Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - happy

Pages: [1] 2 3 ... 2404
1
แพลทินัม เชิญช้อปชิมผลไม้ไทยสดฉ่ำในงาน “Amazing Thai Fruit Freshtival”


ศูนย์การค้าแพลทินัม เชิญชิมเชิญช้อป ผลไม้ไทยสดฉ่ำจากสวนในงาน  Amazing Thai Fruit Freshtival รวมผลไม้ไทยมาให้ชิมช้อป มากมาย อาทิ ทุเรียน, เงาะ, มังคุด, สับปะรด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีผลไม้แปรรูป ผลไม้อบแห้ง, ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้, น้ำลำไยสด, น้ำผลไม้สกัด ตลอดจนอาหารนานาชาติหลากเมนู มากมาย ณ ลานกิจกรรมด้านหน้าศูนย์การค้าแพลทินัม ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 เมษายน 67


ติดตามรายละเอียดร้านค้าและโปรโมชั่นที่น่าสนใจได้ที่ FB: Platinum Fashion Mall แพลทินัม แฟชั่น มอลล์


















2
TSPCA จัดประชุมสามัญประจำปี 2567 เตรียมความพร้อมสู่สามทศวรรษ“ สวัสดิภาพสัตว์”เพื่อก่อเกิด “สวัสดิภาพคน”




วันที่ 25 เมษายน 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคาร B.L.H. ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานคร สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) จัดประชุมสามัญประจำปี เพื่อ รายงานผลการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานสรุปภาวะการเงิน การเลือกตั้งคณะกรรมการและผู้ตรวจสอบบัญชี และอื่นๆ




โดยมี รศ. น.สพ.ปานเทพ รัตนากร และคุณธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์  เป็นประธาน ซึ่งในที่ประชุม ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษา TSPCA  วาระปี 2567-2569 ดังนี้  คุณธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์ เป็นนายสมาคมฯ รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ดร.เดวิด ไลแมน รศ.นุชทิพย์ บรรจงศิลป์ เป็นอุปนายกสมาคมฯ น.สพ.ดร.อลงกรณ์ มหรรณพ ศ.สพ.ญ.ดร.อัจฉริยา ไศละสูต น.สพ.ยันต์ สุขวงศ์ ว่าที่ ร.ต.สุรพล ดวงแข คุณสวรรค์ แสงบัลลังค์ คุณเจษฎา อนุจารี น.สพ.ภัทรพล มณีอ่อน คุณพรอัปสร นิลจินดา เป็นคณะกรรมการ  รศ.ดร.น.สพ.ศิวะพงษ์ สังข์ประดิษฐ์ กรรมการและปฎิคม  คุณอมร ชุมศรี กรรมการและนายทะเบียน คุณฌาร์ม โอสถานนท์ กรรมการและประชาสัมพันธ์ คุณปัทมา สารีบุตร กรรมการและเหรัญญิก โดยมี ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล ผู้อำนวยการและเลขาธิการ ในส่วนที่ปรึกษา เช่น คุณพิไลพรรณ สมบัติศิริ คุณกนิษฐ์ สารสิน คุณลัลน์ลลิตฤดี วิเศษศิริ คุณมาลินี แย้มวจี ดร.รัฐกานต์ วิชัยดิษฐ ดร.กิตติคุณ สารคล่อง ดร.ภมรชัย อภิชาตประคัลภ์ ดร.สุคนธา อรุณภู่ คุณกุลยา รัตนกิจรุ่งเรือง เป็นต้น


การนี้ได้มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม และแสดงความยินดีแด่ รศ.น.สพ. ปานเทพ รัตนากร อุปนายกสมาคมฯ  ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยคุณลัลน์ลลิตฤดี วิเศษศิริ นายกสมาคมสมาพันธ์นักข่าว(ประเทศไทย) เป็นผู้มอบ


