Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: 1 ... 549 550 [551] 552 553 ... 2404
8251
ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ส่งภาพยนตร์ “กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว” คู่หูต่างสายพันธุ์สุดป่วน แต่อบอุ่นหัวใจ ห้ามพลาด 6 พศจิกายนนี้


เตรียมพบเรื่องราวน่าประทับใจมิตรภาพข้ามสายพันธุ์ระหว่าง “คน” และ “ลิงจ๋อ” ในภาพยนตร์เรื่อง​  “กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว” ที่มาพร้อมฟิลอบอุ่นแบบคอมเมดี้ โดยมี กังฟู-นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ​ นั่งแท่นผู้กำกับ และมีเหล่านักแสดงชั้นนำร่วมสร้างความบันเทิงมากมาย อาทิ ริชาร์ด เกียนี่, หม่ำ จ๊กมก, ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรม, มิลค์-ภาวิณี วิริยะชัยกิจ, เป้-ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์, และเทพ โพธิ์งาม






เริ่มต้นมาด้วยเรื่องของ ต๋อง (ริชาร์ด เกียนี่) อายุ 10 ขวบ เป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่กับลุงมิ่ง (เทพ โพธิ์งาม) ที่มีอาชีพเก็บมะพร้าวขาย กับลิงจอมแสบ​ กะปิ(ไข่เล็ก) และแล้วลุงมิ่งก็เสียชีวิตกะทันหัน ทิ้งให้ต๋องและกะปิต้องอยู่กันตามลำพัง โดยมีสวนมะพร้าวและที่ดินสวยติดทะเลทิ้งไว้ให้ และมีพี่หงษ์ (ภาวิณี วิริยะชัยกิจ) สัตวแพทย์สาว และแฟนหนุ่ม กานต์ (ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์) เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน คอยช่วยเหลือดูแล แต่เมื่อมีคนในหมู่บ้านพยายามหาทางเข้ามายึดผืนดินของลุงมิ่ง ต๋องและกะปิจึงต้องร่วมมือกัน เขาจะต้องฝึกกะปิลงแข่งปีนเก็บลูกมะพร้าวกับเก่ง ลูกชายผู้ใหญ่บ้านและลิงเก็บมะพร้าวฝีมือขั้นเทพจากต่างถิ่น โดยมีบ้านและที่ดินของลุงมิ่งเป็นเดิมพัน แต่ความไม่ลงรอยระหว่างต๋องและกะปิเข้าขั้นน่าเป็นห่วง การฝึกฝนจึงไม่ง่ายอย่างที่คิด จะเกิดอะไรขึ้น และภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องไปติดตามชมภาพยนตร์​ “กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว” ในเสาร์ที่ 6 พศจิกายนนี้ เวลา 18.00 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง​ https://true4u.com/live

8252
เกินครึ่งของนักท่องเที่ยวชาวไทยปักหมุดเที่ยวในประเทศในปี 2565




กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 - วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยนักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงเลือกเดินทางเพื่อพักผ่อนภายในประเทศต่อไปในปี 2565 เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นานและมีความปลอดภัยกว่า จนกลายเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวสำหรับยุคหลังโควิด-19 นี้อีกด้วย โดยจากการศึกษาเรื่องความคิดเห็นของผู้บริโภคโดยวีซ่า พบว่ามากกว่าครึ่งของผู้ทำแบบสำรวจชาวไทย (51 เปอร์เซ็นต์) มีแนวโน้มจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศต่อไปจนถึงปีหน้า ขณะที่ 23 เปอร์เซ็นต์ มีการวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดน

การศึกษาฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นถึงสามปัจจัยแรกที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยรู้สึกสบายใจที่จะออกเดินทางอีกครั้ง คือ การได้รับวัคซีน (67 เปอร์เซ็นต์) จำนวนการติดเชื้อทั่วโลกลดลง (55 เปอร์เซ็นต์) และการมีประกันโควิด-19 (41 เปอร์เซ็นต์)

สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนยังคงระมัดระวังตัว โดยเฉพาะในเรื่องการเดินทางยิ่งชัดเจนว่าพวกเขาเลือกในเรื่องความปลอดภัยและความคุ้นเคยในสถานที่ที่จะไป ผู้ประกอบการในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือต่างชาติก็ตาม อีกทั้งควรสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยในทุกมิติ รวมถึงวิธีการชำระเงิน โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคการชำระเงินแบบไร้สัมผัสเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพราะนอกจากจะสะดวก รวดเร็วแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วย นับเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการควรเดินหน้าปรับตัวเพื่อรองรับความความคาดหวังของผู้บริโภคในยามที่พวกเขาเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้ง”

ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกเองก็เริ่มปรับเข้าสู่โหมดการท่องเที่ยวในรูปแบบที่แตกต่างไปจากช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยมากกว่าครึ่ง (53 เปอร์เซ็นต์) เลือกที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อจองที่พักที่มีการรับรองในด้านความปลอดภัยและคุณภาพ ขณะที่ 44 เปอร์เซ็นต์กำลังวางแผนที่จะพกบัตรต่าง ๆ มากขึ้นเพื่อใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสและดิจิทัลแทนการชำระด้วยเงินสด และสองในห้าของผู้ตอบแบบสอบถาม (42 เปอร์เซ็นต์) กำลังวางแผนเดินทางโดยหลีกเลี่ยงแหล่งที่มีคนรวมตัวหนาแน่น

ด้านจุดหมายปลายการท่องเที่ยวในต่างประเทศ นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่อยากที่จะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด ตามด้วยประเทศจีน ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ แคนาดา และฝรั่งเศส


ส่วนเรื่องความต้องการสำหรับการท่องเที่ยวนั้น เกือบครึ่ง (48 เปอร์เซ็นต์) บอกว่าพวกเขาสนใจจะเดินทางในรูปแบบทราเวล บับเบิ้ล (travel bubble) แต่คงไม่ใช่ในระยะอันใกล้นี้ ขณะเดียวกันหนึ่งในสาม (33 เปอร์เซ็นต์) ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่าพวกเขาสนใจที่จะเริ่มเดินทางทันทีเมื่อเปิดให้มีการท่องเที่ยวแบบทราเวล บับเบิ้ล ส่วนที่เหลือบอกว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะท่องเที่ยวในรูปแบบทราเวล บับเบิ้ล

“การใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายอีกต่อไป ในยุคหลังการระบาดของโควิด-19 การชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะเป็นเรื่องของความมั่นใจ ปลอดภัย และฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามองว่าการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศอย่างไร เนื่องจากผู้บริโภคได้มองหาวิธีใหม่ๆ ในการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของตนเอง และตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด วีซ่าได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมากมาย เช่น โครงการมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (SHA) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ให้การรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัยให้กับผู้ประกอบการไทย และเรายังมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือเช่นนี้ให้มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เราหวังว่าข้อมูลจากการศึกษาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คู่ค้าของเราที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการชำระเงินสามารถปรับตัวเข้าสู่วิถีนิวนอร์มัล และเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ในปัจจุบัน” สุริพงษ์ กล่าวสรุป


###

เกี่ยวกับวีซ่า

Visa Inc. (NYSE:V) เป็นผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ภารกิจของเราคือการเชื่อมโยงโลกผ่านเครือข่ายนวัตกรรมการชำระเงินที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัยมากที่สุด ช่วยให้ผู้บริโภค ธุรกิจต่าง ๆ สถาบันการเงิน และหน่วยงานรัฐมากกว่า 200 ประเทศ สามารถดำเนินการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อถือได้  VisaNet (วีซ่าเน็ต) ซึ่งเป็นเครือข่ายประมวลผลระดับโลกที่ทันสมัยของเราให้บริการการชำระเงินที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ทั่วโลก และมีความสามารถในการจัดการธุรกรรมมากกว่า 65,000 รายการต่อวินาที  ด้วยการป้องกันการฉ้อโกง และให้ความมั่นใจในการชำระเงินกับผู้ค้า วีซ่าไม่ใช่ธนาคารและออกบัตรให้บริการ ขยายสินเชื่อ หรือกำหนดอัตราและค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้า ด้วยนวัตกรรมของบริษัทที่ช่วยให้ลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงินสามารถมอบทางเลือกการให้บริการกับลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น อาทิ การชำระด้วยเดบิต การชำระล่วงหน้าด้วยระบบพรีเพด หรือชำระภายหลังด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่างๆ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่​ เว็บไซต์วีซ่า Visa blog และ @VisaNews

