Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2403
1
ฮาจนไหล่สั่น!! สนุกจนน้ำตาเล็ดกับภาพยนตร์ “ขุนสึก” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับหนังล้อเลียนเกรียนแตก ที่หยิบเอาหนังดังมาขายขำดูแล้วเพลินดีไม่มีเครียด กับภาพยนตร์สุดฮา “ขุนสึก” ที่ได้ “เอ๋ เชิญยิ้ม” มารับบท “ไอ้ขุน” และ “อนัญญา เมธาจันทรกูล” มารับบท “แม่ชบา” พร้อมทัพนักแสดงตลกอีกเพี้ยบ




             สมัยอโยธยาที่พม่าได้รุกรานไทย “ไอ้ขุน” (เอ๋ เชิญยิ้ม) ได้รักอยู่กับ “ชบา” (อนัญญา เมธาจันทรกูล) และกำลังบวชเพื่อทดแทนคุณบิดา ด้วยความเป็นห่วงชบา ไอ้ขุนก็เลยขอสึกมาเพื่อปกป้องคนรัก แต่ก็ไม่ทันการณ์ชบาเสียชีวิตซะก่อน เขาได้แต่อธิษฐานว่าจะขอรักและตามติดขอเป็นคู่ครองของชบาทุกชาติไป แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นที่แบบเหลือเชื่อ ไอ้ขุนได้โผล่ขึ้นมาในยุคปัจจุบัน และพบว่าชบายุคอนาคตกลับการเป็นผู้ชายและเป็นนักร้องดังของประเทศ เรื่องราวจะป่วนฮาขนาดไหน ติดตามชมได้ในภาพยนตร์ “ขุนสึก” วันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2567 เวลา 20.45 น.ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live

2
“ภาคเอกชนเขาใหญ่ จับมือ!! ปั้นแคมเปญ ราคาเดียว เที่ยวได้ทั้งปี”




23 เมษายน 2567 เดอะเปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ จัดพิธีลงนามความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ตลอดทั้งปี โดย สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เขาใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง


เขาใหญ่ ราคาเดียว ( Khao Yai One Price) โครงการมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ นอกฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาใหญ่และพื้นที่โดยรอบ มีกิจกรรม และโปรแกรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย แม้ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็น ฤดูการเปิดสวนผลไม้ ช่วงเดือน พฤษภาคม กิจกรรมเขาใหญ่คาร์ฟรีเดย์ ช่วงเดือนกันยายน เป็นต้น เราจึงมีความตั้งใจที่จะประชาสัมพันธ์ โปรแกรมท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก และ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น


โครงการนี้เราได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย พิธีลงนามความร่วมมือครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ท่าน ดร.สันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ และ ภาคีเครือข่ายเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา เข้าเป็นสักขีพยาน


ทั้งนี้ โครงการเขาใหญ่ วัน ไพรซ์ ยังมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนด้านการตลาด ให้กับผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงออนไลน์ โดยการจัดการโปรแกรมการท่องเที่ยว ไปยังผู้ประกอบการที่เข้าร่วม และ ทำการแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยวไปยังนักท่องเที่ยวโดยตรง ทั้งชาวไทย และต่างชาติ ด้วยแพลตฟอร์มการจัดการระบบอัจฉริยะ และทันสมัย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว แม้ในช่วง Low Season เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยว ตัดสินใจมาเขาใหญ่เพิ่มขึ้น


เรามุ่งหวังที่จะเห็นความยั่งยืนของผู้ประกอบการในพื้นที่ ระยะยาว และมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ เป็นพื้นที่ต้นแบบของประเทศไทย ในการทำโปรแกรมท่องเที่ยว ราคาเดียวตลอดปี


อีกทั้ง ความร่วมของผู้ประกอบการในครั้งนี้ เรายังเล็งเห็นโอกาสอันดีในการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และเป็นเมือง 3 มรดกโลก ริเริ่มการท่องเที่ยวสีเขียว ความหมายคือ การทำธุรกิจแบบ Lite carbon การสร้างขยะจากธุรกิจให้น้อยลง หรือการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น เพื่อต้นแบบ การท่องเที่ยวรักษ์โลก อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ทิ้งภาระให้กับโลก หรือ สังคมภาพรวม


ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็น ความหมายของ เขาใหญ่ วัน ไพรซ์ ซึ่งหมายรรวมถึงการจับมืองกันเป็น 1 เดียว คิด สร้าง และ ทำเรื่องเดียวกันอย่างมีเอกภาพ และ สร้างความยั่งยืนได้ในทุกมิติ และที่สำคัญที่สุดคือการตอกย้ำนโยบายของท่านรัฐมนตรี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ว่า “ท่องเที่ยวทำคนเดียวไม่ได้” จึงอยากขอเชิญชวน นักท่องเที่ยว ร่วมสนับสนุน และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ด้วยกัน พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าว


โครงการเขาใหญ่ วัน ไพรซ์ หรือเขาใหญ่ราคาเดียว ในฐานะผู้ยริหารโครงการ เราตั้งใจใช้กลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยว และเทคโนโลยีด้านการตลาด รวมถึงระบบจัดการข้อมูลนักท่องเที่ยวอัจฉริยะ มาปรับใช้ให้เหมาะกับ พื้นที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่ ที่มีกิจกรรมน่าสนใจ และ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ให้เป็นที่รู็จัก และเดินทาง มาท่องเที่ยวได้ทั้งปี


โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็น 4 ประเภท

กลุ่ม Accomodation ธุรกิจโรงแรม ห้องพัก รีสอร์ท และ ที่พักอื่นๆ
กลุ่ม Attraction ธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว อาทิ สวนดอกไม้ ฟาร์ม กิจกรรมกลางแจ้ง
กลุ่ม Cafe’ & Restaurant ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร ของที่ระลึก
กลุ่ม Golf & Sport ธุรกิจสนามกอล์ฟ และ กีฬาอื่นๆ


ใช้กลยุทธทางการตลาด เพื่อสร้างฐานนักท่องเที่ยว รวมถึง จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดช่วงเวลา 7-8 เดือน ที่นักท่องเที่ยวลดลง โดย สร้างฐานเดิม ฐานใหม่ และ ฐานใกล้เคียง ด้วย loyalty Program


Target Audiens 4 กลุ่ม เป้าหมาย 100,000 ราย

กลุ่มนักท่องเที่ยว/บุคคลทั่วไป เดินทางมาเขาใหญ่ประจำ
กลุ่มที่อาจจยังไม่เคยมาเที่ยวเขาใหญ่เลย
กลุ่มผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รัศมี 200 กิโลเมตร ( เดินทางด้วยรถยนต์ 2-3 ชม. )
กลุ่มนักกอล์ฟ


ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด และ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด เป็นเครื่องมือ ในการสร้างแรงจูงใจ และเลือกจุดหมายปลายทาง การท่องเที่ยว ในแต่ละครั้ง จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ที่วางไว้ รวมถึง การสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับเขาใหญ่ จนส่งผลทั้งทางตรงแล้วทาง ไปจนถึง ปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 20-40 % ภายในปี 2567-2568 หรือ ไปแตะที่ 1-1.5 ล้านคนต่อปี ได้


ด้านรายได้ โครงการนี้ สามารถสร้างรายได้สะพัดหมุนเวียน ในช่วงเวลาที่กำหนด ได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท และยังรวมถึง การสร้าง New Demand เพื่อให้ สอดคล้องกับ Supply ในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเขาใหญ่ ทั้งระบบ อย่างเป็นรูปธรรม


ด้านความยั่งยืน โครงการนี้ จะส่งผลด้านการรับรู้ และประสบการใหม่ ให้กับการมาเที่ยวเขาใหญ่ มีตัวแปรใหม่สำหรับการตัดสินใจ รวมถึง ขยายฐานนักท่องเที่ยวไปยังทั้ง ไทย และ ต่างประเทศ สอดรับการ Supply Chain ที่เขาใหญ่มีอยู่แล้วทั้งระบบ ส่งผลเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ ในทุกๆ ปี คล้ายๆ กับหลาย Festival ที่จัดขึ้น และ มีตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทุกปี ภาณุเมศวร์ เศรษฐสิริสุนทร ผู้ก่อตั้งโครงการ / ผู้บริหาร บจ. จีโอดี โซลูชั่น กล่าว












3
เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”
ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35 ปี


             เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด” ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และสุขภาพ B2B ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 300 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก อาทิเช่น Unilever, Boots, Srichand, IN2IT, DKSH และอื่นๆอีกมากมาย ให้ผลิตสินค้าจำนวนมากกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งออกไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี โดยล่าสุดทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับการผลิตที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริษัทด้านการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าเป็นองค์กรณ์ที่ยั่งยืนโดยมี อัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หลักในทุกปี


             นางสาวรุ่งระวี กิตติสินชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร B2B ครอบคลุมประเภทสินค้า Skin Care, Personal Care, Color Cosmetics, Toiletries, Hair Product, Medical Device, Food Supplement, Household Product ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2532 โดยการร่วมทุนกับ บริษัท ไมลอทท์ คอสเมติค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตสินค้า OEM TOP 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 85 ปี โดยผสมผสานความรู้ด้านการผลิตที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เข้ากับที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การผลิตและแรงงานที่มีราคาถูก มีคุณภาพของประเทศไทย ให้บริการแบบ “One Stop Service” ตั้งแต่กระบวนการนำเสนอ Concept จนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมวางจำหน่ายโดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ 51% และกลุ่ม ไมลอทท์ ประเทศญี่ปุ่น 49%


             ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้

FAITH    F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า

A คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก

I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก

T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม

H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม


             ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า  1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%


             เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่าที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน


             บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเองดังนั้น ต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

             คณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment  ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์  ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย

             สำหรับ”หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต” นางรุ่งระวี กล่าวสรุปในตอนท้าย

4
เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”
ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35 ปี


             เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด” ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และสุขภาพ B2B ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 300 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก อาทิเช่น Unilever, Boots, Srichand, IN2IT, DKSH และอื่นๆอีกมากมาย ให้ผลิตสินค้าจำนวนมากกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งออกไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี โดยล่าสุดทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับการผลิตที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริษัทด้านการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าเป็นองค์กรณ์ที่ยั่งยืนโดยมี อัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หลักในทุกปี


             นางสาวรุ่งระวี กิตติสินชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร B2B ครอบคลุมประเภทสินค้า Skin Care, Personal Care, Color Cosmetics, Toiletries, Hair Product, Medical Device, Food Supplement, Household Product ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2532 โดยการร่วมทุนกับ บริษัท ไมลอทท์ คอสเมติค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตสินค้า OEM TOP 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 85 ปี โดยผสมผสานความรู้ด้านการผลิตที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เข้ากับที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การผลิตและแรงงานที่มีราคาถูก มีคุณภาพของประเทศไทย ให้บริการแบบ “One Stop Service” ตั้งแต่กระบวนการนำเสนอ Concept จนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมวางจำหน่ายโดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ 51% และกลุ่ม ไมลอทท์ ประเทศญี่ปุ่น 49%


             ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้

FAITH    F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า

A คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก

I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก

T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม

H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม


             ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า  1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%


             เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่าที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน


             บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเองดังนั้น ต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

             คณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment  ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์  ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย

             สำหรับ”หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต” นางรุ่งระวี กล่าวสรุปในตอนท้าย

5
ให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นรับสงกรานต์ หลีกหนีความวุ่นวายด้วยกลิ่นหอมจาก Maison Berger Paris มอบทั้งส่วนลดพิเศษและผลิตภัณฑ์สมนาคุณในกลุ่มน้ำหอมบ้าน




             สงกรานต์นี้ สดชื่นดับร้อนด้วยความหอมภายในบ้าน ที่จะกระตุ้นให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อนอันเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานด้วย เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ผู้นำด้านเครื่องหอมสำหรับบ้านเกรดพรีเมียมจากประเทศฝรั่งเศส เป็นแบรนด์ที่มีกลิ่นน้ำหอมให้เลือกมากที่สุดกว่า 50 กลิ่น กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้าน และยังปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง มีการพัฒนานวัตกรรมความหอมบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคุณสมบัติของตะเกียงน้ำหอมที่ช่วยฟอกอากาศให้สะอาดสดชื่น


             ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2567 จัดโปรโมชัน Scents Escape ชวนคุณปลีกตัวจากความวุ่นวายรอบตัว พักผ่อนและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่สร้างขึ้นได้ง่าย ๆ ภายในบ้านด้วยตะเกียงน้ำหอมช่วยฟอกอากาศ คลายร้อนเรียกความสดชื่นทุกเวลา ในราคาสุดพิเศษลดจากปกติ 20% อีกทั้งเมื่อซื้อน้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ขนาด 1 ลิตร รับฟรี น้ำหอมขนาด 500 มิลลิลิตร (มูลค่า 1,190 บาท) ซื้อน้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ขนาด 500 มิลลิลิตร หรือน้ำหอมสำหรับเติมก้านกระจายความหอม ขนาด 200 มิลลิลิตร รับฟรี น้ำหอมอีก 1 ขวด (มูลค่า 1,190 – 1,590 บาท) โดยคัดสรรมาในกลุ่มของกลิ่นที่สร้างอารมณ์สดชื่น ผ่อนคลาย ได้แก่ Zest of Verbena, Green Apple, Sandalwood, Lavender Fields, Lolita Lempicka, Ocean Breeze, Cotton Caress, White Cashmere, Summer Rain, Bouquet Liberty