ด้าน รศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร อุปนายกสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และประธานในที่ประชุม กล่าวว่า การที่ส่วนตัวได้เข้าร่วมงานกับสมาคมฯมาจนถึงปีนี้ 2567 นับได้ 20 ปี ตรงกับ 3 ทศวรรษของสมาคมฯ ผมเห็นความเปลี่ยนแปลง พัฒนา ก้าวหน้า และเป็นที่พึ่งของสังคม ดังผลงานสำคัญๆ คือการผลักดัน ยกร่าง รณรงค์และรวบรวมเสียงประชาชนคนรักสัตว์ผลักดันจนเกิดกฎหมายเพื่อป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ใช้มาตราบจนทุกวันนี้ ยังผลให้มีการควบคุมและลงโทษผู้ฝ่าผืนสวัสดิภาพและทรมานสัตว์อย่างจริงจัง ลำพังกฎหมายข้อบังคับ ระเบียบ เท่านั้น ไม่เพียงพอ จำต้องมีการให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกรัก และเมตตาต่อสัตว์ให้เกิดขึ้น มิใช่เฉพาะผู้ใหญ่  ทว่าจำเป็นต้องปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กๆ กิจกรรม “ลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์” จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นี้ ด้วยการริเริ่ม ผลักดัน สนับสนุน จนเป็นหลักสูตรที่ผ่านการรับรองในระดับชาติ ประกาศใช้เป็นหนึ่งในกิจกรรมลูกเสือของโรงเรียนอย่างเป็นทางการ และแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้หนึ่งในกฎของลูกเสือคือ “ต้องมีเมตตาต่อสัตว์” นั่นคือการสร้างคนที่จะเป็นอนาคตของชาติ เด็กและเยาวชนที่เข้าใจ ตระหนัก ประพฤติด้วยความเมตตาต่อสัตว์ ย่อมโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เมตตา กรุณาต่อผู้อื่น ยังความเป็นสุขแก่สังคม ไร้การทำทรมานแก่สัตว์


ผมประทับใจในองค์ประกอบของกรรมการของสมาคมฯ อนุกรรมการ ผู้ปฏิบัติงาน และอาสาสมัคร ล้วนมาจากความหลากหลายของสาขาวิชา ความรู้ ความสามารถ อาชีพต่างๆ จึงเป็นแหล่งรวมความรู้ ความคิดด้านสวัสดิภาพสัตว์ ที่มิใช่เชิงวิทยาศาสตร์ แต่มีนานาศาสตร์เข้ามาบูรณาการกันอย่างข้ามศาสตร์ ผลก็คือมีการคิด วิเคราะห์ วิพากษ์ ถกแถลง วางแผน และปฏิบัติการที่ตอบโจทย์ปัญหาอันมาจากการทรมานสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์อย่างทันท่วงที มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ สมาคมฯสนับสนุนการเผยแพร่ความรู้และแนวคิดเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น เอกสารเผยแพร่ สื่อสาธารณะ กิจกรรมร่วมกับเครือข่ายคนรักสัตว์ และรายการต่างๆอย่างสม่ำเสมอมา ทำให้มีสถานะเป็นองค์กรด้านสัตว์ที่สามารถนำไปอ้างอิง เช่น การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการต่างๆ เป็นผู้สอนและผู้สอบนิสิต นักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาของหลายสถาบัน หรือการทำงานศึกษาวิจัย ฯลฯ


ปัญหาการปล่อยสัตว์ในวัด หน้าวัด และจับสัตว์มาขายเพื่อปล่อย (เอาบุญ) เหล่านี้ ถูกนำมาเป็นกิจกรรมหลักที่สมาคมฯรณรงค์และแก้ไขอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง เพื่อลด ระงับการทรมานสัตว์เหล่านั้น ยังผลให้หน่วยงานศาสนาและองค์กรสงฆ์มีมติออกมาอย่างเป็นทางการให้ระงับกิจกรรมดังกล่าว แม้จะมีบางวัดที่ดำเนินการ แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่ไม่เข้มงวด  ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาคมฯ และประชาชนต้องร่วมด้วยช่วยกันเฝ้าระวังและช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำงานกันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เช่นเดียวกับการรณรงค์ไม่ทิ้งสัตว์ หมา แมว และสัตว์เลี้ยง อันจะเป็นบ่อเกิดแห่งสัตว์จรจัด อันเห็นได้จากภาพยนตร์สั้นคลิป วิดิทัศน์ รณรงค์ไม่ทิ้งสัตว์ที่สมาคมฯผลิตและเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ฯลฯ


