This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
31
news & activity / เอสซีจี มั่นใจบริหารกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เคาะปันผลเกือบ 100% ของกำไร
« on: January 30, 2025, 07:53:41 PM »เอสซีจี มั่นใจบริหารกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
เคาะปันผลเกือบ 100% ของกำไร มุ่งดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนต่อเนื่อง
ย้ำสุขภาพองค์กรแข็งแรง คว้าโอกาสเศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้น
เคาะปันผลเกือบ 100% ของกำไร มุ่งดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนต่อเนื่อง
ย้ำสุขภาพองค์กรแข็งแรง คว้าโอกาสเศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้น

กรุงเทพฯ : 30 มกราคม 2568 – เอสซีจี เผยผลประกอบการปี 2567 บริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาท จากการบริหารต้นทุนเข้มข้น ผลักดันนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ลดเงินทุนหมุนเวียนต่อเนื่อง เน้นลงทุนโครงการผลตอบแทนสูงและเร็ว หนี้ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว มุ่งดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนต่อเนื่อง เคาะปันผล 5.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 95% ของกำไร มั่นใจสุขภาพองค์กรแข็งแรง คว้าโอกาสเศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้นตัว ในปี 2568

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ปี 2567 เอสซีจีสามารถบริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้เป็นที่น่าพอใจ อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 เป็นผลจากการปรับตัวสู้ความท้าทายจากวัฏจักรปิโตรเคมีชะลอตัว สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ต้นทุนพลังงานผันผวน และอัตราดอกเบี้ยสูง ขณะที่ในไทย การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐล่าช้าจากปีก่อน หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง สินค้าจีนเข้ามาแข่งขัน ทำให้เอสซีจีคงความแข็งแกร่ง และสามารถดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ปี 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี ในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไร

เอสซีจี มุ่งสร้างสุขภาพองค์กรให้แข็งแรง ด้วยการรักษากระแสเงินสด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารธุรกิจ ที่ผ่านมาได้เดินหน้ามาตรการเสริมความเข้มแข็ง ซึ่งได้แถลงไปเมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี 1.) บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาทจากปีก่อน 2.) ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 3.) ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) เน้นเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้หนี้สินสุทธิลดลง 16,777 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อัตราหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.7 เท่า สถานะทางการเงินยังมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี 53,331 ล้านบาท

เอสซีจี พร้อมคว้าโอกาสเศรษฐกิจภูมิภาคฟื้นตัว การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐของไทยคาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อาเซียน โดยเฉพาะเศรษฐกิจอินโดนีเซีย เวียดนาม GDP มีแนวโน้มเติบโตกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยมีแรงสนับสนุนจากกำลังซื้อในประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เช่น เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล เร่งขยายโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและสินค้าเพื่อที่อยู่อาศัย ‘Mitra 10’ ที่อินโดนีเซีย ตามเป้าหมาย 56 สาขา ในปี 2567 รับลูกค้ารวมมากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน และมุ่งสู่ 100 สาขาภายในปี 2573 ด้าน เอสซีจีพี การบริโภคภายในกลุ่มอาเซียนรวมถึงความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

เอสซีจี เคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) แม้ว่าปี 2567 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาคมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความต้องการสินค้าอ่อนตัวจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว บริษัทได้เร่งผลักดันนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และการบริหารจัดการกระแสเงินสด ต้นทุน และเงินทุนหมุนเวียนอย่างระมัดระวัง ทำให้ธุรกิจคงความสามารถในการแข่งขันต่อเนื่อง ขณะที่ปี 2568 วัฏจักรปิโตรเคมีเริ่มทรงตัว ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง บริษัทคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกระแสเงินสดและต้นทุน


ล่าสุด เอสซีจีซี เร่งเดินหน้าโครงการ LSP ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทน ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว โดยได้ทำสัญญาจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนในระยะยาวเป็นผลสำเร็จ ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 15 ปี และเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทนระยะยาวอีก 3 ลำ ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งจัดหาเรือในส่วนที่เหลืออีก 2 ลำ พร้อมทั้งสร้างถังเก็บและปรับปรุงโรงงาน ให้พร้อมรับก๊าซอีเทนให้ได้ภายในปี 2570 โดยโครงการนี้ใช้แหล่งเงินทุนภายในเอสซีจี


ขณะเดียวกัน เอสซีจี รุกขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย โดย เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ เร่งดันปูนคาร์บอนต่ำ คาดว่าปีนี้จะมียอดส่งออกได้อีกประมาณ 1 ล้านตัน ด้าน เอสซีจี เดคคอร์ ส่งออกกระเบื้อง X- PORCELAIN ความแข็งแรงสูง ได้ผลตอบรับดี ตั้งเป้าการส่งออกเติบโต 2 เท่าในปีนี้ ขณะที่ เอสซีจีพี ส่งออกบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์ บรรจุภัณฑ์อาหาร และกระดาษพิมพ์เขียน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง


นอกจากนี้ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง ดันกลุ่มสินค้าสมาร์ทโซลูชัน อาทิ สินค้า Air Quality และ Solar จากแบรนด์ ONNEX by SCG Smart Living ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทั้งเรื่องคุณภาพอากาศในบ้าน และประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้พลังงานสะอาด พร้อมออกสินค้ากลุ่มราคาย่อมเยาต่อเนื่อง เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่มีงบประมาณจำกัด ครบทั้งกลุ่มหลังคา บอร์ด ไม้สังเคราะห์ และผนังพื้นตกแต่งภายนอกบ้าน รวมทั้ง เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ ปี 2567 มีโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 548 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 21.5% ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตพลังไฟฟ้าสะอาดรวมประมาณ 3,500 เมกะวัตต์ ในปี 2573

นายธรรมศักดิ์ ย้ำทิ้งท้าย “เอสซีจี ปรับตัวต่อเนื่อง และขยายสู่ตลาดใหม่ ๆ เชื่อมั่น ปี 2568 สามารถบริหารกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมดูแลผู้ถือหุ้นทุกคนได้ต่อเนื่อง”


ผลประกอบการปี 2567 รายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจีซี และเอสซีจีพี กำไรสำหรับปี 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน จากผลประกอบการของ LSP และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาคและกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน เมื่อปี 2566 กำไรสำหรับปี ลดลง 52% จากปีก่อน ขณะที่ ไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้จากการขาย 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจีซี ขาดทุนสำหรับงวด 512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 721 ล้านบาทในไตรมาสก่อน จากผลประกอบการและการรับรู้ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดของ LSP ขณะที่ไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย หรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จากเอสซีจีซี


ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัทตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2568 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2568) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2568 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี
#############
ข้อมูลสําคัญทางการเงินของเอสซีจี ประจำปี 2567 และไตรมาส 4 ปี 2567
ผลการดำเนินงานภาพรวม
งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของเอสซีจี ประจำปี 2567 EBITDA 53,946 ล้านบาท จากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ จากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และเงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น (SCG Investment) ขณะที่ รายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจีซี และ เอสซีจีพี
กำไรสำหรับปี 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน จากผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมี LSP และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาคและกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในปี 2566 กำไรสำหรับปี ลดลง 52% จากปีก่อน ไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้จากการขาย 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจีซี ขาดทุนสำหรับงวด 512 ล้านบาท จากผลประกอบการและการรับรู้ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดของ LSP
สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) ปี 2567 มีรายได้ 154,386 ล้านบาท คิดเป็น 38% ของรายได้จากการขายรวมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice ปี 2567 มีรายได้ 275,573 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของรายได้จากการขายรวม รายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากไทยในปี 2567 ทั้งสิ้น 234,400 ล้านบาท คิดเป็น 46% ของยอดขายรวมสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีมูลค่า 861,502 ล้านบาท โดย 46% เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน (นอกเหนือจากไทย)
ผลการดำเนินงานแยกตามธุรกิจ
• เอสซีจี เคมิคอลล์ (เอสซีจีซี) ปี 2567 EBITDA 7,363 ล้านบาท ขาดทุนสำหรับปี 7,990 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 589 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายของ LSP ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง รายได้จากการขาย 210,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจาก LSP สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 EBITDA 1,436 ล้านบาท ขาดทุนสำหรับงวด 3,403 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุน 1,480 ล้านบาทในไตรมาสก่อน เนื่องจากรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของ LSP และในไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ 1,067 ล้านบาท ทั้งนี้ เอสซีจีซีมีอัตราการดำเนินงาน (Operating Rate) สูงกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากการบริหารจัดการโรงงานในไทยและเวียดนาม รายได้จากการขาย 58,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น
• เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ ปี 2567 EBITDA 11,492 ล้านบาท กำไรสำหรับปี 2,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,620 ล้านบาท จากปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและต้นทุนพลังงานดีขึ้น ในขณะที่ปีก่อนมีรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค มูลค่า 2,214 ล้านบาท รายได้จากการขาย 81,891 ล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการสินค้าที่ลดลงจากภาคครัวเรือน และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้าจากปีก่อน
สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 EBITDA 2,410 ล้านบาท กำไรสำหรับงวด 238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน
จากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและต้นทุนพลังงานดีขึ้น รายได้จากการขาย 19,862 ล้านบาท ลดลง 5%
จากไตรมาสก่อน จากความต้องการสินค้าที่ลดลง
• เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ปี 2567 EBITDA 3,361 ล้านบาท กำไรสำหรับปี 1,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177 ล้านบาทจากปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นจากเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล รายได้จากการขาย 140,165 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการตลาดฟื้นตัวช้า หลักๆ จากภาคครัวเรือน สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 EBITDA ขาดทุน 20 ล้านบาท ขาดทุนสำหรับงวด 385 ล้านบาท จากปริมาณขายที่ลดลงจากภาคครัวเรือน รายได้จากการขาย 32,904 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน จากความต้องการของตลาดและสภาพตลาดที่ฟื้นตัวช้า หลักๆ จากภาคครัวเรือน
• เอสซีจีพี ปี 2567 EBITDA 16,138 ล้านบาท ลดลง 9% จากปีก่อน กำไรสำหรับปี 3,699 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีก่อน รายได้จากการขาย 132,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน
• เอสซีจี เดคคอร์ ปี 2567 EBITDA 3,134 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน กำไรสำหรับปี 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน รายได้จากการขาย 25,563 ล้านบาท ลดลง 10% จากปีก่อน
32
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / เจนเนอราลี่ แนะ 5 แนวทาง MSMEs สร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง
« on: January 29, 2025, 10:08:54 PM »เจนเนอราลี่ แนะ 5 แนวทาง MSMEs สร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง

หลายปัจจัยที่อาจทำให้ธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางธุรกิจที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ น้ำท่วม รวมถึงการเกิดโรคระบาด ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องรับมือ ล่าสุดเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้รวบรวม 5 แนวทางสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวและก้าวข้ามความท้าทายไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ดังนี้

เริ่มกันที่ การวางแผนธุรกิจและบริหารความเสี่ยง ผู้ประกอบการ MSMEs ควรเริ่มต้นด้วยการประเมินปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การจัดสรรเงินทุนสำรองเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าสถานที่ หรือค่าจ้างพนักงาน การพัฒนาซัพพลายเชนสำรอง (Backup Supply Chain) การวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) เช่น การสร้างแผนสำรองการจัดการซัพพลายเชน หรือการกำหนดขั้นตอนฟื้นฟูธุรกิจ
ถัดมาคือ การกระจายความเสี่ยงในธุรกิจ เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยลดความเปราะบาง โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที เช่น การขายสินค้าสุขภาพหรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงโรคระบาด ถือเป็นทางเลือกที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ การสำรวจตลาดใหม่ โดยเฉพาะการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกระจายความเสี่ยงและขยายโอกาสในการเติบโตจากตลาดท้องถิ่นสู่ตลาดระดับประเทศได้อย่างรวดเร็ว

การเข้าร่วมเครือข่ายและความร่วมมือ การเข้าร่วมในกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจทั้งภาครัฐ และ เอกชน เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ MSMEs โดยการ เสริมการเข้าถึงข้อมูลด้านต่าง ๆ เช่น ข้อมูลด้านการตลาด การบริหารความเสี่ยง จากการการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากวิสาหกิจชุมชน หน่วยงานในพื้นที่ หรือการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น ยังช่วยเปิดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การดูแลพนักงานและลูกจ้าง เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กลุ่ม MSMEs ควรให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากเพราะการดูแลพนักงานให้มีสุขภาพกายและจิตที่ดีไม่เพียงช่วยสร้างความมั่นใจและความทุ่มเท แต่ยังส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่ดีอีกด้วย การป้องกันด้วยประกันภัยและแผนสำรอง เป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยงทางการเงินจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือ โรคระบาด รวมถึงการทำประกันสุขภาพสำหรับพนักงานช่วยสร้างความเชื่อมั่น และซึ่งสวัสดิการด้านสุขภาพนั้นนอกจากจะช่วยดึงดูดให้คนอยากมาร่วมงานกับองค์กรแล้ว ยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย ช่วยให้พนักงานและลูกจ้างเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ช่วยป้องกันและลดผลกระทบระบาดหรือแพร่เชื้อ ขณะที่ประกันภัยความเสียหายทางธุรกิจ เช่น ประกันอัคคีภัย หรือประกันภัยทรัพย์สิน ช่วยป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้ธุรกิจสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วและลดผลกระทบทางการเงินในระยะยาว
และสุดท้าย การปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล และส่งเสริมทักษะใหม่ เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญในการวางแผนธุรกิจในยุคปัจจุบันทำให้ MSMEs จะเห็นได้ว่าในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้เร็ว และเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น อีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย หรือฟู้ดเดลิเวอรี่ สามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและลดผลกระทบจากการล็อกดาวน์ได้ การลงทุนในระบบจัดการข้อมูล ซอฟต์แวร์คลาวด์ และช่องทางชำระเงินออนไลน์ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเสริมความคล่องตัวให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การฝึกให้พนักงาน หรือลูกจ้างเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวอยู่เสมอ เช่น การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี การตลาดออนไลน์ และการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกัน การติดตามแนวโน้มของตลาดและการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการวางกลยุทธ์ ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที เสริมความยืดหยุ่นและสร้างโอกาสในการเติบโตและรักษาความสำเร็จในระยะยาว
ติดตามเคล็ดลับและแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ MSMEs ได้ที่ https://generali.co.th/en/articles/ เพื่อไม่พลาดโอกาสดี ๆ ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต
33
Sport News & Motor Sport / ดาวดังลิฟ กอล์ฟ ร่วมดวลมือท็อปเอเชียน ทัวร์ ในศึก “อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์
« on: January 29, 2025, 09:28:30 PM »ดาวดังลิฟ กอล์ฟ ร่วมดวลมือท็อปเอเชียน ทัวร์ ในศึก “อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ อินเดีย” สัปดาห์นี้

22 มกราคม 2568 – ดาวดังจากลิฟกอล์ฟ ลีก พร้อมโปรชั้นนำของเอเชียน ทัวร์ เตรียมลงสู้ศึก อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ อินเดีย พรีเซนเต็ด บาย ดีแอลเอฟ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 67 ล้านบาท ณ สนามดีแอลเอฟ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ประเทศอินเดีย เปิดฉากดวลวงสวิงรอบแรกวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมนี้ โดยมีนักกอล์ฟไทยลงชิงชัย 20 คน (ภาพ: Asian Tour)
เอเชียน ทัวร์ จัดศึกอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ รายการแรกจาก 10 รายการของอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ 2025 แข่งขัน ณ สนามดีแอลเอฟ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,425 หลา พาร์ 72 เมืองคุรุคราม ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์นี้ มีเหล่ายอดฝีมือจากลิฟกอล์ฟ ลีก 13 คน ตอบรับลงแข่งขันร่วมกับผู้เล่นแถวหน้าของเอเชียน ทัวร์ ทำให้รายการนี้เป็นการแข่งขันกอล์ฟที่มีบรรดาผู้เล่นแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟของอินเดีย โดยมีนักกอล์ฟ 108 คน จาก 25 ประเทศเข้าแข่งขัน ขณะที่แชมป์จะได้รับเงินรางวัล 360,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 12 ล้านบาท

พอล เคซีย์
สำหรับผู้เล่นจากลิฟกอล์ฟ ลีก ที่จะลงแข่งขันในสัปดาห์นี้ อาทิ ไบรสัน เดอแชมโบ โปรมือ 12 ของโลกชาวอเมริกัน ดีกรีแชมป์เมเจอร์ ยูเอส โอเพ่น สองสมัย, พอล เคซีย์ นักกอล์ฟชาวอังกฤษ แชมป์ดีพีเวิลด์ทัวร์ 15 รายการและพีจีเอทัวร์ 3 รายการ จากทีม Crushers GC, ปีเตอร์ ยูห์ไลน์ เจ้าของสองแชมป์อินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ ชาวอเมริกัน จากทีม RangeGoats GC, ฮาโรลด์ วาร์เนอร์ เดอะ เธิร์ด ผู้เล่นทีม 4Aces GC จากสหรัฐฯ, อับราฮัม แอนเซอร์ ชาวเม็กซิกัน จากทีม Fireballs GC รวมถึงสามนักกอล์ฟสมาชิกทีม Torque GC อย่าง วาคิน นีแมนน์ มือหนึ่งอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2024 จากชิลี, คาร์ลอส ออร์ติซ ชาวเม็กซิโก และ เซบาสเตียน มูนอซ จากโคลอมเบีย

สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย,
ทางด้านมือท็อปของเอเชียน ทัวร์ นำโดยสองโปรหนุ่มชาวอเมริกันอย่าง จอห์น แคทลิน แชมป์เงินรางวัลสะสมออร์เดอร์ ออฟ เมอริต เอเชียน ทัวร์ 2024 และแอนดี้ โอเกิลทรี มือหนึ่งอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ ปี 2023 ขณะที่โปรหนุ่มไทยลงชิงชัย 20 คน นำทัพโดยนักกอล์ฟดีกรีแชมป์เอเชียน ทัวร์ อย่าง สดมภ์ แก้วกาญจนา, สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย, รฐนน วรรณศรีจันทร์, นิติธร ทิพย์พงษ์, อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์, ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์, สาริศ สุวรรณรัตน์, แดนไท บุญมา และเด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์

สาริศ สุวรรณรัตน์

เด่นวิทย์ บริบูรณ์ทรัพย์
การแข่งขันอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ อินเดีย พรีเซนเต็ด บาย ดีแอลเอฟ รอบแรก (30 ม.ค.) กลุ่มแรกเริ่มเวลา 07.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
34
news & activity / LINE STICKERS ร่วมฉลองความคิดสร้างสรรค์! จัดงาน LINE STICKERS AWARDS 2024
« on: January 29, 2025, 08:33:59 PM »LINE STICKERS ร่วมฉลองความคิดสร้างสรรค์!
จัดงาน LINE STICKERS AWARDS 2024 มอบรางวัลครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์ผลงานยอดเยี่ยม
จัดงาน LINE STICKERS AWARDS 2024 มอบรางวัลครีเอเตอร์ผู้สร้างสรรค์ผลงานยอดเยี่ยม
LINE STICKERS เติมความสนุกทุกการแชท ชวนแฟนสติ๊กเกอร์ร่วมงานประกาศรางวัล LINE STICKERS AWARDS 2024 ร่วมฉลองและเชิดชูความคิดสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์และศิลปินไทย ผู้สร้างสรรค์ลายเส้นสติกเกอร์และคาแรคเตอร์อันโดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้งาน LINE ทั่วประเทศ งานจะจัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยพื้นที่กิจกรรมจะเปิดให้เข้าชมและร่วมสนุกตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป และเริ่มงานประกาศรางวัลในเวลา 17.30 น.

