Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - happy

Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2307
31
เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 และ 9 เดือนปี 2567
แก้เกมระยะสั้น เร่งลดต้นทุนทั้งองค์กร ปิดกิจการไม่ทำกำไร
เดินเกมระยะยาวลุยโครงการอีเทนปิโตรเคมีเวียดนาม ดันปูนคาร์บอนต่ำ-พลาสติกรักษ์โลกมูลค่าเพิ่มสูง
เติบโตตามแนวทาง Inclusive Green Growth


กรุงเทพฯ : 31 ตุลาคม 2567 – เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 3 และ 9 เดือนปี 2567 แก้เกมเศรษฐกิจรุมเร้า ตั้งเป้า 1) มุ่งลดต้นทุนภาพรวมองค์กร 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2568 2) ลดเงินทุนหมุนเวียนลง 10,000 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1 ปี 2568 3) ยกเลิกกิจการที่ไม่ทำกำไร เเละ 4) ขายสินทรัพย์ (Asset Divestment) ลดต้นทุนการผลิต เร่งเพิ่มเชื้อเพลิงทดแทน ตั้งเป้าโรงงานปูนซีเมนต์ในไทยใช้ร้อยละ 50 เดินเกมระยะยาว ลุยปิโตรเคมีเวียดนามลงทุนเพิ่มทางเลือกใช้อีเทนลดต้นทุนวัตถุดิบ ด้วยงบ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าแล้วเสร็จปี 2570 เร่งพัฒนา-ส่งออกปูนคาร์บอนต่ำ พลาสติกรักษ์โลกดีมานด์สูง ด้านตลาดอาเซียนโตต่อเนื่อง เสริมความแข็งแกร่งตามแนวทาง Inclusive Green Growth เตรียมรับมือสงครามขยายตัว เศรษฐกิจโลกผันผวนรุนแรง วัฏจักรปิโตรเคมีทั่วโลกอ่อนตัวลากยาวกว่าที่คาด และค่าเงินบาทผันผวน


นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า “ผลประกอบการ 9 เดือนปี 2567 เอสซีจี มีรายได้ 380,660 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน จากปริมาณการขายของเอสซีจี เคมิคอลส์ และเอสซีจีพี โดย EBITDA (กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย โดยรวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) 38,768 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไร 6,854 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายการเดินเครื่องโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงขณะที่กำไรไม่รวมรายการพิเศษ ลดลงร้อยละ 46 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับไตรมาส 3 ของปี 2567 มีรายได้ 128,199 ล้านบาท โดย EBITDA 9,879 ล้านบาท กำไร 721 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 81 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่า การปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ประกอบกับไตรมาสก่อนเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น


เอสซีจีคาดว่ารายได้ของปี 2567 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3% จากปีก่อน เพราะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนรุนแรง วัฏจักรปิโตรเคมีทั่วโลกอ่อนตัวลากยาว สงครามตะวันออกกลาง สินค้าจากจีนเข้ามาแข่งขันภายในประเทศมากขึ้น รวมทั้งค่าเงินบาทผันผวน นับเป็นความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจและมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อยาวนาน เอสซีจีจึงมุ่งดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และรัดกุมยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้า 1) มุ่งลดต้นทุนภาพรวมองค์กร 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2568  2) ลดเงินทุนหมุนเวียนลง 10,000 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1 ปี 2568  3) ยกเลิกกิจการที่ไม่ทำกำไร เช่น SCG Express และธุรกิจด้านดิจิทัลเทคโนโลยี OITOLABS ในประเทศอินเดีย นอกจากนี้ยังมีกิจการที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณายกเลิก เเละ 4) ขายสินทรัพย์ (Asset Divestment) เพิ่มความคล่องตัวและมุ่งเน้นรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ประกอบกับยกระดับประสิทธิภาพการผลิต รักษา EBITDA ให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ต่อเนื่อง อาทิ เพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนโรงงานปูนซีเมนต์ในไทยร้อยละ 50 ภายในปีนี้ การใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติ (Automation) ผลิตกระเบื้อง แม่นยำ รวดเร็ว ลดวัสดุเหลือใช้ เป็นต้น  อย่างไรก็ตาม เอสซีจีมีการลงทุนในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายเติบโตร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย


ในระยะยาว เรื่องกรีน Inclusive Green Growth ยังเป็นโอกาสและความได้เปรียบทางธุรกิจ ดังนั้นจึงเร่งลงทุนโครงการอีเทนที่ LSP ลดต้นทุนวัตถุดิบ ด้วยงบลงทุน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลก ทั้งยังช่วยลดคาร์บอนไดออกไซต์ในกระบวนการผลิต พร้อมดันนวัตกรรมกรีนมูลค่าเพิ่มสูง อาทิ ปูนคาร์บอนต่ำ เจนเนอเรชัน 2 ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง มีสัดส่วนการใช้ปูนคาร์บอนต่ำทดแทนแบบเดิมร้อยละ 86 พลาสติกรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMER TM เติบโตต่อเนื่อง


เอสซีจี เคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) ยังมีความท้าทายจากสถานการณ์วัฏจักรปิโตรเคมีขาลง กำลังการผลิตใหม่ เเละความต้องการเคมีภัณฑ์โลกชะลอตัว ดังนั้นจึงรุกสร้างศักยภาพเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว ด้วยโครงการลงทุนการปรับปรุงกระบวนการผลิต LSP เพื่อสามารถรับก๊าซอีเทนประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยลดต้นทุนการผลิต เพราะเป็นวัตถุดิบที่ต้นทุนสามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลก และเพิ่มความยืดหยุ่นของวัตถุดิบในการผลิต ใช้เงินงบลงทุนประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เพื่อสร้างถังรับก๊าซอีเทน และสาธารณูปโภคการรับวัตถุดิบ (Supporting Facilities) คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จปลายปี 2570


สำหรับโครงการ LSP เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา และสามารถผลิตได้ 74,000 ตัน โดยเป็นยอดขายในช่วงทดลอง ทั้งนี้ ธุรกิจมุ่งบริหารจัดการการผลิตของโรงงานทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) โรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC) และโรงงาน LSP ให้เหมาะสมกับราคาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพื่อให้มีศักยภาพการแข่งขันสูงสุด ซึ่งขณะนี้โรงงาน LSP ได้หยุดการเดินเครื่อง เพื่อบริหารต้นทุนธุรกิจโดยภาพรวม ทั้งนี้ จะมีการประเมินการกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง เมื่อสถานการณ์เหมาะสม

สำหรับนวัตกรรมกรีน SCGC GREEN POLYMER TM ไปได้ดี ความคืบหน้าล่าสุด อาทิ ผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำ บางจากฯ และปัญจวัฒนาพลาสติก ผลิต “บรรจุภัณฑ์หัวเชื้อน้ำมันดีเซลรักษ์โลก FURiO Ultra HD” จากวัสดุใช้แล้วในครัวเรือนนำมาปรับปรุงคุณสมบัติสูตรเฉพาะทำให้บรรจุภัณฑ์มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังผ่านการรับรองจาก GRS (Global Recycled Standard) และร่วมกับ คาโอ อินดัสเตรียล บริษัทชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น พัฒนา “บรรจุภัณฑ์ขวดแชมพูรักษ์โลก” จากเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง สามารถรีไซเคิลได้ร้อยละ 100


สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย ภาพรวมยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่ตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างของไทยยังชะลอตัว จากงานโครงการที่ชะลอตัว และภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ เร่งต่อยอดเทคโนโลยีก่อสร้างด้วย 3D Printing และพัฒนาวัสดุที่สามารถแข็งตัวและให้กำลังอัดคล้ายกับปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษ (Special Cementitious Materials) รองรับการผลิตขึ้นรูปในตลาดโลก ล่าสุด ลงนามร่วมกับบริษัท Samsung E&A ประเทศเกาหลีใต้ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว แม่นยำ ลดต้นทุนและวัสดุเหลือใช้จากงานก่อสร้าง รวมทั้งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ โดยเฉพาะการนำ 3D Printing Mortar ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้านคุณภาพ ด้วยวัสดุที่พัฒนาและจดสิทธิบัตรมากว่าสิบปี พร้อมสนับสนุนด้านคำปรึกษา (Technology Consultation) สามารถขึ้นรูปชิ้นงานที่มีความซับซ้อนสูง ไปจนถึงรูปแบบอาคารก่อสร้างหลายชั้น สำหรับใช้ในการก่อสร้างในประเทศซาอุดิอาระเบีย ล่าสุด SCG International ได้ส่งมอบปูนมอร์ตาร์ล็อตแรกไปยังประเทศซาอุดิอาระเบีย พร้อมแผนขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (SAMEA) รองรับภาคธุรกิจและการก่อสร้างในภูมิภาค นอกจากนี้ ผลักดันโซลูชันตอบโจทย์ อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยรักษ์โลก “รถโม่เล็ก CPAC” เหมาะกับงานก่อสร้างในพื้นที่จำกัด ช่วยลดเสียงรบกวน และ ”คอนกรีตคาร์บอนต่ำซีแพค” ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5  ร่วมมือกับ AP Thailand ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการบ้านแนวราบกว่า 56 โครงการภายในปี 2567 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,112,600 กิโลกรัมคาร์บอน (Kg CO2) เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 117,116 ต้น


สำหรับผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ เอสซีจี ยังได้รับการรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อมระดับสากล (Environmental Product Declaration - EPD) ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์สำเร็จรูปเสือมอร์ตาร์ ถือเป็นรายแรก ครอบคลุมปูนมอร์ตาร์ 10 ผลิตภัณฑ์ ปูนซีเมนต์เอสซีจีและเสือ รวม 8 ผลิตภัณฑ์  และคอนกรีตผสมเสร็จซีแพค 27 ผลิตภัณฑ์ (คอนกรีตผสมเสร็จ จะได้รับการรับรองในเดือน พ.ย. 2567)

เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล รุกตลาดค้าปลีกศักยภาพสูงสำหรับสินค้าและบริการเรื่องบ้านที่โตต่อเนื่อง ล่าสุด เร่งขยายโมเดิร์นเทรด Mitra 10 ในประเทศอินโดนีเซีย เปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่เมืองจาบาเบกา และซามารินดา โดยยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 4 แห่งภายในปี 2567 พร้อมเดินหน้าเสิร์ฟกลุ่มสินค้า House Brand ที่หลากหลาย ราคาเข้าถึงได้ ในช่องทางจัดจำหน่ายภายในประเทศ อาทิ กลุ่มสินค้าตกแต่ง แบรนด์ UNIX  กลุ่มสินค้าเหล็ก แบรนด์ TOPSTEEL และกลุ่มอุปกรณ์เครื่องมือช่าง TOPPRO นอกจากนี้ คิวช่าง (Q-Chang) เเพลตฟอร์มศูนย์รวมช่างคุณภาพและบริการดูแลบ้านครบวงจร เติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเครือข่ายช่างผู้เชี่ยวชาญกว่า 10,000 ราย ให้บริการลูกค้ามากกว่า 300,000 รายทั่วประเทศ รุกเสริมเเกร่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมเปิดรับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่พร้อมร่วมมือสร้างศักยภาพการขยายธุรกิจ และเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต


เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง รุกนวัตกรรมวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ ร่วมสร้าง จ.ร้อยเอ็ด แลนด์มาร์คภาคอีสาน ด้วยการออกแบบชูวัฒนธรรมสร้างอัตลักษณ์ เลือกใช้บล็อกและกระเบื้องปูพื้นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตร้อยละ 40 ได้รับรอง SCG Green Choice และคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย อาทิ บล็อกปูพื้น กระเบื้องปูพื้นเอสซีจี รุ่น Pavement, Serena และกระเบื้องปูพื้นเอสซีจีเทคโนโลยีใหม่ รุ่น UVT เป็นต้น ทั้งยังผลักดันสินค้าสำเร็จรูป และระบบติดตั้ง ตอบโจทย์ก่อสร้างรวดเร็ว เพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าที่ต้องการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม อาทิ ไม้เชิงชายรุ่นพร้อม ไม้ฝาและไม้ตกแต่งทำสีสำเร็จ และวัสดุต่อเติมที่ทำงานง่าย ทนน้ำทนชื้น อย่างแผ่นสมาร์ทบอร์ด เอสซีจี เป็นต้น

เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) มุ่งลดต้นทุน เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด ติดตั้ง Hot Air Generator ที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมหนองแค ลดต้นทุนได้ 16.8 ล้านบาทต่อปี พร้อมเดินหน้ารุกตลาดเวียดนามสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดเร่งปรับไลน์ผลิตกระเบื้องเซรามิกเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 2.5 ล้านตารางเมตร ทั้งยังขยายช่องทางจัดจำหน่าย พร้อมเสิรฟ์สินค้าหลากหลายตอบโจทย์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เปิดร้านจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์  V-Ceramic ร้านแรกทางภาคใต้ของเวียดนาม

เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ เติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการและผลักดันการใช้พลังงานสะอาดภายในประเทศมากขึ้น ทำให้มีกำลังผลิตรวม 526 เมกะวัตต์ จากโครงการภาครัฐและภาคเอกชน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย ลงนามการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว วงเงิน 1,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการ Solar Private PPA (Power Purchase Agreement) สำหรับการลงทุนติดตั้งโซลาร์ในรูปแบบต่าง ๆ ให้กับองค์กรและบริษัทต่าง ๆ โดยมีกำลังผลิตรวม 88.5 เมกะวัตต์ อีกทั้งการเชื่อมต่อด้วยระบบเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Microgrid) มีแผนขยายผลในกลุ่มโรงงานบริษัทโตโยต้า ในนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี สำหรับแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด Rondo Heat Battery มีความคืบหน้าโครงการติดตั้งที่โรงงานปูนซีเมนต์ เอสซีจี จ.สระบุรี แล้วกว่าร้อยละ 45 ซึ่งดำเนินการออกแบบแล้วเสร็จ และได้เริ่มการผลิตวัสดุกักเก็บความร้อน  (Thermal Media) เก็บความร้อนของแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด (Heat Battery) โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องจักรได้ประมาณไตรมาส 2 ของปี 2568


เอสซีจีพี รุกขยายในธุรกิจบรรจุภัณฑ์และโซลูชันที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง ล่าสุดร่วมมือกับ Once Medical Company Limited พัฒนาโซลูชันเข็มฉีดยาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูงอื่น ๆ เพื่อเสริมศักยภาพการผลิตของ VEM Thailand และขยายเครือข่ายลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่งและครอบคลุมยิ่งขึ้น อีกทั้ง มุ่งบริหารต้นทุนและเพิ่มความสามารถทำกำไร ด้วยการปรับพอร์ตเพิ่มยอดขายสินค้ามูลค่าสูง เพิ่มสัดส่วนส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ไปประเทศที่มีความต้องการ บริหารต้นทุนค่าขนส่ง เพิ่มการใช้กระดาษรีไซเคิลภายในประเทศ และขยายเครือข่ายการจัดหากระดาษรีไซเคิลเพิ่มขึ้น รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดต้นทุนพลังงานอย่างต่อเนื่อง

นายธรรมศักดิ์ กล่าวปิดท้ายว่า “ช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ ทุกภาคส่วนต้องรวมพลัง ช่วยเหลือกันและกัน  สำหรับเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา เอสซีจีร่วมกับภาคีเครือข่ายให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมอบถุงยังชีพ 1,140 ถุง สุขากระดาษ 3,600 ชิ้น เตียงกระดาษ 20 หลัง ห้องน้ำสำเร็จรูป 6 ห้อง ตั้งโรงครัว ทำอาหารให้ชุมชน 8 แห่ง สนับสนุนวัสดุซ่อมแซมโรงเรียน 15 แห่งในพื้นที่ประสบภัย ส่วนภาคธุรกิจต้องเร่งปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้พร้อมรับมือกับกฎเกณฑ์ มาตรการที่เกี่ยวกับโลกร้อน นอกจากเอสซีจีจะจัดโครงการ Go Together ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อยกระดับความสามารถผู้ประกอบการ SMEs ให้ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังได้จัดหลักสูตร NZAP (NET ZERO Accelerator Program) สำหรับผู้ประกอบการ SMEs และผู้บริหารภาครัฐรุ่นใหม่ ให้เข้าใจนโยบายภาครัฐ กลไกการค้า การเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับธุรกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อติดอาวุธ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และเกิดอุตสาหกรรมสีเขียวควบคู่กับการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ”

#####

ข้อมูลสำคัญทางการเงินของเอสซีจี


ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 721 ล้านบาท ซึ่งรวมรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยหรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จาก เอสซีจี เคมิคอลส์ โดยที่กำไรสำหรับงวดลดลงร้อยละ 81 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่า การปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ประกอบกับไตรมาสก่อนเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ทั้งนี้ หากไม่รวม IRS ขาดทุนสำหรับงวดจะเท่ากับ 1,462 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการขายอยู่ที่ 128,199  ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน  เนื่องจาก เอสซีจี เคมิคอลส์ มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นชดเชยกับยอดขายที่ลดลงของเอสซีจีพี ในขณะที่ EBITDA เท่ากับ 9,879 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 39 จากไตรมาสก่อน


ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 2567 เอสซีจีมีรายได้จากการขายอยู่ในระดับเดียวกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 380,660 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณขายของเอสซีจี เคมิคอลส์ และ เอสซีจีพีที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดขายกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้างลดลง ส่วน EBITDA ลดลงร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 38,768  ล้านบาท กำไรสำหรับงวดและกำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษ  (Profit excluding extra items[1]) เท่ากับ 6,854 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75 และร้อยละ 46 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการเดินเครื่องโรงงานปิโตรเคมี Long Son ที่ประเทศเวียดนาม (ค่าใช้จ่ายนี้ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเดินเครื่องที่เป็นเงินสดและค่าเสื่อมราคาที่ไม่เป็นเงินสด) ประกอบกับส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง

สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มีมูลค่า 867,046 ล้านบาท โดยร้อยละ 45 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน (นอกเหนือจากไทย)

สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 นวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services-HVA) มียอดขาย 115,712 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มียอดขาย 207,113 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของยอดขายรวม

มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมส่งออกจากไทย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ทั้งสิ้น 169,682 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45 ของยอดขายรวม

ผลประกอบการแยกตามรายธุรกิจ

เอสซีจี เคมิคอลล์ (เอสซีจีซี) ไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้จากการขาย 53,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของ EBITDA อยู่ที่ 1,540 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50 จากไตรมาสก่อน EBITDA from Operations อยู่ที่ 1,340 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน ขาดทุนสำหรับงวดเท่ากับ 1,480 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อน จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่าและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ประกอบกับไตรมาสนี้รับรู้ขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ 1,302 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากราคาขายสินค้าปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ EBITDA ลดลงร้อยละ 46 และ EBITDA from Operations ลดลงร้อยละ 51 ขาดทุนสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 2,532 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่าและจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง

เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ รายได้จากการขายในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เท่ากับ 20,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อน รวมถึงการทำการตลาดปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำมากขึ้น ในขณะที่ EBITDA เท่ากับ 2,479 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 225 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 71 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการซ่อมแซมเครื่องจักรตามฤดูกาล เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 3 จากการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐที่ล่าช้าในขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 และกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 690 ล้านบาท จากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาคมูลค่า 578 ล้านบาท

เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ไตรมาส 3 ปี 2567 รายได้จากการขายในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เท่ากับ 33,593 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดย EBITDA เท่ากับ 899 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 314 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากความต้องการที่ลดลงตามฤดูกาล รวมถึงเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาค ประกอบกับไตรมาสก่อนเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 13 จากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทยและประเทศในภูมิภาค แต่ EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นร้อยละ 214 จากการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่า


เอสซีจี เดคคอร์ 9 เดือนปี 2567 มีรายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 19,585 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มี EBITDA อยู่ที่ 2,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 69 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอสซีจีพี 9 เดือนปี 2567 มีรายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 101,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย EBITDA เท่ากับ 13,293 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 3,756 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


[1]รายการพิเศษ หมายถึง รายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำของธุรกิจ ที่เป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด

(1)รายการพิเศษในช่วง 9 เดือนของปี 2566 ประกอบด้วย:

1.ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค ของ เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์   = -578 ล้านบาท

2.กำไรจากปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน = 14,822 ล้านบาท



32
จบงานอย่างยิ่งใหญ่ งานโยคะครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ
Thailand Yoga Art & Dance ปี 2567
ซึ่งจัดเป็นปีที่ 8 ในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 ที่ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา – นาเกลือ














               จบไปแล้วกับงานโยคะครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ Thailand Yoga Art & Dance ปี 2567 ซึ่งจัดเป็นปีที่ 8 ในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 ที่ โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา – นาเกลือ ปีนี้ ทุกคนเต็มอิ่มกับกิจกรรมมากมายทั้งใน Indoor และ Out door ทั้งคลาสโยคะบนบก และ ในน้ำ Aqua Yoga , คลาสเต้นทุกรูปแบบ ,คลาสฟิสเนต ,คลาสทำกับข้าว yoga Fly , Sup Yoga, Stand up Paddle Board, บำบัดด้วยน้ำแข็ง (Ice Bath), พอกโคลนจากเนปาล, Singing Bowl คลาสกลองบำบัด คลาสโยคะหัวเราะ โยคะหน้า และอีกหลากหลายหลาส จัดเต็มถึง 117 คลาสใน 3 วัน กับ 11 ห้องเรียน จากครูผู้สอน 66 ท่าน ทั่วโลก งานนี้มีคนเข้าร่วมจำนวน 1020 คน จาก 13 ประเทศ อาทิเช่น เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงค์โปร์ เวียดนาม ไต้หวัน จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อเมริกา เบลเยี่ยม ฮ่องกง และไทย งานนี้ จัดขึ้นโดยบริษัท เมคเฟรนส์ ฟอร์ยู จำกัด และได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากทั้งทางภาครัฐและภาคเอกชน อาทิเช่น เมืองพัทยา , ทททเมืองพัทยา ,สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฯ ,AIA VAtality True Corporation , บุญรอดบริวเวอร์รี่ vannesse













             พบกับกิจกรรมโยคะดีๆ เช่นนี้ในงาน Thailand Yoga Art & Dance ที่พัทยา วันที่ 31 ต.ค -2 พ.ย 2568
สอบถามเพิ่มเติม : Line Official : makefriendsforu/Page:thailandyogaart&dance/IG:thailand_yogaartanddance


The biggest yoga event, Thailand Yoga Art & Dance 2024 has ended, which will be held for the 8th year on 25-27 October 2024 at The Zign Hotel Pattaya – Na Kluea.