กิจกรรมต่อตัวสัตว์เอง สมาคมฯมีโครงการที่ช่วยเหลือบรรดาสัตว์จรจัดไร้บ้าน บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการทรมาน สัตว์ที่ประสบภัยธรรมชาติ สัตว์ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วน ฯลฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การสนับสนุนอาหารสัตว์และการดูแลสุขภาพสัตว์แก่บ้านพักพิงสัตว์ สถานสงเคราะห์สัตว์ต่างๆ รวมถึงองค์กรเอกชนที่ทำสาธารณะประโยชน์แก่สัตว์อื่นๆ ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และตรวจสอบได้อีกด้วย




นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างภารกิจ กิจกรรม ผลงาน และผลสัมฤทธิ์ที่สมาคมเล็กๆสมาคมหนึ่งได้บำเพ็ญมาโดยตลอดเพื่อประโยชน์สุขของสัตว์ มนุษย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเลยสำหรับการแก้ปัญหาทั้งหลาย ยังต้องใช้เวลา และการสนับสนุนเพื่อเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ผมมั่นใจและหวังว่าจะอีกกี่ทศวรรษก็ตามสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย หรือ TSPCA จักคงดำเนินงานอยู่เพื่อบรรลุเป้าหมายของ “สวัสดิภาพสัตว์” เพื่อก่อเกิด “สวัสดิภาพคน” ตลอดไป

3
ไอเป็นเลือด อาจเป็นเรื่องร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้

ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยศาสตร์
ทรวงอกเฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องในช่องทรวงอก โรงพยาบาลวชิรพยาบาล


              ภาวะไอเป็นเลือด อาจเป็นเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์โดยละเอียดเสียก่อน  อาการไอเป็นเลือดนั้นมักเกิดจากที่เส้นเลือดที่เลี้ยงบริเวณหลอดลม มีอาการอักเสบและแตก โดยความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณของเลือดที่ออกมา โดยส่วนมากมักเริ่มมาจากมีเสมหะปนเลือดจนกระทั่งออกมาเป็นแก้ว หรือมีปริมาณมาก ๆ จนน่าตกใจ ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่มีภาวะไอเป็นเลือดและมีเลือดออกมากกว่า 200 มิลลิตรต่อครั้ง ถือว่ามีความเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตได้ เนื่องจากผู้ป่วยมีโอกาสสำลักและติดเชื้อได้มากขึ้น


              ผศ.นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์ทรวงอกเฉพาะทางด้านผ่าตัดส่องกล้องจากโรงพยาบาลวชิรพยาบาล กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดอาการไอ ปอดติดเชื้อ จนไปถึง ไอเป็นเลือดได้ นอกจากปัญหาเรื่องฝุ่น สาเหตุของโรคนั้นอาจเป็นได้จาก หลอดลมอักเสบ หรือ ปอดติดเชื้อ หรือ วัณโรคปอด จนไปถึงมะเร็งปอด โดยหน้าที่ของแพทย์นั้น คงต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ฉะนั้นการวินิจฉัยต้องเริ่มตั้งแต่การซักประวัติ จนไปถึงการทำเอกซเรย์ปอดและการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อรักษาให้ตรงจุดได้


              การรักษาโรคไอเป็นเลือดนั้น โดยส่วนมากทำได้เพียงแค่ประคับประคอง เพื่อให้เส้นเลือดที่มีอาการอักเสบหยุดไปเอง แต่อย่างไรก็ตามในรายที่มีอาการไอเป็นเลือดที่รุนแรง อาจมีความจำเป็นต้องส่องกล้องไปหยุด (Bronchoscope) หรือทำการอุดหลอดเลือด (embolization) ในกรณีที่อุดหลอดเลือดไม่สำเร็จ การผ่าตัดจะเข้ามามีบทบาทในการรักษาอาการไอเป็นเลือด ซึ่งเป็นวิธีการรักษาสมัยใหม่ในปัจจุบัน