ภายในงาน LINE STICKERS AWARDS 2024 จะมีการมอบรางวัลให้กับครีเอเตอร์และศิลปินเจ้าของผลงานสติกเกอร์ รวม 10 สาขา ได้แก่ (1) รางวัลสติกเกอร์ออฟฟิเชียลยอดดาวโหลดสูงสุดแห่งปี (2) รางวัลสติกเกอร์ครีเอเตอร์ยอดดาวโหลดสูงสุดแห่งปี (3) รางวัลสติกเกอร์ยอดฮิตแห่งปี (4) รางวัลครีเอเตอร์ดาวรุ่งแห่งปี (5) รางวัลคาแรคเตอร์ดาวรุ่งแห่งปี (6) รางวัลสติกเกอร์ติดเทรนด์แห่งปี (7) รางวัลสติกเกอร์ศิลปินกลุ่มแห่งปี (

ร่วมพบปะเหล่าครีเอเตอร์และศิลปินเจ้าของผลงานสติกเกอร์ต่างๆ และสัมผัสประสบการณ์สุดสร้างสรรค์ต่างๆ อาทิ กิจกรรม "สติกเกอร์แบบไหนถูกใจคุณ" เป็นบอร์ดที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ เขียนข้อความสนับสนุนครีเอเตอร์คนโปรดและแชร์ไอเดียสติกเกอร์ในใจที่อยากให้ทาง LINE มี พร้อมรับของที่ระลึกสติกเกอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแจกเฉพาะในงานนี้เท่านั้น พร้อมไฮไลท์โชว์พิเศษจากศิลปินชื่อดัง เจมีไนน์-โฟร์ท และไมกี้-ปณิธาน ที่จะมามอบความบันเทิงสุดประทับใจ นอกจากนั้น แฟนๆ สติกเกอร์ยังจะได้ใกล้ชิดกับแมสคอตคาแรคเตอร์สุดเลิฟอย่าง Dueb Dueb และ Bear Please ที่จะสร้างสีสันและบรรยากาศสดใสให้กับทุกคน พร้อมเพลิดเพลินกับซุ้มถ่ายรูปคาแรคเตอร์สุดฮิต จาก 3 สติกเกอร์คาแรคเตอร์ ได้แก่ Minimal G ที่ออกแบบเรียบง่ายและสะท้อนอารมณ์เบาสบาย, HyperRabbit ที่จะมาเติมเต็มพลังความสนุก และ Oh Mild Meow ที่เอาใจคนรักแมวด้วยลายเส้นน่ารักเฉพาะตัว และปิดท้ายด้วยการเผยเรื่องราวเส้นทางการสร้างสรรค์ผลงานครีเอเตอร์สู่ LINE STICKERS ยอดนิยมผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษจากเหล่าครีเอเตอร์เจ้าของสติกเกอร์สุดฮิต
แฟนๆ LINE STICKERS ห้ามพลาด มาร่วมเป็นกำลังใจให้กับครีเอเตอร์และศิลปินสุดพิเศษ LINE STICKERS AWARDS 2024 จะจัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป (เริ่มประกาศรางวัล 17.30 น.) ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE Official Account: @linestickersth และ Facebook: LINE STICKERS Thailand อย่าพลาดกับงานสุดพิเศษนี้!
35
กิน - เที่ยว เปรี้ยวซ่า / รมว.ท่องเทียว และเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมพิธีกล่าวคำอวยพรเทศกาล
« on: January 29, 2025, 07:26:57 PM »รมว.ท่องเที่ยว และเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมพิธีกล่าวคำอวยพรเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 ฉลอง 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

เย็นวันนี้ (28 มกราคม 2568) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนรัฐบาลไทย และนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกล่าวคำอวยพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน พร้อมด้วยคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พลตำรวจโท ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้เกียรติเข้าร่วมในพิธีฯ ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เทศกาลตรุษจีนประเทศไทย ประจำปี 2568 เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่ส่งเสริมการสานความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ระหว่างสองประเทศให้ยืนยาวตลอดไป รวมทั้งเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และครบรอบ 21 ปี ความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมระหว่าง ททท. กับกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างชาวจีนและชาวไทยได้มีการสืบสานมาอย่างยาวนานจนเกิดการผสมกลมกลืนทั้งทางด้านการค้า ศิลปกรรม และวัฒนธรรม รวมทั้งในด้านการท่องเที่ยว ดังปรากฏจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเยือนประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมีจำนวนมากกว่า 1.3 ล้านคนในช่วงระหว่างวันที่ 24 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 อัตราการเติบโตจากปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีที่ผ่านมา และนักท่องเที่ยวไทยได้เดินทางเยือนแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยิ่งใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน เนื่องในวาระอันเป็นมงคลเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็งนี้ ขออวยพรให้พี่น้องชาวไทยและพี่น้องชาวจีนที่อยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก มีความสุขความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่ำรวยเงินทองและความโชคดี สมปรารถนาทุกประการ

นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้เป็นวาระโอกาสพิเศษครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย และ “50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย” สะท้อนถึงความแน่นแฟ้นดั่งพี่น้องของทั้งสองประเทศ ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างจีนและไทยในด้านต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างมากและประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจีนและไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของทั้งสองประเทศ ทำให้ประชาชนได้เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันและมีความสัมพันธ์ฉันท์มิตร ในโอกาสนี้ ขออวยพรให้จีนและไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีมีสุข และขอให้ทั้งสองประเทศก้าวไปข้างหน้า ร่วมสร้างอนาคตที่ดีและสดใสยิ่งขึ้นให้กับความสัมพันธ์จีน-ไทยตลอดไป

ในช่วงพิธีกล่าวอวยพรฯ ทั้งสองประเทศได้มอบของที่ระลึกแก่กัน พร้อมจัดการแสดงชุดพิเศษเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสบรรยากาศและเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด โดยประเทศไทยนำเสนอการแสดงชุด "Thai Essence: A Cultural Odyssey" ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของไทย ถือเป็นเสน่ห์ไทยที่ได้รับความสนใจและรู้จักไปทั่วโลก ขณะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนนำเสนอความงดงามของวัฒนธรรมผ่านชุดการแสดงการขับร้องประสานเสียงชุด “ขับขานบทเพลงสู่ใจที่เป็นหนึ่ง” ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่จะมาร่วมสร้างความสุข ความประทับใจ และรอยยิ้มให้แก่พี่น้องชาวไทยในโอกาสเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็ง

เทศกาลตรุษจีนประเทศไทย ประจำปี 2568 ณ ลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม- 2 กุมภาพันธ์ 2568 ภายใต้แนวคิด “Ignite Your Senses Embrace Our Two Cultures” มีไฮไลต์การแสดงของนักแสดงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 มณฑล ได้แก่ เขตปกครองตนเองซินเจียง มณฑลเจ้อเจียง และมณฑลยูนนาน Art Installation แลนด์มาร์กรูปงูฉลุลายประดับไฟขนาดใหญ่ องค์เจ้าแม่กวนอิมและเทพเจ้าที่ชาวจีนนับถือ พร้อมจำลองชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่และมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจได้แก่ ชุมชนจีนโบราณบ้านชากแง้ว จ.ชลบุรี และชุมชนจีนตลาดน้อย ศาลเจ้าโรงเกือก และนำเสนอการแสดงเชิงวัฒนธรรม อาทิ โขน ตอนหนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา รำวงย้อนยุค สยามเมืองยิ้ม สะบัดชัย บันลือไทย นาฎศิลป์ไทยร่วมสมัยชุด “คีรีแห่งศรัทธา งามเลิศยศทั่วแดนไทย” โนราห์ระเริงระบำ ระบำชาชัก เรือมตะล็อก กาบเซิ้งเทิ่งบ่อง ระบำกลองยาว รวมทั้งยังมีกิจกรรมสาธิตวัฒนธรรมไทย-จีน 4 กิจกรรม ได้แก่ การเขียนพู่กันจีน ศิลปะการตัดกระดาษจีน การเขียนหัวโขน และการเขียนลายเบญจรงค์ รวมถึงการออกร้านอาหารที่มีชื่อเสียงกว่า 30 ร้าน พร้อมด้วยการแสดงศิลปินตลอด 6 วัน ได้แก่วง MEAN วง HERS, Tilly birds, Landokmai, Scrubb, Whal & Dolph, ต้าห์อู๋ พิทยา, PAIINNTT, Bowkylion, Better Weather, bamm และ Risa Narisa