8253
เซเว่นอัพฟรี ชวนคนไทยใส่ใจสุขภาพ
พร้อมแนะเคล็ดลับสุขภาพดีจากไฟเบอร์ และเมนูไฟเบอร์สูงที่น่าลอง


                เมื่อพูดถึงการรับประทานผัก หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่อร่อย ไม่อิ่ม ไม่อยู่ท้อง และหิวเร็วมากเมื่อเทียบกับเวลาที่เรารับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งที่ความจริงแล้ว ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ จะช่วยให้อยู่ท้องนาน และยังมีแคลอรีต่ำเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก วันนี้ เซเว่นอัพฟรี (7UP Free) เครื่องดื่มอัดลม ใส ซ่า สดชื่น ปราศจากน้ำตาลและกาเฟอีน จะชวนมารู้จักเพื่อนสนิทใกล้ตัวอย่างไฟเบอร์ หรือใยอาหาร ให้เราทราบว่ามีประโยชน์มากขนาดไหน แล้วกินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอกับความต้องการใน 1 วัน และเราจะหาไฟเบอร์ได้จากเมนูไหนบ้าง? ถ้าอยากรู้ก็ตามมาเลย


                ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร เป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยมาเป็นพลังงานได้ พบได้มากในผัก ผลไม้ ธัญพืช และพืชตระกูลถั่ว รวมถึงไคตินหรือไคโตซานที่พบได้ในเปลือกของสัตว์น้ำมีเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู โดยใยอาหารสามารถแบ่งได้ 2 ชนิด คือ ใยอาหารละลายน้ำ (Soluble dietary fiber) ซึ่งเมื่อละลายในน้ำจะทำการดูดซับน้ำเอาไว้ ไม่สามารถย่อยสลายได้เองต้องอาศัยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ในการย่อย ซึ่งเป็นการช่วยชะลอการดูดซึมสารอาหารจึงทำให้รู้สึกอิ่มนานกว่าปกติ เช่น ข้าวโอ๊ต เมล็ดแฟล็ค ถั่วลันเตาแบบกินฝัก และถั่วเลนทิล ส่วนใยอาหารไม่ละลายน้ำ (Insoluble dietary fiber) เมื่อโดนน้ำจะพองตัวคล้ายฟองน้ำ แต่จะผ่านระบบย่อยอาหารไปโดยไม่เปลี่ยนแปลงรูปทรง มีส่วนช่วยในการทำความสะอาดทางเดินอาหาร ช่วยลดปัญหาท้องผูก และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย โดยสามารถหาได้จากข้าวกล้อง แป้งสาลี ถั่ว ธัญพืช และผักผลไม้

                นอกจากนี้ไฟเบอร์ยังมีส่วนช่วยในการลดการดูดซึมน้ำตาล เพื่อไม่ให้ร่างกายดูดซึมเร็วเกินไป ซึ่งเป็นประโยชน์ในการควบคุมอาการของโรคเบาหวาน และอาหารที่มีปริมาณใยอาหารสูงจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอ้วน ช่วยลดและควบคุมน้ำหนักได้ เนื่องจากใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณอาหาร ทำให้ได้รับพลังงานจากอาหารน้อยลง และยังช่วยให้อิ่มนาน นอกจากนี้ยังมีรายงานถึงผลของใยอาหารต่อการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน โดยการทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารชนิด prebiotics ของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่เรียกว่า probiotics อีกด้วย

                โดยในแต่ละวันเราควรได้รับไฟเบอร์ในปริมาณที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของร่างกาย นั่นคือประมาณ 25 – 38 กรัม หรือนับง่ายๆ เป็นผักและผลไม้ 5 กำมือ แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ามันเยอะหรือยากเกินไป แนะนำให้ลองปรับไลฟ์สไตล์การกินของตัวเองทีละนิด เช่น เปลี่ยนจากขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท ข้าวขาวขัดสีเป็นข้าวกล้อง หรือกินผลไม้ให้มากขึ้นก็ช่วยเพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกายได้เช่นกัน

                ส่วนเมนูเด็ดที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ เซเว่นอัพฟรีอยากแนะนำให้ลองชิม ได้แก่


                ข้าวต้มข้าวกล้องและธัญพืช​ หนึ่งในเมนูอาหารเช้ามากคุณค่าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟเบอร์ที่สูงกว่าข้าวขาวถึง 9 เท่า ให้คุณประโยชน์ทั้งข้าวกล้องและธัญพืช อาทิ เผือก ถั่วแดง ลูกเดือย ข้าวโพด ฟักทอง และแครอท ที่นอกจากจะช่วยให้อยู่ท้อง รู้สึกอิ่มนานขึ้น มีแรงทำงานยามต้องเวิร์คฟรอมโฮม หรือเรียนออนไลน์แล้ว ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ระบบสมดุลอีกด้วย


                ต้มจับฉ่าย​ เรียกว่าเป็นเมนูแก้ท้องผูกของใครหลายคนก็ว่าได้ เพราะในต้มจับฉ่ายเต็มไปด้วยผักนานาชนิด แล้วแต่สูตรและความชอบของแต่ละคน เช่น หัวไชเท้า กวางตุ้ง มะระ แครอท กระหล่ำปลี เห็ดหอม และผักโขม มีข้อควรระวังคือไม่ต้มผักจนเปื่อยเกินไปเพราะจะทำให้ดูไม่น่าทาน แต่รับรองเลยว่าไฟเบอร์เต็มทุกคำแน่นอน


                ผัดผักรวมมิตร​ อีกหนึ่งสุดยอดเมนูผักที่หลายๆ บ้านต้องมีบนโต๊ะอาหารแน่นอน เพราะเป็นเมนูที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยากเพียงผัดทุกอย่างให้สุกและปรุงรสตามชอบเป็นอันเสร็จ โดยเมนูนี้สามารถดัดแปลงและใส่ผักได้หลากหลายตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคะน้า ข้าวโพดอ่อน กระหล่ำปลี ดอกกระหล่ำ แครอท บล็อกโครี หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วลันเตา และเห็ดหอม ซึ่งเป็นเมนูที่มีไฟเบอร์สูงและมีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบลำไส้และทางเดินอาหารของคุณแข็งแรงอยู่เสมอ


                ตำผลไม้ อาหารโปรดของหลายคนคงหนีไม่พ้นส้มตำรสแซ่บ แล้วรู้หรือไม่ว่าในตำผลไม้ที่มีส่วนประกอบทั้งฝรั่ง แอปเปิลเขียว แอปเปิลแดง องุ่น สาลี่ มะเขือเทศราชินี แครอท ถั่วฝักยาว พริก และถั่วลิสงคั่ว ล้วนอุดมไปด้วยไฟเบอร์สูงไม่แพ้ใครเหมือนกันนะ ดังนั้นสั่งส้มตำรอบหน้าอย่าลืมสั่งตำผลไม้ด้วยอีกหนึ่งครก จะได้ทั้งความอร่อยแซ่บและมีสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

                หรือถ้าใครอยากลองเมนูใหม่ด้วยการมองหาเมนูไฮไฟเบอร์ที่อัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ของใยอาหารแถมยังอัพความสดชื่นได้ระหว่างวัน ต้องลองผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของซันโทรี่ เป๊ปซี่โคที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลก​ เซเว่นอัพฟรี พลัสไฟเบอร์ (7UP Free Plus Fiber) เครื่องดื่มอัดลมใส กลิ่นเลมอนไลม์ เปรี้ยว ซ่า​  ปราศจากน้ำตาลและกาเฟอีน ที่ช่วยรีเฟรชความสดชื่นอย่างลงตัว พร้อมพลัสสิ่งดีๆ ด้วยไฟเบอร์ถึง 5,600 มิลลิกรัมต่อหนึ่งขวด* หรือเทียบเท่าปริมาณไฟเบอร์ในแอปเปิล 1 ผล** ที่จะช่วยเพิ่มกากในระบบทางเดินอาหารและกระตุ้นการขับถ่ายให้สมดุล ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพเช่นคุณ

                แล้วมาเติมความสดชื่นด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่ช่วยพลัสสิ่งดีๆ ให้ชีวิตคล่องตัวไปกับเมนูไฟเบอร์สูงและเซเว่นอัพฟรี พลัสไฟเบอร์ ที่อร่อย สดชื่น ลงตัวในแบบที่คุณชอบ โดยมีวางจำหน่ายตามร้านค้า และห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง​ https://www.facebook.com/7UPThailand/

###

*7UP Free +Fiber 1 ขวด (440 มล.) มีไฟเบอร์ 5,600 มก. / 7UP Free +Fiber 1 ขวด (430 มล.) มีไฟเบอร์ 5,500 มก. / 7UP Free +Fiber 1 กระป๋อง (325 มล.) มีไฟเบอร์ 4,000 มก.