              การพัฒนาของเทคนิคการผ่าตัดปอดปัจจุบันนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ถึงแม้หลักการจะคล้าย ๆ กัน แต่อุปกรณ์ที่ใช้หรือเทคนิคในการผ่าตัดจะมีความแตกต่างกัน การผ่าตัดแบบเปิดมักจะใช้เครื่องขนาดที่มือจับได้ มีบาดแผลขนาดใหญ่ ต้องใช้เครื่องไปถ่างขยายแผลบริเวณซี่โครงเพื่อเข้าไปทำการผ่าตัดปอด แต่การผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง ศัลยแพทย์จะมีแต่เครื่องมือที่ใส่เข้าไประหว่างช่องซี่โครงแทน ขอบเขตการให้บริการการผ่าตัดผ่านกล้องหรือที่เรียกว่า (VATS) Video assisted thoracoscopic surgery ถึงแม้การผ่าตัดส่องกล้องปอดจะค่อนข้างมีความหลากหลาย โดยเทคนิคเริ่มตั้งแต่การผ่าตัด แบบ 3-4 จุดจนมาถึงปัจจุบันที่มีการทำผ่าตัดส่องกล้องปอดโดยเทคโนโลยีขั้นสูงแบบจุดเดียวหรือที่เรียกว่า Uniportal video assisted thoracoscopic surgery คือการผ่าตัดผ่านกล้อง ขนาด 3.5 เซนติเมตร แบบจุดเดียว โดยอุปกรณ์ทั้งหมด จะเข้าไปอยู่ในช่องเดียว และมองผ่านทางจอวีดีทัศน์ขณะทำการผ่าตัด โดยเป้าหมายนี้ทำเพื่อหลีกเลี่ยงการเจาะผ่านหลายจุดและทำลายเนื้อเยื่อของร่างกายให้น้อยที่สุด ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน ซึ่งผู้ใดก็ตามที่มีอาการไอเป็นเลือด หรือ กำลังเข้ารับการผ่าตัดปอด สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่เพจเฟซบุ๊กผ่าตัดปอดโดยนายแพทย์ศิระหรือ Lineid:@lungsurgeryth

4
สจล. แสดงวิสัยทัศน์ ในงาน KMITL TEAM Meet and TALK ปีที่ 2
 ชู ค่านิยมองค์กร “FIGHT”  ขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลก


อธิการบดี รองอธิการบดี ผอ.หน่วยงานของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงาน KMITL TEAM Meet and TALK ปีที่ 2 ถึงแนวนโยบายการบริหารงานเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็น The World Master of Innovation หรือ “ผู้นำนวัตกรรมระดับโลก” และการปรับเพิ่มหลักสูตรให้นักศึกษาเป็น global citizen รวมทั้งเรื่องสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวก โดยกิจกรรม มีผู้บริหาร คณบดี คณาจารย์ บุคลากรปัจจุบัน ผู้เกษียณ รวมทั้งตัวแทนนักศึกษา และศิษย์เก่าเข้าร่วมงานคับคั่ง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา


รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในงาน KMITL TEAM Meet and TALK ปีที่ 2 ว่า ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งอธิการบดี แนวทางการทำงานในระดับนโยบายยังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อน ตามที่ให้คำมั่นไว้ ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมามีหลายมิติที่ทำไปพร้อมกัน ได้แก่


มิติของสถาบัน คือ การขับเคลื่อนสู่ Digital Smart Green University ภายใต้หน่วยงานที่พร้อมทำงานเชิงรุก ได้แก่ SCIRA , KDMC ผสานพลังกับทีมกายภาพและสิ่งแวดล้อมของสถาบัน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ใช้พลังงานทางเลือก ลดปริมาณขยะพลาสติก เพิ่มพื้นที่จอดรถ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย


มิติของการพัฒนาบุคลากร งานวิชาการ งานวิจัย คือ การวางแนวทางการดูแลบุคลากรทุกคนให้มีความก้าวหน้ามั่นคงในการทำงาน ทั้งสายวิชาการ และสายสนับสนุน รวมถึง การดูแลสวัสดิการ ชีวิตในฐานะครอบครัว พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ และสวัสดิ์การให้กับบุคลากร นักศึกษา ซึ่ง สจล. มีแนวทางทั้งการพัฒนาสนับสนุนงานวิจัยสู่นวัตกรรม และต่อยอดเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะการปั้น Holding Company ให้กับอาจารย์ที่มีผลงานและมีโอกาสก้าวสู่ความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการเช่นกัน


