This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
news & activity / สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง…เปลี่ยนชีวิตชุมชน…สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน
« on: Today at 07:45:55 PM »สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง…เปลี่ยนชีวิตชุมชน…สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง
แม้ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 5 - 10 (ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา 13 พ.ค. 2568) แต่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะได้ประโยชน์จากฝนที่ตกมากขึ้นโดยเฉพาะชุมชนบนพื้นที่สูง ที่บริบทพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นแหล่งน้ำหลัก ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ชุมชนเหล่านี้มักเผชิญกับปัญหาฝนทิ้งช่วงและภัยแล้งซ้ำซาก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศหรือสภาวะโลกเดือด

สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และกระจายน้ำให้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ไม่เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งสร้างระบบจัดการน้ำที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมไปถึงการฟื้นฟูดูแลรักษาป่ารอบๆ แหล่งน้ำ

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรกว่า 24,000 ราย ในพื้นที่สูง 458 แห่งทั่วประเทศ ได้รับประโยชน์โดยตรง เข้าถึงแหล่งน้ำที่พัฒนาแล้ว 930 แห่ง มีระบบกระจายน้ำ 412 กิโลเมตร ทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ไม่เพียงแค่มีน้ำใช้ตลอดปี แต่ยังสามารถเพิ่มรายได้กว่า 447 ล้านบาท ในปี 2567 จากผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผัก ไม้ผล หรือกาแฟคุณภาพสูง

การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอยังช่วยให้เกษตรกรปรับตัวสู่ระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยแล้งและรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันเกษตรกรเริ่มหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแต่มูลค่าสูง โดยไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกหรือบุกรุกพื้นที่ป่าแต่อย่างใด ผลที่ตามมาอย่างเป็นรูปธรรม คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำได้รับการฟื้นฟูกลับคืนกว่า 526,000 ไร่ จากการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลและไม้เศรษฐกิจที่หลากหลายถึง 58 ชนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการจัดการของชุมชนในพื้นที่

การจัดการแหล่งน้ำยังมีส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน จากการติดตามจุดความร้อนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง (ม.ค. - พ.ค. 2568) พบว่า จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรลดลงถึง 57.21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมากกว่า 68% ของกลุ่มบ้านที่เข้าร่วมโครงการไม่พบจุดความร้อนเลย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ในปีงบประมาณ 2568 สวพส. ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จโดยขยายโครงการไปยัง 49 ชุมชน ครอบคลุมอีก 127 แห่ง พร้อมระบบกระจายน้ำที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20 กิโลเมตร มีผู้ได้รับประโยชน์เพิ่มอีก 460 ราย ครอบคลุมพื้นที่เกษตรรวมกว่า 5,120 ไร่ และการดูแลป่าต้นน้ำอีก 13,000 ไร่
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กไม่ใช่แค่การรับมือภัยแล้ง แต่คือการสร้างโอกาสให้ชุมชนมีน้ำใช้ มีอาหาร มีรายได้ และมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น เป้าหมายของเราคือแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่สูงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังต้องพึ่งพาน้ำฝน ทั้งเพื่อการดำรงชีวิตและการเกษตร เมื่อชุมชนมีแหล่งน้ำเพียงพอ ก็สามารถพัฒนาระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและทุกภาคส่วน เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากชุมชน



2
กิน - เที่ยว เปรี้ยวซ่า / Sun & Save แพ็กเกจ สัมผัสความหรูหราและธรรมชาติในอ่าวพังงา ณ โรงแรมเคปกูดู
« on: June 30, 2025, 09:27:53 PM »Sun & Save แพ็กเกจ
สัมผัสความหรูหราและธรรมชาติในอ่าวพังงา
ณ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย
สัมผัสความหรูหราและธรรมชาติในอ่าวพังงา
ณ โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย

โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย จุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมริมทะเลที่งดงามที่สุดของไทย โดยได้รับการรับรองจาก Small Luxury Hotels of the World ด้วยทัศนียภาพของอ่าวพังงาที่สวยตราตรึง รายล้อมด้วยภูเขาหินปูนและเกาะน้อยใหญ่ที่งดงามราวกับภาพวาด ทะเลสีฟ้าเขียวสดใสเหมือนกับอัญมณีแห่งท้องทะเลอันดามัน ที่ยังคงรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและพืชพรรณในท้องถิ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผสมผสานความเรียบง่ายของวิถีชีวิตชาวเกาะเข้ากับความหรูหราในการพักผ่อนระดับโรงแรม 5 ดาว ซึ่งการออกแบบของโรงแรมเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ใช้โทนสีเทอร์ควอยซ์เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเติมเต็มประสบการณ์การพักผ่อนได้อย่างลงตัว

โรงแรมเคปกูดู เกาะยาวน้อย ขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ พร้อมเพลิดเพลินผ่อนคลายกับที่พักสุดหรูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันด้วย แพ็กเกจ “ซันแอนด์เซฟ” (Sun & Save) เพียงแค่จองห้องพัก 2 คืนขึ้นไปผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2568 ในราคาเริ่มต้น 4,320 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืนสำหรับห้องดีลักซ์ และ 5,535 บาทสุทธิต่อห้องต่อคืนสำหรับดีลักซ์ ซีวิว




สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.076-592-600 หรือ จองผ่านเว็บไซต์ : https://reservation.travelanium.net/hotelpage/rates/?propertyId=567&onlineId=4&pid=MDc1OTkyNg%3D%3D
รายละเอียดโปรโมชั่น
• อาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน
• การจองเป็นแบบชำระเงินล่วงหน้าและไม่สามารถขอเงินคืนได้
• อภินันทนาการเครื่องดื่มต้อนรับ
• อภินันทนาการเครดิตรีสอร์ต 500 บาท ต่อคืน
• อภินันทนาการผลไม้ตามฤดูกาลในห้องพักเมื่อเดินทางมาถึง
• อภินันทนาการทริป Kudu Wanderer เมื่อเข้าพัก 2 คืนขึ้นไป
• เช็คอินก่อนเวลา 10:00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง)
• เช็คเอาท์ล่วงเวลาได้จนถึง 14.00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องพักที่ว่าง)
• อภินันทนาการอุปกรณ์กีฬาทางน้ำแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
• รับส่วนลด 15% ที่ เคปสปา
• ฟรีอินเทอร์เน็ต
• โรงแรมฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ข้อกำหนด และเงื่อนไข โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ
####################
Hashtags: #capeandkantary #capekudu #vacation #phangnga #sunandsave #kohyaonoi
####################
3
Sport News & Motor Sport / “ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์” ได้ 6 แชมป์คะแนนสะสมสู่เวทีระดับนานาชาติ
« on: June 30, 2025, 08:23:16 PM »“ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์” ได้ 6 แชมป์คะแนนสะสมสู่เวทีระดับนานาชาติ

30 มิถุนายน 2568 - การแข่งขันกอล์ฟโรงเรียนนานาชาติรายการ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ฤดูกาล 2024/25 ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ณ สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ จังหวัดชลบุรี โดยได้ 6 นักกอล์ฟเยาวชนชาย-หญิงจาก 4 โรงเรียนนานาชาติครองตำแหน่งผู้ชนะในตารางคะแนนสะสมออร์เดอร์ออฟเมอริตจากการชิงชัยรวมทั้งสิ้น 18 รายการ

ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ หรือ ไอเอสจีที โดยการสนับสนุนจากฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ (Foresight Sports) มอบโอกาสพิเศษให้กับนักเรียนโรงเรียนนานาชาติได้สัมผัสประสบการณ์แข่งขัน ณ สนามกอล์ฟชั้นนำของประเทศไทย ได้แก่ สนามโรบินส์วูด กอล์ฟ คลับ, สนามอมตะ สปริง คันทรี คลับ, สนามไทยคันทรี คลับ และสนามชีจรรย์ กอล์ฟ รีสอร์ท โดยมีทีมงานจัดการแข่งขันที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้บรรดานักกอล์ฟเยาวชนที่ร่วมแข่งขันรายการของไอเอสจีที ได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะเกมกอล์ฟในมาตรฐานระดับอาชีพ รวมถึงการเปิดตัว ไอเอสจีที ดีเวลล็อปเมนท์ ทัวร์ เพื่อเป็นเวทีการแข่งขันสู่เส้นทางการเล่นในรายการระดับนานาชาติ

