Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 814 815 [816] 817 818 ... 2405
12226
เชิญชมนิทรรศการเรือ เทิดพระเกียรติ ในหลวง ร. 9
ในงาน MOTOR EXPO 2020


                กองทัพเรือ จัดนิทรรศการแสดงพระอัจฉริยภาพทางการต่อเรือ และทรงเรือใบ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมแสดงเรือใบจำลองในบูธ JOIN BOAT PLATFORM


                นิทรรศการเทิดพระเกียรติแสดงพระอัจฉริยภาพทางการต่อเรือ และทรงเรือใบ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” ได้รับการสนับสนุนจาก สโมสรเรือใบ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ นำภาพที่หาชมยาก และเรือใบซูเปอร์มด และเรือใบประเภทโอเค มาจัดแสดง พร้อมสาธิต วิธีการเล่นเรือใบ และให้ความรู้ในการแล่นเรือใบเบื้องต้น โดยครูฝึกจากสโมสรเรือใบฯ




                สำหรับเรือที่นำมาจัดแสดงมีรายละเอียดดังนี้

                เรือใบซูเปอร์มด มีความเป็นมาจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงออกแบบ “เรือใบมด” และจดลิขสิทธิ์ที่ประเทศอังกฤษ ในประเภท International Moth Class โดยเรือประเภทม็อธที่ทรงออกแบบ และทรงต่อด้วยพระองค์เอง ระหว่างปี 2509-2510 มี 3 แบบ พระราชทานชื่อว่า “เรือมด” “เรือซูเปอร์มด” และ “เรือไมโครมด”




                เรือใบประเภทโอเค (Internation O.K. Class) เป็นเรือใบที่ทรงต่อไว้เมื่อปี 2508 และพระราชทานชื่อเรือว่า “เรือนวฤกษ์” แปลว่า ฤกษ์ใหม่ หลังจากนั้นทรงต่อเรือใบประเภทนี้ขึ้นอีกหลายลำ ทรงพระราชทานชื่อว่า “เวคา” หมายถึงดวงดาวที่สว่างสุกใส ตามด้วยหมายเลขกำกับ เช่น เรือเวคา 1 เรือเวคา 2 และเรือเวคา 3 เป็นต้น โดยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2509 ได้ทรงเรือใบ TH 18 “เวคา” เสด็จพระราชดำเนินเพียงลำพังข้ามอ่าวไทย จากพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน ไปยังหาดเตยงาม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือสัตหีบ รวมระยะทาง 60 ไมล์ทะเล ใช้เวลาประมาณ 17 ชั่วโมง หลังจากนั้นทรงนำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้ที่หาดเตยงาม

                หลังจากนั้นในปี 2510 ในหลวงรัชกาลที่ 9 และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงร่วมแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ โดยใช้เรือเวคา 2 หมายเลข TH 27 ที่ทรงต่อด้วยพระองค์เอง และทรงชนะเลิศเหรียญทองร่วมกัน ต่อมาเรือประเภทนี้ได้ใช้ในการแข่งขันระดับนานาชาติทุกครั้งที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยครั้งล่าสุดที่มีการจัดแข่งขันระดับนานาชาติ คือ การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ในปี 2550




                เชิญชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ และเรือใบจำลอง รวมถึง เรือยอชท์ เรือแม่น้ำ เจทสกี อุปกรณ์เกี่ยวกับเรือ ฯลฯ จากบริษัทเรือมากกว่า 10 แห่ง ได้ที่บูธ JOIN BOAT PLATFORM ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” ชาลเลนเจอร์ 1 IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึง 13 ธันวาคม 2563 และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​ motorexpo.co.th

12227
SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR
จัดอบรม “โตไป…ขับเป็น” ให้เยาวชน

               เชิญเด็ก และเยาวชน ร่วมกิจกรรม “โตไป…ขับเป็น” ฝึกขับสนามจำลอง ปลูกฝังวินัยจราจร ฟรี ! ในงาน MOTOR EXPO 2020




               ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ “ขับเป็น..ขับปลอดภัย กับสื่อสากล” (SKILL DRIVING EXPERIENCE) เผยว่า กิจกรรม SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR “โตไป…ขับเป็น”ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน ได้เรียนรู้กฎจราจร และฝึกขับขี่ในถนนจำลองที่ปลอดภัย พร้อมรับใบขับขี่รุ่นเยาว์

               กิจกรรมใช้เวลารวม 45 นาทีต่อรอบ รอบละไม่เกิน 10 คน แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงอบรมความปลอดภัยในการใช้รถและถนน โดยวิทยากรจากกองบังคับการตำรวจจราจร บรรยายความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ สัญญาณไฟ ความหมายของสัญลักษณ์ และป้ายต่างๆ ส่วนภาคปฎิบัติ จะได้ขับขี่รถบังคับขนาดเล็กในสนามจำลอง ฝึกฝนการมอง และควบคุมพวงมาลัย เพื่อสร้างทักษะการขับขี่ขั้นพื้นฐาน ปลูกฝังการเคารพกฎจราจรให้ขับขี่อย่างปลอดภัย ลดอุบัติเหตุได้ในอนาคต




               “โตไป…ขับเป็น” เป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก และเยาวชน อายุระหว่าง 4-8 ปี สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม วันธรรมดา อบรม 8 รอบ เวลา 12.00-20.45 น. วันหยุดราชการ อบรม 9 รอบ เวลา 11.00-20.45 น.




               ผู้ปกครองนำบุตรหลานไปสมัครอบรมฟรี ! ได้ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” ณ บูธ SKILL DRIVING EXPERIENCE JUNIOR ชาลเลนเจอร์ 3 IMPACT เมืองทองธานี ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2563

12228
ชม “นวัตกรรมยานยนต์” ฝีมือเยาวชนใน MOTOR EXPO 2020

               “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” จัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ด้านยานยนต์ของเยาวชนที่เคยได้รับรางวัลจากการประกวด หวังจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้คนรุ่นใหม่


               ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” เปิดเผยว่า “โครงการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ จัดต่อเนื่องมา 10 ปี มีนักศึกษาส่งผลงานเข้าประกวดจำนวนมาก แต่ปีนี้เกิดวิกฤต COVID-19 จำเป็นต้องงดการประกวด จึงนำผลงานที่เคยได้รับรางวัลมาแสดง สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนที่สนใจด้านสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมยานยนต์ ได้ศึกษาเรียนรู้เพื่อเตรียมสร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดในปีหน้า”

               นวัตกรรมยานยนต์ที่แสดงในบูธโครงการฯ ได้แก่ ผลงาน​ ระบบคัดกรองอัจฉริยะสำหรับเลนจักรยาน​ (INTELLIGENT SCREENING SYSTEM FOR BICYCLE LANE) รางวัลชนะเลิศในการประกวด ครั้งที่ 10 โดย สุริยา สารธิมา เทพพงษ์ เทพวงศ์ศิริรัตน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์





               ผลงาน​ ยานพาหนะปัญญาประดิษฐ์ขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางสายตา​ (ARTIFICIAL INTELLIGENCE AUTONOMOUS VEHICLE FOR THE BLIND) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวด ครั้งที่ 10 โดย ภูริชญา อังบุญธร พัชรวรรณ ศรีเดช และพรหมสุรินท์ พุทธรรมวงศ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