คุณชญาดา มาตรเจริญ (Chayada martcharoen)
ผู้จัดงาน Thailand Yoga Art & Dance

 
              This year, everyone was full of activities. Plenty both indoor and outdoor. There are yoga classes on land and in water- Aqua Yoga , all types of dance classes, fitness classes, cooking classes, yoga Fly, Sup yoga, stand up paddle board, Ice Bath, Mud Therapy, Singing Bowl, therapy drum classes. Laughter Yoga, Facial Yoga and many more classes, complete with 117 classes.in 3 days with 11 classrooms from 66 teachers around the world, the event was attended by 1020 people from 13 countries including Korea, Japan, Malaysia, Singapore, Vietnam, Taiwan, China, Philippines, Indonesia, America, Belgium, Hong Kong and Thailand. This event was organized by Make Friends For U Co.,Ltd and received cooperation and support from both the government and private sectors such as Pattaya City, TAT- Pattaya , Tourism Industry Council, AIA Vatality, True Corporation, Boon Rawd, Vanesse

               Meet great yoga activities like this at the Thailand Yoga Art & Dance event in Pattaya, next year on 31 Oct. – 2 Nov. 2025.

More info: Line Official : makefriendsforu/Page:thailandyogaart&dance/IG:thailand_yogaartanddance











33
EMMA CLINIC ไม่หยุดอัปความรู้  ส่ง “อ.พญ.วาสิตา หรือหมอกวาง” ดีกรีศัลยแพทย์งานแก้สุดปัง
บินตรงเอ็กซ์คลูซีฟเทรนนิ่งความรู้ใหม่ๆเทรนด์ศัลยกรรมจมูก ณ ประเทศสเปน
ใจฟูเป็นคลินิกแห่งเดียวจากไทยผนึกหมอทั่วโลก เผยทรงจมูกทิศทางสวยสไตล์ธรรมชาติมาแรง


EMMA CLINIC (เอมม่า คลินิก) เดินหน้าไม่หยุดพัฒนา เทคนิคใหม่ๆ เพื่อให้คลินิก เป็นผู้นำ ในทุกบริการศัลยกรรม เพื่อนำความรู้เทคนิคต่างๆ ดีไซน์ให้ลูกค้าทุกท่านสวย หล่อ มีความปลอดภัย ทรงจมูกวิเคราะห์ให้เหมาะในสไตล์แบบฉบับของตัวเอง ตอบโจทย์ในทุก GEN


สำหรับงานศัลยกรรมจมูก ทรงจมูก  TEARDROP เอกลักษณ์ของ EMMA CLINIC ทรงจมูกมีความสโลป สไตล์ธรรมชาติ ด้านงานแก้จมูก อ.พญ.วาสิตา เสริมสกุลวัฒน์ หรือ หมอกวาง แพทย์เฉพาะทาง สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง (Plastic Surgery) เลขที่ประกอบใบวิชาชีพ 33684 มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี บุคลิกอ่อนหวาน แนวคิดทันสมัย มีความละเอียด


อ.พญ.วาสิตา เสริมสกุลวัฒน์ หรือ หมอกวาง เปิดเผยว่า “ ดีใจอย่างมากเมื่อได้ไปเรียนรู้เทคนิคการศัลยกรรมทรงจมูก เป็นงานสัมมนาและเวิร์กช้อป Intensive live Surgery Course ณ ประเทศสเปน ที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์ที่ได้แลกเปลี่ยนการศัลยกรรมจมูกจากแพทย์ทั่วโลก ซึ่ง EMMA CLINIC เป็นคลินิกเดียวจากประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชีย  เทคนิคใหม่ที่ฝั่งยุโรปกำลังฮอต เรียกว่า Preservation Rhinoplasty


คาดว่าทิศทางทรงจมูกในอีก 3ปี ทรงจมูกสวยสไตล์ธรรมชาติครองใจลูกค้าทุก GEN ในประเทศไทย และเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วโลก สามารถปรึกษาก่อนศัลยกรรมเพื่อความเข้าใจในแต่ละท่านจะไม่เหมือนกัน ประกอบด้วยโครงสร้างใบหน้า ทั้งนี้มีปัญหาแต่ละท่าน เช่น จมูกเริ่มบาง หรือต้องการเปลี่ยนทรง งานแก้ทรงจมูก ลูกค้าต้องคำนึงถึงคลินิกที่มีคุณภาพ การดูแลหลังการศัลกรรม  ประสบการณ์แพทย์และความเชี่ยวชาญจึงสำคัญค่ะ”

สอบถามและดูข้อมูลผ่านช่องทางโซเซียลแบรนด์ EMMA CLINIC

IG : https://www.instagram.com/emmaclinic_thailand/
FB : https://www.facebook.com/EmmaclinicNoseClose
Tiktok : https://www.tiktok.com/@emmaclinic?_t=8qzwFDxZAXg&_r=1
Line : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=emmaclinic

34
15 พฤศจิกายน 2567 ร่วมฉลองเทศกาลลอยกระทง
กับ 5 โรงแรมหรูวิวริมทะเล ในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์




             5 โรงแรมหรู ในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ขอเชิญทุกท่านร่วมสืบสานประเพณีไทย พร้อมกับเฉลิมฉลองเทศกาล “วันลอยกระทง” ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เพลิดเพลินพร้อมอิ่มอร่อยในค่ำคืนที่แสนพิเศษ ท่ามกลางวิวสวยริมทะเล พร้อมกับกิจกรรมพิเศษที่เตรียมไว้รอต้อนรับทุกท่าน






1.         โรงแรมเคปฟาน เกาะสมุย ณ ห้องอาหารหิว พบกับเซตพิเศษมื้อค่ำ ราคา 3,500++ บาท ต่อท่าน เด็กอายุต่ำกว่า12 ปี ราคา 1,000++ บาท ต่อท่าน

15.00-18.00 น. – กิจกรรมประดิษฐ์กระทง

18.00-19.00 น. – สนุกสนานกับคอกเทลปาร์ตี้ ณ ห้องอาหารหิว

18.00-20.30 น. – ร่วมรับประทานอาหาร เซตพิเศษมื้อค่ำ พร้อมชมการแสดงและกิจกรรมลอยกระทงบริเวณสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า กรุณาติดต่อ โรงแรมเคปฟาน เกาะสมุย โทร. 077-602-301 หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.capefahnhotel.com


2.         โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย ณ ห้องอาหารฮอร์นบิล ฟรีกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้าพักกับโรงแรมในค่ำคืนวันลอยกระทง

15.00-18.00 น. – กิจกรรมประดิษฐ์กระทง

18.00-19.00 น. – สนุกสนานกับคอกเทลปาร์ตี้และกิจกรรมลอยกระทงบริเวณสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า กรุณาติดต่อ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย โทร. 076-592-600 หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.capekuduhotel.com


3.         โรงแรมเคปนิทรา หัวหิน ณ ห้องอาหารร็อคส์ เพลิดเพลินกับกิจกรรมและอิ่มอร่อยไปกับบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำสไตล์บาร์บีคิว ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ในราคา 1,390 บาท (สุทธิ) ต่อท่าน (เด็กอายุต่ำกว่า12 ปี ลดครึ่งราคา)

15.00 – กิจกรรมประดิษฐ์กระทง

18.00-19.00 น. – สนุกสนานกับคอกเทลปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ

18.30-22.00 น. – ร่วมรับประทานอาหาร บุฟเฟ่ต์สไตล์บาร์บีคิว ณ ห้องอาหารร็อคส์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งล่วงหน้า กรุณาติดต่อ โรงแรมเคปนิทรา หัวหิน โทร. 032-516-600 หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.capenidhra.com


4.         โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. บริเวณสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมฯ ตื่นตาตื่นใจไปกับเหล่าสาวงามที่เข้าร่วมกิจกรรมการประกวดนางนพมาศพร้อมอิ่มฟินกับบุฟเฟต์ มื้อค่ำ  ในราคา 1,500 บาท (สุทธิ) ต่อท่าน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา *พิเศษสำหรับการจองล่วงหน้า ในราคาเพียง 1,200 บาท (สุทธิ) ต่อท่าน เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา (สำหรับการจองล่วงหน้า ในราคาพิเศษ ไม่สามารถแลกเปลี่ยน ยกเลิก หรือคืนเงินได้ )

กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า ติดต่อโรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต โทร. 076-391-123 หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.capepanwa.com


5.         โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง บริเวณวงเวียนน้ำพุ อิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อค่ำเลิศรสพร้อมการแสดงที่ตระเตรียมไว้ต้อนรับทุกท่านในราคาเพียงท่านละ 850 บาท (สุทธิ) เด็กส่วนสูง 90-120 เซนติเมตร ลดครึ่งราคา

สำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง โทร. 038-804-844 หรือสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.kantarybay-rayong.com


###########

#เคปแอนด์แคนทารีโฮเทลส์ #ฉลองคืนวันลอยกระทง #ลอยกระทง

####################

* โรงแรมในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไข

โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ

#######################

* กลุ่มโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ สนับสนุนการป้องกันการทารุณสัตว์

