This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
news & activity / “Khotcher We Made” เราคือผู้อยู่เคียงข้างทุกความสำเร็จ “เราไม่ใช่แค่ผู้ผลิต…
« on: July 11, 2025, 11:02:53 PM »“Khotcher We Made” เราคือผู้อยู่เคียงข้างทุกความสำเร็จ “เราไม่ใช่แค่ผู้ผลิต…แต่คือพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่เข้าถึงทุกมิติของการผลิตที่คุณไว้ใจได้ ”

การตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจผู้ผลิต โรงงาน การทำเอกสาร เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของบริษัท OEM จำเป็นต้องศึกษา เพื่อเลือกลงทุนให้ถูกต้องเกี่ยวกับระบบธุรกิจรับผลิต รับจดทะเบียน ผลักดันพัฒนาสูตร ออกมาให้ครบองค์ประกอบเพื่อตอบโจทย์กับกรรมวิธีผลิตสินค้า 1 ตัว ที่ต้องออกสู่ตลาด และ ภาคธุรกิจ เปรียบบริษัทรับผลิต หรือ “OEM /ODM” คือ “ต้นน้ำสู่ปลายทางอย่างครบวงจร ” สร้างความพร้อมให้สินค้าส่งตรงถึงมือผู้บริโภค พร้อมออกสู่ตลาด และ การสร้างแบรนด์

คุณกมลรัตน์ เต็งมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชเชอร์ โกลบอล ฟู้ด เป็นที่รู้จักในฐานะ ผู้เชี่ยวชาญสินค้าแดรี่โปรดักส์ครบวงจร มามากกว่า 12 ปี ขยายธุรกิจ เปิดบริษัทรับผลิตครบวงจรเต็มรูปแบบ OEM /ODM ภายใต้ชื่อ “Khotcher We Made” พร้อมรับโจทย์สร้างผลิตภัณฑ์ ทำให้เข้าสู่กระบวนการที่เห็นผลลัพธ์ “เพราะเราคือต้นน้ำ” ให้กับกลุ่มผู้ที่ต้องการผลิตสินค้า เนื่องจาก Khotcher We Made ไม่ได้เป็นแค่ “โรงงานรับผลิตสินค้าเพียงอย่างเดียว” แต่เราคือ “ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสินค้าที่ออกสู่ท้องตลาด ส่งตรงถึง ผู้บริโภค Khotcher We Made รองรับการผลิตสินค้าทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค โดยเป้าหมายของเราต้องการเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของตลาดกลุ่มสินค้า ประเภท อาหารเสริม ความงาม และ อุปโภคบริโภค อีกมากมาย

ในมุมของการเปิดบริษัทรับผลิตสินค้า สิ่งที่เป็นจุดเด่นในแต่ละสินค้าคือสูตรที่ต้องการผลิต นอกจากต้องจัดหาวัตถุดิบที่ดี ต้องมีการขึ้นทะเบียน ใบรับรอง คุณภาพสารสกัดมีเอกสารวิจัยรองรับ เอกสารสำคัญเกี่ยวกับการทำเกี่ยวกับสูตรการผลิต เราคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัตถุดิบ สารสกัด มามากกว่า 12ปี อยากเห็นธุรกิจคนไทย และ แบรนด์สินค้าควรได้ผลิตในโรงงานที่มีมาตรฐานสากลยอมรับ ทีมงานของเราคือผู้เชี่ยวชาญเอกสาร พัฒนาสูตร โดยทีมเภสัชกรและนักวิจัย ผลิตออกแบบ ทำด้วยมาตรฐาน GHPs / HALAL / HACCP / อย. กับการทำวิจัยสินค้าต่างๆ ออกแบบแพ็กเกจ วางคอนเซ็ปต์ สร้างแบรนด์ ให้คำปรึกษาการตลาด แบบ 360 องศา Khotcher We Made Full Service ทำให้สินค้าที่ต้องการจ้างผลิตต้องมั่นใจที่ได้ผลิตกับโรงงานที่มีความพร้อมด้านประสิทธิภาพ มาตรฐาน และ การตลาดครบวงจร เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับธุรกิจของคุณ ดังสโลแกน “ต้นน้ำสู่ปลายทาง” ให้นักธุรกิจไทย และ ต่างชาติ ได้พาร์ทเนอร์ทำสินค้าที่ดี ก้าวออกสู่ตลาด เป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์ทุกความต้องการจ้างผลิตสินค้าด้วยคุณภาพส่งตรงถึงผู้บริโภค”
นอกจากไอเดียกับการศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์แล้ว สิ่งสำคัญในการ ขยาย ขับเคลื่อน ต่อการทำโรงงาน OEM สิ่งสำคัญต่อธุรกิจ OEM ที่สุด คุณกมลรัตน์ เต็งมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชเชอร์ วี เมด จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความรู้ ความเชี่ยวชาญ จากการที่เป็น เภสัชกร ทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือในเรื่องสารสกัด ต้องเป็นของแท้100% มีเอกสารรองรับ สามารถการันตีได้เราพร้อมที่จะผลิตสินค้าที่ดี มีคุณภาพ และ มีมาตรฐานรองรับ ไม่ว่าสูตรที่ต้องการจะผลิต เป็นประเทศใด เรามีประสบการณ์ทำนำเข้ามากกว่า 12 ปี เรามีความเชี่ยวชาญในการจัดหาวัตถุดิบ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการซัพพอร์ตธุรกิจของคุณ”

หากสนใจอยากให้เราทดลอง วิจัย ประเมินผลิตภัณฑ์ สามารถทำนัดเข้ามาปรึกษาในขั้นตอนแรก ฟรี ! สำหรับการให้คำปรึกษา เพื่อให้เกิดทิศทาง วางแผน ประเมิน ให้เกิดความมั่นใจ และ มีทิศทางเป็นไปได้ก่อนตัดสินใจเข้าสู่ขั้นตอนผลิตสินค้าจริง
หากท่านต้องการปรึกษาเรื่องผลิตสินค้าครบวงจร หรือสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม
ช่องทางสำหรับติดต่อ
โทร 080-0457765 , 02-3340537
line OA: @khotcherwemade
Tiktok : khotcherfactory.OEM
IG : khotcherwemade.oem www.khotcherwemade.com
2
news & activity / COMMART UNLIMIT 2025 ประกาศความสำเร็จ! กระแส AI PC แรงไม่หยุด กระตุ้นยอดขาย
« on: July 11, 2025, 09:08:56 PM »COMMART UNLIMIT 2025 ประกาศความสำเร็จ!
กระแส AI PC แรงไม่หยุด กระตุ้นยอดขายโน้ตบุ๊กสูงสุดในงาน
กระแส AI PC แรงไม่หยุด กระตุ้นยอดขายโน้ตบุ๊กสูงสุดในงาน

บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน “COMMART UNLIMIT” มหกรรมสินค้าไอทีกลางปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เผยความสำเร็จของงานที่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมาย สามารถดึงดูดผู้บริโภคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก สะท้อนศักยภาพของตลาดเทคโนโลยีที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ภายใต้กระแส AI ที่พัฒนาประสิทธิภาพสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และแคมเปญส่งเสริมการขายที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี เปิดเผยว่า “งาน COMMART UNLIMIT ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดครึ่งปีหลังที่น่าประทับใจ ยอดขายรวมของแบรนด์และร้านค้าต่าง ๆ ภายในงานเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยกระแสเทคโนโลยี AI ที่ผนวกเข้ากับอุปกรณ์ไอทีรุ่นใหม่ ๆ มาช่วยยกระดับประสบการณ์ใช้งานในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือความบันเทิง ผนวกกับการเปลี่ยนผ่านหลัง Windows 10 สิ้นสุดการซัพพอร์ต ทำให้เกิดการอัปเกรดอุปกรณ์ครั้งใหญ่ หลายคนตัดสินใจเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีกว่า จึงเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น นอกจากนั้นยังมีโปรโมชั่นแรงจัดเต็มจากแบรนด์และร้านค้าต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและทำให้ผู้เข้าชมงานตัดสินใจง่ายขึ้น กระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายภายในงานได้เป็นอย่างดี งานคอมมาร์ตครั้งนี้นับเป็นอีกการรวมตัวของคนรักเทคโนโลยีที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ สัมผัสนวัตกรรม และอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน”


สินค้าขายดีในงาน COMMART UNLIMIT 2025 โน้ตบุ๊ก ยังคงเป็นสินค้าหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุด คิดเป็น 39% ของยอดขายรวม เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานทั้งเรียน ทำงาน เล่นเกม และส่วนใหญ่มีฟีเจอร์ AI ในตัว ด้านคอมพิวเตอร์ประกอบ (DIY) ได้รับความนิยมจากกลุ่มเกมเมอร์และผู้ใช้งานสายคัสตอม เป็นอันดับรองลงมาคิดเป็น 28% ของยอดขาย อุปกรณ์แกดเจ็ต (Gadget) อาทิ หูฟัง สมาร์ตวอช กล้อง และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ คิดเป็น 16% สมาร์ทโฟน ยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง คิดเป็น 10% และจอมอนิเตอร์และอุปกรณ์เสริม เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด สายชาร์จ คิดเป็น 7% แบรนด์ยอดนิยมในงาน ได้แก่ Acer / AMD / Apple / Asus / HP / Intel / Lenovo / MSI ร้านค้าขายดี ได้แก่ Banana / IT CITY / JIB / Speed / SPVi

เพื่อเป็นการขอบคุณทางผู้จัดงานได้จับรางวัลในกิจกรรม Commart Bonus สิทธิ์ในการลุ้นรางวัล Gadget เก๋ๆ ซึ่งมีการจับสลากผู้โชคดีแบบรายวันไปเรียบร้อยแล้ว สามารถติดตามผลรางวัลได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook/commartThailand[/center]


งาน COMMART มีกำหนดจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 27 – 30 พ.ย. 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่เดิม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand, Line:@Commart, และ twitter.com/Commart
3
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมบริจาคโลหิต สร้างพลังชีวิตใหม่ให้คนไทยทั่วประเทศ
« on: July 09, 2025, 09:11:28 PM »เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมบริจาคโลหิต สร้างพลังชีวิตใหม่ให้คนไทยทั่วประเทศ

เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) นำโดย นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นำทีมผู้บริหารพร้อมด้วยพนักงาน เข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิตเนื่องในงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24 จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัน สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และกองทุนประกันชีวิต เพื่อร่วมแสดงพลังแห่งการให้ด้วยการบริจาคโลหิตเพื่อส่งต่อความหวังให้แก่ผู้ป่วย ที่กำลังรอการรักษาอยู่ทั่วประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ประธานจัดงาน และรองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พร้อมด้วยคณะตัวแทนจากภาคธุรกิจประกัน ร่วมถ่ายภาพที่ระลึกในงาน เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้องจุมภฎ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ
กิจกรรมครั้งนี้เป็นการ รวมพลังน้ำใจชาวเจนเนอราลี่ ที่สะท้อนจุดยืนของเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ในการเป็นองค์กรที่ไม่เพียงดูแลลูกค้าเท่านั้น แต่ยังยืนหยัดเคียงข้างสังคมไทยในทุกช่วงเวลาโดยเชื่อมั่นว่า การบริจาคโลหิตคือหนึ่งในรูปแบบของการให้ชีวิตที่ทรงคุณค่า พร้อมเชิญชวนประชาชนที่มีสุขภาพดี ร่วมบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มปริมาณเลือดสำรองสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้รอการผ่าตัด และ ผู้ป่วยโรคเลือดที่ยังต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง มาร่วมเป็นพลังแห่งการให้ ที่ช่วยต่อชีวิตและเติมความหวังให้ผู้ป่วยทั่วประเทศไปด้วยกัน
4
news & activity / ขอเชิญร่วม“งานบวร ๑๐”การจัดนิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า
« on: July 09, 2025, 08:06:00 PM »ขอเชิญร่วม “งานบวร ๑๐”การจัดนิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
และการประกาศผลการประกวดวาดภาพบนพัดจีบ ชิงถ้วยพระราชทาน ณ ลานกิจกรรม Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ
และการประกาศผลการประกวดวาดภาพบนพัดจีบ ชิงถ้วยพระราชทาน ณ ลานกิจกรรม Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน


เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กลุ่มศิลปาศรีร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ 40 สถาบันการศึกษาจะจัดการประกวดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะภาพเขียนบนพัดจีบชิงรางวัลถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 2 ในโครงการ กล้า ๙ ท่องเที่ยวกรุง เพื่อคัดสรรผลงานยอดเยี่ยมที่สื่อถึงพระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจในด้านการส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรม ซึ่งได้ช่วยเหลือราษฎร นำมาจัดแสดงในงานบวร ๑๐ และเปิดตัวผลงานศิลปะดิจิตอลเฉลิมพระเกียรติชุดใหม่ ณ ลานกิจกรรม Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายถวายวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เพื่อสมทบสร้างอาคารศูนย์การเรียนปลูกรากแก้วศาสนทายาท (รร.สามเณร) การจัดงานครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงอุดมการณ์แห่งความจงรักภักดี อันเป็นวิถีแห่งการสร้างสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย “พลังบวร” ที่มีการเกื้อกูล ส่งเสริม ช่วยเหลือซึ่งกัน และกันอย่างเป็นธรรม เป็นการร่วมถวายพระเกียรติ พระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจด้วยศิลปะ

งานประกวดวาดภาพบนพัดจีบนี้เปิดโอกาสให้โรงเรียนระดับต่าง ๆ เข้าร่วมประกวด ได้แก่ โรงเรียนพระปริยัติธรรม, โรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย, โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น และโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 32 โรงเรียน โดยมีนักเรียนที่สนใจเข้าประกวดมากกว่า 150 คน เพื่อเข้าร่วมชิงรางวัลกว่า 20 รางวัล ซึ่งผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, โล่รางวัลเกียรติยศ พร้อมเกียรติบัตร อีกทั้งยังได้รับทุนการศึกษาจำนวน 20 รางวัล รวมทั้งสิ้น 80,000 บาท ได้แก่ รางวัลชนะเลิศสำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 4 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 สำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 4 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 สำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 4 รางวัล ๆ ละ 3,000 บาทและรางวัลชมเชย สำหรับโรงเรียนทุกประเภท รวม 8 รางวัล ๆ ละ 8,000 บาท