               ผลงาน​ พาหนะส่วนบุคคลพับได้​ (TINY URBAN SCOOTER) รับรางวัลชนะเลิศ การประกวด ครั้งที่ 8 โดย วัศพล สินทรัพย์ เมธัส น้ำผุด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

               ผลงาน​ เนินชะลอความเร็วอัตโนมัติ​ (AUTOMATIC SPEED BUMP) เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดฯ ครั้งที่ 4 โดย ปรินทร วณิชชยังกูร พงษ์นรินทร์ อยู่มา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์




               เชิญชมนวัตกรรมยานยนต์จากความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ได้ที่บูธ “โครงการประกวดนวัตกรรมยานยนต์” บริเวณลอบบี ชาลเลนเจอร์ 1 IMPACT เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึง 13 ธันวาคม 2563 และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​ motorexpo.co.th

12229
ครึ่งทาง “MOTOR EXPO 2020”
เก๋งเล็ก เอสยูวี ขายดีสวนกระแสเศรษฐกิจ

               “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” ผ่านครึ่งทางแล้ว ยอดจองรถยนต์ และจักรยานยนต์รวมกว่า 15,777 คัน เก๋งเล็ก เอสยูวี เอมพีวี แรงจัด


               ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” เปิดเผยว่า “ขณะนี้ผ่านครึ่งทางการจัดงานแล้ว พบว่ายอดจองรถยนต์ในงานใกล้เคียงกับปีก่อน สวนกระแสเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยรถขนาดเล็กได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการระบาดของ COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถส่วนตัว เพื่อหลีกเลี่ยงระบบขนส่งสาธารณะ ตามด้วยรถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) และรถอเนกประสงค์ (MPV) จากกระแสนิยมการท่องเที่ยวภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ส่วนรถพลังงานทางเลือก มีความหลากหลาย และทางเลือกให้ผู้ใช้มากกว่าเดิม ขณะที่ยอดขายรถจักรยานยนต์ปรับลดลงตามที่คาดไว้ก่อนหน้า”

               ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันสำหรับสื่อมวลชน และแขกรับเชิญ ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2563 มียอดจองรถยนต์ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” รวม 13,549 คัน ลดลงเพียง 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งทางของงานปีก่อน โดยยอดจองสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 TOYOTA 2,061 คัน อันดับ 2 HONDA 2,032 คัน อันดับ 3 MAZDA 1,786 คัน อันดับ 4 ISUZU 1,506 คัน และอันดับ 5 MG 928 คัน


               ค่ายรถจักรยานยนต์ มียอดจองรวม 2,228 คัน ลดลง 30.7% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งทางของงานปีก่อน โดยยอดจองสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 HONDA 543 คัน อันดับ 2 YAMAHA 385 คัน อันดับ 3 GPX 336 คัน อันดับ 4 KAWASAKI 189 คัน และ อันดับ 5 VESPA 201 คัน

               “หลังจากนี้จะมีวันหยุดอีก 4 วัน ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม 2563 ซึ่งตามสถิติที่ผ่านมาจะมีการซื้อขายรถในงานมากกว่าวันธรรมดา ดังนั้น จึงคาดว่ายอดจองรถในงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

               “ด้านผู้ชมงานมีจำนวน 685,467 คน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกัน 9.9% แต่ปีนี้มีผู้ชมจาก MOTOR EXPO ONLINE PLATFORM จำนวนกว่า 125,000 คน มาทดแทนผู้ชมงานจริง รวมถึงมีจำนวนผู้มาชมงานในวันธรรมดาเพิ่มขึ้น”


               นอกจากนี้ ผู้จัดยังดำเนินการต่างๆ ตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข ในการป้องกัน COVID-19 อย่างเคร่งครัด มีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในอาคารเมื่อจัดงานไปแล้วครึ่งทาง ส่วนผู้เข้าชมงานต้องลงทะเบียนแอพพลิเคชัน “ไทยชนะ” ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน รวมทั้งผู้จัดได้เตรียมแอลกอฮอลล้างมือไว้บริการทั่วบริเวณ พร้อมป้ายเตือนเว้นระยะห่าง และกำหนดให้ทุกคนในงานสวมหน้ากากอนามัย

               เชิญชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2563 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​ motorexpo.co.th

12230
ขับเป็น...ขับปลอดภัย อบรมทักษะแก้สถานการณ์ฉุกเฉิน


              ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ “ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล” จัดอบรม Skill Driving Experience (Demo) 2020 พร้อมฝึกปฏิบัติจริงให้แก่ผู้สนใจ โดยครูฝึกมืออาชีพ เพื่อเพิ่มทักษะการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินบนท้องถนน ตั้งแต่ เรียนรู้ท่านั่ง และการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง การหักหลบฉุกเฉิน และการขับแบบ Slalom กับรถยนต์ทุกประเภททั้ง ขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง และสี่ล้อ ณ บริเวณทะเลสาบ เมืองทองธานี ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37” เมื่อวันที่ 5-6 ธันวาคม ที่ผ่านมา










12231
สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ เชิญรับชมเพจเฟซบุ๊ก “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง”
EP.3 ตอน “การปลูกผมของคนศีรษะล้าน”


               สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยหรือ DST ตระหนักที่จะทำหน้าที่เพื่อตอบแทนสังคมและเผยแพร่และทำการรักษาและให้ความรู้กับประชาชนทั่วประเทศ​ ขอเชิญประชาชนและผู้สนใจทั่วไป เข้าชม Facebook Live ผ่าน เพจเฟซบุ๊ก “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง” ใน... EP.3 ตอน “การปลูกผมของคนศีรษะล้าน” ในวันพฤหัสบดี ที่ 17 ธันวาคม 2563 เวลา 13.30 -14.30 น.​ โดย รศ.ดร.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมี รศ.นพ.รัฐพล ตวงทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และ พญ.ชินมนัส เลขวัต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เป็นวิทยากรรับเชิญ

               ปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำลายสุขภาพจิตของหลาย ๆ คน ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็ประสบปัญหาเหมือนกัน เพียงแต่ส่วนมากมักจะเกิดกับเพศชายมากกว่าด้วยผลของฮอร์โมนเพศ ปัญหาศีรษะล้านส่วนใหญ่มาจากพันธุกรรม ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้การจัดการกับปัญหานั้นแลดูจะเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ปัญหาทุกอย่างปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เรื่องเส้นผมก็เช่นเดียวกัน  อยากรู้วิธีต้องรักษาอย่างไร หรืออยากรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการปลูกผม หรือการเลือกใช้ยารักษาผมร่วง ศีรษะล้าน  ติดตามชมทาง เพจเฟซบุ๊ก “ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง”

12232
แม็คโคร หนุนผู้เลี้ยงวัวไทย ผลิตเนื้อพรีเมียม
ย้ำความสำเร็จ การตลาดนำการผลิต สร้างรายได้เพิ่มกว่า 2 หมื่นต่อตัว


บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) โดย นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร (ที่ 4 จากซ้าย) และนางจุฆารัตน์ พัฒนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพ (ที่ 3 จากขวา) ร่วมกับ ประธานสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ จำกัด นายวิบูลย์ ไวยสุระสิงห์ เจ้าของสุระสิงห์ฟาร์ม (ที่ 3 จากซ้าย) พร้อมด้วย นายโสภัชย์ ชวาลกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ ตัวแทนอธิบดีกรมปศุสัตว์ (ที่ 4 จากขวา) แถลงข่าวความร่วมมือในการพัฒนาการเลี้ยง    โคเนื้อไทย เพื่อยกระดับผลผลิตเนื้อที่ได้สู่ระดับพรีเมียม ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ภายใต้แบรนด์ ‘โปรบุชเชอร์’ ขานรับนโยบาย การตลาดนำการผลิต ที่ภาครัฐส่งเสริม ด้วยการปรับวิธีเลี้ยง สูตรอาหารสัตว์และสภาพแวดล้อม เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรมากกว่า 20,000 บาทต่อตัว ณ สุระสิงห์ฟาร์ม จังหวัดระยอง

12233
เริ่มแล้ว !! Winter Book Fest 2020 เทศกาลหนังสือฤดูหนาว
บรรยากาศคึกคัก นักอ่านร่วมกิจกรรมสุดจี๊ดคับคั่ง ร่วมมอบหนังสือเป็นของขวัญ พร้อมลดสูงสุด 80% !!




