครเรื่อง คมแฝก, หนังองค์บาก 2 ครองรางวัลภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด ไปตามความคาดหมาย ส่วนหนุ่มออฟ ปองศักดิ์ ก็คว้ารางวัลเจ้าพ่อเพลงประกอบละครไปครอง ด้านรางวัลนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ก็เป็นของหนุ่มสุดฮอตฟิล์ม รัฐภูมิ ส่วนขวัญใจละครชายหญิงนั้นก็ตกเป็นของคู่ขวัญ แอน-เคน


3429
“แพนเค้ก” ชวนคนไทยร่วมโหวต เพื่อมอบเงินบริจาค 3.8 ล้านบาทให้เด็กไทยผู้ด้อยโอกาส กับแคมเปญ “ซัมซุงโฮป”




 แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ ดารานางแบบชื่อดัง ร่วมกับนายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ประกาศเปิดตัวแคมเปญซีเอสอาร์เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนครั้งยิ่งใหญ่ “ซัมซุงโฮป (Samsung Hope)” เพื่อเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมบริจาคเงินจำนวน 3.8 ล้านบาท โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้แก่ 3 โครงการในซัมซุงโฮป ประกอบด้วย “โฮป ฟอร์ โฮม (Hope for Home)” โครงการให้ที่พักพิงและความรักความอบอุ่นแก่น้องกับโสสะมูลนิธิแห่งประเทศไทยฯ “โฮป ฟอร์ ฮาร์โมนี่ (Hope for Harmony)” โครงการสร้างผู้นำเยาวชนกับมูลนิธิรัฐบุรุษฯ และ “โฮป ฟอร์ ฟิวเจอร์ (Hope for Future)” โครงการเพื่อมอบโอกาสอนาคตทางการศึกษาแก่เยาวชนไทยของบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด โดย “แพนเค้ก” ได้มาร่วมรณรงค์จัดกิจกรรมเชิญชวนชาวไทย “คลิกเพื่อโหวต” พร้อมนำขบวนน้องๆจากโสสะมูลนิธิฯ เดินแจกใบปลิวโครงการบริเวณสยามสแควร์ ผู้สนใจสามารถร่วมทำบุญได้โดยเข้าไปโหวตที่เว็บไซต์ www.samsung.com/th/hope ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม นี้

3430
สถาพร มาเก็ตติ้ง - คายาริ ยาจุดกันยุงประเภทผสมสมุนไพร





  บริษัท สถาพร มาเก็ตติ้ง จำกัด  ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533 บนเนื้อที่กว่า 48,000 ตรม ในจังหวัด สมุทรสาคร เพื่อดำเนินกิจการด้านยาจุดกันยุงชนิดขดคุณภาพสูงหลังจากพบว่าประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการนำเข้ายาจุดกันยุงจากประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นระยะเวลายาว และยังมีปัญหาด้านคุณภาพของสินค้า  ปัญหาการขนส่งและภาษี  ดังนั้นจึงเห็นว่าการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดขึ้นเองในประเทศ จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยในการรักษาเงินตราภายในประเทศไว้ได้
          จากการเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านผลิตวัตถุดิบสำหรับลิตยาจุดกันยุงยาวนานกว่า 40 ปี ผนวกเข้ากับกาเดินทางไปศึกษางานด้านการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการนำเข้าเครื่องจักรคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น จากจุดเริ่มต้นที่กำลังการผลิตจำนวน 65 ล้านขดและพนักงานเพียง 20 คน ในปี พ.ศ. 2534 นั้น เป็นต้นกำเนิดของการผลิตยาจุดกันยุงชนิดขดและนำออกสู่ตลาด อีกทั้งยังมีการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการผลิตมาโดยตลอด จนได้รับมาตรฐาน ISO 9002 เป็นแห่งแรกของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2543  ทำให้สินค้าของทางบริษัทฯมีคุณภาพสูงในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ   จนกระทั่ง บริษัทฯสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึงกว่า  700 ล้านขด และมีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 200 คน ในปัจจุบัน
          หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะผู้ผลิต  ทางบริษัทฯจึงได้มีนโยบายที่จะผลิตสินค้ายาจุดกันยุงที่มีความแตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยจะเน้นในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกใช้สินค้าที่ดี  จึงได้มีการทำวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังทำให้เราพบว่ามีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงได้ดี  เช่น  ตะไคร้หอม  ขมิ้นชัน  และ ยูคาลิปตัส อีกทั้งยังสามารถสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนของตัวผลิตภัณฑ์ในเรื่องของสีและกลิ่น โดยมีการใช้สูตรการผสมแบบพิเศษทำให้ได้ยาจุดกันยุงขดสีฟ้า และ มีกลิ่นหอม  ซึ่งได้มีการจดเป็นตราสินค้าของบริษัทขึ้นใน เดือน สิงหาคม ปี 2004  ในชื่อว่า  “คายาริ”   ซึ่งมาจากภาษาญีปุ่นแปลว่า “ผู้พิชิตยุง”  โดยได้มีการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์คือ  คายาริ เป็นยาจุดกันยุงผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม และ มีประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง  นับได้ว่า คายาริ เป็นผู้สร้างนวตกรรมใหม่ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ให้กับวงการยาจุดกันยุงอย่างแท้จริง