ผู้สนใจขอเชิญส่งผลงานร่วมประกวดภายในวันที่ 10 กรกฏาคม 2568 ได้ที่กลุ่มรับสมัครโดยสแกนQR Code นี้[size]
และขอเชิญประชาชน ผู้สนใจทุกท่านร่วมชมนิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติ อาทิ ชมดา]รา คนดังมีชื่อเสียงวาดภาพบนพัดจีบ, การแสดงพัดศิลป์ถวายองค์ราชันย์, การประกวดผลงานจิตรกรรมบนพัดจีบ, นิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ, ศิลปะภาพยนต์ชุด "สรรเสริญบารมีสดุดีจักรีวงศ์" ร่วมถวายพระพร, ร่วมวาดภาพพัดจีบ และกิจกรรมอื่น ๆ ในระหว่างวันที่ 17-28 กรกฎาคม 2568 ณ ลานกิจกรรม Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เวลา 10.00 - 22.00 น.






5
news & activity / SCGD มั่นใจฐานการผลิตเวียดนาม หนุนเติบโตระยะยาว รับมือเศรษฐกิจผันผวน
« on: July 08, 2025, 09:00:09 PM »SCGD มั่นใจฐานการผลิตเวียดนาม หนุนเติบโตระยะยาว รับมือเศรษฐกิจผันผวน พร้อมขยายส่งออก ลดผลกระทบภาษีสหรัฐฯ

บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) ยืนยันความแข็งแกร่งกลยุทธ์การเติบโตและความยืนหยุ่นของธุรกิจ แม้ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 36% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวฯ ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก
บริษัทฯ มีรายได้จากการส่งออกสหรัฐฯ น้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายทั้งหมด พร้อมเดินหน้ารุกขยายการส่งออกจากเวียดนามโดยใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจผันผวนพร้อมรับมือสภาวะตลาดที่ผันผวนไม่แน่นอนและท้าทาย

นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) กล่าวว่า “เรามองเห็นศักยภาพการเติบโตและความสามารถการแข่งขันในระยะยาวของเวียดนาม ด้วยเศรษฐกิจเวียดนามที่เติบโตต่อเนื่อง โครงสร้างประชากรในวัยทำงานที่เอื้อต่อการจ้างงาน และต้นทุนการผลิตที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และยังเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่มีข้อตกลงทางภาษีศุลกากรของสินค้าเวียดนามที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ระดับ 20% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีฐานการผลิตที่สำคัญที่เวียดนาม ในเครือ PRIME GROUP ซึ่งเป็นผู้นำตลาดกระเบื้องอันดับ 1 ของเวียดนาม โดยครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% และมีแผนขยายสู่ภาคใต้ของประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบจากเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งและแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูง

ทั้งนี้ PRIME GROUP มียอดขาย Glazed Porcelain เพิ่มขึ้นกว่า 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดไทยยังชะลอตัว ทั้งยัง ได้เปรียบด้านต้นทุนพลังงาน และค่าแรงของเวียดนามก็ต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน นอกจากนี้ ยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในพลังงานทางเลือก อาทิ ระบบ Solar และเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) ซึ่งไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทอีกด้วย

ปัจจุบันบริษัทฯ เดินเครื่องผลิต Glazed porcelain เต็มกำลัง และได้เริ่มขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่โรงงาน Pho Yen โดยระยะที่ 1 แล้วเสร็จกว่า 2.5 ล้านตารางเมตร และคาดว่าจะแล้วเสร็จระยะที่ 2 อีก 2.5 ล้านตารางเมตร ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ รวมถึงแผนพัฒนากระเบื้อง HVA และกระเบื้องขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และยุโรป ซึ่งสามารถใช้ความได้เปรียบด้านต้นทุนและภาษีเพื่อขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพล
นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับซัพพลายเออร์ระดับแนวหน้าเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ภายใต้ SCGD มีคุณภาพระดับโลก ซึ่งรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ร่วมมือกับพันธมิตรจากยุโรป เพื่อแข่งขันกับสินค้าจากผู้เล่นระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแสวงหาโอกาสใน Merger and Partnership และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์โดยเฉพาะในเวียดนาม เพื่อขยายธุรกิจเซรามิกและสุขภัณฑ์ให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ทั้งนี้เชื่อมั่นว่า เวียดนามจะเป็นฐานการผลิตหลักและการส่งออก เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
6
news & activity / RASA TWO ร่วมกับเอสซีจี เดินหน้าอาคารสำนักงานยังยืนแห่งอนาคตผ่านการรับรองมาตรฐาน
« on: July 08, 2025, 08:39:41 PM »RASA TWO ร่วมกับเอสซีจี เดินหน้าอาคารสำนักงานยั่งยืนแห่งอนาคตผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED เวอร์ชันล่าสุด v4.1 O+M ระดับ Platinum เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน

นายดุสิต ชัยรัตน์ Head of Smart System Solution Business, SCG Cement and Building Materials และ คุณ สรวิศ อังสุวรังษี Senior Sustainability Consultant, SCG Building and Living Care Consulting ร่วมแสดงความยินดีในพิธีมอบป้ายมาตรฐานอาคารเขียว “LEED (Leadership in Energy and Environmental Design)” ให้แก่ บริษัท รสา เว็นเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาอาคารสำนักงานระดับเกรดเอ อาคาร RASA TWO (รสา ทู) นำโดย นาย รพิ พินิจชอบ Chief Executive Officer (CEO) และนางวิกัญญา อัศวาณิชย์ Deputy Chief Executive Officer (DCEO) หลังประสบความสำเร็จ ได้รับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED เวอร์ชันล่าสุด 4.1 ประเภท O+M ในระดับ Platinum มุ่งเน้นการจัดการ ดูแล และปรับปรุงประสิทธิภาพของอาคาร โดยทาง SCG Building and Living Care Consulting เป็นบริษัทที่ปรึกษาการขอรับรองมาตรฐานในครั้งนี้

RASA TWO (รสา ทู) เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า เกรดเอ ในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจอโศก - เพชรบุรี เป็นอาคารมีพื้นที่ใช้สอยกว่า 45,000 ตารางเมตร และมีบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงเป็นผู้เช่าในอาคาร ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ และความนิยมของอาคาร โดยในการขอรับรอง LEED ในครั้งนี้เป็นไปตามเป้าหมายของอาคารที่จะต้องการมุ่งเน้นประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในอาคาร รวมไปถึงการใช้ชีวิตของผู้ใช้อาคาร ตามแนวคิด “A New Horizon for Future Workspace”

โดย บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์ คอนซัลติ้ง จำกัด ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาการออกแบบอาคารเพื่อความยั่งยืนและเพื่อสุขภาวะที่ดี ได้วิเคราะห์ข้อมูลด้านประสิทธิภาพและช่วยในการจัดทำมาตรการต่างๆให้เหมาะสมกับโครงการอย่างสูงสุด ซึ่ง RASA TWO มีจุดโดดเด่นจากการดำเนินการตามมาตรฐาน LEED ดังต่อไปนี้