ซึ่งโรงแรมฯ มีนโยบายชัดเจนในการห้ามไม่ให้มีการขาย หูฉลาม รังนก และตับห่าน ในทุกห้องอาหารของโรงแรม

35
Maison Berger Paris เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ล่าสุด SPIRALE Collection


              Maison Berger Paris แบรนด์เครื่องหอมชั้นนำจากฝรั่งเศส ภูมิใจนำเสนอคอลเลกชันใหม่ล่าสุด "SPIRALE Collection" ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์เกลียวโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมมอบประสบการณ์ความหอมและการตกแต่งบ้านที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นชุดตะเกียงน้ำหอม SPIRALE ที่ช่วยฟอกอากาศและสร้างความหอมให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่คุณชื่นชอบ หรือ ชุดก้านกระจายความหอม SPIRALE Scented Bouquet ที่ให้คุณเลือกน้ำหอมที่ชื่นชอบได้เอง คอลเลกชันนี้จะช่วยเพิ่มสีสันและความสดชื่นให้บ้านของคุณอย่างแน่นอน

ชุดตะเกียงน้ำหอม SPIRALE

              ตะเกียงน้ำหอมจาก Maison Berger Paris ผลิตในประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1898 โดยมีคุณสมบัติพิเศษในการฟอกอากาศ กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ สร้างบรรยากาศหอมสดชื่น และเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านของคุณ ด้วยดีไซน์เกลียวที่สวยงามและทันสมัย ตะเกียงน้ำหอมสามารถฟอกอากาศได้ภายในเวลาเพียง 20 นาทีต่อพื้นที่ 110 ตารางฟุต โดยจะขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และช่วยกระจายความหอมให้บ้านของคุณ

              นอกจากนี้ ชุดตะเกียงน้ำหอม SPIRALE มาพร้อมดีไซน์เกลียวที่สะดุดตา จัดอยู่ในเซ็ตของขวัญที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ 5 ชิ้น ได้แก่ ไส้ตะเกียง ตัวครอบตะเกียงสีเงิน ฝาปิด กรวยเติมน้ำหอม และน้ำหอมขนาด 250 มล. พร้อมเลือกสัมผัสกับกลิ่นหอมที่หลากหลายจาก 3 สีที่โดดเด่น ได้แก่

•   สีแดงอำพัน (Amber Red) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Rhubarb Radiance ขนาด 250 มิลลิลิตร กลิ่นหอมสดชื่นที่เต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา
•   สีใส (Transparent) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Air Pur ขนาด 250 มล. ออกแบบมาเพื่อช่วยฟอกอากาศโดยเฉพาะ ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์โดยไม่ทิ้งกลิ่นใดๆ เพื่อเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับอากาศในบ้านของคุณ
•   สีดำ (Spirale Noire) มาพร้อมน้ำหอมกลิ่น Velvet of Orient ขนาด 250 มล. กลิ่นหอมลึกลับและอบอุ่นที่สร้างบรรยากาศที่ชวนให้หลงใหล จำหน่ายราคาชุดละ 2,250 บาท จากราคา 3,180 บาท และฟรีน้ำหอม ขนาด 50 มล. กลิ่นใด ๆ จำนวน 1 ขวด


ชุดก้านกระจายความหอม SPIRALE Scented Bouquet

              ก้านกระจายความหอมที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ด้วยโครงสร้างเกลียวที่โดดเด่น เพิ่มความเก๋ไก๋ให้กับบ้านของคุณ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดงอำพัน (Amber Red) สีดำ (Spirale Noire) และสีขาวขุ่น (Frosted) ยิ่งไปกว่านั้น ความพิเศษของชุดก้านกระจายความหอม SPIRALE ให้คุณสามารถเลือกน้ำหอมชนิดเติมได้ตามความชอบส่วนตัว ปรับแต่งบรรยากาศในบ้านได้ตรงใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมหวานของมวลดอกไม้ กลิ่นสะอาดสดชื่น กลิ่น Aroma หรือแม้แต่กลิ่นที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เฉพาะจุด จำหน่ายราคาชุดละ 1,246 บาท จากปกติ 1,780 บาท (ไม่มีน้ำหอมชนิดเติม)

เติมความเก๋ไก๋ให้บ้านของคุณด้วยคอลเลกชัน SPIRALE ช่วงแนะนำลดราคา 30%

              คอลเลกชัน SPIRALE มาพร้อมดีไซน์โค้งเกลียวที่ช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับบ้านของคุณ ทั้งยังเป็นตัวช่วยสร้างบรรยากาศความหอมในแบบที่คุณเลือก ไม่ว่าจะเป็นตะเกียงน้ำหอมสำหรับฟอกอากาศหรือชุดก้านกระจายความหอมที่คุณเติมน้ำหอมเองได้ ให้บ้านของคุณหอมสะอาดและสดชื่นได้ทุกวัน โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะช่วงเปิดตัว มอบส่วนลด 30% ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2567 ถึง 30 พฤศจิกายน 2567

              ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี แบรนด์ Maison Berger Paris ในไทย ที่จัดเต็มทั้งความหอมและส่วนลดแบบที่คุณไม่ควรพลาด รีบมาเลือกช้อปสินค้ากันได้ที่ร้าน Maison Berger Paris ทุกสาขา หรือช้อปสะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษได้แล้ววันนี้ที่ Facebook: MaisonBergerThailand, LINE: @maisonbergerthai, IG:maisonbergerthailand, www.maisonbergerthailand.com , Lazada, Shopee, ShopSabuy และ Tiktok สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-672-2088

36
เอสซีจีรับรางวัลเกียรติยศด้านความยั่งยืนกลุ่ม Sustainability Excellence 7 ปีซ้อน
พร้อมบริษัทในกลุ่ม SCGP, SCGJWD และ Q-CON คว้ารวม 5 รางวัล ในงาน SET AWARDS 2024


นายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี (คนที่ 2 จากซ้าย) รับรางวัลเกียรติยศบริษัทจดทะเบียนด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards of Honor) ซึ่งมอบให้บริษัทที่ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนยอดเยี่ยมติดต่อกันตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป โดยปีนี้เอสซีจีได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ในงาน “SET AWARDS 2024” จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร

ขณะที่บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP โดยนายเถลิงศักดิ์ ราชบุรี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกิจการเยื่อและกระดาษ (คนที่ 1 จากขวา) รับรางวัล Best Innovation Company Awards ในประเภทรางวัล SET Awards of Honor สะท้อนความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์และพัฒนานวัตกรรมที่มีคุณค่าช่วยส่งเสริมภาพรวมอุตสาหกรรมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022-2024 โดยได้วิจัยและพัฒนา “ยูคาลิปตัสไฮบริดสายพันธุ์ใหม่เพื่อความยั่งยืน” ที่ช่วยเสริมมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า จากการผสมเกสรต่างสายพันธุ์ร่วมกับการพัฒนาเทคนิคชีวโมเลกุลระดับสูงและเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ยูคาลิปตัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีการเติบโต และให้ผลผลิตที่สูงขึ้น 40%  สามารถทนโรค ทนแมลง และเหมาะกับพื้นที่ในการปลูกในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยและปริมาณน้ำฝนปกติ


ด้านบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD โดยนายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (คนที่ 2 จากขวา) รับรางวัล Highly Commended Supply Chain Management Awards ซึ่งมอบแก่บริษัทจดทะเบียนที่มีความสามารถโดดเด่นในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานจนเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อบริษัทและคู่ค้าอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่องค์กรกำหนดจนเป็นที่ตระหนัก จากโครงการจัดการระบบขนส่งและพัฒนานักขับอัจฉริยะ (FLEET MANAGEMENT AND SMART DRIVER) ที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบการขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับบริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON (คนที่ 1 จากซ้าย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือฯ กลุ่มธุรกิจสมาร์ทลีฟวิง(Smart Living) โดยนาย ณรงค์เวทย์ วจนพานิช กรรมการผู้จัดการ รับ 2 รางวัล ในหมวดบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO Awards มอบให้ผู้บริหารสูงสุดที่สร้างความสำเร็จ และเป็นผู้ยึดถือหลักคุณธรรมในการบริหารงาน มีวิสัยทัศน์และความสามารถเชิงกลยุทธ์ ใส่ใจกับกิจกรรมด้านนักลงทุนสัมพันธ์ที่สนับสนุนการสร้างความยั่งยืนให้องค์กร และรางวัล Best Company Performance Awards มอบให้บริษัทที่มีผลการดำเนินงานและการกำกับดูแลกิจการที่ดี ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ได้เป็นอย่างดี


เอสซีจีดำเนินธุรกิจตามแนวทาง Inclusive Green Growth โดยมุ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันพร้อมความยั่งยืนทั้งภายในองค์กร ชุมชน และสังคมในวงกว้างผ่านการดำเนินงานตามกลยุทธ์ Regenerative Transformation ประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ Net Zero 2050 การเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการเน้นใช้พลังงานสะอาด พัฒนาเทคโนโลยี และผลิตสินค้าคาร์บอนต่ำ  Nature Positive เน้นการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฟื้นฟูระบบนิเวศและความหลากหลายทางธรรมชาติ รวมทั้งปรับตัวต่อความเสี่ยงทางกายภาพที่เกิดจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น และ Inclusive Society การสร้างสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียม

นอกจากรางวัล SET AWARDS แล้ว เอสซีจียังได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับสากล ด้วยการเป็นบริษัทแรกในอาเซียนที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี DJSI World ตั้งแต่ปี 2004 ในกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง  และอยู่ในกลุ่มผู้นำ 3 อันดับแรกติดต่อกันยาวนานถึง 14 ปี รวมทั้งยังได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนหรือ ESG Risk Rating ในระดับ Low Risk เป็น ESG Industry Top Rated 2024 ในกลุ่ม Industrial  Conglomerates จาก Morningstar Sustainalytics  และได้รับ MSCI ESG Ratings ระดับ AA (Leader) กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Construction Materials) จาก Morgan Stanley Capital International (MSCI) อีกด้วย

37
ชวนดู A Chinese Odyssey ภาค 3 ฉบับจีนสุดมันส์ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


              สาวกไซอิ๋วไม่ควรพลาดชม “A Chinese Odyssey 3” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 3” ภาพยนตร์จีน แนวรอมคอมแฟนตาซีที่ผสมผสานความดราม่า นำแสดงโดย “หางเกิง” อดีตสมาชิกวงซูเปอร์จูเนียร์ รับบทเป็น “จุนเป่า” หรือ “หงอคง” ที่กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ และ “อู๋จิง” รับบทเป็น “พระถังซัมจั๋ง”