มิติของการการเรียนการสอน โดย สจล. ให้ความสำคัญกับการปรับและเพิ่มหลักสูตรให้นักศึกษาเป็น global citizen โดยจะมีการสร้างหลักสูตรทันสมัยตรงความต้องการของตลาดปรับได้ตลอดเวลา สนับสนุนการเรียนการสอน พัฒนาทักษะ เน้นการปฏิบัติจริง ผลักดันให้นักศึกษาเริ่มทำโปรเจค ตั้งแต่ ปี 1 เน้นทักษะการปฏิบัติ การแก้ปัญหา และการสร้างพื้นที่เรียนรู้ร่วมกันของทุกคณะ ส่งเสริมนักศึกษาสู่การเป็นนวัตกร เป็นผู้ประกอบการ มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับโลกได้


ซึ่งเรามีการขับเคลื่อนงานด้วยค่านิยมหลัก FIGHT คือ FUTURIST มุ่งสร้างอนาคต ผลิตนักศึกษา บัณฑิต ยกระดับสถาบันการศึกษาสู่ผู้นำด้านนวัตกรรม, Ignite เราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้ง re skills / up skills/ และสร้าง New Skills, Greatness คือ การรุกทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยศักยภาพของเรา และสร้างผลงานที่ดีที่สุด, Honor คือ การทำงานด้วยความเคารพกัน ให้เกียรติกัน, Team Spirit คือ การสร้างทีมทำงานที่แข็งแกร่งในทุกหน่วยงาน เราคือทีมเดียวกันพร้อมทำงานเชิงรุกอย่างเต็มที่ และมีความสุขไปด้วยกัน








5
SACIT ปลุกพลังกระตุ้นผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ GI เชิญชวนผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI
“SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft” เปิดเวทีงานออกแบบ Craft Design Pitching & Matching


สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ สศท. ชวนผู้ผลิต หรือ ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI ได้แก่ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม กลุ่มสมาชิกของ สศท. ช่างฝีมือ ชุมชนหัตถกรรม ผู้ประกอบการทั่วไป ร่วมกับ นักออกแบบ ได้แก่ นักสร้างสรรค์ และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ กลุ่มพันธมิตรเครือข่ายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยพร้อมบรรจุภัณฑ์ ผสานองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับนวัตกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ มีมาตราฐานสินค้าผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย เกิดคุณค่าและความยั่งยืน


นางสาวนฤดี ภู่รัตนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย  กล่าวว่า โครงการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ กิจกรรม SACIT Concept 2024 : Geographical Indications of Art and Craft ดำเนินการเป็น Craft Design Matching การจับคู่กันระหว่าง ผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม GI กับ นักออกแบบ โดยร่วมกันออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมบรรจุภัณฑ์ ที่เกิดจากการสืบสาน ต่อยอดองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมแบบดั้งเดิมที่ได้รับการต่อยอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น (From Root to Route) ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคุณรุ่นใหม่ให้มีความชัดเจนและพัฒนาให้เกิดความร่วมสมัย นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่สอดรับกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ในปีนี้ เราได้ออกแบบโครงการภายใต้แนวคิด


GI Smart Craft Combinations: คราฟต์ ผสมผสาน อย่างชาญฉลาด คือ การสร้างเครือข่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมให้เพิ่มมากขึ้น ระหว่าง กลุ่มผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการด้านศิลปหัตถกรรม และนักออกแบบ เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ วัสดุ วัตถุดิบ การทำสี และการพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมยกระดับเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ให้สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ ภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราคาดหวังจะได้เห็นผลงานศิลปหัตถกรรมการออกแบบใหม่ ๆ ที่ฉีกกรอบเดิม และสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทุกผลงานที่ผ่านเข้ารอบและพัฒนาจะได้เข้าร่วมแสดงนิทรรศการและทดสอบตลาด รวมถึงจัดทำหนังสือรวบรวมองค์ความรู้ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์

โครงการนี้ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละด้านร่วมพิจารณารอบคัดเลือก และรอบจับคู่ Pitching & Matching คณะกรรมการดำเนินการ พิจารณาข้อมูลเพื่อจับคู่ ผู้ประกอบการสินค้าหัตถกรรม จำนวน 3 ราย ต่อนักออกแบบ จำนวน 1 ราย


ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและส่งสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ – 1 พฤษภาคม 2567 ผ่านทาง https://www.sacit.or.th/th/detail/2024-04-19-17-44-37?event-project=1

