Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 [2] 3 4 ... 2397
16
ศูนย์การค้าแพลทินัม ชวนช้อปชิม สุดแซ่บ ในงาน “ Zaap Spicy Fest ” ตั้งแต่วันนี้ -  31 มี.ค. 67


ศูนย์การค้าแพลทินัม ชวนช้อปชิม สุดแซ่บ ในงาน Zaap Spicy Fest พบกับความเผ็ดร้อนแสนอร่อยด้วยเมนูรสแซ่บสุดซี๊ดมากกว่า 100 เมนู อาทิ ต้มยำกุ้งหม้อไฟ ทะเลเผาน้ำจิ้มซีฟู๊ด และอาหารนานาชาติมากมาย ปรุงสดพร้อมเสิร์ฟนอกจากนี้ยังมีผลไม้เครื่องดื่มชุ่มฉ่ำดับร้อนให้เลือกสรร และโซนจำหน่ายสินค้าแฟชั่น มากกว่า 70 ร้านค้า ณ ลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าแพลทินัม ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 67 ติดตามรายละเอียดร้านค้าและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ได้ที่ FB: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์


















17
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มอบรางวัล “Allianz Ayudhya Hospital Service Awards”
ยกระดับมาตรฐานการบริการที่เป็นเลิศ


              บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับโรงพยาบาลเครือข่ายอลิอันซ์ อยุธยา แคร์ ทั่วประเทศ ยกระดับบริการทุกด้านสู่ความเป็นเลิศ จัดงานมอบรางวัลเกียรติยศ “Allianz Ayudhya Hospital Service Awards 2023” ปีที่ 14 รางวัลแห่งเกียรติยศการันตีการบริการที่เป็นเลิศ ให้แก่โรงพยาบาลที่ได้รับคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าสูงสุด หวังยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการบริการตามกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง


              นางสาวนภา  ตรีรัตนาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานธุรกิจประกันสุขภาพ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “บริการทางการแพทย์ของประเทศไทยนับได้ว่ามีคุณภาพและมาตรฐานในอันดับต้นของโลก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต่างให้ความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์ และนวัตกรรมในโรงพยาบาลของไทยอย่างมาก อลิอันซ์ อยุธยา จึงมุ่งมั่นในการมอบบริการเป็นเลิศ ยกระดับการให้บริการด้านการคุ้มครองสุขภาพ รางวัลเกียรติยศ “Allianz Ayudhya Hospital Service Awards 2023” ในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับทุกโรงพยาบาลในเครือฯ ร่วมสร้างมาตรฐานการดูแลด้านการแพทย์และการบริการให้ลูกค้าพึงพอใจอย่างสูงสุดตามกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง”


มร.โทมัส วิลสัน

              อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ประสบความสำเร็จในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้รับคะแนน NPS Score ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าอยู่ในระดับ Loyalty Leader ความสำเร็จนี้ เกิดจากการทำงานของหลายฝ่าย ซึ่งส่วนหนึ่งที่สำคัญ คืองานบริการจากโรงพยาบาลเครือข่าย อลิอันซ์ อยุธยา แคร์ กว่า 500 แห่งทั่วประเทศที่ร่วมมือร่วมใจกันในการพัฒนาบริการเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้า


              สำหรับการประกาศผลรางวัลเกียรติยศ ประจำปี 2023 จะมอบให้กับโรงพยาบาลเครือข่ายอลิอันซ์อยุธยาแคร์ ที่มีผลงานยอดเยี่ยมใน 3 ประเภท โดยในแต่ละประเภทรางวัล บริษัทฯ ได้แบ่งโรงพยาบาลออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม A และกลุ่ม B ตามจำนวนผู้ป่วยใน ตลอดปี 2023 โดยปีนี้ มีโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลทั้งหมด 6 โรงพยาบาล ดังนี้


1. Allianz Ayudhya Best Medical Excellence Award – รางวัลการบริหารและการบริการทางการแพทย์ยอดเยี่ยม
มอบให้กับโรงพยาบาลที่มีการบริหาร การบริการ และมีความเหมาะสมในทางการแพทย์ยอดเยี่ยม โรงพยาบาลที่มีผลรวมคะแนนการตรวจรักษาและมีความเหมาะสมในการให้บริการทางการแพทย์สูงสุด

โรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลได้แก่

§  กลุ่ม A ได้แก่  โรงพยาบาล กรุงเทพ (สำนักงานใหญ่)
§  กลุ่ม B ได้แก่  โรงพยาบาล พญาไท 1


2. Allianz Ayudhya Best Collaboration Award – รางวัลความร่วมมือและการประสานงานทางการแพทย์ยอดเยี่ยม
มอบให้กับโรงพยาบาลที่ให้ความร่วมมือในการประสานงานด้านต่าง ๆ กับ อลิอันซ์ อยุธยา อย่างดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการบริการทางการแพทย์ การตรวจรักษาของโรงพยาบาล และความความพึงพอใจ ของลูกค้า

§  กลุ่ม A ได้แก่ โรงพยาบาล ไทยนครินทร์
§  กลุ่ม B ได้แก่ ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


3. Allianz Ayudhya Best Utilization Management Award: รางวัลการบริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์ยอดเยี่ยม
มอบให้กับ โรงพยาบาลที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์อย่างมีคุณภาพ เหมาะสม คุ้มค่า และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่ไปใช้บริการ

§  กลุ่ม A ได้แก่ โรงพยาบาล ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์   
§  กลุ่ม B ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพขอนแก่น



นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรางวัลพิเศษ อีก 3 รางวัล ได้แก่

1.      Best UR Team รางวัลทีมบริหารจัดการทางการแพทย์ยอดเยี่ยม มอบให้กับ ทีมงานโรงพยาบาลที่ให้ความร่วมมือในการประสานงาน และความมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ด้าน การบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ที่จำเป็น เหมาะสม และคุ้มค่า อย่างดีเยี่ยม

§  กลุ่ม A ได้แก่  โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท   
§  กลุ่ม B ได้แก่ ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


2.   Best Discharge team: รางวัลทีมบริหารจัดการ Hospital Discharge ยอดเยี่ยม มอบให้กับทีมงานโรงพยาบาลที่ให้ความร่วมมือในการประสานงานการกลับบ้านของลูกค้าที่เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยในได้รวดเร็วและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่ไปใช้บริการ

§  กลุ่ม A ได้แก่  โรงพยาบาล วิชัยยุทธ
§  กลุ่ม B ได้แก่ โรงพยาบาล กรุงเทพหัวหิน


3.   Best Medical Cooperation team: รางวัลทีมประสานงานความร่วมมือทางการแพทย์ยอดเยี่ยม มอบให้กับทีมงานโรงพยาบาลที่ให้ความร่วมมือการประสานงานด้านการตลาดทั้งการส่งเสริมสุขภาพ และการโปรโมทแคมเปญสุขภาพ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าที่ไปใช้บริการ

§  กลุ่ม A ได้แก่ โรงพยาบาล พญาไท 2
§  กลุ่ม B ได้แก่ โรงพยาบาล ศรีสวรรค์


             โรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัล ประกาศนียบัตรประกาศเกียรติคุณ และโอกาสทางธุรกิจกับ อลิอันซ์ อยุธยา และขอขอบคุณโรงพยาบาลในเครือฯ ทั่วประเทศ ที่ร่วมพัฒนาบริการเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าปัจจุบันและในอนาคตไปด้วยกัน

18
สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ จัดประชุมวิชาการสัญจร
พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่


              เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย (เสื้อสีเหลือง)มอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬาฯและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านเกาะมุกต์ ในการประชุมวิชาการสัญจร ของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มีการประชุมวิชาการในหลายหัวข้อ อาทิ เรื่อง Age Gracefully สูงวัยอย่างสง่างาม โดย รศ.นพ.วรพงษ์ สนัสเกียรติ เลขาธิการสมาคมแห่งประเทศไทยและ เรื่อง Hair Loss Make Easy โดย รศ.นพ.รัฐพล ตวงทอง ประธานวิชาการมาคมแทพย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ที่  จ.ตรัง ทั้งนี้สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เพื่อตอบแทนสังคม โดยให้การรักษาโรคผิวหนังรวมทั้งให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป




19
แฟรนไชส์ขนส่ง BEST Express กับเทคนิคบริหารจัดการที่หลากหลายตอบโจทย์ด้านการบริการตามแต่ละพื้นที่


              การลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ท้าทาย แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ตลาดในไทยนับว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก ผันแปรไปตามธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจขนส่งจึงนับเป็นธุรกิจที่น่าลงทุนในปัจจุบัน เบสท์ เอ็กซ์เพรส (BEST Express) เป็นขนส่งพัสดุด่วนเจ้าแรกในไทยที่ดำเนินธุรกิจแบบแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ 100% โดยผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ BEST Express

              สามารถดูแลบริหารจัดการลูกค้าในพื้นที่ดูแลได้อย่างอิสระเต็มที่ ทำให้แฟรนไชส์หลายสาขามีวิธีการบริหารและดำเนินกิจการขนส่งที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ด้วยเคล็ดลับการบริการลูกค้าที่ตรงจุดส่งผลให้ยอดพัสดุของสาขาโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

              คุณวันรัก ศิริพันธ์โนน แฟรนไชส์ BEST Express สาขาชัยภูมิ1 เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ BEST Express จุดเริ่มต้นในขนส่งพัสดุด่วนของคุณวันรัก เริ่มจากการเป็นผู้ขายออนไลน์ทางอีคอมเมิร์ซ และขยายธุรกิจก้าวสู่ผู้ให้บริการด้านการขนส่งพัสดุด่วนที่ทำหน้าที่ทั้งรับและกระจายพัสดุให้กับลูกค้า โดยมีมุมมองว่า “ธุรกิจขนส่งทำให้เราไปต่อได้ ถ้าธุรกิจอีคอมเมิรซ์โต ขนส่งก็จะโตตามไปด้วย จากประสบการณ์ที่เราได้รับจากการค้าขายออนไลน์ ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงการบริการด้านโลจิสติกส์ ประกอบกับเรามีบุคลากร มีรถเป็นของตัวเอง และมีความรู้ในการบริหารจัดการพื้นที่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจลงทุนเป็นแฟรนไชส์ BEST Express เนื่องจากเป็นขนส่งเดียวที่เปิดรับแฟรนไชส์ ให้เรามีสิทธิ์ในการบริหารพื้นที่ตั้งแต่ขารับและกระจายพัสดุ รวมทั้งมีสิทธิ์ในการบริหารพื้นที่โดยมีเบสท์ สำนักงานใหญ่คอยสนับสนุนการดำเนินงานและระบบต่าง ๆ ทำให้มองเห็นรายได้ที่คิดว่ามันน่าจะไปได้ดี”

              การบริหารพื้นที่สาขาชัยภูมิ1 ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากชัยภูมิเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างและมีหลายอำเภอ โดยบางอำเภออาจมีภูมิศาสตร์ที่ค่อนข้างยากลำบากในการจัดส่งพัสดุเป็นอย่างมาก จุดเด่นในด้านการบริการคือเราจะให้ความสำคัญกับลูกค้าในพื้นที่เป็นอันดับแรก เป็นสิ่งที่ยึดถือเป็นหลักในการบริหารสาขามาโดยตลอด และเน้นบริการหลังการขายเป็นสำคัญ ทำให้ฐานลูกค้าในพื้นที่ชัยภูมิทั้งที่เป็นพัสดุชิ้นเล็ก และพัสดุชิ้นใหญ่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

              แฟรนไชส์ BEST Express สาขานวลจันทร์ นับเป็นอีกหนึ่งสาขาที่ประสบความสำเร็จอย่างสง่างาม ในการร่วมธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนเคียงคู่กับ BEST Express ด้วยความมุ่งมั่นใส่ใจในการบริหารสาขา คุณชณันวัชร์ ตันติวิศานต์ภพ แฟรนไชส์ BEST Express สาขานวลจันทร์ ได้ตัดสินใจมาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ BEST Express โดยมองเห็นโอกาสในธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนว่ามีทิศทางที่ดีสามารถเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้ “เนื่องจากสาขานวลจันทร์มีพื้นที่บริการที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้ได้เปรียบในการบริหารจัดการสินค้า โดยในพื้นที่มีลูกค้ารายใหญ่ค่อนข้างมาก อีกทั้งการบริการลูกค้าที่ดีทำให้สาขามีฐานลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยการบริการที่ใส่ใจอย่างสม่ำเสมอทำให้รักษาฐานลูกค้าได้ โดยเฉพาะลูกค้า VIP ที่มียอดพัสดุในแต่ละวันค่อนข้างมาก โดยหลักการทำงานของสาขาหมือนเป็นการบริการแบบจู่โจม สาขายินดีรับฟังความคิดเห็นต่าง ๆ ของลูกค้า และนำมาแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว และไม่พบปัญหาซ้ำอีก”

              นอกจากนี้คุณชณันวัชร์ ยังมีวิสัยทัศน์ในการบริหารสาขาเชิงบวก สอดรับกับนโยบายของสำนักงานใหญ่เสมอมา “ทุกนโยบายของสำนักงานใหญ่ คือ โอกาสของแฟรนไชส์ เช่น BEST Express มีบริการขนส่งพัสดุชิ้นใหญ่ ทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นในการหาลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งไม่กี่เจ้าในบริษัทขนส่งพัสดุด่วนของเอกชนที่รับพัสดุชิ้นใหญ่ เราเป็นเจ้าใหญ่ที่รับ กลายเป็นจุดแข็งของเรา และตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี เพราะสามารถส่งได้ทั้งชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่ นับว่าเป็นโอกาสดี ๆ ที่สามารถเพิ่มรายได้ให้แฟรนไชส์ได้อย่างยั่งยืน” คุณชณันวัชร์ กล่าวปิดท้าย


              แฟรนไชส์ที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนกับ BEST Express ทั้งสาขาชัยภูมิ1 และสาขานวลจันทร์ อาจมีพื้นที่ในการบริหารสาขาที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้บริหารแฟรนไชส์ทั้ง 2 สาขามีคล้ายกัน คือ ทัศนคติในการดำเนินธุรกิจที่มองอุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ เป็นโอกาสที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ สำหรับนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุด่วนกับ BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ติดต่อเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนที่ BEST Express ติดต่อได้ที่ Call center 02-108-8000 หรือ LINE Official Account: @BESTEXPRESSTH หรือคลิก https://lin.ee/jj3oCAb

20
เอาใจสายดาร์กทริลเลอร์ "เกม ล่า ตาย" ลงจอครั้งแรกที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             ทรูโฟร์ยูชวนคุณผู้ชมไล่ล่าหาตัวฆาตกรในเกมออนไลน์ จะเป็นอย่างไร เมื่อชีวิตถูกเดิมพันไว้กับเกมสยอง เตรียมพบภาพยนตร์ "เกม ล่า ตาย" แนวทริลเลอร์ไซไฟสัญชาติไทย ผลงานการกำกับของ “นิพนธ์ จ้าวเจริญพร” มาพร้อมทัพนักแสดงวัยรุ่น หล่อซื่อ ลี วัศพล กอระกัน อินทัช เหลียวรักวงศ์ อธิชนัน ศรีเสวท ทองภูมิ สิริพิพัฒน์ สุทธิ์รักษ์ ศรีทองกุล จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ และ ภัทร กฤตเมธ ที่จะมาร่วมสร้างความสนุกและลุ้นระทึกกันตลอดทั้งเรื่อง