นอกจากนี้ ททท. ได้ร่วมจัดเทศกาลตรุษจีน บริเวณถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร เพื่อเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ตามธรรมเนียมจีน โดย ททท. เนรมิตถนนเยาวราชด้วยการประดับไฟบริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ วงเวียนโอเดียน ถึง แยกเฉลิมบุรี ถนนเยาวราช ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม-9 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00-24.00 น. และวันที่ 29 มกราคม 2568 พิธีเปิดเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2568 ณ ถนนเยาวราช โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนนำการแสดงทางวัฒนธรรม แสดงหน้าพระพักตร์ รวมทั้งจัดทำบูธในงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช นำเสนอนิทรรศการความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน 50 ปี

ทั้งนี้ ยังมีการสนับสนุนการจัดงานในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ 1) ตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 17 ปี มังกรสวรรค์ ณ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จังหวัดสุพรรณบุรี วันที่ 29-30 มกราคม 2568 2) เทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ณ บริเวณโรงเรียนศรีนครมูลนิธิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา วันที่ 28 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 3) ประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ ณ บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ วันที่ 22 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 4) ตรุษจีน สามแผ่นดิน จังหวัดขอนแก่น ณ บริเวณรอบศาลหลักเมือง และถนนอดุณสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น วันที่ 24-26 มกราคม 2568 5) เทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่ ณ บริเวณถนนเมรุ (ย่านตรอกเล่าโจ้ว) ถนนช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 29-30 มกราคม 2568 6) การจัดงานประเพณีแห่พระสะเดาะเคราะห์ ประจำปี 2568 บริเวณมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ แนวถนนสวนหย่อมถนนศุภสารรังสรรค์ เทศบาลนครหาดใหญ่ และหัวมุมศูนย์การค้าโอเดียนถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 28 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2568 และ 7) เทศกาลตรุษจีนราชบุรี 2568 สำเร็จ สมหวัง ร่ำรวย ณ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา-ตลาดโคยกี่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี วันที่ 29 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568

ททท. คาดการณ์ว่าช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2568 จะก่อให้เกิดรายได้ทางการท่องเที่ยวไทยรวมประมาณ 40,360 – 40,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 - 10 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่า จะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 2.22 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 สร้างรายได้ประมาณ 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ขณะที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.34 - 1.35 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 – 6 และมีรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 34,060 – 34,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7-8 เมื่อเทียบกับปี 2567









36
news & activity / เอสซีจี เผยปี 67 กำไร 6.3 พันล้านบาทกระแสเงินสดฯ 5.4 หมื่นล้านบาท
« on: January 29, 2025, 06:04:39 PM »เอสซีจี เผยปี 67 กำไร 6.3 พันล้านบาทกระแสเงินสดฯ 5.4 หมื่นล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 เคาะปันผล 5 บาท/หุ้น เกือบ 100% ของกำไร ย้ำดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง

เอสซีจี เผยปี 2567 กำไร 6,342 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 หนี้ลดลงจากไตรมาสก่อน ผลจากการเร่งปรับตัว เคาะปันผล 5.00 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไร ย้ำมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง

เอสซีจีแจ้งผลประกอบการ ปี 2567 คงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หรือ EBITDA ได้ดี อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 ผลจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ บริหารต้นทุนต่อเนื่อง เร่งส่งมอบนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ตลอดจนได้รับเงินปันผลในปี 2567 รวม 14,063 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรและธุรกิจยานยนต์
เอสซีจีเผยถึงความคืบหน้ามาตรการปรับตัวรับมือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งได้แถลงไปเมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 1.) บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาทจากปีก่อน 2.) ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 3.) ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) เน้นเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้หนี้สินสุทธิลดลง 16,777 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อัตราหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.7 เท่า สถานะทางการเงินยังมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี 53,331 ล้านบาท

เมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) ที่ยังคงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสำหรับปีตามงบการเงินรวม ซึ่งคณะกรรมการมีความเห็นว่าเป็นอัตราเงินปันผลที่เหมาะสมและอยู่ในกรอบนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ที่กำหนดในช่วงอัตรา 40-50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุการณ์ไม่ปกติ บริษัทอาจนำมาประกอบการพิจารณาเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลในช่วงนั้น ๆ ตามความเหมาะสมได้ ปีนี้คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรเสนอการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ตามข้างต้น เพื่อมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัทตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2568 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2568) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2568 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี
ปี 2567 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความท้าทาย และเป็นช่วงที่วัฏจักรปิโตรเคมีโลกชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลให้เอสซีจีมีรายได้จากการขาย ปี 2567 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ และเอสซีจีพี กำไรสำหรับปี 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน จากผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมี LSP และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากขาดทุนการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค ในปี 2566 กำไรสำหรับปี ลดลง 52% จากปีก่อน สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้จากการขาย 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ ขาดทุนสำหรับงวด 512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 721 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน จากผลประกอบการและการรับรู้ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดของ LSP ขณะที่ไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย หรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จากเอสซีจี เคมิคอลส์
37
news & activity / SCGD เผยปี 67 กำไรเพิ่ม 147% จากสินค้ามูลค่าเพิ่มโดนใจลูกค้า และลดต้นทุน
« on: January 29, 2025, 03:17:48 PM »SCGD เผยปี 67 กำไรเพิ่ม 147% จากสินค้ามูลค่าเพิ่มโดนใจลูกค้า
และลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน
มั่นใจปี 68 โตต่อเนื่อง คว้าโอกาสตลาดอาเซียนฟื้น ลุยส่งออกต่างประเทศ
และลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน
มั่นใจปี 68 โตต่อเนื่อง คว้าโอกาสตลาดอาเซียนฟื้น ลุยส่งออกต่างประเทศ

กรุงเทพ ฯ : 29 มกราคม 2568 - SCGD เผยผลประกอบการปี 2567 กำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% สวนกระแสตลาดอาเซียนชะลอตัวจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ-กระบวนการผลิต เสริมศักยภาพการแข่งขันโดย 1.) พัฒนาและผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มต่อเนื่อง 2.) ลงทุนพลังงานทดแทนเพื่อลดต้นทุน 3.) ใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ ปี 2568 พร้อมรับตลาดอาเซียนฟื้น ตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตสินค้า HVA เพิ่มช่องทางจำหน่ายทั่วอาเซียน และลุยส่งออกต่างประเทศ ตั้งเป้ารายได้โต 5% จ่ายปันผลต่อเนื่อง

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำในธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ ในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “ผลประกอบการปี 2567 มีรายได้ 25,563 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากปีก่อน โดยมี EBITDA 3,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปีก่อน มีกำไร 810 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 147 จากปีก่อน ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และค่าเสียหายจากน้ำท่วมโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ รวมประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 4 ของปี 2567 มีรายได้ 5,978 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 โดยมี EBITDA 604 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24 และมีกำไร 80 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตามที่ได้กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทสามารถลดเงินทุนหมุนเวียนลงร้อยละ 10 มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท จากการควบคุมสินค้าคงคลัง และบริหารจัดการลูกหนี้ทางการค้า

ปี 2567 บริษัทฯ ได้เสริมศักยภาพความสามารถการแข่งขันด้วย 1.) มุ่งพัฒนาและผลิตสินค้ามูลค้าเพิ่ม (High Value Added) ต่อเนื่อง ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ในเวียดนามและไทย รวมทั้งสิ้น 14 ล้านตารางเมตร ล่าสุด ได้ปรับไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่เพิ่มอีก 5 ล้านตารางเมตร ณ เมือง Pho Yen เวียดนาม คาดแล้วเสร็จกลางปี 2568 2.) เร่งลดต้นทุนด้วยพลังงานทดแทน กว่า 280 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลได้ถึงร้อยละ 20 และใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ถึงร้อยละ 10 ตั้งเป้าปี 2573 เพิ่มการใช้งานพลังงานชีวมวล ร้อยละ 46 และพลังงานโซลาร์เซลล์ ร้อยละ 15 และ 3.) ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ (Robotic) เร่งตอบความต้องการตลาด อาทิ ตรวจสอบคุณภาพของแผ่นกระเบื้องในกระบวนการผลิต ใช้แขนกลหุ่นยนต์ในการผลิตสุขภัณฑ์ ระบบขนย้ายสินค้าและบรรจุภัณฑ์อัตโนมัติ เป็นต้น รวมถึงการปรับปรุงการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Complementary Business) ต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นถึงโอกาสการขยายส่งออกในตลาดที่มีความต้องการที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อีกทั้งเพิ่มช่องทางจำหน่ายในอาเซียนผ่านการเปิดร้านค้า 15 ร้าน ได้แก่ ไทยเปิด COTTO LiFE สาขาดอนเมือง และคลังเซรามิก 8 สาขา ฟิลิปปินส์เปิดร้าน CTM จำนวน 4 สาขา กัมพูชาเปิดร้าน OK Tile center และเวียดนามเปิดร้านค้า V Ceramic ทั้งยังจัดตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าสุขภัณฑ์กว่า 170 รายในอาเซียน ส่งผลให้ยอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ เพิ่มประมาณ 500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน รวมทั้งปรับพอร์ตสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ปูนกาว ยาแนวสำหรับการติดตั้งกระเบื้อง ชุดครัว และประตูหน้าต่าง รวมถึงกระเบื้องสำหรับเคาท์เตอร์ท๊อปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด ทำให้มียอดขาย 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้า

ปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และ EBITDA จะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5 จากสถานการณ์ตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิว กระเบื้องเซรามิก และสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนมีสัญญาณการเริ่มทะยอยฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ พร้อมคว้าโอกาสโดยตั้งงบลงทุน 4,000 ล้านบาท เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้วยการขยายโรงงานเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า HVA รองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วอาเซียน โดยตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในปีนี้


จากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ระดับ A กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Propcon) และ “ดัชนี SETESG” ประจำปี 2567 สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง คว้าผลประเมิน CGR ระดับ 5 หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจากการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567”
38
Sport News & Motor Sport / “สดมภ์” จบที่สองร่วมศึก ฟิลิปปินส์ โอเพ่น “เซล” แซงคว้าแชมป์
« on: January 28, 2025, 10:19:25 PM »“สดมภ์” จบที่สองร่วมศึก ฟิลิปปินส์ โอเพ่น “เซล” แซงคว้าแชมป์

จูเลียน เซล

สดมภ์ แก้วกาญจนา
26 มกราคม 2568 – สดมภ์ แก้วกาญจนา หวดรอบสุดท้ายได้อีก 3 อันเดอร์พาร์ 67 จบรองแชมป์ร่วมกับ โทโมโยะ อิเคมูระ จากญี่ปุ่น ด้วยสกอร์รวมเท่ากันที่ 10 อันเดอร์พาร์ 270 ในศึก สมาร์ท อินฟินิตี้ ฟิลิปปินส์ โอเพ่น ที่สนามสนามมะนิลา เซาท์วูดส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ พาร์ 70 ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ จูเลียน เซล โปรชาวฝรั่งเศส มาแรงแซงคว้าแชมป์ไปที่สกอร์ 11 อันเดอร์พาร์ 269 (ภาพ: Asian Tour)
เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ สมาร์ท อินฟินิตี้ ฟิลิปปินส์ โอเพ่น เปิดฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 5 แสนบาท หรือประมาณ 17 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคมที่ผ่านมา ณ สนามสนามมะนิลา เซาท์วูดส์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ระยะ 7,138 หลา พาร์ 70 ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โอเพ่น โดยมีนักกอล์ฟไทยตัดตัว 12 คน
รอบสุดท้ายของการชิงชัย โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา เจ้าของสองแชมป์เอเชียน ทัวร์ ผู้นำสองวันแรก ทำ 5 เบอรดี้ แต่เสียหนึ่งดับเบิ้ลโบกี้ที่หลุม 6 พาร์ 4 จบ 18 หลุมเข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 67 สกอร์รวมสี่วัน 10 อันเดอร์พาร์ 270 จบอันดับ 2 ร่วมกับ โทโมโยะ อิเคมูระ ผู้นำรอบสามจากญี่ปุ่น ที่เก็บเพิ่มอีก 2 อันเดอร์พาร์ 68 รับเงินรางวัลไปคนละ 43,250 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.45 ล้านบาท

จูเลียน เซล

โทโมโยะ อิเคมูระ
ขณะที่ชัยชนะเป็นของ จูเลียน เซล โปรชาวฝรั่งเศส เร่งเครื่องหวด 5 อันเดอร์พาร์ 65 จากการทำ 7 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ จบด้วยสกอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ 269 แซงคว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัลไป 90,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3 ล้านบาท และเป็นนักกอล์ฟชาวฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 15 ปีที่ชนะรายการของเอเชียน ทัวร์ ต่อจาก เกรกอรี บัวร์ดี้ ที่คว้าแชมป์ยูเอสบี ฮ่องกง โอเพ่นในปี 2009 เจ้าตัวเผยว่า “ผมเล่นรอบหลุมแรกได้ดีมาก วันนี้สนามยากขึ้นเล็กน้อยเพราะลมแรงกว่าทุกวัน และแรงขึ้นในช่วงบ่าย ผมพัตต์เบอร์ดี้พลาดไปสองหลุมที่หลุม 8 และ 9 แต่ก็พยายามใจเย็น ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้สำเร็จในครั้งนี้คือความอดทน ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้วผมไม่ประสบความสำเร็จ แต่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด พยายามปรับปรุงตัวเอง และมันก็ได้ผล”
ส่วน สดมภ์ แก้วกาญจนา กล่าวหลังจบรองแชมป์ว่า “ผมว่าวันนี้ทุกอย่างค่อนข้างดี พลาดที่หลุม 6 แค่หลุมเดียว และสามารถเรียกเกมคืนมาได้ ก็พอใจที่สามารถทำสกอร์อันเดอร์พาร์ได้ในวันนี้”
ทางด้านนักกอล์ฟไทยอีก 11 คน ทำสกอร์ดังนี้ ภูมิ ศักดิ์แสนศิลป์ (67) สกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 273 อันดับ 5 ร่วม, แดนไท บุญมา (70) สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 อันดับ 8 ร่วม, ฉ่างไท้ สุดโสม (66) และ ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม (68) สกอร์รวมเท่ากัน 5 อันเดอร์พาร์ 275 อันดับ 13 ร่วม, เศรษฐี ประคองเวช (69) ปวิธ ตั้งกมลประเสิรฐ (71) และ โคสุเกะ ฮามาโมโต้ (71) สกอร์รวมคนละ 3 อันเดอร์พาร์ 277 อันดับ 23 ร่วม, กัญจน์ เจริญกุล (71) อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ (70) และ เอกปริษฐิ์ หวู่ (71) สกอร์รวมคนละ 1 อันเดอร์พาร์ 279 อันดับ 35 ร่วม, ชัพชัย นิราช (73) สกอร์รวม 6 โอเวอร์พาร์ 286 รั้งอันดับ 62 ร่วม
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
39
news & activity / ยันม่าร์ เปิดตัว“Miru : Paths to My Future” อนิเมะสะท้อนอนาคตที่ยั่งยืนของมนุษย์
« on: January 28, 2025, 09:42:02 PM »ยันม่าร์ เปิดตัว “Miru : Paths to My Future” อนิเมะสะท้อนอนาคตที่ยั่งยืนของมนุษย์
ภายใต้แนวคิดหลักในการใช้นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ภายใต้แนวคิดหลักในการใช้นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ยันม่าร์ (Yanmar) ผู้ผลิตเครื่องมืออุตสาหกรรมแบบครบวงจร รวมทั้งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์การเกษตร อุปกรณ์ก่อสร้าง ระบบพลังงาน เครื่องยนต์เดินเรือและการประมง เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนซึ่งได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลก เปิดตัวซีรีส์อนิเมะ “Miru : Paths to My Future” ในญี่ปุ่น ราวต้นปี 2025 โดยอนิเมะชุดนี้มีทั้งหมด 5 ตอน นำเสนอเรื่องราวการผจญภัยในโลกอนาคตที่มนุษย์และหุ่นยนต์อยู่ร่วมกันท่ามกลางความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผ่านวัฒนธรรมญี่ปุ่นสู่ผู้คนทั่วโลก
"MIRU (มิรุ)” หุ่นยนต์ไร้อาวุธ สามารถเดินทางข้ามกาลเวลาไปยังยุคสมัยและสถานที่ต่าง ๆ ตลอดจนโลกคู่ขนาน “มิรุ” คือหุ่นยนต์ที่จะนำพาทุกคนข้ามอุปสรรคสู่ทุกการเริ่มต้นใหม่อย่างสันติและปราศจากความรุนแรง มีความสามารถในการปรับตัวและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ เรียนรู้ ทำความเข้าใจผู้คน และเติบโตขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด รับฟังปัญหาและพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือผู้อื่น นับเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เป็น “Butterfly Effect” ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการนำพาสังคมไปสู่อนาคตที่สดใส
อนิเมะชุดนี้ถ่ายทอดเรื่องราวของมนุษย์ที่สะท้อนประเด็น “การเผชิญหน้าและความกลมกลืนกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ” ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ละตอนสร้างสรรค์โดยสตูดิโออนิเมะ 5 แห่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยถ่ายทอดมุมมองทางศิลปะที่หลากหลาย สะท้อนโลกที่มีชีวิตชีวาในจักรวาลของ “มิรุ” การผลิตครั้งนี้นำโดย มาซูโอะ อูเอดะ ผู้อำนวยการสร้างที่มีชื่อเสียงจากผลงาน Mobile Suit Gundam III: Encounters in Space และ City Hunter
ยันม่าร์ ตอกย้ำพันธกิจในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้หลักการ HANASAKA (ฮานาซากะ) ซึ่งยึดมั่นในศักยภาพของมนุษย์และการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ โดย “มิรุ” เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ HANASAKA ที่สะท้อนการเดินทางของมนุษย์ในการปรับตัวและเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ยันม่าร์ ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนอนาคตผ่านนวัตกรรมและความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์คือการส่งเสริมศักยภาพด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ไม่เพียงเพิ่มผลผลิต แต่ยังสนับสนุนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจในอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมและรับชม ซีรีส์อนิเมะ เรื่อง “Miru : Paths to My Future” ได้ราวต้นปี 2025 ทาง https://www.miru-anime.com/en
###
เกี่ยวกับ ยันม่าร์ เอส.พี.
บริษัท YANMAR S.P. เริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยด้วยการจำหน่ายเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ในปี พ.ศ. 2521 จวบจนปัจจุบันได้ดำเนินธุรกิจประกอบและจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร อาทิ เครื่องยนต์ดีเซลอเนกประสงค์ขนาดเล็ก รถไถเดินตาม แทรกเตอร์ รถดำนา รถเกี่ยวนวด รถตัดอ้อย และอุปกรณ์ต่อพ่วงรวมทั้งเครื่องจักรสำหรับภาคอุตสาหกรรม อาทิ รถขุดขนาดเล็ก โดยมีผู้แทนจำหน่ายพร้อมศูนย์บริการทั่วประเทศ และมีบริษัทในเครือให้บริการสินเชื่อด้านการเกษตร คือบริษัท YANMAR CAPITAL (THAILAND) จำกัด
เกี่ยวกับบริษัท ยันม่าร์ จำกัด
ยันม่าร์ก่อตั้งขึ้นที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นในปี 2455 เป็นบริษัทแรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กในปี 2476 ในขณะนั้นมีการจำหน่ายเครื่องยนต์ดีเซลเป็นสินค้าหลัก และต่อมาจึงได้ขยายรูปแบบของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องโดยการเพิ่มคุณภาพการบริการและพัฒนาความเชี่ยวชาญ ในฐานะผู้ผลิตเครื่องมืออุตสาหกรรมแบบครบวงจร รวมทั้งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์การเกษตร อุปกรณ์ก่อสร้าง ระบบพลังงาน เครื่องยนต์เดินเรือและการประมง เครื่องจักรกลและชิ้นส่วนซึ่งได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลก ภายใต้เจ็ดธุรกิจหลักของบริษัท
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยันม่าร์ เข้าชมได้ที่ https://www.yanmar.com/global/about/
40
ข่าวบันเทิง / 4 เรื่องราวที่น่าสนใจของค่ายหนังอารมณ์ดี GDH ชมสนุกที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
« on: January 28, 2025, 07:48:15 PM »4 เรื่องราวที่น่าสนใจของค่ายหนังอารมณ์ดี GDH ชมสนุกที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24