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน)
ที่อยู่ 59 หมู่ 4 ตำบลช้างใหญ่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13290 ; โทรศัพท์. 0 3536 7054-9; โทรสาร. 0 3536 7050-1; สายด่วน. 1289; อีเมล.
info@sacit.or.th

6
“ณภัทร” คว้าแชมป์ โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024 พร้อมลุยศึกชิงแชมป์โลกที่สหรัฐฯ

คุณกันต์พจน์ กิตติรัฐศิริ ผู้แทนจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มอบรางวัลชนะเลิศ ให้กับ โปรแม็ก-ณภัทร แซ่ลิ้ม พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท และสิทธิ์ตีไกลชิงแชมป์โลกที่สหรัฐอเมริกา จากการแข่งขัน โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามแบล็คเมาน์เทน กอล์ฟ คลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันก่อน

24 เมษายน 2567 - ณภัทร แซ่ลิ้ม โชว์พลังหวด 365.7 หลา คว้าแชมป์ “โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024” รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามแบล็คเมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมคว้าสิทธิ์ไปแข่งขันตีไกลชิงแชมป์โลกรายการ World Long Drive Association 2024 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคมนี้


การแข่งขันตีไกลชิงแชมป์ประเทศไทยรายการ โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024 (Toyota Thailand Long Drive Championship 2024) จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 โดยการแข่งขันแบ่งเป็นรอบคัดเลือกและรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งในรอบคัดเลือกจัดขึ้น 2 ครั้ง ณ จังหวัดเชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร ได้ทำการคัดเลือกนักกอล์ฟที่ตีไกลที่สุดทั้งหมด 32 คน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามแบล็คเมาน์เท่น กอล์ฟ คลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 19-20 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา


ทั้งนี้การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนักกอล์ฟทั้งหมด 32 คน จะต้องมาดวลเพื่อจัดอับดับแรงกิ้งกันใหม่ และทำการประกบคู่แข่งขันกันแบบแมตช์เพลย์ดวลกันตัวต่อตัว โดยแต่ละคู่จะต้องสลับกันตี 2 รอบ รอบละ 3 ลูก ในเวลา 1.15 นาที  รวมแล้ว 1 คน จะได้ตี 6 ลูก ในเวลา 2.30 นาที ใครตีไกลกว่าจะเป็นผู้ชนะได้เข้าสู่รอบต่อไป ซึ่งจะแบ่งการแข่งขันเป็นรอบ 32 คน, 16 คน, 8 คน, รอบรองชนะเลิศ และคู่ชิงชนะเลิศ ตามลำดับ


หลังจากดวลกันสองวัน โปรแม็ก-ณภัทร แซ่ลิ้ม เอาชนะ ธนณัฐภูมิ โล่วิทยานนท์ (รอบ 32 คน) ต่อด้วยการชนะ นัฐพล ชอบธรรม (รอบ 16 คน) ชนะ กฤษณ์ เกตุเกล้า (รอบ 8 คน) และชนะ เดชณัฐรัชย์ จิตต์เจริญชัยชนะ (รอบ 4 คน) ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ โปรบาม-วิชญ์ศักดิ์ ปัญจบุรี ที่เอาชนะ อัชนโชติ บัวดอก (รอบ 32 คน), ชนะ โจ ทาเคชิ (รอบ 16 คน), ชนะ ธนวินท์ สุระกิจ (รอบ 8 คน) และชนะ กันตพงศ์ ขวัญจังหวัด (รอบ 4 คน) ตามลำดับ


การแข่งขันในคู่ชิงชนะเลิศปรากฎว่า ณภัทร แซ่ลิ้ม ตีได้ระยะ 365.7 หลา เอาชนะ วิชญ์ศักดิ์ ปัญจบุรี ที่ตีไม่เข้ากริดเลย (OB) ทำให้ณภัทรเป็นฝ่ายเอาชนะคว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 1 แสนบาท และถ้วยรางวัลเกียรติยศ Grand Trophy รวมถึงสิทธิ์ไปแข่งขันตีไกลชิงแชมป์โลกรายการ World Long Drive Association 2024 ที่สหรัฐอเมริกา ในเดือนสิงหาคมนี้


