Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 518 519 [520] 521 522 ... 2404
7786
MIS – C อาการในเด็กหลังหายจาก COVID - 19


                 ภาวะมิสซี MIS-C หรืออาการอักเสบในหลายระบบอย่างรุนแรง เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 21 ปี ที่รักษา COVID-19 หายแล้ว ซึ่งมีอาการคล้ายกับโรคคาวาซากิเป็นอย่างมาก และหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้อวัยวะล้มเหลวถึงขั้นเสียชีวิตได้ สำหรับผู้ปกครองแล้ว การรู้สาเหตุและอาการเบื้องต้น จะสามารถช่วยเฝ้าระวังและช่วยให้บุตรหลานได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที​


                 นพ.พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์ สาขาโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ​ กล่าวว่า MIS-C หรือ Multisystem Inflammatory Syndrome in Children คือภาวะที่มีอาการอักเสบของอวัยวะหลายระบบในร่างกาย เช่น ปอด ไต สมอง ผิวหนัง ตา ทางเดินอาหาร หัวใจและหลอดเลือด และยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดภาวะนี้  แต่จะมีอาการเกิดขึ้นหลังหายจากการติดเชื้อ COVID - 19 แล้ว เป็นภาวะที่พบไม่บ่อย และในบางคนไม่มีอาการแสดงหรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย อาจเริ่มมีอาการได้ ตั้งแต่ระยะที่กำลังจะหายจากโรค หรือ ตามหลังการติดเชื้อประมาณ 2-6 สัปดาห์ มักจะพบในประเทศยุโรป อเมริกาและอินเดีย สำหรับประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยที่เกิดภาวะนี้ เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง โดยมีอาการที่คล้ายกับโรคคาวาซากิ (Kawasaki disease) เป็นอย่างมาก แต่ภาวะ MIS-C มักพบในเด็กโต อายุเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งต่างจากโรคคาวาซากิที่จะพบในเด็กเล็กมากกว่า โดยอาการจะแสดงในหลายระบบร่วมกันคล้ายกับโรคคาวาซากิ คือ มีไข้ ตาแดง มือ เท้าบวมแดง ปากแดง แห้ง แตก ต่อมน้ำเหลืองโต และมีอาการในระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือ อาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ และอาการคล้ายไส้ติ่งอักเสบ ทางระบบประสาท คือ ปวดศีรษะ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เมื่อเปรียบเทียบกับโรคคาวาซากิแล้ว ผู้ป่วย MIS-C มักจะมีอาการของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ บางรายพบระบบหมุนเวียนโลหิตล้มเหลว การทำงานของหัวใจบกพร่อง ไตวายเฉียบพลัน ทำให้มีโอกาสเกิดภาวะช็อกและมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น


                 แพทย์จะทำการวินิจฉัย เพื่อตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการ MIS-C เช่น การตรวจภาพรังสีปอด ตรวจภาพรังสีช่องท้อง การตรวจระบบประสาทและตรวจการทำงานหัวใจ การรักษาโรคต้องอาศัยทีมแพทย์สหสาขา ได้แก่ สาขาโรคติดเชื้อ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤติ และอื่นๆ ร่วมวางแผนและรักษาด้วยการลดการอักเสบและป้องกันภาวะแทรกซ้อนระยะยาวในระบบที่เกิดการอักเสบโดยเฉพาะหัวใจและหลอดเลือด ทั้งการรักษาแบบประคับประคองและการให้ยากลุ่มต้านอาการอักเสบ โดยสามารถรักษาและกลับมาหายเป็นปกติได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละราย แม้ในปัจจุบันจะยังไม่สามารถทราบสาเหตุการเกิดภาวะนี้ แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ COVID-19 ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อจึงเป็นวิธีที่ดีสุด คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยไม่ควรพาเด็กไปในที่ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ รักษาสุขอนามัยและความสะอาดให้กับลูกน้อยเสมอ สำหรับเด็กโตควรสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้บ่อย เว้นระยะห่าง เลี่ยงการไปในที่แออัด ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ควรได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19

                 เนื่องจากเด็กที่มีอาการของ MIS-C เกิดขึ้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลงได้อย่างรวดเร็วทุกเวลา และอาจส่งผลให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้นหากสงสัยว่าบุตรหลานของท่านเกิดภาวะนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อการวินิจฉัย และได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่​ ศูนย์กุมารเวช รพ.กรุงเทพ​ โทร.1719  หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital

7787
ใช้หูดูแลใจ กลุ่มโค้ชอาสามืออาชีพพร้อมฟังด้วยหูเพื่อเติมพลังใจ
เดินเคียงข้างฝ่าวิกฤตด้วยการรับฟัง


กรุงเทพฯ (16 พฤศจิกายน 2564) – เมื่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพกายเท่านั้น แต่สุขภาพใจของผู้คนล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนักหนาไม่ต่างกัน กลุ่มโค้ชจิตอาสาภายใต้ชื่อกลุ่ม “ดูแลใจ” จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการ ‘ฟัง’ เพื่อให้ทุกคนที่สูญเสียรู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ลำพัง​ สุขภาพจิตของผู้คนในปัจจุบันถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนไม่แพ้ปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตโรคระบาด โดยกรุงเทพโพลล์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,159 คน จากทั่วประเทศ เรื่อง "สุขภาพจิตคนไทยวันนี้เป็นอย่างไร" พบว่า เรื่องที่ทำให้สุขภาพจิตแย่มากที่สุดในปีนี้ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 51.6 กลัวโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ รองลงมา ร้อยละ 44.9 กลัวติดโควิด-19 ร้อยละ 43.1 รายได้ไม่พอจ่าย เป็นหนี้เป็นสิน และร้อยละ 31.7 ปัญหาการศึกษา

นอกจากนี้คำกล่าวที่ว่า ‘ทุกคนล้วนสูญเสีย’ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินเลย หลายคนสูญเสียงานประจำ หลายคนสูญเสียธุรกิจ หลายคนสูญเสียโอกาสในชีวิต และหลายคนสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทุกความสูญเสียต้องการ ‘การรับฟัง’ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ที่กำลังประสบกับความสูญเสียได้เข้าใจ เรียนรู้ และเติบโตจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง

กลุ่มโค้ชจิตอาสาที่ผ่านการอบรมจากอาจารย์จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงได้รวมตัวกันภายใต้ชื่อกลุ่ม “ดูแลใจ” เพื่อเป็นส่วนเล็ก ๆ ในการรับฟังและเติมพลังใจให้ผู้คนได้ลุกขึ้นอีกครั้งจากความสูญเสีย โดยการรวมตัวครั้งนี้เป็นการสร้างพื้นที่รับฟังดูแลใจที่ไม่แสวงหาผลกำไร ด้วยการสนับสนุนจาก Peaceful Death ธนาคารจิตอาสา สมาคมพัฒนาศักยภาพมนุษย์และจิตบำบัดแนวซาเทียร์ 🧡ความสุขประเทศไทย และศูนย์จิตตปัญญาศึกษา โดยกลุ่มโค้ชจิตอาสามืออาชีพกว่า 20 คนที่มีทักษะในการดูแลใจผู้สูญเสียจะพร้อมรับฟังทุกเรื่องราว ทุกความผิดหวัง และทุกความเจ็บปวด เพื่อเป็นก้าวแรกในการข้ามผ่านความสูญเสีย พร้อมเป็นพลังที่จะผลักดันให้สังคมก้าวต่อไปข้างหน้าบนพื้นฐานของความเข้าใจและความเห็นใจ