          ในช่วง 2 ปีแรกของการทำตลาดนั้นเราจะเน้นในเรื่องของการกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งทางบริษัทฯได้มอบความไว้วางใจให้กับทาง บริษัท ดิทแฮล์ม จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย  ซึ่งทำให้เราสามารถครอบคลุมพื้นที่จัดจำหน่ายหลักๆได้ประมาณ 80% จนกระทั่งในปี 2006 ทางบริษัทฯ ได้เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจัง ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า  “เราจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญออกสู่ตลาดเสมอ”  นั่นหมายความว่าการทำการตลาดให้กับคายาริจะต้องเป็น talk of the town ในทุกด้าน ทั้ง above the line และ below the line  โดยในปี 2006 ทางบริษัทฯ ได้มีการออกภาพยนต์โฆณา โดยใช้ น้องเดียว ที่ในขณะนั้นกำลังจะเป็นแชมป์การตอบคำถาม 100 หน้าจากเกมส์ทศกัณฑ์เด็ก มาเป็นพรีเซนเตอร์  โดยใช้คอนเซปต์ว่า “ฉลาดใช้” ซึ่งเป็นการนำความอัจฉริยะของน้องเดียว มาเพื่อพูดจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในเรื่องของการมีส่วนผสมของสมุนไพรธรรมชาติ 99%  เพื่อสื่อว่าคนฉลาดเลือกใช้สินค้าจะเลือกใช้ยาจุดกันยุงคายาริ   ซึ่งคายาริเป็นรายแรกที่เห็นศักยภาพของน้องเดียวในการสร้าง brand awareness ให้กับสินค้าโดยใช้ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 3 ปี (ปี2006-2008)จนทำให้คายาริเป็นที่รู้จักดีในกลุ่มเป้าหมาย   ทำให้คายาริซึ่งถือว่าเป็นยาจุดกันยุงน้องใหม่สามารถแทรกตัวเข้ามาแบ่งส่วนตลาดได้ด้วยเวลาเพียง 2 ปี (2004-2006) โดยอยู่ในอันดับที่ 5 ของตลาด ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดจากมูลค่าตลาดรวม 750 ล้านบาท ดังนี้  ห่านฟ้า 36%, ช้าง 23%, ไบกอน 18%, คินโช 6%, คายาริ 3.8% และ อื่นๆ 13.2%   โดยมีอัตราการเติบโต 15% ต่อปี (ที่มา : บริษัท เอซี เนลสัน จำกัด จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ  ฉบับวันที่  25 มิย.- 1 กค. 50 )  นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้มีการทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคอีกมากมาย อาทิเช่น  การทำหน่วยคอมแมนโดแจกสินค้าทั่วประเทศ  , การสนับสนุนโครงการดาวรุ่งลูกทุ่งไทยแลนด์  เพื่อให้ผู้บริโภคได้เกิดการทดลองใช้สินค้า ซึ่งจากการทำการตลาดเชิงรุกทั้ง above และ below the line อย่างจริงจังด้วยวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด best brand award 2007  จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในหมวดสินค้าจากทรัพยากรธรรมชาติ  ซึ่งนับเป็นความสำเร็จก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของทางบริษัทฯกับสินค้า ยาจุดกันยุงคายาริ 
          สำหรับในปี 2009 นี้ ทางบริษัทฯ ได้สร้างปรากฎการณ์ Talk of the Town  อีกครั้งในการใช้กลยุทธ์  Music Marketing  ด้วยการ สนับสนุนอัลบั้มการกุศลของ ฮีโร่นักชกเหรีญทองโอลิมปิกของคนไทย คุณ สมจิตร จงจอหอ ในอัลบั้ม “นักรัก…สมัครเล่น” เพื่อหารายได้เข้า กองทุนกีฬาเพื่อน้อง ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อจัดหาอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนยากจน  ซึ่งอัลบั้มชุดนี้จะเป็นแนวเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้กำลังใจ และ แสดงความห่วงใยคนที่รัก อย่างเช่นเพลง กว่าจะถึงวันนี้ – เป็นการให้กำลังใจสำหรับคนที่กำลังท้อแท้ให้สู่ต่อไป และ เพลง ขอเป็นยากันยุง – เป็นการแสดงความห่วงใยคนรักด้วยการอาสาเป็นยากันยุงไล่ยุงให้คนรัก เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแต่งเพลงขึ้นใหม่ให้กับคายาริ ซึ่งเป็นเพลงพิเศษที่ทาง คุณ วิทย์ มหาชน โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มชุดนี้แต่งให้เพื่อเป็นการขอบคุณทางคายาริที่เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมดีของทางคุณสมจิตร จงจอหอ  พร้อมกันนี้ได้มีการถ่ายทำภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ในคอนเซปต์ “ การ์ดป้องกันยุงร้าย”  โดยให้ คุณสมจิตร จงจอหอ เป็น  brand ambassador ซึ่งจะมีการทุ่มงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท ทั้งในส่วนของ  โทรทัศน์  วิทยุ  และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ  อีกทั้งยังมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อคืนสู่สังคมด้วยการบริจาคเงินจากทุกกล่องคายาริที่ขายได้ในช่วงเดือน มีนาคม – มิถุนายน 2552 เข้าสุ่กองทุนกีฬาเพื่อน้องอีกด้วย  โดยทางบริษัทฯได้ตั้งเป้าจากแคมเปญนี้ไว้ว่าในปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 40% จากปี 2008  และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 15%
 