              ในภาคนี้ เรื่องราวเล่าถึง จื่อเสีย และ ชิงเสีย นางฟ้าฝาแฝด โดยจื่อเสียมีความรักกับ จุนเป่า ซึ่งในอีกห้าร้อยปีจะกลายเป็น หงอคง แต่เมื่อจื่อเสียใช้กล่องแสงจันทร์เพื่อดูอนาคต นางพบว่าหากรักกับหงอคง นางจะต้องตาย จึงพยายามเลิกกับจุนเป่า ในขณะเดียวกัน วานรหก หูปลอมตัวเป็นหงอคงและพยายามจับ พระถังซัมจั๋ง กิน แต่ถูกเจ้าแม่กวนอิมจับและส่งมอบให้เง็กเซียงฮ่องเต้ อย่างไรก็ตาม เง็กเซียงฮ่องเต้กลับปล่อยวานรหกหูออกมา ซึ่งเป็นแผนของเง็กเซียงฮ่องเต้เพื่อปกปิดความผิดที่เขียนเทียนสูผิดพลาด มาลุ้นกันสิว่าหงอคงจะแก้ไขวิกฤตนี้ได้หรือไม่ และความรักของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปในวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายนนี้ เวลา 14.55 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live

38
"บริโก้" จัดศึก NARIS HIGHLABD-SPACEPLUS BOXING PLOMOTIONS เตรียมพบนักชกฟอร์มดี ดวลหมัดต้อนรับวันฮาโลวีน


            โปรโมเตอร์สองคู่เขย มิสเตอร์บริโก้ ซานติ๊ก ชาวฟิลิปปินส์ พร้อมด้วย นายศุภณัฐ จันทร์แรม จัดเต็ม 16 คู่มวย มีนักชก 15 ประเทศ ชิงเข็มขัดแชมป์ 5 เส้นพร้อมดวลหมัดในรายการศึก NARIS HIGHLABD-SPACEPLUS BOXING PLOMOTIONS วันที่ 31 ตุลาคม 2567 ณ.เวทีมวยชั่วคราว RCA Plaza ถ.รัชดา ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป




            เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ.ห้องประชุม WELLNESS MASSAGE แอนด์ SPA ได้จัดให้มีการตรวจร่างกายกับนักชกชั้นนำทั้ง 16 คู่มวย 15 ประเทศ โดยนักชกทุกคนต่างสมบูรณ์ร่างกายแข็งแรงพร้อมชก โดยมี บริโก้ ซานติ๊ก พร้อมด้วย นายศุภณัฐ จันทร์แรม สองยอดโปรโมเตอร์ชั้นนำ และ นายนริส สิงห์วังชา ประธานที่ปรึกษา, พล ต.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ และแพทย์ประจำสนามมวย นายจิระศักดิ์ บุปผาชาติ เพื่อเป็นการต้อนรับวันฮาโลวีน จัดเต็ม 16 คู่มวยชั้นนำ เช็กฟิตน้ำหนักผ่านฉลุย สมบูรณ์สุดขีดพร้อมดวลเดือดในวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567เป็นการชิงเข็มขัดแชมป์ 4 เส้น 2 สถาบัน PAT, WBC Asia เป็นการต้อนรับวันฮาโลวีน




            สำหรับคู่มวยในรายการประกอบด้วย

คู่ที่ 1. อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นแบนตั้มเวท พิกัด 118 ปอนด์ ระหว่าง คาร์ลอส อ่อง จากสิงคโปร์พบกับ วิสิธิทศักดิ์ สายแวว นักชกไทย

คู่ที่ 2. อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท พิกัด 115 ปอนด์ ระหว่าง โมฮัมเหม็ด คาลิส จากแทนซาเนีย พบกับ อดิศักดิ์ เกตุเปี่ยม นักชกไทย

คู่ที่ 3. อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซุปเปอร์เฟเธอร์เวท พิกัด 130 ปอนด์ ระหว่าง ชาวิน ฮาย นูเยน จากเวียดนาม พบกับ ซิอิส ฟาดาฟี่ จากอินโดนีเซีย

คู่ที่ 4 .อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นซุปเปอร์มิดเดิลเวท พิกัด 168 ปอนด์ ระหว่าง อริเฮอร์ อิสมายล็อฟ จากอุสเบกิสถาน พบกับ พัฒน์พงค์ กัาวเอึ่ยม นักชกไทย





คู่ที่ 5. อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ ระหว่าง เรนาโต้ ชา จากฟิลิปปินส์ พบกับ ชีลาฟ คูลันเบฟ จากรัสเซีย

คู่ที่ 6. อุ่นเครื่อง 6ยก รุ่นซุปเปอร์มิดเดิลเวท พิกัด 168 ปอนด์ ระหว่าง อัสลี่ ฮาฟิส จากมาเลเซีย พบกับ ประจักษ์ มานพชัยยิม นักชกไทย

คู่ที่ 7.อุ่นเครื่องมวยหญิง (6ยก) รุุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท พิกัด 115 ปอนด์ ระหว่าง เลทีเซีย คัมพาน่ จากฝรั่งเศส พบกับ สุกัญญา มานพชัยยิม นักชกไทย

คู่ที่ 8.อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นมิดเดิลเวท พิกัด 160 ปอนด์ ระหว่าง ลุยจิ ดี เชสเซนโซ่ จากเซาว์อัฟริกา พบกับ พบกับ อรรถพล คำชาญ นักชกไทย





คู่ที่ 9. อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นมินิมั่มเวท พิกัด 105 ปอนด์ ระหว่าง เรนเก้น ออฟพาส จากฟิลิปปินส์ พบกับ นฤเบศน์ สิงห์มนัสศักดิ์ นักชกไทย

คู่ที่ 10. อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ ระหว่าง เจอร๋มาเน่ ฮาดิสัน จากสหรัสอเมริกา พบกับ พุฒิชัย กติกาโชคสกุล นักชกไทย

คู่ที่ 11. มวยหญิง ชิงแชมป์ PAT Female Atom Weight พิกัด 102 ปอนด์ (8 ยก) วัชรพร ปุ่นอินเตอร์ พบกับ มันทิกา สิงห์มนัสศักดิ์ นักชกไทย

คู่ที่ 12. ชิงแชมป์ WBC Asia Female Light Fly weighr Title พิกัด 108 ปอนด์ (10ยก) ระหว่าง เจสเซอร์เบล พากาดัว จากฟิลิปปินส์ พบกับ ปิยะลักษณ์ มานพชัยยิมส์ นักชกไทย





คู่ที่ 13. ชิงแชมป์ WBC Asia Continenta Sper Light weight พิกัด 140 ปอนด์ (10ยก) ระหว่าง จิมมี่ ปายปา จากฟิลิปปินส์ พบกับ มาดิ ซาบาส

คู่ที่ 14.ชิงแชมป์ WBC Asis รุ่นซุปเปอร์เวลเตอร์เวท พิกัด 154 ปอนด์ (10ยก) ระหว่าง วิคเตอร์ นัคเบ้ จากออสเตรเลีย พบกับ สตีฟ ออร์เก้น เฟอร์ดีนัคบัส จากอินโดนีเซีย

คู่ที่ 15. ชิงแชมป์ WBC Muaythai Female mini Flyweight world Tifle พิกัด 105 ปอนด์ (5 ยก) ระหว่างเทสซ่า คาโคเนน จากฝรั่งเศส พบกับ ฟ้าเชียงราย ส.สกุลทอง นักชกไทย

คู่ที่ 16. ปิดท้ายรายการมวยไทย (3 ยก) ระหว่าง ออสซี่ โคน็อกอีมี่ จากฟินแลนด์ พบกับ ต้นเพชร ศิษย์ชาญสิงห์









39
อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ บริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิอรุณเจิดจรัส เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กไทยที่ด้อยโอกาส


29 ตุลาคม 2567 - ฝ่ายจัดการแข่งขันกอล์ฟอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับมูลนิธิอรุณเจิดจรัส  (Bright Dawn Foundation) จำนวน 25,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 827,000 บาท เป็นครั้งที่สาม เพื่อสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิในการการพัฒนาชีวิตเด็กไทยในครอบครัวที่มีรายได้น้อยในชนบทของอำเภอหัวหิน ด้วยการสนับสนุนบริการด้านการดูแลสุขภาพ และการสนับสนุนด้านการศึกษาแก่โรงเรียนประถมจำนวน 5 แห่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยการบริจาคดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการแข่งขันกอล์ฟอินเตอร์เนชันแนล ซีส์ ไทยแลนด์ ณ สนามไทยคันทรีคลับ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

มร. ราหุล ซิงห์ ผู้อำนวยการการแข่งขันกอล์ฟ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ เผยว่า “กิจกรรมการกุศลเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของเราในอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ และเรามุ่งมั่นที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมและชุมชนที่สนับสนุนการจัดการแข่งขันของเราทุกแห่ง”

บิ๊กบอสอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ กล่าวเสริมต่อว่า “โอกาสคือคติพจน์ของเราในอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ และเราคาดหวังว่าการร่วมบริจาคครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนมูลนิธิ ให้ทำภารกิจที่สำคัญต่อไปได้ในการมอบโอกาสให้กับครัวเรือนด้อยโอกาสในท้องถิ่นและได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น”


สำหรับมูลนิธิอรุณเจิดจรัส จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2010 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กไทยที่มีรายได้น้อยในชนบทของอำเภอหัวหิน โดยมูลนิธิสนับสนุนอาหารในโรงเรียน เสื้อผ้า โปรแกรมการตรวจสุขภาพ และสนับสนุนด้านการศึกษาที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงภาษาอังกฤษ เทคโนโลยี และทักษะทางวิชาชีพต่างๆ

มูลนิธิยังมีโครงการพิเศษ โดยได้สร้างและปรับปรุงห้องสมุด ห้องเรียน ห้องคอมพิวเตอร์  โรงอาหาร และอาคารอเนกประสงค์  เพื่อจัดกิจกรรมตามวัตถุประสงค์

มร.โดนัลด์ นิมโม่ ซีอีโอของมูลนิธิอรุณเจิดจรัส กล่าวว่า “เรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการร่วมบริจาคอีกครั้งของอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ซึ่งการบริจาคมีความสำคัญมากสำหรับภารกิจและข้อกำหนดด้านเงินเงินประจำปีของเรา ในความเป็นจริงแล้วแม้การบริจาคส่วนใหญ่ถูกนำมารวมกัน แต่จำนวนการบริจาคของ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ช่วยให้เด็กๆ ได้มีอาหารรับประทานมากกว่า 50,000 มื้อเลยทีเดียว”