หนึ่งในผู้ที่ได้รับการดูแลใจเล่าถึงประสบการณ์ในการพูดคุยกับโค้ชว่า “ในหลายครั้งที่เผชิญปัญหา เราอาจต้องการแค่คนที่จะมารับฟังเราอย่างเข้าใจและไม่ตัดสิน จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญคือเมื่อเราได้สื่อสารปัญหานั้นออกมา เพราะการได้บอกเล่าถึงปัญหาทำให้เราได้ขบคิดและได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของปัญหาที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน การพูดคุยกับโค้ชเป็นเหมือนการมีเพื่อนที่เต็มไปด้วยพลังบวกมานั่งรับฟังและจับมือเราให้ก้าวข้ามความสูญเสีย”

ถ้าคุณต้องการคนรับฟัง หรือรู้จักคนที่ต้องการคนรับฟัง ลงทะเบียนเพื่อทำนัดได้แล้ววันนี้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่​ https://line.me/R/ti/p/%40674otzlu  (เวลาทำการ 09.00-18.00 น.) และทางเราจะติดต่ออกลับเพื่อพูดคุยผ่าน Zoom หรือ LINE Call โดยเร็วที่สุด สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://doolaejai.com/ และ Facebook เพียงค้นหาคำว่า ‘ดูแลใจ-doolaejai’ หรือที่ลิงก์​ https://www.facebook.com/ดูแลใจ-Doolaejai-108183474999480 และพวกเราจะใช้หูเพื่อดูแลใจของคุณ

หมายเหตุ:

ทุกสายและทุกเรื่องราวจะถูกเก็บเป็นความลับ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยและการรับฟังอย่างไม่ตัดสินสำหรับทุกคน

ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการทางจิตเวช ไม่สามารถทดแทนการพบแพทย์ได้ เนื่องจากเป็นบริการรับฟังดูแลใจเบื้องต้นเท่านั้น

7788
“สายป่าน อภิญญา – มาวิน ทวีผล” พร้อมเสิร์ฟความรักแสนอร่อยอีกครั้ง
กับซีรีส์ “Let’s Eat รักล้นพุง” ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 เริ่ม 4 ธันวาคมนี้ เป็นตอนแรก


               ซีรีส์เกาหลีสุดฮิตที่เพิ่งจบไปไม่นานอย่าง “Let’s  Eat รักล้นพุง” ซึ่งออกฉายทาง Netflix ก็เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่แฟน ๆ ต่างพูดถึงเป็นอย่างมากในสื่อโซเชียลถึงความสนุกสุดฟินของซีรีส์ดังเวอร์ชั่นไทย และอยากให้กลับมาฉายให้ชมฟรีทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24  ซึ่งซีรีส์ไม่ได้มีแค่ความสนุกเท่านั้น “Let’s Eat รักล้นพุง” จะบอกเล่าเรื่องราวของเมนูอาหารอันโอชะที่เราเห็นแล้วอาจจะน้ำลายสอตามไปด้วย ผ่านตัวละครหลัก​ เหมียว (สายป่าน อภิญญา) หญิงสาวผู้โปรดปรานการทานอาหารเป็นชีวิตจิตใจ แต่กลัวอ้วน และ ทอย ธนากร (มาวิน ทวีผล) หนุ่มขายประกันที่ชอบทานอาหารเหมือนกัน  แถมยังเป็นนักรีวิวอาหารตัวยงซะด้วย และเมื่อวันที่ทอยต้องย้ายมาพักอยู่ “ผาสุกวิลล่า” เขาได้พบกับ “เหมียว” เจ้าของฉายา “สุกร” เพื่อนสมัยสมัยประถมที่เมื่อก่อนเคยอ้วนเหมือนหมู และเคยถูกเขาทำให้เสียใจ เรียกว่าเข้ามาอยู่วันแรกงานก็เข้าอย่างจัง




               ทอยจึงพยายามแก้ไขสถานการณ์ และผูกมิตรกับคนในวิลล่าอย่าง​ เจ๊รัน (รัดเกล้า อามระดิษ) , กันดั้ม (พุทธิพงศ์ น้อยพานิช) และ​ อาม่า (พิศมัย วิไลศักดิ์)  ด้วยการชวนไปทานอาหารด้วยกัน  แต่ทว่าเหมียวกลับตั้งป้อมเป็นศัตรูเขาอย่างเห็นได้ชัด ทอยจึงหาทางเอาชนะใจเหมียว ด้วยการป็นกาวใจให้เหมียวได้คบกับผู้ชายที่เธอแอบเล็งไว้ นั่นก็คือ ปานเทพ (ณัฐ ศักดาทร) หนุ่มรูปหล่อ บ้านรวย โปรไฟล์เลิศ โดยแลกกับการที่เหมียวแนะนำเพื่อนที่บริษัทมาซื้อประกัน ทอยพาเหมียวไปทานอาหารอร่อยทุกมื้อ และทุกครั้งเขาก็จะทะเลาะเรื่องวิธีการกิน จนเกิดเป็นความสัมพันธ์และสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับคนรอบตัว ห้ามพลาดความฟินแบบจุกๆสุดอิ่มไปกับซีรีส์ “Let’s  Eat รักล้นพุง” ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 14.55 น ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง​ https://true4u.com/liveเริ่ม 4 ธันวาคมนี้ เป็นตอนแรก








7789
ยอดครู “ปู-พงษ์สิทธิ์”
ทำให้มี “BLACKHEAD” ในวันนี้!!




               กว่าจะประสบความสำเร็จในเส้นทางดนตรีมายาวนานกว่า 25 ปี น้อยคนนักที่จะรู้ว่ากว่าที่ศิลปินร็อคในตำนาน​ BLACKHEAD จะรวมตัวกันทำอัลบั้มแรกจนเป็นที่รู้จัก และโด่งดังมาจนถึงวันนี้นั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังและให้โอกาสทำเพลง นั่นคือสุดยอดตำนานเพลงเพื่อชีวิต​ ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ เริ่มจากการที่ ปู BLACKHEAD และวงได้นำเดโมเพลงไปนำเสนอค่ายเอ็มสแควร์  ซึ่งปู-พงษ์สิทธิ์ ดูแลค่ายเพลงอยูพอดี เป็นจุดเริ่มต้นที่ได้เจอกัน ซึ่งปู-พงษ์สิทธิ์ ชื่นชอบในงานเพลงของวง และเปิดโอกาสให้วงกล้าที่จะทำ รวมทั้งให้คำแนะนำแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำเพลงกันมาจนได้ออกอัลบั้มแรกในนามวง BLACKHEAD นอกจากนี้ ปู-พงษ์สิทธิ์ ยังได้สอนวิธีคิดต่างๆ เวลาไปออกสนามในการขึ้นเวทีร้องเพลง ซึ่ง ปู BLACKHEAD ได้บอกไว้ว่าการได้เป็นศิลปิน นอกจากความสามารถและพรสรรค์แล้ว การได้รับโอกาสเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คำสอนของปู-พงษ์สิทธิ์ ไม่ได้เน้นในเรื่องของการบอกเป็นคำสอน แต่จะเป็นเรื่องของการปฏิบัติมากกว่า ซึ่งสิ่งที่ ปู BLACKHEAD ได้รับมาก็นำมาส่งต่อให้กับน้องๆ รุ่นต่อไปเหมือนกับวง BLACKHEAD ได้รับโอกาสที่ดีจาก ปู-พงษ์สิทธิ์ มาเช่นกัน...