          ยาจุดกันยุงคายาริ
          คายาริ เป็นยาจุดกันยุงประเภทผสมสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม โดยมีส่วนผสมจากสมุนไพรธรรมชาติ (ยูคาลิบตัส ตะไคร้หอม และ ขมิ้นชัน) ถึง 99%  ปลอดภัย และ มีประสิทธิภาพในการไล่ยุงสูง

          กลุ่มเป้าหมายหลัก   แม่บ้านอายุ 30 ปีขึ้นไป          กลุ่มเป้าหมายรอง    ช/ญ อายุ 25 ปีขึ้นไป 


 

          คายาริมี 3 กลิ่นคือ
            กลิ่นดอกไม้  ขดสีฟ้าจากดอกอันชัญ ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะไคร้หอม, ยูคาลิปตัส)
            กลิ่นสมุนไพร ขดสีเหลืองจากขมิ้นชัน ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะไคร้หอม, ยูคาลิปตัส และ ขมิ้นชัน)
            กลิ่นลาเวนเดอร์ ขดสีม่วง ผสมสมุนไพรธรรมชาติ (ตะใคร้หอม,ยูคาลิปตัส และ ขมิ้นชัน)

          การเปรียบเทียบคุณสมบัติยาจุดกันยุงคายาริ กับ ยาจุดกันยุงในท้องตลาด

          จุดเด่นของยาจุดกันยุงคายาริ                                    ยาจุดกันยุงท้องตลาด

          มีส่วนผสมสมุนไพรธรรมชาติ จาก ยูคาลิบตัส ตะไคร้หอม และ ขมิ้นชัน      ผลิตจากสารเคมี กลิ่นฉุน ผู้บริโภครู้สึกว่าอันตราย