“การบริจาคเช่นนี้ ช่วยให้เราได้ทำภารกิจที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อเด็กๆ ต่อโรงเรียน และต่อคุณครู ซึ่งเป็นรากฐานในการเสริมสร้างศักยภาพให้กับคุณรุ่นใหม่ และสร้างคุณค่าให้กับชุมชนในวงกว้าง เราขอขอบคุณอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ เป็นอย่างสูง ซึ่งไม่ว่าเราจะขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอ และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าด้วยความช่วยเหลือของอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ครั้งนี้ จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้”

สำหรับอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มีความมุ่งมั่นต่อเนื่องในการกิจกรรมการกุศลกับชุมชนที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เพื่อสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม รวมถึงเรื่องสวัสดิการในชุมชนโดยรวม การพัฒนาสนามกอล์ฟระดับพื้นฐาน การเติบโตของกีฬากอล์ฟท่ามกลางความหลากหลายและความแตกต่างในชุมชนต่างๆ                     

ติดตามความเคลื่อนไหวของการแข่งขันและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
www.internationalseries.com

40
กลุ่มอลิอันซ์เปิดบทวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปี 2567-2569
เติบโตท่ามกลางความเสี่ยง มีการเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาค


            อลิอันซ์เปิดรายงานการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างรอบด้านสำหรับปี 2567-2569 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับปานกลางแต่จะมีเสถียรภาพท่ามกลางปัญหาที่ยังคงดำเนินต่อไป และคาดว่าจะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 2.8% ต่อปี โดยเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะเป็นกำลังสำคัญของการเติบโตในปี 2567 แม้จะยังคงมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะถดถอย เศรษฐกิจโลกจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยุโรปจะมีการเติบโตที่ช้าแต่คงที่ มาตรการรัดเข็มขัด การขึ้นภาษี และกลยุทธ์ลดต้นทุนในทั้งสองภูมิภาคจะส่งผลต่อจีดีพี

            มีการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ สามารถผ่อนปรนนโยบายการเงินได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป นโยบายเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค การขึ้นค่าจ้างจะช่วยกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น แม้ว่าเงินเฟ้อในระดับสูงในบางภาคส่วนจะยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ภาคธุรกิจยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ โดยมีสัญญาณของการเพิ่มการลงทุน แต่มีความกังวลเรื่องการล้มละลายในภาคธุรกิจ นโยบายของธนาคารกลางจะทำให้เกิดข้อจำกัดในตลาดการเงินโลก ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน


การเติบโตและความท้าทายของเอเชียแปซิฟิก

            เศรษฐกิจจีนในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตในอัตราประมาณ 5% แม้จะยังคงมีความเสี่ยงยังคงอยู่ ปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณสินค้าคงคลังจำนวนมากและราคาบ้านที่ลดลง ยังคงส่งผลต่อการบริโภคในภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของจีนยังคงมีแนวโน้มที่ดีซึ่งส่งแรงหนุนให้ภาคการผลิตของประเทศ ธนาคารกลางจีนผ่อนปรนนโยบายและคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2568 อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้อาจช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่อาจจะไม่ได้ช่วยกอบกู้สถานการณ์

            ในทางกลับกัน เศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกในภาพรวมจะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าจีดีพีจะเพิ่มขึ้น 4.2% ในปี 2567 จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของอินเดียและประเทศในกลุ่มอาเซียน การผ่อนคลายนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อที่เป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารกลาง และการค้าโลกที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจของภูมิภาค ธนาคารกลางของเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

            เศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียจะได้ประโยชน์จากพลวัตที่เปลี่ยนไปของโลกาภิวัตน์และการปฏิรูปนโยบายในประเทศ เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เช่น เวียดนาม ไทย และไต้หวัน จะได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของความต้องการในภาคการส่งออก โดยเฉพาะในตลาดอย่างสหรัฐอเมริกา ประเทศต่างๆ หลายประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจากการกระจายความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก


ความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมืองและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ

            ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภูมิภาค สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงความตึงเครียดที่มากขึ้นในทะเลจีนใต้และไต้หวันยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุน แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ โดยมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรมนุษย์ ประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์และจีนเป็นผู้นำในแง่ของความสะดวกในการทำธุรกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะยังคงมีปัญหาในด้านต่างๆ เช่น การมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานและทรัพย์สินทางปัญญา


ประเทศไทย: ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจและความท้าทาย

            เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโตถึง 2.7% ในปี 2567 และ 3.1% ในปี 2568 เมื่อเทียบกับการเติบโตเพียง 1.9% ในปี 2566 ความต้องการภายในประเทศยังสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดงานที่กำลังปรับตัวดีขึ้น ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และกิจกรรมการผลิต ในภาคบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19

            นโยบายแบบผสมผสานของไทยคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตนี้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนนโยบายการเงินด้วยความระมัดระวังในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องหาจุดสมดุลระหว่างการผ่อนคลายมาตรการและการรักษาวินัยทางการคลัง

            แม้ว่าสินทรัพย์ในภาคครัวเรือนจะเติบโต แต่ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายทางด้านการเงินที่ไม่เหมือนประเทศอื่นๆ โดยสินทรัพย์ทางการเงินรวมลดลง 1.9% ในปี 2566 ถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกในปี 2551 การลดลงของหลักทรัพย์และเงินฝากธนาคารเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดลงนี้ อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ประเภทประกันและเงินบำนาญมีการเติบโตเล็กน้อย แม้จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตก็ตาม อัตราหนี้สินที่สูงของประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่ 91% ของจีดีพีที่เป็นตัวเงิน ยังคงเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในภูมิภาค

            นอกจากนี้ การกระจายความมั่งคั่งในประเทศยังคงไม่สมดุลอย่างมาก โดยประชากรกลุ่มมั่งคั่งเพียง 10% เป็นเจ้าของสินทรัพย์ทางการเงิน 76% ของสินทรัพย์ทางการเงินรวมสุทธิของประเทศ ความไม่เท่าเทียมนี้เกิดขึ้นเป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้ว โดยสถานการณ์แทบไม่ดีขึ้นเลย ตอกย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกกลุ่มประชากรมากขึ้นในอนาคต

            นายลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของกลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า "แนวโน้มเศรษฐกิจที่อลิอันซ์คาดการณ์สะท้อนถึงการมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังของเราท่ามกลางความท้าทายทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค แม้ว่าการเติบโตคาดว่าจะคงที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เรายังคงต้องเฝ้าระวังต่อไป ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ วินัยทางการเงิน และความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนที่ยังคงมีอยู่ จะยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่เราต้องแก้ไขเพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและเข้มแข็งในระยะยาว"

41
“ยัวซ่าแบตเตอรี่” ออกบูธงาน “โมโตจีพี ไทยแลนด์ 2024”


             มร.สึเนะโนริ โยชิมูระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ยกทัพจัดบูธรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับโลก “โมโตจีพี ไทยแลนด์ 2024” นำสินค้าหลากหลายรุ่นมาโชว์ในงาน จัดเต็มโปรโมชั่นสุดพิเศษเอาใจชาว 2 ล้อ กับสินค้าแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์กับราคาโปรโมชั่นลดสูงสุดถึง 40% ลุ้นรับฟรี! ของรางวัลมากมาย เมื่อร่วมกิจกรรมที่บูธยัวซ่าแบตเตอรี่ พร้อมเช็คอินกับ Yuasa Lady และ Yuasa Gentle โดยบูธยัวซ่าแบตเตอรี่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ โมโตจีพีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา






             แบตเตอรี่ “YUASA” คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น สอบถามข้อมูลสินค้าและร้านตัวแทนจำหน่าย โทร 09-9331-3337 หรือ 02-769-7300 ต่อ 7315 จันทร์-ศุกร์ เวลา 8:30-17:00 น.

42
ยกขบวนความสนุกหนังจีดีเอช ดูกี่ครั้งก็ทัชใจที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             หากคุณเป็นแฟนตัวยงของค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง “GDH” ที่มีผลงานภาพยนตร์ไทยคุณภาพมากมายและทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาทมาแล้ว คุณไม่ควรพลาดชมภาพยนตร์สุดฮาอย่าง “ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค” นำแสดงโดย “ชมพู่ อารยา” รวมถึง “อ้ายคนหล่อลวง” ที่มี “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ร่วมแสดง นอกจากนี้ยังมี “น้องพี่ที่รัก” กับนักแสดงนำ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ อุรัสยา เสปอร์บันด์ นิชคุณ หรเวชกุล” และ “โฮมสเตย์” ของ “เจมส์ ธีรดนย์” และ “เฌอปราง อารีย์กุล” หลากหลายความสนุกพร้อมเสิร์ฟความสุขให้ผู้ชมทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24








             “ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค” เรื่องราวคอมเมดี้แบบเต็มอรรถรส พร้อมลุ้นไปกับปฏิบัติการลวงโลกที่จะเปลี่ยนเจ๊น้ำ แม่ค้าสุดหยาบให้กลายเป็น เคที่ (ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ซุปตาร์ตัวแม่สุดฮอต เพื่อมาถ่ายโฆษณาแทนเคที่ให้ได้ แต่อุปสรรคมันติดตรงกิริยาสุดเกรียนของเจ้น้ำ แก๊งตุ๊ดซี่ส์หัวจะปวดต้องรับมือกับเรื่องราวสุดฮาอย่างไร ติดตามชมกันได้ในเวลา 16.50 น. ต่อด้วย “อ้ายคนหล่อลวง”  ออกอากาศเวลา 18.40 น.ว่าด้วยเรื่องราวของ อินา (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก) หญิงสาวที่ถูกเพชรหลอกเงินไป 500,000 บาท ด้วยความแค้นใจ อินาจึงขอความช่วยเหลือจาก ทาวเวอร์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) นักต้มตุ๋นมือฉมังที่เคยพยายามหลอกเธอแต่ไม่สำเร็จ ให้ช่วยเอาคืนเพชรให้สาแก่ใจ ไปสนุกกันต่อกับ น้องพี่ที่รัก ออกอากาศเวลา 21.00 น. เรื่องวุ่นๆของสองพี่น้องที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ชัช (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ชอบทำตัวเป็นภาระมากกว่าเป็นพี่ จะมีพี่ชายคนไหนที่ห่วยกว่า เจน (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ผู้เป็นน้องสาวไปซะทุกด้าน  เวลาเดียวที่ชัชจะโชว์เหนือทำตัวเป็นพี่ ก็คือตอนที่มีคนมาจีบเจน ชัชจะทำตัวกร่างไล่หนุ่มๆ ให้หนีหายไปหมด เหมือนเป็นการเอาคืน นั่นจึงเป็นเหตุผลเดียวที่เจนต้องปิดบังความรักระหว่างเธอกับ โมจิ (นิชคุณ หรเวชกุล) ตบท้ายด้วยภาพยนตร์ “โฮมสเตย์” ออกอากาศเวลา 23.00 น. เปิดเรื่องมาด้วย ผู้คุมวิญญาณ (นพชัย ชัยนาม) ดึงคอเสื้อของวิญญาณเร่ร่อนเพื่ออธิบายรางวัลที่เขาได้รับ นั่นคือการกลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กมัธยมปลายชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนอยู่ในตู้เก็บศพ การได้อยู่ในร่างใหม่ก็ไม่ต่างจากการอยู่ในโฮมสเตย์ เพราะเป็นการอยู่ชั่วคราวและไม่ฟรี และเขาจะต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วันว่า “มินตายเพราะใคร” ห้ามพลาดความบันเทิงครบรสในวันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live