**แอปเปิล 1 ผล (133 กรัม) มีใยอาหาร 3,000 มก. (อ้างอิง: คุณค่าทางโภชนาการในผลไม้, สำนักโภชนาการ กรมอนามัย 2553)

แหล่งที่มา : ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ.2563, สำนักโภชนาการ กรมอนามัย
บทความจากศูนย์เบาหวานศิริราช คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
www.foodnetworksolution.com, www.jonessalad.com, www.waymagazine.org, www.hellokhunmor.com และ www.goodlifeupdate.com,

8254
วาโก้ ร่วมกับพันธมิตรมอบ “ถุงวาโก้ปันสุข”
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ.บางบาล
จ.พระนครศรีอยุธยา


พระนครศรีอยุธยา – บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) ร่วมพันธมิตร บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด, มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และเครือสหพัฒน์ มอบ​ “ถุงวาโก้ปันสุข” ภายใต้โครงการ​ Wacoal We Care เพื่อช่วยเหลือ และส่งกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัย จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 200 ชุด โดยมี อินทิรา นาคสกุล (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และประณต เวสารัชวิทย์​ (ที่ 4 จากขวา) ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขาย บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนมอบแก่ผู้ใหญ่บ้านหญิง 4 หมู่บ้าน ในตำบลวัดตะกู และตำบลทางช้าง เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยรวม 200 หลังคาเรือน ณ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันก่อน

โดยในถุงวาโก้ปันสุขประกอบด้วยเครื่องอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อความต้องการ อาทิ กางเกงในวาโก้, ผงซักฟอก 108 shop, ผลิตภัณฑ์ล้างจานไลปอนเอฟ, แปรงสีฟัน ยาสีฟันไฮ-เฮิร์บ, ครีมรักษาโรคผิวหนังตราพญายอ, ตราใบบัว, สบู่เหลวอาบน้ำเซ็นท์แอนดรูว์, ผ้าอนามัยโซฟีและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซื่อสัตย์ รวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท

8255
SCGP เปิดตัว ‘ALMIND by SCGP’ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือผสม AQUACELLATM นวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี บำรุงผิวมือให้นุ่มชุ่มชื้น เหมาะสำหรับเด็กและผิวแพ้ง่าย


               2 พฤศจิกายน 2564 - SCGP เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘ALMIND by SCGP’ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ AQUACELLATM นวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีจาก SCGP ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น บำรุงผิวมือให้นุ่มชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับเด็กและผิวแพ้ง่าย ผ่านการรับรองโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจาก DermScan Asia ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน (Dermatologically test) วางจำหน่ายผ่านช่องทาง Facebook “ALMIND by SCGP” ร้าน SCGP Healthcare ใน Shopee และ Lazada และ OfficeMate Online พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษถึง 30 พฤศจิกายนนี้

               บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดตัว ‘ALMIND by SCGP’ ผลิตภัณฑ์เจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ มีส่วนผสมของสารสำคัญจากธรรมชาติ AQUACELLATM ที่พัฒนาด้วยนวัตกรรมนาโนเทคโนโลยี เพื่อให้ได้สารสกัดจากเซลลูโลสของต้นยูคาลิปตัส ซึ่งเกิดจากการนำความเชี่ยวชาญด้านเซลลูโลสของ SCGP มาต่อยอดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีคุณสมบัติโอบอุ้มและกักเก็บความชุ่มชื้นและสารสำคัญต่าง ๆ ไว้ในชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและบำรุงผิว รวมถึงมีส่วนผสมสารสกัดจากธรรมชาติอื่น ๆ เช่น Aloe vera exract จากว่านหางจระเข้ Glycerin เป็นต้น ให้ความชุ่มชื้น แห้งไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่งกลิ่นด้วยน้ำหอม ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (Allergen free fragrance) จากประเทศอังกฤษ รวมถึงมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% ชนิด Food Grade ลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่มาสัมผัสกับร่างกาย ปลอดภัยสำหรับเด็กและผิวแพ้ง่าย โดยผ่านการทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง (Dermatologically tested) จาก DermScan Asia เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิวเด็กที่บอบบาง

               ALMIND by SCGP เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ Flairosol ขนาด 160 มล. ที่ออกแบบให้หัวสเปรย์สามารถพ่นละอองละเอียดกระจายครอบคลุมพื้นที่ทั่วมือ ให้สัมผัสที่นุ่มนวล ใช้งานง่าย ฉีดพ่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องอัดแก๊ส คอขวดมีการออกแบบเฉพาะเพื่อป้องกันการรั่วซึมและรีฟิลได้ ผลิตจากพลาสติก PETE สามารถรีไซเคิลได้ ลิขสิทธิ์แท้จากประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีบริษัทคอนิเมก จำกัด ใน SCGP เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย ALMIND by SCGP มีให้เลือก 7 ขนาด ทั้งแบบสเปรย์  45 มล. และ 160 มล. แบบเจล 30 มล. และ 200 มล. และชนิดเติมสำหรับสเปรย์ 500 มล. 1,000 มล. และ 3,500 มล.

               ปัจจุบันสินค้ามีวางจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางออนไลน์และคอลล์เซ็นเตอร์ 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ (1) Facebook ALMIND by SCGP (2) Shopee สั่งซื้อได้ที่ร้าน SCGP Healthcare (3) Lazada สั่งซื้อได้ที่ร้าน SCGP Healthcare และ (4) OfficeMate Online บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ ไลน์ เฟซบุ๊ก แอปพลิเคชันและช่องทางคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ สำหรับแพลตฟอร์ม Shopee ได้จัดโปรโมชั่นกรอกโค้ดส่วนลด SCGPAL12 รับส่วนลดเพิ่ม 12% (ไม่จำกัดจำนวน) ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2564

8256
มทร.ธัญบุรี เปิดศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ตำบลบ้านหอย จังหวัดปราจีนบุรี


1 พ.ย. 2564 เปิดศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ตำบลบ้านหอย จังหวัดปราจีนบุรี ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ตำบลบ้านหอย จังหวัดปราจีนบุรี –นายบัญชา เชาวรินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานเปิดศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ตำบลบ้านหอย โดยมีรองศาสตราจารย์สุจิระ ขอจิตต์เมตต์ นายวิรัช โหตระไวศยะ และผู้ช่วยศาสตราจารย์พงศ์พิชญ์ ต่วนภูษา ให้การต้อนรับ


โดยศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจหัตถกรรมจักสานไม้ไผ่ตำบลบ้านหอย ความร่วมมือการจัดตั้งโดย มทร.ธัญบุรี บริษัท วงศ์ไผ่ จำกัด และชุมชนกลุ่มจักสานไม้ไผ่ตำบลบ้านหอย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ได้มอบหมายจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการดำเนินโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบล แบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) พื้นที่ตำบลบ้าน หอย อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ภายใต้ชื่อ“โครงการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับกระบวนการผลิตสุ่มไก่พรีเมี่ยม ของดี-ของฝากประจันตคาม”ในการนี้ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมฯ ได้ดำเนินกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการชุมชน นำทีมอาจารย์ออกแบบโครงสร้างโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์เกียรติ์ เศวตเมธิกุล รองคณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม

#ข่าว/ภาพ ทีมงานกองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี

























8257
วช. หนุนงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น 4 พื้นที่เดินหน้าจัดการน้ำชุมชนอย่างรู้คุณค่า