             คุ้มอีกต่อด้วยสิทธิพิเศษ เมื่อซื้อสินค้าครบ 5,000 บาทขึ้นไป รับก้านกระจายความหอม Cube ฟรี 1 ชิ้น สามารถเลือกกลิ่นได้ และเมื่อซื้อสินค้าครบ 8,000 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์แลกซื้อชุดเซ็ตตะเกียงน้ำหอม Essential ที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ในราคาพิเศษ 850 บาท จากปกติ 2,470 บาท

             เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ดำเนินธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท อีโมเซีย กรุ๊ป (Emosia Group) พัฒนานวัตกรรมเครื่องหอมบ้านมากว่า 125 ปี และได้รับตราสัญลักษณ์ EPV (Entreprise du Patrimoine Vivant) จากรัฐบาลฝรั่งเศส แสดงถึงผลิตภัณฑ์ทรงคุณค่าภูมิปัญญาของฝรั่งเศส มีความหลากหลายทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ ได้แก่ ตะเกียงน้ำหอม น้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ก้านกระจายความหอม เทียนหอม เครื่องกระจายความหอมอัตโนมัติ และคลิปน้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ พบกับผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับบ้าน เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) พร้อมโปรโมชันที่น่าสนใจได้ที่ร้าน เมซอง แบร์เช่ ปารีส ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ Facebook:MaisonBergerThailand LINE:@maisonbergerthai IG:maisonbergerthailand www.maisonbergerthailand.com, Lazada, Shopee, SabuySoft ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความหอมที่พร้อมให้บริการถึง 10 สาย สอบถามรายละเอียด โทร. 02-672-2088

#MaisonBergerParis #MaisonBergerThailand #CarDiffuser #HomeDecor #น้ำหอมสำหรับรถยนต์ #น้ำหอมปรับอากาศในรถยนต์ #HomeFragrance #ตะเกียงน้ำหอม #ก้านกระจายความหอม #เครื่องพ่นกระจายความหอม #เทียนหอม #น้ำหอมสำหรับบ้าน #น้ำหอมสำหรับบ้านสไตล์ฝรั่งเศส #ก้านไม้หอมระเหย #เครื่องหอมคอลเล็กชันเอ็กซ์คลูซีฟ #ไอเดียของขวัญ #ไอเดียของแต่งบ้าน #เครื่องหอมสำหรับบ้าน #บ้านสวยหรูหราด้วยเครื่องหอมจากเมซองแบร์เช่ปารีส #แต่งบ้านให้สวยเหมือนบ้านดารา #บ้านในฝัน #คอนโดหรู

6
ดาต้า เพาเวอร์ สนับสนุนซีรีส์น้ำดีเรื่องใหม่ล่าสุด “Unlock Your Love : รักได้ไหม ? ยัยตัวร้าย” ชูความรักและความปลอดภัยเป็นของคู่กัน ตอกย้ำผู้นำปลั๊กไฟในประเทศประสบการณ์กว่า 40 ปี


              นายอภิสฤษฎิ์ นิรุชทรัพย์รดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไปไกลมากจนหลายคนละเลยในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรอบข้างหรือคนใกล้ตัว โดยเฉพาะเรื่องของความรักที่บางคนยังไม่ค่อยยอมรับในมองมุมที่แตกต่างของความรัก ทำให้อาจเจอปัญหาและส่งผลถึงการดำเนินชีวิตตามมาในอนาคต


              บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด (DATA POWER) เป็นบริษัทผู้ผลิตปลั๊กไฟที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 40 ปี ผู้นำทางด้านคุณภาพสินค้ามาตรฐานที่ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยมาโดยตลอด ล่าสุด ได้สนับสนุน Soft Power ของไทย ผ่านซีรีส์เรื่องใหม่ “Unlock Your Love : รักได้ไหม? ยัยตัวร้าย ตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ลูกค้าภายใต้คอนเซปต์ “ความรักและความปลอดภัยเป็นของคู่กัน” เช่นเดียวกับดาต้าที่ต้องการนำเสนอแง่มุมเชิงบวกให้สังคม โดยเฉพาะเยาวชน ให้ตระหนักร่วมกันซึ่งหลายครั้งคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามเรื่องความปลอดภัย หรือความรักที่หลายคนอาจละเลย มองมุมต่าง ดังนั้นซีรีส์ “Unlock Your Love : รักได้ไหม? ยัยตัวร้าย” คือการปลดล็อคเกี่ยวกับความรักในมุมมองใหม่ เหมือนแบรนด์ดาต้า ที่ต้องการสนับสนุนซีรีส์น้ำดีเรื่องนี้ เพราะซีรีส์เรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องความปลอดภัยด้วย ยกตัวอย่างฉากหนึ่งในซีรีส์ที่จะต้องมีซีนอุบัติเหตุกับปลั๊กไฟ ที่ตัวละครจะต้องจับปลั๊กไฟที่หลุด แต่ด้วยปลั๊กไฟดาต้าที่มีความปลอดภัยสูง สุดท้ายจึงไม่เป็นอะไร


              ซึ่งละครฉากนี้ก็ได้สะท้อนในเรื่องของการละเลยความปลอดภัยใกล้ตัว เช่น การใช้ปลั๊กไฟที่ไม่มีมาตรฐาน มอก. หรือ ไม่ได้มาตรฐาน มอก. 100% อาจส่งผลร้ายตามมาและนำพาความเสียหายที่ประเมินค่ามิได้ สำหรับสินค้าของดาต้าเน้นผลิตปลั๊กไฟคุณภาพรองรับกำลังวัตต์สูงที่สามารถรองรับกำลังไฟได้สูงถึง 3600 วัตต์ โดยเฉพาะรุ่น 16 แอมป์พลัส ดับเบิ้ลโพรเทคชั่น กับรุ่น 16 แอมป์ธรรมดา นอกจากนี้ยังมีรุ่น 10 แอมป์ที่รองรับไฟสูงถึง 2300 วัตต์ ซึ่งเป็นปลั๊กไฟ มอก. แท้ คุณภาพ 100% ในราคาจับต้องได้ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่มองเห็นโอกาสและร่วมสนับสนุนซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน อาทิ Dreamy Bubble Milk tea ภายใต้ Dreamy brand มารวย สมุนไพร เป็นต้น