7790
มาคาเลียส เตือนนักท่องเที่ยว
ช้อปวอเชอร์ออนไลน์ต้องระวัง เสียเงินแต่ไม่ได้เที่ยว


                 มาคาเลียส (Makalius) สตาร์ทอัพธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย เตือนช่วงไฮซีซั่นท่องเที่ยวไทย มิจฉาชีพเริ่มระบาดหนักกว่าไวรัสโควิด-19 แฝงตัวเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ทราเวลแพลตฟอร์ม หลอกขายวอเชอร์ที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร สูญเงินนับแสน วอนนักท่องเที่ยวต้องสละเวลาตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ อย่าหลงของถูกเพราะอันตรายแอบแฝงจะเสียเงินแต่ไม่ได้เที่ยว


                 นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด (Makalius) กล่าวว่า "ภายหลังจากรัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ อนุญาติให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัว และคาดว่าในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประกอบกับการผ่อนปรนมาตรการความปลอดภัยเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาล จะทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมามีความคึกคักอีกครั้ง ทางด้านผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวทั้ง โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และบริษัทตัวแทนจัดการด้านการท่องเที่ยว (Travel Agency) จึงได้เตรียมแผนการตลาดพร้อมโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งการลดราคา การจัดแพคเกจสุดพิเศษ

                 อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเป็นกังวลนอกเหนือจากการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 คือ การแพร่ระบาดของกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยช่วงเวลาดังกล่าว แฝงตัวมาในรูปแบบผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวโดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ เปิดจำหน่ายแพคเกจทัวร์ปลอม ห้องพักปลอม และอีกหลากหลายรูปแบบ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากแต่ไม่ได้ท่องเที่ยว ดังนั้น มาคาเลียส สตาร์ทอัพธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย จึงอยากเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังตัวเป็นพิเศษ และเพิ่มความรอบครอบในการสั่งซื้อหรือจองวอเชอร์ห้องพักผ่านช่องทางออนไลน์

                 “เบื้องต้นนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อหรือสั่งจองวอเชอร์ท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จำเป็นต้องสละเวลาตรวจสอบรายละเอียด ดังนี้​ “ผู้ให้บริการ” หรือเจ้าของเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ โดยพิจารณาง่ายๆ คือ ต้องจดทะเบียนในรูปแบบบริษัท เพราะการจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทถือว่าผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานของภาครัฐมาแล้วในระดับหนึ่ง จากนั้นตรวจเช็คในเว็บไซต์ค้นหาข้อมูล ดูรายละเอียดต่างๆ เช่น ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อที่มีความน่าเชื่อถือ คอมเมนต์จากลูกค้า การรีวิวจากกลุ่มคนในโลกออนไลน์ เป็นต้น  ต่อมาคือ “ราคา” ถือเป็นเรื่องสำคัญที่นักท่องเที่ยวจะโดนตกเอาง่ายๆ ด้วยการตั้งราคาที่ถูกกว่าเจ้าตลาดทั่วไป ดังนั้นควรพิจารณาความสมเหตุสมผลของราคาจากคุณภาพของห้องพัก สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับ และทำการเปรียบเทียบจากผู้ให้บริการเจ้าอื่นควบคู่กันไป เพราะในความเป็นจริงราคาห้องพักในแต่ละผู้ให้บริการจะไม่ต่างกันมากนัก “เงื่อนไขวอเชอร์” ก่อนการตัดสินใจซื้อทุกครั้งต้องศึกษาเงื่อนไขอย่างละเอียด ถ้ามีจุดไหนไม่เข้าใจหรือมีข้อสงสัย ควรทำการสอบถามเจ้าของผู้ให้บริการทันที และเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ควร “รีเช็ค” คือการไปสอบถามตรงกับโรงแรมหรือร้านค้า ที่จะนำวอเชอร์ไปใช้บริการว่าบริษัทตัวแทนที่จำหน่ายวอเชอร์มานั้นมีตัวตนจริงและเป็นพันธมิตรกับทางโรงแรม ร้านค้านั้นหรือไม่ สุดท้ายคือ​ “การชำระเงิน” ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ช่องทางการชำระเงินจะต้องเป็นการชำระตรงกับบัญชีบริษัทเท่านั้น อย่าเผลอชำระเข้าบัญชีบุคคลธรรมดาเด็ดขาด

                 นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “ในช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ถือเป็นช่วงสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยบอบช้ำกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาอย่างสาหัส ดังนั้นผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวต้องอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวนี้สร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ดีให้กับลูกค้า ไม่เน้นการกอบโกยผลประโยชน์ และนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องสร้างเกราะป้องกันตัวเอง เพื่อให้ปลอดภัยทั้งทางด้านสุขอนามัยและไม่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพฉกฉวยโอกาสในช่วงเวลานี้”

7791
‘เดทตอล’ ชวนเที่ยวปลายปี เปิดลิสต์เช็คอินพร้อมแนะไอเท็มให้คนไทยกล้าออกไปใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและมั่นใจ
 พร้อมโปรส่งท้ายในมหกรรม Shopee 12.12 Birthday Sale


นอกจากที่หลายคนจะเริ่มกลับไปทำงานตามปกติที่ออฟฟิศแล้ว ในช่วงเทศกาลปลายปีเช่นนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะสำหรับการให้รางวัลกับตนเอง หรือใช้วันลาพักร้อนที่กักเก็บมาในช่วงล็อกดาวตลอดทั้งปี ปลดปล่อยและผ่อนคลายจากภาระงานความเครียดที่สะสมมานาน ด้วยการออกไปใช้ชีวิตทำกิจกรรมโปรดนอกบ้าน

‘เดทตอล’ ผู้นำผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อระดับโลก จึงขอเป็นตัวแทนเปิดลิสต์ 5 กิจกรรมยอดนิยมที่คนไทยอยากทำ และเก็บกดมาตลอดทั้งปี พร้อมทิปส์เสริมความมั่นใจให้กล้าออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านอย่างปลอดภัยห่างไกลจากเชื่อโรคมาฝากอีกด้วย ลองดูกันว่ามีลิสต์ไหนที่ตรงใจบ้าง


เก็บเป๋าเข้าป่า หรือเฮฮาริมทะเล
ล่มมาทั้งปี สิ้นปีนี้ทริปเราจะไม่ล่ม! หลายๆ แก๊งแพลนโปรแกรมเที่ยวไว้ตั้งแต่ต้นปี แต่ล่มแล้วล่มอีก เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเพราะพิษโควิดแต่หลังจากเปิดประเทศคราวนี้ยังไงก็ต้องได้ไปกอดภูเขา หรือดูทะเล เช็คอินอย่างที่ตั้งใจไว้ให้ได้ ซึ่งประเทศไทยของเราแน่นอนว่าภูเขาและทะเลคือลิสต์ยอดฮิตอันดับหนึ่งที่ต้องอยู่ในแพลนอย่างแน่นอน