          ให้กลิ่นหอมยาวนานตลอดการจุดจนหมดขด                           กลิ่นเจือจางเมื่อจุด
          แยกขดง่ายไม่แตกหัก และ เผาไหม้หมดตลอดขด                      แตกหักง่ายเมื่อแยกออกจากขดคู่ หรือเมื่อถูกกระแทกเพียงเล็กน้อย และ จุดแล้วมักดับกลางคัน
          มีสารออกฤทธิ์ในปริมาณที่เหมาะสมให้ประสิทธิภาพการไล่ยุงสูง            ปริมาณสารออกฤทธิ์น้อยกว่าที่ระบุไว้ข้างกล่องทำให้ประสิทธิภาพการไล่ยุงไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน

3431
เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวใหม่...สู่ I Bank



นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ภาพลักษณ์ใหม่ ก้าวใหม่...สู่ I Bank ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยมี ศ.พล.ท.ดร.สมชาย วิรุฬหผล ประธานกรรมการ และนายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ธนาคารอิสลามฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องบอลรูม ร.ร.อินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา

3432
“แอดแมน” ครั้งที่ 6 ชูงานสื่อสารการตลาดเป็นวาระแห่งชาติ กับแนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ”



  คณะกรรมการบริหารสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวรายละเอียดของการประกวดสุดยอดงานโฆษณาและงานสื่อสารการตลาดของเมืองไทย “Adman Awards & Symposium 2009” ครั้งที่ 6 โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
          งาน Adman Awards & Symposium หนึ่งในงานประกวดสุดยอดงานโฆษณาและผลงานสร้างสรรค์ระดับโลกของไทย ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ” เพื่อ เฉลิมฉลองผลงานสร้างสรรค์ที่ดีเด่น ทุ่มเท กล้าหาญที่จะเอาชนะข้อจำกัด อุปสรรคต่าง ๆ จนเกิดผลสำเร็จในการสร้างแบรนด์และการขาย พร้อมสะท้อนถึงความสำคัญของงานโฆษณาที่มีต่อชาวไทยและประเทศชาติ มีความโดดเด่นจนเป็นที่สนใจและศึกษาของชาวต่างชาติทั่วโลกมาไม่น้อย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นและ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้รุดหน้ามาโดยตลอด
          นายตรง ตันติเวชกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท วายแอนด์อาร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวดในปีนี้ กล่าวว่า “แนวคิด “วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ” ของแอดแมนปีนี้เกิดขึ้นจากการที่พวกเราซึ่งเป็นคนทำงานด้านการตลาด การสื่อสาร การออกแบบสร้างสรรค์ เห็นว่าน่าจะมีวันของพวกเราบ้าง เหมือนกับที่เด็กๆ มีวันเด็กแห่งชาติ ทำไมจะมีวันแอดแห่งชาติบ้างไม่ได้ เพื่อเป็นวันที่พวกเราสามารถแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีที่มีต่อกัน และให้ความสำคัญต่อวิชาชีพ”
          “งานโฆษณาถือเป็นผลผลิตสำคัญอันหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้คนไทยและประเทศชาติ สามารถสร้างแรงสะเทือนให้กับวงการโฆษณาระดับนานาชาติได้เสมอ และเป็นแบบอย่างให้ชาวต่างชาติศึกษามาก็ไม่น้อย ยิ่งเมื่อพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในขณะนี้ เรายิ่งต้องทุ่มเท บ้าคลั่งกับการคิดงานสร้างสรรค์งานให้เจ๋ง แหลมคม ชนิดที่คนดูเห็นแล้วแทบจะวิ่งออกไปซื้อของซื้อสินค้าทันที เพื่อกระตุ้นให้เงินหมุนเวียน ผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เปรียบเหมือนกับว่า ยิ่งมีงานที่ฉลาดๆ มากเท่าไร ชาติก็ยิ่งเจริญมากขึ้นเท่านั้น” นายตรงกล่าว
          ในปีนี้มีการเพิ่มรางวัลประเภทสื่อโฆษณา “Interactive and Digital media” เพราะสื่อทางอินเทอร์เน็ตนับเป็นสื่อที่กำลังเป็นที่นิยมและมีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน
          นอกจากนั้น รางวัลประเภทสื่อโฆษณา “Ad That Works” ซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ยังคงมีอยู่ต่อไป โดยเป็นรางวัลที่เปิดให้ผู้วางแผนกลยุทธ์การตลาดและลูกค้าส่งผลงานเข้าประกวด ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลใหญ่อีกหมวดหนึ่งที่เทียบเท่ากับรางวัลในระดับ Best of The Best ในงาน โดยเกณฑ์การตัดสินคำนึงถึงประสิทธิภาพและความได้ผลของแผนงานสื่อสารเพื่อการตลาดและการสร้างแบรนด์เป็นสำคัญ และมีคณะกรรมการตัดสินต่างหากแยกออกจากคณะกรรมการชุดงานครีเอทีฟ