              “เราพยายามจับกลุ่มตลาดนิวเจน อายุ 18-25 โดยมีการทำอีสปอร์ตไปก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงกระแสไอดอลและ LGBTQ ของคนรุ่นใหม่ ที่พูดถึงอิสระเสรีภาพ เพศทางเลือก ความเชื่อ ไลฟ์สไตล์ ดังนั้นปลั๊กไฟดาต้าควรอยู่ในทุกเจน เพราะ D A T A คือ Durability, Anytime, Technology, Anywhere เราเชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่สุด ภายใต้ Concept : Data Trusted Power” นายอภิสฤษฎิ์ กล่าว

              สำหรับเรื่องราวของซีรีส์ “Unlock Your Love : รักได้ไหม ? ยัยตัวร้าย” เป็นเรื่องราวที่ความผิดหวังและความเจ็บปวดจากความรักได้พัดพาให้เรนและเลิฟ ต้องโคจรมาเจอกัน เพื่อก้าวผ่านกำแพงความเจ็บปวดและอุปสรรคที่เรนไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น โดยมีดีนและเเพท เป็นผู้ช่วยปลดล็อกในการเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองคน รวมถึงปลดล็อคความสัมพันธ์ของตัวพวกเธอด้วย พร้อมตัวละครที่มีบทบาทเข้มข้นอีกมากมาย ที่มาพร้อม ซีนรัก ซีนโรแมนติก ให้คนดูได้ฟิน ได้จิ้นจิกหมอนอย่างหนักแน่นอน พร้อมด้วยนักแสดงนำ “บีมาย จิรัชญา, เนียร์ อินทิรา, ชาช่า ริต์ตา” และ “เค้ก นวพร” รวมถึงนักแสดงลับ “มาตา ภัทริยากร” รับชมได้ทางช่อง GMM25 เริ่ม 11 กันยายนนี้ ทุกวันพุธ เวลา 23.00 น.

              สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ DATA POWER มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Shopee: https://shopee.co.th/datatrustedpower, Lazada: https://www.lazada.co.th/shop/data-power/, Facebook: https://www.facebook.com/datatrustedpower

7
สจล. เตรียมเปิดบ้านครั้งยิ่งใหญ่ KMITL Open House 2024 Digital Life & Smart Campus
พบทุกหลักสูตรที่งาน Dek-D’s TCAS Fair, 27 - 28 เมษายน 2567
เวลา 09.00 - 17.00 น.  ณ Hall EH98 ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค


สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  เชิญผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมชมงานเปิดบ้านครั้งยิ่งใหญ่  KMITL Open House 2024 Digital Life & Smart Campus เปิดรายละเอียดทุกหลักสูตรจากคณะ/ วิทยาลัย/ วิทยาเขต ที่งาน Dek-D’s TCAS Fair 27 - 28 เมษายน 2567 เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ คณะวิทยาศาสตร์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร วิทยาลัยเทคโนโลยีนวัตกรรมวัสดุ วิทยาลัยนวัตกรรมการผลิตขั้นสูง วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ วิทยาลัยวิศวกรรมสังคีต วิทยาเขตชุมพรเขตอุดุมศักดิ์

น้องๆ มัธยมเตรียมตัวให้พร้อม ใครที่อยากได้ทริคหรือคำปรึกษาดี ๆ จากรุ่นพี่ และอาจารย์  ห้ามพลาดกิจกรรมเด่นๆ ในงาน อาทิ กิจกรรมสะสม e-stamp ลุ้นแลกของที่ระลึก และKMITL Master Class ให้ไปเรียนฟรีอีก 5 วิชา ที่สำคัญมี e-certificate ให้ทุกคนไปใส่ Portfolio ได้อีกด้วย ผู้สนใจไม่ต้องลงทะเบียน สามารถเดินทางเข้าร่วมงานได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายพบกันที่บูธ VIP และบูธ 49-52 ใหญ่ที่สุด ณ Hall EH98 ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค   

ผู้สนใจติดตามข้อมูลหลักสูตรได้ที่ :
https://curriculum.kmitl.ac.th/

8
เปิดเวทีคอนเสิร์ต “Movie On The Beach ครั้งที่ 9” ตอน...ยกเพื่อนขึ้นบก


          นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ ทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุด ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง พร้อมด้วยเหล่าพันธมิตร เปิดเวที “Movie On The Beach ครั้งที่ 9” ตอน...ยกเพื่อนขึ้นบก ชมภาพยนตร์ พร้อมฟินไปกับศิลปิน 6 วง ร่วมกันส่งความสนุก บนเวทีที่ใหญ่ที่สุดริมชายหาด Triple Tree Beach Resort ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ติดตามความสนุกแซ่บเพิ่มเติมได้ที่ ผ่านช่องทาง www.facebook.com/MEbyMajorCineAd และ www.facebook.com/changworld

จากซ้ายไปขวา

1.นายศิวกร พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด
2.นายวิรัช สิทธิวราภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
3.นายคุณกวิน จึงจตุรพิธ หัวหน้าแผนกอาวุโส ฝ่ายการตลาดบริษัท เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน) : ฟาร์มเฮ้าส์
4. นางสาวพรทิวา พฤกสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
5.นายชญานิน เจียรพัฒนาคม ผู้จัดการอาวุโสในฝ่ายสื่อสารการตลาดรถเล็ก บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด
6.นางสาวภาสินี จารุภูมิ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
7.นายทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุด ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง
8.นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด
9.นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
10.นางสาวสิริรัตน์ ชยาวิวัฒนาวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Marketing-Professional  บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
11.มิสเตอร์โยชิฮาระ เคซุเกะ ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโส บริษัท เอิร์ธ (ประเทศไทย) จำกัด
12.นายณัฐพงศ์ ชาญอภิชัยกิจ ผู้จัดการ การตลาด บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
13.นางสาวอาภา อนุกฤตยาวรรณ  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เอ.เอ็น.บี. ลาบอราตอรี่ จำกัด
14.นายสุวัฒน์ชัย ปัญญาจิรวุฒิ Director of Business Development บริษัท ไมด้า ฮอสพิทอลลิตี้ กรุ๊ป จำกัด