             เริ่มต้นจาก เมธ (หล่อซื่อ ลี) ชายหนุ่มสู้ชีวิตที่หาเงินมารักษาน้องสาวที่ป่วยหนัก เขาต้องร่วมมือกับเพื่อนเขา พีท(อินทัช เหลียวรักวงศ์) และไปรท์ (วัศพล กอระกัน) เล่นเกมออนไลน์ “ยอดนักสืบ” จนพวกเขาได้เงินรางวัลก้อนโต และแล้วพวกเขาก็พบว่าเกมที่เล่นเป็นคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญที่เคยเกิดขึ้นจริง และฆาตกรก็อยู่ใกล้ตัวเขา ด้วยความโลภไม่มีที่สิ้นสุดของเมธ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบาดหมางกัน เมธก้าวข้ามหัวเพื่อนรัก จน“ความตาย” ค่อยๆคืบคลานมาสู่เมธ ห้ามพลาดชม "เกม ล่า ตาย" ( Bad Social) ในช่วงมูฟวี่พรีเมียร์ วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม เวลา 18.40 น. ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live










21
นิตยสาร BUSINESS+ โดย บมจ.เออาร์ไอพี จับมือ ม.หอการค้าไทย
จัดมอบรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย
THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024




             นิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดงานมอบรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” รางวัลอันเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจแด่องค์กรไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศ ที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศในแต่ละด้าน ประจำปี 2567 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future of AI – Enabled Enterprises โดยปีนี้มีองค์กรได้รับรางวัลทั้งสิ้นรวม 20 รางวัล ประกอบด้วยรางวัลประเภทอุตสาหกรรม 7 รางวัล และรางวัลความเป็นเลิศ 13 รางวัล โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมรับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ  โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ


             นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า “ งานมอบรางวัลในวันนี้นับเป็นปีที่ 12 ที่นิตยสาร BUSINESS+ ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future of AI – Enabled Enterprises  : ก้าวสู่อนาคตขององค์กรด้วยปัญญาประดิษฐ์ ด้วยความชาญฉลาดและความก้าวหน้าของ AI ย่อมจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง และการปฏิวัติการทำงานในด้านต่างๆ มากขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ทั้งด้านประสิทธิภาพการทำงาน และการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Generative AI ซึ่งจากการวิจัยของ McKinsey แสดงให้เห็นว่า Generative AI สามารถเปิดใช้งานระบบอัตโนมัติในกิจกรรมทางธุรกิจได้มากถึงร้อยละ 70 ในเกือบทุกสาขาอาชีพระหว่างปัจจุบันถึงปี 2030 ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้นับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกองค์กรจะต้องศึกษาเรียนรู้ และนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ให้มากยิ่งขึ้น ในนามนิตยสาร Business+ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024 นี้ จะเป็นอีกหนึ่งรางวัลสำคัญในการเสริมสร้างกำลังใจ ให้องค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เสริมสร้างความมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการธุรกิจให้เจริญงอกงามยั่งยืน อันเป็นรากฐานสำคัญของเศรษกิจไทยต่อไปในอนาคต”


             รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า  “มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านธุรกิจของประเทศและระดับอาเซียนที่มุ่งสร้างผู้ประกอบการ ผู้บริหาร และนักบริหารธุรกิจที่มีคุณภาพ มีคุณธรรมจริยธรรม พร้อมรับมือกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนด้านนวัตกรรม  ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  โดยมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตร วิศวกรรมคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์  และวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่เน้นเรื่อง Data Analytics and Intelligent System Development เพื่อสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจ ที่จะต้องมุ่งไปสู่โลกแห่ง AI ที่เป็นอนาคต ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก อย่างไรก็ตามปี 2567 นี้ เราเองต้องพบกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และทุกท่านในที่นี้คือผู้ที่สามารถฝ่าฝันทุกอุปสรรคในปีที่ผ่านมาได้จนเป็นที่ประจักษ์ ผมจึงขอแสดงความยินดีกับทุกองค์กรที่เข้ารับรางวัลในครั้งนี้ รางวัลนี้จะเป็นอีกรางวัลแห่งเกียรติยศและสร้างความภาคภูมิใจในความสำเร็จขององค์กร”




             สำหรับรายชื่อองค์กรที่ได้รับรางวัล “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024”  ได้แก่

ประเภทอุตสาหกรรม

1.   อุตสาหกรรมการเงิน ได้แก่ บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด
2.   อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
3.   อุตสาหกรรมประกันชีวิต ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
4.   อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)     
5.   อุตสาหกรรมพลังงาน ได้แก่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
6.   อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
7.   อุตสาหกรรมสำรวจและผลิตทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณูปโภค ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)


ประเภทความเป็นเลิศ

1.   BEST CROSS BORDER BUSINESS SOLUTIONS AWARD ได้แก่ Bank of China (Thai) Public Company Limited
2.   BEST INNOVATIVE TECHNOLOGY AWARD ได้แก่ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด
3.   DIGITAL BANKING SERVICES OF THE YEAR AWARD ได้แก่ ทีเอ็มบีธนชาต
4.   ESG EXCELLENCE AWARD ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)
5.   FAST-GROWING COMPANY AWARD ได้แก่ MERZ AESTHETICS THAILAND
6.   MOST ADMIRED BRAND AWARD ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
7.   MOST POTENTIAL AWARD ได้แก่ บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
8.   OUTSTANDING AWARD ได้แก่ บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)
9.   TOP BUSINESS PARTNERSHIP AWARD ได้แก่ บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด
10.   TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD ได้แก่ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
11.   TOP MANAGEMENT AWARD ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)


ประเภท RISING STAR

12.   RISING STAR ได้แก่ บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด
13.   RISING STAR ได้แก่ บริษัท เอ็น.พี. เมดิคอล จำกัด (โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์เนิร์ฟ)

22
“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” จับมือ “คลีนแอนด์แคร์”
แถลงข่าวงาน “บัตร M Gen x Klean&Kare : ACNE It’s OK เป็นสิวไม่เป็นไร”



         นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณาบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)  พร้อมด้วย พันตรี สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.เอ็น.บี. ลาบอราตอรี่ จำกัด และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจที่นอกเหนือจากโรงพยาบาล 7.2 (Non Hospital) บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) แถลงข่าวงาน  “บัตร M Gen x Klean&Kare : ACNE It’s OK เป็นสิวไม่เป็นไร” เกี่ยวกับความร่วมมือในการส่งมอบความสนุกบันเทิง ผ่อนคลายความเครียดผ่านโปรโมชั่นการชมภาพยนตร์ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้กับลูกค้าคนรุ่นใหม่ ตลอดจนประเด็นอื่นๆ ในวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.30 – 11.30 น. ณ โรงภาพยนตร์ VIP Theatre 1 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

          สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.majorcineplex.com   www.facebook.com/MajorGroup  รวมถึง www.kleanandkare.co.th/thและ www.facebook.com/KleanandKare/

23
“ดอยตุง” ชวนเที่ยวงาน กาดกลางกรุง 2567


        กลับมาอีกครั้งกับงาน "กาดกลางกรุง ดอยตุง 2567" ครั้งที่ 3 กับงานมหกรรมรวมสินค้า และอาหารจาก “ดอยตุง” แบรนด์ธุรกิจเพื่อสังคม ที่ส่งตรงสินค้าและวัตถุดิบคุณภาพจาก โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย ระหว่าง วันที่ 24-31 มีนาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น.  ณ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์