• การใช้พลังงาน : RASA TWO ลดการใช้พลังงานได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับอาคารสำนักงานทั่วไป หรือประมาณ 6,500 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTCO2-e) ได้ถึง 2,650 ตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 120,000 ต้น
• คุณภาพอากาศภายในอาคาร : โครงการให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยใช้ระบบกรองอากาศจากภายนอกเพื่อลดมลพิษ และลดความเข้มข้นของก๊าซ CO2 ภายในอาคาร เพื่อคุณอากาศที่ดี ส่งเสริมสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคารทุกคน
• การจัดการวัสดุเหลือใช้ : มุ่งเน้นการจัดการวัสดุเหลือใช้อย่างมีระบบ มีมาตรการในการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) และ รีไซเคิล (Recycle) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยสามารถลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นได้ถึง 1,400 ตันต่อปี
• การขนส่ง : โครงการตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน เรือโดยสาร และรถโดยสารประจำทาง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทาง มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งได้ถึง 360 ตันต่อปี
• การใช้น้ำ : โครงการประหยัดน้ำโดยใช้อุปกรณ์สุขภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และระบบนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยสามารถลดการใช้น้ำได้สูงสุดถึง 15% ต่อปี
“ความสำเร็จของอาคาร RASA TWO ในการคว้ามาตรฐาน LEED ระดับ Platinum ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ RASA Group ในการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึงเป้าหมายหลักขององค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้อาคารและนักลงทุนยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับทั้งคุณภาพชีวิต ความรับผิดชอบต่อสังคม และประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร” นาย รพิ พินิจชอบ Chief Executive Officer (CEO) บริษัท รสา เว็นเจอร์ส จำกัด กล่าว
7
news & activity / ไบเออร์สด๊อรฟ ตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน สานต่อความร่วมมือกับมูลนิธิ SOS
« on: July 08, 2025, 07:59:55 PM »ไบเออร์สด๊อรฟ ตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืน สานต่อความร่วมมือ
กับมูลนิธิ SOS Children’s Villages Thailand ดูแลเด็กและเยาวชนขาดโอกาส
กับมูลนิธิ SOS Children’s Villages Thailand ดูแลเด็กและเยาวชนขาดโอกาส

มร.วินเซนท์ วอร์เนรี่ (ที่ห้าจากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด จากประเทศเยอรมัน บริษัทเจ้าของแบรนด์นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันดับหนึ่งของโลก สานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน เข้าร่วมเยี่ยมชมโครงการ NIVEA CONNECT เป้าหมายในการลดปัญหาความโดดเดี่ยวทางสังคมของเด็กและเยาวชน ที่ดำเนินการใน 36 ประเทศทั่วโลก โดยในไทย จับมือกับมูลนิธิ SOS Children’s Villages Thailand เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสทางครอบครัว ส่งเสริมสุขภาพจิต การสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน และเสริมสร้างความเข้มแข็งทางอารมณ์ การฝึกอบรมผู้ดูแล การปรับปรุงสนามเด็กเล่น และกิจกรรมส่งเสริมทักษะชีวิต ณ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
บุคคลในภาพจากซ้ายไปขวา
1. นันทนา ตั้งจิตรมณีศักดา - ผู้อำนวยการหมู่บ้านเด็กโสสะบางปู สมุทรปราการ
2. เภสัชกรหญิงวราพร ลิขิตจรรยากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ ประเทศไทย
3. จันทิรา สมบุญเกิด ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทุนและการสื่อสาร
4. ดวงใจ ตั้งสง่า กรรมการอำนวยการ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ
5. มร.วินเซนท์ วอร์เนรี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด
6. สถิรวรรณ เอี่ยมอ่อง NIVEA Marketing Director - MU ASEAN
7. Grita Loebsack Member of Executive Board NIVEA BLU
8. Kevin Doak Senior Vice President – MU ASEAN
9. Ramon Mirt Executive Board Member Emerging Market
10. วิศัลยา เจริญรักษ์ Head of Corporate Communications, CSR and Public Affairs - MU ASEAN
8
ข่าวบันเทิง / “บุพเพสันนิวาส ๒” มาแล้ว! ภาพยนตร์รักย้อนยุคสุดฮิต ลงจอทรูโฟร์ยู 13 ก.ค.นี้
« on: July 08, 2025, 07:05:42 PM »“บุพเพสันนิวาส ๒” มาแล้ว! ภาพยนตร์รักย้อนยุคสุดฮิต ลงจอทรูโฟร์ยู 13 ก.ค.นี้

ย้อนเวลาสู่ยุครัตนโกสินทร์กับภาพยนตร์รักข้ามภพ “บุพเพสันนิวาส ๒ -LOVE DESTINY: THE MOVIE” นำแสดงโดย โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ราณี ร่วมด้วย พาริส และ นน ชานน หนังผสมความโรแมนติก ฮา และดราม่าเข้ากับประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นกระแสแรงตั้งแต่วันแรก ด้วยรายได้ทะลุ 300 ล้านมาแล้ว ใครที่เคยหลงรัก “บุพเพสันนิวาส” เวอร์ชั่นละคร บอกเลยว่า กลับมาชมอีกครั้งในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ก็จะอินฟินยิ่งกว่าเดิมแน่นอน



เมื่อ “ขุนสมบัติบดี” หรือ “ภพ” (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) นายช่างใหญ่แห่งกรมพระคลัง ได้พบกับ “เกสร” (ราณี แคมเปน) หญิงสาวผู้สง่างามที่ดูเหมือนมีสายใยบางอย่างเชื่อมโยงกันข้ามภพ เรื่องราวยิ่งเข้มข้นเมื่อ “เมธัส หันตระกูล” (พาริส อินทรโกมาลย์สุต) หนุ่มยุคปัจจุบันทะลุมิติมาพร้อมปืนโบราณ และต้องหาทางกลับโลกเดิม แต่กลับต้องร่วมมือกับ “เสด็จในกรม” (ชานน สันตินธรกุล) ขุนนางหนุ่มผู้ทรงอิทธิพล และ “พี่ปี่” (ปวีณ์นุช แพ่งนคร) บ่าวคนสนิทของเกสร ที่รู้มากกว่าที่ใครคิค ภารกิจข้ามภพครั้งนี้เต็มไปด้วยความรัก ความลับ และการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนชะตาประเทศ ทั้งฮา ทั้งซึ้ง ครบรสในเรื่องเดียว ดูเลย “บุพเพสันนิวาส ๒” วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ เวลา 18.40 น. ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ true4u.com/live
9
ข่าวบันเทิง / Shopee ผนึก HYBE + TAJOY ENTERTAINMENT คว้าวง ENHYPEN เขย่าหัวใจแฟนคลับชาวไทย
« on: July 08, 2025, 06:27:17 PM »Shopee ผนึก HYBE + TAJOY ENTERTAINMENT คว้าวง ENHYPEN เขย่าหัวใจแฟนคลับชาวไทย จัดเต็มความสนุกในงาน Shopee x ENHYPEN 'DESIRE : UNLEASH' FANSIGN & CAFE EVENT 2025