นักวิจัยแผนงานการบริหารจัดการน้ำปี 2 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายนักวิจัยชุมชน นำเสนอ งานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ใน 4 พื้นที่กรณีศึกษา แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ตั้งแต่ระบบนิเวศต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ชี้การจัดการน้ำชุมชน ควรขับเคลื่อนแบบ 3+2 เน้นนำเทคโนโลยีมาช่วยแบบชุมชนมีส่วนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมวิจัยจากโครงการวิจัยแนวทางการพัฒนากลุ่มองค์กรผู้ใช้น้ำ เพื่อเพิ่มความสามารถในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่ ภายใต้โครงการแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม แผนงานการบริหารจัดการน้ำปีที่ 2 โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นำโดย รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ประธานแผนงานยุทธศาสตร์เป้าหมาย (Spearhead) ด้านสังคม ร่วมกับ เครือข่ายนักวิจัยเพื่อท้องถิ่น นักวิจัยชุมชนจัดการน้ำ 4 ภูมิภาค และนักวิชาการหน่วยงานต่าง ๆ เปิดเผยงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น ในเวทีเสวนา CBR Talk เรื่อง การบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน “ทางเลือก ทางรอด” โดยนำเสนอ 4 พื้นที่กรณีศึกษา ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดน่าน ราชบุรี อุบลราชธานี และสตูล ที่นำงานวิจัยในท้องถิ่นมาช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งตั้งแต่ระบบนิเวศต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยชี้ให้เห็นภาพปัจจุบันของปัญหาน้ำมาก ในช่วงฝนตกหนักภายในระยะเวลาสั้น ๆ และน้ำแล้ง จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง (Climate change) พร้อมเสนอแนะการจัดการน้ำชุมชน ใน 4 ภูมิภาค ควรขับเคลื่อนงานแบบ 3+2 เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม สามารถขยายผลงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้ต่อไป


รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ เผยมุมมองว่า ลักษณะการตกของฝนระยะหลังเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำโดยชุมชน ต้องเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องน้ำกินน้ำใช้ เพื่อสร้างความมั่นคง และเกิดการใช้น้ำที่มีอยู่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เกิดการกระจายรายได้ รู้คุณค่าทรัพยากร ชุมชนต้องลุกขึ้นมาจัดการเชิงรุกจากล่างขึ้นบนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย การมี พรบ.ทรัพยากรน้ำจะช่วยองค์กรผู้ใช้น้ำในการจัดการน้ำชุมชนเพื่อมุ่งสู่ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้น ทั้ง 4 ภูมิภาค ควรขับเคลื่อนงานแบบ 3+2 คือ 1. การจัดโครงสร้างพื้นฐาน 2. การสร้างกติกา และ 3. พัฒนาคน ร่วมกับ 1. สร้างนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยี และ 2. จัดตั้งกองทุนในพื้นที่ตนเอง ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค คิดค้นนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ในการจัดการน้ำและการสร้างอาชีพ จากตัวอย่างที่มี 30 ตำบลในงานวิจัยปีสอง จะเกิดการเปลี่ยนแปลง หากขยับ 400 ตำบล ในปีถัดไป จะขยายผลได้ในวงกว้าง และมีภาคีเข้ามามีส่วนร่วมเป็นกลไกระดับจังหวัด ดังในโครงการในแผนงานวิจัยเข็มมุ่ง เมื่อทำงานวิจัยเสร็จสิ้นสรุปเป็นข้อเสนอแนะจากรูปธรรมในพื้นที่ ก็สามารถนำเสนอสู่ระดับนโยบายและรัฐบาล เพื่อให้ใช้ใขยายผลไปสู่ 80,000 หมู่บ้าน 8,000 ตำบล ของประเทศไทยได้ต่อไป


ขณะที่ คุณชิษนุวัฒน์ มณีศรีขำ แห่งศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสงคราม ได้เสริมว่า การดำเนินงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น จะเชื่อมโยงการทำงานจากล่างขึ้นบนและจากบนลงล่าง จาก 4 กรณีศึกษา ที่มีระบบนิเวศที่แตกต่างกัน เป็นการแก้ปัญหาแบบ “ตัดเสื้อให้พอดีตัว” จับมือกับนักวิชาการในการจัดการน้ำ เกิดการจัดทำแผนน้ำจากชุมชนนำไปสู่การจัดการน้ำอย่างทั่วถึง ความสำเร็จทั้ง 4 พื้นที่ มุ่งสู่การขยายผลระดับหมู่บ้านและตำบลได้ โดยสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ทุกคนมีส่วนร่วม เป็นเจ้าของทรัพยากรน้ำร่วมกัน มีกลไกการขับเคลื่อนงาน การติดอาวุธทางปัญญาทั้งความรู้จากชุมชนและความรู้จากนักวิชาการ เพื่อสร้างความเข้าใจบริบทของพื้นที่และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกส่วน โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย



สำหรับพื้นที่ ตำบลแม่จริม อำเภอเมือง จังหวัดน่าน โดยเฉพาะพื้นที่ต้นน้ำที่ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ชุมชนได้มีการตั้งโจทย์ เก็บข้อมูล และทดลองปฏิบัติการด้วยตนเอง และเชื่อมโยงข้อมูลสู่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุมชนจึงเกิดการกระตุ้นรู้เท่าทันปัญหา เกิดการจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำ ควบคุมคุณภาพน้ำ และฟื้นฟูระบบแก่เหมืองแก่ฝาย เกิดการจัดทำแผนน้ำในระดับหมู่บ้านและ อบต.ได้ ในขณะที่ พื้นที่ตำบลบ้านคา อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน ชุมชนได้ลุกขึ้นมาจัดการตนเอง มีการปรับปรุงแหล่งน้ำและจัดการน้ำอย่างมีน้ำใจ ทำธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อเติมน้ำ และความชื้นลงดิน โดยจัดทำบ่อเก็บน้ำ สร้างฝายมีชีวิตด้วยงบประมาณที่ลดลง



พื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี คือ อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอบ้านสำโรง ที่ประสบกับน้ำแล้ง ชาวบ้านได้ใช้ข้อมูลจากการทำงานวิจัย ผลักดันให้ชุมชนประหยัดน้ำ และคิดค้น “นวัตกรรมแอร์แวร์” ในการสูบน้ำขึ้นที่สูงเพื่อใช้แรงดันอากาศสูบน้ำเข้าถังและแจกจ่ายในครัวเรือน ประสานกับอุทยานผาแต้มเพื่อทำฝายปล่อยน้ำตามระบบกาลักน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง และเพียงพอต่อการทำการเกษตร นอกจากนี้ที่ ตำบลบ้านกุดลาด และตำบลปทุม ที่ประสบกับน้ำท่วม อบต.ได้จับมือกันทำวิจัย ในการสื่อสารข้อมูลระดับน้ำให้กลุ่มผู้ประสบภัยเพื่อเตรียมรองรับปัญหาอุทกภัย และได้คิดค้น”นวัตกรรมชุดนอนนา”โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ฝีมือของชาวบ้าน เพื่อให้มีไฟส่องสว่าง และชาร์ตโทรศัพท์ได้ในช่วงประสบภัยพิบัติ




และในกรณีพื้นที่ ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์น้ำจากคลองดูสน-คลองมำบัง เพื่อการประปาและการเกษตร แต่เกิดปัญหา คนที่อยู่ริมคลองไม่ได้ใช้น้ำและช่วงฝนตกเกิดน้ำหลากจนท่วม ขาดการมองเห็นเชิงระบบ งานวิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูล แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง และปรับเปลี่ยนชุดความคิด หรือ Mindset ใหม่ ให้ชุมชนใช้น้ำอย่างประหยัดมากขึ้น

8258
AXA จับมือ TQM บุกตลาดไมโครอินชัวร์รันส์ ขายประกันเดือนละ 12 บาท ผ่านตู้บุญเติม
พร้อมอัดแคมเปญ ‘เพื่อนชวนเพื่อน’ รับฟรีเครดิตเงินคืน เจาะลูกค้าชุมชน-รายย่อย


“แอกซ่าประกันภัย” ร่วมกับ “ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์” ส่งประกันภัยถึงตู้บุญเติมทั่วประเทศ ด้วยกรมธรรม์อุบัติเหตุเบี้ยเริ่มต้นเพียง 12 บาทเท่านั้น รับความคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท เจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย เพิ่มโอกาสคนไทยให้สามารถเข้าถึงกรมธรรม์ประกันภัยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว พร้อมจัดแคมเปญ ‘เพื่อนชวนเพื่อน’ ส่งความห่วงใยให้เพื่อนซื้อประกันรับฟรีเครดิตบุญเติม


               ดร.นภัสนันท์  พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย​ “ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์” หรือ TQM เปิดเผยว่า เพราะพันธมิตรทั้ง 3 บริษัท ได้เห็นโอกาสและความสำคัญร่วมกันในการส่งเสริมให้คนไทยสามารถเข้าถึงประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรองรับความเสี่ยงภัยในชีวิตได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ผ่านช่องทางของตู้บุญเติมที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่นำเสนอขายนั้นจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าตู้บุญเติม สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ต้องการสนับสนุนประกันภัยรายย่อย หรือ ไมโครอินชัวร์รันส์ ให้ประชาชนได้เข้าถึงและได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการประกันภัยได้อย่างทั่วถึง

               สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากการคัดสรรกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองที่คุ้มค่า​ คุ้มราคาเหมาะกับกลุ่มลูกค้าแล้ว TQM ยังได้ร่วมกับ AXA และ FSMART เจ้าของตู้บุญเติม จัดแคมเปญ​ ‘เพื่อนชวนเพื่อน’ เพียงลูกค้าที่เข้ามาซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เบี้ยราคา 123 บาทต่อปี โดยทำรายการผ่านหน้าตู้บุญเติม แล้วส่งต่อความห่วงใยโดยการแนะนำเพื่อนให้มาซื้อประกันด้วย จะได้รับฟรีเครดิตบุญเติม เริ่มวันนี้ – 31 มกราคม 2565

               นางหทัยนันท์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสายงานบริหารช่องทางการขาย บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะส่งเสริมการทำประกันภัย เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้น ด้วยเบี้ยประกันและผลประโยชน์ที่เหมาะสม สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทฯ เสนอขายประกันภัยอุบัติเหตุ ด้วยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 12 บาท สำหรับการคุ้มครอง 1 เดือน (แผน 1) หรือเบี้ยประกัน 62 บาท สำหรับการคุ้มครอง 6 เดือน (แผน 2) และเบี้ยประกัน 123 บาท สำหรับคุ้มครอง 1 ปี (แผน 3) โดยจะได้รับเงินชดเชย 100,000 บาท กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือ 50,000 บาท กรณีเสียชีวิตขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นแผนความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุราคาประหยัดและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยจะเริ่มจำหน่ายประกันอุบัติเหตุนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2564

               นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ด้วยตู้อัตโนมัติ “บุญเติม” กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 2 แห่ง ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจด้านประกัน จะตอกย้ำความเป็นผู้นำของธุรกิจในด้านแพลตฟอร์มการเงินครบวงจรของ FSMART ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการคัดเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี

               บริษัทเชื่อว่าด้วยศักยภาพและความสามารถของพันธมิตร จะทำให้การเสนอขายกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุครั้งนี้ เป็นที่สนใจของกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาใช้บริการผ่านตู้บุญเติม ซึ่งมีลูกค้ามากกว่า 20 ล้านเบอร์ และบริการบนตู้บุญเติมมากกว่า 80 บริการ ด้วยจุดบริการมากถึง 130,000 จุดทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงและเข้าใจผลประโยชน์ของการทำประกันประเภทต่างๆ รวมถึงสามารถซื้อประกันได้อย่างง่าย สะดวก รวดเร็ว ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าประกันรายใหม่ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกกลุ่ม ทุกชุมชน ทั่วประเทศ

               สำหรับผู้ที่สนใจซื้อประกันภัยที่ตู้บุญเติม เลือกกดเมนู ซื้อประกัน และเลือกรายการกรมธรรม์ ที่ต้องการ และอ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ที่แสดงไว้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นกรอกข้อมูลผู้ซื้อประกันให้ถูกต้องครบถ้วน และชำระเงิน จะได้รับ SMS ยืนยันการซื้อประกันสำเร็จ

*เงื่อนไขการรับประกันภัยเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

8259
ที่นอนดาร์ลิ่งมอบหน้ากากผ้าแก่ชุมชนน้ำพองขอนแก่น


                นายเสน่ห์ เหลาทอง ผู้จัดการโรงงาน พร้อมด้วยนางวิภาพร ภูมิภักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล บริษัทที่นอนดาร์ลิ่ง ขอนแก่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่นอนและชุดเครื่องนอนดาร์ลิ่ง (Darling deluxe) เข้ามอบหน้ากากผ้าให้กับผู้ใหญ่บ้านชุมชนใกล้เคียงบริษัทฯ ได้แก่ หมู่บ้านโนนดงมัน หมู่บ้านดงเรือง และหมู่บ้านดงเมืองแอม หมู่ 14 ตำบลสะอาด อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 1,700 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 150,000 บาท เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในช่วงที่กำลังจะเปิดประเทศ และส่งต่อให้กับครอบครัวที่เดือดร้อนในช่วงกักตัวให้ปลอดภัยจากไวรัสโควิด -19 โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมีส่วนร่วมในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ณ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น

8260
แกร็บฟู้ด แรงไม่หยุด!
ส่งแคมเปญ “เหนือลดยังมีลด” เสริมทัพ “คนละครึ่ง”
ลดสูงสุด 50% พร้อมโปรส่งฟรี ทั่วทั้งแพลตฟอร์ม


แกร็บฟู้ด เสิร์ฟแคมเปญ “แกร็บฟู้ด เหนือลดยังมีลด” เสริมทัพคนละครึ่ง หลังกระแสตอบรับจากแคมเปญ “แกร็บฟู้ด สั่งเถิดชาวไทย” แรงอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าต่อยอดแคมเปญด้วยการชูหมัดเด็ดมอบส่วนลดให้ผู้บริโภคสูงสุด 50% จัดเต็มที่สุดแห่งปี พร้อมโปรโมชันส่งฟรีให้กับทุกร้านบนแพลตฟอร์ม ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2564 เพื่อสนับสนุนร้านอาหารให้มีรายได้อย่างต่อเนื่องและกระตุ้นการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ของผู้บริโภคในไตรมาสที่ 4 นี้


นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย​ กล่าวว่า “หลังเปิดตังแคมเปญแกร็บฟู้ด สั่งเถิดชาวไทย ไปเมื่อกลางเดือนกันยายนที่่ผ่านมา พร้อมการตอบรับประกาศของรัฐบาลสำหรับโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ได้เพิ่มเติมนั้น แคมเปญดังกล่าวได้ส่งผลให้ยอดขายของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งผ่านแกร็บฟู้ดโตขึ้นกว่าสองเท่าหลังจากเข้าร่วมโครงการได้เพียงสองสัปดาห์​ เพื่อเป็นการต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญดังกล่าว รวมถึงความสำเร็จของพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร และสิทธิประโยชน์ให้กับผู้บริโภค แกร็บจึงส่งแคมเปญ “แกร็บฟู้ด เหนือลดยังมีลด” เสริมทัพโครงการคนละครึ่ง ซึ่งได้รวบรวมสิทธิพิเศษเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งนอกเหนือจากสิทธิพิเศษในการชำระค่าอาหารเพียง 50% เมื่อใช้บริการผ่านโครงการคนละครึ่งแล้ว แกร็บยังมอบโปรโมชันส่วนลดสูงสุด 50% เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้สั่งอาหารได้กับทุกร้านค้าที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งอีกด้วย โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งแคมเปญนี้ถือเป็นการมอบโค้ดส่วนลดให้กับผู้บริโภคที่เยอะที่สุดในปีนี้อีกด้วย”


สิทธิพิเศษสำหรับผู้บริโภคที่ถือเป็นไฮไลท์ของแคมเปญ “คนละครึ่ง ยกกำลังสอง” นี้ได้แก่

       1.ส่วนลด 2 ต่อสำหรับการสั่งอาหารผ่านโครงการคนละครึ่ง ต่อที่ 1 ชำระค่าอาหารเพียง 50% ตามสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ต่อที่ 2 รับส่วนลดเพิ่ม 50% สำหรับการสั่งอาหารทุกร้านบนแพลตฟอร์มแกร็บฟู้ดในการใช้บริการครั้งถัดไป

       2.ส่วนลด 50% เพิ่มเติม สำหรับการสั่งอาหารผ่านร้านบนแพลตฟอร์มแกร็บฟู้ดที่ไม่ได้เข้าโครงการคนละครึ่ง โดยใช้โค้ดส่วนลด “GRAB50”และชำระค่าบริการผ่านแกร็บเพย์วอลเล็ต*

       3.​โปรโมชั่นส่งฟรีสูงสุด 5 กิโลเมตรเเรก สำหรับออเดอร์ที่สั่งจากร้านอาหารที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยใช้โค้ดส่วนลด “FREE” และโปรโมชั่นส่งฟรีสูงสุด 5 กิโลเมตรเเรก สำหรับออเดอร์ที่สั่งจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยใช้จ่ายผ่านแพคเกจส่วนลด GrabFood*



“ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตอบสนองต่อโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล แกร็บหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แคมเปญ “สั่งเถิดชาวไทย” และแคมเปญ​ “คนละครึ่ง ยกกำลังสอง”  จะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค พร้อมกระตุ้นยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร ในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังค่อยๆฟื้นตัว และผลักดันให้ธุรกิจร้านอาหารในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้งก่อนส่งท้ายปี 2564 นี้” นางสาวจันต์สุดา กล่าวทิ้งท้าย