         สำหรับงาน กาดกลางกรุง 2567 จัดขึ้นในในธีม Crafted Sustainability เพลิดเพลินกับบรรยากาศกรีนๆ ใจกลางกรุง ภายในมีไฮไลท์มากมาย อย่างโซนช้อปสินค้าหัตถกรรมงานคราฟต์รักษ์โลก จากผ้าทอมือไทยด้วยเทคนิคการทอที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของดอยตุงและดีไซน์อันโดดเด่น อาทิเช่น เสื้อผ้า ผ้าพันคอ กระเป๋า พร้อมเปิดตัว Collection Spring/Summer 2024 และกระเป๋า Boro Bag ที่มีลวดลายเฉพาะ แต่ละใบจะมีลวดลายไม่ซ้ำกัน (One-of-a-kind)




          นอกจากนี้ภายในงานยังมี เมนูซิกเนเจอร์จาก คาเฟ่ ดอยตุง พิเศษ อย่าง Craft Chocolate  Raspberry เครื่องดื่มเย็นคราฟต์ช็อกโกแลตราสเบอร์รี่ รสชาติสุดเข้มข้น หอมกลิ่นช็อกโกแลตที่หมักด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม สำหรับคอกาแฟต้องลองเมนู Coconut Americano ที่ผสมผสานรสชาติของกาแฟอาราบิก้า 100% กับน้ำช่อดอกมะพร้าว หอมหวาน กลมกล่อม อร่อยสดชื่น และกาแฟดริปหรือแคปซูล รสชาติพิเศษฉบับดอยตุง ทำจากเมล็ดกาแฟคุณภาพใต้ป่าดอยตุง สะดวก ชงง่าย รวดเร็ว ในราคาพิเศษ พร้อมฟินกับ “ไอศกรีมดอยตุง“ รสชาติ และลายใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก 3 สัญลักษณ์ในสวนแม่ฟ้าหลวง ประกอบด้วย ไอศกรีมดอกไม้ระบายดอย รสอัญชันน้ำผึ้งมะนาว, ไอศกรีมน้องหมี่ก่า รสนมชมพู และไอศกรีมน้องโต รสชาไทย


          พิเศษสุุดๆ ครั้งแรกจากดอยตุง พร้อมเสิร์ฟหมูดำดอยตุงให้คนกรุงชิม โดยนำมาแปรรูปไส้กรอก 3 รสชาติ ได้แก่ ไส้กรอกคาล์บบราทเวอร์ท, ไส้กรอกคนักเวอร์ธ, ไส้กรอกแฟรงค์เฟอร์เตอร์ นอกจากนี้ยังมีเมนูสุดไฮไลท์อย่าง สปาเกตตี้ไส้กรอกหมูดำ สลัดไส้กรอกหมูดำ ข้าวเหลืองดอกพุธอุ๊บเนื้อไก่ ข้าวซอยน้ำเงี้ยว และข้าวซอยฮ่อไก่

          ทั้งนี้ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เชิญชวนผู้ที่สนใจมาเที่ยวชมงานอย่าลืมนำถุงผ้า กระติกน้ำ และภาชนะใส่อาหารมาด้วยเพื่อลดการใช้พลาสติก พร้อมรับส่วนลดพิเศษภายในงานอีกด้วย

วิธีเดินทาง : มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ถนนพระรามที่4)

•   รถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินี ทางออกที่ 3
•   รถยนต์ส่วนตัว ในงานมีที่จอดรถรองรับ

         สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/DoiTungClub LINE @DoiTung_Lifestyle หรือ
โทร. 0-2252-7114


#DoiTung #กาดกลางกรุง #CraftedSustainability








24
นิตยสาร Business+ ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล
มอบรางวัล “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024”
“สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2567”


              นิตยสาร Business+ ในเครือ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานมอบรางวัล “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ - Innovation the products with Intelligence Technology” รางวัลที่มอบให้กับสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมแห่งปี 2567 อันเป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จในด้านนวัตกรรมสินค้าและบริการ โดยในปีนี้มอบรางวัลให้แก่องค์กรที่คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดใน 8 ประเภทสินค้าและบริการ รวม 22 รางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต เป็นประธานมอบรางวัล แก่องค์กรที่ได้รับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ


              นาย นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี กล่าวว่า “จากผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2566 หรือ Global Innovation Index 2022 ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านวัตกรรมของแต่ละประเทศกว่า 132 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยอยู่อันดับที่ 43 เท่ากับปี 2022 เป็นอันดับที่ 5 ในกลุ่มประเทศ เศรษฐกิจรายได้ระดับกลางถึงบนที่มีอยู่ 33 ประเทศ และเป็นอันดับ 9 ในกลุ่มประเทศอาเซียน เอเชียตะวันออก และโอเชียเนียที่มีอยู่ 16 ประเทศ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ GDP แล้วพบว่า ไทยเราทำได้เหนือความคาดหมายจากระดับของการพัฒนา ที่สำคัญคือ ไทยเราสามารถผลิตผลผลิตทางนวัตกรรมได้มากกว่าระดับของการลงทุนในนวัตกรรมอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเรายังมีช่องว่างในการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะก้าวให้ทันประเทศชั้นนำของโลก ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาและสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาต่อยอดให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ทางธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยต้องการรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน”

              “งานมอบรางวัลสุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี ก็เป็นงานหนึ่งที่เกิดจากความร่วมมือของภาคเอกชนและภาคการศึกษาในการขับเคลื่อนและส่งเสริมสังคมไทยให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของตลาด ในการคัดเลือกสินค้าและบริการที่มีแนวคิดใหม่ๆ และช่วยสร้างความตื่นตัวให้แก่คนไทยทุกคนผมขอแสดงความยินดีกับผู้จัดงาน และองค์กรธุรกิจทุกองค์กรที่รับมอบรางวัลในวันนี้”


              นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมื่อยุคสมัยและเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เราต่างพบว่าสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเช่นกัน ฉะนั้นองค์กรธุรกิจจึงต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมของสินค้าและบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จึงจะสามารถอยู่รอดได้ในภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูง นิตยสาร Business+ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้จัดงานนี้ขึ้นเพื่อสะท้อนให้เห็นว่ามีสินค้าและบริการที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์ความต้องการของอยู่มากมาย จึงเป็นที่มาของการมอบรางวัลให้แก่ผู้พัฒนาสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรม โดยร่วมมือกับวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นวิทยาลัยการจัดการธุรกิจที่มีคุณภาพสูง มีความเชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนในสายงานบริหารจัดการภาคธุรกิจที่ทันสมัยรวบรวมและคัดเลือกสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมที่โดดเด่นใน 8 ประเภทสินค้าและบริการ โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อนำไปสู่การมอบรางวัลให้แก่สุดยอดนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี 2567 ซึ่งในปีนี้ผ่านการพิจารณาให้ได้รับรางวัลรวม 22 รางวัล ผมขอแสดงความยินดีกับองค์กรธุรกิจที่ได้รับรางวัลกับทุกองค์กร หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารางวัล BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 จะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในการเชิดชูองค์กรธุรกิจและเป็นแบบอย่างแก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อให้เกิดการยกระดับสินค้าและบริการที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นต่อไป”


              ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กระบวนการผลิตรูปแบบเดิม อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อีกต่อไป คำว่านวัตกรรม หรือ Innovation จึงถูกยกมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในมุมของภาคธุรกิจ บริการ หรือแม้แต่ในภาคการศึกษาเอง ถือเป็นทางออกที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตามในการใช้นวัตกรรมมาช่วยในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันที ต้องใช้เวลาในการพัฒนาและวิจัยเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจของวิทยาลัยการจัดการ เราจึงได้ความไว้ใจจาก สื่อชั้นนำด้านธุรกิจอย่าง นิตยสาร Business+ โดยบริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ในการร่วมกันค้นหาองค์กรที่มุ่งสร้าง นวัตกรรม จนเป็นที่มาของการมอบรางวัลนวัตกรรมสินค้าและบริการแห่งปี BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024 ในนามของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ผมขอชื่นชมและขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง กับทุกๆ ท่านที่เล็งเห็นความสำคัญข้อนี้ จนร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคและผมเชื่อว่า นวัตกรรม จะช่วยผลักดันให้ประเทศของเราพัฒนาได้อย่างยั่งยืนต่อไป”


              รางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี 2567 “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2024” ในครั้งนี้จัดมอบรางวัลจำนวน 22 รางวัลใน 8 ประเภท  ประเภทของสินค้าและบริการ โดยมีรายชื่อผู้ได้รับรางวัล ดังต่อไปนี้

ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มการเงิน-การลงทุน

1.  บัตรเดบิต TTB All Free  ทีเอ็มบีธนชาต
2.   บัตรเครดิต KTC Digital  Card บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มเทคโนโลยี

3.  บริการโครงข่ายวงจรสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง Interlink Fiber Optic  บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)
4.  Notebook Acer Swift Go บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มประกันชีวิตและประกันภัย

5.   บริการ Application MTL Click บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
6.   บริการรับแจ้งเคลมออนไลน์ Smart AI Claim บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย จํากัด (มหาชน)


ผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้ากลุ่มยานยนต์

7.            ผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ประเภทบรรทุกขนาดเล็ก FOTON TRUCK MATE iBlue 45 บริษัท ซีพี โฟตอน เซลส์ จำกัด

8.    ผลิตภัณฑ์ยานยนต์และพลังงานทดแทน EA BiO PCM บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
9.    รถยนต์นั่งส่วนบุคคล MAZDA2 บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
10.   รถหัวลากพลังงานไฟฟ้า 100% SANY TRUCK TRACTOR รุ่น EV490-25 บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด
11.   ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ Super Hi-Kool BEYOND CERAMIC บริษัท ลีวณิชย์ จำกัด 
12.   ยางรถยนต์ ภายใต้แบรนด์ MICHELIN บริษัท สยามมิชลิน จำกัด


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน

13.   ผลิตภัณฑ์ Smart Home ประเภทหุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะ Roborock S8 MaxV Ultra บริษัท มาร์เก็ตติ้ง 1688 จำกัด
14.    ผลิตภัณฑ์อ่างล้างหน้า QUINTA BASIN QUIL BY COTTO บริษัท สยามซานิทารีแวร์ อินดัสทรี จำกัด
15.   ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและการนอน ภายใต้แบรนด์ Lunio บริษัท ฮอริซอน กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด


ผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าบริโภค

16.   ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม สิงห์ เลมอนโซดา   บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด
17.   ผลิตภัณฑ์น้ำด่าง อิชิตัน PH PLUS ผสมวิตามินดีและสารสกัดใบแปะก๊วย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


ผลิตภัณฑ์และบริการกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม

18.   ผลิตภัณฑ์ Plant Based Protein (Dietary Supplement Product) (Dr.Jel Brand) บริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด
19.   ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Solanox บริษัท ยังเอจ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
20.    ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจน อมาโด้ คลอโรฟิลล์ คอลลาเจน ผสม เวจจี้ กรีนเบลนด์ พลัส ไฟโต รสแอปเปิ้ล บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด
21.   ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แชมพูพีไวว์ PVIVE พีไฟว์กรุ๊ป


ผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์

22.   การรักษาเนื้องอกมดลูกโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยี HIFU บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

25
"นิติกร สวนน้ำธารคีรี" โชว์ฟอร์มเด็ด "ชนะคะแนนขาดลอย "ศิลาชัย สท.แมนนครระยอง" ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23




วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2567 ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23 สาย B รอบ 8 คนสุดท้าย ที่ เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายณรงค์เดช ช่วยภักดี ผู้แทนปูนเสือ และ นายจมร เลขะกุล ผู้แทนปูนเสือ ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที ระหว่าง นิติกร สวนน้ำธารคีรี (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ พบกับ ศิลาชัย สท.แมนนครระยอง (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ และ ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ เจอกับ เพชรตะวัน เพชรจินดา (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์

ผลมวยรอบปูนเสือมีดังนี้


คู่ที่ 1. เฉือนแต้ม นิติกร สวนน้ำธารคีรี (แดง) พบ ศิลาชัย สท .แมนนครระยอง (น้ำเงิน) ทั้งคู่เป็นมวยซ้ายด้วยกัน นิติกร เป็นฝ่ายเดินเตะซ้ายนำจับปล้ำตีเข่าเป็นชุด ด้าน ศิลาชัย รอจังหวะเตะซ้ายก่อนโดน นิติกร ดิ้นไม่หลุด ปลายยก นิติกร เตะซ้ายเป็นชุดปล้ำตีเข่า ศิลาชัย พยามโต้แต่ไม่ชัดเจนครบยก นิติกร เป็นฝ่ายชนะคะแนน


คู่ที่ 2. ขาดลอย ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม (แดง) พบ นิล ผ้าเบรกคอมแพค (น้ำเงิน) คู่นี้ ยอดนที ได้ชนะผ่านเนื่อจาก เพชรตะวัน เพชรจินดา ทำน้ำหนักไม่ได้ต้องขอถอนตัวออกจากมวยรอบทางคณะกรรมจำเป็นต้องเอา นิล ผ้าเบรกคอมแพค (น้ำเงิน) มาอย่าแทนอย่างกะทันหัน เกมส์การชก ยอดนที อาศัยตัวใหญ่กว่าเดินขวาเน้นๆทำเอา นิล ซึ่งตัวเล็กกว่าโดนแล้วออกอาการ แม้พยามเดินเตะขวาต่อยหมัดแต่ก็ไม่ชัดเจนครบยก ยอดนที ชนะคะอนนขาดลอยท้ายๆ


สำหรับ "ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23" สาย A รอบ 8 คนสุดท้าย นัดที่ 2 จะชกกันในวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567 เป็นการชกคู่ชนะเจอคู่ชนะ ระหว่าง เป็ก ปตท.ทองทวี พิกัด 112 ปอนด์ พบกับ ใจสิงห์ ลูกเจ้าแม่ไทรทอง พิกัด 112 ปอนด์ ส่วนคู่แพ้เจอแพ้ ระหว่าง ฉลามเงิน สิงห์มาวิน พิกัด 112 ปอนด์ พบกับ โชคพิชิต โชติบางแสน พิกัด 112 ปอนด์ และในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2567 สาย B  นัดที่ 2 คู่ชนะเจอคู่ชนะ สาย B ระหว่าง นิติกร สวนน้ำธารคีรี 112 ปอนด์ พบกับ ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม 112 ปอนด์ และ คู่แพ้เจอคู่แพ้ สาย B ระหว่าง ศิลาชัย สท .แมนนครระยอง 112 ปอนด์ พบกับ สายนที วรวุฒิรุ่งโรจน์ 112 ปอนด์

โดยช่อง 7 HD ทำการถ่ายทอดสด การแข่งขันให้แฟนมวยคนไทยเข้ารับชมและเชียร์กันได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป

26
พานาโซนิค จับมือพันธมิตร คิกออฟเดินเครื่องรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้ว
นำทุกชิ้นส่วนกลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย




              พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) จับมือ ยูเอ็มซี เม็ททอล และซีพี ออลล์ ร่วมประกาศความสำเร็จ “โครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” ใช้เทคโนโลยีเตาเผา ECOARC™ หลอมถ่านไฟฉายใช้แล้วเพื่อแยกเอาวัสดุกลับมาสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่ใช้กับถ่านไฟฉายของพานาโซนิคเท่านั้น เนื่องจากเป็นถ่านไฟฉายที่ไม่มีสารอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังต่อยอดความร่วมมือกับร้านค้าเซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งเป้าหมายเพิ่มจุดรับถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วเป็น 1,000 สาขาภายในปี 2567 เพื่อนำถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล


              มร.ทาคุยะ ทานิโมโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอเนอร์จี (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในแต่ละปี ประเทศไทยมีปริมาณการบริโภคถ่านไฟฉายกว่า 300 ล้านชิ้น ที่ผ่านมาถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วมักถูกทิ้งหรือทำลายโดยการฝังกลบ ซึ่งการทิ้งถ่านโดยไม่คัดแยกก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันพื้นที่ในการฝังกลบก็มีจำกัด  พานาโซนิค เอเนอร์จี จึงได้มีแนวคิดในการรับคืนถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วจากผู้บริโภค เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี และนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดมูลค่าใหม่ในระบบเศรษฐกิจ ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy


              “พานาโซนิค เอเนอร์จี ได้พยายามมองหาพันธมิตรที่มีแนวคิดสอดคล้องกัน โดยเริ่มจากการส่งตัวอย่างถ่านไฟฉายให้กับโครงการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วและของเสียจากกระบวนการผลิตถ่านไฟฉาย ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม และนำมาสู่การขยายผลความร่วมมือกับ ยูเอ็มซี เม็ททัล (UMC Metals) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลเหล็ก โดยทำการรีไซเคิลเศษโลหะและเศษวัสดุที่ไม่ใช่โลหะสำหรับโครงการนี้ อีกทั้ง พานาโซนิค เอเนอร์จี ยังได้ร่วมมือกับซีพี ออลล์ จัดตั้งจุดบริการรับทิ้งถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วณ ร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น โดยเริ่มจาก 31 สาขา ในปี 2565 และเพิ่มเป็น 50  สาขา ในปี 2566


              “ขณะนี้ พานาโซนิค เอเนอร์จี ได้รับอนุญาตกระบวนการรีไซเคิลวัสดุจากถ่านไฟฉายให้เป็นเหล็ก จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงพร้อมเดินหน้า “โครงการรีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยการนำถ่านไฟฉายใช้แล้วไปหลอมรวมกับเศษเหล็กอื่น ๆ ด้วยเตาหลอมเหล็ก ECOARC™ ที่มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้จากการหลอม


              นอกจากเหล็กแท่งที่สามารถนำมาขายต่อในอุตสาหกรรมเหล็กได้แล้ว ยังมีวัสดุที่สามารถนำกลับมาสร้างคุณค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อีก เช่น ตะกรันเหล็ก ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการถมที่พื้นที่ทั่วไป และ EAF หรือ ฝุ่นแดง สามารถนำมารีไซเคิลเป็นซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งพานาโซนิคกำลังศึกษาเพิ่มเติมเพื่อนำกลับมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตถ่านไฟฉายใหม่อีกครั้ง


              การดำเนินโครงการครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่บรรลุผลสำเร็จในการรีไซเคิลถ่านไฟฉายใช้แล้ว ช่วยลดปริมาณขยะในระบบนิเวศน์ และสามารถนำผลิตภัณฑ์กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ ซึ่งถือเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง” มร.ทานิโมโตะ กล่าว


              ทางด้าน นายเศรษฐวุฒิ ยินมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอ็มซี เม็ททอล จำกัด กล่าวว่า “ยูเอ็มซี เม็ททอล เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นคุณภาพมาตรฐานอุตสาหกรรม มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการหลอมเหล็กมาเป็นเวลานาน สำหรับโครงการ “รีไซเคิลถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” นี้ ใช้กระบวนการหลอมถ่านไฟฉายร่วมกับเศษเหล็กอื่น ๆ ด้วยเตาหลอม ECOARC™


              ซึ่งเป็นต้นแบบเตาหลอมประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับการพัฒนาจากประเทศญี่ปุ่นโดยเน้นในเรื่องการประหยัดพลังงาน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สามารถบำบัดมลพิษ และกำจัดสารไดออกซิน ก่อนปล่อยสู่อากาศ โดยตั้งอยู่ที่ ยูเอ็มซี เม็ททอล จ. ชลบุรี เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐบาลญี่ปุ่น โดยองค์กรพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO)


              สำหรับถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วที่รวบรวมจากจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเล่น จะถูกขนส่งมายัง ยูเอ็มซี เม็ททอล ในจังหวัดชลบุรี เพื่อเข้าสู่กระบวนการหลอมรวมกับเศษเหล็กในอัตราส่วนที่กำหนด และส่งเข้าเตาหลอม ECOARC™ โดยใช้รถยกตะแกรง (Skip car) และเมื่อกระบวนการหลอมเสร็จสิ้นลง จะได้ออกมาเป็นน้ำเหล็ก และถูกส่งต่อไปยังเตาปรุงน้ำเหล็ก เพื่อปรับค่าเคมีของเหล็ก ก่อนจะนำไปหล่อเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กแท่ง (Billet) เพื่อส่งขายในอุตสาหกรรมเหล็กต่อไป


              ความพิเศษของเตาหลอม ECOARC™ คือ สามารถกรองของเสียต่าง ๆ และนำมาแปรรูปกลับให้เป็นวัสดุที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจได้ ได้แก่ ตะกรันเหล็ก (Slag) นำไปเป็นวัสดุทดแทนการก่อสร้างทำถนนและถมที่ทั่วไป สนิมเหล็ก (Scale) นำไปเป็นวัตถุดิบปูนซีเมนต์ และฝุ่นแดง (EAF Dust) ซึ่งสามารถนำไปรีไซเคิลเป็นซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) รวมถึงการกรองมลพิษ กรองฝุ่น (Bag House Filter) ก่อนปล่อยสู่อากาศ” นายเศรษฐวุฒิ กล่าว


              มร.ทานิโมโตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากการเปิดจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายที่ใช้แล้ว (Collection Box) ผ่านเซเว่น อีเลฟเว่น ในปีที่ผ่านมา สามารถรวบรวมถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วจากผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ พานาโซนิค         เอเนอร์จี ได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ซีพี ออลล์ ขยายจุดรับทิ้งถ่านไฟฉายใช้แล้วเป็น 1,000 จุด โดยจะช่วยให้รวบรวมถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วเพื่อนำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้มากขึ้น ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของโครงการ คือการนำถ่านไฟฉายที่ใช้แล้วกลับไปผลิตเป็นถ่านไฟฉายก้อนใหม่ ซึ่งถือเป็นการรีไซเคิลถ่านไฟฉายใช้แล้วเต็มรูปแบบครั้งแรกของไทย โดยทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน”














27
“โฟร์ฟูดส์” รุกตลาด ปี 67 ตอกย้ำผู้นำตลาดผงปรุงรส ขยายคลังสินค้าควบคุมต้นทุนในภาวะราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น พร้อมส่ง “ไทเชฟ” ครองใจมหาชนชาวตลาดนัด

              "โฟร์ ฟูดส์" เปิดแผนรุกตลาด ปี 67 ทุ่มทุนกว่า 40 ล้านบาทขยายคลังสินค้า ควบคุมต้นทุนในภาวะวัตถุดิบที่สูงขึ้น ตอกย้ำผู้นำตลาดผงปรุงรส ส่ง “ไทเชฟ” ครองใจมหาชนชาวตลาดนัด พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในปีนี้ อาทิ ผง “แจ่วบอง” และ ประเภท Filling หรือ Topping ที่เติมเต็มบนขนมและไอศกรีม ยืนยันคุณภาพมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยทางอาหาร


              นายสมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร กรรมการผู้จัดการบริษัท โฟร์ ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทเชฟ (Thychef) และกู้ดอะเดย์ (GOOD A DAY) เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอยู่ในภาวะทรง ๆ ยอดขายของบริษัทฯ ยังคงรักษาระดับไว้ได้  แต่เราก็พยายามใช้งบประโฆษณาประชาสัมพันธ์เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาด ตอกย้ำคุณภาพมาตรฐานที่ยึดมั่นมาโดยตลอด และพยายามรักษาระดับราคาเอาไว้ ในภาวะที่ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ในด้านการบริหารต้นทุนจุดหนึ่งที่กำลังดำเนินการคือ เรื่องของ Warehouse หรือ คลังสินค้า เพื่อตัดต้นทุนดำเนินการที่สูงเกินไป จึงได้ขยายพื้นที่เพื่อรองรับในภาวะที่ต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยเน้นให้โรงงานสะอาด มีความทันสมัย เนื่องจากโฟร์ ฟูดส์ มีวัตถุดิบกว่า 2,000 ชนิด อาทิ เกลือ น้ำตาล ผงชูรส สารให้ความหวาน ฯลฯ รองรับการเติบโตของธุรกิจนี้

              “การขยายคลังสินค้าทั้ง 4 ชั้น ได้วางงบการลงทุนไว้กว่า 40 ล้านบาท โดยสร้างเพิ่มเติมในพื้นที่ของบริษัทที่มีทั้งหมดประมาณ 4 ไร่ คาดว่าจะเปิดใช้พื้นที่ประมาณกลางปีนี้ การขยายคลังสินค้าก็เพื่อเก็บกักรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมถึงจัดการเรื่องสต็อคสินค้า การขนส่ง รองรับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยตรึงราคาไว้เต็มที่ หากไม่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ เข้ามาแทรก เช่น ค่าแรง ค่าไฟ ค่าขนส่ง เป็นต้น และในปีนี้บริษัทฯ จะมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมา เช่น แจ่วบอง  และจะมีสินค้า ประเภท Filling  หรือ Topping ที่เติมเต็มบนขนมและไอศกรีมต่าง ๆ  ซึ่งรวม ๆ ขณะนี้ ไทเชฟมีผงโรย ผงชงเครื่องดื่ม ผงหมัก ผงปรุงรสทั้งหมด 37 รสชาติ” นายสมเจตน์ กล่าว

              ส่วนแผนการดำเนินหลักที่มุ่งเน้น คือสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น พยายามดูแลลูกค้าใน 2 ส่วนคือส่วนของ ไทเชฟ (Thychef) ที่เป็นลูกค้าทั่วไป และกู้ดอะเดย์ (GOOD A DAY) กลุ่มลูกค้าระดับบนที่เน้นสุขภาพเป็นสำคัญ

              จุดเด่นของสินค้า โฟร์ ฟูดส์ คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ เพราะต้องส่งออกไปยังต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่การตรวจสอบที่เข้มงวด โดยมีทีม R&D ที่เข้าดูแลในส่วนของการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของตลาด และต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนในการตรวจสอบรสชาติ และถ้าพูดถึง ตลาดผงโรย ด้วยกันแล้ว ต้องถือว่า ไทเชฟ เป็นผู้นำในตลาดในธุรกิจผงโรยปรุงรส

              “เราให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาหาร โดยก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต พนักงานต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสุขลักษณะส่วนบุคคล เพื่อให้มั่นใจในเรื่องของความสะอาด และป้องกันสิ่งแปลกปลอม ซึ่งใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การตรวจสอบวัตถุดิบก่อนนำเข้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า ได้รับวัตถุดิบที่ดีที่สุด เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้” นายสมเจตน์ กล่าวเสริม

              นอกจากนั้น ยังมีการแบ่งพื้นที่การจัดเก็บวัตถุดิบอย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยทางด้านอาหารและลดการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์ ในส่วนของกระบวนการผลิต อีกทั้ง บริษัทฯยัง ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต และหลังจากกระบวนการผลิตก็มีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดย QC เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้รับสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานที่วางไว้อย่างแน่นอน

              ส่วนแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ ในกลุ่มประเทศอาเซียน AEC ได้ขยายตลาดไประดับหนึ่งแล้ว โดยประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่แนวโน้มที่ดี เพราะเข้าถึงข่าวสารผ่านช่องทีวีเราได้ และในปีนี้จะเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน ส่วนตลาดตะวันออกกลาง ยุโรป เริ่มมีการนำสินค้าไปออกบูทบ้างแล้ว

              “แนวโน้มของธุรกิจผงปรุงรสผมเชื่อว่า สินค้าที่เป็นอาหารการกิน ยังไงก็ขายได้มาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ตลาดนัด ย่านต่าง ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา แม้แต่ในหมู่บ้านก็มีไลน์กลุ่มขายของกัน ทุก ๆ คนที่พอมีเวลาสามารถหารายได้ผ่านสินค้าไทเชฟได้ในแบบง่าย ๆ เพียงแค่ฉีกซอง โรย ใส่ในเมนูอาหาร ก็สร้างมูลค่าและเสน่ห์ให้เมนูมีรสชาติที่แตกต่าง ซึ่งเราเองพยายามเจาะตลาดกลุ่มนี้ โดยช่องทางจำหน่ายหลักจะอยู่ในบิ๊กซี หรือร้านค้าใหม่ในชุมชน รวมถึงร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ” นายสมเจตน์ กล่าวทิ้งท้าย

              โฟร์ ฟูดส์ เป็นโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล และในปัจจุบันมีการอัพเดตระบบมาตรฐานต่าง ๆ ให้เป็นเวอร์ชั่นที่สูงขึ้น ทันสมัยมากขึ้น เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมาตรฐานทั้งหมดเป็นมาตรฐานเดิม แต่มีการเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่นที่ละเอียดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น FSSC 22000 จะมีเวอร์ชั่นที่สูงขึ้น คือ ข้อมูลจะเข้มข้นขึ้น โรงงานสีเขียวเป็นโรงงานสีเขียวที่อัพเกรดขึ้น หรือข้อมูล Sedex ที่เกี่ยวกับแรงงาน สิ่งแวดล้อม เรื่องของความปลอดภัยก็อัพเกรดขึ้น หรือโรงงานที่ได้ GMP ในก่อนหน้า ปัจจุบันจะเรียกเป็น GHP ซึ่งจะมีเงื่อนไขมากขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันบริษัทได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากลจาก GHP, HACCP, FSSC 22000, Sedex และยังได้รับการรับรองโรงงานสีเขียว Green Industry จากกระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับการรับรองเครื่องหมาย Halal จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตได้คุณภาพสอดคล้องกับสุขลักษณะและความปลอดภัยในอาหารตามมาตรฐานสากล

28
วช. มุ่งเป้าใช้งานวิจัยและนวัตกรรม รุกแผนลดอุบัติเหตุทางถนน


ความปลอดภัยทางท้องถนน นับเป็นวาระสำคัญของประเทศ ที่ต้องมีการตั้งเป้าหมาย และบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงาน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว จึงร่วมกับสมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย จัดการประชุมเผยแพร่ผลการดำเนินงานโครงการการวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่ 5 ในวันที่ 22 มีนาคม 2567 โดยมี  ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดพร้อมให้นโยบายการผลักดันงานวิจัยเพื่อความปลอดภัยทางถนน และนายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวรายงาน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ นางสาวสตตกมล เกียรติพานิช ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 2 ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุม ณ Grand Richmond Stylish Convention Hotel จังหวัดนนทบุรี