             เมื่อเร็วๆ นี้ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ประธานกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นประธานเปิดงาน “Winter Book Fest 2020 เทศกาลหนังสือฤดูหนาว” ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 -20 ธันวาคม 2563 เวลา 10.00- 21.00 น. ณ มิตรทาวน์ ฮอลล์ โดยมี นายจรัญ หอมเทียนทอง ผู้อำนวยการการจัดงาน ให้การต้อนรับ


             WINTER BOOK FEST 2020 เทศกาลหนังสือฤดูหนาว เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ในธุรกิจหนังสือทั้ง นักเขียน นักแปล สำนักพิมพ์ ผู้จัดจำหน่ายทั้งเล็ก กลาง ใหญ่กว่า 90 สำนักพิมพ์ 180 บูท  อาทิ  มติชน, Salmon Books, แสงดาว, สถาพรบุ๊คส์, แจ่มใส, สยามอินเตอร์, Groove Publishing, นานมี, Dexpress, ฟ้าเดียวกัน, 10 mm, a book, Hermit, Koob นิ้วกลม, ณ บ้านวรรณกรรม, SALT, ยิปซี, Merry-Go-Round Publishing, Animag, อมรินทร์, เป็ดเต่าควาย, Way, 13357, Bibli, Luckpim เป็นต้น


             ด้วยแนวคิด “Give Me Books” มอบหนังสือเป็นของขวัญให้แก่กัน และนิทรรศการไฮไลท์ “Tolerance Posters Exhibition - แตกต่าง เข้าใจ” ซึ่งจัดแสดงมาแล้ว 31 ประเทศทั่วโลก สนุกกับกิจกรรมคูลๆ ตลอด 10 วัน และร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นร้อนกับเวทีเสวนาจากหลากสำนักพิมพ์ ที่จะสั่นสะเทือนสังคมไทย พร้อมโปรโมชั่น “ปล่อยของ” ราคาเดียว 99 บาท ซื้อ 1 แถม 1 และลดราคาสูงสุด 80 %


             นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ กล่าวว่า WINTER BOOK FEST 2020 มีแนวคิดในการจัดงานคือ “GIFT ME BOOKS” หนังสือคือของขวัญ เพื่อให้นักอ่านได้ส่งมอบวัฒนธรรมที่มาพร้อมกับการอ่านให้แก่กัน และเป็นการส่งเสริมนโยบาย“ช้อปดีมีคืน” ของรัฐบาล ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลากหลายภาคส่วน ซึ่งนักอ่านสามารถนำใบกำกับภาษีไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ การซื้อหนังสือเพื่อเป็นของขวัญให้แก่กันในงานนี้ จึงเป็นทั้งการส่งเสริมธุรกิจวงการหนังสือ รวมถึงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย


             “WINTER BOOK FEST 2020 เป็นการสร้างพื้นที่ในการพบปะ และสร้างชุมชนการอ่านให้กับธุรกิจหนังสือของประเทศไทย เปิดโอกาสให้นักอ่านและผู้ผลิตได้มีตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขาย กระตุ้นให้เกิดการผลิตหนังสือที่น่าสนใจ เนื้อหาใหม่ๆ เพื่อสอดรับกับความต้องการของตลาดมากขึ้น และก่อให้เกิดการกระตุ้นภาพรวมการหมุนเวียนเม็ดเงินในธุรกิจหนังสือ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สร้างเสริมการเรียนรู้วัฒนธรรมของคนในประเทศได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านและความคิดสร้างสรรค์ อันจะเกิดจากการร่วมกิจกรรมต่างๆ ในงาน เพื่อให้การอ่านเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอย่างแท้จริง

             ผมอยากขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมงานนี้ เพื่อช่วยให้วงการหนังสือสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและให้ผู้อ่านทุกคนได้รับความสุขจากการมอบหนังสือเพื่อเป็นของขวัญให้แก่กันในวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงครับ” นายวีระกล่าว


             นายจรัญ หอมเทียนทอง​ เปิดเผยว่า Winter Book Fest 2020 คือการจัดงานหนังสือในลักษณะของเทศกาล หรือ Festival ที่นอกจากไฮไลท์สำคัญจะเป็นหนังสือราคาพิเศษจากสำนักพิมพ์ต่างๆ แล้ว ยังเป็นงานเทศกาลที่เต็มไปด้วยกิจกรรมสนุกสนานมากมาย สำหรับคนรักการอ่านทุกเพศทุกวัย เพราะทุกวันนี้ตลาดหนังสือเปลี่ยนแปลงไปมาก งานหนังสือจึงต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน โดยเป็นการจัดงานที่ยึดความต้องการของนักอ่านเป็นสำคัญ ให้ทุกคนมาสนุกและมีความสุขร่วมกันได้




             “การจัดงานหนังสือยังจำเป็น แต่เป็นความจำเป็นในบริบทที่จำกัด ขนาดของงานหนังสือไม่ใช่ปัจจัยหลักอีกต่อไป เพราะคุณภาพของสำนักพิมพ์ที่มาร่วมงานคือตัวแปรของงาน โดยมีคนอ่านเป็นตัวชี้วัด เราติดกับดักความสำเร็จแบบเดิมไม่ได้แล้ว โลกของคนอ่านเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าคนอ่านต้องการมาแค่ซื้อหนังสือ ไปซื้อออนไลน์ก็ได้ แต่งานหนังสือทำให้คนอ่านและคนทำมาพบหน้าและพูดคุยกัน เป็นคุณภาพของงานหนังสือที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต” จรัญกล่าว




             จรัญกล่าวด้วยว่า ไฮไลท์กิจกรรมสำคัญในงาน Winter Book Fest เทศกาลหนังสือฤดูหนาว มีทั้งในส่วนของกิจกรรมเสวนาจากสำนักพิมพ์ต่างๆ เวิร์คชอปศิลปะ ดนตรีจากศิลปินชื่อดัง และนิทรรศการ "Tolerance Posters Exhibition - แตกต่าง เข้าใจ” ซึ่งจัดแสดงครั้งแรกในประเทศไทย หลังจากแสดงมาแล้ว 31 ประเทศทั่วโลก เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นมาเพื่อนักอ่านสำหรับทุกเพศ ทุกวัย และทุกความสนใจของสังคม