*เงื่อนไขส่วนลดค่าคอมมิชชั่นร้านอาหารเป็นไปตามที่บริษัท แกร็บ ประเทศไทยกําหนด สามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นได้ที่ Facebook GrabFoodTH

###

เกี่ยวกับแกร็บ

แกร็บ (Grab) คือ ผู้นำด้านซูเปอร์แอปที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันแอปพลิเคชันแกร็บได้ถูกดาวน์โหลดแล้วบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 214 ล้านเครื่อง ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านค้า รวมถึงตัวแทนกว่าหลายล้านราย โดยนำเสนอบริการต่างๆ แบบออนดีมานด์ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทาง การจัดส่งอาหาร สินค้าและพัสดุ ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนบริการทางการเงิน เพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการทั่วทั้ง 428 เมืองใน 8 ประเทศ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแกร็บได้ที่​ www.grab.com

8261
“ISEAST” ถ่ายทอด 4 เพลง 4 เรื่องราว EP : STORIES AFTER STORM”
เปิดฉากเล่ามุมมองชีวิตใน “สวัสดีสระบุรี”


                ก้าวมาเป็นศิลปินสายแร็ปเต็มตัว    สำหรับหนุ่ม​ ISEAST (อิสอีสต์) กับการถ่ายทอดตัวตนออกมาในแบบสายแร็ปสายเล่าเรื่อง “Storytelling Rap” แนวใหม่ที่ยังไม่กว้างนักในเมืองไทย บวกกับสไตล์การแร็ปที่ชัดถ้อยชัดคำเข้ากับทุกบีท!! ล่าสุด​ ISEAST​ขอถ่ายทอดเรื่องราวที่เจ้าตัวไปพบเจอมาแต่งเพลง เป็นเสมือนกับการเขียนไดอารี่เล่าเรื่องของตัวเอง ออกมาเป็น 4 เพลง 4 เรื่องราวกับ​ EP : STORIES AFTER STORM​ เรื่องราวหลังพายุฝน พร้อมเปิดฉากเล่าเหตุการณ์แรกในเพลง​ “สวัสดีสระบุรี” ให้แฟนๆ ได้ฟังกัน..


                ISEAST​ เล่าเบื้องลึกเบื้องหลังให้ฟังว่า... “ในหลายเพลงที่ผมเขียน ผมเขียนอ้างอิงมาจากเรื่องจริง ทั้งเรื่องที่พบเจอกับตัวเอง หรือเรื่องที่ฟังมาจากคนอื่นในฐานะ Storytelling Rapper ซึ่งคราวนี้ผมอยากเล่าเรื่องราวของตัวเองที่ไปพบเจอมา ในหลากหลายเหตุการณ์และหลากหลายอารมณ์ ออกมาเป็น  4 เรื่องราว ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จุดพลิกผัน จุด Climax ไปจนถึงจุดจบ แชร์เรื่องราวเหล่านี้ออกมาเป็นเสียงเพลง กับ EP : STORIES AFTER STORM เรื่องราวหลังพายุฝนของผม เริ่มจากเพลงแรก​ “สวัสดีสระบุรี” ผมแต่งขึ้นอ้างอิงมาจากเหตุการณ์จริง ตอนที่ผมย้ายไปอยู่ที่ จ.สระบุรี เพราะตัวเราเป็นคนที่ชอบสอน เลยคิดว่าจะไปเป็นครูสอนพิเศษเพราะเราจะได้มีเวลาในการทำเพลงควบคู่กันไปด้วย  ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือการที่เราย้ายบ้านไปอยู่ในสถานที่ใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ก็จะไม่เหมือนกับบ้านเกิดของเราที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเราอยู่มามากกว่า 25  ปี   การย้ายมาอยู่ที่ใหม่ก็ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับชีวิตเราในช่วงเริ่มต้น คล้ายกับ new kid in town ซึ่งคำว่าสวัสดีสระบุรี ก็เหมือนเป็นการทักทาย ว่าเรามาอยู่ใหม่นะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ เราหยิบเอาเหตุการณ์ช่วงเวลาที่ย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เพลงนี้เล่าความรู้สึกออกมาได้ยากมาก เหมือนเป็นความสับสน ความไม่แน่ไม่นอน ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ก็ต้องใช้เวลาปรับตัว เป็นการสรุปเนื้อหาในตัวว่าตอนแรกเราสับสนนะ แต่ว่าพออยู่ไปซักพักก็ปรับตัวได้ครับ เป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครับ อยากให้ทุกคนเปิดใจและลองติดตามฟังกันดูครับ”




                เกิดอะไรขึ้นบ้างใน​ “สวัสดีสระบุรี” เพลงแรกจาก EP : STORIES AFTER STORM​ ของแร็ปเปอร์หนุ่ม​ “ISEAST” ฟังและชมพร้อมกันได้ทาง​ https://www.youtube.com/watch?v=MVSy1Pw0mjA

ช่องทางการติดตามของ ISEAST
Instagram :
https://www.instagram.com/east_ttt/

YouTube : https://youtube.com/user/iseast

Facebook : https://www.facebook.com/iseastt/

Tiktok : https://vt.tiktok.com/ZSJQmjH4e/

#iseast #storiesafterstorm #khaosanentertainment #storytellerking #ลุงตะวันออก

8262
รวมหนังดังสุดต๊าชของ “โต้ง บรรจง” ดูสนุกชมฟรีทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24


วันนี้ ทรูโฟร์ยู ช่อง 4 ขอส่งผลงานคุณภาพของผู้กำกับคนดัง “โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล” หรือที่ถูกขนานนามว่าเจ้าพ่อหนังผีแห่งวงการหนังไทย ตอนนี้เขามีผลงานโด่งดังไปถึงต่างประเทศในเรื่อง “ร่างทรง” โดยเฉพาะเกาหลีใต้ออกฉายวันแรก ก็สร้างปรากฏการณ์ความหลอนด้วยรายได้ขึ้นอันดับ 1 เป็นจำนวนเงินราวๆ 36 ล้านบาท นอกจากนี้ เขาได้ฝากลายเซ็นต์ความหลอนอย่างต่อเนื่องอีกมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือภาพยนตร์เรื่อง สี่แพร่ง (ตอนคนกลาง) และห้าแพร่ง (ตอนคนกอง)ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ก็เลยไม่พลาดที่จะนำ 2 เรื่องสุดสยองขวัญมาให้ชมกันแบบจุใจ ทั้งบนหน้าจอทีวีและทางออนไลน์​ https://true4u.com/live




สี่แพร่ง  ออกอากาศวันพุธที่ 3 พศจิกายน 2564 เวลา 20.30 น.
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งออกไปตั้งเต็นท์กลางป่าลึก พวกเขาล้อมวงเล่าเรื่องผี ทำกิจกรรมห่าม ๆ ไร้สาระตามขนบหนังสยองขวัญทุนต่ำทุกประการ แต่ไฉนผีที่พวกเขาประสบพบเจอ กลับเป็นผีที่แหกธรรมเนียมปฏิบัติผีในหนังทุกเรื่องที่พวกเขาเคยดูมาวัยรุ่น 4 คนออกไปล่องแก่งกลางป่าแห่งหนึ่งในคืนหนึ่งพวกเขาเล่าเรื่องผีจน ชิน (วิวัฒน์ คงราศรี) ไม่กล้านอนริมจึงเถียงกับ​ เต๋อ (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) และ​ เผือก (พงศธร จงวิลาส) จน​ เอ (กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) รำคาญเขาเลยพูดว่า ถ้าเกิดกูตายนะเว้ย กูจะกลับมาหลอกคนนอนกลางคนแรกเลย จนมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ที่ทำให้พวกเขาไม่อาจไม่มีวันลืม




“ห้าแพร่ง” ออกอากาศวันพุธที่ 10 พศจิกายน 2564 เวลา 20.30 น.
คนกอง – เต๋อ (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์), เผือก (พงศธร จงวิลาส), ชิน (อัฒรุต คงราศรี) และ​ เอ (กันตพัฒน์ สีดา) เป็นทีมงานหนังผีที่การถ่ายทำดำเนินมาถึงคิวสุดท้าย คืนสุดท้าย ฉากสุดท้าย เหลือเพียงสองช็อตสุดท้าย แต่แล้วนักแสดงสาวหน้าใหม่ที่รับบทเป็นผีเกิดหัวใจวายตายกลางกองถ่าย ซวยสุดยอดที่ก่อนหน้านั้นเต๋อดันไปเสร่อทำเท่สอนเธอว่า "The show must go on" เธอจึงกลับมาเพื่อแสดงต่อ ทั้งสี่จึงต้องถ่ายหนังผีที่มีผี เล่นเป็นผีให้จบให้จงได้ โดยห้าม​"พี่ช่า" (มาช่า วัฒนพานิช) นางเอกของหนังรู้ความจริงเป็นอันขาด