หมูกระทะเยียวยาทุกสิ่ง
ลิสต์กิจกรรมอันดับที่สอง เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมสังสรรค์ที่เหล่าแก๊งเพื่อนเฝ้ารอคอย ก็คือปาร์ตี้หมูกระทะ ที่เป็นเหมือนกิจกรรมรวมพลของแก๊งสายกิน ซึ่งหมูกระทะถือเป็นมื้ออาหารที่จะได้มาพบปะพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบถึงเรื่องราวตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ยิ่งถ้านัดไปจัดปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนคนใดคนหนึ่งแล้วล่ะก็ จะเป็นกิจกรรมเข้าครัวที่สนุกสนานอย่างแน่นอน เตรียมตัวนัดเพื่อนให้พร้อม คลายล็อกแล้วพุ่งตัวทันที


Cafe hopping
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำได้ง่ายสำหรับสายครีเอเตอร์บนโซเชียล ที่โหยหากาแฟรสชาติดี ขนมอร่อยๆ และบรรยากาศสวยๆ ในคาเฟ่​ ซึ่งปัจจุบันก็มีคาเฟ่เปิดใหม่ให้ชาว Cafe hopping ได้วิ่งเช็คอินคอยอัปเดตภาพกาแฟ และอาหารชวนหิวกันอย่างไม่มีเบื่อไม่ว่าจะออกต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็ตาม ถึงเวลาไปปักหมุด ลงสตอรี่ให้แน่นๆ กันแล้วจ้า


คิดถึงโรงหนัง
อีกหนึ่งลิสต์ที่ต่างโหยหากันมานานมาก นั้นก็คือการดูหนังจอยักษ์ สำหรับสายเอน(เตอร์เทน) ที่ต้องดูหนังผ่านสตรีมมิ่งที่บ้านมาเกือบทั้งปี แต่วันนี้โรงภาพยนต์เปิดแล้วทั้งทีก็ต้องชวนเพื่อน หรือแฟนไปเปลี่ยนบรรยากาศซะหน่อย


ร่างกายต้องการแรงปะทะ
ทำงานหลังขดหลังแข็งที่บ้านมานาน ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายต้องการพักผ่อน ถึงเวลาให้รางวัลกับตัวเอง ด้วยการพาร่างกายไปผ่อนคลายปะทะแรงมือที่สปา ซึ่งการนวดถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการพักผ่อน ที่สามารถช่วยลดความตึงเครียดที่ต้องเผชิญในทุกวันไม่ว่าจากการทำงาน หรือสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจด้วย

นี่ก็คือ 5 ลิสต์กิจกรรมที่ผู้คนโหยหามากที่สุด แต่ถึงแม้ว่าได้ออกมาใช้เวลานอกบ้านกันมากขึ้น ความปลอดภัยของตัวเราเองและคนรอบข้างก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนอกจากจะมาชี้เป้ากิจกรรมกันแล้ว ‘เดทตอล’ มาบอกทิปส์เสริมความมั่นใจ เพื่อให้กล้าออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านอย่างปลอดภัยห่างไกลจากเชื่อโรคมาฝากอีกด้วย

⦁ ถึงมาตรการจะผ่อน แต่การ์ดต้องห้ามตก แม้ว่าจะเป็นช่วงเทศกาลที่ผู้คนต้องการออกมาใช้เวลากับเพื่อนฝูง แต่ก็ยังต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ไม่ดึงลงมาไว้ใต้คาง และสวมตลอดเวลาเมื่อออกนอกบ้าน นอกจากนี้ยังต้องรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด และพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และไม่มีอากาศถ่ายเทให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

⦁ ทำความสะอาดมือ และพื้นผิวสัมผัสอย่างสม่ำเสมอ การล้างมือด้วยสบู่เป็นประจำ เป็นเรื่องที่ควรทำให้ติดเป็นนิสัย และเมื่อออกไปข้างนอก ล้างมือด้วยเจลล้างมืออยู่บ่อย ๆ หลังจากสัมผัสกับพื้นผิวต่าง ๆ ด้วยเจลล้างมือที่ต้องมีติดกระเป๋าไว้เสมอ

⦁ อย่าประมาทเมื่อกลับถึงบ้าน นอกจากจะต้องรีบล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือทำความสะอาดร่างกายให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังควรหมั่นทำความสะอาดพื้นผิวที่มือของเราสัมผัสบ่อย ๆ แต่อาจะมองข้ามไป เช่น ลูกบิดและขอบประตู ขอบหน้าต่าง สวิตช์ไฟ หรือแม้กระทั่งก๊อกน้ำ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย สเปรย์ฆ่าเชื้อโรค หรือน้ำยาทำความสะอาด



และเพื่อปกป้องสุขอนามัยของตัวเองและคนที่เรารักได้อย่างคุ้มค่าและสะดวกสบาย ‘เดทตอล’ ยังจัดแคมเปญพิเศษ ต้อนรับช่วงเทศกาลปลายปี ด้วยโปรโมชันพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ - 12 ธันวาคม 2564 เตรียมให้เหล่าขาเที่ยวได้พกพาไอเท็มทำความสะอาดติดตัวไปได้ตลอด ในมหกรรม Shopee 12.12 Birthday Sale นี้ พบกับเซ็ทสินค้าพิเศษ MUSE by Dettol เครื่องปล่อยโฟมล้างมืออัตโนมัติ ที่การันตีแล้วว่าดีด้วยยอดขายอันดับ 1 จากร้านค้าออนไลน์ในญี่ปุ่น พร้อมช้อปเดทตอลให้คุ้มไปกับโปรตรึง ดึงราคาเหลือแค่ครึ่งเดียว ลดสูงสุด 50% และโค้ดส่วนลดเพิ่มสูงสุด 2,500 บาท พร้อมรับสิทธิประโยชน์ความคุ้มค่าอีกคับคั่งเมื่อชำระเงินผ่าน ShopeePay และฟรี! ของแถมตั้งแต่ชิ้นแรกที่ซื้อ ไม่มีขั้นต่ำ ที่จะมาแจกกันรัวๆ มูลค่ากว่า 500,000 บาท ตลอดทั้งแคมเปญ ยังไม่หมดเท่านี้ นักช้อปที่ยืนหนึ่งขึ้นแท่น Top Spender รับทันทีเครื่องล้างจาน Bosch มูลค่า 33,900 บาท

ออกไปเที่ยวสร้างความสุขให้กับตัวเองแล้วก็อย่าลืมที่จะ ปกป้องสุขอนามัยที่ดี เพื่อออกไปใช้ชีวิตอย่างอิสระและปลอดภัย และอย่างลืมพกตัวช่วยผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยและฆ่าเชื้อของเดทตอลไปด้วย กดติดตามเพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและโปรโมชันดี ๆ จากร้าน Dettol & Reckitt Home Official บน Shopee Mall ได้ที่​
https://shopee.co.th/dettol_officialstore