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน วช. จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับแผนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านความปลอดภัยทางถนน ซึ่งมี นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ หัวหน้าโครงการวิจัย โดยจุดมุ่งหมายสำคัญของแผนงานความปลอดภัยทางถนนคือ ต้องเกิดการขับเคลื่อนผลงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติจริง เกิดผลผลิตจากการดำเนินงานที่ต้องมีความสอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนของประเทศ และก่อให้เกิดผลลัพธ์เรื่อง การลดอัตราการเสียชีวิตและสร้างความปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายและการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ในการนำนวัตกรรมทางด้านความปลอดภัยทางถนนไปบูรณาการเพื่อลดการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากปัญหาอุบัติเหตุ โดย วช. มุ่งหวังให้ประเทศไทย สามารถป้องกัน ลดอุบัติเหตุ ลดการบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ลดลงมากที่สุด โดยมีเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บบนท้องถนนให้ลดลงได้มากที่สุดต่อไป


นายแพทย์ชาญวิทย์ ทระเทพ สมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า จากเขตสุขภาพที่ 8 ร่วมกับสมาคมวิศวกรรมชีวการแพทย์ไทย ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยเรื่อง “การวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทฉบับที่ 5” ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมีการบูรณาการทุกภาคส่วน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 – มิถุนายน 2567 เพื่อลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิต ที่ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนนโยบาย / มาตรการ ที่สอดคล้องกับบริบททั้ง 7 จังหวัด ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 8 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย นครพนม เลย บึงกาฬ และสกลนคร ซึ่งการวิจัยในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการข้อมูลจากระบบสารสนเทศ เพื่อพัฒนาข้อมูลส่วนขาดให้สามารถนำไปใช้ในการกำหนดและผลักดันนโยบาย / นำไปใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และมาตรการการดำเนินการ ตลอดจนติดตาม กำกับ โดยได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบจำแนกความเสี่ยง ทั้งคน สิ่งแวดล้อม ถนน ยานพาหนะ และระบบส่งต่อทรัพยากรสุขภาพ เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย และจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงให้แต่ละพื้นที่ ตลอดจนพัฒนา ชุมชน โครงสร้างกฎหมาย ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบบริการสาธารณสุข โดยใช้กลไกการจัดการในระดับเขตและระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ด้วยกระบวนการบูรณาการแบบมีส่วนร่วม




จากความร่วมมือดังกล่าว ก่อให้เกิดนวัตกรรมในการบูรณาการข้อมูลเวชระเบียนอิเลกทรอนิกส์จากโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้ง 931 แห่ง แบบ Realtime ร่วมกับข้อมูล ITEMS จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน นวัตกรรมในการ Train Risk Predictive Machine Learning Model ด้วยข้อมูลจำนวนมาก นำไปจำแนกความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุของประชาชนทั้งเขต พร้อมมี Dashboard ที่สามารถแสดงอุบัติเหตุและความเสี่ยงต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ แบบ Realtime Application ช่วยในการสอบสวนอุบัติเหตุแบบ One Stop นำไปสู่กลไกการจัดการอุบัติเหตุในระดับเขต จังหวัด และพื้นที่ ให้ใช้ข้อมูล ในการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และดำเนินการได้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา


























29
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ร่วมกับ สายการบินไทยเวียตเจ็ท
โรงภาพยนตร์และเลาจ์ระดับไฮเอน Vietjet VIP Cinema



กรุงเทพฯ – นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย มิสเตอร์ เลือง เชือง อัน รองกรรมการบริหาร และนายปิ่นยศ พิบูลสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท ร่วมฉลองเปิดโรงภาพยนตร์และเลาจ์ระดับไฮเอน Vietjet VIP Cinema อย่างเป็นทางการ โดยมี แมทธิว ดีน และ พิมฐา - ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล ร่วมแสดงความยินดีพร้อมรับชมภาพยนตร์ ณ ชั้น ที่ชั้น 5 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

จากซ้ายไปขวา

1.แอร์โฮสเตส สายการบินไทยเวียตเจ็ท
2. แอร์โฮสเตส สายการบินไทยเวียตเจ็ท
3.นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
4. มิสเตอร์ เลือง เชือง อัน รองกรรมการบริหาร สายการบินไทยเวียตเจ็ท
5.นายปิ่นยศ พิบูลสงคราม ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท
6. พิมฐา - ฐานิดา มานะเลิศเรืองกุล พรีเซนเตอร์ สายการบินไทยเวียตเจ็ท
7.สจ๊วต สายการบินไทยเวียตเจ็ท


30
หมอปูเป้ ฉายาหมอหน้าเด็ก ชวน “ซีแนม สุนทร” สาดสุขสงกรานต์ เพื่อสังคมแก่มูลนิธิบ้านพักฉุกเฉิน EP.4 ในวันที่ 12 เมย. พบกับเสียงหัวเราะ ความสนุก ความรู้ด้านการดูแลร่างกายให้สวยฉ่ำเจาะเฉพาะผู้หญิงวัย 30 ปีปลาย


แพทย์หญิงอริสรา โพธิ หรือหมอปูเป้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพเชิงลึกแบบองค์รวม Anti-Aging ฉายาหมอหน้าเด็ก #โกงแก่  EP.4  คว้านักร้อง-นักแสดง และนักธุรกิจสาว “ซีแนม -สุนทร” เผยเคล็ดลับหุ่นสับ สวยสุขภาพดี จนอ่อนเยาว์  ร่วมพูดคุยและอัพเดทสุขภาพ การดูแลตัวเอง โดยคุณหมอปูเป้ สแกนเชิงลึกเพื่อให้สุขภาพดีแบบยั่งยืน


บรรยากาศถ่ายทำสนุก สอดแทรกสาระความรู้ ตามแบบคนดังแต่ละท่าน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ชม ให้เข้าใจหลักการดูแลตัวเองแบบศาสตร์ชะลอวัย ใส่ใจสุขภาพ ตั้งใจตามแบบ “ซีแนม สุนทร” ในอายุวัย 30 ปีปลายๆ แล้วย่อมทำได้ นับเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ผู้ชมทุกท่าน  จัดสาระและเลี้ยงอาหารกลางวันด้วยก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น มีลูกชุบ ผลไม้  ให้แก่มูลนิธิบ้านพักฉุกเฉิน สถานที่ดูแลผู้หญิงและเด็กที่ถูกทารุณกรรมกรรม ท้องไม่พร้อม ถูกทำร้าย มีการดูแลครบวงจรจากนักจิตวิทยาและสร้างอาชีพก่อนจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของบริจาคจากดาราร่วมสมทบ อาทิ คุณรุ้ง ราวัลย์ เจ้าของแบรนด์ผงซักฟอก , คุณปอ ณฐมน ได้ซื้อลูกชุบเป็ดและรูปหัวใจแก่เด็กๆและผู้หญิง เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีดีในวันขึ้นปีใหม่ไทยและสร้างรอยยิ้มให้เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้หญิงที่ประสบปัญหาในสังคม


สามารถรอชมคลิปเต็มความสุข สนุก ในวันที่ 12 เมษายน 2024 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ผ่านทาง YouTube & Facebook : ตามรอยความอ่อนเยาว์สไตล์หมอปูเป้  ทุกการครีเอทคอนเทนต์เน้นการป้องกันโรคด้วยวิธีง่าย ๆ ฝากติดตามคอนเทนต์เพื่อสังคม ทำด้วยใจของหมอปูเป้ ได้ทุกแพลตฟอร์ม ฝากแฮชแท็ก #ตามรอยความอ่อนเยาว์สไตล์หมอปูเป้ #หมอปูเป้อริสรา #ฟื้นฟูสุขภาพเชิงลึก #Wellness #ลดแก่ #โกงอายุ #อ่อนเยาว์ #สุขภาพดีแบบองค์รวม #drpoupee










Pages: 1 [2] 3 4 ... 2397