             “นอกจากหนังสือราคาพิเศษที่นักอ่านรอคอยแล้ว เพราะเป็น Book Fest เนื้อหาของงานจึงมีหลากมิติ อาทิ เสวนา เด็กไทยอ่านอะไรอยู่: ความตื่นตัวของหนังสือว่าด้วยสังคม-การเมืองไทยในเยาวชน / จากนวนิยายสู่ซีรีส์ เกียร์สีชาวกับกาวน์สีฝุ่น โดย มาร์ค - ปาหุณ จิยะจริญ, ภวิน -ภวินท์ กุลการัณยวิชญ์, เฟี๊ยต -พัทธดนย์ จันทร์เงิน, อั๋น -ณภัทร พัชรชวลิต, เจเจ -ชยกร จุฑามาศ / Hiphop Present : Book Rap Talk โดย โปรตัวซัว, สันติ, Z09 / ชาติไทย เมืองไทย แบบเรียนและอนุสาวรีย์ โดย ผศ.ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล และ ฐนพงศ์ ลือขจรชัย / ศิลปะขับเคลื่อนสังคม โดย ประชา สุวีรานนท์, สันติ ลอรัชวี, ดนัยพันธ์ วัชรีวงศ์




             พ่อแม่สามารถจูงลูกหลานมาร่วมกิจกรรมวัน Parent Days ที่สำนักพิมพ์เด็กจัดเสวนา และมีกิจกรรมสำหรับเด็กตลอดทั้งวัน มางานเดียวจบ ครบทั้งครอบครัว รวมถึงเพลินเพลินไปกับศิลปินชั้นนำ ที่จะนำเสียงเพลงมาสร้างความบันเทิงให้กับนักอ่าน ไม่ว่าจะเป็น Stoondio/ ออมสิน/ Autta/ ดวงดาวเดียวดาย/ ชา ฮาร์โมนี เป็นต้น

             ยังมีเวิร์คช็อปอีกเยอะมาก เช่น Little Sweets Calendar 2021 วาดภาพบนโปสเตอร์ปฏิทิน 2021 ในธีมขนมและเครื่องดื่ม, Let's Blend and Read: เบลนด์น้ำมันหอมระเหยเพื่อสร้างบรรยากาศในการอ่านหนังสือ, ปักภาพสัตว์เลี้ยงบนกระเป๋า


             นอกจากนี้ด้วยคอนเซ็ปต์ “GIVE ME BOOKS” ซื้อหนังสือเป็นของขวัญ จึงมีซุ้มสำหรับห่อของขวัญพร้อมกระดาษลายสวยๆ ให้เลือกส่งหนังสือให้กับคนรู้ใจในหน้าหนาวปีนี้ มีแลนด์มาร์กสุดคูลกลางฮอล์ที่นักอ่านสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมงานในมุม Bird Eye View แบบ 360 องศา มีร้านคัพเค้กปกหนังสือสุดน่ารัก ที่รอเสิร์ฟหนังสือกินได้ เป็นครั้งแรกที่หนอนหนังสืออย่างเราจะได้แทะหนังสือกันจริงๆ สักที

             อีกกิจกรรมที่ไม่อยากให้พลาด คือนิทรรศการ  “Tolerance Posters Exhibition” เป็นนิทรรศการพิเศษที่ตระเวนจัดแสดงมาแล้วทั่วโลก กว่า 31 ประเทศ อาทิ อเมริกา อังกฤษ บอสเนีย สโลวาเกีย ตุรกี โครเอเชีย รัสเซีย เกาหลี ไต้หวัน อินโดนีเซีย จีน ฯลฯ

             โดยนิทรรศการนี้มีชื่อไทยว่า นิทรรศการ "แตกต่าง เข้าใจ" นิทรรศการนี้อยู่ภายใต้ THE TOLERANCE PROJECT ซึ่งต้องการส่งสารว่าด้วยการ "ยอมรับทางสังคม" หรือ Social Acceptance ไปสู่ผู้คนในประเทศต่างๆ ที่มีความหลากหลายในเชิงโครงสร้าง สังคม และวัฒนธรรม โดยผู้ก่อตั้งโปรเจคต์นี้คือ Mirko Ilić ศิลปินนักเคลื่อนไหวชาวบอสเนีย เขารวบรวมโปสเตอร์ที่ออกแบบโดยศิลปินทั่วโลกกว่า 164 ชิ้น เพื่อนำเสนอแนวคิด "การรวมเป็นหนึ่งเดียว" ที่นำไปสู่ "การเข้าใจความแตกต่างกัน" ในโลกที่การแบ่งแยกชาติพันธุ์ เชื้อชาติ ศาสนา เพศสภาพ ต่างทวีความรุนแรงขึ้น นิทรรศการนี้จะใช้พลังของการออกแบบในเชิงศิลปะที่มีความเฉพาะตัว เพื่อย้ำเตือนให้เราเห็นว่า "เราทุกคนไม่ต่างกัน" นั่นเองครับ”

             ในด้านของมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น นายจรัญกล่าวว่า มีการดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หรือ social distancing มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าพื้นที่โดยพยาบาล เว้นระยะห่างแต่ละบูธ เพิ่มพื้นที่ทางเดิน มีบริการเจลแอลกอฮอล์ รณรงค์การจ่ายเงินด้วยระบบโอนผ่าน QR Code และหน้ากากอนามัย คือบัตรเข้างานที่สำคัญ

             Winter Book Fest 2020 เกิดขึ้นเพื่อคนอ่าน คนทำหนังสือทุกคนเชื่อในพลังคนอ่าน และหวังว่าเราจะได้พบกันนะครับ” นายจรัญกล่าว

             10 - 20 ธันวาคมนี้ เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ มิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าสามย่านมิตรทาวน์ รถไฟใต้ดิน MRT สถานีสามย่าน

             นักอ่านห้ามพลาด !!

             ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​ www.facebook.com/winterbookfest

12234
ชวนชมเทศกาลแสงไฟประจำปีกรุงเทพฯ “Awakening Bangkok 2020”


              กลับมาสร้างความประทับใจอีกครั้งกับ​ เทศกาลแสงไฟประจำปีกรุงเทพฯ หรือ Awakening Bangkok 2020​ที่หลายคนรอคอยจาก Time Out Bangkok ที่เนรมิตสถานที่สำคัญในย่านเจริญกรุง-บางรัก-ตลาดน้อย ตั้งแต่โรงภาพยนตร์ปรินซ์ อาคารไปรษณีย์กลาง ไปจนถึงบ้านโซว เฮง ไถ่ ให้กลับมามีสีสันยามค่ำคืน โดยในปีนี้จัดภายใต้ธีม RE/WIND/FAST/FORWARD สะท้อนให้เห็นถึงห้วงเวลาที่ยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19) ชวนทุกคนมองย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น เรียนรู้ ตริตรองอย่างเข้าใจ เพื่อเปิดประตูก้าวไปสู่สิ่งใหม่ได้เร็วและไกลกว่าเดิม โดยได้รับการสนับสนุนจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA  และบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมด้วย Peppermint Field (เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์) Prudential (พรูเดนเชียล) และ BGC (บางกอกกลาส)


ผลงาน JOHNNIE WALKER จาก “ดอน บอย” (DON BOY) และ “ยิ้ม เสมอ” (YIMSAMER)