43
แชฟฟ์เลอร์ พร้อมยกระดับการบริการให้ครอบคลุมทั่วเอเชียแปซิฟิก
เปิดศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าอะไหล่ทดแทนยานยนต์ (Central Logistics Center) แห่งใหม่ในประเทศไทย




             แชฟฟ์เลอร์ ผู้นำด้านการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อน พร้อมยกระดับการบริการให้ครอบ คลุมทั่วเอเชียแปซิฟิก ประกาศเปิดศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าอะไหล่ทดแทนยานยนต์ (Central Logistics Center) แห่งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทนของแชฟฟ์เลอร์ (Schaeffler Vehicle Lifetime Solutions) โดยศูนย์ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่อำเภอ  ศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยได้รับเกียรติจากนายเอียนส์ ชูเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions) ประจำกลุ่มบริษัท แชฟฟ์เลอร์ และพันธมิตรทางธุรกิจจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมงาน เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้


             นายเอียนส์ ชูเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions) ประจำกลุ่มบริษัทแชฟฟ์เลอร์ กล่าวในงานแถลงข่าวว่า “ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าของฝ่ายอะไหล่ทดแทนยานยนต์ในประเทศไทยแห่งใหม่นี้ มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการวางแผนและควบคุมกระบวนการทั้งหมดในด้านคุณภาพ การดำเนินงาน การบำรุงรักษาและการจัดการสถานที่ และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร และมีพนักงานของแชฟฟ์เลอร์ทำงานในหน้าที่หลัก ศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ห่างจากโรงงานแชฟฟ์เลอร์ จังหวัดชลบุรีเพียง 21 กิโลเมตร โดยศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้านี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการโลจิสติกส์และเพิ่มความสามารถในการจัดส่งสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”


             นายไมก้า เชฟพาร์ด ประธาน ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions) บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "รูปแบบการดำเนินงานใหม่ในประเทศไทยนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันความมุ่งมั่นของแชฟฟ์เลอร์ในการยกระดับคุณภาพการบริการและประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการเพิ่มความ สามารถและศักยภาพในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้าจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดหาสินค้าที่สำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ เราจะเปิดตัวโซลูชั่นการบริการแชฟฟ์เลอร์ เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (Schaeffler REPXPERT) และแชฟฟ์เลอร์ วันโค้ด (Schaeffler OneCode) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริการหลังการขายของแชฟฟ์เลอร์ โดยมีเป้าหมายในการมุ่งมั่นพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าอะไหล่ทดแทนยานยนต์ โดยการมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรม ความก้าวหน้า และความพร้อมครบครันสำหรับกลุ่มลูกค้า"


คูห์เน่ พลัส นาเกิ้ล (Kuehne+Nagel) พันธมิตรใหม่ของศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้า (Central Logistics Center) ในประเทศไทย


             นายชัชวาล ส้มจีน ประธาน ฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Vehicle Lifetime Solutions) บริษัท แชฟฟ์เลอร์ ประจำประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “สำหรับความร่วมมือในการดำเนินงานภายในศูนย์จัดเก็บและกระจายสินค้า ในประเทศไทยครั้งนี้ เรามี คูห์เน่ พลัส นาเกิ้ล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จึงมั่นใจได้ว่า จะสามารถให้การบริการด้านการขนส่งและการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องให้กับกลุ่มลูกค้าของเราในตลาดอะไหล่ทดแทนอย่างแน่นอน”


             คูห์เน่ พลัส นาเกิ้ล (Kuehne+Nagel) เป็นบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในเมือง ชินเดลเลกิ (Schindellegi) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีพนักงานมากกว่า 81,000 คนในกว่า 1,300 แห่งในเกือบ 100 ประเทศ กลุ่มบริษัท คูห์เน่ พลัส นาเกิ้ล เป็นหนึ่งในบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำของโลก


ครบจบในที่เดียว: แชฟฟ์เลอร์ วันโค้ด (Schaeffler OneCode)

              แชฟฟ์เลอร์ วันโค้ด เป็นโซลูชั่นที่แชฟฟ์เลอร์ได้พัฒนาด้านการบริการที่สนับสนุนอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการซ่อมรถทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการซ่อมบำรุง เพียงสแกนคิวอาร์ โค้ด (QR code) ระบบจะนำกลุ่มลูกค้าหรือผู้ใช้งานไปยังหน้าผลิตภัณฑ์ในแคตตาล็อกสินค้าออนไลน์ของแชฟฟ์เลอร์ หรือแอปพลิเคชัน เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT app) โดยตรง


              การลงทะเบียนหรือมีบัญชีเร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT account) จะช่วยให้ช่างซ่อมรถหรือผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ล่าสุดเกี่ยวกับโซลูชั่นการซ่อมฯ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคำแนะนำในการติดตั้งและการซ่อมฯ ทีละขั้นตอนในรูปแบบดิจิทัล เพื่อประหยัดเวลาในการค้นหา


              นอกจากนี้ แชฟฟ์เลอร์ วันโค้ด ยังสามารถใช้ในการตรวจสอบอะไหล่แท้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจและอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการซ่อมรถจากสินค้าที่ปลอมแปลงหรือไม่ได้มาตรฐาน อีกด้วย


เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT): บริการที่ครอบคลุมของแชฟฟ์เลอร์

              แบรนด์เร็พ เอ็กซ์เพิร์ด (REPXPERT) ของแชฟฟ์เลอร์ นำเสนอบริการทั้งหมดที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นการซ่อมครบจบในที่เดียว โดยฝ่ายธุรกิจโซลูชั่นอะไหล่ทดแทน (Schaeffler Vehicle Lifetime Solutions) นำเสนอชุดบริการที่ครบถ้วนนี้ ในรูปแบบของพอร์ทัลออนไลน์ แอปพลิเคชันมือถือ และการสัมมนาฝึกอบรมมากมายที่จัดขึ้นทุกปี

              ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้า อู่ซ่อมหรือศูนย์บริการซ่อมรถ สามารถดูข้อมูลทางด้านเทคนิค และข้อมูลการซ่อมที่ครอบคลุมหลักสูตรการฝึกอบรม ข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.repxpert.co.th/th หรือ www.vehiclelifetimesolutions.schaeffler.co.th/th สำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะมีฟังก์ชันเพิ่มเติม โดยผู้ใช้สามารถเปิดแคตตาล็อกอะไหล่ทดแทนพร้อมข้อมูลผู้ผลิตทั้งหมด และดูประวัติการใช้งานล่าสุด เช่น ผลิตภัณฑ์หรือยานพาหนะที่เลือกเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึงโปรแกรมโบนัส ข้อมูลการซ่อมที่ครบถ้วน รวมถึงข้อมูลการซ่อมและบำรุงรักษาเฉพาะยานพาหนะ (RMI) จาก  TecAlliance อีกด้วย

###

แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป – We pioneer motion

แชฟฟ์เลอร์ กรุ๊ป ขับเคลื่อนนวัตกรรมและการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อน (Groundbreaking) มาเป็นเวลากว่า 75 ปี เพียบพร้อมทั้งด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และบริการระบบยานยนต์ไฟฟ้า (Electric mobility) ระบบขับเคลื่อนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ (CO₂-efficient drives) โซลูชันสำหรับระบบช่วงล่าง (แชสซี) และพลังงานหมุนเวียน  ทำให้เราเป็นหนึ่งในคู่ค้าที่มีความน่าเชื่อถือในการพัฒนาระบบการขับเคลื่อนให้มีประสิทธิภาพ มีความชาญฉลาด และมีความยั่งยืนตลอดทั้งอายุการใช้งาน  แชฟฟ์เลอร์ อธิบายผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมในระบบนิเวศการเคลื่อนที่โดยแบ่งออกเป็น 8 กลุ่มผลิตภัณฑ์: ตั้งแต่โซลูชันตลับลูกปืนและระบบนำทางเชิงเส้นทุกประเภทไปจนถึงบริการซ่อมแซมและบริการตรวจสอบ แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทดำเนินธุรกิจแบบครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีพนักงานประมาณ 120,000 คน และมีสำนักงานมากกว่า 250 แห่งใน 55 ประเทศ และ ยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในเยอรมนี

44
ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 คว้ากำไร 730 ล้านบาท เพิ่ม 15% จากปีก่อน แม้ฝ่ามรสุมรอบด้าน
ไตรมาส 3 ยังกำไร 189 ล้านบาท เล็งลดต้นทุนต่อ รัดเข็มขัด ใช้พลังงานสะอาด
พร้อมหารายได้เพิ่ม ขยายช่องทางจัดจำหน่าย ผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนในเวียดนามที่เติบโตสูง


นายนำพล  มลิชัย

ผลประกอบการ SCGD 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิ 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่ 637 ล้านบาท  ส่วนไตรมาส 3 เผชิญความท้าทายรอบด้าน เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว น้ำท่วมในไทย - เวียดนาม ตลาดก่อสร้าง - ค้าปลีกฟิลิปปินส์อ่อนตัว  อินโดฯ ยังรอภาครัฐอนุมัติงบฯ โครงการฯ แต่บริษัทฯ บริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ คว้ากำไร 189 ล้านบาท จากกลยุทธ์ลดต้นทุน ใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ 36.3 เมกกะวัตต์ หรือ 10.7% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด  วางแผนติดตั้งเพิ่มในเวียดนาม และใช้พลังงานชีวมวลเพิ่มขึ้นเป็น 19.3% ของพลังงานความร้อนทั้งหมด หนุนสร้างรายได้เพิ่ม เสิร์ฟสุขภัณฑ์ กระเบื้องโดนใจลูกค้าโดยเฉพาะตลาดเวียดนามซึ่งเติบโตสูง  เพิ่มไลน์ผลิตกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ กำลังผลิต 2.5 ล้านตารางเมตร  ขยายช่องทางจัดจำหน่าย เปิดร้าน V-Ceramic รูปแบบ Manufacturing Outlet สาขาแรกทางภาคใต้เวียดนาม ล่าสุดคว้าสุดยอดแบรนด์สุขภัณฑ์ Asia Excellent Brand Awards 2024 มั่นใจรายได้โต 2 เท่า ตามเป้าปี 2573