          นายปารเมศร์ รัชไชยบุญ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทยและ ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน Adman Awards & Symposium กล่าวว่า “งาน Adman Awards & Symposium ในปีนี้ เราอยากให้คนทำงานในอุตสาหกรรมโฆษณาและการสื่อสารเล็งเห็นคุณค่าของตนเองและวิชาชีพ ตลอดจนบทบาทที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยเติมพลังในการสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดนิ่งและท้อถอย”
          ประเภทการประกวดและรางวัลต่าง ๆ สำหรับปีนี้แบ่งออกเป็น 11 หมวดหลัก คือ สื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้งและสื่อแฝง สื่อวิทยุ การออกแบบกราฟฟิค แผนและกลยุทธ์การใช้สื่อโฆษณา แผนประชาสัมพันธ์ แผนการตลาดประเภทกิจกรรม สื่อโฆษณาแบบ Integrated Marketing Campaign (ซึ่งเผยแพร่ในสื่อโฆษณาตั้งแต่ 3 สื่อขึ้นไป) Ad That Works และ Interactive & Digital Media รวมจำนวนรางวัลทั้งหมด 289 รางวัล
          งานในครั้งนี้จะจัดร่วมกับงานสัมมนาเชิงวิชาการอีกสองรายการเหมือนทุกปีที่ผ่านมา คือ งานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยศรีปทุม รับเป็นเจ้าภาพร่วมกับสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย และงานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา ซึ่งนิตยสารแบรนด์เอจจะจัดร่วมกับสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับนิสิตนักศึกษา และบุคลากรในสายงานโฆษณา
          นายตรง ตันติเวชกุล ประธานคณะกรรมการตัดสิน กล่าวเสริมว่า “ปีนี้เรามุ่งหวังที่จะชักชวนทุก ๆ คนที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนธุรกิจโฆษณาและการตลาดมาร่วมกันสร้างและเฉลิมฉลอง “วันแอดแห่งชาติ” กับงานแอดแมนครั้งที่ 6 ให้ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีที่ผ่าน ๆ มา”
          สำหรับผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดตั้งแต่ 1 เมษายน ถึง 4 พฤษภาคม 2552 นี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท แพลนโนวา จำกัด โทร. 0-2530-9300 หรือ เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.adassothai.com หรือ www.admanawards.com
          งานสัมมนาเชิงวิชาการ (Adman Symposium)
          งานสัมมนาเชิงวิชาการ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน Adman Awards & Symposium โดยในปีนี้ งานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษาซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยศรีปทุม และสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “คนโฆษณา เส้นทางนอกตำรา #6” ส่วนงานสัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา จัดโดยนิตยสาร BrandAge โดยมีหัวข้อที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป
          งานสัมมนาเชิงวิชาการเป็นการร่วมมือกันจากหลายฝ่ายรวมถึงด้านการศึกษา และให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความความคิดและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวงการโฆษณา โดยผู้ดำเนินรายการและผู้อภิปรายจะมีการโต้ตอบกับผู้ร่วมสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพูดคุยและวิเคราะห์ทิศทางในอนาคตที่อาจเป็นประโยชน์ต่อวงการโฆษณาไทยในอนาคต
          งาน Adman Awards & Symposium 2009 – วันที่ 29 พฤษภาคม 2552
          งานสัมมนาเชิงวิชาการ (Adman Symposiums)
          - สัมนาเชิงวิชาการสำหรับนักศึกษา หัวข้อ “คนโฆษณา เส้นทางนอกตำรา #6”
          - สัมมนาเชิงวิชาการสำหรับนักโฆษณา
          งานประกวด Adman Awards
          แนวคิด: วันแอดแห่งชาติ งานฉลาด ชาติเจริญ
          ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