7792
Kept by krungsri ประกาศความสำเร็จครบรอบ 1 ปี ผู้ใช้งานถึง 2.2 แสนคน
ตอกย้ำนวัตกรรมการเงิน ช่วยคนไทยให้ออมได้จริง


กรุงเทพฯ (30 พฤศจิกายน 2564) -- Kept by krungsri นวัตกรรมบริหารเงินแพลตฟอร์มใหม่ ที่ทำให้การออมเงินเป็นเรื่องง่าย สนุกและสำเร็จได้จริง เดินเครื่องครบรอบ 1 ปี เติบโตเกินคาด มีจำนวนผู้ใช้งานมากถึง 220,000 คน ด้วยกว่า 500,000 บัญชี มั่นใจช่วยคนรุ่นใหม่เก็บเงินได้อย่างเป็นระบบ สร้างวินัยการออมอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าพัฒนาการออมรูปแบบใหม่ๆ ด้วยบัญชี (กระปุก) “Together Savings” บริหารเงินง่ายแบ่งเก็บตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ทั้งใช้เองคนเดียวก็ได้หรือใช้กับคนใกล้ตัวก็ดีด้วยกระปุกเดียวกัน ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสร้างคน Gen Kept ให้ถึง 1 ล้านคนภายในปี 2567 เพิ่มความหลากหลายของฟีเจอร์เพื่อการออม และต่อยอดสู่การบริหารเงินเพื่อความมั่งคั่ง


นางสาวดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า​ “กว่า 1 ปีที่ผ่านมา Kept by krungsri ได้เปิดให้บริการกับลูกค้าโดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ช่วยการออมเงินของทุกคน เพื่อให้การออมเป็นไปได้จริงและสำเร็จตามเป้าหมาย จำนวนของลูกค้าที่เข้าใช้งาน Kept เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน Kept มากถึง  220,000 คน โดยใน 80% ของผู้ใช้งานเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น Gen Y และ Gen Z และด้วยรูปแบบการออมเงินบน Kept ตามแนวคิด 1 กระเป๋า หลายกระปุก ที่ให้ลูกค้าตั้งเป้าหมายการออมได้ ใช้งานง่าย มีลูกเล่น และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การเก็บออมเงินหลากหลาย ด้วยกระปุกหลายประเภทที่มีให้ภายในแอป จึงทำให้จำนวนบัญชีที่เปิดในปีที่ผ่านมา มีมากกว่า 500,000 บัญชี นอกจากนั้น ในปีนี้ยังมีจำนวนการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เพิ่งเริ่มเปิดตัวแพลตฟอร์มให้ใช้งาน สะท้อนว่าผู้ใช้มีความคุ้นเคยผูกพันกับ Kept มากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินออมที่ตั้งไว้”


Kept มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) Kept จึงใส่ใจและให้ความสำคัญกับการออกแบบในทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง โดยจุดเด่นที่สุดที่ถือเป็นกุญแจความสำเร็จของ Kept คือ ฟีเจอร์การใช้งานที่สะดวก ใช้งานง่าย และเต็มไปด้วยความสนุก ไม่ว่าจะเป็น กระปุก Grow ที่ให้ดอกเบี้ยสูง และลูกค้าสามารถดูดอกเบี้ยได้ทุกวันเป็นแรงบันดาลใจให้เก็บออมเพื่อให้เงินงอกเงย กระปุก Fun ที่มีลูกเล่นแอบเก็บเงินทุกครั้งที่ใช้จ่าย และสามารถสั่งเก็บเงินได้ให้เป็นอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Kept ที่ช่วยตอบโจทย์คนเก็บเงินไม่เก่งได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีแคมเปญสนุกที่เปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ แคมเปญชวนเพื่อน แคมเปญเปิดกระปุก ทำภารกิจการออมต่างๆ เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้ Kept เป็นแอปฯ บริหารเงินออมที่ตรงใจคนรุ่นใหม่


ในด้านพฤติกรรมลูกค้า Kept พบว่า กว่า 70% ของเงินที่ Gen Z เก็บได้มาจากกระปุก Fun ซึ่งเป็นการแอบเก็บแบบอัตโนมัติ ขณะที่กลุ่ม Gen Y มักจะเก็บเงินเข้ากระปุก Grow และมีผลงอกเงยจากดอกเบี้ยมาก จากข้อมูลลูกค้ากลุ่มนี้พบว่า 30% ของลูกค้าลูกค้าที่เก็บเงินเข้า Grow นั้น ไม่เคยถอนเงินออกมาใช้เลย สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของผู้ที่ใช้งาน Kept ในการเก็บออมเงิน

ความสำเร็จและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เป็นแรงผลักดันทำให้ Kept มุ่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด และสอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการใช้งานของลูกค้า ล่าสุดได้เปิดตัวบัญชีใหม่ ภายใต้ชื่อ Together savings หรือกระปุก Together เป็นกระปุกที่ดีไซน์ฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์การเก็บออมเงินแบบมีเป้าหมายจะเก็บคนเดียว หรือจะเป็นกลุ่ม กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก ก็สามารถทำได้ โดยทุกคนในกลุ่มสามารถดูยอดเงินในกระปุก มองเห็นการเข้าออกของเงินร่วมกัน และยังสามารถใส่ Note เมื่อทำรายการเพื่อช่วยให้รู้ว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง หรือได้เงินเพิ่มเข้ามาจากอะไร และจะมีการแจ้งเตือนไปยังสมาชิกเมื่อมีเงินออกทุกครั้ง ทั้งนี้ กระปุก Together ไม่ใช่บัญชีร่วม แต่เปิดให้คนสนิทเข้ามามีส่วนร่วมดูและเก็บออมร่วมกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่ากระปุก Together นี้ จะทำให้เป้าหมายและอนาคตในการเก็บเงินร่วมกันชัดเจนขึ้นสำหรับทุกคน มีการออกแบบหน้าจอที่เข้าใจง่าย และสามารถใส่รูป ใส่ชื่อกระปุกตามที่ต้องการได้อีกด้วย โดยคนที่ชวนเข้ามาดูกระปุก Together แค่มีแอป Kept เหมือนกัน ก็สามารถมาดูและเก็บด้วยกันได้ สำหรับลูกค้าใหม่ที่สนใจสมัครใช้บริการแอป ปัจจุบัน Kept มีแคมเปญพิเศษ เพียงสมัครแอป Kept พร้อมโอนเงินเข้ามาขั้นต่ำ 1,000 บาท จำนวน 1 รายการและเปิดกระปุก Fun ให้สำเร็จภายใน 14 วัน จะได้รับโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ม.ค. 2565 และยังมีแคมเปญอื่นๆ ให้ติดตามได้ที่​ www.keptbykrungsri.com

“Kept by krungsri ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเราคือ นวัตกรรมบริหารเงินออมที่เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าสไตล์การเก็บเงินจะเป็นแบบไหน Kept สามารถช่วยให้ง่ายและเป็นไปได้จริง สำหรับก้าวต่อไปของ Kept เราจะยังคงสนับสนุนคนไทยให้เก็บออมอย่างเป็นระบบ โดยตั้งเป้าจะมีจำนวนผู้ใช้งานที่ 1 ล้านคน ภายในปี 2567 ควบคู่ไปกับการสร้างนวัตกรรมการบริหารเงิน ต่อยอดสู่ความมั่งคั่งและมั่นคงในระยะยาว” นางสาวดมิศา กล่าวสรุป