9
ปล่อยใจจอยไปกับ “ปราณี” ผลงานสุดปัง “นุ๊ก ธนดล”ฉายครั้งแรกที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             ทรูโฟร์ยูชวนดูหนังรักย้อนวัยฉบับไทบ้านยุค90s กับภาพยนตร์ "ปราณี" ผลงานหนังลำดับที่ 3 ของ “นุ๊ก ธนดล ศิริแวว” ด้วยฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดา ทำให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงภาพยนตร์ยอดนิยมแห่งปี กินรีทอง มหาชน ครั้งที่ 9 ไปครอง อีกทั้งตัวหนังยังได้ทีมพากษ์เสียงพันธมิตรมาเสริมความสนุกสุดฮาอีกด้วย






             โดยหนังจะพาผู้ชมย้อนยุคไปในปี 2533 มาสัมผัสความรักต่างชนชั้นของหนุ่มสาวไทยบ้านระหว่าง “จะเด็ด” (นุ๊ก ธนดล) กับ “ปราณี” (นัท ธัญญรัตน์) ความรักของเขาทั้งสองกำลังผลิบานท่ามกลางความขัดแย้งของพ่อแม่ เพียงเพราะจะเด็ดเป็นหนุ่มขับรถดั้มพ์คนจน ส่วนปราณีสาวนักเรียนมัธยมปลายที่มีอนาคตสดใสรออยู่ จนมีนายตำรวจ "สัว" เข้ามาจีบปราณี ทั้งครอบครัวและสังคมรอบข้างก็เชียร์สนับสนุนให้พวกเขาคบกัน จะเด็ดผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ติดตามชมภาพยนตร์ “ปราณี” วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เวลา 18.40 น.ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live

10
เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ประกาศปรับผังองค์กรครั้งใหญ่
มุ่งสู่กลุ่มธุรกิจประกันภัยและบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร


เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ปรับโครงสร้างสายงานธุรกิจประกันภัยตามภูมิภาคเพื่อความคล่องตัวในด้านการบริหาร พร้อมแต่งตั้ง มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง (Generali Investments Holding หรือ GIH) โดยมี มร.ฟิลลิป ดอนเนท (Mr. Philippe Donnet) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ รับตำแหน่งประธานกรรมการของ เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง

มร.อันเดรีย ซิโรนี ประธาน คณะกรรมการบริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ อนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่ที่สะท้อนถึงธุรกิจหลักของกลุ่มฯ ตามที่ มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ เสนอต่อที่ประชุม โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป กลุ่มเจนเนอราลี่จะดำเนินงานในฐานะกลุ่มบริษัททางการเงินที่ให้บริการครบวงจร โดยมุ่งเน้น 2 ธุรกิจหลัก อันได้แก่ ภาคธุรกิจประกันภัย และการบริหารจัดการสินทรัพย์

การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญนี้ มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตและตอบสนองต่อเป้าหมายทางธุรกิจหลักทั้งธุรกิจประกันภัยและธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ให้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth ในการเป็นเพื่อนผู้เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เจนเนอราลี่สามารถคว้าโอกาสในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะต่อไป

โดยแต่งตั้งให้ มร. จูลิโอ แตร์ซาริโอล (Mr. Giulio Terzariol) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย บริหารงานในส่วนของ “ธุรกิจประกันภัย” อันมีเป้าหมายในการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจประกันภัยทั่วโลก มุ่งเน้นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เสริมสร้างความสอดคล้องของกลยุทธ์ และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตลาดมากขึ้น เพื่อให้โครงสร้างองค์กรมีความกระชับและคล่องตัว โดยได้บูรณาการหน่วยธุรกิจ DACH (เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์) และหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จัดโครงสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของสายงานใหม่ ซึ่งประกอบด้วย 5 หน่วยธุรกิจระดับประเทศ ได้แก่ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ และ 3 ภูมิภาค ได้แก่ เมดิเตอร์เรเนียนและละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออกตอนกลาง และเอเชีย โดยมี มร.ไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ (Mr. Jaime Anchústegui) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจต่างประเทศ จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจประกันภัย และเป็นตัวแทนในการประสานงานกับหน่วยงานกำกับดูแลท้องถิ่น บริหารความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการร่วมทุน ตลอดจนขับเคลื่อนโครงการประกันภัยระดับโลก และ มร. จิโอวานนี่ ลิเวรานี่ (Mr. Giovanni Liverani) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหน่วยธุรกิจ DACH จะเข้ามารับบทบาทใหม่

ด้านธุรกิจ “เจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง” (Generali Investments Holding หรือ GIH) จะเข้ามาแทนที่หน่วยธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งเดิม โดยจะดูแลกิจกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งหมดทั่วโลกภายในกลุ่มบริษัท ยกเว้นบางส่วนที่ดำเนินการในประเทศจีน GIH มุ่งเน้นการมอบประสิทธิภาพและบริการระดับโลกให้แก่ลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจไปยังลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัททั่วโลก และเพื่อให้เป้าหมายนี้บรรลุผล GIH จะอาศัยทั้งศักยภาพการลงทุนที่มีอยู่เดิม เสริมด้วยศักยภาพใหม่ ๆ ที่ได้จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด (Conning Holdings Limited) และบริษัทในเครือ รวมถึงความแข็งแกร่งจากความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ (Cathay Life) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 โดยมี มร. วู้ดดี้ แบรดฟอร์ด (Mr. Woody Bradford) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง และจะยังคงบทบาทปัจจุบันในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานคณะกรรมการของบริษัท คอนนิ่ง โฮลดิ้งส์ จำกัด ทางด้าน มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ จะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง ขณะที่ มร. คาร์โล ตราบัตโตนี่ (Mr. Carlo Trabattoni) ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบริหารจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจนเนอราลี่ อินเวสต์เมนท์ โฮลดิ้ง จะเข้ารับหน้าที่ใหม่ภายใต้สายงานบริหารสินทรัพย์

นอกเหนือจากนี้ ธนาคารเจนเนอราลี่ (Banca Generali) ภายใต้การบริหารของ มร.เจียน มาเรีย มอสซา (Mr. Gian Maria Mossa) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จะยังคงมุ่งเน้นการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและโซลูชั่นการบริหารความมั่งคั่งอย่างคลอบคลุมต่อไป

มร .เดวิด ซิส (Mr. David Cis) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่มเจนเนอราลี่ ซึ่งรายงานตรงต่อ มร.มาร์โก เซซานา (Mr. Marco Sesana) ผู้จัดการทั่วไป โดยจะเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหารของกลุ่มฯ มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพการบริการให้เป็นเลิศ ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ และการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีร่วม มาประยุกต์ใช้

ภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่นี้ สำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัท (Group Head Office) ยังคงรับผิดชอบกำหนดยุทธศาสตร์หลักและเป้าหมายองค์กร ควบคู่ไปกับการบริหาร จัดการ และสนับสนุนหน่วยธุรกิจทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับแผนให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ

มร.ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ กล่าวว่า “กลุ่มเจนเนอราลี่ ประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ระดับโลกด้านธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์แบบครบวงจร ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงิน ความมุ่งมั่นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการคำนึงถึงความยั่งยืน ในส่วนของสายงานบริหารสินทรัพย์นั้น การเข้าซื้อกิจการของบริษัทคอนนิ่งตลอดจนถึงความร่วมมือระยะยาวกับ คาเธย์ ไลฟ์ ช่วยให้เราสามารถขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน เสริมฐานลูกค้าต่างชาติ มุ่งขยายธุรกิจกับลูกค้าภายนอกกลุ่มบริษัท และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านช่องทางการจัดจำหน่ายในตลาดสำคัญต่างๆ  เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มเจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งใน 10 ผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของยุโรป สำหรับสายงานประกันภัย มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในตลาดหลัก ผ่านความเป็นเลิศด้านเทคนิค การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และการปรับบริการให้ตรงกับความต้องการลูกค้าแม้ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งนี้ ด้วยโครงสร้างองค์กรใหม่ที่เน้นธุรกิจประกันภัยและการบริหารสินทรัพย์ และความคล่องตัวในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น กลุ่มบริษัทฯ จะสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจในอนาคต สนับสนุนการกำหนดยุทธศาสตร์สำหรับแผนกลยุทธ์ในระยะยาว”

###

กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่

เจนเนอราลี่ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1831 เจนเนอราลี่มีสำนักงานอยู่ในกว่า 50 ประเทศ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 82.5 พันล้านยูโรในปี ค.ศ. 2023 และด้วยพนักงานกว่า 82,000 คนที่ให้บริการลูกค้า 70 ล้านราย กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ถือเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคยุโรป และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียและลาตินอเมริกา หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของเจนเนอราลี่คือ ความมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต (Lifetime Partner) ด้วยนวัตกรรมและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ตลอดจนความสามารถในการจัดจำหน่ายทั่วโลกในรูปแบบดิจิทัล กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็มุ่งสร้างสังคมที่ดีกว่าและสามารถปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น

11
อว. นำคณะนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยคว้ารางวัลระดับนานาชาติ จากงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส


นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์นักวิจัยไทย ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ในงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 – 21 เมษายน 2567 พร้อมกล่าวแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และมอบรางวัล NRCT Special Award 2024 แก่ผลงานี่มีความโดดเด่น โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ  พร้อมด้วย ผู้บริหารของกระทรวง อว. ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิ นักประดิษฐ์ และนักวิจัยจาก 37 หน่วยงาน เข้าร่วมในพิธี ณ Palexpo นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส


นางสาวศุภมาส กล่าวว่า อว.ขอแสดงความยินดีกับนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับรางวัลต่างๆจากเวทีการประกวดระดับนานาชาติในงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva” ครั้งนี้  และยังเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เห็นความสำเร็จของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ที่ได้แสดงศักยภาพและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีระดับโลก กระทรวง อว. มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและพัฒนานักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย รวมถึงหน่วยงานที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมคุณภาพสูง ได้แสดงศักยภาพพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สู่เวทีระดับโลก พร้อมนี้ การผนึกกำลังอย่างแข็งแกร่งของคนไทยที่มีความสามารถสูง จะทำให้ขีดความสามารถด้านการแข่งขันของไทยเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมนี้ ขอชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของทุกท่านที่ได้รับมาในงานครั้งนี้ ทุกท่านจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป  และที่สำคัญ ขอขอบคุณสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ที่นำกลไกการส่งเสริมและสนับสนุนการนำผลงานเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงในเวทีระดับนานาชาติ มาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในบทบาทของ อว. ในเวทีระดับโลก ขอฝากให้ช่วยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและร่วมกันพัฒนาประเทศของเราให้ยั่งยืนต่อไป


ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวง อว. วช.มีเป้าหมายที่จะนำกลไกการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรด้านนวัตกรรมและการวิจัยของนานาประเทศ มาสนับสนุนให้งานวิจัยที่มีศักยภาพของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทย ได้รับการเผยแพร่ในเวทีระดับสากลและได้รับการยอมรับในมาตรฐานของงาน ในโอกาสนี้ นักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยได้เข้าร่วมการประกวดและจัดแสดงผลงานในเวทีนานาชาติอันทรงเกียรติอย่าง “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva”  ซึ่งผลงานของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยได้สร้างความประทับใจและคว้ารางวัลเหรียญทอง รวมถึงรางวัลพิเศษอันทรงเกียรติมาครองได้สำเร็จ ดังนี้


- รางวัลเหรียญทองเกียรติยศ (Gold Medal with the Congratulations) จำนวน 4 รางวัล
พร้อมด้วย รางวัลเหรียญทอง (Gold Medal), รางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) และรางวัลเหรียญทองแดง (Bronze Medal) อีกจำนวน 89 รางวัล



นอกจากนี้ นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทย ยังได้รับรางวัล Special Prizes on stage จากองค์กรนานาชาติ on stage ดังนี้

1)ผลงานเรื่อง "เทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการขยะชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน"
โดย ดร.เรวดี อนุวัฒนา และคณะ แห่ง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
จาก Hong Kong Delegation เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

2) ผลงานเรื่อง "อุปกรณ์ปรับองศาข้อมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษากระดูกข้อมือหลังการผ่าตัด"
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อนรรฆ ขันธะชวนะ และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
จาก The Energy Educational Institute (N.I.E.C.I)  สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน

3) ผลงานเรื่อง "CRA Ambulance Boat : เรือฉุกเฉินต้นแบบเพื่อนำส่งผู้ป่วยในพื้นที่ทุรกันดารที่มีการประสานผ่านระบบ Telemedicine"
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล และคณะ แห่ง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
จาก The Polish Inventors and Rationalizers Association สาธารณรัฐโปแลนด์

4) ผลงานเรื่อง "โดรนอัจฉริยะ "
โดย นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล และคณะ แห่ง สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ
จาก The Saudi Arabian Delegation ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย



โดยผลงานของนักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลเหรียญทองเกียรติยศ ได้แก่

1. ผลงานเรื่อง "PlasOne เทคโนโลยีพลาสมาเย็นจากอากาศเพื่อการฟื้นฟูเส้นผม" โดย ดร.พิพัฒน์ ปรมาพิจิตรวัฒน์  และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