8263
“เป้” อารักษ์ รับบทเด็กช่างใน 4KINGS เผยเคล็ดลับการเข้าถึงบท


                เรียกว่าเป็นนักแสดงมากความสามารถคนหนึ่งในวงการบันเทิงไทย เพราะนอกจากจะเป็นนักดนตรีแล้ว “เป้”  อารักษ์ อมรศุภศิริ ยังมีผลงานการแสดงออกมาให้แฟนได้ชมไม่ขาด ล่าสุดกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง 4KINGS โดยค่ายหนังใหม่ เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด ซึ่งเรื่องนี้หนุ่มเป้ รับบท “ดา” เป็นเด็กช่างในยุค 90s มีนิสัยสุขุม ใจกว้าง รักเพื่อน มีความเป็นผู้นำ  “เป้” อารักษ์ ได้กล่าวถึงคาแรคเตอร์บทบาทที่ได้รับว่า “ตอนที่ผมหาคาแรคเตอร์พี่ดาตัวจริง ผมแทบไม่เจอวิดีโอพี่เขาเลย พุฒิผู้กำกับก็เลยถามผมว่าไปบ้านพี่ดาไหม ผมก็เลยตอบว่า เอาสิครับ บ้านพี่ดาอยู่แถวสะพานใหม่ ผมไปเจอภรรยาของเขา และผมก็ไปเจอคาแรคเตอร์ที่นำมาใช้ในเรื่องนี้ คาแรคเตอร์ของพี่ดา พุฒิ เขาตีความว่าเป็นหัวโจก หัวหน้าแก๊ง ชอบความรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็มีความสดใส โอบอ้อมอารีกับเพื่อนฝูง เวลาอยู่กับแม่ก็เป็นเหมือนเด็ก ซึ่งนั่นคือมนุษย์จริงๆ ที่ไม่ได้ดุตลอดเวลา เขาอยู่กับแม่ก็จะยิ้มแย้ม แต่พอไปต่อยก็พร้อมลุยเต็มที่ ในขณะที่อยู่กับเพื่อนก็เป็นเหมือนพี่ชาย ให้ความนับถือ อยู่กับแฟนก็เป็นเหมือนพ่อ เป็นผู้ใหญ่ คอยสั่งสอนแฟน และปกป้องตอนเวิร์กช็อป ผมรู้สึกว่าความเป็นเพื่อนของกลุ่มอินทรต้องแน่นกว่านี้ ก็เลยชวนภูมิไปดูคอนเสิร์ตของจ๋าย ตามอยู่ 2-3 วัน ก็เลยชวนไปนอนบ้านจ๋ายเลย ช่วงถ่ายหนังก็แฮงค์เอ้าท์กันบ่อยมาก เพราะเราอยากสนิทแบบเพื่อนจริงๆ เวิร์คช็อปอย่างเดียวมันไม่พอ เราต้องการอะไรแบบนี้ด้วย เพราะตัวละครดา บิลลี่ รูแปง ในเรื่องต้องสนิทกันมาก พอตัวจริงสนิทกัน ตอนถ่ายก็ไม่ต้องพยายามกันแล้ว เราอยากไปถ่ายหนังเพราะอยากไปเจอเพื่อนๆ คนอื่นในแก๊ง การถ่ายทำก็สนุกขึ้นมาก” เป้ กล่าว






                นอกจาก “เป้” อารักษ์แล้วยังมีนักแสดงมาดเซอร์ อย่าง “จ๋าย” อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี  “ภูมิ” ภูมิ รังษีธนานนท์ “โจ๊ก” อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ “นัท” ณัฏฐ์ กิจจริต “ทู” สิราษฎร์ อินทรโชติ “บิ๊ก” อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียล (D Gerrard) ฯลฯ มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวให้เข้มข้น






                4KINGS เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนอาชีวะที่พวกเขาผ่านชีวิตมาจนถึงปัจจุบันเพื่อต้องการบอกเล่าถึงสิ่งที่ผิดพลาดและเป็นบทเรียนของพวกเขา สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีมาตลอดคือการรักเพื่อนพ้อง รักสถาบัน และมีศรัทธาต่อตนเอง พิสูจน์ ฝีมือการกำกับและเขียนบทโดย พุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับผู้ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ตรงของตัวเอง แฟนๆ ภาพยนตร์ห้ามพลาด 4KINGS สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/4kings90s พร้อมลุย  9 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

8264
iQiyi (อ้ายฉีอี้) จับมือ เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ขนทัพภาพยนตร์ไทยกว่า 50 เรื่อง
ตอกย้ำความเป็น “บ้านของความบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชีย”
ชมพร้อมกัน บนแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บไซต์ iQ.com


                iQiyi (อ้ายฉีอี้) ผนึกกำลังสร้างความสุข ขนขบวนภาพยนตร์ไทยครบทุกแนวกว่า 50 เรื่อง จากค่ายหนัง M Pictures ที่คัดสรรมาให้ได้ชมกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็น คอเมดี้ ดราม่า แอ็คชั่น ระทึกขวัญ และ ร่วมถึงภาพยนตร์ทำเงินบน บ็อกซ์ออฟฟิศในบ้านเราอีกด้วย

                iQiyi (อ้ายฉีอี้) แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ ที่มีหลากหลายคอนเท้นต์ ไม่ว่าจะเป็น ซีรีส์ หนัง วาไรตี้ การ์ตูน จาก ไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟคอนเท้นต์ภาพยนตร์ไทยกว่า 50 เรื่องจากเอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ให้ได้ชมกันบนแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บไซต์ iQ.com เริ่ม 1 พฤศจิกายนนี้ ไม่ว่าจะเป็น พจมานสว่างคาตา,ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ,หลวงพี่แจ๊ส 4G, ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึก32 ธันวา,ส.ค.ส สวีตตี้,คุณนายโฮ, คู่กรรม, ฟัดจังโตะ และ หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

                คุณผ่านศึก ธงรบ ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหา iQiyi (ประเทศไทย) ได้กล่าวถึงการร่วมงานกับทางบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ว่า “iQiyi (อ้ายฉีอี้) เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความสุขให้กับทุกคนเพื่อเป็นบ้านของความบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชียอย่างแท้จริง การที่เราได้จับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพสูงอันดับต้นๆของประเทศอย่าง เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นทั้งผู้สร้างและผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ระดับโลกนั้น ทำให้เรามั่นใจว่าการนำเสนอภาพยนตร์ชุดนี้บนแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ของเรา จะเป็นการต่อยอดความบันเทิงให้กับผู้ใช้บริการที่ชื่นชอบคอนเทนต์ไทยในวงกว้างได้เป็นอย่างดี และถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยของ iQiyi ด้วยแน่นอนครับ” คุณผ่านศึกกล่าว

                คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณ iQiyi (อ้ายฉีอี้) ที่ให้เกียรติเราเป็นพันธมิตรร่วมกันสร้างความสุขให้กับทุกคนผ่านแอปพลิเคชัน iQiyi (อ้ายฉีอี้) และเว็บไซต์ iQ.com และในครั้งนี้เราได้รับโอกาสในการนำภาพยนตร์ไทยกว่า 50 เรื่องในเครือเอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้เผยแพร่ออกสู่สายตาชาวเอเชีย และทั่วโลกให้สามารถเห็นศักยภาพของภาพยนตร์ไทย หวังว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในระดับโลกครับ”