นายนำพล  มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ผู้นำธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “แม้เศรษฐกิจอาเซียนยังไม่ฟื้นตัว  โครงการก่อสร้างในประเทศชะลอตัว  เกิดอุทกภัยทางภาคเหนือ ภาคกลางของประเทศเวียดนาม และภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย  อุปสงค์ตลาดก่อสร้าง-ค้าปลีกในฟิลิปปินส์ยังอ่อนตัว  อินโดนีเซียอยู่ระหว่างรอการอนุมัติงบฯ โครงการต่าง ๆ จากภาครัฐหลังประธานาธิบดีเข้ารับตำแหน่ง  แต่ SCGD สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  นำเสนอนวัตกรรมสินค้าที่เน้นความคุ้มค่า สะดวกสบายและรักษ์โลก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2567  มีกำไร 730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA  2,530 ล้านบาท ถึงแม้ว่ารายได้จากการขาย 19,585 ล้านบาท จะลดลงร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,235 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน  มีกำไรสำหรับงวด 189 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33  เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 22  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  และมี EBITDA (กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย โดยรวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม) 766 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อน  และลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ”


อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เร่งปรับตัวต่อเนื่อง แม้เผชิญความท้าทายรอบด้าน โดยบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนากระบวนการผลิตต่อเนื่อง มุ่งใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดต้นทุน โดยไตรมาส 3 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ทั้งหมด 36.3 เมกกะวัตต์  คิดเป็น 10.7% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด  ซึ่งประเทศไทยผลิตได้ 24.7 เมกกะวัตต์  ส่วนประเทศเวียดนามติดตั้งโซล่าเซลล์เพิ่มเติม 1.9 เมกะวัตต์  รวมกำลังการผลิตพลังงานไฟฟ้าในต่างประเทศเป็น 11.6 เมกกะวัตต์  นอกจากนั้นได้จัดสรรงบลงทุน 63.2 ล้านบาท  ดำเนินโครงการ  Hot Air Generator เพิ่มเติมที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมหนองแค (NKIE) จะช่วยลดต้นทุนได้ 16.8 ล้านบาทต่อปี  คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2568  ปัจจุบันบริษัทฯ ใช้พลังงานชีวมวลคิดเป็น 19.3% ของพลังงานความร้อนทั้งหมด


ในอนาคต ตลาดก่อสร้าง ตกแต่งในภูมิภาคมีแนวโน้มเติบโตสูง  บริษัทฯ เตรียมคว้าโอกาสนี้ด้วยการขยายกระเบื้องเกรซพอร์ซเลนขนาดใหญ่ในไทยและเวียดนาม ตั้งเป้ารวม 14 ล้านตารางเมตรภายในสิ้นปี 2568 และจัดสรรงบลงทุน 167 ล้านบาทเพื่อปรับไลน์ผลิตกระเบื้องเซรามิกเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนขนาดใหญ่ กำลังการผลิต 2.5 ล้านตารางเมตร ที่เมืองฟู้เอียน (Pho Yen) ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะแล้วเสร็จช่วงเดือนพฤษภาคม 2568  ขณะเดียวกันยังขยายช่องทางจำหน่ายให้เข้าถึงลูกค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น  ล่าสุดจับมือกับบริษัท VAN PHUC TRADING Company Limited  ด้วยทุนจดทะเบียน 17 ล้านบาท  เปิดร้านจำหน่ายกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์  V-Ceramic ในรูปแบบ Manufacturing Outlet สาขาแรกทางภาคใต้ของเวียดนามเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมตลาดที่กำลังเติบโต และรองรับสินค้าจากการจัดตั้งโรงงานกระเบื้องทางตอนใต้ของเวียดนาม  นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายด้านสุขภัณฑ์กว่า 170 รายในอาเซียน  ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มียอดขายสุขภัณฑ์ในอาเซียนกว่า 460 ล้านบาท  อีกทั้งเร่งขยายธุรกิจวัสดุปิดผิว ธุรกิจสุขภัณฑ์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Complementary) อาทิ ปูนกาวยาแนว ท็อปเคาน์เตอร์ครัว บานประตูหน้าต่าง เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและแสวงหาลูกค้าใหม่ ตามเป้าหมายเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า ภายในปี 2573


“บริษัทฯ นำความต้องการของลูกค้ามาสร้างสรรค์สุขภัณฑ์ กระเบื้องคุณภาพสูงตอบเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ อาทิ วัสดุปิดผิว LT by COTTO สำหรับสัตว์เลี้ยง ฝักบัวอาบน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง ตู้เฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำ ผลิตจากวัสดุคอมโพสิต แข็งแรง ทนทาน หน้าต่างประตูสำเร็จรูปไทเทเนียม  และเคาน์เตอร์ท็อปครัวที่ทนทานการใช้งาน ลดการดูดซึมของเหลวบนผิวหน้า ซึ่งช่วยยกระดับแบรนด์สินค้าให้ครองใจผู้บริโภค  ล่าสุด COTTO ได้รับรางวัลแบรนด์วัสดุปิดผิวและแบรนด์สุขภัณฑ์ชั้นนำ “ Marketeer Number 1 Brand Thailand” จากสื่อ Marketeer  “รางวัลวัสดุก่อสร้างที่ออกแบบมาเพื่อสัตว์เลี้ยงดีเด่น” (Pet Award สำหรับวัสดุปูพื้น LT by COTTO) จากบ้านและสวน  และ “รางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย”  Asia Excellent Brand Awards 2024 ในประเทศเวียดนาม” นายนำพล กล่าว


สืบเนื่องจากการแจ้งข่าวของบริษัทฯ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่อง PT Keramika Indonesia Assosiasi Tbk (หรือ “KIA”) และบริษัทลูก ซึ่ง KIA ได้ยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐของอินโดนีเซีย เพื่อขอให้ยกเลิกการเรียกร้องที่หน่วยงานรัฐแจ้งว่า KIA มีหนี้ต่อรัฐบาลอินโดนีเซีย มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท และขอให้ยกเลิกระงับการเข้าระบบจดแจ้งทางทะเบียนกับ Ministry of Law and Human Rights (MOLHR) ของ KIA และบริษัทลูก เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งของ KIA นั้น


ที่ผ่านมา KIA และบริษัทลูก ได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐของอินโดนีเซียเป็นอย่างดีชี้แจงแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้งของ KIA โดยหุ้น KIA ที่ได้มาโดยสุจริตในตลาดหลักทรัพย์ และได้ใช้ที่ปรึกษาทางกฎหมายชั้นนำของประเทศอินโดนีเซีย ในการตรวจสอบแล้วว่าทั้งหุ้น KIA และ KIA และบริษัทลูกเอง ก็ไม่มีภาระหนี้ใดๆ กับรัฐบาลอินโดนีเซีย

ล่าสุด ถึงแม้ว่า ศาลสูง ประเทศอินโดนีเซีย ได้ตัดสินยืนยันตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องหน่วยงานรัฐของอินโดนีเซีย KIA และบริษัทลูก จะดำเนินการโต้แย้งต่อศาลฏีภา เพื่อขอให้ทบทวนคำพิพากษาข้างต้น และเหตุผลที่ชัดเจนต่อไป

45
เทศกาลดนตรี คิง แคสเตอร์ เฟสติวัล (King kaster Festival)
ณ สนามบิน เบสโอเชี่ยน จ.สมุทรสาคร








               นอกจากดนตรีสุดมันส์แล้วและร้านอาหารแบบจัดเต็ม งานนี้ยังเป็นเทศกาลลอยกระทงที่คุณจะได้ลอยกระทงไปพร้อมกับเพื่อนและคนรู้ใจแบบสุดพิเศษไม่เหมือนใคร!

               เตรียมตัวให้พร้อมกับงานสุดมันส์แห่งปี! King Kaster Festival การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ที่ทุกคนรอคอย! งานนี้จัดเต็ม! เรารวบรวมศิลปินชั้นนำระดับประเทศที่จะมาเพิ่มความสนุกและตื่นเต้นให้กับคุณในเทศกาลวันลอยกระทง ไม่ว่าจะเป็น ปาล์มมี่, วงค็อกเทล, เจ้านาย, ก้อง ห้วยไร่, เปเปอร์ เพลนส์, และ วงเยส อินดีส พร้อมด้วยดีเจสุดมันส์จากทั่วประเทศ มาระเบิดความสนุกแบบจัดเต็ม พร้อมถ่ายรูปกับเครื่องบินส่วนตัว แบบ exclusive รับประกันความสนุกและความตื่นเต้นจะเต็มพื้นที่ตลอดทั้งงาน!

               พบกันวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ สนามบินเบสโอเชี่ยน จ.สมุทรสาคร บัตรเข้างาน ราคา 599 บาท ให้คุณได้สนุกสุดเหวี่ยงแบบสบายกระเป๋า! สำหรับใครที่อยากได้ความพิเศษสุดๆ เรามี บัตร VIP ราคา 8,000 บาท (สำหรับ 4 ท่าน) มาพร้อมกับสิทธิพิเศษสุดพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งโซน VIP, ที่จอดรถ VIP, ห้องน้ำติดแอร์เฉพาะโซน VIP

               อาหารจัดเต็มกว่า 60 ร้าน ให้คุณอิ่มจุใจ และที่จอดรถรองรับได้ถึง 5,000 คัน สะดวกสบายไปสุดๆ นอกจากดนตรีสุดมันส์และร้านอาหารแบบจัดเต็ม งานนี้ยังเป็นเทศกาลลอยกระทงที่คุณจะได้ลอยกระทงไปพร้อมกับเพื่อนและคนรู้ใจแบบสุดพิเศษไม่เหมือนใคร! รีบซื้อบัตรแล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในครั้งนี้!

               งานนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ลีโอ, ยาดมพาสเทล, และ น้ำดื่ม Co2 ที่จะทำให้งานนี้กลายเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม! หลังจบคอนเสิร์ตแล้วยังมี After party สุดมันส์ จากDJ ชื่อดัง

               แล้วเจอกันในงาน!

               ซื้อบัตรได้ที่ ticket.eventpass.co

#คิงแคสเตอร์ #Kingkastermusicfest #KingKasterFestival2024 #MusicFestivalThailand #ปาล์มมี่ #วงค็อกเทล #ก้องห้วยไร่ #เจ้านาย #paperplanes #yesindeedband








Pages: 1 2 [3] 4 5 ... 2307