3433
บลจ.ทิสโก้ จัดเสวนา “ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก”



    บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด นำโดย อารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ และผู้บริหาร ให้การต้อนรับ อัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และ สุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ. ปตท. ในโอกาสที่มาร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญในงานเสวนาพิเศษ “ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ บลจ. ทิสโก้จัดให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการลงทุนในน้ำมัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินค้าโภคภัณฑ์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เมื่อเร็วๆ นี้
          ทั้งนี้ บลจ. ทิสโก้กำลังอยู่ในระหว่างการเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์” เปิดทางรับผลตอบแทนตามราคาน้ำมันดิบโลก มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยเสนอขายครั้งแรก (IPO) จนถึงวันที่ 20 มี.ค. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 2 หมื่นบาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TISCO Contact Center โทร. 02 633 6000 กด 4

จากซ้ายไปขวา
1. พิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
2. อัษฎากร ลิ้มปิติ รองผู้จัดการใหญ่สายงานกลยุทธ์และพัฒนาศักยภาพ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
3. อารยา ธีระโกเมน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
4. สุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บมจ. ปตท.
5. ธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด

3434
ซิสโก้เผย Connected Health เต็มรูปแบบ ตั้งเป้าสร้างชุมชนเชื่อมโยงระบบสุขภาพครบวงจร



ร.พ.สมิติเวช โดดร่วมวิสัยทัศน์ ก้าวสู่การเป็น Connected Hospital พร้อมเตรียมต่อยอดสู่ Connected Health ด้านเน็กเซนเทลเผยสร้างชุมชนระบบสุขภาพต้องใช้ความเข้าใจ ผสานเทคโนโลยีเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ

          ซิสโก้เปิดตัว Connected Health เต็มรูปแบบ ชี้ทิศทางการใช้ระบบเครือข่ายเพื่อธุรกิจบริการด้านสุขภาพ แนะเชื่อมโยงสร้างชุมชนระบบสุขภาพแบบครบวงจร มั่นใจเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและสังคม ยกเคสจริง ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท Connected Hospital สมบูรณ์แบบ ก้าวแรกสู่ Connected Health พร้อมควงแขนเน็กเซนเทลเผยเคล็ดลับการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายสู่กระบวนการทางธุรกิจ