รายการนี้มีนักกอล์ฟนักเรียนกว่า 400 คน ลงแข่งขันรวมกันกว่า 2,000 รอบตลอดทั้งฤดูกาล โดยรอบชิงชนะเลิศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างน่าประทับใจ และได้แชมป์คะแนนสะสมออร์เดอร์ ออฟ เมอริต ชายและหญิงจากรุ่นต่างๆ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย ประเภทหญิง ได้แก่ ภทรณิฎาร์ พลมณี จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, ณัทชารีย์ คุณปสุต จากโรงเรียนโชรส์เบอรี, กฤษณ์พรรณรจน์ กฤตมโนรถ จากโรงเรียนนานาชาติคริสเตียนกรุงเทพ และ ชาภา จบหิมเวศน์ จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน ส่วนประเภทชาย ได้แก่ นาตะ วาตานาเบะ จากดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก, อิทธิ์ชพัฒน์ บัณฑิตมหากุล จากโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน, ซง ฮยอนแจ จากรักบี้ สคูล ไทยแลนด์ และยูปั๋ว เฉิน จากโรงเรียนโชรส์เบอรี ซึ่งทั้งหมดจะได้รับสิทธิเข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟรายการระดับนานาชาติต่อไป

สำหรับกอล์ฟ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ (ไอเอสจีที) ก่อตั้งในปี 2018 โดยมีเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนนักเรียนในการเล่นกอล์ฟ ซึ่งคะแนนการแข่งขันทุกรายการของไอเอสจีทีจะถูกบันทึกในตารางคะแนนของ จูเนียร์ กอล์ฟ สกอร์บอร์ด ช่วยให้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และจนถึงปัจจุบันมีนักกอล์ฟจากไอเอสจีทีกว่า 60 คนได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนที่วิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา

คริส วัตสัน กรรมการผู้จัดการบริษัทโฟร์ เมเนจเมนท์ กรุ๊ป เผยว่า “เราขอขอบคุณอย่างสูงที่ฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ ให้การสนับสนุนในฐานะผู้สนับสนุนหลักเป็นปีที่สองติดต่อกัน ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้มีบทบาทสำคัญในการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของการแข่งขัน ทั้งในด้านเทคโนโลยีและความมุ่งมั่นในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนอย่างมืออาชีพ ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและวิสัยทัศน์ในการพัฒนานักกอล์ฟรุ่นใหม่ ฟอร์ไซท์ สปอร์ตส์ ได้ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การแข่งขันระดับโลกให้แก่นักกอล์ฟเยาวชนทั่วประเทศไทยและภูมิภาคโดยรอบ”

ทางด้าน เชน ไวล์ดิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกอล์ฟ เทคโนโลยี เอเชีย กล่าวว่า “เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีบทบาทในการพัฒนากอล์ฟเยาวชนในประเทศไทย ด้วยการมอบโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยผ่านโครงการ UpNext ของเรา ซึ่งในอดีตเคยมีไว้สำหรับนักกอล์ฟอาชีพเท่านั้น ทั้งนี้เยาวชนสามารถใช้เครื่องวิเคราะห์วงสวิงและเครื่องมือประเมินสมรรถนะเดียวกับที่นักกอล์ฟระดับทัวร์ไว้วางใจ ซึ่งช่วยให้พวกเขาเข้าใจเกมของตนเอง ฝึกฝนทักษะ และเติบโตอย่างมั่นใจ ทัวร์นาเมนต์นี้ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสิ่งที่เรายึดมั่น นั่นคือการเสริมพลังให้คนรุ่นใหม่ผ่านนวัตกรรม การศึกษา และประสบการณ์การแข่งขันที่มีความหมาย”

ทั้งนี้การแข่งขัน ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ในแต่ละฤดูกาลมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น นักกอล์ฟได้พัฒนาทักษะทางเทคนิค ยุทธศาสตร์ในการเล่น และยังได้รับประสบการณ์ล้ำค่าจากการลงแข่งขันภายใต้ความกดดัน ทั้งในรูปแบบบุคคลและทีม โดยการเป็นตัวแทนของโรงเรียน นักกีฬาได้สร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน และเรียนรู้คุณค่าของความพากเพียร ความมีวินัย และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะติดตัวไปทั้งในและนอกสนาม
ความสำเร็จของการแข่งขันกอล์ฟ ดิ อินเตอร์เนชันแนล สคูล กอล์ฟ ทัวร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก Lotus Cars Thailand, Foresight Sports, Allied Pickfords, Singha, Supersport, GFore, Fenix, GolfPride, Bevchain, Harper Golf และ Cross Hotel ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้การแข่งขันเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นทั้งด้านการแข่งขันและผู้สนับสนุน ยกระดับประสบการณ์ในทัวร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกอล์ฟรุ่นใหม่
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
Fore Management Group
email: juniorevents@foremanagement.com
4
news & activity / ยัวซ่าแบตเตอรี่ร่วมฉลองเปิดสาขาใหม่ บี-ควิก กาญจนาภิเษก-เวสต์เกต
« on: June 30, 2025, 07:42:31 PM »ยัวซ่าแบตเตอรี่ร่วมฉลองเปิดสาขาใหม่ บี-ควิก กาญจนาภิเษก-เวสต์เกต

คุณพัณณ์ชิตา ชีวีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารกลุ่มงานขาย บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์คุณภาพมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น เข้าร่วมแสดงความยินดีในงานฉลองเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ของ บี-ควิก สาขากาญจนาภิเษก-เวสต์เกต (ติดเซ็นทรัล เวสต์เกต) โดยมีคุณเฮงก์ เจ คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บี-ควิก จำกัด ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา



โดยภายในงานมีการจัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย อาทิ ยางรถยนต์ ซื้อ 1 แถม 1 (จำกัด 50 คันต่อวัน) และที่พลาดไม่ได้คือ แบตเตอรี่ยัวซ่าลด 50% (จำกัด 20 คันต่อวัน) ซึ่งนับเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าที่มองหาแบตเตอรี่คุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า ซึ่งยัวซ่าแบตเตอรี่ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นแบตเตอรี่แบรนด์เดียว ที่ได้รับเลือกให้จำหน่ายและให้บริการแก่ลูกค้าบี-ควิกทุกสาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง แบตเตอรี่ “YUASA” คุณภาพและมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น สอบถามข้อมูลสินค้าและร้านตัวแทนจำหน่าย โทร 09-9331-3337 หรือ 02-769-7300 ต่อ 7315 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8:30-17:00 น.
5
news & activity / ศูนย์การค้าแพลทินัม ได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS 2025
« on: June 30, 2025, 07:28:54 PM »ศูนย์การค้าแพลทินัม ได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS 2025
ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าแพลทินัม ศูนย์รวมแฟชั่นค้าส่งที่ดีที่สุดในอาเซียน เดินหน้าส่งเสริมการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS 2025 ระดับ STANDARD จากโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ปีที่ 8 โดยการไฟฟ้านครหลวง (MEA)
โดยศูนย์การค้าแพลทินัม ผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรการประหยัดพลังงานของ MEA โดยที่ผ่านมาทางศูนย์การค้าได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ เช่น การปรับปรุงระบบปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเป็นหลอดไฟฟ้าแบบประหยัดพลังงาน (LED) เพิ่มระบบการจัดการระบบควบคุมอัตโนมัติ รวมถึงการนำเสนอข้อมูลความรู้ เชิญชวน สร้างการมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักถึงการประหยัดพลังงานร่วมกัน

สำหรับเกณฑ์การตัดสิน MEA ENERGY AWARDS 2025 ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ
เกณฑ์การใช้พลังงานไฟฟ้า (MEA Index)
เกณฑ์คุณภาพอากาศภายในอาคาร (IAQ)
การได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS ในครั้งนี้ เป็นการยืนยันถึงการให้ความสำคัญในการบริหารจัดการพลังงานของศูนย์การค้าแพลทินัมอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการควบคุมสภาวะอากาศภายในศูนย์การค้าให้มีคุณภาพที่ดีสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการและยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ภายใต้โครงการ “Power Plat Green”
ตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนของบริษัท ที่ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม
และกระบวนการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
6
news & activity / LINE ประเทศไทย แต่งตั้ง “นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” นั่ง CEO คนใหม่
« on: June 30, 2025, 06:54:00 PM »LINE ประเทศไทย แต่งตั้ง “นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” นั่ง CEO คนใหม่
พร้อมตั้ง “พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” นั่งที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย
พร้อมตั้ง “พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” นั่งที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย

กรุงเทพฯ, 30 มิถุนายน 2568 - บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด แต่งตั้ง นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer) คนใหม่ ขณะที่พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา จะดำรงตำแหน่งเป็น ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย (Executive Advisor to LINE Plus and LINE Thailand) การปรับทัพผู้บริหารในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการวางโครงสร้างการบริหารที่แข็งแกร่ง เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและความสำเร็จในระยะยาว โดยมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

“นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” ในฐานะ ซีอีโอคนใหม่ของ LINE ประเทศไทย จะมุ่งพาธุรกิจในประเทศไปสู่การเติบโตขั้นต่อไป รวมถึงการสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ ให้แก่อีโคซิสเต็มของ LINE ทั้งในเชิงผู้ใช้ ธุรกิจ และพันธมิตร ภายใต้พันธกิจใหม่ของบริษัทอย่าง Create an amazing life platform that brings WOW! to our users ด้วยวิสัยทัศน์และความเข้าใจในธุรกิจแพลตฟอร์มผ่านการบริหารจัดการงานในหลายภาคส่วนอย่างลึกซึ้ง
นรสิทธิ์ เริ่มทำงานที่ LINE ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2560 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายและสื่อโฆษณา ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ (Chief Commercial Officer) และ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ก่อนหน้านี้

ขณะที่ “พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” จะดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย ด้วยประสบการณ์การเป็นซีอีโอของ LINE ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2562 พร้อมแนะนำความเชี่ยวชาญเชิงกลยุทธ์แก่คณะผู้บริหารของบริษัทฯ ในไทยและผู้บริหารของ LINE Plus ซึ่งครอบคลุมถึงด้านรัฐกิจสัมพันธ์ โดยพิเชษฐ เริ่มทำงานที่ LINE ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2559 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารก่อนหน้านี้
###
เกี่ยวกับ LINE Plus Corporation
LINE Plus Corporation เป็นบริษัทภายในเครือ LY Corporation ก่อตั้งในปี 2556 ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นหัวหอกในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ LINE ในระดับโลก LINE Plus ได้ผสานการทำงานของทีมงานหลากหลายแผนกจากต่างวัฒนธรรม ทั้งด้านทีมวิศวกรรม ทีมวางแผนผลิตภัณฑ์ ทีมออกแบบ ทีมปฏิบัติการธุรกิจ และทีมการตลาด เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่นำเสนอคุณค่าใหม่ๆ ให้แก่ชีวิตประจำวันของผู้ใช้ทั่วโลก
เกี่ยวกับ LINE ประเทศไทย
ก่อตั้งเมื่อปี 2557 LINE ประเทศไทยมีหน้าที่บริหารจัดการธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดภายในประเทศ เช่นเดียวกับการพัฒนาธุรกิจและบริการใหม่ๆ สำหรับตลาดในเมืองไทย LINE ประเทศไทยมอบอีโคซิสเต็มสำหรับชีวิตดิจิทัลแบบครบวงจรด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น LINE SHOPPING, LINE VOOM, LINE STICKERS, LINE MELODY, LINE TODAY, LINE OPENCHAT, LINE HEALTH, LINE for Business, LINE Official Account and LINE Ads, LINE MAN, LINE GAME, LINE WEBTOON, LINE BK และ LINE Pay ปัจจุบันมีผู้ใช้งาน (MAU) ในไทยรวม 56 ล้านคน (มิถุนายน 2567)
7
ข่าวบันเทิง / วันเสาร์ไม่มีเหงา! รวมหนังผีไทยสุดปัง 4 เรือง 4 อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
« on: June 30, 2025, 04:32:35 PM »วันเสาร์ไม่มีเหงา! รวมหนังผีไทยสุดปัง 4 เรื่อง 4 อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24

ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ขอเชิญผู้ชมร่วมสัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงจากภาพยนตร์ไทยยอดนิยม 4 เรื่อง 4 อารมณ์ ที่จะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 16.50 น. เป็นต้นไป โดยคัดสรรภาพยนตร์ที่ครบรส ทั้งสนุกสนาน ตื่นเต้น ซาบซึ้ง และหลอนลึก ถ่ายทอดเรื่องราวจากตำนานและความเชื่อของไทยในรูปแบบที่เข้าถึงผู้ชมทุกวัย



เริ่มต้นด้วย “กระสือครึ่งคน” เวลา 16.50 น. ภาพยนตร์แฟนตาซี-คอมเมดี้ที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มชายแคระ 5 คน ผู้กล้าหาญที่ต้องเผชิญหน้ากับฝูงกระสือ และตัดสินใจแปลงร่างเป็น “กระสู” เพื่อปกป้องหมู่บ้านจากภัยร้าย ต่อด้วย “พี่มาก...พระโขนง” เวลา 18.40 น. ภาพยนตร์ตลก-สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย นำแสดงโดย “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “ใหม่ ดาวิกา” ถ่ายทอดตำนานรักอมตะของ “มาก” และ “นาค” ผ่านมุมมองใหม่ที่ทั้งฮาและอบอุ่นใจ เวลา 21.00 น. พบกับ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ภาพยนตร์แนวผจญภัย-ลี้ลับ นำแสดงโดย “โกฮัง ณัฐวรรธ” ถ่ายทอดบทบาท “ไอ้ไข่” วิญญาณเด็กชายผู้เฝ้าสมบัติวัดร้างในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มมิจฉาชีพ และนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างความศรัทธากับความโลภ ปิดท้ายค่ำคืนด้วย “ตำนานรักแม่นาค 3D” เวลา 23.00 น. นำแสดงโดย “ตั๊ก บงกช” รับบท “แม่นาค” และ “เอก รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง” รับบท “พ่อมาก” บอกเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวผู้เสียชีวิตระหว่างคลอดลูก แต่ยังคงรอคอยสามีด้วยรักอันมั่นคง พ่อมากกลับจากสงครามโดยไม่รู้ว่าภรรยาได้กลายเป็นวิญญาณความรักที่ไม่ยอมแพ้แม้ความตาย กลายเป็นตำนานสะเทือนใจคนไทย
พิเศษสุดสำหรับผู้ชมในค่ำคืนนี้ ท่านจะได้ชมตำนาน “แม่นาค” ทั้งสองเวอร์ชันในวันเดียวกัน ทั้งในรูปแบบตลกหลอนจาก “พี่มาก...พระโขนง” และในรูปแบบดราม่าลึกซึ้งจาก “ตำนานรักแม่นาค 3D” ซึ่งสะท้อนความหลากหลายของการตีความตำนานไทยในมุมมองที่แตกต่างอย่างน่าประทับใจ ติดตามชมภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่องได้ทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และรับชมออนไลน์ได้ที่ www.true4u.com/live
8
news & activity / บมจ.เออาร์ไอพี จับมือ คณะพาณิชยศาสตร์ฯ มธ.มอบรางวัล“THAILAND TOP CEO OF THE YEAR
« on: June 30, 2025, 03:27:48 PM »บมจ.เออาร์ไอพี จับมือ คณะพาณิชยศาสตร์ฯ มธ.
มอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025”
เชิดชู สุดยอดผู้นำที่พร้อมนำองค์กรฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน
มอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025”
เชิดชู สุดยอดผู้นำที่พร้อมนำองค์กรฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน

นิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานมอบรางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “NAVIGATE THROUGH THE UNCERTAINTY ก้าวนำฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน” เพื่อประกาศเกียรติคุณรางวัลแห่งความสำเร็จในการบริหารองค์กรของผู้บริหารสูงสุดชั้นนำของประเทศในอุตสาหกรรมต่างๆ และผู้บริหารดาวรุ่ง โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรเข้าร่วมรับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ

นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรแต่ละท่าน ต่างมีองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวทางการบริหารงานที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ละท่านผ่านวิกฤติและโอกาสที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค สภาพแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป งาน THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 ในครั้งนี้จึงได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “NAVIGATE THROUGH THE UNCERTAINTY ก้าวนำฝ่ามรสุมแห่งความผันผวน” ขึ้นเพื่อสะท้อนภาพความสามารถของผู้นำองค์กรในการบริหารจัดการในหลากหลายมิติและฝ่าฝันจนไปสู่ความสำเร็จ การมอบรางวัลในปีนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านการพาณิชยศาสตร์และการบัญชีระดับชั้นนำของประเทศ และมีชื่อเสียงในระดับสากล ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รางวัล THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025 นี้ จะเป็นรางวัลสำคัญในการเสริมสร้างกำลังใจ ให้แก่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ให้ยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรให้เจริญงอกงามยั่งยืน สร้างคุณค่าให้แก่องค์กร และพนักงาน พร้อมๆ ไปกับร่วมกันดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทยต่อไป”

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มุ่งเป็นสถาบันชั้นนำในภูมิภาค ด้วยหลักสูตรทันสมัยและงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคม โดยคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยด้านธุรกิจชั้นนำของไทย ได้ร่วมมือกับนิตยสาร BUSINESS+ จัดทำโครงการ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR” เพื่อศึกษารูปแบบความสำเร็จของผู้บริหารองค์กรในหลากหลายมิติ และมอบรางวัลแก่ผู้บริหารที่โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม โดยถือเป็นการยกย่องผู้นำที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนและความเป็นเลิศ นำมาสู่งานมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” ในวันนี้ ผมขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารทุกท่าน นับเป็นความสำเร็จของผู้บริหาร ที่ได้ทุ่มเทความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เพื่อสร้างองค์กรที่มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับองค์กรอื่นๆ ได้ ตลอดจนนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาความยั่งยืน”

รองศาสตราจารย์ ผศ.ดร.อรพรรณ ยลระบิล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและเครือข่ายพันธมิตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มุ่งเป็นต้นแบบสถาบันการศึกษาด้านบัญชีและบริหารธุรกิจของไทย โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก จนเป็นสถาบันแรกของไทยที่ได้สถานะ Triple Crown การจัดโครงการ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR” ร่วมกับนิตยสาร BUSINESS+ มีเป้าหมายเพื่อศึกษารูปแบบความสำเร็จของผู้บริหารในหลากหลายมิติ ทั้งด้านผลการดำเนินงาน ลูกค้า พนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง ESG และมอบรางวัลแก่ผู้บริหารที่โดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อยกย่องผู้นำที่พาองค์กรสู่ความยั่งยืน งานมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” ได้คัดเลือกผู้บริหารในแต่ละอุตสาหกรรม ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติอย่างรอบด้าน และรางวัลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเททั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้บริหาร ในการสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน และมุ่งสู่ความยั่งยืนในระยะยาว”

สำหรับการมอบรางวัล “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2025” จัดมอบรางวัลให้กับผู้บริหารสูงสุดขององค์กร จำนวน 10 ประเภทอุตสาหกรรม ดังนี้
1. อุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ได้แก่ คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ
2. อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ได้แก่ คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
3. อุตสาหกรรมการจัดจำหน่าย ได้แก่ คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท วายแอลจี กรุ๊ป จํากัด
4. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แก่ คุณสุภัค ลายเลิศ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แทนเจอรีน จำกัด
5. อุตสาหกรรมธนาคาร ได้แก่ คุณผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
6. อุตสาหกรรมธุรกิจความงาม ได้แก่ คุณลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)
7.อุตสาหกรรมประกันชีวิต ได้แก่ คุณสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
8. อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ได้แก่ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
9. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
10. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ คุณณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (ซีอาร์จี)

ประเภท Rising Star จำนวน 5 รางวัล ได้แก่
11.คุณวุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ยูเอชจี
12.คุณศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด
13.คุณรสรินทร์ ติยะวราพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด
14.คุณกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมซัน รอเยล จำกัด
15.นายแพทย์ดิตถพงษ์ บุญอำพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ จอยท์
9
news & activity / บริการจ้าง “คนขับรถส่วนตัว” รายวัน รายชั่วโมง เทรนด์ใหม่มาแรงของ ผู้บริหารยุคใหม
« on: June 29, 2025, 11:58:45 PM »บริการจ้าง “คนขับรถส่วนตัว” รายวัน รายชั่วโมง เทรนด์ใหม่มาแรงของ ผู้บริหารยุคใหม่วัย 30+

U DRINK I DRIVE เริ่มธุรกิจจากการให้บริการ “เรียกคนขับรถแทน หรือ จ้างคนขับรถแทน” คอยทำหน้าที่ขับ “รถของลูกค้า” กลับให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย จับกลุ่มเป้าหมายสายปาร์ตี้ที่ชอบสังสรรค์ ด้วยแรงบันดาลใจที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิต หวังลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนในไทย
ปัจจุบัน U DRINK I DRIVE ให้บริการขับรถรับส่งมามากกว่า 10 ปี ให้ บริการเรียกคนขับรถได้ตลอด 24 ชม. แล้ว มีคนใช้ปีละกว่า 100,000 เที่ยว ยอดเรียกคนขับรถให้พุ่งเกิน 10,000 เที่ยวต่อเดือน แสดงถึงพฤติกรรมของคนยุคใหม่ที่ขับรถเองน้อยลง

คนกรุงเทพฯ เริ่มไม่ขับรถเองแล้ว กรุงเทพฯขึ้นชื่อเรื่องรถติดจนติดอันดับ 2 ของโลก และครองอันดับที่ 1 ของเอเชีย สำหรับเมืองที่มีการจราจรรถยนต์ติดขัดที่สุดในโลกประจำปี 2024 โดยใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยอยู่ที่ 22.11 นาทีต่อระยะทาง 10 กิโลเมตร เรียกได้ว่าขับรถกันจนเหนื่อย เวลาที่สูญเสียไปบนท้องถนนสามารถไปทำประโยชน์ได้มากมาย ทำให้มีเทรนด์ใหม่ของผู้บริหารวัย 30+ ที่มีรถ แต่ไม่อยากขับ เริ่มหาคนขับรถส่วนตัว U DRINK I DRIVE ก็มีบริการคนขับรถผู้บริหาร ที่สามารถจ้างคนขับรถรายเดือน จ้างขับรถรายวัน รับจ้างขับรถชั่วคราว เป็นรายเที่ยวก็ได้ โทรเรียกคนขับรถได้ง่าย ๆ ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า

ลูกค้าที่เรียก คน ขับ รถ ให้ ส่วนใหญ่ก็จะใช้
1. จ้าง คน ขับ รถ ราย วัน เวลา พนักงานขับรถประจำลา
2. จ้าง คน ขับ รถ ราย วัน เวลาต้องเดินทางไกล
3. เรียก คน ขับ รถ ให้ เวลาป่วย ไปทำตา ทำศัลยกรรม ที่ขับรถเองลำบาก
4. เรียก คน ขับ รถ ให้ เวลารถติด ต้องประชุมหลายที่ หาที่จอดยาก
5. เรียก คน ขับ รถ ให้ ขับรถของตัวเอง ไปส่งลูกไปโรงเรียน หรือ รับกลับ
ซึ่งการจ้างคนขับรถแทนให้นั้น ต่างจากใช้รถสาธารณะ เนื่องจากเป็นรถของตัวเองที่หรูหรากว่า นั่งสบายกว่า มีของใช้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า รองเท้า เอกสารที่อยู่ในรถ สามารถหยิบมาใช้ได้อย่างสะดวกสบาย แถมเครื่องเสียง ระบบ Entertainment ในรถยังเชื่อมต่อกับมือถือของตัวเองไว้แล้วด้วย ทำให้ 90% ของลูกค้ากลุ่มนี้ “ขับรถเองน้อยลง” หลังใช้ U DRINK I DRIVE ลูกค้าที่ เรียก คน ขับ รถ แทน ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของรถหรู ที่ต้องการจ้างคนขับรถ ที่ได้รับการอบรมด้วยมาตรฐานระดับสูง คอยให้บริการ

ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ จึงเป็นบริษัทพนักงานขับรถที่คัดพนักงานขับรถเหล่านี้อย่างเข้มงวด
- ทั้งสอบสัมภาษณ์ - ทั้งผ่านการสอบด้านเส้นทาง - ทดสอบขับรถ - ทดสอบจอดรถ
- สอนใช้ปุ่มเกียร์ต่าง ๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็น รถยุโรป รถตู้ รถสปอร์ต Super car รวมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีปุ่มเกียร์ที่อยู่คนละที่ มีวิธีขับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- รวมถึงตรวจประวัติอาชญากรรม ตรวจยาเสพติด ตรวจสุขภาพของพนักงานทุกคน
- เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยไปอีกขั้น
- ทำให้บริษัทชั้นนำนั้นต่างเลือกใช้พนักงานขับรถจาก U DRINK I DRIVE ในการให้ไปดูแลลูกค้าระดับ VVIP และบริการขับรถให้ศิลปินระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง

U DRINK I DRIVE “แอพเรียกคนขับรถให้” ในวันที่คุณไม่สะดวกขับรถด้วยตนเอง หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ นั้นให้ บริการ 24 ชม. อาจจะติดภาพว่าต้องเรียกเฉพาะตอนที่ดื่มแอลกอฮอลล์เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว ในวันที่ต้องขับรถไปต่างจังหวัดยิ่งเป็นการขับรถทางไกล หากจ้างคนขับรถให้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการหลับใน ถึงที่หมายก็เที่ยวต่อได้แบบเฟรช ๆ หรือจะ จ้าง คน ขับ รถ แทนในวันที่ไม่สบาย เหนื่อยล้า ก็สามารถทำได้ จ้าง คน ขับ รถ นำรถไปซ่อมที่ศูนย์ หรือไปรับกลับมาให้ก็สะดวกสบายมีคนใช้บริการกว่าวันละ 50 เที่ยวทุกวัน ลูกค้าวัยทำงาน ผู้บริหารรุ่นใหม่ ก็นิยม จ้าง คน ขับ รถ ราย วัน ในวันที่ต้องไปประชุมหลายที่ รถติดสุด ๆ ที่จอดรถก็หายาก เป็นต้น
ซึ่งการเรียกคนมาขับรถให้ ช่วยลดความเครียดได้อย่างมาก ให้เวลาที่เสียไปกับรถติด และ การวนหาที่จอดรถ เป็นหน้าที่ของพนักงานขับรถรายวันดีกว่า หรือสำหรับใครที่มีพนักงานขับรถประจำอยู่แล้ว การจ้าง คน ขับ รถ แทนในวันที่พนักงานขับรถของคุณลางาน หรือลาออก ก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงผู้บริหารหลาย ๆ คน ไม่ได้ใช้พนักงานขับรถบ่อย การจ้าง คน ขับ รถ ราย วัน มา ขับ รถ ให้ เฉพาะวันที่ ต้องการก็คุ้มค่ากว่ามาก วันไหนไม่ใช้ ก็ไม่ต้องจ่าย
บริการรับส่งซ่อมศูนย์ ในวันที่รถเสีย ต้องเข้าศูนย์ เปิดแอพจ้างคนขับรถ หาคนขับรถ มารับรถคุณถึงบ้าน เอาไปซ่อมให้เสร็จ คนขับรถ ก็จะขับรถของคุณกลับมาคืนถึงบ้าน สบายแบบสุด ๆ เป็นบริการยอดฮิตที่ให้บริการหลาย 1000 เที่ยวต่อปี หากคุณขับรถ Benz BMW Jaguar แนะนำให้ลองสอบถามศูนย์ เนื่องจากบางศูนย์อย่างเช่น Benz Primus ก็จะมีบริการนี้ให้ฟรี บริการโดย U DRINK I DRIVE

ในวันที่คุณไปปาร์ตี้ ดื่มแอลกอฮอลล์ อยากสนุกแบบสุดเหวี่ยงแต่กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย แอพเรียก คนขับรถ จ้างคนขับรถ มาขับรถของตัวเองกลับบ้านให้ก็ตอบโจทย์สุด ๆ สามารถรีเควส คนขับรถผู้หญิงได้เพื่อความปลอดภัย
บริการรับจ้างขับรถกลับบ้าน สำหรับคนที่ดื่มแอลกอฮอลล์นั้น ทาง ยูดริ้งค์ไอไดรฟ์ ให้บริการมาแล้วกว่า 10 ปี หรือ 5 แสนเที่ยว การันตีด้วยรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะด้านบริการ หรือความปลอดภัย นับว่าเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย รับรองได้ว่าพนักงานขับรถมืออาชีพของเรา จะขับพาคุณ และรถของคุณกลับบ้านให้เองอย่างปลอดภัย
สำหรับค่าบริการจ้างคนขับรถคิดเป็นรายเที่ยว เริ่มต้นที่ 600 บาท กิโลเมตรที่ 6-10 กิโลเมตรแรก และ เพิ่ม 50 บาท ทุก ๆ 5 กิโลเมตร กิโลเมตรที่ 25-35 เพิ่ม 100 บาท ทุก ๆ 5 กิโลเมตร และ 35 กิโลเมตรขึ้นไป เพิ่ม 300 บาท ทุก ๆ 5 กิโลเมตร ราคาจ้างคนขับรถ รายชั่วโมง เหมา 4 ชั่วโมง ราคา 1,400 บาท, เหมา 8 ชั่วโมง ราคา 1,800 บาท, เหมา 12 ชั่วโมง ราคา 2,500 บาท ใช้บริการพนักงานขับรถ หลังเวลา 17.00 น. เหมา 8 ชั่วโมง ราคา 2,500 บาท
U DRINK I DRIVE แอพเรียก “คนขับรถ” สามารถ จ้างคนขับรถ มาขับรถแทนคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินลูกค้าด้วยระบบ GPS Tracking เพิ่มความมั่นใจปลอดภัยตลอดเที่ยวการเดินทาง ด้วยความคุ้มครองจากวิริยะประกันภัย ลูกค้าจึงมั่นใจได้ในการ จ้างคนขับรถ ทุกเที่ยว ลูกค้าจะได้รับบริการที่ประทับใจ และ ปลอดภัย ใช้บริการจ้างขับรถส่วนตัว หรือเช่าคนขับรถรายวัน โทร. 09108-09108 หรือ Line@Udrinkidrive หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น U DRINK I DRIVE บนมือถือ ได้ทั้งระบบ Android และ iOS หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.udrinkidrive.co.th/ และ https://udrinkidrive.net
10
Sport News & Motor Sport / "พลายพยัคฆ์" ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ เป็นคนที่ 2
« on: June 29, 2025, 08:30:59 PM »"พลายพยัคฆ์" ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ เป็นคนที่ 2

ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 24 สาย B รอบ 8 คนสุดท้าย นัดที่สอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่เวทีมวยช่อง 7 HD โดยก่อนชก นายจมร เลขะกุล ผู้แทนปูนเสือ ให้เกียรติขึ้นคล้องพวงมาลัยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักมวยทั้ง 2 คู่บนเวที ในการชกกัน ระหว่าง อนันตชัย ลานนาวอเตอร์ไซด์ (แดง) พบกับ เพชรรุ่งโรจน์ โชติบางแสน พิกัด 112 ปอนด์ และ แคมารูน ศิษย์ลมหนาว (แดง) พบกับ พลายพยัคฆ์ ทต.พลับพลานารายณ์ (น้ำเงิน) พิกัด 112 ปอนด์

ส่วนผลการแข่งขันมวยรอบปูนเสือ ครั้งที่ 24 มีดังนี้
คู่ที่ 1. แพ้ตกรอบ อนันตชัย ลานนาวอเตอร์ไซด์ (แดง) พบกับ เพชรรุ่งโรจน์ โชติบางแสน (น้ำเงิน) คู่นี้ใครแพ้ตกรอบทันทีส่วนผู้ชนะยังได้ไปต่อ อนันตชัยมวยขวาหมัดหนักเข้าในเหนียวแน่น ด้าน เพชรรุ่งโรจน์ เป็นมวยฝีมืออาวุธครบเครื่องเป็นฝ่ายเดินเข้าเตะขวาต่อยหมัดยังไม่ชัดเจน อนัตชัย รอจังหวะสองเตะขวาลำตัวได้ชัดเจน เพชรรุ่งโรจน์ เดินเร็วเตะหน้าขาทำเอา อนันตชัย ถึงกับสะดุ้งไปเหมือนกัน อนัตชัย เดินเตะขวาจับในตีเข่าปล้ำในตีเน้นๆ ได้ชัดเจนทำเอา เพชรรุ่งโรจน์ ดิ้นไม่หลุด ช่วงท้ายยก อนันตชัย ออกมาเล่นจังหวะฝีมือไม่ยอมปะทะผิดกับ เพชรรุ่งโรจน์ ไม่มีอะไรเสียเดินไล่ต่อยหมัดอย่างเดียวแต่ก็ได้เฉียดไปเฉียดมา ครบยก อนันตชัย เป็นฝ่ายชนคะแนนยังได้ไปต่อ ส่วน เพชรรุ่งโรจน์ ตกรอบทันที