ผลงานจากกลุ่มศิลปิน BGC Glass Studio

              พบกับการแสดงศิลปกรรมไฟเกือบ 40 ชิ้นงาน จาก 25 ศิลปิน อาทิเช่นไฮไลต์จาก 3 แลนด์มาร์คใหญ่ของงาน ได้แก่ บริเวณหน้าอาคารไปรษณีย์กลาง Warehouse 30 และโรงภาพยนตร์ปรินซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ​ “JOHNNIE WALKER PRESENTS THE GATEWAY, JOURNIE และ TAKE A WALK” 3 ชิ้นงานไฮไลต์จาก 2 กลุ่มศิลปินชื่อดัง “ดอน บอย” (DON BOY) และ “ยิ้ม เสมอ” (YIMSAMER) ที่มาถ่ายทอดประวัติศาสตร์และบทบาทของแบรนด์เชิงสังคมและวัฒนธรรมตลอดช่วงเวลา 2 ศตวรรษของแบรนด์เครื่องดื่มระดับโลกผ่านประติมากรรมแสงที่บอกเล่าถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต นอกจากนั้นยังมี​ “BGC GLASS STUDIO PRESENTS ARTEMIS, HOW MUCH TIME DO YOU NEED?, LIGHT UP THE CITY และ SOCIAL DISTANCING 2020” "AUTORORA" จาก Autosave Studio กลุ่มนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่นำแรงบันดาลใจจากภาพสะท้อนของเหล่านักรบบนสวรรค์ตามความเชื่อของชาวยุโรปโบราณ มาสร้างชิ้นงานที่จำลองต้นกำเนิดแสงให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์เหมือนเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของแสงเหนือ และผลงาน​ "CENSORSHIT" จาก H-LAB ที่ล้อเลียนสภาวะของการมีเรื่องที่พูดไม่ได้หรือไม่อยากพูดถึงราวกับถูกเซ็นเซอร์อยู่ตลอดเวลาผ่านโปรแกรมที่จะแปลทุกข้อความของคุณเป็นรหัสลับรูป emoji ที่มีเพียงคุณและคนที่คุณต้องการให้รับรู้เท่านั้นที่สามารถถอดรหัสนั้นได้


ผลงาน AUTORORA จาก Autosave Studio ที่ผู้เข้าชมจะได้รับประสบการณ์เหมือนเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของแสงเหนือ


ผลงาน CENSORSHIT  จาก H-LAB ล้อเลียนสภาวะของการมีเรื่องที่พูดไม่ได้หรือไม่อยากพูด

              พร้อมร่วมสนุกไปกับ​ “Silent Disco” ปาร์ตี้หูฟังรูปแบบใหม่ที่ไม่เกิดมลพิษทางเสียงให้รบกวนใจผู้อื่น เพลิดเพลินไปกับการเดินช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพหลากหลายจากแบรนด์ชั้นนำ ฝากท้องอิ่มอร่อยไปกับอาหารเลิศรสจากร้านชื่อดัง และสนุกสนานกับการแสดงคอนเสิร์ตศิลปินจาก What the




              นอกจากนี้ที่ Awakening Bangkok ยังเป็นการเปิดตัวแคมเปญ “KEEP WALKING ให้ไกลกว่าเดิม” เพื่อเฉลิมฉลอง 200 ปี จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ อย่างเป็นทางการ โดยรวบรวมผลงานความคิดสร้างสรรค์จาก 3 พาร์ตเนอร์มานำเสนอในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
TKW แบรนด์สตรีตแวร์น้องใหม่จาก TAKARA WONG นำเสนอเสื้อผ้าคอลเลคชันพิเศษ ‘Walk Forward’ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสะท้อนความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาผ่านงานดีไซน์​ Guss Damn Good (กัสส์ แดมน์ กู๊ด) แบรนด์ไอศกรีมสัญชาติไทย ถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ผ่านรสชาติใหม่ของไอศกรีมที่ชื่อว่า Keep Walking โดยใส่ส่วนผสมใหม่ๆ ที่แตกต่างจากกรอบเดิมๆ และร่วมกับ​ Vesper Cocktail Bar บาร์ชื่อดังที่การันตี ด้วยอันดับที่ 62 จาก World’s 50 Best Bars 2020 และรางวัลทรงเกียรติระดับโลกมากมาย มาผสมผสานมิกซ์เซอร์รสชาติใหม่ในรูปแบบกระป๋องครั้งแรก ต่อยอดให้กับคนรุ่นใหม่ในการรังสรรค์ค็อกเทลได้อย่างง่ายๆ ร่วมด้วยการแสดงประติมากรรมไฟสุดยิ่งใหญ่ และการฉายภาพยนตร์สารคดี The Man Who Walked Around The World ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ณ โรงภาพยนตร์ปรินซ์




              ร่วมท่องราตรีแห่งสีสันไปพร้อมกันได้ ในงาน “เทศกาลแสงไฟประจำปีกรุงเทพฯ” หรือ “Awakening Bangkok 2020” ตั้งแต่วันที่ 11-20 ธันวาคม 2563 และมีบางชิ้นงานที่จัดแสดงถึงวันที่ 4 มกราคม 2564 ณ ย่านเจริญกรุง-บางรัก-ตลาดน้อย สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดีๆ ภายในงานได้ทางเว็บไซต์ www.timeout.com/bangkok/th เฟซบุ๊ค : Time Out - กรุงเทพฯ






12235
DGA ขอเชิญร่วมกิจกรรมในบูธนิทรรศการ
โครงการหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน
ณ อบต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์


                สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในบูธนิทรรศการ โครงการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ณ อบต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในวันที่ 17 ธันวาคม 2563​ โดย สพร.ได้นำบริการดิจิทัลภาครัฐที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มาให้พี่-น้องชาวนครสวรรค์ได้ลองใช้กันถึงที่​ อาทิ ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ หรือ Government Smart Kiosk ช่องทางเพื่อการเข้าถึงข้อมูลและบริการภาครัฐแบบครบวงจร ในรูปแบบดิจิทัลด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเพียงใบเดียว พร้อมแนะนำ แอปพลิเคชัน CITIZENinfo ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงจุดให้บริการ และจัดเตรียมเอกสารล่วงหน้าในการเข้าใช้บริการ ตลอดจนช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนั้นเพื่อภาคธุรกิจ สพร.ได้เตรียม​ ​บริการ Biz Portal  ภายใต้เว็บไซต์ bizportal.go.th ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลให้ภาคธุรกิจติดต่อราชการแบบเบ็ดเสร็จ ครบวงจร ณ จุดเดียว บริการฉับไว เว็บเดียวจบ ครบทุกเรื่อง และพบกับกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมเล่นเกมส์รับของที่ระลึกมากมาย ที่บูธ สพร.​ ณ งาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” จังหวัดนครสวรรค์

12236
Kincentric Best Employers Thailand Virtual Awards and Learning Conference 2020
งานประกาศรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี 2563

เปิดโผ! 8 องค์กร คว้ารางวัล Kincentric Best Employers Awards 2020
หรือสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี 2563


              คินเซนทริค บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานประกาศรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี 2563 โครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่นประเทศไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัท คินเซนทริค ประเทศไทย และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการร่วมมือกันของทั้งสององค์กรนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่โดดเด่นของศศินทร์ในฐานะสถาบันการศึกษาระดับโลกในด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และบทบาทที่แข็งแกร่งของคินเซนทริคในฐานะบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก


              ดร.อดิศักดิ์ จันทรประภาเลิศ กรรมการผู้จัดการและพาร์ทเนอร์ คินเซนทริค ประเทศไทย กล่าวว่า​ Kincentric Best Employers Thailand เป็นรางวัลที่ได้ดำเนินการมาแล้ว 20 ปี เพื่อค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่น โดยพิจารณาจากปัจจัยที่ส่งผลต่อความยั่งยืนขององค์กร ผ่านกระบวนการต่าง ๆ คือ 1. การสำรวจความคิดเห็นของพนักงาน ใน 4 มิติ คือ High Employee Engagement, Agile Working Environment, Engaging Leadership และ Strong Talent Focus 2. การสำรวจความคิดเห็นของทีม HR เกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลขององค์กรผ่าน Maturity Model 3. การสำรวจมุมมองของ CEO เกี่ยวกับนโยบายการดำเนินธุรกิจและนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนขององค์กร และ 4. การสัมภาษณ์ CEO และทีม HR เพื่อดูความสอดคล้องและความเชื่อมโยงของภาพรวม


Professor Ian Fenwick, Ph.D. (Director, Sasin School of Management)

              โครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 มีส่วนทำให้องค์กรมีโอกาสในการทำความเข้าใจกับพฤติกรรมและการแสดงออกของพนักงานที่เป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ได้รับจากองค์กร รวมถึงมุมมองใหม่ ๆ และข้อคิดเห็นต่าง ๆ ในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การจัดเก็บฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการจัดอันดับขีดความสามารถ การฟันฝ่าเรื่องของ Disruptive วิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา รวมถึงการแก้ไขปัญหาช่วง New normal ที่จะสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นขององค์กร นอกจากนั้นยังเป็นโอกาสในการเทียบเคียงกับคู่เทียบทั้งระดับในภูมิภาคและในระดับโลกอีกด้วย โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับ 8 องค์กรสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี 2563 ได้แก่


1.​  บริษัทในกลุ่มเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป
2.​  บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซเพรส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
3.​  บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ภายใต้แบรนด์ เทสโก้ โลตัส
4.​  บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
5.​  บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด
6.​  บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน)
7.​  บริษัท สยามอุตสาหกรรมวัสดุทนไฟ จำกัด
8.​  บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน)



              ด้านนางสาวนภัส ศิริวรางกูร ผู้อำนวยการคินเซนทริค ประเทศไทย กล่าวว่า​ การสำรวจข้อมูลโครงการสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยโดยได้ใช้เครื่องมือของคินเซนทริคในการเก็บข้อมูลเชิงลึกทั้ง 3 ระดับ ประกอบไปด้วยพนักงานในองค์กร ทีม HR และ CEO นอกจากนั้นแล้วยังมีผู้ตอบแบบสอบถามจากหลายหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ ธุรกิจด้านขนส่ง ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการบริการ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจด้านการประกันชีวิต และอื่น ๆ

              จากข้อมูลพบว่าสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยมีคะแนนความผูกพันของพนักงานต่อองค์กรสูงถึง 87% สูงกว่าอัตราโดยเฉลี่ยขององค์กรทั่วไปถึง 19 คะแนน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แต่ละองค์กรได้รับรางวัลนั้น เพราะเป็นองค์กรที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานด้วยวิสัยทัศน์ที่น่าตื่นเต้นท้าทาย โดยพนักงานจำนวนกว่า 85% ขององค์กรที่เป็นสุดยอดนายจ้างต่างเห็นว่าผู้บริหารระดับสูงจะสามารถให้แนวทางในการบริหารงานในอนาคตได้อย่างชัดเจน (สูงกว่าอัตราโดยเฉลี่ยขององค์กรทั่วไปถึง 17 คะแนน) องค์กรสุดยอดนายจ้างดีเด่นยังเป็นองค์กรที่สามารถตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพนักงานจำนวนกว่า 86% ขององค์กรที่เป็นสุดยอดนายจ้างดีเด่นต่างเห็นว่าองค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างทันท่วงที (สูงกว่าอัตราโดยเฉลี่ยขององค์กรทั่วไปถึง 22 คะแนน)


              นอกจากนี้ เหล่าสุดยอดนายจ้างได้วางกลยุทธ์ด้านผลตอบแทนที่ไม่ใช่เพียงตัวเงินเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโอกาสทางการเรียนรู้และพัฒนาอาชีพอีกด้วย ซึ่งพนักงานจำนวนกว่า 85% ขององค์กรที่เป็นสุดยอดนายจ้างต่างรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการยกย่องชมเชยในความทุ่มเทอย่างเหมาะสม (สูงกว่าอัตราโดยเฉลี่ยขององค์กรทั่วไปถึง 25 คะแนน)


              ดร. พิมพิมน คงพิชญานนท์ ผู้จัดการโครงการค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่นประจำปี 2020 กล่าวว่า​ Kincentric Best Employers เป็นโครงการฯ ที่มีการจัดทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นในยุโรป อเมริกา หรือแอฟริกา สำหรับในเอเชีย มีการดำเนินการมาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีแล้ว ในทุกปีจะมีองค์กรชั้นนำจาก 14 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางเข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย

              สำหรับองค์กรที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ในปีนี้มีประมาณ 40 กว่าองค์กร ถือว่าน้อยจากในช่วงเหตุการณ์ปกติจะมีองค์กรให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการมากกว่า100 องค์กรขึ้นไป เนื่องจากอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และ New normal หลายองค์กรต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้องค์กรอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหารายได้ การดูแลบุคลากรในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ อย่างไรก็ตามแม้สถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหน แต่ได้มีองค์กรที่สามารถสร้างความสมดุลได้ดีมีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ การสื่อสารระหว่างพนักงานและ HR ในองค์กรดีมาก และผ่านเกณฑ์มาตรฐานของโครงการฯ จึงเป็นที่มาของการได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นประจำปี 2563 องค์กรที่มีคุณภาพ

              ปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรได้รับรางวัลในอนาคตมีการพูดถึง ความยืดหยุ่นขององค์กรในการเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากรเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร การดูแลเรื่องสุขภาพจิต สุขภาพการเงิน ของพนักงาน ซึ่งปัจจัยใหม่เหล่านี้ในต่างประเทศมีการดำเนินการมาแล้วหลายปี ในประเทศไทยถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่เป็นนิมิตหมายที่ดีเพื่อตอบสนองความผูกพันที่ดีที่สุดของพนักงาน

12237
น.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ร่วมงาน”มหกรรมผ้าไหม 2563 ไหมไทยสู่เส้นทางโลกครั้งที่ 10”
ศึกษาดูงานพร้อมต่อยอดเด็กรุ่นใหม่ในเรื่องการออกแบบ-เดินแบบและเตรียมสนับสนุนสินค้าไทย




              นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ประธานคณะปวงชนชาวไทยเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองเศรษฐกิจพอเพียง จำกัด (เจ้าของผลิตภัณฑ์เครื่องหมายการค้าชื่อ SKYMED) ร่วม “โครงการมหกรรมผ้าไหม 2563 ไหมไทยสู่เส้นทางโลกครั้งที่ 10” ณ หอประชุมกองทัพเรือ โดยได้รับเกียรติจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี


              สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ฯ เพื่อให้ความรู้แก่ชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมถึงเยาวชน ด้านผ้าไหม, เพื่อแสดงถึงภูมิปัญญาไทยและศักยภาพการผลิตผ้าไหมไทยให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับในระดับสากล, เพื่อส่งเสริมแหล่งผลิตผ้าไหมไทย แหล่งท่องเที่ยวสู่หมู่บ้านที่ผลิตผ้าไหมในจังหวัดต่างๆ, เพื่อให้ผู้ไหมไทยมีโอกาสสู่สายตาชาวโลก โดยผ่านเส้นทางการฑูตและดีไซน์เนอร์ทั่วโลก และเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการผ้าไหมไทยในการจำหน่ายและขยายตลาดผ้าไหมไทย


              สำหรับโครงการมหกรรมผ้าไหม 2563 ไหมไทยสู่เส้นทางโลกครั้งที่ 10” ในปีนี้ ได้เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา รวมถึงสถาบันการศึกษา ด้านการออกแบบแฟชั่นและสิ่งทอทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการเป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับคณะฑูตานุฑูต กงสุลใหญ่และกงสุลกิตติมศักดิ์ จำนวน 100 ประเทศ ที่เข้าร่วมโครงการฯ และมีท่านเอกอัครราชทูตที่จะร่วมเดินแบบบนแคทวอล์ค จำนวน 41 ประเทศ


              นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ กล่าวถึงความรู้สึกในการที่มาร่วมงานครั้งนี้ว่า ตนขอชื่นชม ศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม ดร.สุมาลี อุทัยเฉลิม และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่จัดงานได้ยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งการมางานในครั้งนี้เสมือนมาดูงานเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์เพื่อจะเตรียมจัดงานของเราต่อไปในอนาคตอีกด้วย เราจะต่อยอดจากการที่ได้มาดูงานในครั้งนี้โยจะส่งเสริมเด็กเยาวชนด้วยการนำเด็กรุ่นใหม่มาออกแบบดีไซน์ชุดพร้อมกับให้เด็กได้เดินแบบโชว์ผลงานและความสามารถของตนเอง


              ท้ายสุดนี้นาวาอากาศเอก (พิเศษ) คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์ ได้ฝากถึงการอนุรักษ์ผ้าไหมไทยว่า ตอนนี้เราต้องช่วยกันอนุรักษ์ในเรื่องของวัฒนธรรมหรืออัตลักษณ์ของไทยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือหรือภูมิปัญญาของคนไทย เช่น ผ้าไหมไทย สินค้าโอทอป เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นเราต้องมาสร้างมูลค่า โดยจะต้องมีการโปรโมทที่ดีและทำการตลาดให้ดีเพื่อช่วยเหลือคนไทยและประเทศไทย อย่างไรก็ตามเรายืนยันว่าเรามีความตั้งใจจริงในการที่จะช่วยเหลือประเทศไทยอย่างแท้จริง












12238
รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ขอเชิญประชาชน
เข้าร่วมงานเสวนาด้าน “เทคโนโลยีในการผ่าตัดหัวใจและทรวงอก”



              ศูนย์ศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกและแห่งเดียวในสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร (ซึ่งมีโรงพยาบาล 11 แห่งในสังกัด) ที่มีความสามารถในการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างครบวงจร ขอเชิญประชาชนและผู้สนใจเข้าร่วมงานเสวนาให้ความรู้ประชาชน​ เรื่อง “เทคโนโลยีในการผ่าตัดหัวใจและทรวงอก” โดย อ.นพ.ภูวดล ฐิติวราภรณ์ หัวหน้าศูนย์ศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และนพ.ไพศาล ว่องธวัชชัย นายแพทย์ปฏิบัติการศัลยแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีหลายท่าน ในวันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00-12.00 น. ห้องประชุมอุดมสังวรญาณ ชั้น 23 อาคาร ๗๒ พรรษา มหาราชินี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์​ ผู้ที่สนใจสามารถขอรับคำปรึกษาและตรวจคลื่นหัวใจ ได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่​ โทรศัพท์ 062-416-4536 หรือร่วมบริจาคเพื่อสร้างห้องผ่าตัดหัวใจไฮบริดได้ที่ สำนักงานมูลนิธิโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อห้องผ่าตัดหัวใจ หมายเลขโทรศัพท์ 02-289-7368 หรือทางเว็บไซต์ www.ckphosp.go.th (ผู้เข้าร่วมงานเสวนาจอดรถได้ที่ชั้นใต้ดิน B2)

              สำหรับโรคหัวใจและปอดที่ต้องผ่าตัดเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของคนไทย และพบอัตราการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆในแต่ละปี อย่างไรก็ตามผู้ป่วยและประชาชนกลับมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องของโรคหัวใจและปอดที่ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างจำกัด ดังนั้นทางศูนย์ผ่าตัดหัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์จึงเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าวและได้จัดการรณรงค์ เสวนา ให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีการผ่าตัดในปัจจุบัน การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด วิธีการผ่าตัดโดยย่อ รวมถึงการดูแลและพักฟื้นหลังการผ่าตัด เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีความเข้าใจ รวมถึงรู้วิธีการป้องกันและดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

12239
รพ.สมิติเวช ธนบุรี จัดกิจกรรมเสวนาประชาชนฟรี
“ครบเครื่องเรื่องรอบรู้เกี่ยวกับไทรอยด์”



                โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี แหล่งรวมขอแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย พร้อมการรักษาที่เป็นเลิศ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยรองรับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ขอเชิญประชาชนและผู้สนใจเกี่ยวกับปัญหาโรคไทรอยด์ เข้าร่วมงานเสวนาให้ความรู้ประชาชน ในหัวข้อ “ครบเครื่องเรื่องรอบรู้เกี่ยวกับไทรอยด์” พร้อมเปิดตัวทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแนะนำบริการใหม่ของศูนย์รักษาไทรอยด์สมัยใหม่ (Holistic Thyroid Care Center)  โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี ในวันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 -12.00 น. ณ  ชั้น 1 แกรนด์ฮอล์ โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี  สนใจเข้าร่วมงาน ลงทะเบียนได้ที่ โทรศัพท์ 02-438-9000 หรือ กรอกข้อมูลเข้าร่วมงาน ที่​ https://forms.gle/Jc3d4XnfGxigtXgz8(รับจำนวนจำกัด) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

               สำหรับภายในงานผู้ร่วมงานจะได้รับการตรวจคัดกรองโรคไทรอยด์ ฟรี พร้อมรับของที่ระลึกในงาน และยังได้รับความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไทรอยด์ระดับประเทศ ประกอบด้วย อ.นพ.บุญสาม รุ่งภูวภัทร​ และ​ อ.นพ.พนัส บิณศิรวานิช​ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ นพ.ชาญสิริ เสกสรรค์วิริยะ​ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน ในด้านพัฒนาและส่งเสริมความรู้ความร่วมมือทางการแพทย์ จากการเสวนา เรื่อง “ครบเครื่องเรื่องรอบรู้เกี่ยวกับไทรอยด์” และ “รู้เท่าทันไทรอยด์ด้วยวิธีการรักษาแบบบูรณาการ” จากเรื่อง การรักษาโดยการใช้ยา, การสลายก้อนเนื้อ, การผ่าตัดแบบไร้แผล,การรักษาโดยการกินแร่, เทคโนโลยีการทำลายเนื้องอกด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูง ( High Intensity Focus Ultrasound) โดย ได้จัดการถ่ายทอดสดผ่าน เฟซบุ๊ก ที่​www.facebook.com/SamitivejThonburiHospital ด้วย เพื่อความเป็นหนึ่งด้านการแพทย์ที่ชาวธนบรีไว้วางใจเราอย่างแท้จริง