2. ผลงานเรื่อง "กาแฟอะราบิกาจากกระบวนการผลิตใหม่ Facultative Anaerobic Yeasts (FAY) process"
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุขุมาภรณ์ กระจ่างสังข์ และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

3. ผลงานเรื่อง "ความยั่งยืนในการเก็บเกี่ยว: แนวทางที่เป็นนวัตกรรมสำหรับผลพลอยได้จากถั่วแมคคาเดเมียและโซลูชั่นด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์สะอาด" โดย รองศาสตารจารย์ ดร.สุภกร บุญยืน  และคณะ แห่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

4. ผลงานเรื่อง ""วายู เบรทโทโลจี" นวัตกรรมเครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจากลมหายใจ" โดย ดร.เธียร์สิทธิ์ นาสัมพันธ์ แห่ง บริษัท เฮลท์ อินโนวิชั่น จำกัด



พร้อมรางวัล Special Prizes จากนานาประเทศ อาทิ โปแลนด์ สเปน โปรตุเกส สมาพันธรัฐสวิส เกาหลีใต้ มาเลเซีย โรมาเนีย ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน อิหร่านและอื่นๆ  อีกร่วมกว่า 30 ผลงาน


ความสำเร็จของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทย ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัล ล้วนเป็นผลงานที่มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง วช. จะส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยต่อไป












12
“แคทลิน” นำรวดคว้าแชมป์ ซาอุดิ โอเพ่นฯ แบบไม่พลิกโผ “กิรเดช” ดีสุดที่ 3 ร่วม


จอห์น แคทลิน

20 เมษายน 2567 – จอห์น แคทลิน โปรจอมแกร่งจากสหรัฐฯ รักษาฟอร์มแรงต่อเนื่องหวดรอบสุดท้ายได้อีก 5 อันเดอร์พาร์ 66 จบด้วยสกอร์รวม 24 อันเดอร์พาร์ 260 คว้าแชมป์ “ซาอุดิ โอเพ่น พรีเซนเต็ด บาย พับลิค อินเวสต์เมนท์ ฟันด์” ไปครองแบบนำรวดตั้งแต่รอบแรก ที่สนามริยาดห์ กอล์ฟ คลับ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา โดยทำสกอร์ทิ้งห่าง เวด ออมส์บี โปรออสซี่ ถึง  7 สโตรค ขณะที่ กิรเดช อภิบาลรัตน์ คืนฟอร์มจบด้วยสกอร์รวม 15 อันเดอร์พาร์ 269 รั้งอันดับ 3 ร่วม ดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย ทั้งนี้เวลาท้องถิ่นประเทศซาอุดิอาระเบียช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง


จอห์น แคทลิน

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ ซาอุดิ โอเพ่น พรีเซนเต็ด บาย พับลิค อินเวสต์เมนท์ ฟันด์ ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 36 ล้านบาท ณ สนามริยาดห์ กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,246 หลา พาร์ 71 ประเทศซาอุดิอาระเบีย ระหว่างวันที่ 17-20 เมษายนที่ผ่านมา ปรากฎว่า จอห์น แคทลิน โปรชาวอเมริกัน ซึ่งเพิ่งคว้าแชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า เมื่อเดือนที่แล้ว รักษาฟอร์มแกร่งเมื่อทำสกอร์ขึ้นนำตั้งแต่รอบแรก ก่อนปิดฉากรอบสุดท้ายเข้ามา 6 เบอร์ดี้ เสียเพียงโบกี้เดียว จบ 18 หลุมเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 66 สกอร์รวมสี่วัน 24 อันเดอร์พาร์ 260 คว้าแชมป์ไปครองตามคาด พร้อมรับเงินรางวัล 180,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.5 ล้านบาท โดยมี เวด ออมส์บี ที่เร่งเครื่องหวดวันเดียว 7 อันเดอร์พาร์ 64 ขึ้นมารั้งรองแชมป์ที่สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 267 รับเงินรางวัล 110,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 4 ล้านบาท


กิรเดช อภิบาลรัตน์

ทางด้าน โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ คืนฟอร์มเก่งหวดรอบสุดท้ายเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสี่วันมี 15 อันเดอร์พาร์ 269 จบอันดับ 3 ร่วม ดีสุดในกลุ่มนักกอล์ฟไทย รับเงินรางวัลไป 56,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านบาท ขณะที่ เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์ แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว เครื่องร้อนวันสุดท้ายหวด 8 อันเดอร์พาร์ 63 จบที่อันดับ 17 ร่วมกับ สดมภ์ แก้วกาญจนา, กัญจน์ เจริญกุล, สาริศ สุวรรณรัตน์ และผู้เล่นอีก 7 คน ที่สกอร์รวมคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 277


เวด ออมส์บี

จอห์น แคทลิน นักกอล์ฟวัย 32 ปี จากแคลิฟอร์เนีย เผยหลังคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ รายการที่ 6 ให้กับตัวเองว่า “ผมรู้สึกเหนื่อย แต่มีความสุขมาก แม้วันนี้ผมจะออกสตาร์ทด้วยสกอร์ทิ้งห่างแต่ผมก็บอกกับตัวเองว่าให้อยู่กับปัจจุบัน เพราะสมองคนเรามักจะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ผมจึงต้องบอกกับตัวเองบ่อยๆ ว่าให้อยู่กับปัจจุบัน และรักษาเกมการเล่นของตัวเอง ผมไม่เคยชนะสองรายการติดต่อกันมาก่อน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พิเศษสุดๆ และรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นแชมป์”


เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์

ส่วนผลงานของนักกอล์ฟไทยที่น่าสนใจรายอื่น ภาณุพล พิทยารัฐ สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 272 อันดับ 6 ร่วม, ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย และอติรุจ วินัยเจริญชัย สกอร์รวมคนละ 9 อันเดอร์พาร์ 275 อยู่อันดับ 10 ร่วม, รฐนน วรรณศรีจันทร์ สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 278 อันดับ 28 ร่วม ส่วนพรหม มีสวัสดิ์, เศรษฐี ประคองเวช และ ทีเค-รัชชานนท์ ฉันทนานุวัฒน์ นักกอล์ฟสมัครเล่นชื่อดังของไทย รั้งอันดับ 33 ร่วม ที่สกอร์รวมคนละ 5 อันเดอร์พาร์ 279

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour

13
"เป็ก ปตท.ทองทวี" ชนะแต้ม ผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย ศึกมวยรอบปูนเสือ ครั้งที่ 23




             วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 "ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้" ครั้งที่ 23 สาย A รอบ 8 คนสุดท้าย ที่เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายทรงเดช ศรีจันอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส คอนกรีต จำกัด และ นายพีระพล มากทอง ผู้จัดการขายปูนผงภาคเหนือ ตัวแทนปูนตราเสือ ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที ระหว่าง ฉลามเงิน สิงห์มาวิน (แดง) พบกับ โชคพิชิต โชติบางแสน (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ คู่นี้ใครแพ้ตกรอบทันที และ เป็ก ปตท.ทองทวี (แดง) พบกับ ใจสิงห์ ลูกเจ้าแม่ไทรทอง (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ คู่นี้ใครชนะเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย


             ผลมวยรอบปูนเสือมีดังนี้

             คู่ที่ 1. ฉลามเงิน สิงห์มาวิน (แดง) พบกับ โชคพิชิต โชติบางแสน (น้ำเงิน) คู่นี้ต่างคนต่างแพ้กันมาใครแพ้ตกรอบทันที เริ่มเกม "โชคพิชิต" เดินเข้าหาจับในปล้ำตีเข่าได้ชัดเจน ด้าน "ฉลามเงิน" เดินเตะซ้ายนำจับคอตีเข่าเน้นๆ ก่อนปล้ำวงใน แต่ "โชคพิชิต" ได้จังหวะแตะตัดล่างขึ้นบน ทำให้ "โชคพิชิต" เป็นฝ่ายชนะคะแนน ส่วน "ฉลามเงิน" ตกรอบทันที


             คู่ที่ 2. เป็ก ปตท.ทองทวี (แดง) พบกับ ใจสิงห์ ลูกเจ้าแม่ไทรทอง (น้ำเงิน) คู่นี้ต่างฝ่ายต่างชนะกันมาใครชนะเข้ารอบ 4 คนสุดท้ายทันที เริ่มเกมการชก "เป็ก" ใช้ลูกเก๋าเดินเกมคุมจังหวะบุกใส่คู่ชกต่อเนื่อง โดยมีหมัดเป็นอาวุธเด็ดเข้าโจมตี "เป็ก" อาศัยความสดเดินลุยโต้ ผลัดกันรุกผลัดกันรับแบบไม่มีใครยอมใคร แม้ "ใจสิงห์ " จะดูแผ่วลงไป เปิดโอกาสให้ "เป็ก" ไล่บี้โชว์ความแกร่ง ฝืนจนครบยก สุดท้าย "เป็ก" เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์ ผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย




             สำหรับมวยรอบปูนเสือในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 "ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 23" สาย B รอบ 8 คนสุดท้าย เป็นการชกกันระหว่าง ศิลาชัย สท.แมนนครระยอง (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ ปะทะกับ สายนที วรวุฒิรุ่งโรจน์ (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์ และ นิติกร สวนน้ำธารคีรี (แดง) พิกัด 112 ปอนด์ ปะทะกับ ยอดนที ผดุงชัยมวยไทยยิม (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์




             โดยช่อง 7 HD ทำการถ่ายทอดสด การแข่งขันให้แฟนมวยคนไทยเข้ารับชมและเชียร์กันได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป

14
ครอบครัวพร้อมหน้าทำบุญวันสงกรานต์




              คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง ต้อนรับปีใหม่ไทยด้วยการไปทำบุญและไหว้เคารพบรรพบุรุษอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม งามอย่างไทยด้วยเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายเชียงใหม่ ระบายอากาศได้ดี ถึงแม้อากาศจะร้อนอบอ้าว ก็ยังคงสดชื่นมีพลัง เพราะมีตัวช่วยดี ๆ อย่างน้ำหอมสำหรับบ้าน เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) กลิ่น Aroma Respire ที่อุดมไปด้วยเอสเซนเชียลออยล์เข้มข้นจากยูคาลิปตัส เปปเปอร์มินต์ และใบไธม์ ผสมผสานกับเมนทอล และกลิ่นหอมของเข็มสน ให้กลิ่นหอมเย็นสดชื่น ใช้งานร่วมกับตะเกียงน้ำหอม และก้านกระจายความหอม ขอร่วมอนุโมทนากับคุณเอ๋และครอบครัวในครั้งนี้ด้วยค่ะ

15
ประชุมใหญ่พรรค “ไทยสมาร์ท” คึกคัก ประกาศจุดยืน คนไทยต้อง “สมาร์ท”




          “เกียรติภูมิ สิริพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสมาร์ท ประกาศจุดยืน แนวคิดปลดหนี้ มีรายได้ หายจน คนไทย “สมาร์ท” นำสมาร์ทเทคโนโลยี นวัตกรรม ให้ประชาชนสร้างรายได้ แนะปลูกฝังค่านิยมใหม่ หารายได้เข้าประเทศ พร้อมมุ่งมั่นลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ




             วันที่ 21 เมษายน 2567 ณ โรงแรมศรีอู่ทอง แกรนด์ จ.สุพรรณบุรี พรรคพรรคไทยสมาร์ท จัดประชุมใหญ่ โดยมีแกนนำพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พร้อมด้วยสมาชิกพรรคกว่า 500 คน โดยในการประชุมครั้งนี้ พรรคไทยสมาร์ท ประกาศจุดยืนด้วยแนวคิดปลดหนี้ มีรายได้ หายจน คนไทย “สมาร์ท” พร้อมนำนวัตกรรม สมาร์ทเทคโนโลยี ช่วยสร้างรายได้ให้ ปชช. แทนการกู้เงินเป็นหนี้ และปลูกฝังค่านิยมใหม่ที่ทำให้คนไทยมีศักยภาพสร้างรายได้ด้วยตนเอง มากกว่าการรับแจกเงินหรือไปกู้เงิน ซึ่งจะช่วยให้ประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืน และสามารถก้าวไปสู่ความเป็นประเทศในกลุ่มโลกที่ 1 คือ ประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นผู้นำในภูมิภาค

           นายเกียรติภูมิ ระบุว่าพรรคไทยสมาร์ท พร้อมที่เดินหน้าทำงานการเมืองอย่างเต็มที่ โดยไม่ทะเลาะกับใคร และยังเชื่อว่าสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันและในอนาคต มีเสถียรภาพที่ไม่แน่นอน พรรคไทยสมาร์ท เราก็เตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำเสนอบุคลากรที่ดีมีคุณภาพ รวมทั้งนโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหา และพัฒนาประเทศ หากมีสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลง พรรคพร้อมลงสนามเลือกตั้งทันที

#ไทยสมาร์ท #พรรคไทยสมาร์ท #ประชุมพรรค #เกียรติภูมิ


























Pages: [1] 2 3 ... 2403