                รายชื่อภาพยนตร์ 50 เรื่องมีดังนี้ พจมาน สว่างคาตา,ป้าแฮปปี้ she ท่าเยอะ,หลวงพี่แจ๊ส 5G,หลวงพี่แจ๊ส 4G, ตุ๊ดตู่กู้ชาติ, 32 ธันวา,ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึก, ส่ม ภัค เสี่ยน, สามสิบกำลังแจ๋ว,คุณนายโฮ, คู่กรรม, ฟัดจังโตะ, ส.ค.ส. สวีตตี้, หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ, สุดเขตสเลดเป็ด,วาเลนไทน์ สวีทตี้, ผู้ชายลั๊นลา, รักมันใหญ่มาก, มนต์รักดอกผักบุ้ง, ขุนบันลือ, ออนซอนเด, สงกรานต์แสบสะท้านโลกันต์, สลัมบอย ซอยตื๊ด, หลวงตามหาเฮง, อีหล่าเอ๋ย, ฮักเถิดเทิง, 11-12-13 รักกันจะตาย,บีเคเควาย, ความลับนางมารร้าย,เราสองสามคน, มันเปลี่ยวมาก, ฮาชิมะ โปรเจกต์, สาระแน โอเซกไก,รักฉันอย่าคิดถึงฉัน, น้ำผีนองสยองขวัญ, บิ๊กบอย, มหาลัยเที่ยงคืน, กัดกระชากเกรียน, เพื่อนฉันฝันสลาย, เมื่อฉันกับเธอ XXX, รักหมดแก้ว, รุ่นพี่, รัก ลวง หลอน, ฤดูร้อนนั้นฉันตาย, รักของเรา, ลูกทุ่งเงินล้าน, โจหัวแตงโม, จำเนียร วิเวียน โตมร, ป๊าด888 และ สิ้น 3 ต่อน

                สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทั้งสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตได้ใน App Store และ Google Play - กดดาวน์โหลดฟรี​ https://i.qy.net/f34caJ-b7

                อัปเดตและติดตามความเคลื่อนไหวสาระบันเทิงยอดนิยมแห่งเอเชียได้ทาง Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/iQIYIThailand; IG:@iQIYIThailand; Twitter: @iQIYIThailand; YouTube: iQIYI Thailand

8265
BEST Express เตรียมรับมือโปร 11.11 ขยาย HUB รับยอดพัสดุเพิ่ม
พร้อมบริการ Cross Border ส่งพัสดุข้ามประเทศ ไทย-มาเลเซีย-จีน

                 ต้อนรับเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ‘11.11’ ที่ปีนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เพราะคนไทยนิยมช้อปออนไลน์กันมากขึ้นเป็น New Normal ที่เกิดจากโควิด 19 โดยทุกแพลตฟอร์มอย่าง Shopee และ LAZADA ขนโปรโมชั่น โค้ดส่วนลด โปรส่งฟรี มาเอาใจนักช้อป และเมื่อมียอดซื้อสินค้าจำนวนมาก แน่นอนว่ายอดพัสดุที่ต้องจัดส่งมีจำนวนมหาศาล BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เบสท์ โลติสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยแผนเตรียมพร้อมรับมือกับเทศกาล 11.11 กับ 3 แนวทาง​ คือ เพิ่มความจุ (Capacity) ให้ HUB หรือศูนย์ประจายสินค้า, ขยาย Auto Sorting โดยนำเครื่องช่วยคัดแยกพัสดุอัตโนมัติมาใช้ใน HUB และบริการการจัดการคลังสินค้าและบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross border) เล็งขยายสาขาเพิ่มอีก 800 สาขาในสิ้นปีนี้ และขยายต่ออีก 1,000 สาขาในปี 2565


                 นายเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โปร 11.11 ในปีที่แล้ว ทางบริษัทฯ เจออุปสรรคในเรื่องของความจุ (Capacity) ไม่ค่อยเพียงพอ รวมทั้งเรื่องของคัดแยกพัสดุ ทำให้มีการส่งพัสดุให้ลูกค้าล่าช้า ในปีนี้เราจึงเพิ่มตัว Auto Sorting 15 เครื่อง เพิ่มขยายความจุ และขยายคลังสินค้า เพื่อจัดการให้เร็วมากยิ่งขึ้น และปัญหาพนักงานที่ไม่เพียงพอ เพราะว่าช่วงเวลาปกติ กับช่วง 11.11 หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ จะมีจำนวนพัสดุเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นปีนี้ในช่วงเวลาของแต่ละแคมเปญ เราได้จัดเตรียม Outsource และจัดหาจำนวนรถต่าง ๆ เพื่อเข้ามาช่วยกระจายพัสดุให้เพียงพอ โดยในช่วงของโปร 11.11 ถือเป็นเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่มาก มีพัสดุค่อนข้างเยอะ โดยทั้งโปร 11.11 และโปร 12.12 จะเป็นช่วงเวลาที่ทาง BEST Express จะได้รับพัสดุมากที่สุด เพราะฉะนั้น 2 ช่วงเวลานี้ เราทำยังไงก็ได้ให้ "บริการให้ดี ส่งได้เร็ว"”


                 ปัจจุบัน HUB หรือศูนย์ประจายสินค้าของ BEST Express มีอยู่ 5 แห่งทั่วประเทศ และมี 5 DC ทั่วประเทศเช่นกัน โดยในกรุงเทพฯ มี HUB อยู่ 2 แห่ง คือ BKK HUB หรือฮับกรุงเทพฯ RAMA 2 HUB หรือฮับพระรามสอง และอีก 3 HUB ได้แก่  PHS HUB หรือฮับพิษณุโลก KKC HUB หรือฮับขอนแก่น และ URT HUB หรือฮับสุราษฎร์ธานี ได้มีการเพิ่มความจุ คือ การเพิ่มขยายพื้นที่คลังสินค้าอีกประมาณ 50,000 ตารางเมตร และเพิ่มสาขาเพื่อรองรับลูกค้าอีก 200 สาขาเพิ่มจากปีที่แล้ว โดยเน้นความจุให้มากขึ้น เพื่อรองรับพัสดุที่เข้ามามากขึ้น


                 นอกจากนี้ BEST Express ยังได้จับมือกับ BG LINK (บริษัท บีจี ลิ้งค์ จำกัด) ผู้ให้บริการส่งพัสดุข้ามประเทศ ออกบริการ “BEST Cross Border (บริการส่งพัสดุด่วนข้ามประเทศ)” ที่พร้อมให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนจากไทยไปมาเลเซีย ณ ศูนย์บริการสาขา BEST Express ทั่วไทย และบริการจัดส่งพัสดุด่วนจากไทยไปจีน ใช้ระยะเวลานำส่งพัสดุจากต้นทางไปสู่ปลายทางภายในระยะเวลา 7 – 10 วันทำการ โดยการบริการส่งพัสดุข้ามประเทศได้เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการมากขึ้น ด้วยบริการ BEST2D Booking (เบสท์ ทู ดอร์ บุ๊คกิ้ง) หรือการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน ฟรี! ไม่มีขั้นต่ำ และบริการ BEST Tracking Alert (ติดตามสถานะพัสดุอัตโนมัติ) แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทาง LINE Official Account เว็บไซต์และแอพพลิเคชันของ BEST Express

                 นายเจสัน เชียน กล่าวถึงจุดเด่นการให้บริการของ BEST Express ว่า “เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เราถือเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เจ้าของต้องคิดอยู่เสมอว่าทำอย่างไรให้ได้กำไรมากที่สุด  เพราะ BEST Express เป็นธุรกิจจากจีนที่ทำระบบแฟรนไชส์จนประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงเอาระบบแฟรนไชส์เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 5 ประเทศที่เราขยายธุรกิจ คือ เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, กัมพูชา และไทย โดยเรามี​ BEST Supply Chain​ เป็นธุรกิจเครือข่ายของต่างประเทศมีอยู่ประมาณ 15 ประเทศทั่วโลก การที่เรามีเครือข่ายในหลายประเทศ ช่วยให้การทำ Cross Border Service ของเราดีขึ้น และได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วย อย่างในประเทศไทยเรามี "BEST Tracking Alert" โดยลูกค้าผูกเบอร์ไว้กับระบบของเรา หรือผ่าน LINE Official Account เวลาลูกค้าไปส่งพัสดุ ระบบจะทำการแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติแบบเรียลไทม์”

                 ในปี 2565 BEST Express จะเป็นธุรกิจขนส่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่จะขยายไปยังต่างประเทศ สร้างเครือข่ายขนส่งให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เชื่อมโยงกัน สามารถส่งของจากประเทศไทยไปต่างประเทศได้หมด รวมทั้งส่งของจากต่างประเทศมายังไทยด้วย โดยปีหน้ามีแผนที่จะขยายการเชื่อมต่อธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และจะมีการพัฒนาขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต สุดท้ายนี้ทาง BEST Express มีบริการใหม่ “BEST Big Parcel” เป็นการให้บริการส่งพัสดุขนาดใหญ่ได้สูงสุด 100 กิโลกรัม เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่จับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องการส่งพัสดุขนาดใหญ่ ซึ่งในปีหน้าเราจะพยายามให้การบริการของเรามีประสิทธิภาพ และรองรับความต้องการของลูกได้มากยิ่งขึ้น

Pages: 1 ... 549 550 [551] 552 553 ... 2404