###

เกี่ยวกับกรุงศรี
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในหกสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 76 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 652 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 613 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 32,532 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 9.6 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย

กรุงศรีมีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น


เกี่ยวกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)
มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานราว 2,500 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 170,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน  MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MUFG กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english

7793
เปิดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38”


                ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน อภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนนทบุรี นพ. รุ่งฤทัย มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี พอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด พร้อมผู้อุปถัมภ์งานอย่างเป็นทางการร่วมพิธีเปิดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38" ณ ห้องรอยัล จูบิลี IMPACT เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

ลำดับบุคคลในภาพ จากซ้าย ไปขวา

1.ดร. ภาวัต  กัลล์ประวิทธ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด
2.มาโนชญ์  ฤกษ์ศิระทัย ผู้จัดการแผนกการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
3.สุรเชษฐ์  อัศวเรืองอนันต์    รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
4.ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38”
5.อภิชัย  อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนนทบุรี
6.รัศมี พณิชยานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ธุรกิจทรูวิชั่นส์ บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด
7.นพ. รุ่งฤทัย  มวลประสิทธิ์พร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี
8.พอลล์  กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด

7794
ชมงาน “MOTOR EXPO” สบายใจ ห่างไกลโควิด


                 งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” จัดงานภายใต้แนวคิด “มหกรรมสุขสันต์คนรักยานยนต์-TIME to ENJOY!” โดยได้นำมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบ Universal Prevention มาใช้ป้องกันการระบาดของ COVID-19 โดยผู้ชมงานต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม หรือผ่านการตรวจ RT-PCR หรือ ATK ภายใน 72 ชั่วโมง มิเช่นนั้นต้องรับการตรวจ ATK หน้างาน โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 99 บาท/ท่าน เท่านั้น

                 “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2564 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่​ www.motorexpo.co.th

7795
“Bad and Crazy” ปล่อยตัวอย่างใหม่ แอ็คชั่น มันส์ ฮา
ส่อแววเคมีชวนจิ้นของสองนักแสดง “อีดงอุค” และ “วีฮาจุน”




                 iQiyi (อ้ายฉีอี้) ปล่อยเทรลเลอร์ใหม่ แอ็คชั่น มันส์ ฮา กับฉากปะทะบทบาทสุดฟินได้ใจแฟนๆ ของสองนักแสดงนำสุดฮอต “อีดงอุค” จาก Goblin และ Tale of the Nine Tailed และ “วีฮาจุน” จาก Squid Game,18 Again และ Something in the Rain กับการพบกันครั้งแรกใน “Bad and Crazy” ออริจินัลซีรีส์เกาหลีสุดเดือด โดยฝีมือจากทีมงานผู้สร้างซีรีส์ “The Uncanny Counter” พร้อมส่งท้ายปลายปีอย่างยิ่งใหญ่ ในเดือนธันวาคมนี้


                 ในเทรลเลอร์ความยาว 30 วินาทีล่าสุดนี้ นอกจากฉากแอ็คชั่นสุดระห่ำและฉากต่อสู้แบบดุเดือดของทั้งสองแล้ว ผู้ชมยังสัมผัสได้ถึงเคมีสุดฟินระหว่างสองตัวละครที่แตกต่างแต่เข้ากันได้อย่างลงตัว จนแฟนๆ แทบอดใจไม่ไหวที่จะรอชมความฟินแบบเต็มๆ โดยในเรื่องนี้ “อีดงอุค” รับบทเป็น “ซูยอล” สารวัตรตำรวจ ที่ดูเหมือนจะต้องยอมจำนนให้กับความบ้าระห่ำของ “วีฮาจุน” ในมาดไบเกอร์สุดซิ่ง ที่กำลังบิดมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วสูงไปบนถนน พร้อมด้วยเสียงตะโกนโวยวายของ “อีดงอุค” ที่นั่งซ้อนท้าย ก่อนจะตัดภาพไปเป็นฉาก “วีฮาจุน” ขี่มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าใส่และข้ามตัว “อีดงอุค” ในชุดคลุมอาบน้ำที่กำลังช็อคสุดขีดไปแบบฉิวเฉียด ตามมาด้วยอีกหนึ่งฉากที่บ้าคลั่งไม่แพ้กัน เมื่อ “วีฮาจุน” ขับมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าใส่รถยนต์ที่ “อีดงอุค” นั่งอยู่จนกระจกหน้าต่างแตกละเอียด


                 แม้ในตอนแรกของเทรลเลอร์ ทั้งคู่ดูจะมีเรื่องที่ต้องปะทะกันตลอดเวลา แต่ต่อมาก็เผยให้เห็นฉากที่ทั้งคู่นั่งบนกระดานหกตรงข้ามกัน สื่อให้เห็นความเป็นเด็กที่แอบซ่อนอยู่ในตัว ก่อนที่ “อีดงอุค” จะพูดกับ “วีฮาจุน” ว่า “เราช่วยเคารพความเป็นส่วนตัวให้กันหน่อยจะได้มั้ย” สร้างความสงสัยให้กับผู้ชมว่าตกลงแล้ว ความสัมพันธ์ของตัวละครสองคนนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร และสุดท้าย เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะกลายมาเป็นทีมเดียวกันที่ต่างฝ่ายต่างก็ไว้ใจซึ่งกันและกัน พร้อมคำพูดยืนยันว่า “มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่จะต้องทำมันไปด้วยกัน” ก่อนปิดท้ายด้วยคำถาม ที่ตอบกลับไปว่า “เราทั้งสองคนงั้นเหรอ” ทำเอาแฟนๆ คิดกันไปไกล ว่าเคมีความสัมพันธ์ของสองคนนี้คืออะไรกันแน่


                 คลิกชมเทรลเลอร์สุดฟิน​ https://www.youtube.com/watch?v=6pt7-nQtJyw และเตรียมพบกับ “Bad and Crazy” ซีรีส์ดราม่าแนวฮีโร่ นำเสนอเรื่องราวของ “ซูยอล” ตำรวจฝีมือดีแต่ “เลว” ผู้พยายามเรียกความมีมนุษยธรรมของตัวเองคืนมา หลังจากได้พบกับ “เค” ผู้รักความถูกต้องแต่ “บ้าระห่ำ” ที่เตรียมเปิดตัวและให้รับชมพร้อมกันใน 191 ประเทศทั่วโลก ครั้งแรกในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ ดูฟรีซับไทยพร้อมเกาหลี บนแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บไซต์ iQ.com และติดตามชมตอนใหม่ได้ในทุกวันศุกร์และวันเสาร์ เวลา 20.50 น.


