This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
ข่าวบันเทิง / รายการ “หนีเที่ยวกัน” เสาร์ที่ 3 มิถุนายน 66 เวลา 09.00 น. Workpoint ช่อง 23
« on: Today at 01:19:55 PM »รายการ “หนีเที่ยวกัน”
เสาร์ที่ 3 มิถุนายน 66 เวลา 09.00 น. Workpoint ช่อง 23
“ป๊อด” ฟิตจัด ไม่ไล่ไม่เลิก!
ฟินคูณ 2 ควงน้องเล่นน้ำ
เสาร์ที่ 3 มิถุนายน 66 เวลา 09.00 น. Workpoint ช่อง 23
“ป๊อด” ฟิตจัด ไม่ไล่ไม่เลิก!
ฟินคูณ 2 ควงน้องเล่นน้ำ
ว่ายน้ำคนเดียวก็จะเหงาเกินไป พิธีกรหนุ่มสายสปอร์ต ป๊อด-ศุภกร เลยควง 2 ฉ่ำๆ ว่ายน้ำสุดฟินกับน้องโลมา ไม่ใช่โลมาธรรมดาทั่วไปแต่เป็นสายพันธุ์อิรวดี มีที่นี่ที่เดียว! งานนี้ฟิตสุดจัด มันส์สุดขีดจนไม่อยากขึ้นจากน้ำ แต่บนบกยังมีกิจกรรมสุดว้าวให้ทำอีก ทั้งใหญ่! ทั้งเย็น! เป็นอะไรต้องตามดูใน “หนีเที่ยวกัน” วันเสาร์ที่ 3 มิ.ย. 66 นี้ 9 โมงเช้า ทาง Workpoint ช่อง 23 ดูย้อนหลังทาง YouTube FlukeLee https://www.youtube.com/c/FlukeLee/featured และไปหนีเที่ยวกันแบบจุใจในเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/nheetiew/ และอินสตาแกรม @nheetiewgun.th
2
news & activity / ถอดรหัสบ้านแม่วาก จัดการน้ำทำการเกษตรบนพื้นที่สูง
« on: Today at 01:08:09 AM »ถอดรหัสบ้านแม่วาก จัดการน้ำทำการเกษตรบนพื้นที่สูง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการบริหารจัดการระบบน้ำบนพื้นที่สูง เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน ถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก จากสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่มุ่งปลูกพืชเชิงเดี่ยว และอาศัยน้ำในช่วงฤดูฝนทำให้พื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จนกระทั่งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) นำโครงการเข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนที่เน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมนับตั้งแต่ปี 2557
ชุมชนต้นแบบบ้านแม่วาก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีการบริหารจัดการดีเลิศ ที่การันตีด้วยรางวัลเลิศรัฐ ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม (Effective Change) ถือเป็นชุมชนต้นแบบ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีประชากรทั้งหมด 327 คน 102 ครัวเรือน เกษตรโดยส่วนใหญ่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวในช่วงฤดูฝนเป็นหลัก มีพื้นที่ในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1,506.54 ไร่ แต่ประสบปัญหาขาดแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างรุนแรง จนกระทั่ง ปี 2557 สวพส. โดยโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่มะลอ ร่วมกับชุมชนบ้านแม่วาก และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาจร ได้จัดทำแผนชุมชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นของชุมชน ทบทวนปัญหาความต้องการของชุมชน วิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุ และกำหนดทิศทางการพัฒนาร่วมกัน พบว่า ชุมชนไม่มีแหล่งต้นน้ำของตนเอง ไม่สามารถปลูกพืชทางเลือกอื่นนอกจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงต้องการพัฒนาแหล่งน้ำบนพื้นที่ “สันดอยยาว” ในเนื้อที่กว่า 600 ไร่ ซึ่งชุมชนไม่สามารถจัดการและแก้ไขปัญหาได้เพียงลำพัง
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ( สวพส.) กล่าวว่า ก่อนที่จะเข้าดำเนินการตามความต้องการของชุมชนบ้านแม่วากมีการถอดบนเรียนกระบวนการเรียนรู้ เพื่อวางแผนงานร่วมกับชุมชนในการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร วางแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้มีความยั่งยืน พร้อมๆ กับการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นปลูกไม้ผลในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ที่เน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม การจัดทำแผนชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาสำคัญของชุมชนในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งความต้องการของชุมชนที่แท้จริง ประเมินศักยภาพของชุมชน โอกาส ภัยคุกคาม จุดแข็ง จุดอ่อน และข้อจำกัดต่าง ๆ
รวมทั้ง การจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลง ในการสำรวจจัดทำฐานข้อมูลของชุมชน ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงของเกษตรกร จัดทำขอบเขตพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ทำกิน (Zoning) กระบวนการเก็บข้อมูล การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านการวางแผนตามความต้องการของชุมชน ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอาชีพเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยใช้เครื่องมือ GPS ให้เกษตรกรเดินรอบแปลงที่ทำกินของตัวเอง และบันทึกข้อมูลการใช้ประโยชน์พื้นที่และตรวจเช็คความถูกต้อง แบ่งปันการใช้ข้อมูลร่วมกันในชุมชน เกิดเป็นแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงของเกษตรกรบ้านแม่วากขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ชุมชนและหน่วยงานเห็นภาพบริบทชุมชนร่วมกัน เกิดการร่วมวิเคราะห์ และวางแผนในการพัฒนาได้ตรงกับปัญหาที่แท้จริง
ในขณะเดียวกัน สวพส.ร่วมคิดวิเคราะห์ ร่วมจัดทำแผนบูรณาการ กำหนดเป้าหมาย แผนงาน โครงการ กิจกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งพบว่า ชุมชนให้ความสำคัญในการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เป็นอันดับที่ 1 ชุมชนจะได้มีน้ำในการผลิตพืชทางเลือกในการทำอาชีพการเกษตรมากขึ้น พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ประกอบด้วย (1) สร้างรายได้รายวัน รายเดือน รายปี (2) ปลูกพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (3) สร้างพื้นที่สีเขียวในแปลงเกษตรและพื้นที่ป่าของชุมชน (4) สร้างป่าสร้างรายได้ (5) ลดปัญหาหมอกควัน