ใครเป็นคอหนังไทยห้ามพลาด วันนี้ทรูโฟร์ยูจะพาทุกคนไปดูลิสต์หนัง GDH บอกเลยว่าแต่ละเรื่องทั้งสนุก ทั้งน่าดู แถมยังครบทุกรสไม่ว่าจะดราม่ารสเจ็บ หนังรักโรแมนติกแบบฟินจิกหมอน หนังคอมเมดี้สายฮา รวม 4 หนังดัง จะเป็นเรื่องใดกันบ้างไปดูกันจ้า

คิดถึงวิทยา เวลา 8.30 น. กับภาพยนตร์ไทยแนวดราม่าโรแมนติกที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2557 กำกับโดย นิธิวัฒน์ ธราธร นำแสดงโดย สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว และ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ เรื่องราวเกี่ยวกับครูหนุ่มชื่อ "สอง" ที่ได้งานสอนในโรงเรียนเรือนแพห่างไกล และพบไดอารี่ของครูคนก่อนชื่อ "แอน" ซึ่งทำให้เขาเข้าใจและผูกพันกับเธอผ่านการอ่านไดอารี่

อ้ายคนหล่อลวง เวลา 18.00 น. ชมหนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ กำกับโดย เมษ ธราธร นำแสดงโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ และ พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ เรื่องราวเกี่ยวกับ "ทาวเวอร์" (ณเดชน์ คูกิมิยะ) นักต้มตุ๋นคอลเซ็นเตอร์ที่ถูก "อินา" (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) อดีตสาวแบงค์จับได้ อินาจึงยื่นข้อเสนอให้ทาวเวอร์ช่วยคิดแผนต้มตุ๋น "เพชร" (ธิติ มหาโยธารักษ์) แฟนเด็กที่หลอกเงินอินาไป

ATM เออรัก...เออเร่อ เวลา 21.30 น. เรื่องราวความรักสุดอลหม่าน จะเป็นอย่างไร หากบริษัทที่ทำงานมีกฎห้ามพนักงานเป็นแฟนกัน แต่ "เสือ" (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) และ "จิ๊บ" (ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) แอบคบกันอย่างลับๆ มาเป็นเวลา 5 ปีเมื่อความลับถูกเปิดเผย ทั้งคู่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ตู้เอทีเอ็มเกิดปัญหาจ่ายเงินเกิน ทำให้ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหากันแบบอุตลุด

Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน เวลา 22.30 น. นำแสดงโดย นาย ณภัทร เสียงสมบุญ และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ตัวหนังเล่าถึง "ปาล์ม" (นาย ณภัทร) ที่ติดอยู่ในเขต "Friend Zone" กับ "กิ๊ง" (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) เพื่อนสนิทของเขามานานกว่า 10 ปี ปาล์มเคยสารภาพรักกับกิ๊ง แต่ถูกปฏิเสธ ทุกครั้งที่กิ๊งมีปัญหากับแฟน ปาล์มจะคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเขาต้องเลือกว่าจะก้าวข้ามออกจากเขต Friend Zone หรือไม่ แล้วไปชมกันให้หนำใจ วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live
#คิดถึงวิทยา#อ้ายคนหล่อลวง#ATMเออรัก...เออเร่อ# FriendZone#ทรูโฟร์ยู#ช่อง24#True4U
41
news & activity / Absolute Cycle ฉลองครบรอบ 8 ปี สร้างปรากฏการณ์ใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำ
« on: January 28, 2025, 06:59:02 PM »Absolute Cycle ฉลองครบรอบ 8 ปี สร้างปรากฏการณ์ใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำ Rhythm Cycling Relaunch ‘Absolute Cycle: The New Era’ คว้า Akin Akman – Celebrity Coach ระดับโลก มอบประสบการณ์ปั่นใจกลางเมืองกับเหล่าอินฟลูนักปั่นกว่า 120คน

Absolute Cycle ภายใต้แบรนด์ Absolute Boutique Fitness Studio ผู้นำด้านฟิตเนสและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย และเป็นรายแรกที่นำคลาส Rhythm Cycling เข้ามาในไทย ได้จัดงาน “Absolute Cycle: The New Era x AARMY” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำต้นแบบในการปั่นจักรยาน Rhythm Cycling อีกครั้ง ด้วยคอนเซ็ปท์ใหม่ล่าสุด Absolute Cycle: The New Era นับเป็นกิจกรรมการปั่นจักรยาน Rhythm Cycling ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สมกับการเฉลิมฉลองครบรอบ 8 ปี ของ Absolute Cycle Thailand พร้อมมอบประสบการณ์ที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม

วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ Absolute Cycle ต้องการ Relaunch คอนเซปต์ใหม่ Absolute Cycle: The New Era โดยมี Akin Akman จาก AARMY และ Celebrity Coach ชื่อดังในวงการ Rhythm Cycling มาเป็นผู้นำคลาสให้กับนักปั่นที่มาร่วมงานกว่า 120 คน ส่งมอบประสบการณ์ออกกำลังกายสุดพิเศษ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ และ Cycling Community ให้กับนักปั่นทั่วภูมิภาค ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ในบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมชมวิวสวนลุมพินีหรือ Central Park ใจกลางกรุงเทพมหานคร

Absolute Cycle: The New Era สะท้อนพันธกิจของ Absolute Cycle ด้วยการนำเสนอ เทรนด์ออกกำลังกายใหม่ โดยใช้ 3 หลักสำคัญ ที่ Absolute Cycle เป็นผู้ออกแบบ นั่นคือ Rhythm – การปั่นไปตามจังหวะเพลงที่สนุกสนาน สุดเหวี่ยง ได้เบิร์น ได้ปลดปล่อยเต็มที่ Progression – ความท้าทาย ความก้าวหน้า และพัฒนาการ ที่จะข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวเอง และ Connection – การสร้างคอมมูนิตี้ และพลังงานบวกให้แก่กัน โดยทั้ง 3 หลักนี้จะสร้างประสบการณ์การออกกำลังกายที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในระยะยาวและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกเจนเนอเรชั่น


กิจกรรมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ Absolute Cycle ในการสร้างประสบการณ์ฟิตเนสที่แตกต่าง ไม่เหมือนใคร ยกระดับวงการฟิตเนส ตอกย้ำความเป็นผู้นำคลาสจักรยาน Rhythm Cycling ผ่านการคอลแล็บกับ Akin Akman เจ้าของฟิตเนสสตูดิโอยอดฮิต AARMY Club จากมหานครนิวยอร์ก ภายในงานยังรวมเหล่า Influencer สาย Fitness และเหล่า Celebrities แวดวงคนดัง อาทิ มิกกี้ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร อินฟลูเอนเซอร์สายฟิตเนส และ วีเจ จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี นักแสดงสาวที่มีไลฟ์สไตล์สายสุขภาพ รวมถึง เบเบ้ ธันยชนก ฤทธินาคา อินฟลูตัวมัมแห่งวงการคาร์ดิโอ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ Brand Ambassador ของ Absolute Cycle ที่มาร่วมปั่นจักรยานและแสดงความยินดีในการก้าวเข้าสู่ “The New Era” ไปพร้อมกับทุกๆ คน พบกับคลาสจักรยาน Rhythm Cycling ที่พร้อมเปลี่ยนคุณให้ดีขึ้น พัฒนาขึ้น และยังมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง ทั้งความสนุกสุดประทับใจในแบบฉบับของ Absolute Cycle ได้แล้ววันนี้
42
แฟชั่น & เครื่องสำอางค์ / คอลลาบอเรชั่นสนุกสุดแสบ Tom and Jerry x Jelly Bunny เฉลิมฉลองครบรอบ 85 ปี
« on: January 27, 2025, 11:43:49 PM »คอลลาบอเรชั่นสนุกสุดแสบ Tom and Jerry x Jelly Bunny
เฉลิมฉลองครบรอบ 85 ปี ของ Tom and Jerry
เฉลิมฉลองครบรอบ 85 ปี ของ Tom and Jerry