Shopee - HYBE และ TAJOY ENTERTAINMENT” 3 พาร์ทเนอร์ เดินเครื่องจัดความสนุก ฟินไปกับศิลปิน K-POP วง ENHYPEN (เอนไฮเพน) จัดกิจกรรม FANSIGN และ FAN CAFE ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมภาพบรรยากาศสุดประทับใจกับ “Shopee x ENHYPEN 'DESIRE : UNLEASH' FANSIGN & CAFE EVENT 2025” ตัดริบบิ้นฉลองคลอดอัลบั้ม ENHYPEN 6th Mini Album ‘DESIRE : UNLEASH’ แฟนคลับแฮปปี้ใกล้ชิดกับ 7 หนุ่มเมมเบอร์ ฮอตไม่พักแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
ระเบิดไอเดียความร่วมมือสุดยิ่งใหญ่จาก 3 พาร์ทเนอร์ ได้แก่ Shopee อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ครองใจผู้ใช้งานชาวไทย , HYBE ค่ายเพลง K-POP ระดับโลก และ TAJOY ENTERTAINMENT จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “Shopee x ENHYPEN 'DESIRE : UNLEASH' FANSIGN & CAFE EVENT” ในปี 2025 ซึ่งมีแนวคิด เสิร์ฟกิจกรรมเพื่อความใกล้ชิดระหว่างแฟนคลับและศิลปินแชร์โมเม้นต์ประสบการณ์ดีดีร่วมกันเป็นภาพที่อบอุ่นน่าประทับใจ

กิจกรรม FANSIGN EVENT ชวนแฟนคลับร่วมกิจกรรมสนุกด้วยกติกาการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมบนแอป Shopee และซื้ออัลบั้ม ENHYPEN ‘DESIRE : UNLEASH (MAKE Ver./YOU Ver./MINE Ver.) ผ่านทาง Korea Town Official by Shopee บน Shopee Mall รับสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีได้สิทธิ์ FANSIGN และสิทธิ์ร่วมงานรวม 1,728 ท่าน ใจเต้นไปกับความละมุนของสมาชิกทั้ง 7 หนุ่มเมมเบอร์ของวง ENHYPEN (เอนไฮเพน) ได้แก่ JUNGWON (จองวอน), HEESEUNG (ฮีซึง), JAY (เจย์), JAKE (เจค), SUNGHOON (ซองฮุน), SUNOO (ซอนอู) และ NI-KI (นิกิ)
เต็มอิ่มกับกิจกรรมแฟนไซน์ และกิจกรรมบนเวที เรียกเสียงกรี๊ดสนั่น ทั้ง PHOTO TIME, Q&A คำถามจากแฟนคลับ, เล่นเกมส์สตรอว์เบอรี่ 8 จังหวะ เกมส์ยอตฮิตของเกาหลีใต้ สร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะแบบจุกจุกตลอดการจัดกิจกรรมที่จัดขึ้น ณ centralwOrld Pulse ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

CAFE EVENT สุด exclusive ด้วยกติกาการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมบนแอป Shopee และซื้ออัลบั้ม ENHYPEN ‘DESIRE : UNLEASH (ENGENE Ver.) รับสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีได้สิทธิ์ กิจกรรมครั้งนี้คัดผู้ที่ได้รับสิทธิ์ร่วมงาน 70 ท่าน เริ่มต้นความสดใส เปิดบ้าน BUTTERY WORLD น้องเนย (Butterbear) ในฐานะเจ้าบ้านต้อนรับสุดอบอุ่นแก่ ENGENE (เอนจีน) + 7 หนุ่มเมมเบอร์จากวง ENHYPEN (เอนไฮเพน) ดีไซน์ความสนุกของกิจกรรมเพื่อให้แฟนคลับแฮปปี้กับธีมกิจกรรม CAFE EVENT ฟินด้วยเครื่องดื่ม+ ขนมแสนอร่อย รับจากมือ 7 หนุ่มเมมเบอร์ พร้อมลุ้นเป็นผู้โชคดีรับรูปโพลารอยด์พร้อมลายเซ็นต์ ความสนุกอบอวล ณ BUTTERY WORLD ชั้น 5 สยามพารากอนที่ผ่านมา
#ShopeexEnhypenFansignandCafe
#ShopeeTH #ENHYPEN #DESIRE_UNLEASH
10
news & activity / กระทรวงอุตฯ ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน-ประชาชน ตะลุยปั้นเชฟไฟแรง 1.7 หมื่นคน
« on: July 08, 2025, 12:41:58 PM »กระทรวงอุตฯ ผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน-ประชาชน ตะลุยปั้นเชฟไฟแรง 1.7 หมื่นคน
พร้อมต่อยอดสร้างเชฟมืออาชีพสู่ครัวโลก คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท
พร้อมต่อยอดสร้างเชฟมืออาชีพสู่ครัวโลก คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท


กรุงเทพฯ 8 กรกฎาคม 2568 - กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ แสดงพลังความร่วมมือสุดยิ่งใหญ่ จัดกิจกรรม “THAI MASTER CHEF POWER : พลังเชฟไทย สร้างชาติ” เดินหน้าปั้นเชฟไทยสร้างอาชีพต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตั้งเป้าพัฒนาทักษะประชาชน 17,000 คน สู่เชฟชุมชน ผ่าน 2 หลักสูตร ได้แก่ Master Chef Program 50 ตำรับ และ Master Chef Program Plus 70 ตำรับ หวังสร้างรายได้ สร้างอาชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ พร้อมผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยอวดสายตาเวทีโลก โดยคาดว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท อันจะเป็นพลังใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคต

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การใช้อาหารเป็น “Soft Power” ไม่ใช่เพียงแนวคิด หากแต่เป็น “ยุทธศาสตร์ชาติ” ที่ต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ด้วยการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาระบบนิเวศในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการประกอบกิจการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับสินค้า ทั้งด้านมาตรฐานและดีไซน์ให้ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสอดรับกับการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล


กระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) บูรณาการความร่วมมือ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เร่งเดินหน้า “โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟ อาหารไทย (Master Thai Chef)” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นกลไกในการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และทักษะที่ได้รับการรับรอง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสร้างอาชีพใหม่ให้กับประชาชน แต่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายเชฟไทยที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบาย OFOS (One Family One Soft Power) การยกระดับรายได้ให้ประชาชนของรัฐบาลผ่านการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างสรรค์และสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอาหารของโลก อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดีพร้อมได้ตระหนักถึงบทบาทของอุตสาหกรรมอาหารไทย ในฐานะ Soft Power ที่ทรงพลังของประเทศ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการส่งออก การท่องเที่ยว การสร้างอาชีพในระดับชุมชน และยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศ โดยมุ่งพัฒนาเชฟชุมชนให้เป็นผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหารเชิงสร้างสรรค์ ไม่เพียงเน้นการฝึกอาชีพ แต่ครอบคลุมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ บรรจุภัณฑ์ และการตลาด พร้อมเชื่อมโยงเชฟกับ SME ท้องถิ่น เกษตรกรผู้ปลูกวัตถุดิบ ผู้ผลิตเครื่องปรุง และร้านอาหาร ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ที่นี่มีแต่ให้” เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นระบบผ่าน “โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย (Master Thai Chef)” เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และยกระดับทักษะให้ประชาชนสามารถเป็นเชฟมืออาชีพในระดับชุมชน โดยในปี 2568 ดีพร้อมได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติทั้ง 13 สาขาเขต ขยายพื้นที่เป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพให้ประชาชน จำนวน 17,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตร Master Chef Program 50 ตำรับ จำนวน 12,000 คน และ 2. Master Chef Program Plus 70 ตำรับ จำนวน 5,000 คน โดยจะพัฒนาขึ้นมาใหม่จาก 7 กลุ่มอาหาร ประกอบด้วย อาหารไทยต้นตำรับเพื่อการประกอบอาชีพ อาหารไทยสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพ ขนมหวานไทยประยุกต์สำหรับตลาดสากล อาหารไทย Street Food ฟิวชั่นอาหารไทยกับรสชาติสากล อาหารเจ และอาหารชาววัง ซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เข้ารับการอบรมทำให้สามารถต่อยอดสู่อาชีพ เกิดการสร้างรายได้ และสร้างแบรนด์ท้องถิ่น อันจะนำไปสู่การยกระดับเชฟชุมชนให้เป็น Soft Power ระดับประเทศและการยอมรับอาหารไทยในเวทีสากลต่อไป


“ดีพร้อม” เชื่อมั่นว่า พลังของความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคประชาชน และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ จะผลักดันให้ชุมชนสร้างเชฟคุณภาพที่สามารถยกระดับวิถีชีวิตของตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดในชีวิตจริง วันนี้ทักษะอาหารไทยไม่ใช่เพียงแค่ฝีมือในครัวแต่คือพลังในการสร้างเศรษฐกิจของชาติ เป็นพลังใหม่ของเศรษฐกิจไทยในอนาคต ทั้งนี้ ในปี 2567 ดีพร้อม ได้นำร่อง Master Thai Chef โดยมีผู้ผ่านการอบรม จำนวน 1,304 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 356 ล้านบาท สามารถประกอบอาชีพได้จริงในพื้นที่ของตนเอง อันนำไปสู่การลงทุนต่อเนื่องในระดับชุมชนและเกิดผลสัมฤทธิ์เชิงรูปธรรม”


โดยล่าสุด ดีพร้อม ได้จัดกิจกรรม “THAI MASTER CHEF POWER : พลังเชฟไทย สร้างชาติ” เพื่อเป็นการคิกออฟ “โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย (Master Thai Chef)” และประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวในวงกว้าง รวมถึงแสดงผลการดำเนินงานและสื่อสารพลังความร่วมมือกับหน่วยงานร่วม MOU ได้แก่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ทั้งมีการจัดแสดงนิทรรศการ “รูป รส กลิ่น สี ครบทุกสัมผัส” แบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ และการสาธิตเมนูอาหารไทยสร้างสรรค์โดยเชฟรุ่นใหม่ เพื่อยืนยันว่า Soft Power ของไทยนั้นสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง

นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานฯ มีภารกิจในการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมและพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้วยการเรียนรู้และพัฒนาความคิดริเริ่ม ตลอดจนเสริมศักยภาพ และส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในหมู่บ้านและชุมชนเมือง มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถของคนในหมู่บ้านและชุมชนให้สามารถพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่งสำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯ มีเครือข่าย ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้ง 13 สาขาเขต เชื่อมโยงกับชุมชนในระดับหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด และจะเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงานฯ พร้อมขับเคลื่อนโครงการฯ ผ่านความร่วมมือในหลายมิติ ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ ผ่านกิจกรรมสื่อสารเชิงรุกในพื้นที่ การรับสมัครผู้เข้าร่วมอบรม โดยอาศัยการเชื่อมโยงจากผู้นำชุมชน กรรมการกองทุน และกลุ่มอาชีพ ตลอดจน การหาลูกค้าเป้าหมาย ที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างตรงจุดผ่านกลไกและฐานข้อมูลสมาชิกของแต่ละเขต โดยจะได้จัดให้มี “กิจกรรมสร้างการรับรู้ และทำความเข้าใจโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย” ณ สถานที่ตั้งของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯ หรือสถานที่ที่เหมาะสมในพื้นที่รับผิดชอบของทั้ง 13 สาขาเขต ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าถึงโอกาสในการพัฒนาทักษะ เกิดแรงจูงใจในการเข้าร่วมอบรมและสร้างอาชีพใหม่อย่างจริงจัง รวมทั้งผลักดันให้เกิดการสร้างเชฟอาหารไทยมืออาชีพให้ครอบคลุม 17,000 คน ทั่วประเทศ


“ความร่วมมือในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชนที่ผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างโอกาสที่ดีของการพัฒนาทักษะอาชีพโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์ด้วยการสนับสนุนและเชื่อมโยงการขับเคลื่อนโครงการให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง”




11
Sport News & Motor Sport / “แดนไท” มาแรงรอบสุดท้าย จบรองแชมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก
« on: July 07, 2025, 10:54:26 PM »“แดนไท” มาแรงรอบสุดท้าย จบรองแชมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก

สกอตต์ วินเซนต์
7 กรกฎาคม 2568 – แดนไท บุญมา ระเบิดฟอร์มร้อนแรงรอบสุดท้ายหวด 7 เบอร์ดี้ แบบไร้โบกี้ จบด้วยสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 282 พุ่งขึ้นมารั้งรองแชมป์ศึก อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก ที่สนามรอยัล กอล์ฟ ดาร์ เอส ซาลัม พาร์ 73 ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่โทรฟีแชมป์ตกเป็นของ สกอตต์ วินเซนต์ โปรจอมแกร่งจากซิมบับเว ที่คว้าแชมป์ไปด้วยสกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 278 (ภาพ: Asian Tour)

สกอตต์ วินเซนต์
เอเชียน ทัวร์ จัดศึกอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโก ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 64 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่สี่จาก 10 รายการของอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ 2025 แข่งขัน ณ สนามรอยัล กอล์ฟ ดาร์ เอส ซาลัม ระยะ 7,630 หลา พาร์ 73 ในกรุงราบัต ประเทศโมร็อกโก ระหว่างวันที่ 3-6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนักกอล์ฟไทยผ่านตัดตัว 13 คน
รอบสุดท้ายของการชิงชัยปรากฎว่า แดนไท บุญมา ซึ่งออกสตาร์ทด้วยสกอร์ 3 อันเดอร์พาร์ 216 ตามหลัง สกอตต์ วินเซนต์ ผู้นำจากซิมบับเว ถึง 8 สโตรค ระเบิดฟอร์มร้อนแรงหวดวันเดียว 7 อันเดอร์พาร์ 66 จากการทำ 7 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียแม้โบกี้เดียว พุ่งจากอันดับ 24 ร่วม ขึ้นมาจบรองแชมป์ด้วยสกอร์รวม10 อันเดอร์พาร์ 282 รับเงินรางวัลไป 220,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านบาท