โดย สวพส. สนับสนุนเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ งบประมาณในการดำเนินงาน เครื่องมือแผนที่ต่าง ๆ ที่ใช้ในการวางแผนการพัฒนา และเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานระหว่างชุมชน และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการในพื้นที่ แต่ละภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในแต่ละระยะของการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จของบ้านแม่วาก เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การร่วมดำเนินงานทุกภาคส่วน ผ่านกิจกรรมสำคัญๆ คือ การใช้แผนที่ในการวางแผนการพัฒนาร่วมกัน (one map) ที่ช่วยสร้างความเข้าใจ ร่วมตกลงวางแผนและตัดสินใจ ชุมชนรับทราบข้อมูลที่แท้จริง ทำให้ลดความขัดแย้งเรื่องที่ดินทำกิน การพัฒนาผู้นำด้านทักษะและถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการด้านการบริหารจัดการพื้นที่ของชุมชน การถอดบทเรียนจากการทำงานที่ผ่านมา ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานต่างๆ โดยชุมชนแม่วากได้รับการยกย่องว่าเป็น “หมู่บ้านเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำ” ให้กับชุมชนรอบข้างเข้ามาเรียนรู้
ปัจจุบันชุมชนบ้านแม่วากมีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร กว่า 40 บ่อ ปริมาณน้ำทั้งหมด 5,780 ลบ.ม พื้นที่ได้รับประโยชน์ 624.42 ไร่ เกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์ 66 รายจำนวน 72 แปลง และมีแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ เกิดรูปแบบการดำเนินงานเป็น “แม่วากโมเดล” เพื่อดำเนินการต่อยอดการพัฒนาเชิงพื้นที่ ทุกวันนี้บ้านแม่วากเกิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวกลายเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักภายใต้มาตรฐานเกษตรปลอดภัย (GAP) และเกษตรอินทรีย์ การปลูกไม้ผลในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ การปลูกไผ่ผสมผสาน และไม้มีค่ากว่า 58 ชนิด เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวของชุมชนและความสมบูรณ์ของพื้นป่า
3
ข่าวบันเทิง / นับถอยหลัง...เตรียมชมสด ฟังสด เต็มอรรถรสทางดนตรีทีห้ามพลาด วงนั่งเล่น x
« on: Today at 12:45:52 AM »นับถอยหลัง...เตรียมชมสด ฟังสด เต็มอรรถรสทางดนตรีที่ห้ามพลาด
วงนั่งเล่น x ดนู ฮันตระกูล ไหมไทยออร์เคสตรา ร่วมด้วยศิลปินรับเชิญแน่นเวที
ในคอนเสิร์ต “รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ The Perfect Harmony”
วงนั่งเล่น x ดนู ฮันตระกูล ไหมไทยออร์เคสตรา ร่วมด้วยศิลปินรับเชิญแน่นเวที
ในคอนเสิร์ต “รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ The Perfect Harmony”
บริษัท เดอะ เทรนเซทเทอร์ จำกัด ภูมิใจเสนองานแสดงดนตรีของ 2 กลุ่มศิลปินคุณภาพ ทีจะมาผสานเสียงดนตรีที่แตกต่างร่วมกันอย่างงดงาม ใน คอนเสิร์ต “รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ The Perfect Harmony” โดยอะคูสติกแบนด์ “วงนั่งเล่น” ที่รวมพลคนดนตรีรุ่นเก๋า 9 ท่าน ผู้อยู่เบื้องหลังและสร้างความสำเร็จให้ศิลปินไทยมาแล้วมากมาย ขึ้นเวทีเคียงคู่ศิลปินชั้นครู “ดนู ฮันตระกูล” นักดนตรี นักแต่งเพลงคุณภาพ ผู้อำนวยเพลงชาวไทยที่สร้างผลงานสุดคลาสสิกนับไม่ถ้วน เจ้าของรางวัลศิลปาธร สาขาคีตศิลป์ ผู้สร้างบทเพลงฮิตคุ้นหู “ไอ้หนุ่มผมยาว” และเสียงไทยคอรัสโดย ไกวัล กุลวัฒโนทัย ร่วมแสดงกับไหมไทยออร์เคสตรา พร้อมจัดเต็มศิลปินรับเชิญคุณภาพอีก 6 ท่าน ได้แก่ ธนชัย อุชชิน, ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, รัดเกล้า อามระดิษ, สุรสีห์ อิทธิกุล, สุรชัย สมบัติเจริญ และ อรวี สัจจานนท์
ฟังสด ชมสด กับปรากฏการณ์แห่งดนตรีที่แตกต่างอย่างกลมกล่อมลงตัว ผ่านคุณภาพเสียงจัดเต็มบนเวทีใหญ่ บัตรเหลือน้อยแล้ว ไม่อยากให้คุณพลาด กับ คอนเสิร์ต “รักใหญ่กว่าโลกทั้งใบ The Perfect Harmony” วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ บัตรราคา 5,000 / 4,500 / 4,000 / 3,500 / 3,000 / 2,500 และ 1,000 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 084-714-0000 หรือ Line ID: neekrungtogo
4
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / แอกซ่าประกันภัยเดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านประกันภัยอย่างเป็นทางการ ในงาน
« on: Today at 12:35:45 AM »แอกซ่าประกันภัยเดินหน้าเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านประกันภัยอย่างเป็นทางการ
ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ Motor Expo 2023
ในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ Motor Expo 2023
บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือกับบริษัท สื่อสากล จำกัด (Inter-Media Consultant Co., Ltd. หรือ IMC) ลงนามบันทึกข้อตกลงในฐานะผู้สนับสนุนหลักด้านประกันภัยของการจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ Motor Expo 2023
มร. โคลด เซนย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “แอกซ่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับสื่อสากลฯ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยรูปแบบการจัดงานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้ที่เตรียมจัดอย่างยิ่งใหญ่ และมีผู้เข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งงานนี้ถือเป็นงานแสดงยานยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่เปิดโอกาสให้แอกซ่าได้พบปะกับผู้เข้าร่วมงาน และลูกค้าของเรา เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ตลอดจนข้อเสนอและสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ มากมายภายในงาน”
ด้านนายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท บริษัท สื่อสากล จำกัด กล่าวว่า “สื่อสากลฯ มีความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวกับแอกซ่า ซึ่งคาดว่างานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 จะได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานแสดง และผู้เข้าชมงานอย่างล้นหลาม ภายใต้แนวคิดการจัดงานปีนี้ คือ “ยานยนต์: ความหมายที่มากกว่า” หรือ Mobility: Imagination and Beyond เพื่อเป็นการตอบรับนิยามใหม่ของ “ยานยนต์” ในวิถีชีวิตปัจจุบัน และอนาคต”
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
###
เกี่ยวกับบริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน)
บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นสมาชิกของกลุ่มแอกซ่า ก่อตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2541 มีผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยที่ครอบคลุมทั้งประกันภัยรายบุคคลและประกันภัยรายบริษัท แอกซ่าประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ และมีสาขา 13 แห่งกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย
เกี่ยวกับกลุ่มแอกซ่า
กลุ่มแอกซ่า ผู้นำระดับโลกในด้านการประกันภัยและการจัดการทรัพย์สิน โดยมีพนักงานกว่า 145,000 คน มุ่งมั่นที่จะให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 93 ล้านรายทั่วโลก ใน 51 ประเทศ ในปี 2565 กลุ่มแอกซ่ามีรายได้รวมอยู่ที่ 102.3 พันล้านยูโร กำไรสุทธิ 7.3 พันล้าน ยูโร และมีสินทรัพย์ทั้งหมด 933 พันล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565
5
news & activity / ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เดินหน้าโครงการ “มิซุอิกุ: สอนน้องรักษ์น้ำ”
« on: Today at 12:25:08 AM »ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เดินหน้าโครงการ “มิซุอิกุ: สอนน้องรักษ์น้ำ” ก้าวสู่ปีที่ 5
จัดปฐมนิเทศโรงเรียนในจังหวัดสระบุรี มุ่งจุดประกายเยาวชนไทย ใส่ใจอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม
จัดปฐมนิเทศโรงเรียนในจังหวัดสระบุรี มุ่งจุดประกายเยาวชนไทย ใส่ใจอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย นำโดย นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ จัดงานปฐมนิเทศ โครงการ “มิซุอิกุ: สอนน้องรักษ์น้ำ” ประจำปี 2566 โดยได้รับเกียรติจากที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ว่าที่ ร้อยเอก ดร. สาคร กิ่งจันทร์ (ที่ 3 จากซ้าย) ศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วย ดร.ปฐมเกียรติ ไชยคำ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 1 และ นางธัญพร สมบูรณ์ศักดิ์ศรี (ที่ 6 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2 เข้าร่วมงานเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการฯ และรณรงค์ให้เยาวชนไทยอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดสระบุรี ทั้งนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ค่านิยมองค์กร “Growing for Good” หรือ “การเติบโตอย่างยั่งยืน” บริษัทฯ จึงริเริ่มและดำเนินโครงการ “มิซุอิกุ: สอนน้องรักษ์น้ำ” มาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และจุดประกายเยาวชนไทยให้เล็งเห็นถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยโครงการ “มิซุอิกุ: สอนน้องรักษ์น้ำ” ประจำปี 2566 นี้ มุ่งขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างสร้างสรรค์ รวมถึงพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำมิซุอิกุ” ทั้งนี้ งานปฐมนิเทศดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องประชุมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 1
บุคคลในภาพจากซ้าย
1. นางกรแก้ว เทียนศิริ ผู้อำนวยการโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัท กล่องวิเศษ จำกัด
2. นางสาวนิภา มโนดุลย์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี
3. ว่าที่ร้อยเอก ดร. สาคร กิ่งจันทร์ ศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี
4. นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จํากัด
5. ดร.ปฐมเกียรติ ไชยคำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 1
6. นางธัญพร สมบูรณ์ศักดิ์ศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2
7. นายภาติกร ลัคนะเวทย์ ผู้จัดการกิจการสาธารณะ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จํากัด
6
news & activity / กรมการค้าภายในจัดงาน “Village To Town” นำสินค้าหมู่บ้านทำมาค้าขาย ตลาดต้องชม
« on: June 01, 2023, 11:57:39 PM »กรมการค้าภายในจัดงาน “Village To Town” นำสินค้าหมู่บ้านทำมาค้าขาย ตลาดต้องชม ขายคนกรุง-นักท่องเที่ยว
กรมการค้าภายใน จัดงาน “Village To Town”นำสินค้าดี เด่น ดัง จากหมู่บ้านทำมาค้าขาย และตลาดต้องชม รวม 24 แห่ง มาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับชาวกรุงและนักท่องเที่ยว วันที่ 30 พ.ค. ถึง 5 มิ.ย.นี้ ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า พร้อมดึงธุรกิจชื่อดังมาเจรจาจับคู่ธุรกิจ คาดยอดซื้อขายไม่ต่ำกว่า 24 ล้านบาท
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดงาน “Village To Town” นำสินค้าเด่นจากวิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการท้องถิ่น จากหมู่บ้านทำมาค้าขายและตลาดต้องชมกว่า 24 แห่ง มาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว ที่ลานโปรโมชั่น ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2566 เพื่อช่วยเปิดตัวสินค้าจากหมู่บ้านทำมาค้าชายและตลาดต้องชมให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับสินค้าและผลิตภัณฑ์เด่นที่นำมาจัดแสดงและจำหน่าย เช่น กลุ่มหัตถศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำมือบ้านจงเจริญ ผ้าทอกะเหรี่ยงชุมชนหล่ายแก้ว ดอยเต่า กลุ่มหัตถกรรมผ้าไหมบ้านดู่ กลุ่มทอผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดง กลุ่มทอผ้าไหมผ้าฝ้ายบ้านห้วยทราย กลุ่มทอผ้าฝ้ายย้อมครามบ้านสงเปลือย กลุ่มทอผ้าบ้านตรอกแค กลุ่มปันหยาบาติก กลุ่มหัตถศิลป์พื้นบ้านปากบารา กลุ่มผลิตภัณฑ์เตยปาหนันบ้านดุหุน กลุ่มหัตถกรรมผักตบชวาบางเลน กลุ่มหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี ชุมชนนาต้นจั่น กลุ่มหัตกรรมสันนาปูเลย กลุ่มเกษตรกรบ้านนาป่าหนาด กลุ่มจักสานกระจูดระยอง และกลุ่ม ชุมชนหลัง วค. จันทรเกษม เป็นต้น
ทั้งนี้ นอกจากการนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายแล้ว กรมฯ ยังได้จัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างวิสาหกิจชุมชนกับธุรกิจที่มีชื่อเสียง ได้แก่ บริษัท ไข่หวานบ้านซูชิ กลุ่มบริษัทดุสิตธานี บริษัทซีพีแรม บริษัท ไทยเวียตเจ็ท แอร์ บริษัทคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันชีวิต บริษัทคาโอ บริษัทกาแฟพันธุ์ไทย เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายมูลค่าการเจรจาธุรกิจประมาณ 24 ล้านบาท
โครงการหมู่บ้านทำมาค้าขาย และตลาดต้องชม เป็นหนึ่งในภารกิจหลักของกรมฯ ที่ต้องการสนับสนุนคนในชุมชนพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน มีสถานที่ทำมาค้าขาย สามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ นำรายได้กลับสู่ชุมชน พร้อมผลักดันผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนให้เกิดการต่อยอดเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจในประเทศที่มีศักยภาพสูง เพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าสู่การเจรจาซื้อขายได้ในอนาคต