          นายวัตสัน ถิระภัทรพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ บริษัทซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Connected Health คือแนวคิดการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงชุมชนระบบสุขภาพแบบครบวงจร โดยเชื่อมโยงทุกบริการที่เกี่ยวข้องกับการบริการสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงผู้รับบริการปลายทางเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สถานพยาบาลทั้งในเมืองและในพื้นที่ห่างไกล ผู้ป่วย แพทย์ ร้านขายยา สถาบันวิจัย หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง บริษัทประกัน ไปจนถึงลูกจ้าง พนักงาน และบ้านเรือน เป็นต้น
          นายวัตสัน กล่าวต่อว่า ระบบ Connected Health จะช่วยให้โรงพยาบาลขยายขอบเขตการประสานความร่วมมือกันได้อย่างครอบคลุม ทำให้ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ช่วยพัฒนาการให้บริการ ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังช่วยเชื่อมโยงบุคลากรทางการแพทย์ถึงกัน และเชื่อมโยงแพทย์เข้ากับข้อมูลสำคัญต่างๆ ช่วยให้แพทย์สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดและให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเส้นทางการดูแลรักษาพยาบาล ขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ป่วยมีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลหรือดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น อีกทั้งยังได้ขยายแนวความคิดเรื่องการแพทย์เชิงป้องกันหรือการตรวจดูแลผู้ป่วยแบบระยะไกลให้ไกลออกไปจากเดิม โดยจะสามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ก่อนที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาล
          นายวัตสัน กล่าวอีกว่า ซิสโก้มีโซลูชั่นสำหรับการเชื่อมโยงทางการแพทย์ที่ครบวงจร เริ่มตั้งแต่ระบบเครือข่ายอัจฉริยะซิสโก้ เมดิคัล-เกรด เน็ตเวิร์ค (Cisco Medical-Grade Network) เพื่อรองรับการใช้ข้อมูลสุขภาพร่วมกัน ซึ่งสามารถตรวจสอบ คุ้มครอง และซ่อมแซมตัวเอง เพื่อให้แอพพลิเคชั่นและข้อมูลสำคัญมีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังมีโซลูชั่นซิสโก้ คอนเน็กเต็ด อิมเมจจิ้ง (Cisco Connected Imaging) สำหรับบริหารจัดการและเชื่อมโยงการรับส่งภาพถ่ายทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยเฉพาะรังสีวิทยาเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจวิเคราะห์เเละวินิจฉัยโรค และโซลูชั่นซิสโก้ คลินิคัล คอนเน็กชั่น สวีท (Cisco Clinical Connection Suite) ที่เชื่อมต่อแพทย์ ผู้ป่วย และข้อมูลสุขภาพเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร ซึ่งภายใต้ระบบ Cisco Clinical Connection Suite ยังประกอบไปด้วย solution ต่าง ๆ เช่น
          Collaborative Care เพื่อให้การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ให้บริการด้านการเเพทย์และผู้ป่วย หรือ ระหว่างผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์ด้วยกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยให้การบริการผู้ป่วยใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ความพึงพอใจสูงสุดจากผู้ป่วย Interpretation Services ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างล่ามที่มีอยู่ปริมาณจำกัดให้บริการผู้ป่วยต่างชาติได้จำนวนมากขึ้นเเละยังสามารถบริหารจัดการล่ามที่อยู่ต่างสถานที่ผ่านโครงข่ายเน็ตเวิร์คสำหรับสถานบริการบางที่ที่มีล่ามภาษานั้น ๆ ในปริมาณที่จำกัดหรือไม่มีเลย ถัดมาระบบติดตามตำแหน่งที่ตั้ง (Context Aware Healthcare) ซึ่งระบบสามารถติดตามข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย (Mobile Care) ระบบติดตามพยาบาลฉุกเฉิน (Nurse Call) ผ่านไอพีโฟนไร้สายสำหรับพกพา และระบบเทเลเพรสเซนส์ (TelePresence for Healthcare )สำหรับการบริการสุขภาพ ที่ผู้ป่วยจะได้รับบริการจากสถานบริการการเเพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางการเเพทย์ผ่านระบบเสมือนจริง
          ด้านนายวันชัย สว่างวงศากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กเซนเทล จำกัด กล่าวเสริมว่า ในแต่ละภาคธุรกิจมีความเฉพาะตัวของตัวเอง การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้จึงมีความท้าทายแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับกระบวนการทางธุรกิจของธุรกิจนั้นๆ อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ธุรกิจบริการสุขภาพ ต้องใช้โซลูชั่นทางด้านการแพทย์ ซึ่งควรจะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ ที่เชื่อมต่อแพทย์ ผู้ป่วย และข้อมูลสุขภาพเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการรักษาพยาบาลในลักษณะประสานความร่วมมือกันและกัน โดยเชื่อมต่อบุคลากรที่เหมาะสมเข้ากับข้อมูลผู้ป่วยในแบบไดนามิก เพื่อปรับปรุงความรวดเร็วในการรักษาพยาบาล และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม เป็นต้น
          สำหรับร.พ.สมิติเวช สุขุมวิทนั้น ได้ติดตั้งซิสโก้ไอพีโฟนรุ่น 7970 และซิสโก้ไอพีโฟนไร้สายรุ่น 7921G ซึ่งเน็กเซนเทลเป็นผู้พัฒนาแอพลิเคชั่นบนเครื่อง รวมถึงระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่ต้องติดตั้งแอ็คเซสพ้อยท์นับร้อยจุด จึงต้องอาศัยระบบบริหารจัดการเครือข่ายที่ชาญฉลาด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัยข้อมูล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและทำให้เครือข่ายไร้สายพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีโซลูชั่นด้านการแพทย์อื่นๆ อาทิ ระบบ Patient Discharge ระบบบริการล่ามผ่านจอ ระบบเชื่อมโยงภาพถ่ายทางการแพทย์ เป็นต้น
          ฝ่าย พญ.สมสิริ สกลสัตยาทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดเผยว่า สมิติเวช ในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล็งเห็นประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพราะเราเชื่อว่าเทคโนโลยีคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ยกระดับการให้บริการ ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ตลอดจนลดความซับซ้อนในการทำงานลงไปได้ในขณะเดียวกัน จึงเป็นเหตุผลที่สมิติเวชได้ก้าวสู่การเป็น Connected Hospital ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมุมมองของซิสโก้ในเรื่อง Connected Health
          สมิติเวชได้ผสานแนวคิดในเรื่อง Connected Health นี้เข้ากับวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาล และได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแอพลิเคชั่นทั้งระบบให้สมบูรณ์แข็งแรง โดยมีซิสโก้คอยให้คำปรึกษาในแนวทางต่างๆ และเราก็พบว่ายังมีความเป็นไปได้อีกมากที่การเชื่อมโยงถึงกันบนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์จะสามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดกับธุรกิจ ตัวองค์กร ผู้ปฏิบัติงาน ผู้รับบริการ ไปจนถึงทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายในหรือภายนอกองค์กรก็ตาม
          ในวันนี้เราได้กลายเป็น Connected Hospital อย่างแท้จริง เทคโนโลยีช่วยให้เราเชื่อมโยงทุกแผนกของโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน ขณะเดียวกันลูกค้าและผู้ป่วยที่มาใช้บริการของเราก็สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอก และขอรับบริการต่างๆ ของโรงพยาบาลได้สะดวกขึ้น พร้อมๆ กับที่เราเองก็ทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย

เกี่ยวกับซิสโก้ ซีสเต็มส์
          ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านระบบเครือข่ายที่เปลี่ยนแปลงวิธีการเชื่อมต่อ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซิสโก้ได้ที่ http://www.cisco.com หรือติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของซิสโก้ได้ที่ http://newsroom.cisco.com สำหรับผลิตภัณฑ์ของซิสโก้ในประเทศไทยได้รับการจัดหาโดยบริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของซิสโก้ ซีสเต็มส์ อิงค์

          ซิสโก้ เครื่องหมายซิสโก้ และซิสโก้ ซิสเต็มส์ เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือเครื่องหมายการค้าของบริษัท ซิสโก้ ซิสเต็มส์ และ/หรือบริษัทในเครือ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆที่ปรากฏในเอกสารนี้เป็นทรัพย์สินย์ของบริษัทนั้นๆ การใช้คำว่าคู่ค้ามิได้แสดงถึงความสัมพันธ์ทางด้านคู่ค้าระหว่างซิสโก้และบริษัทอื่นๆ สำหรับเอกสารนี้เป็นข้อมูลสาธารณะของซิสโก้

เกี่ยวกับเน็กเซนเทล
          เน็กเซนเทลก่อตั้งขึ้นโดยการรวมตัวกันของทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมานานกว่า 18 ปี มุ่งเน้นให้บริการติดตั้งโซลูชั่นด้านการสื่อสารบนเครือข่ายไอพี ซึ่งรวมถึง VoIP ยูนิฟายด์ คอมมูนิเคชั่น และโซลูชั่นไอพี คอนแท็ค เซ็นเตอร์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้ระบบการสื่อสารที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจรวดเร็วยิ่งขึ้น

เกี่ยวกับ ร.พ.สมิติเวช
          โรงพยาบาลสมิติเวชก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2522 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ชั้นนำในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานด้านการแพทย์ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพทั้งในประเทศไทยและมาตรฐานสากลจาก Joint Commission International หรือ JCI ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือ 3 แห่งได้แก่ สุขุมวิท ศรีนครินทร์ และศรีราชา

3435
news & activity / SCIB Platinum Bancassurance
« on: March 11, 2009, 03:56:08 PM »
SCIB Platinum Bancassurance



นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (ขวา) กับ มร.โทมัส เจมส์ ไวท์ รองประธานบริหารระดับสูงและผู้บริหารอาวุโส บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ภูมิภาคเอเชีย ร่วมเปิดโครงการ “SCIB Platinum Bancassurance” ด้วยการขายกรมธรรม์ประกันชีวิต 2 แบบ ผ่านสาขาธนาคาร 407 แห่ง ทั่วประเทศ ได้แก่ กรมธรรม์ “SCIB Platinum Life Single Premium” และ “SCIB Platinum Saving 21/7” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ

Pages: 1 ... 227 228 [229] 230