แดนไท บุญมา
แดนไท เจ้าของสองแชมป์เอเชียน ทัวร์ เผยหลังเกมว่า “วันนี้เล่นได้ดีมาก ทำแฟร์เวย์ กรีน และพัตต์ได้ ผมว่าเป็นเพราะโมเมนตัมที่ดีจากการทำเบอร์ดี้ได้เร็วที่หลุมสอง ซึ่งเป็นหลุมพาร์สามที่ค่อนข้างยาก จากนั้นเกมก็ลื่นไหล แม้จะมีผิดพลาดบ้างแต่ก็แก้ไขได้ พอใจกับผลงานในสัปดาห์นี้มาก”

ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ
ขณะที่ สกอตต์ วินเซนต์ ผู้นำรอบสองและสาม รักษาฟอร์มดีต่อเนื่องหวดเพิ่มอีก 3 อันเดอร์พาร์ 70 จาก 5 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ รวมสี่วันมี 14 อันเดอร์พาร์ 278 คว้าแชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ เป็นรายการที่สองให้กับตัวเอง รวมถึงเงินรางวัล 360,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 11.5 ล้านบาท พร้อมขยับขึ้นรั้งตำแหน่งผู้นำอันดับคะแนนสะสมเอเชียน ทัวร์ ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต และอันดับสองในตารางของอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ฤดูกาลปัจจุบัน
วินเซนต์ โปรวัย 33 ปี ซึ่งคว้าแชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี 2022 กล่าวว่า “เกมค่อนข้างยากและสูสี ซึ่งผมเล่นได้ดีตลอดทั้งสัปดาห์นี้และอยู่ในตำแหน่งที่ดี แม้ออกสตาร์ทในฐานะผู้นำ แต่ก็พยายามไม่มองสกอร์บอร์ด จึงไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ การคว้าแชมป์รายการอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะผมจะได้ลุ้นอันดับตัวเองภายในสิ้นปี เพื่อโอกาสในการเล่นลิฟ กอล์ฟ ในปีหน้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของผม”

เศรษฐี ประคองเวช
ทางด้าน เศรษฐี ประคองเวช ซึ่งทำผลงานได้ลุ้นหลังจบรอบสามมีสกอร์รวมไล่จี้ผู้นำเพียงสโตรคเดียว รอบสุดท้ายพลาดตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์ 76 หล่นไปอยู่อันดับ 7 ด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอ์พาร์ 285 รับเงินรางวัลไป 57,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.8 ล้านบาท ขณะที่ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ หวดโฮลอินวันได้ที่หลุม 9 รวมกับอีก 1 เบอร์ดี้ เสียไป 2 โบกี้ จบ 18 หลุมเข้ามา 1 อันดอร์พาร์ 72 รั้งอันดับ 22 ร่วม ด้วยสกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 289
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
12
news & activity / สจล. จับมือ มหาวิทยาลัยโอซาก้า ขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์
« on: July 07, 2025, 08:59:42 PM »สจล. จับมือ มหาวิทยาลัยโอซาก้า ขับเคลื่อนนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ เดินหน้าสู่ Smart Cities
และการพัฒนาสุขภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
และการพัฒนาสุขภาพชีวิตอย่างยั่งยืน

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) และมหาวิทยาลัยโอซาก้า (Osaka University) มุ่งมั่นที่จะพัฒนาความร่วมมือในระยะยาว ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การวิจัยร่วม (Joint Research) เพื่อการสร้างสรรค์งานวิจัยที่เป็นนวัตกรรมและมีประโยชน์ต่อสังคมร่วมกัน, การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากร เพื่อการส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในระดับนานาชาติ และเป็นการเปิดโลกทัศน์และเสริมสร้างศักยภาพของทั้งนักศึกษาและคณาจารย์, การพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลเพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการพัฒนาในอนาคต ตั้งแต่การสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ไปจนถึงการส่งเสริม สุขภาพที่ยั่งยืน (Sustainable Health)
ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจับมือกันของ 2 มหาวิทยาลัย แต่เป็นการสร้าง "สะพานแห่งวิทยาศาสตร์สู่สังคม" ที่จะเปลี่ยน "พลังแห่งวิสัยทัศน์" ให้กลายเป็น "ผลลัพธ์จริง" ที่จับต้องได้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสังคมโลกไปข้างหน้า

สจล.เดินหน้ายกระดับความร่วมมือระดับนานาชาติ ภายใต้การนำโดย ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดีสจล. นำคณะผู้บริหารระดับสูงเดินทางเยือน มหาวิทยาลัยโอซาก้า (University of Osaka) มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของญี่ปุ่น
เพื่อสานต่อและเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองสถาบัน
มหาวิทยาลัยโอซาก้า ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Top 100 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก (QS Ranking) มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านการวิจัยขั้นแนวหน้าในสาขาวิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ในขณะที่ สจล. คือผู้นำด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย ด้วยจุดแข็งจากการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเครือข่ายความร่วมมือเชิงลึกกับภาคอุตสาหกรรม หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงผลงานวิจัยที่สามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมเชิงพาณิชย์และเพื่อสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็น จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์ ที่สำคัญยิ่ง โดยจะหลอมรวม "องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก" จากมหาวิทยาลัยโอซาก้า เข้ากับ "ระบบนิเวศนวัตกรรม" ที่แข็งแกร่งของสจล. เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการที่มี ผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคม อย่างแท้จริงและยั่งยืน
ทั้งนี้ สจล. ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งล่าสุด ติดอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้านวิศวกรรมเครื่องกลและอากาศยาน จากการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ Research.com สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสถาบันในการพัฒนาองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก ตามวิสัยทัศน์ “The World Master of Innovation”

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์: https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000
13
news & activity / Maison Berger Paris มอบที่สุดแห่งโปรโมชั่น Mid-Year ลดแรงเกินต้าน!
« on: July 07, 2025, 08:39:17 PM »Maison Berger Paris มอบที่สุดแห่งโปรโมชั่น Mid-Year ลดแรงเกินต้าน!
ตะเกียงน้ำหอมดีไซน์หรู ลดสูงสุดกว่า 50% ในราคาที่คุณต้องหลงรัก
ตะเกียงน้ำหอมดีไซน์หรู ลดสูงสุดกว่า 50% ในราคาที่คุณต้องหลงรัก