โดยในปี 2566 ได้ตั้งเป้าส่งเสริมหมู่บ้านทำมาค้าขายแห่งใหม่ จำนวน 12 แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมหมู่บ้านทำมาค้าขาย รวมทั้งสิ้น 42 แห่ง และส่งเสริมตลาดต้องชมแห่งใหม่ 12 แห่ง ปัจจุบันมีทั้งหมด 250 แห่ง จึงขอเชิญชวนประชาชนมาท่องเที่ยวหมู่บ้านทำมาค้าขาย และท่องเที่ยวในตลาดต้องชมที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโต และกระจายรายได้สู่ชุมชน
7
news & activity / แม็คโคร จับมือ กรมปศุสัตว์ และพันธมิตรธุรกิจ มอบผลิตภัณฑ์นมกว่า 20,000 กล่อง
« on: June 01, 2023, 10:19:25 PM »แม็คโคร จับมือ กรมปศุสัตว์ และพันธมิตรธุรกิจ มอบผลิตภัณฑ์นมกว่า 20,000 กล่อง แก่เด็กพิการ หนุนคนไทยดื่มนมเพื่อสุขภาพ รับ “World Milk Day”
แม็คโคร ผนึก กรมปศุสัตว์ และผู้ผลิตนมแบรนด์ชั้นนำ จัดกิจกรรม กระตุ้นการบริโภคนมเพื่อสุขภาพ และร่วมทำความดี ส่งต่อผลิตภัณฑ์นมแก่เด็กพิการผ่านกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รับวันดื่มนมโลก
นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร ผู้นำธุรกิจค้าส่งของไทย นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบจากทั่วโลกแล้ว ยังได้ชื่อว่า เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์นม มากกว่า 300 รายการ ที่ใครๆ ต่างนึกถึง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านอาหาร โรงแรม หรือครอบครัวขนาดใหญ่ที่จะมาซื้อแบบแพคโหล หรือเหมายกลัง ซึ่งในวันดื่มนมโลก 1 มิถุนายน ของทุกปี แม็คโคร จะร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดกิจกรรมโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบริโภคนมในคนไทยเพิ่มมากขึ้น หลังกรมอนามัย พบเด็กไทยดื่มนมเพียง 1 แก้วต่อวัน และส่วนใหญ่ดื่มเพียง 1-3 วันต่อสัปดาห์ ส่วน กรมปศุสัตว์ ตั้งเป้าหมายในปี 2569 จะเพิ่มการบริโภคนมของคนไทยให้เป็น 25 ลิตรต่อคนต่อปี หลังพบ สถิติการบริโภคอยู่ที 18 ลิตรต่อคนต่อปี หรือสัปดาห์ละ 2 แก้ว
“ในปีนี้ แม็คโครได้ร่วมกับ กรมปศุสัตว์ และพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตนมและผลิตภัณฑ์นมชั้นนำ จัดโปรโมชั่นและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการบริโภคนม ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ร่วมกันส่งต่อผลิตภัณฑ์นมจำนวน 21,000 กล่อง ให้กับเด็กพิการ ที่อยู่ภายในการดูแลของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีนายสัตวแพทย์โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์, นางณฐอร อินทร์ดีศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พันธมิตรทางธุรกิจ และนางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) นางสาวบุศรินทร์ วานิชทวีวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้าธุรกิจค้าปลีก เข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ แม็คโคร ได้ร่วมกับผู้ผลิตนมชั้นนำ อาทิ ซีพีเมจิ ดัชมิลล์ mMilk แม็กโนเลีย ไทยเดนมาร์ก ฟาร์มโชคชัย โฟร์โมส ตราหมี แลตตาซอย ยานาฟาร์มนมแพะ หมุนเวียนจัดโปรโมชั่น ตลอดทั้งปี กว่า 150 รายการ ที่แม็คโคร ทุกสาขาทั่วประเทศ และในช่องทางออนไลน์ Makro PRO เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้กับลูกค้าประชาชน และส่งเสริมการบริโภคนมอย่างต่อเนื่อง
8
news & activity / WARRIX จับมือ ช้อปปี้ รุกหนักเต็มสูบรับอีคอมเมิร์ซซีซั่นครึ่งปีหลัง
« on: June 01, 2023, 10:08:48 PM »WARRIX จับมือ ช้อปปี้ รุกหนักเต็มสูบรับอีคอมเมิร์ซซีซั่นครึ่งปีหลัง
อัดโปรใหญ่ลดสูงสุด 70% ใน Shopee 6.6 ลดใหญ่แบรนด์ดัง
อัดโปรใหญ่ลดสูงสุด 70% ใน Shopee 6.6 ลดใหญ่แบรนด์ดัง
กรุงเทพฯ, 1 มิถุนายน 2566 - วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำในประเทศไทย จับมือ ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน บุกอีคอมเมิร์ซจับกลุ่มนักช้อปออนไลน์รับอีคอมเมิร์ซไฮซีซั่นครึ่งปีหลัง ขนขบวนเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาลิขสิทธิ์แท้มาให้เลือกช้อป จุใจ ลดใหญ่เอาใจขาช้อปสายสปอร์ต พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจาก Warrix Official Store บน Shopee Mall ต้อนรับมหกรรมสุดยิ่งใหญ่กลางปีใน Shopee 6.6 ลดใหญ่แบรนด์ดัง ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 มิถุนายน 2566
โดยมหกรรม Shopee 6.6 ลดใหญ่แบรนด์ดัง นักช้อปจะได้เต็มอิ่มไปกับทัพสินค้าหมวดหมู่กีฬาและไลฟ์สไตล์ในราคาพิเศษ ที่มาพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 70% และคุ้มอีกต่อกับโค้ดลดเพิ่ม 666 บาท โดยมีสินค้าไฮไลท์ อาทิ
● WARRIX Thailand National Team Kit 2022/23 (Replica Version) เสื้อกีฬาเอาใจแฟนบอล ที่ใช้วัสดุเทียบเคียงกับชุดแข่งขันสําหรับนักเตะ โดดเด่นด้วยนวัตกรรม COMBA+COOL ผลิตด้วยเส้นใย Polyester คุณภาพสูง ช่วยซึบซับเหงื่อและถ่ายเทความร้อนได้ดี พร้อมเทคนิคการพิมพ์ลายแบบ Sublimation แบบเว้นร่องมอบความเบาสบาย และคล่องตัวขณะใส่ออกกําลังกาย พิเศษเพียง 903 บาท จากปกติ 1,290 บาท
● WARRIX Thailand National Team Kit 2022/23 (Player Version) โดดเด่นด้วยนวัตกรรม COMBA+TECH นวัตกรรมล่าสุดจาก WARRIX ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี COMBATEC7 โดยนำจุดเด่น 7 ประการ อาทิ แห้งเร็ว ป้องกันรังสียูวี และป้องกันแบคทีเรีย มาผสานนวัตกรรมระบายอากาศ Airflow 360 เพิ่มทอ รูระบายอากาศลงบนลายเสื้อ เพื่อถ่ายเทความร้อนและระบายเหงื่อในระหว่างการสวมใส่ พิเศษเพียง 1,743 บาท จากปกติ 2,490 บาท
● WARRIX Thailand National Team Kit 2021-22 (Replica Version) มาพร้อมเทคโนโลยีการพิมพ์ลายแบบ Emboss ที่มีคุณภาพที่ใกล้เคียงกับชุดแข่งขันสำหรับนักเตะ ในราคาย่อมเยาว์ พร้อมถักทอด้วยนวัตกรรม COMBA+COOL ด้วยเส้นใย Polyester ช่วยซึบซับเหงื่อ ระบายอากาศ แอนตี้แบคทีเรีย และป้องกันรังสียูวี พิเศษเพียง 646 บาท จากปกติ 1,290 บาท
● WARRIX Thailand National Team Kit 2021-22 (Player Version) ได้รับแรงบันดาลใจจาก “เศวตกุญชรชาติ” หรือช้างเผือก ที่มีความสง่างาม น่าเกรงขาม และแข็งแกร่ง พร้อมแฝงกลิ่นอายของความเป็นไทย โดดเด่นด้วยนวัตกรรม COMBA+TECH เนื้อผ้า Polyester ถักทอลายแบบ Transfer ทำให้สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี พร้อมเทคโนโลยี Airflow 360 และ Spandex ที่มีความยืดหยุ่นสูง ใส่กระชับและเข้ารูปโค้งรับไปกับสรีระของนักเตะ ช่วยให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างอิสระ คล่องตัว พิเศษเพียง 1,246 บาท จากปกติ 2,490 บาท