                 สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก VIP รับชมเนื้อหาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ, รับชมคอนเทนต์ได้ก่อนใคร, สามารถดูได้พร้อมกัน 2 จอ, ดาวน์โหลดเพื่อดูแบบออฟไลน์แบบไม่มีโฆษณาคั่น ด้วยภาพคมชัดระดับ Full HD และเสียงระบบ Dolby เสมือนดูในโรงภาพยนตร์ สามารถกดซื้อสมาชิก VIP โปรโมชั่นพิเศษได้เดือนแรกเพียง 15 บาท บนแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บไซต์ iQ.com


                 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทั้งสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตได้ใน App Store และ Google Play - กดดาวน์โหลดฟรี​ https://i.qy.net/f34caJ-b7


                 อัปเดตและติดตามความเคลื่อนไหวสาระบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชียได้ทาง Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/iQIYIThailand; IG:@iQIYIThailand; Twitter: @iQIYIThailand; YouTube: iQIYI Thailand

7796
แคมเปญผู้บริโภคที่รัก ชี้คะแนนการสำรวจนโยบายสาธารณะฯ ซูเปอร์มาร์เก็ตไทยสูงขึ้น
ย้ำพลังเสียงผู้บริโภคมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจห้างค้าปลีกฯ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น


               แคมเปญผู้บริโภคที่รัก โดยมูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ Oxfam (อ็อกแฟม) ประเทศไทย จัดงาน “เปิดคะแนนซูเปอร์ฯ ไทย ปี​ 2021​ ปลายภาคนี้ ใครคือตัวท็อป?” เผยภาพรวมของการประเมินนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่เปิดเผยต่อสาธารณะของผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ต 8 รายใหญ่ของไทย มีคะแนนเพิ่มสูงขึ้นในทุกหัวข้อตัวชี้วัด ชี้ให้เห็นถึงพลังของผู้บริโภคที่มีผลต่อการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขการดำเนินกิจการของซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น พร้อมร่วมเผยมุมมองเกี่ยวกับประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากผลคะแนนที่เปลี่ยนแปลงไปในปีนี้อย่างเจาะลึก


               คุณภานุพันธุ์ สมพงษ์ ที่ปรึกษาโครงการผู้บริโภคที่รัก กล่าวว่า “ซูเปอร์มาร์เก็ตมีความใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากที่สุด โดยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตจึงต้องคำนึงถึงเรื่องความรับผิดชอบที่มีต่อผู้บริโภค สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งเป็นสาเหตุที่แคมเปญผู้บริโภคที่รักจึงมีการจัดทำ “รายงานการประเมินนโยบายและแนวทางปฏิบัติของห้างค้าปลีกที่เปิดเผยต่อสาธารณะ” ซึ่งถูกจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้วในปีนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาพรวมในเชิงสถิติมีพัฒนาการที่ดีขึ้นตลอดทุกปี โดยหลักเกณฑ์การประเมินในปี 2564 แบ่งออกเป็น 7 ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่ นโยบายด้านความโปร่งใสและความรับผิด, นโยบายแรงงาน ,นโยบายด้านผู้ผลิตรายย่อย, นโยบายด้านความเท่าเทียมทางเพศ, นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม, นโยบายด้านความปลอดภัยทางอาหาร และ นโยบายที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค โดยมีผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำของไทย 8 ราย ได้แก่ โลตัส, แม็คโคร, บิ๊กซี, ท็อปส์, ฟู้ดแลนด์, ซีพี เฟรชมาร์ท, กูร์เมต์ มาร์เก็ต และวิลล่า มาร์เก็ต”


               “ผลจาก “รายงานการประเมินนโยบายและแนวทางปฏิบัติของห้างค้าปลีกที่เปิดเผยต่อสาธารณะ” พบว่าภาพรวมของคะแนนการประเมินเฉลี่ยในทุกตัวชี้วัดเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการห้างค้าปลีกหลายราย ได้ประกาศนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา เช่น มีการประกาศนโยบายการจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) และนโยบายที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”


               โดยเมื่อรวมคะแนนทั้ง 7 ตัวชี้วัด โลตัสได้อันดับหนึ่ง ด้วยคะแนน 35.83 คะแนน จาก 165 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 21.72 บิ๊กซีตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนน 24 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 14.54 และซีพี  เฟรชมาร์ท ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยคะแนน 20 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 12.12

               สำหรับหมวดที่ห้างค้าปลีกได้คะแนนมากที่สุด คือ หมวดสิ่งแวดล้อม​ ได้คะแนนค่าเฉลี่ย 25.54% ขณะที่หมวดเพศเป็นหมวดที่ห้างค้าปลีกได้คะแนนน้อยที่สุด ได้คะแนนค่าเฉลี่ย 3.00% โดยมีเพียง โลตัส ท็อปส์ และแม็คโคร ที่ได้คะแนนบางส่วนในหมวดนี้

               อย่างไรก็ดี ถ้าเทียบคะแนนค่าเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มดำเนินการโครงการประเมินนโยบายสาธารณะของห้างค้าปลีกในปี 2561 (หมวดด้านสังคม) และ ปี 2562 (หมวดด้านสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค) จะพบว่าคะแนนเฉลี่ยโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยหมวดด้านสังคมคะแนนเฉลี่ยโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 2.58% ในปี 2561 เป็น 5.45% ในปี 2564 ส่วนหมวดด้านสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคเพิ่มจาก 5.79% ในปี 2562 เป็น 13.29% ในปี 2564

               ผู้ที่สนใจสามารถรับชมวิดิโอจากงาน “เปิดคะแนนซูเปอร์ฯ ไทย ปี 2021​ ปลายภาคนี้ ใครคือตัวท็อป?” ย้อนหลังแบบเต็มๆ ได้ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ​ ผู้บริโภคที่รัก

7797
3 เหตุผล สำหรับผู้ที่เคยเสริมหน้าอกมาแล้ว แต่กลับมาทำศัลยกรรมแก้ไขหน้าอกเพราะ??...


                การศัลยกรรมเสริมหน้าอก เป็นที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี ความปลอดภัย ความชำนาญของศัลยแพทย์ตกแต่ง และมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ ส่งผลให้การทำศัลยกรรมหน้าอก ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และใคร ๆ ก็ตัดสินใจทำ เพื่อความสวยงาม การแต่งกาย บุคลิกที่ดี ส่งผลถึงโอกาสดี ๆ มากกมายทางสังคม


                แต่ก็มีคนไข้จำนวนไม่น้อย ที่ทำศัลยกรรมหน้าอกไปแล้วกลับมาแก้ไขอีกครั้ง ซึ่งสาเหตุ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล​ แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ได้อธิบายไว้ว่า มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

   1.​ หน้าอกแข็ง ซึ่งเมื่อคนไข้ตรวจหรือสัมผัสหน้าอกจะรู้สึกได้ว่าแข็งขึ้น ทั้งนี้เมื่อใส่ถุงซิลิโคนไปนาน ๆ บางท่าน อาจเกิดอาการหน้าอกจะแข็งขึ้นได้ โดยทางการแพทย์เรียกว่า Capsular Contracture ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบได้มากที่สุด คือ เกิดจากการใส่ถุงซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่เกินโครงสร้างของร่างกาย และเทคนิคการเสริมแบบเหนือกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเช่นนี้ สามารถแก้ไขได้โดย การผ่าตัดเปลี่ยนถุงซิลิโคนให้มีขนาดที่พอเหมาะ ร่วมกับการผ่าตัดเลาะพังผืด (Capsulectomy) และเปลี่ยนเทคนิคการเสริมถุงซิลิโคนให้เป็นแบบใต้กล้ามเนื้อ หรือ Dual Plane ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหน้าอกแข็งนี้ได้