Maison Berger Paris แบรนด์เครื่องหอมสำหรับบ้านระดับตำนานจากฝรั่งเศส ขอเชิญชวนเหล่าคนรักบ้านและหลงใหลในความหอม สัมผัสปรากฏการณ์ความคุ้มค่ากับ โปรโมชั่น Mid-Year สุดร้อนแรงแห่งปี ที่จัดหนักด้วยตะเกียงน้ำหอมหลากหลายดีไซน์ พร้อมน้ำหอมขนาด 500 มิลลิลิตร ในราคาพิเศษ ลดสูงสุดกว่า 50%
เพราะเรารู้ว่า...กลิ่นหอมที่ดี สามารถเปลี่ยนทุกวันให้เป็นโมเมนต์พิเศษได้ Maison Berger Paris จึงคัดสรรไอเทมแต่งบ้านที่ทั้งหรูหรา สะท้อนรสนิยม และให้คุณได้สัมผัสกลิ่นหอมสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างมั่นใจ ด้วยนวัตกรรมตะเกียงน้ำหอมสิทธิบัตรเฉพาะจากฝรั่งเศส
พบกับ 5 คอลเลคชันไอคอนิก ในราคาพิเศษเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น!
• Pure Lolita Lempicka Set – เพียง 1,850 บาท มนต์เสน่ห์แห่งเทพนิยายที่จับใจ กับดีไซน์ละมุนในโทนม่วงอมชมพู ที่จะสะกดทุกสายตา
• Geode Collection Set – เพียง 2,350 บาท ลวดลายสามเหลี่ยมดีไซน์หรู ผลงานจาก Armand Delsol ให้กลิ่นหอมสะท้อนความสง่างามเหนือกาลเวลา
• Alpha Collection Set – เพียง 2,550 บาท แรงบันดาลใจจากเสาโบราณของเทพปกรณัมกรีก ผสานความสง่าด้วยดีไซน์เฉียบคมและสีเข้มขรึม
• Evanescence Collection Set – เพียง 2,750 บาท การตีความศิลปะการเป่าแก้วแบบร่วมสมัย โดยดีไซเนอร์เบลเยียม Serge Rusak ที่ทั้งลึกลับ หรูหรา และโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
• Maison Berger Paris by Starck Set – เพียง 5,550 บาท ผลงาน Collaboration สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ Philippe Starck ดีไซน์เรียบโก้แบบเหนือระดับ พร้อมฝาโลหะลายออร์แกนิกสุดโดดเด่น
โปรโมชั่นพิเศษเริ่มแล้ววันนี้ – 31 กรกฎาคม 2025 ที่ร้าน Maison Berger Paris ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
📲 Facebook: MaisonBergerThailand
💬 LINE: @maisonbergerthai
🌐 www.maisonbergerthailand.com
🛒 Lazada / Shopee / ShopSabuy / Tiktok
📞 โทร. 02-672-2088
14
news & activity / ไทเชฟขอแนะนำ "วุ้นมะพร้าวมินิในน้ำเชื่อม" เนรมิตได้สารพัดเมนูใหม่
« on: July 07, 2025, 07:46:53 PM »ไทเชฟขอแนะนำ "วุ้นมะพร้าวมินิในน้ำเชื่อม" เนรมิตได้สารพัดเมนูใหม่

ไทเชฟ (ThyChef) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม แนะนำ "วุ้นมะพร้าวในน้ำเชื่อมขนาดมินิ" เติมเต็มความอร่อยให้กับทุกเมนูโปรดด้วยขนาด Mini 5x5 mm. ทำให้ง่ายต่อการใช้หลอดดูดและทานได้ทันที เพิ่มความสะดวกสบาย สัมผัสความหอมหวานกับ 3 รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ กลิ่นออริจินัล กลิ่นเมล่อน และกลิ่นสตรอเบอร์รี เพิ่มความหลากหลายและมิติใหม่ให้กับเมนูของหวานไม่ว่าจะเป็นการนำไปท็อปปิ้ง ไอศกรีม, น้ำแข็งใส, เครื่องดื่มเย็น หรือแม้กระทั่งปั่นรวมกับเครื่องดื่มที่คุณชื่นชอบเพื่อเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังอร่อยลงตัวเมื่อทานเป็นขนมหวานเดี่ยว ๆ ช่วยเพิ่มความหลากหลายและสนุกกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ได้อย่างไม่จำกัด
นอกจากนี้วุ้นมะพร้าวในน้ำเชื่อมของไทเชฟ ยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างกำไรให้กับธุรกิจร้านไอศกรีมและร้านน้ำแข็งใส พร้อมยกระดับเมนูและดึงดูดลูกค้าด้วยรสชาติที่โดดเด่น และขนาดที่ใช้งานง่าย สำหรับผู้ที่สนใจวุ้นมะพร้าวในน้ำเชื่อม สามารถหาซื้อได้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อทางออนไลน์กับบริการ “ฟาสต์ ไทเชฟ” สั่งวันนี้ ส่งวันนี้พรุ่งนี้ถึง เร็วทันใจที่ www.thychef.com หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40vul8664q หรือทาง Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/ thychef, Shopee : https://s.shopee.co.th/ 7zslrSS489, FB: ThyChef, ID Line: @thychef รวมถึงสอบถามข้อมูลการทำธุรกิจและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-968-3723-6
15
ข่าวบันเทิง / “มิวนิค-โจ้-หญิง รฐา”ปะทะเดือด“กระสือสยาม SISTERS”แอ็กชันระทึกขวัญสุดเข้ม ช่อง24
« on: July 07, 2025, 06:56:27 PM »“มิวนิค-โจ้-หญิง รฐา” ปะทะเดือด “กระสือสยาม SISTERS” แอ็กชั่นระทึกขวัญสุดเข้ม ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24

“กระสือสยาม SISTERS” ภาพยนตร์แนวแอคชั่น ไซไฟ สยองขวัญ จากผู้กำกับระดับตำนาน ปรัชญา ปิ่นแก้ว ถ่ายทอดเรื่องราวของสาววัยรุ่นที่ค้นพบว่าตัวเองต้องคำสาปสายเลือดกระสือ และเผชิญหน้ากับความลับที่อาจพลิกชีวิตอย่างไม่ทันตั้งตัว นำแสดงโดย มิวนิค นันท์นภัส, หญิง รฐา, โจ้ พลอยยุคล, ต๊อก ศุภกร และทีมนักแสดงคุณภาพ หนังโดดเด่นด้วยภาพเหนือจินตนาการ ดราม่าเข้มข้น และการปะทะอารมณ์สุดทรงพลัง



“โมรา” (มิวนิค นันท์นภัส) สาวน้อยวัย 16 ปีเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเธอมีอะไรบางอย่างไม่ปกติ ไม่ใช่แค่ฮอร์โมนวัยรุ่น แต่เป็นพลังลึกลับที่กำลังตื่นขึ้น ในขณะเดียวกัน “ราตรี” (หญิง รฐา) นางพญากระสือผู้คร่ำหวอดในโลกมนุษย์ กำลังตามล่าโมราเพื่อชำระแค้นที่ฝังลึกกับตระกูลของเธอ “วีณา” (โจ้ พลอยยุคล) พี่สาวผู้เสียสละ ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องน้องสาวจากเงื้อมมือของเหล่ากระสือ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เมื่อความรักในครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับคำสาปจากอดีต การต่อสู้ระหว่างสายเลือดและความแค้นจึงเริ่มต้นขึ้น ภาพยนตร์แฟนตาซี-ดราม่าเรื่องนี้อัดแน่นด้วยฉากแอ็กชั่นสุดมันส์ ดราม่าเข้มข้น และภาพเหนือจินตนาการที่ทั้งสวยและหลอน ติดตามชม “กระสือสยาม SISTERS” ได้ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ true4u.com/live วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.40 น.