แฟนกีฬาวอร์มนิ้วให้พร้อม! เตรียมช้อปทัพเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาราคาพิเศษ ในมหกรรม ช้อปปิ้งสุดยิ่งใหญ่กลางปี ‘Shopee 6.6 ลดใหญ่แบรนด์ดัง’ ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 มิถุนายน 2566 ที่มาพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 70% คุ้มอีกต่อกับโค้ดลดเพิ่ม 666 บาท และเพื่อรับประสบการณ์ความคุ้มค่าสูงสุดในการช้อป ก่อนการชำระเงินลูกค้าสามารถกดเก็บโค้ดของWarrix Official Store ได้ที่หน้าร้าน และโค้ดส่วนลดของช้อปปี้จากหน้าแคมเปญ ไม่ว่าจะเป็นโค้ดส่วนลด โค้ดส่งฟรี หรือโค้ดรับ Shopee Coins คืน นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้ Shopee Coins เป็นส่วนลดเพิ่มเติม โดย 1 Shopee Coin จะมีมูลค่าเท่ากับ 1 บาท พร้อมเพลิดเพลินกับสิทธิประโยชน์มากมายเมื่อชำระผ่าน ShopeePay หรือเลือกผ่อนชำระง่ายๆ แบบไม่ใช้บัตรด้วยบริการ SPayLater (โปรดศึกษาเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ในหน้าเงื่อนไขการใช้โค้ด)
กดติดตามร้าน Warrix Official Store บน Shopee Mall เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นดี ๆ ก่อนใครได้ที่ https://shopee.co.th/warrix.official
1. อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติมในหน้าร้านค้า
2. อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติมในหน้าร้านค้า
9
เกมส์ & เกมส์ออนไลน์ / จดหมายเปิดผนึกจากทีมงาน ผู้พัฒนาเกม Seal M ถึงผู้เล่นทุกท่าน
« on: June 01, 2023, 09:09:08 PM »จดหมายเปิดผนึกจากทีมงาน ผู้พัฒนาเกม Seal M ถึงผู้เล่นทุกท่าน
สวัสดีเพื่อนๆนักผจญภัยทุกท่านครับ(~อ่านเป็นสำเนียงเกาหลีจะได้อารมณ์มาก~)
กระผม Sang-Wook Woo เป็น Producer ของทีมพัฒนาเกม Seal M ครับ
เพื่อนๆได้ร่วมกิจกรรมใหม่ทั้ง 2 กิจกรรมจากพวกเราแล้วหรือยังครับ ทั้งกิจกรรม Watermelon Exchange และกิจกรรม Codex Challenge
พวกเราในฐานะทีมพัฒนาทุกๆคน อยากให้เพื่อนๆนักผจญภัยได้รับ Watermelon ไว้ดับร้อนแก้กระหายกันนะครับ และยิ่งกว่านั้นคุณยังสามารถนำมันไปแลกเป็นไอเทมใช้งานได้อีกด้วย
เหตุผลที่ผมเขียนจดหมายนี้ขึ้นมาในวันนี้คือ ผมอยากแจ้งข่าวสารให้ทราบเกี่ยวกับการอัปเดตใหญ่ครั้งแรกของ Seal M ที่กำลังจะมาถึงนี้นะครับ การอัปเดตครั้งใหญ่ที่จะมาถึงนี้จะมีการปรับปรุง / เปลี่ยนแปลง / อัปเดตหลายๆอย่าง ซึ่งหลักๆที่ผมจะนำมาเสนอนั้น มี 3 ข้อใหญ่ๆด้วยกัน ดังนี้
1. Unlock Max Level จาก 50 เป็น Level 60 และเพิ่มระดับของ Party Dungeon ใหม่ “Debussy”
- ขยาย MAX Level จากเดิม 50 เป็น Level 60
- เปิดแผนที่ใหม่ “Western Laywook Forest” เป็นเมืองที่มีชาวยิปซีจำนวนมากอาศัยอยู่ ซึ่งที่นั่นเพื่อนๆจะต้องช่วยเหลือ Tristan และบรรดาอัศวินทั้งหลาย เพื่อช่วยปกป้องเมืองของชาวยิปซีเหล่านั้นจากพวกมอนสเตอร์ผู้รุกรานอันแสนโหดร้าย โดยที่ Vivi คนรักของ Tristan จะคอยอยู่สู้เคียงข้างคุณด้วย
- Party Dungeon ใหม่ “Debussy” นั้นจะสามารถเข้าได้เมื่อถึง Level 59 ในดันเจี้ยน “Debussy” นั้นจะมีเหล่ามอนสเตอร์สุดโหด อาศัยอยู่ เพื่อนๆต้องคอยระมัดระวังตัวให้ดี เพราะอาจจะโดนลอบโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้
ทั้งนี้ ดันเจี้ยน “Debussy” นั้นถือได้ว่าจะเป็นดันเจี้ยนที่โหดที่สุด ดังนั้นของรางวัลก็จะต้องเป็นที่ถูกใจของเพื่อนๆสาย Hardcore อย่างแน่นอน ห้ามพลาดกันนะครับ(~อย่าลืมใส่สำเนียงเกาหลี~)
2. เพิ่มระบบ “Collection”
- ระบบ Collection นั้นเป็นระบบที่ทำให้ไอเทมต่างๆที่ได้มาจากทั้งการตกปลา การกำจัดมอนสเตอร์ ฯลฯ นั้นจะมีความหมายมากยิ่งขึ้น เมื่อเพื่อนๆทำ Collection สำเร็จ เพื่อรับรางวัล และที่สำคัญเลยคือเมื่อทำมิชชั่นสำเร็จจะได้รับโบนัส Stat แบบถาวรอีกด้วย
- ระบบ Collection ไม่ได้เพียงแค่เพื่อโบนัส Stat แก่ตัวละครหลักของ ID เท่านั้น แต่ยังสามารถได้รับโบนัส Stat กับทุกตัวละครใน ID ได้อีกด้วย
*ภาพตัวอย่างนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ระบบจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลง
3. เพิ่มคอนเทนต์สำหรับกิลด์ (Guild Mission, Guild Research, Guild Collection)
- ท่านนักผจญภัยทั้งหลายคงมีกิลด์กันแล้ว ใน Seal M นั้น กิลด์ถือเป็นคอมมูนิตี้ที่สำคัญมากและจะมีฟังก์ชั่นต่างๆสำหรับกิลด์จะถูกเพิ่มมาในอนาคต
- อย่างแรกเลย Guild Mission จะเพิ่มเข้ามาให้ท่านสามารถได้รับคะแนนเข้าร่วมและเหรียญกิลด์เพิ่มเติม ก่อนหน้านี้จะมีแค่เช็คชื่อเท่านั้น แต่เราจะมีเพิ่ม Guild Mission เข้ามา ทำให้มีได้รับคะแนนเข้าร่วมและเหรียญกิลด์มากขึ้น
- ผู้เล่นในกิลด์สามารถช่วยทำให้เลเวลกิลด์เพิ่มขึ้นได้เร็วขึ้นด้วยเข้าร่วมและคอนเทนต์กิลด์
เพื่อเก็บคะแนนให้กับกิลด์
- นอกจากนี้แล้ว เราอยากจะขอแนะนำฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Guild Research และ Guild Collection
- Guild Research นั้นคือบัฟที่ช่วยผู้เล่นให้เก็บเลเวลได้ดีขึ้น Guild Master และตำแหน่ง Duke สามารถจัดสรรกองทุนกิลด์ที่สะสมมาในกิลด์ได้ บัฟจะได้เพิ่มมาและเปิดใช้งานได้ด้วยเหรียญกิลด์ที่สมาชิกในกิลด์แต่ละคนมีอยู่ ในช่วงแรกที่จะอัพเดทนั้นอาจจะมีบัฟแค่ไม่กี่อย่าง แต่เราจะมีเพิ่มบัฟที่หลากหลายให้มากขึ้นผ่านทางคอนเทนต์กิลด์นี้
- Guild Collection เป็นอีกฟังก์ชั่นนึงที่เพิ่มเข้ามา สมาชิกกิลด์ต้องช่วยกันสะสม Guild Collection และมีโอกาสที่จะได้รางวัลทั้งแบบส่วนตัวและแบบกิลด์ด้วย
หลังจากนี้แล้ว จะมีคอนเทนต์ต่างๆ กิจกรรมและการแก้ไข ปรับเปลี่ยนอีกหลายๆอย่างที่ทางเรากำลังเตรียมการอยู่
พวกเรากำลังเตรียมตัวอัพเดทครั้งใหญ่ ครั้งแรกในวันที่ 8 มิถุนายน 2566 นี้
พวกเราทำงานอย่างหนักเพื่อการอัพเดทให้พร้อมที่สุด ให้สมกับที่ท่านตั้งตาคอย
ในฤดูฝนนี้ เราได้เตรียม ไอเทมต่างๆมากมายที่จะช่วยให้เหล่านักผจญภัยโลดแล่นไปในทวีปแห่ง Shiltz อย่างสนุกสนาน
สุดท้ายนี้ เราขอมอบ คูปองโค้ด “ILOVEWATERMELONS” ที่จะได้รับรางวัลเหล่านี้ให้กับทุกท่าน
- Watermelon x 100
- HP Potion (M) x 1,000
- MP Potion (M) x 1,000
- Winter's Special Coupon x 10
- Sapphire x 1000
ดาวน์โหลดเกมได้แล้ววันนี้!