ส่วนคู่ชิงอันดับที่ 3 กันตพงศ์ ขวัญจังหวัด ตีระยะ 374.7 หลา เอาชนะ เดชณัฐรัชย์ จิตต์เจริญชัยชนะ ที่ตีระยะ 357.6 หลา โดยกันตพงศ์ เป็นฝ่ายชนะคว้าอันดับ 3 ไปครอง


สำหรับการแข่งขันตีไกลชิงแชมป์ประเทศไทย รายการโตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024  เป็นอีกหนึ่งการแข่งขันกอล์ฟที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดเวทีแข่งขันสำหรับนักกอล์ฟไทย พร้อมต่อยอดไปสู่การแข่งขันระดับโลกที่สหรัฐอเมริกา  ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดันให้เกิดงานนี้ขึ้นมา ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด,  บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จํากัด,  บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน),  กลุ่มบริษัทพัทยา,  บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด,  ผลิตภัณฑ์น้ำลำไยสกัดเข้มข้น P80,  Black Mountain Golf Club,  Shane Wilding Golf Co.,Ltd., บริษัท ลีโอเนียน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท กอล์ฟ เรฟโวลูชั่น จำกัด ผู้นำเข้าลูกกอล์ฟ บริดสโตน, บริษัทซีซีเค กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ TaylorMade Golf แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย, บริษัท เอเซียแปซิฟิค คอสเมติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, Cetilar ครีมทานวดบรรเทาปวดข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น, Golf Channel Center และสนามไดร์ฟ M Sport

สรุปผลการแข่งขัน โตโยต้า ไทยแลนด์ ลองไดร์ฟ แชมเปี้ยนชิพ 2024

อันดับ 1 - ณภัทร แซ่ลิ้ม รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมสิทธิ์ตีไกลชิงแชมป์โลก

อันดับ 2 - วิชญ์ศักดิ์ ปัญจบุรี  รับเงินรางวัล 35,000 บาท

อันดับ 3 - กันตพงศ์ ขวัญจังหวัด  รับเงินรางวัล 15,000 บาท

7
Dr.TATTOF ยกระดับ “การรักษาเฉพาะบุคคล” (Personalized Treatment) กุญแจสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการลบรอยสัก


              การพัฒนาทางการแพทย์ในยุคปัจจุบันก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มสู่บริการ “การรักษาเฉพาะบุคคล” (Personalized Treatment) ซึ่งนับเป็นการรักษาสุขภาพของผู้เข้ารับบริการได้อย่างแม่นยำแบบเฉพาะเจาะจง เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา ลดความเสี่ยงที่ไม่พึงประสงค์ และให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการ ซึ่ง “การลบรอยสัก” ก้าวเข้าสู่การรักษาเฉพาะบุคคลเช่นเดียวกัน เพราะนอกเหนือจากการใช้เลเซอร์เพื่อการลบรอยสักออกจากผิว ยังต้องคำนึงถึงสภาพผิวหนังและลักษณะทางร่างกายของแต่ละบุคคลอีกด้วย


              นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานบริษัทและแพทย์ผิวหนังและเลเซอร์ Dr.TATTOF กล่าวว่า Dr.TATTOF มีการพัฒนารูปแบบการรักษาอย่างต่อเนื่อง เน้นให้ความสำคัญกับกระบวนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด โดยเน้นองค์ประกอบ ได้แก่

1. การตรวจประเมิน (Individual Assessment) อย่างละเอียดเกี่ยวกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อระบุปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของผู้รับบริการอย่างเป็นระบบ

2. การวินิจฉัยโรค (Diagnosis) ด้วยกระบวนการตรวจสอบและวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง เพื่อให้ทราบสาเหตุและอาการ นำไปสู่การรักษาได้อย่างถูกจุด

3. แผนการรักษา (Treatment Plan) ที่จะออกแบบให้เหมาะสมกับผู้รับบริการ ด้วยวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับเฉพาะราย เพื่อผลลัพธ์ที่ผู้รับบริการคาดหวัง


4. การรักษา (Treatment) ที่มีมาตรฐานระดับสากล และปฏิบัติการรักษาอย่างเป็นระบบ

5. ประเมินหลังการรักษา (Evaluation) เพื่อประเมินผลการรักษา พัฒนา หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการตามแต่ละบุคคล