Jelly Bunny (เจลลี บันนี) เปิดตัวคอลเลกชั่นสุดแสบประจำฤดูกาล Spring/Summer 2025 กับสองคาแรคเตอร์แมวหนูเพื่อนซี้คู่กัดตลอดกาล ทอม แอนด์ เจอร์รี่ มิตรภาพเหนือกาลเวลาที่คว้าหัวใจคนดูทั่วโลกมาอย่างยาวนานถึง 85 ปี เจลลี บันนีแบรนด์แฟชั่นสุดป็อปร่วมเฉลิมฉลองครบรอบวันเกิดครั้งนี้ด้วยการชวนผู้ชมสู่ผจญกับดักชีสแสนสนุกกับคู่หูทอม แอนด์ เจอร์รี่



โดยภายในงานเปิดตัวคอลเลกชั่น ได้รับเกียรติจาก แบม-สราลี และ บีม-สรีดา ประสิทธิ์ดำรง และสองพี่น้องนักแสดงสาวสุดน่ารักที่มีผลงานละครที่โดดเด่น และโลดแล่นสร้างความสดใสในโลกโซเชี่ยล และสองหนุ่มสุดฮอตจากวง ATLAS แทด-ฐาปนา จงกลรัตนาภรณ์ และ ภูมิ-เดชาธร วรรณวานิชกุล มาร่วมโชว์โมเมนต์สนุกสนานผ่านเสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่คอลเลกชั่นสุดพิเศษนี้ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรม Cheese Hunter Activity หาชีสภายในร้าน พร้อมรับพวงกุญแจตุ๊กตา Tom and Jerry อีกด้วย


ลิมิติดไอเทมที่ไม่ควรพลาดประจำคอลเลกชั่นนี้อย่างสนีกเกอร์ รองเท้าแตะ และเสื้อคลุมคาร์ดิแกนแต่งขอบปักลาย จับคู่เข้ากับเดนิมขายาวคลาสสิกสกรีนลายพิมพ์ Tom and Jerry เชิ้ตปกฮาวายกับการวางลายพิมพ์สุดขี้เล่น เชิ้ตครอปสั้นแต่งกระเป๋าสกรีนลายเข้าเซตกับกางเกงเสวตแพนท์หูรูดทรงหลวม เสวตเตอร์ครอปสั้นแต่งขอบแขนกุดลายจุดสีแดงสุดป็อป และชุดเข้าเซตแจ็กเกตพิมพ์ลาย Tom and Jerry ด้วยแพตเทิร์นทั้งตัว




ขาดไม่ได้กับกระเป๋าสะพายไหล่ใบเล็กทรงฮาล์ฟมูนแต่งหัวเข็มขัด กระเป๋าทรงกล่องดีเทลแต่งซิปรอบใบพร้อมสายสะพาย โท้ทพิมพ์ลายตัวอักษร Tom and Jerry ยังมีอีกหลายไอเทมที่อัดแน่นความขี้เล่นของเจลลี บันนีและทอม แอนด์ เจอร์รี่ ให้ติดตามกันได้ในคอลแลบคอลเลกชั่นสุดป่วน



ไฮไลท์คอลเลกชั่นอยู่ที่การใช้พาเลตต์สีหวานแสนอร่อย ทั้งชมพูแคนดี้พาสเทล เหลืองบัตเตอร์ตัดกับม่วงมาร์ชแมลโลว์ และสีคู่ตรงข้ามคุกกี้แอนด์ครีม ถูกผสมลงบนดีไซน์ลายคลาสสิก อย่างลายอาร์ไจล์ ลายทาง ลายโพลก้า-ด็อท และการวางลายที่ล้อไปกับคาร์แรคเตอร์ของคู่ปรับสุดซี้ เพิ่มความมันให้ลุคแฟชันได้ทุกวัน
ชวนทุกคนมาเล่นไล่จับและค้นหาไอเทมสุดแสบชวนยิ้ม กับคอลแลบคอลเลกชั่น Tom and Jerry x Jelly Bunny ที่เจลลี บันนีทุกสาขาและเว็บไซต์ jellybunny.com
ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นต่าง ๆ ของ Jelly Bunny ได้ที่
Facebook Fanpage: Jelly Bunny (TH)
Instagram: jellybunny_official
LINE Official Account: @jellbunny
Tiktok: @jellybunnyofficial
43
news & activity / พานาโซนิคลงพืนทีปทุมธานี ปลูกจิตสำนึกเยาวชน ชวนแยกขยะก่อนทิ้ง ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
« on: January 27, 2025, 10:08:33 PM »พานาโซนิคลงพื้นที่ปทุมธานี ปลูกจิตสำนึกเยาวชน
ชวนแยกขยะก่อนทิ้ง ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมชุมชน
ชวนแยกขยะก่อนทิ้ง ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมชุมชน

พานาโซนิคในประเทศไทยลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จัดกิจกรรม "พานาโซนิคชวนแยกขยะลดมลภาวะในชุมชน" ภายใต้โครงการ “พานาโซนิค แคร์ (Panasonic Cares)” ปีที่ 2 มอบ “ชุดถังขยะแยกประเภท” พร้อมหลอดไฟ พานาโซนิค แอลอีดี ประหยัดพลังงาน ให้แก่ โรงเรียนวัดคุณหญิงส้มจีน มิตรภาพที่ 64 และโรงเรียนวันครู 2502 ในจังหวัดปทุมธานี เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้เยาวชน ได้เรียนรู้การคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีก่อนทิ้ง ช่วยกันลดปัญหาปริมาณขยะตกค้าง สร้างสิ่งแวดล้อมชุมชนให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

นายทาคาฮิโระ คุโมเดะ รองประธานกรรมการ บริษัท พานาโซนิค แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการ “พานาโซนิค แคร์ (Panasonic Cares)” เป็นปีที่ 2 เพื่อตอบแทนสังคมไทย และตอกย้ำเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจ “For the Wellbeing of People, Society and the Planet” ที่ใส่ใจในสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัย ความสะดวกสบายของผู้คน สังคม และทุกชีวิตบนโลกอย่างยั่งยืน โดยได้วางกรอบการดำเนินงานให้สอดคล้องกับ Sustainable Development Goals (SDGs) ในมิติด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well-Being) คุณภาพการศึกษา (Quality Education) ระบบนิเวศบนบกที่ยั่งยืน (Life on Land) การขจัดความยากจน (No Poverty) และ การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Consumption and Production) อันสอดคล้องกับ Panasonic Green Impact ของพานาโซนิคกรุ๊ปทั่วโลก ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งจากกระบวนการผลิต รวมถึงการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไปยังผู้บริโภค เพื่อลดปัญหาขยะที่ย่อยสลายยากให้ได้ภายในปี 2030

โดยโครงการ “พานาโซนิค แคร์ (Panasonic Cares)” ปี 2 ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไปแล้วมากมาย อาทิ กิจกรรม ฮีโร่ รัน รวมพลังวิ่งรักษ์โลก เพื่อสมทบทุนโครงการจัดหาเครื่องมือแพทย์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลฯ อีกทั้งได้นำระยะทางการวิ่งมาเปลี่ยนเป็นต้นไม้ ทุก ๆ 10 กิโลเมตร เปลี่ยนเป็นต้นไม้ 1 ต้น เพื่อนำไปปลูกสร้างพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ รวมถึงการร่วมสานต่อโครงการ “Light up The Future” ส่งมอบ “โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์” (Solar Lanterns) ให้แก่ชุมชนและโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล จังหวัดเชียงราย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีแสงสว่างในการอ่านหนังสือ และดำเนินชีวิตในยามค่ำคืนได้อย่างปลอดภัย และกิจกรรม "พานาโซนิค ชวนแยกขยะ ลดมลภาวะในชุมชน"

เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชน โดยเฉพาะในด้านการลดมลภาวะที่เกิดจากปัญหาขยะ ด้วยการจัดทำ “ชุดถังขยะแยกประเภท” มอบให้แก่โรงเรียนและชุมชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีโรงงานของพานาโซนิคตั้งอยู่ และหวังเป็นจุดเริ่มต้นให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงการจัดการขยะที่ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาขยะล้นเมืองและรักษาสภาพแวดล้อมในชุมชนให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยได้นำร่องมอบให้แก่โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรณรงค์การทิ้งขยะอย่างถูกวิธี ลดปริมาณขยะสะสม และลดมลภาวะในชุมชนอย่างยั่งยืน

นายทาคาฮิโระ คุโมเดะ กล่าวต่อว่า “ล่าสุด พานาโซนิค ในประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม "พานาโซนิค ชวนแยกขยะ ลดมลภาวะในชุมชน" เพื่อมอบชุดถังขยะแยกประเภท จำนวน 8 ถัง ให้แก่ โรงเรียนวัดคุณหญิงส้มจีน มิตรภาพที่ 64 พร้อมนำทีมงานงานพานาโซนิค ร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องการแยกขยะที่ถูกวิธี ให้แก่น้อง ๆ นักเรียน เพื่อปลูกฝังวินัยในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังได้มอบ หลอดไฟพานาโซนิค แอลอีดี ประหยัดพลังงาน จำนวน 100 หลอด เพื่อทดแทนหลอดไฟเดิมที่ชำรุด สร้างความปลอดภัยให้แก่คณะครูและนักเรียนในโรงเรียน นอกจากนี้เรายังได้มีการมอบชุดถังขยะแยกประเภท จำนวน 8 ถัง ให้แก่โรงเรียนวันครู 2502 ด้วยเช่นกัน”