ดาวน์โหลดเกมที่นี่ ▶ https://bit.ly/41UWZF3
Website ▶ https://sea.sealm.com/th
Discord ▶ https://discord.com/invite/sealmsea
Youtube ▶ https://www.youtube.com/@playwiththailand6789
10
news & activity / PEA เปิดตัว PEA SOLAR ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา
« on: June 01, 2023, 08:52:36 PM »PEA เปิดตัว PEA SOLAR ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา
พร้อมให้บริการแบบครบวงจร วางแผงแล้ววันนี้ทั่วประเทศ
พร้อมให้บริการแบบครบวงจร วางแผงแล้ววันนี้ทั่วประเทศ
1 มิถุนายน 2566 – การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้าที่ได้รับความเชื่อมั่นมาอย่างยาวนาน จัดงานเปิดตัวบริการธุรกิจเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของ PEA หรือ PEA SOLAR ทางเลือกไฟฟ้าอัจฉริยะพลังงานสะอาดและปลอดภัย ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นด้วยทีมงานวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่พร้อมมอบบริการที่ดีและมีคุณภาพตามมาตรฐานจาก PEA ทั้งยังมีสาขาบริการลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถให้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำนักงานการไฟฟ้าสาขาใกล้บ้านท่าน ภายในงานได้รับเกียรติจากธนาคารกลุ่มพันธมิตรและผู้บริหารจากภาคเอกชนมากมายเข้าร่วม ณ โถง ชั้น 1 อาคาร LED การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่
นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า “PEA ให้ความสำคัญในเรื่องของการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกระแสรักษ์โลกและการคำนึงถึงการประหยัดพลังงานในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงโซลาร์เซลล์จึงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐทำให้การติดตั้งมีค่าใช้จ่ายที่ลดน้อยลง หลายบ้านหันมาติดตั้งเพื่อเป็นพลังงานทางเลือก ช่วยลดค่าไฟฟ้า เพราะประเทศเมืองร้อนที่มีแดดจัดแบบไทยเรานั้นเหมาะกับการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นอย่างยิ่ง PEA SOLAR ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือ Solar Rooftop จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน บริการของเรามีขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว เป็นการให้บริการแบบครบวงจร พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟฟ้า สาขาบริการลูกค้าที่ครอบคลุมทุกพื้นทั่วประเทศ เรามีพาร์ทเนอร์ด้านผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งาน พร้อมให้คำแนะนำและช่วยดำเนินการในทุกขั้นตอน อย่ารอช้าที่จะลดค่าไฟอย่างยั่งยืน วางแผงแล้ววันนี้ทั่วประเทศ PEA SOLAR พลังงานของทุกคน”
หลักการทำงานของ PEA SOLAR ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) เมื่อติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อรับและเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วส่งเข้าเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) และเชื่อมต่อเข้ากับสายจำหน่ายของการไฟฟ้าที่เป็นระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) โดยผ่านตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า (MDB) จะทำหน้าที่ในการควบคุมและจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ภายในบ้านเพื่อใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านได้ ซึ่งเป็นการจ่ายกระแสไฟฟ้าร่วมกันระหว่างระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และระบบจำหน่ายของการไฟฟ้า หากระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไม่เพียงพอ ระบบจำหน่ายไฟฟ้าก็จะร่วมจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านด้วย
PEA SOLAR มีขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นการให้บริการแบบครบวงจร โดยมี 7 ขั้นตอน ให้ลูกค้าได้ติดตั้ง Solar Rooftop กับ PEA ดังนี้
1) ลูกค้าสนใจติดตั้ง: ช่องทางติดต่อที่สะดวก จากสาขาของ PEA ทั่วประเทศ
2) สำรวจและออกแบบ: โดยทีมวิศวกรของ PEA ที่มีความเชี่ยวชาญ
3) ชำระเงิน: ชำระเงินสด หรือ PEA ได้เพิ่มทางเลือกโดยร่วมกับพันธมิตรซึ่งเป็นสถาบันการเงิน ในการให้บริการสินเชื่อให้กับลูกค้า
4) ขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: PEA ดำเนินการให้ทุกขั้นตอน
5) ติดตั้งระบบ Solar และเชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายของ PEA: ทีมงานมืออาชีพของ PEA ดูแลการติดตั้งให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
6) เริ่มใช้งาน
7) การบำรุงรักษาระบบ: PEA ดูแลแบบครบวงจรจนถึงบำรุงรักษา
ราคาแพ็กเกจ PEA SOLAR เป็นราคาที่คิดจากอุปกรณ์ของผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผงเซลล์แสงอาทิตย์ และ Inverter ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กับ PEA เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการดังกล่าวเป็นผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยตรง โดยเป็นการนำแผงเซลล์แสงอาทิตย์ และ Inverter มาจับคู่ให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่สนใจจะติดตั้ง Solar Rooftop ตามแบรนด์ของแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งแบ่งราคาแพ็คเกจออกเป็น 2 กลุ่ม มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 3kW 5kW 10kW 15kW และ 20kW ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามกลุ่มแพ็คเกจและระดับราคาตามที่ลูกค้าต้องการ โดยรายละเอียดของทั้ง 2 กลุ่มแพ็กเกจ มีดังนี้
1. กลุ่ม Standard แพ็คเกจ เป็นผลิตภัณฑ์แผงและ Inverter ที่มีมาตรฐานตามที่ PEA กำหนด มีราคาเริ่มตั้งแต่ประมาณ 130,000 บาท ไปจนถึง 680,000 บาท
2. กลุ่ม Premium แพ็คเกจ เป็นผลิตภัณฑ์แผงและ Inverter ที่มีมาตรฐานตามที่ PEA กำหนด และสามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ Power optimizer และ Micro Inverter ได้ โดยจะมีราคาเริ่มตั้งแต่ประมาณ 150,000 บาท ไปจนถึง 840,000 บาท
PEA SOLAR พร้อมให้บริการแบบครบวงจร วางแผงแล้ววันนี้ทั่วประเทศ โดยสามารถชำระได้ทั้งแบบเงินสด และบริการสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินพันธมิตรของ PEA ได้แก่ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และธนาคารออมสิน สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA หรือเว็บไซต์ www.peasolar.pea.co.th (เปิดใช้งาน 15 มิถุนายน 2566) และ 1129 PEA Contact Center
11
news & activity / “เอเชีย เอรา วัน” จับมือ “ม.มหิดล” เปิดพื้นที่แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน
« on: June 01, 2023, 08:27:13 PM »“เอเชีย เอรา วัน” จับมือ “ม.มหิดล” เปิดพื้นที่แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มักกะสัน
สร้างปรากฏการณ์ความบันเทิง City Line Music Station งานดนตรีติด Train พร้อมเติมความสุขในการเดินทาง
สร้างปรากฏการณ์ความบันเทิง City Line Music Station งานดนตรีติด Train พร้อมเติมความสุขในการเดินทาง