12240
ครบเครื่องเรื่องรอบรู้เกี่ยวกับไทรอยด์

อ.นพ.บุญสาม รุ่งภูวภัทร และ อ.นพ.พนัส บิณศิรวานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี


               ต่อมไทรอยด์​ ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย โดยจะอยู่บริเวณกลางลำคอใต้ลูกกระเดือก ทางด้านหน้าของลำคอ โดยทั่วไปจะแบ่งเป็นต่อมที่อยู่ข้างขวาและข้างซ้ายและจะมีแนวเชื่อมกันตรงกลางบริเวณหน้าหลอดลม ต่อมไทรอยด์ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยในการควบคุมระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยร่างกายจะสามารถผลิตฮอร์โมนได้จากการสั่งงานจากสมอง ซึ่งสมองจะหลั่งฮอร์โมนมาควบคุมต่อมไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงร่างกายต้องมีสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ คือ สารไอโอดีน ในปริมาณที่เพียงพอจึงจะทำงานได้ปกติ

               ความผิดปกติที่สามารถเกิดได้ที่ต่อมไทรอยด์แบ่งเป็น 2 อย่างหลัก ๆ คือ ความผิดปกติที่ฮอร์โมน และความผิดปกติที่บริเวณโครงสร้าง เช่นการเกิดเนื้องอกขึ้นในต่อมไทรอยด์ ซึ่งความผิดปกติที่ฮอร์โมนอาจพบร่วมกับการเกิดเนื้องอกขึ้นในต่อมไทรอยด์ได้  โดยความผิดปกติที่ฮอร์โมนอาจจะเกิดจากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไปหรือภาวะไทรอยด์เป็นพิษ และการผลิตฮอร์โมนที่น้อยเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากตัวต่อมไทรอยด์เองหรือส่วนของสมองที่ควบคุม การรักษาในกลุ่มนี้จะมีเป้าหมายเพื่อทำให้ฮอร์โมนไทรอยด์กลับมาปกติ โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการให้ยา อาจจะมีผู้ป่วยบางรายที่จำเป็นต้องรักษาด้วยการกลืนแร่ และการผ่าตัด


               ส่วนความผิดปกติที่บริเวณโครงสร้างและการมีเนื้องอกขึ้นมาในต่อมไทรอยด์ ในอดีตนั้นเกิดจากประชาชนประสบปัญหาการขาดสารไอโอดีน จึงมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีปัญหาต่อมไทรอยด์โตที่นิยมเรียกโดยทั่วไปว่า​ “โรคคอพอก”  ซึ่งในกลุ่มนี้พอได้รับยารักษา ก้อนก็จะยุบลง แต่ในปัจจุบันการขาดสารไอโอดีนพบได้น้อยมาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมาด้วยก้อนเนื้องอกในต่อมไทรอยด์ที่ไม่ค่อยตอบสนองกับการได้รับยา เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์จะได้รับการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ และการเจาะตรวจเซลล์บริเวณเนื้องอกไปตรวจ เมื่อได้ผล แพทย์จะประเมินจากผลตรวจ และแจ้งแนวทางการรักษา ซึ่งการรักษาเนื้องอกในต่อมไทรอยด์ จะแบ่งเป็นการติดตามอาการที่ผิดปกติ ขนาดก้อน การเจาะตรวจเซลล์บริเวณเนื้องอก และการผ่าตัด

               การผ่าตัดในต่อมไทรอยด์จะทำต่อเมื่อมีข้อบ่งชี้ คือ ก้อนที่มีขนาดโตจนมีการกดเบียดอวัยวะข้างเคียงเช่น หลอดอาหารและหลอดลม ทำให้เกิดอาการกลืนลำบากหรือหายใจเหนื่อย, ก้อนที่มีลักษณะที่สงสัยว่าจะเป็นกลุ่มมะเร็ง และก้อนที่ผู้ป่วยต้องการที่จะผ่าตัดเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ความสวยงาม เป็นต้น โดยการผ่าตัดจะมีความเสี่ยงที่สำคัญ แม้โอกาสเกิดขึ้นได้น้อย คือเสียงแหบจากการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงเส้นเสียง ซึ่งอยู่บริเวณใต้ต่อต่อมไทรอยด์ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรสอบถามรายละเอียดความเสี่ยงต่าง ๆ จากการผ่าตัดกับแพทย์ที่เป็นผู้ผ่าตัดเป็นรายบุคคล


               การผ่าตัดโดยทั่วไปสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดแบบเปิด โดยผู้ป่วยจะมีแผลบริเวณตรงกลางคอประมาณ 2 ถึง 4 นิ้ว  และการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งมีทางเข้าบริเวณอื่นทำให้ไม่เกิดแผลเป็นที่คอ ทั้งนี้ผู้ป่วยจำเป็นต้องสอบถามรายละเอียดเป็นรายบุคคลกับแพทย์ที่ทำการผ่าตัด

               ในปัจจุบัน จะพบผู้ป่วยที่ตรวจพบเนื้องอกในต่อมไทรอยด์ที่มีขนาดโต ประเภทที่ตรวจพิสูจน์แล้วว่าไม่พบลักษณะมะเร็ง ทั้งจากการตรวจอัลตราซาวด์และการเจาะตรวจเซลล์บริเวณเนื้องอก ซึ่งในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีทางเลือกในการรักษาทางใหม่  นอกจากการผ่าตัด คือการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง (High Intensity Focus Ultrasound: HIFU) ส่งคลื่นความร้อนผ่านบริเวณผิวหนังเข้าไปทำให้ก้อนบริเวณเนื้องอกเกิดการยุบตัว ลดขนาดของเนื้องอกลงได้ ประมาณ 20 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์

               อย่างไรก็ตาม อาจมีรายละเอียดอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น ผู้ป่วยจึงควรสอบถามข้อมูลอีกครั้งกับแพทย์ผู้ทำการรักษา  ทั้งนี้ในวันเสาร์ที่  19  ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 -12.00 น. ณ ชั้น 1 แกรนด์ฮอล์ โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี จะมีการจัดงานเสวนาเรื่อง​ “ครบเครื่องเรื่องรอบรู้เกี่ยวกับไทรอยด์” พร้อมเปิดตัวทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแนะนำบริการใหม่ของศูนย์รักษาไทรอยด์สมัยใหม่ ประกอบด้วย อ.นพ.บุญสาม รุ่งภูวภัทร และ อ.นพ.พนัส บิณศิรวานิช​ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และ นพ.ชาญสิริ เสกสรรค์วิริยะ​ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน​ ในด้านพัฒนาและส่งเสริมความรู้ความร่วมมือทางการแพทย์ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมงาน พร้อมกับการตรวจคัดกรองไทรอยด์พร้อมรับของที่ระลึก​ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สนใจเข้าร่วมงาน ลงทะเบียนได้ที่ โทรศัพท์ 02-438-9000 หรือ กรอกข้อมูลเข้าร่วมงาน ที่  https://forms.gle/Jc3d4XnfGxigtXgz8 (รับจำนวนจำกัด) หรือหากไม่สะดวกมาร่วมงาน รับชมการถ่ายทอดสดผ่าน เฟซบุ๊กที่ www.facebook.com/SamitivejThonburiHospital

Pages: 1 ... 814 815 [816] 817 818 ... 2405