   2.​ ปัญหาถุงซิลิโคนรั่วซึม หรือแตก ( Gel Bleeding/Ruptured Silicone) ปัญหานี้ จะเกิดกับถุงซิลิโคนรุ่นเก่า ผู้ที่เคยเสริมหน้าอกมากกว่า 10 ปีขึ้นไป มีโอกาสรั่วซึมหรือแตกได้สูง คนไข้จึงควรตรวจเช็คหน้าอกเป็นประจำ โดยการตรวจกับแพทย์เฉพาะทาง ร่วมกับการตรวจ Ultrasound Mammogram หรือ MRI ก็จะช่วยวินิจฉัยภาวะนี้ได้ และสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังกล่าว สามารถผ่าตัดแก้ไขได้โดย การนำถุงซิลิโคนเดิมออกและนำซิลิโคนที่ตกค้างออก (Silicone Removal) หลังจากนั้นแพทย์จะทำการล้างโพรงที่ใส่ซิลิโคนเดิมให้สะอาด ร่วมกับเลาะพังผืดรอบถุงเต้านมเทียมเดิมออก (Capsulectomy) และทำการใส่ถุงซิลิโคนใหม่ด้วยเทคนิคและวัสดุที่เหมาะสม

   3.​ คนไข้มีความต้องการเปลี่ยนขนาดถุงเต้านม ในบางท่านอาจไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อนใด แต่ต้องการเปลี่ยนขนาดถุงซิลิโคนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเล็กลง ตามความประสงค์ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้ แนะนำให้มาตรวจวิเคราะห์โดยละเอียดกับศัลยแพทย์ก่อน ว่าควรเปลี่ยนเป็นขนาดเท่าใด และแนะนำให้เปลี่ยนเป็นถุงซิลิโคนรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยสูง มี Safety Profile ที่ดี เนื่องจากถุงซิลิโคนเต้านม ณ ปัจจุบัน (6th Generation Implant) จะมีความเป็นธรรมชาติ ทั้งรูปทรงและเนื้อสัมผัส ทั้งยังมีการรับประกันตลอดชีวิต โอกาสรั่วซึมน้อย เกิดพังผืดน้อยลง และยังไม่พบรายงานการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง Anaplastic Large Cell Lymphoma (ALCL) ซึ่งหากเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนขนาดแล้ว ก็จะได้เปลี่ยนซิลิโคนที่มีคุณภาพดีขึ้นไปในการผ่าตัดครั้งเดียวกัน

                บทความสุขภาพโดย : นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ปรึกษาเรื่องศัลยกรรมความงาม โทร. 0-2867-0606 ต่อ 1200-1204

7798
สวยพร้อมรับลมหนาว กับโปรโมชั่นสุดต๊าช!!
ที่ศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด


               ให้คุณสวยพร้อม รับลมหนาวได้ทุกสถานการณ์ ที่ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ด้วยโปรโมชั่นสุดต๊าช!! ลด 20%  ทุกรายการศัลยกรรม พร้อมลดเพิ่มอีก 10% สำหรับผู้ทำการผ่าตัดศัลยกรรมภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 อัพเกรดความสวยระดับพรีเมี่ยมได้ก่อนใคร ลงทะเบียนรับส่วนลด

คลิก :
http://register.bangmodaesthetic.com/ วันนี้ - 30 พฤศจิกายน 2564

ปรึกษาศัลยกรรมความงาม โทร. 0-2867-0606 ต่อ 1200-1204  ไลน์ @Bangmod

7799
“TCEB ปั้น 5 สมาคมไทยขับเคลื่อนงานเทศกาลเชิงรุก ฟื้นเศรษฐกิจไทย ด้วย Mega Events & World Festival”


สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หนุนจัดกิจกรรม “THAILAND MEGA-EVENT AND FESTIVAL PARTNERSHIP MEETING” สร้างเครือข่ายผู้จัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ ร่วมเป็นหัวหอกอัปเกรดความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนเมืองผ่านงานเทศกาลในอนาคต เพิ่มมูลค่าอันเกิดจากอัตลักษณ์ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB สนับสนุนจัดกิจกรรม “THAILAND MEGA-EVENT AND FESTIVAL PARTNERSHIP MEETING” สร้างเครือข่ายระหว่างผู้จัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ร่วมเป็นหัวหอกอัปเกรดความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนเมืองผ่านงานเทศกาลในอนาคต เพิ่มมูลค่าอันเกิดจากอัตลักษณ์ของเมือง หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและผลักดัน การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายดังกล่าวจึงได้สนับสนุนให้มีการจัดงาน “Thailand MEGA-EVENT and Festival Partnership Meeting” ขึ้นในที่ 3 ธันวาคมนี้ เปิดพื้นที่ให้ 5 สมาคม มาร่วมกันขับเคลื่อน โดยมีแกนหลัก คือ สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) ร่วมกับ 4 สมาคมพันธมิตร ได้แก่ สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย (TIEFA),  สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย (TMPSA), สมาคมเครือข่ายผู้สร้างสรรค์วิชาชีพสื่อบันเทิงไทย (TECNA), และสมาคมการค้าส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (CAPT) มาร่วมกันระดมความคิดสร้างสรรค์ออกแบบกิจกรรม โดยวัตถุประสงค์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) และผู้มีบทบาทและอำนาจตัดสินใจในการจัดงานในพื้นที่จังหวัดต่างๆ จับมือกันเป็นเครือข่ายระหว่างผู้จัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ งานเทศกาลประเภทต่างๆ อย่างครบวงจร เพื่อร่วมกันสร้างงานเทศกาลในอนาคตอันใกล้ คาระตุ้นเศรษฐกิจและผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืน

TCEB ในฐานะหน่วยงานที่มีพันธกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนางานเทศกาล เพื่อขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เน้นย้ำการบูรณาการความร่วมมือกับสมาคมต่าง ๆ และภาคเอกชน สร้างเศรษฐกิจในจังหวัดผ่านการจัดงานเทศกาล (Festival Economy) อย่างยั่งยืน

7800
ข่าวภาพยนตร์ / 4KINGS ระบาดหนัก!
« on: November 30, 2021, 12:30:25 AM »
4KINGS ระบาดหนัก!


กระหึ่ม โซเชียล! กลายเป็นมีมบนโลกโซเชียลไปแล้วสำหรับฟีเจอร์ใหม่ลูกเล่นของภาพยนตร์เรื่อง 4KINGS ที่ปล่อยออกมาให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมสนุกไปกับภาพยนตร์ โดยการนำภาพของตัวเองมาเป็นโปสเตอร์หนัง พร้อมด้วยฉายาสุดเท่ ทำให้เพื่อนๆบนโลกโซเชียลต่าง ตั้งฉายาของตัวเองได้อย่างครีเอท แถมฮา พาเป็นไวรัลไปกันใหญ่




งานนี้ใครอยากอวดรูปเท่ๆ ฉายาสุดมันส์ สามารถมาร่วมสนุกด้วยกันได้ที่​ https://4kingsphoto.com

แล้วอย่าลืม 9 ธันวาคมนี้ 4KINGS ทุกโรงภาพยนตร์


























Pages: 1 ... 518 519 [520] 521 522 ... 2404