กรุงเทพมหานครฯ - บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ผู้ร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และปัจจุบันเป็นผู้ให้การสนับสนุนการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ภายใต้การกำกับดูแลของ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท จำกัด ร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานดนตรี City Line Music Stations งานดนตรี ติด Train ในสถานีรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีมักกะสัน เพื่อสร้างสีสันและเติมความสุขในการเดินทางให้กับผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป กิจกรรม City Line Music Stations งานดนตรีติด Train ที่จัดขึ้นในวันนี้ยังเป็นครั้งแรกของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้ร่วมจัดแสดงดนตรีในสถานีรถไฟอีกด้วย
โดยไฮไลท์ของงานนี้อยู่ที่การแสดงดนตรีจากนักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่ได้เตรียมวงดนตรีมากฝีมือมาร่วมสร้างบรรยากาศถึงสองวง สองสไตล์ ได้แก่ วง FineDay Brass ซึ่งเป็นวงดนตรีคลาสสิค และ ดนตรีร่วมสมัยจากวง Zene and Friends ที่ได้มาร่วมแสดงฝีมือวาดลวดลายสะกดสายตาให้แก่ผู้โดยสารและประชาชนที่เดินทางไปมา นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ความบันเทิงรูปแบบใหม่ที่มาช่วงเติมสีสันในการเดินทาง และเติมความสดใสให้แก่สถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ติดตามข่าวสาร และ กิจกรรมดี ๆ จากแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ได้ที่ เฟซบุ๊ค @AirportRailLink
#CityLineMusicStations #งานดนตรีติดTrain
12
news & activity / เครือทีกรุ๊ป ( T GROUP ) จับมือ MOU กลุ่มบริษัท ไชน่า ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์
« on: June 01, 2023, 08:27:08 PM »กลุ่มบริษัทในเครือทีกรุ๊ป ( T GROUP ) จับมือ MOU กลุ่มบริษัท ไชน่า ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป
สร้างความร่วมมือประเทศไทยและจีน

สร้างความร่วมมือประเทศไทยและจีน

นายรัฐกฤชญ์ เนติรฐนนท์กุล ประธานกลุ่มบริษัทในเครือทีกรุ๊ป ( T GROUP ) และ Mr wang xiao ประธานกลุ่มบริษัท ไชน่า ซิตี้ ดีเวลลอปเม็นท์ กรุ๊ป ( CCDG ) จับมือ MOU ร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจของทั้งสองกลุ่มบริษัทสร้างความร่วมมือทั้งสองประเทศไทยและจีน ในอุตสาหกรรม พลังงานใหม่ new energy ด้านอสังหาริมทรัพย์ การบริการทางด้านการแพทย์และการบริการสุขภาพและการท่องเที่ยว( medical and health care service and tourism ) การค้าการลุงทุนระหว่างสองกลุ่มบริษัทเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศจีนและประเทศไทย
13
news & activity / มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มอบทุนการศึกษา ประจำปี 2565 แก่นักเรียน นักศึกษา
« on: June 01, 2023, 07:22:20 PM »มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มอบทุนการศึกษา ประจำปี 2565
แก่นักเรียน นักศึกษา ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย
สานต่อความฝัน แบ่งปันโอกาส เพื่อสังคมไทยยั่งยืน

แก่นักเรียน นักศึกษา ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย
สานต่อความฝัน แบ่งปันโอกาส เพื่อสังคมไทยยั่งยืน

มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย มอบทุนการศึกษาประจำปี 2565 แก่นักเรียน นักศึกษาใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 878 ทุน มูลค่ากว่า 9.8 ล้านบาท มุ่งหวังสร้างโอกาสทางการศึกษา สานต่อความฝัน ให้แก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้มีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เสริมสร้างโอกาสและความมั่นคงทางการศึกษา เพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิต และสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2535 ตลอดระยะเวลา 31 ปี ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นในการส่งเสริมสังคมอย่างยั่งยืนผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้
• ส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ห่างไกล รวมถึงสนับสนุนการศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน
• พัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และคนพิการ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
• ส่งเสริมการดำเนินการขององค์กรสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์
พิธีมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชน ให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้ดำเนินกิจกรรมมอบ ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทั่วประเทศ อย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี รวมทั้งสิ้น 18,414 ทุน รวมเป็นมูลค่า 178,000,000 บาท โดยในปี 2565 มูลนิธิฯ ได้สนับสนุนทุนการศึกษา ตามรายละเอียดดังนี้
สนับสนุนทุนการศึกษา 4 ภาค
ภาคเหนือ : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำนวน 295 ทุน มูลค่า 2.5 ล้านบาท
- โครงการเยาวชนไทยวันพรุ่งนี้
- โครงการทุนการศึกษาเยาวชนภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มหาวิทยาลัยขอนแก่น จำนวน 159 ทุน มูลค่า 3 ล้านบาท
- ทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ทุนการศึกษานักเรียนพยาบาล
ภาคตะวันออก : มหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน 44 ทุน มูลค่า 0.88 ล้านบาท
- ทุนการศึกษานิสิตขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคตะวันออก
ภาคใต้ : มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จำนวน 120 ทุน มูลค่า 1 ล้านบาท
- ทุนการศึกษานักศึกษาขาดแคลนทุนทรัพย์ ในภาคใต้
สนับสนุนคุณภาพชีวิตของเยาวชนที่ขาดแคลน
มูลนิธิ พล.ต.อ.เภา สารสิน จำนวน 188 ทุน มูลค่า 1.5 ล้านบาท
มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว จำนวน 72 ทุน มูลค่า 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในวาระครบรอบ 30 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กไทย โดยมูลนิธิฯ มีแผนที่จะขยายการดำเนินกิจกรรมสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสในทุกระดับชั้น รวมถึงจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในการส่งเสริมฝีมือแรงงาน ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาด้านวิชาชีพ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในกลไกที่ขับเคลื่อนภาคธุรกิจมากขึ้น รวมไปถึงปัญหาด้านความขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุข มูลนิธิฯ จึงได้เพิ่มการสนับสนุนทุนด้านอาชีวศึกษา และทุนนักเรียนพยาบาล เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษาหาความรู้ตามสิ่งที่ตนเองถนัดและสนใจ รวมถึงช่วยสร้างบุคลากรเฉพาะทางในสายอาชีพต่าง ๆ ที่ภาคธุรกิจยังคงขาดแคลน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาด้านการขาดแคลนโภชนาการที่ดีของเด็กในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะทุพโภชนาการในเด็ก จากการได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน หรือมีปริมาณที่ไม่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย มูลนิธิฯ จึงสนับสนุนให้มีโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและชุมชนที่อยู่ห่างไกล เพื่อให้เด็กในวัยเรียนได้รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ
มูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเหมาะสมและเท่าเทียมกัน รวมถึงการมอบโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่เด็ก ผ่านโครงการที่ทางมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เด็กและเยาวชนได้เติบโต มีความพร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจ ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ อันจะนำไปสู่การยกระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าใกล้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ต่อไปในอนาคต ดังคำกล่าวที่ว่า การแบ่งปันที่ไม่สิ้นสุด สู่การขับเคลื่อนความสุขอย่างยั่งยืน
“โตโยต้า ร่วมขับเคลื่อนอนาคต”
14
news & activity / BEST Express ปันสุขเพื่อสังคมแก่มูลนิธิธารนุเคราะห์
« on: June 01, 2023, 05:15:46 PM »BEST Express ปันสุขเพื่อสังคมแก่มูลนิธิธารนุเคราะห์
BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) เดินหน้าแบ่งปันอย่างต่อเนื่อง นำทีมพนักงานร่วมกิจกรรมบริจาคของอุปโภคและบริโภคภายใต้โครงการ “BESTปันสุขเพื่อสังคม” มอบให้แก่มูลนิธิธารนุเคราะห์ สถานพักฟื้นคนชราบางเขน โดยบริจาคเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้จำเป็นจำนวนมาก ประกอบไปด้วย แว่นสายตายาว แชมพู สบู่ กาแฟ น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก และนมกล่องยูเอชที โดยมีคุณวิสุทธิ์ ปัญจะวัฒนันท์ ผู้จัดการมูลนิธิธารนุเคราะห์ เป็นผู้รับมอบในครั้งนี้ เพื่อส่งต่อน้ำใจจากครอบครัวเบสท์ มอบให้ผู้สูงอายุได้ใช้ภายในมูลนิธิฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการ “BESTปันสุขเพื่อสังคม” นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมช่วยเหลือเพื่อสังคมขององค์กรที่มุ่งให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ณ มูลนิธิธารนุเคราะห์ สถานพักฟื้นคนชราบางเขน กรุงเทพฯ
15
news & activity / กระแสคราฟต์ไทยแรงต่อเนื่อง ทัวร์ริสต์แห่ร่วม “เพลิน Craft 2023”
« on: June 01, 2023, 04:38:05 PM »กระแสคราฟต์ไทยแรงต่อเนื่อง
ทัวร์ริสต์แห่ร่วม “เพลิน Craft 2023”
ทัวร์ริสต์แห่ร่วม “เพลิน Craft 2023”
sacit ปักหมุดปลุก Passion เอาใจคนรักงานอาร์ต จัด “sacit เพลิน Craft 2023” ครั้งที่ 1 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต นักท่องเที่ยวไทย - เทศ ตบเท้าเข้าร่วมแห่ซื้อของฝากของขวัญ สร้างเงินสะพัด 2 วันมากกว่า 1.6 ล้านบาท
นายภาวี โพธิ์ยี่ รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย หรือ sacit เปิดเผยว่า จากเป้าหมายของการสนับสนุนหัตถกรรมไทยที่มีเอกลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้สร้างสรรค์งานหัตกรรมไทยให้เข้มแข็ง มีรายได้และสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน ขณะนี้ sacit ได้สานต่อกิจกรรม “sacit เพลิน Craft 2023” เพื่อเป็นอีกหนึ่งเวทีสร้างการรับรู้ และกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในกลุ่มสินค้าหัตถกรรมไทย
โดยในปีนี้ sacit เดินหน้าจัดกิจกรรมดังกล่าวภายใต้แนวคิด Craft at First Crush คราฟต์ไทยใครๆ ก็ชอบ ที่ถ่ายทอดถึงความรู้สึกของการตกหลุมรักในงานคราฟต์ ความรักในสิ่งที่ทำ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งใจความสำคัญของการสร้างสรรค์หัตถกรรมไทยที่ประณีตและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2566
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันได้เริ่มจัด sacit เพลิน Craft 2023 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต ซึ่งตลอด 2 วันแรกของการจัดงาน พบว่ามีนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ โดยฉพาะจีน และยุโรป เลือกซื้อสินค้าภายในงานเพื่อเป็นของฝากของขวัญ อีกทั้งยังเห็นเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยว มีการถ่ายทอดสด (Live) ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ จำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มผู้คนที่รักงานคราฟต์ไทย แต่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวได้
ขณะที่ภาพรวมของการจัดงานพบรายการสินค้ายอดนิยมจากนักท่องเที่ยว อาทิ B.K.Y. บ้านคุณยาย ที่ผลิตสินค้าจากผ้าฝ้ายทอ ทำมาตัดต่อแปรูปเป็นเสื้อ ชุดเดรส กางเกง กระเป๋า หมวก และของฝากของที่ระลึก รวมไปถึงวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ใยกัญชงทรายทอง, สินค้าผ้าครามแปรรูป 2 อ้ายน้อง, ร้านบุษกรผ้าฝ้าย และผลิตภัณฑ์ถูกใจสายรักษ์โลก จากร้าน Her hemp แฟชั่นเสื้อผ้าใยกันชงทอมือ เป็นต้น
นายภาวี กล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติที่เข้าร่วมกิจกรรมและเลือกซื้อสินค้าภายในงานขณะนี้สะสมรวมกว่า 2,500 คน สร้างเงินสะพัดภายในงานแล้วกว่า 1.6 ล้านบาท โดยไฮไลต์ภายในงานนี้ไม่เพียงสินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มที่มีดีไซน์ร่วมสมัยตอบตอบโจทย์คนรักงานคราฟต์ แต่ยังมีสินค้าไลฟ์สไตล์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องหนัง และงานฝีมือประเภทต่างๆ ที่ถูกคัดสรรคุณภาพจากหลากหลายจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศมาจัดแสดงและจำหน่ายมากกว่า 40 ร้านค้า
อีกทั้งภายในงานยังมีกิจกรรม Workshop งานคราฟต์ที่จะผลัดเปลี่ยนมาให้ร่วมสนุกในแต่ละวัน รวมไปถึงการแสดงและกิจกรรมบนเวทีจากศิลปินดาราชื่อดังจะมาร่วมสร้างความบันเทิงครบรส พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตกหลุมรักงานคราฟต์ โดย sacit ขอเชิญชวนคนรักงานคราฟต์ไทย หรือผู้ที่ต้องการหาไอเดียใหม่ๆ ต่อยอดอาชีพเข้าร่วมงานครั้งนี้ ที่จะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 5 มิ.ย.2566
ขณะเดียวกัน ยังจะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำหนดจัดครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 – 28 มิถุนายน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2, ครั้งที่ 3 วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัทยาบีช และครั้งที่ 4 วันที่ 24 – 30 กรกฎาคม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด
โดย sacit คาดการณ์ว่าการจัดงานในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้รักงานคราฟต์เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 15,000 คน และสร้างเงินสะพัดภายในงานไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาท และสิ่งสำคัญจะสามารถตอกย้ำให้หัตถกรรมไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากการสืบสาน สร้างสรรค์ และส่งเสริมผลงานให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดรับต่อไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในทุกยุคสมัย แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของงานคราฟต์ไทยที่ใครๆ ก็ชอบ
ทั้งนี้ คนรักงานคราฟต์ไทย หรือผู้ที่ต้องการหาไอเดียใหม่ๆ ต่อยอดอาชีพ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ facebook : สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย หรือ โทร. 1289