###
About Panasonic Cares
“พานาโซนิค แคร์” (Panasonic Cares) คือ โครงการเพื่อสังคมซึ่งเป็นความร่วมมือของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย เริ่มดำเนินงานในปี 2566 ภายใต้คอนเซ็ปต์ For the Wellbeing of People, Society and the Planet ที่มุ่งตอกย้ำเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจในสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัย ความสะดวกสบายของผู้คน สังคม และทุกชีวิตบนโลกอย่างยั่งยืน ด้วยการวางกรอบการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ Sustainable Development Goals (SDGs) ใน 3 มิติ คือ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well-Being) คุณภาพการศึกษา (Quality Education) และระบบนิเวศบนบกที่ยั่งยืน (Life on Land) และในปี 2567 ได้นำกรอบ SDGs ที่สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทเข้ามาเป็นกรอบการดำเนินงานเพิ่มเติม ได้แก่ “การขจัดความยากจน” (No Poverty) และ “การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ” (Responsible Consumption and Production) และยังสอดคล้องกับ Panasonic Green Impact โครงการระยะยาวเพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับพานาโซนิคกรุ๊ปทั่วโลก
About Panasonic Group Environmental Initiatives
กลุ่มบริษัทพานาโซนิค ได้มีการกำหนดภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมแบบระยะยาว คือ "Panasonic GREEN IMPACT" โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน ภายใต้ภารกิจนี้ กลุ่มบริษัทพานาโซนิค ยังได้มีเป้าหมายที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สุทธิเป็นศูนย์ทั้งจากกระบวนการผลิตของบริษัทฯ รวมถึงการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไปยังผู้บริโภค เพื่อลดปัญหาการสร้างขยะอายุยืนให้ได้ภายในปี 2030 และตั้งเป้าที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกด้วยการลดและหลีกเลี่ยงที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ให้ได้มากกว่า 300 ล้านตัน (*1) ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณรวมทั่วโลก ณ ปัจจุบันประมาณ 31.7 พันล้านตัน (*2) ภายในปี 2050 โดยกลุ่มบริษัทพานาโซนิค จะยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความยั่งยืนของมวลมนุษยชาติต่อไป
*1: ปัจจัยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อ้างอิงจากปี 2020
*2: การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากพลังงาน 31.7 พันล้านตันในปี 2563 (ที่มา: IEA)
Panasonic GREEN IMPACT - About Us - Panasonic Holdings
44
news & activity / LINE เตรียมจัด BOOTCAMP DAY 2025 มหกรรมอัพสกิล SME ไทยครั้งใหญ่
« on: January 27, 2025, 09:39:04 PM »LINE เตรียมจัด BOOTCAMP DAY 2025 มหกรรมอัพสกิล SME ไทยครั้งใหญ่
รวมทุกเทคนิคสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขาย SME ไทยห้ามพลาด!
รวมทุกเทคนิคสร้างแบรนด์ ปั้นยอดขาย SME ไทยห้ามพลาด!

เตรียมพบกับ BOOTCAMP DAY 2025 การกลับมาของอีเวนท์ใหญ่แห่งปีจาก LINE for Business ที่ ผู้ประกอบการ SME ไทยไม่ควรพลาด! ภายใต้แนวคิด "อัพสกิล สร้างแบรนด์ ปั้นยอดขายด้วย LINE" รวมพลังกูรูด้านการตลาดและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ เคล็ดลับความสำเร็จมากมาย รวมทุกกลยุทธ์ เทคนิคการสร้างแบรนด์ให้ปัง เพื่อสร้างยอดขาย นำไปสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน พบกันวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคมนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เปิดให้ SME ที่สนใจ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี! ได้แล้ววันนี้
ในยุคที่ SME ต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจ การเติบโตของเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งผลต่อความต้องการ พฤติกรรมการช้อปของคนไทยที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา การสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น ครองใจลูกค้าจึงถือเป็นอาวุธสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยั่งยืน งาน BOOTCAMP DAY 2025 เตรียมพา SME ไทยทุกท่าน มาค้นหาคำตอบของศาสตร์แห่งการสร้างแบรนด์ยุคใหม่ ทั้งการวางกลยุทธ์และเครื่องมือสร้างแบรนด์อย่างง่าย เจาะลึกโซลูชันต่างๆ บน LINE เพื่อเริ่มต้นสร้างแบรนด์ที่ใช่ ปั้นยอดขายให้ปัง พร้อมนำไปปฏิบัติได้จริง ร่วมด้วยเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์ SME ไทยชื่อดัง มาร่วมแชร์ประสบการณ์สร้างแรงบันดาลใจ พิเศษ! กับเวิร์คช้อปสุดเข้มข้น สอนการใช้งานโซลูชัน LINE แบบจับมือทำโดย LINE Certified Coach และพลาดไม่ได้! กับโปรโมชันเด็ดและสิทธิพิเศษต่างๆ ภายในงานอีกมากมาย อัดแน่นเต็มวันให้ SME ไทย ได้เรียนรู้ ได้ประโยชน์กลับไปปั้นแบรนด์ สร้างยอดขาย นำพาธุรกิจทะยานสู่ความสำเร็จ!
วิดีโอโปรโมต BOOTCAMP DAY 2025: https://lin.ee/viwhNue/wcvn
SME ที่สนใจมาร่วมอัพสกิล สร้างแบรนด์ ปั้นยอดขายด้วย LINE ในงาน BOOTCAMP DAY 2025 สามารถดูรายละเอียดพร้อมลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ https://lin.ee/gapPwN5/wcvn จำกัดจำนวน 1,500 ที่นั่งเท่านั้น! สมัครก่อนมีสิทธิ์ก่อน! แล้วพบกันที่ BOOTCAMP DAY 2025 วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคมนี้ ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์
#BOOTCAMPDAY2025 #อัพสกิลสร้างแบรนด์ปั้นยอดขายด้วยLINE #LINEforBusiness
45
news & activity / "ลมหายใจไร้มลทิน" มอบรางวัลการประกวดปี 2567
« on: January 27, 2025, 09:12:38 PM »"ลมหายใจไร้มลทิน"
มอบรางวัลการประกวดปี 2567
มอบรางวัลการประกวดปี 2567

มูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ร่วมกับ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกาศผล และมอบรางวัล จากการประกวดกิจกรรม 4 ประเภทประจำปี 2567

ชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” เผยว่า มูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมการประกวดประจำปี 2567 รวม 4 ประเภท ได้แก่ เรียงความ ร้องเพลง วาดภาพศิลปะ และวีดีโอคลิป ซึ่งปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 1,469 ชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 76% และทุกชิ้นมีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาประกาศผลพร้อมมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดประเภทต่างๆ ดังนี้

ประกวดเรียงความหัวข้อ “คนรุ่นใหม่ใจซื่อมือสะอาด”
ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ดญ.ธัญญาภรณ์ ภาชี รร.วัดสุวรรณ กรุงเทพมหานคร
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ นส.ณัฐทิชา สีน้ำเงิน รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดเพชรบุรี
ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ได้แก่ นายพงศธร ประกฤติพงศ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม

ประกวดร้องเพลงประกอบดนตรีตามเพลง
เพลง “คิดดี ทำดี”
ระดับประถมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ ดช.สุทิวัส ยนปลัดยศ รร.นารีวิทยา จังหวัดราชบุรี
ระดับประถมศึกษา ประเภทหมู่ ได้แก่ ทีม TN.Junior Band รร.ไทยนิยมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร
เพลง “ด้วยลมหายใจที่ไร้มลทิน”
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทเดี่ยว ได้แก่ นส.จันจิรา ศักดิ์สุวรรณ รร.นวมินทราชินูทิศ หอวัง จังหวัดนนทบุรี
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ประเภทหมู่ ได้แก่ ทีม BBL รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา
ระดับอาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวส.) และอุดมศึกษา ประเภทเดี่ยว ได้แก่ นส.พิชาพร สถิตพรบรรพต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

ประกวดวาดภาพศิลปะสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต
หัวข้อ “พลิกฟื้นลมหายใจของโลกในยุคหมอกควัน”
ระดับปฐมวัย ได้แก่ ดญ.ณัฐรดา จรดล รร.อนุบาลสุธีธร จังหวัดนครปฐม
ระดับประถมศึกษา ได้แก่ ดช.ชวัลวิทย์ อ่างมัจฉา รร.บ้านม่วง จังหวัดหนองคาย
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ดญ.เกศชฎาพร คุ้มบ้าน รร.สมคิดจิตต์วิทยา จังหวัดชลบุรี
ประกวดวีดีโอคลิปสะท้อนค่านิยมแห่งความซื่อสัตย์สุจริต
หัวข้อ “ซื่อสัตย์สุจริต ชีวิตติดโซเชียล”
ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา หรือเทียบเท่า (ปวช.) ได้แก่ ทีม BC Studio รร.ปากคาดพิทยาคม จังหวัดบึงกาฬ

สามารถติดตามผลการประกวด และกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิ “ลมหายใจไร้มลทิน” ได้ที่ lomhaijai.org dcy.go.th และ facebook.com/LomhaijaiFoundation