คู่ที่ 2. ชนะเข้ารอบรองฯ แคมารูน ศิษย์ลมหนาว (แดง) พบกับ พลายพยัคฆ์ ทต.พลับพลานารายณ์ (น้ำเงิน) คู่นี้ใครชนะเข้ารอบรองชนะเลิศทันทีเป็นคนที่สอง แคมารูน เป็นมวยเข่าในเหนียวแน่น ด้าน พลายพยัคฆ์ มวยขวาหมัดหนัดเข่าในดุดันเตะต่อยรุนแรง พลายพยัคฆ์ ยิ่งเดินเร็วเตะขวาต่อยหมัดปล้ำในตีเข่าต่อยหมัดแต่ก็ไม่ชัดเจผิดกับ แคมารูนเตะขวาเข้าชายโครงเน้นๆทำเอา พลายพยัคฆ์ ดิ้นไม่หลุด แต่เกมส์การชกกลับพลิกช่วงปลายยก 4 เมื่อ แคมารูน เตะขวาเข้าชายโครง พลายพยัคฆ์ จับขาได้ฮุคด้วยหมัดขวาเข้าปลายคาง แคมารูน ถึงกับร่วงทั้งยืนปล่อยให้กรรมการนับ 8 แคมารูน ไม่มีอะไรจะเสียเดินต่อยหมัดอย่างเดียวแต่ก็ไม่ชัดเจนครบยก พลายพยัคฆ์ พลิกเป็นฝ่ายชนะคะแนน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นคนที่สองต่อไป


สำหรับศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้ ครั้งที่ 24 สาย A และ สาย B รอบ 8 คนนัดสุดท้าย จะขึ้นชกกันในวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2568 เป็นการชกกันระหว่าง แสงตะวัน ส.พงษ์อมร พบกับ ก้องสนั่น ส.เทียนโพธิ์ พิกัด 112 ปอนด์ และ อนันตชัย ลานนาวอเตอร์ไซค์ พบกับ แคมารูน ศิษย์ลมหนาว พิกัด 112 ปอนด์


ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD ให้แฟนมวยคนไทยและชาวต่างชาติเข้ารับชมและเชียร์กันให้สนั่นได้ที่เวทีมวยช่อง 7 HD เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป
11
news & activity / พี.ที.อี. อินเตอร์กรุ๊ป ผนึกกำลัง เงินไชโย เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือสินเชื่อ
« on: June 29, 2025, 02:48:15 PM »พี.ที.อี. อินเตอร์กรุ๊ป ผนึกกำลัง เงินไชโย เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือสินเชื่อ พร้อมรุกตลาดโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต HTC และ Philips

ดร.ฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัท พี.ที.อี. อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตแบรนด์ HTC และ Philips อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้หารือกับนายจักรพล ปานปุ่มทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถยนต์และวงเงินหมุนเวียน ภายใต้แบรนด์ "เงินไชโย" ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ SCBX และมีสาขากว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ

การหารือเบื้องต้นมุ่งเน้นไปที่การวางแผนออกมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกค้าของพี.ที.อี. อินเตอร์กรุ๊ป เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังได้หารือถึงแนวทางการผนึกกำลัง (Synergy) เพื่อขยายฐานลูกค้าและส่วนแบ่งการตลาดร่วมกัน โดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก HTC และ Philips ได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งได้รับความยืดหยุ่นทางการเงินจากบริการสินเชื่อของเงินไชโย ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายและส่งเสริมการเติบโตของทั้งสองบริษัทในระยะยาว สำหรับรายละเอียดของมาตรการช่วยเหลือและแผนการรุกตลาดร่วมกันจะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้งในเร็วๆ นี้
12
news & activity / ยโสธร ม่วนซื่น! เปิดงาน “เที่ยวดงเจริญ เชิญฟังลำ” รวมพลังวัฒนธรรม ศิลปิน ภูไท
« on: June 29, 2025, 12:23:49 PM »ยโสธร ม่วนซื่น! เปิดงาน “เที่ยวดงเจริญ เชิญฟังลำ”
รวมพลังวัฒนธรรม ศิลปิน ภูไท จัดเต็ม หมอลำถึงซอดแจ้ง

รวมพลังวัฒนธรรม ศิลปิน ภูไท จัดเต็ม หมอลำถึงซอดแจ้ง

จังหวัด ยโสธร เปิดม่วน! ชวนพ่อแม่พี่น้องร่วมงานวัฒนธรรมแห่งปื “เที่ยวดงเจริญ เชิญฟังลำ สืบสานวัฒนธรรมอีสาน” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนบ้านดงเจริญ ตำบลดงเจริญ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร งานนี้จัดเต็มความม่วนแบบอีสานแท้ พบการแสดงหมอลำสุดยิ่งใหญ่จาก คณะศิลปินภูไท ที่ระเบิดความสนุกบนเวทีตั้งแต่หัวค่ำ ไปจนถึง “ซอดแจ้ง”! อิ่มใจไปกับ นิทรรศการซุ้มม่วนแคน, ช้อป-ชิม-ชิลกับ ตลาดชุมชนของดีดงเจริญ กว่า 30 ร้านค้า พร้อมลุ้นของรางวัลในกิจกรรม จกข่องมหาเฮง จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พิธีเปิดงานจัดขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก พันจ่าเอก อนุสิทธิ์ บัวหุ่ง นายอำเภอคำเขื่อนแก้ว เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายบุญแก้ว สมวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดยโสธร เขต 2, นางจันทิมา สมวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงเจริญ, นางธนภร พูลเพิ่ม ผู้อานวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี และภาคีเครือข่ายร่วมเปิดงานอย่างคึกคัก
การจัดงานในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะการแสดง “หมอลำ” ให้คงอยู่ในวิถีชีวิตของชุมชนรวมถึงเป็นเวทีในการ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ให้ประชาชนได้มีช่องทางจำหน่ายสินค้า สร้างรายได้และเป็นศูนย์รวมกิจกรรมที่ช่วยปลูกฝังความรักในวัฒนธรรมให้กับเยาวชนและชาวบ้านทุกเพศวัย
สำหรับงาน “เที่ยวดงเจริญ เชิญฟังลำ” ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, อำเภอคำเขื่อนแก้ว, องค์การบริหารส่วนตำบลดงเจริญ, โรงเรียนบ้านดงเจริญ และ บริษัท ไอ-แคนนาบิซ จำกัด
สำหรับงาน “เที่ยวดงเจริญ เชิญฟังลำ” ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, อำเภอคำเขื่อนแก้ว, องค์การบริหารส่วนตำบลดงเจริญ, โรงเรียนบ้านดงเจริญ และ บริษัท ไอ-แคนนาบิซ จำกัด
13
Sport News & Motor Sport / แลกหมัดเดือด! "เพชรดำ” โชว์พลังหมัดใส่ "รัฐวุฒิ” ชนะคะแนน คว้าเข็มขัดแชมป์ ABF
« on: June 28, 2025, 11:46:04 PM »แลกหมัดเดือด! "เพชรดำ” โชว์พลังหมัดใส่ "รัฐวุฒิ” ชนะคะแนน คว้าเข็มขัดแชมป์ ABF Asia ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี ในศึก NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS

เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่สนามมวย เวิลด์สยาม สเตเดี้ยม เขตบางกะปิ การแข่งขันชกมวยศึก "NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS" จัดโดย สองคู่เขยโปรโมเตอร์ มิสเตอร์ บริโก้ แซนติก ชาวฟิลิปปินส์ กับ “ปุ่นอินเตอร์” นายศุภณัฐ จันทร์แรม พร้อมด้วย “พ่อพระวงการมวย” นายนริส สิงห์วังชา ประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย (ABF) และ นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อฯ ร่วมกันจัดศึก "NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS" ชิงเข็มขัดแชมป์ ABF Asia ในรายการนี้มีนักสู้ทั้ง 15 คู่กระหน่ำความมันส์ สู้กันดุเดือดสมศักดิ์ศรีทุกคู่
การชกครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายนริส สิงห์วังชา ประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย (ABF) และ นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย เป็นเกียรติขึ้นคาดเข็มขัด ABF Asia ให้กับแชมป์เปี้ยน "เพชรดำ มานพชัยยิม” ด้วยการชนะคะแนนอย่างเอกฉันท์ คว้าเข็มขัดแชมป์ ABF Asia ไปครองได้สำเร็จ
สรุปผลการแข่งขันศึก "NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS" ทุกคู่มีดังนี้
คู่ที่ 1. ชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นมิดเดิลเวท พิกัด 160 ปอนด์ เอ็นโซ กรอส นักชกฝรั่งเศส ชนะ TKO ยก1 คมสัน วงศ์สุรินทร์ นักชกไทย
คู่ที่ 2. ชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท พิกัด 140 ปอนด์ แพทริก ลอว์ นักชกฮ่องกง ชนะ TKO ยก2 นฤนาถ ชัยเตียบ นักชกไทย
คู่ที่ 3. ชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท พิกัด 130 ปอนด์ ดาสปาร์วาร์ อาร์เซียน นักชกอิหร่าน ชนะ TKO ยก3 วิชัย คำสอน นักชกไทย


คู่ที่ 4. ชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นครุยเซอร์เวท พิกัด 200 ปอนด์ ทรอย เมอร์แคนติ นักชกออสเตรเลีย ชนะ TKO ยก1 กฤษณะ บุญโกศล นักชกไทย
คู่ที่ 5. ชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นไลท์เวท พิกัด 135 ปอนด์ ชาเคียล อิคบัล นัก1ชกสหราชอาณาจักร ชนะ TKO ยก1 อิงคารัต น้อยอิตา นักชกไทย
คู่ที่ 6. มวยหญิงชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นไลท์เวท พิกัด 135 ปอนด์ ทารา เอโนกะ นักจากออสเตรเลียชนะ TKO ยก3 ปิยะธิดา สิงห์มนัสศักดิ์ ยิม นักชกไทย


คู่ที่ 7. ชกอุ่นเครื่อง (4 ยก) รุ่นเวลเตอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ คัลลัม สตีเวน แดน นักชกสหราชอาณาจักร ชนะ TKO ยก1 ธนายุทธ ฟ้าพิมาย นักชกไทย
คู่ที่ 8. ชกอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นเวลเตอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ ซีชาน อาลี นักชกสหราชอาณาจักร ชนะคะแนน วรวุฒิ สิงห์บุตร นักชกไทย
คู่ที่ 9. ชกอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ พิสิษฐ์ เป้าจันทึก ชนะ TKO ยก2 มงคล นาคศรี
คู่ที่ 10. มวยหญิงอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท พิกัด 147 ปอนด์ คอนนี่ ชาน นักชกออสเตรเลีย ชนะ TKO ยก1 พศิกา เชื้อแสง นักชกไทย
คู่ที่ 11. มวยหญิงชกอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท พิกัด 115 ปอนด์ มักดาเลน่า ซเวด นักชกสหราชอาณาจักร ชนะคะแนน วนานันท์ มโนชัยยิม นักชกไทย
คู่ที่ 12. ชกอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท พิกัด 130 ปอนด์ ซัม ยอน คิม นักชกเกาหลี ชนะคะแนนสหรัถ สิงห์มนัสศักดิ์ ยิม นักชกไทย


คู่ที่ 13. ชกอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นเฟเธอร์เวท พิกัด 126 ปอนด์ กรีติภัค ไฮแลนด์ ยิม นักชกไทย ชนะคะแนน เรซ่า ดอสเตียลมี นักชกอิหร่าน
คู่ที่ 14. ชกอุ่นเครื่อง (6 ยก) รุ่นไลท์เฮฟวีเวท พิกัด 175 ปอนด์ ระหว่าง กิตติพงศ์ เจียน ห่าว โห่ นักชกลูกครึ่งไทย สิงคโปร์ ชนะทีเคโอ ยก 2 บาเวศ อมาร์จีต นักชกอินเดีย พร้อมรับเงินอัดฉีดจาก นายนริส สิงห์วังชา นายกสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย,ประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF 10,000บาท


คู่ที่ 15. คู่เอกของรายการ เป็นการชิงแชมป์ ABF สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย รุ่นซุปเปอร์เวลเตอร์เวท พิกัด 154 ปอนด์ กำหนด 10 ระหว่างนักชกไทยด้วยกัน รัฐวุฒิ ไฮแลนด์ ยิม พบกับ เพชรดำ มานพชัย ยิม เริ่มยกแรก เพชรดำ เเป็นฝ่ายยเดินเข้าหาต่อยขวาตัดลำตัวเน้นๆด้าน รัฐวุฒิ รอจังหวะสองต่อขวาฮุคขวาเข้าใบหน้า เพชรดำจังๆ ช่วงปลายยก 2 รุฐวุฒิ ได้โอกาสฮุคซ้ายเข้าปลาย เพชรดำ ถึงกับร่วงทั้งยืนกรรมการนับ 8 ชกต่อได้ รัฐวุฒิ เดินรุกไล่ตัดลำตัวแต่ไม่ชัดเจนผิดกับ เพชรดำ เริ่มฮึดเดินต่อยหมัดเน้นๆ ได้จะแจ้งกว่าทำเอา รัฐวุฒิ ต้องถอยล่นรอบเวที ครบ 10 ยก เพชรดำ เป็นฝ่ายชนะคะแนนเอกฉันท์คว้าแชมป์ ABF มาครองอย่างสวยงาม


แฟนมวยลุ้นกันแบบเต็มๆ ศึก "NARIS HIGHLAND BOXING PROMOTIONS" การแข่งขันทวีความดุเดือดร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยบรรดานักชกฝีมือแกร่งทั้ง 15 คู่ขึ้นเวทีโชว์ฝีมือใส่กันไม่ยั้ง สร้างความประทับใจให้แฟนมวยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ





14
news & activity / สพฐ.จับมือ มรภ.อุดรธานี อบรมศึกษานิเทศก์ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
« on: June 28, 2025, 08:59:36 PM » เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่โรงแรมโคราชรีสอร์ท จังหวัดนครราชสีมา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการศึกษานิเทศก์ ตามโครงการพัฒนาครูต้นแบบในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ระหว่างวันที่ 28-29 มิถุยายน 2568 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพศึกษานิเทศก์ในการ “พลิกโฉมคุณภาพการศึกษาโดยพัฒนาครูให้มีศักยภาพสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21” ด้วยการร่วมพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ไปสู่การสร้างผู้เรียนให้เป็นนวัตกร ตามโครงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาด้วยรูปแบบ Active Learning สำหรับครู และบุคลากรทางการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (1 อําเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ) ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา
ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว)อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา บรรยายพิเศษว่า หลักสูตรของประเทศไทยรวมถึงหลักสูตรทั่วโลกจะเน้นกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล และประเทศไทยก็มีการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาประเทศด้านการศึกษา ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการ ก็ให้เน้นย้ำเรื่องของกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติคนไทยยังเข้าไม่ถึงกระบวนการนี้ การเรียนการสอนจึงเป็นการสอนไปตามรายวิชา ทำให้เด็กยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย ขณะที่ในชีวิตจริงของมนุษย์หรือคนทุกคนจะต้องไปอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps จะเป็นการเรียนรู้ผ่านกระบวนการและหลักการ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำกระบวนการและหลักการไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์ทุกวิถีชีวิต และพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งไม่มีวันลืม
ดร.เอกราช ดีนาง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญ คือ การพัฒนาหลักสูตร Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนพัฒนารูปแบบการ จัดการเรียนการสอนนำไปสู่การให้เด็กมีกระบวนการคิดขั้นสูง และท้ายที่สุดเด็กจะสามารถสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หลังจากพัฒนาหลักสูตรสำเร็จแล้วจะเป็นการจัดอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อนำรูปแบบ Active Learning ไปใช้ในการปฏิบัติในชั้นเรียน จากนั้นจะเป็นการคัดเลือกครูต้นแบบเพื่อถอดบทเรียนการเรียนรู้และนำไปสู่การสร้างต้นแบบของการเรียนรู้และขยายผลต่อไป เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดร.เอกราช กล่าวต่อไปว่า กลุ่มเป้าหมายการพัฒนาครูต้นแบบในโครงการจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่สำคัญ คือ 1.ครู และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจะเป็นผู้นำแนวคิดในเรื่องของ Active Learning ไปใช้ในห้องเรียน และอีกกลุ่มที่สำคัญมากคือ ศึกษานิเทศก์ ซึ่งจะเป็นผู้นำกลไกเชิงกระบวนการและนโยบายต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติ ดังนั้นศึกษานิเทศก์จะต้องเป็นผู้ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ไปเป็นวิธีปฏิบัติและเป็นโค้ชในการให้คำปรึกษา อำนวยการเรียนรู้ให้ครู นำเรื่องของ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Stepsไปใช้ในห้องเรียน เพื่อยกระดับผู้เรียนให้เป็นนวัตกรการเรียนรู้ได้ในที่สุด
นายดำเนิน เพียรค้า ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)นครราชสีมา เขต 3 ปฏิบัติหน้าที่ ผอ. สพป.นครราชสีมา เขต 1 กล่าวว่า ศึกษานิเทศก์เป็นบุคคลที่จะเป็นสื่อกลางในการนำนโยบายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยการจัดการศึกษาแบบ Active Learning ไปสู่ความสำเร็จ ศึกษานิเทศก์ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพราะการทำ 1 อําเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ มีหลักการว่าจะต้องทำให้โรงเรียนแห่งโอกาสทางการศึกษา และความเท่าเทียมของนักเรียน ที่ต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ สามารถรับประกันได้ว่าเด็กที่จบจากโรงเรียนในโครงการ 1อำเภอ 1โรงเรียนคุณภาพ ต้องมีความรู้ ความสามารถ มีทักษะชีวิต สามารถดำรงชีพได้ในอนาคตเทียบเท่ากับโรงเรียนในอำเภอหรือในจังหวัด เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรกระบวนการเรียนการสอนจะสามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างดี ครูสามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่นักเรียน นักเรียนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น ซึ่งการจัดการศึกษาโดยรูปแบบ Active Learning เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเด็กจะได้ปฏิบัติจริง เรียนรู้จริง และมีองค์ความรู้สามารถเอาตัวรอดได้ เพราะฉะนั้นเชื่อว่า Active Learning ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงได้จริง
ว่าที่ร้อยเอก ดร.ทิณกรณ์ ภูโทถ้ำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.)นครราชสีมา กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดอบรม คือ ต้องการให้ศึกษานิเทศก์มีความเข้าใจการจัดการศึกษาแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps โดยมีจุดประสงค์สำคัญ คือ ให้ผู้เรียนเป็นนวัตกร ที่สามารถสร้างผลผลิตที่เกิดจากการเรียนการสอนในห้องเรียนแล้วไปต่อยอดสร้างนวัตกรรม จนเกิดเป็น Startup ต่อไป อย่างไรก็ตามความมุ่งหวังของ สพฐ.และเขตพื้นที่การศึกษา คือ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนคุณภาพ โดยการเปลี่ยนแปลง คือ ต้องพลิกจากสิ่งที่ทำมาแต่เดิม ต้องส่งผลต่อผู้เรียนในเรื่องของคุณภาพ ความเท่าเทียม โอกาส และการเปลี่ยนสังคมให้ไปสู่สังคมที่มีความพร้อมที่จะอยู่ในโลกของเศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่ง Active Learningตอบโจทย์ได้ เพราะ Active Learning มุ่งหวังให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิดขั้นสูง เช่น ผลการสอบพิซาของเด็กไทยยังไม่ค่อยน่าพึงพอใจ เพราะเรายังไม่ได้ฝึกให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ขั้นสูง แต่ปีที่ผ่านมาเราเริ่มเน้นการเรียนแบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps มากขึ้น เชื่อว่าการสอบพิซาปีนี้ซึ่งเน้นเรื่องการคิดวิเคราะห์ สิ่งที่เราเน้นย้ำจะเกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้นอยากให้ติดตามผลการสอบพิซาปีนี้ด้วย
15
news & activity / “คอนกรีตไลน์” ร่วมมือ SCG BLC มุ่งสู่ความเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ
« on: June 27, 2025, 03:15:27 PM »“คอนกรีตไลน์” ร่วมมือ SCG BLC มุ่งสู่ความเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ ด้วยการได้รับรอง Carbon Footprint for Organization โดย TGO และ ISO 14064-1

บริษัท คอนกรีตไลน์ จำกัด สร้างก้าวสำคัญบนเส้นทางธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการได้รับการรับรอง Carbon Footprint for Organization (CFO) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO และมาตรฐาน ISO 14064-1 ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กรอย่างจริงจัง โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญจาก SCG Building and Living Care Consulting (SCG BLC) นำทีมโดย ดร. ภาณุพันธ์ ผาพันธุ์ ตำแหน่ง Head of Net Zero Transformation ที่ร่วมพัฒนาแนวทางการวัดผลและจัดทำรายงานตามมาตรฐานของ TGO
โดยการดำเนินการในครั้งนี้ คอนกรีตไลน์ได้รวบรวม วิเคราะห์ และจัดทำข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกิจกรรมต่างๆในสำนักงานทั้ง 3 สโคป นอกจากนี้คอนกรีตไลน์ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา“คอนกรีตเพื่อสิ่งแวดล้อม” และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่เริ่มนำแนวคิด Low-Carbon Concrete มาใช้ในสายการผลิต โดยผสานเทคโนโลยีและวัตถุดิบจากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น SCG เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ลดการปล่อย CO₂ ลงอย่างมีนัยสำคัญ แนวทางนี้สอดรับกับเป้าหมายของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอนลงสู่ระดับ Net Zero ภายในปี 2050 และร่วมผลักดันเป้าหมายของประเทศภายใต้พันธสัญญาต่อ UNFCCC
“เราเชื่อว่าธุรกิจที่ดีต้องเติบโตเคียงคู่กับสิ่งแวดล้อม การได้รับการรับรอง CFO จาก TGO ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรแต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ในการบริหารจัดการคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพเราไม่เพียงต้องการผลิตสินค้าคุณภาพ แต่ต้องการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย” — นายวิรัตน์ จินดานุวัฒน์ ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนกรีตไลน์ จำกัด
CFO ไม่ใช่แค่ตราสัญลักษณ์ แต่คือเครื่องมือสู่การเปลี่ยนแปลง Carbon Footprint for Organization คือเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและเข้าใจ “รอยเท้าคาร์บอน” ในกระบวนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ช่วยให้สามารถ:
• วางแผนลดการปล่อย CO₂ อย่างแม่นยำ
• สื่อสารความโปร่งใสต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
• สร้างความเชื่อมั่นในฐานะองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
###
เกี่ยวกับ SCG Building and Living Care Consulting
บริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบอาคารและวิศวกรรมอาคารเพื่อความยั่งยืน ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี และผลงานกว่า 200 โครงการที่ได้รับการรับรอง บริษัทให้บริการด้านการขอรับรองมาตรฐานอาคาร เช่น LEED, EDGE, TREES, Fitwel และ WELL การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานอาคาร ออกแบบอาคารเพื่อความยั่งยืนและสุขภาวะที่ดี รวมถึงที่ปรึกษาด้าน NET ZERO BUILDING และการให้บริการทวนสอบ CFO (validation and verification services) พร้อมสนับสนุนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการให้คำปรึกษาเชิงลึก และออกแบบแนวทางเฉพาะที่สามารถขยายผลได้จริง เพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนและ
กลยุทธ์ด้านการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม
SCG BLC Contact
Phone: 065 719 7909
E-mail: SCGCONSULTING@SCG.COM
LINE: @SCGBLC | Facebook: SCG building and Living Care Consulting