6. ติดตามอาการ (Follow up) เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมหลังกระบวนการรักษาสิ้นสุดตามความเหมาะสมของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย



              คุณพงศยา ตราชูนิตย์ ผู้บริหาร Dr.TATTOF กล่าวว่า Dr.TATTOF ทุ่มเทพัฒนา เพื่อมอบบริการการลบรอยสักที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้รับบริการมาโดยตลอด ด้วยการเลือกสรรนวัตกรรมเลเซอร์ทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา เช่น โปรแกรม PicoWay Laser และส่งมอบด้วยมาตรฐานการบริการพิเศษที่คำนึงถึงสภาพร่างกายของแต่บุคคล ทำให้ Dr.TATTOF สามารถลบรอยสักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถลบได้ทุกแบบ ทุกขนาด ทุกสี และไม่ทำให้เกิดแผลเป็นหลังการรักษา


              คุณพงศยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การรักษาที่เหนือระดับไม่ได้ขึ้นอยู่กับนวัตกรรมเลเซอร์ที่มีมาตรฐานเท่านั้น แต่เป็นการส่งมอบควบคู่กับบริการที่พิเศษกว่า ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดเฉพาะบุคคล ตลอดทุกขั้นตอนการรักษา ตั้งแต่การตรวจประเมิน การวินิจฉัย การสร้างแผนการรักษา การรักษา การประเมินหลังการรักษา และการติดตามอาการ ซึ่งการรักษาเฉพาะบุคคลจะกลายเป็นจุดเด่นของการส่งมอบบริการการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้รับบริการ”

              สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาคลินิกที่มีมาตรฐานการรักษา มีความเชี่ยวชาญด้านการลบรอยสัก ลบรอยแผลเป็น ลบรอยดำคล้ำ ที่ Dr.TATTOF เป็นคำตอบสำหรับคุณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Dr.TATTOF ทั้ง 10 สาขา สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ 090-546-2424, สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว 095-428-9424, สาขาเทอร์มินอล 21 พัทยา 097-428-2424, สาขาเอท ทองหล่อ 099-614-2424, สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 083-535-2424, สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า 064-679-2424, สาขาเดอะ พรอมานาด 064-756-2424, สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต 064-568-2424, สาขาเซ็นทรัล พระราม2 063-856-2424 และสาขาเมกาบางนา 090-895-2424 หรือช่องทางออนไลน์ Inbox: http://m.me/dr.tattof, Line@: http://line.me/ti/p/~@dr.tattof

8
‘ยูเรก้า’ เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น J20 มาพร้อมสถานี ALL in One รวมทุกอย่างในตัว และเทคโนโลยี Real time self-cleaning ทำความสะอาดผ้าถูด้วยน้ำสะอาดตลอดการถูพื้น  ยกระดับนวัตกรรมหุ่นยนต์ทำความสะอาด


              บริษัท โรบอท เมคเกอร์ จำกัดหรือ ออโต้บอท (AUTOBOT) ผู้ผลิตและพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน ขอนำเสนอนวัตกรรมล่าสุดจากแบรนด์ “Eureka” รุ่น J20 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นแรกในอุตสาหกรรม ที่รวมฟีเจอร์การทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดและสถานีเสริมทุกอย่างรวมอยู่ในตัวเดียว* ด้วยประโยชน์ของการเป็นทั้งหุ่นยนต์ดูดฝุ่นและเครื่องซักพื้น Eureka J20 สามารถจัดการกับปัญหาที่เคยเป็นเรื่องยากสำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เช่น น้ำแยมที่หกและซอสมะเขือเทศแห้งได้อย่างง่ายดาย

ระบบถูพื้น RollRenew™ ช่วยให้ผ้าถูถูกซักตลอดเวลา


              ซึ่งแตกต่างจากผ้าถูระบบอัลตราโซนิคและแบบหมุนสองทิศทางทั่วไป Eureka J20 มีระบบถูพื้น RollRenew™ ที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบด้วยผ้าถูพื้นแบบสายพานวนรอบ ถังน้ำสะอาดและน้ำสกปรกแยกกัน ระหว่างการทำความสะอาด หัวฉีดน้ำ 5 หัวที่อยู่ข้าง ๆ ผ้าถูพื้นจะฉีดน้ำสะอาดอย่างต่อเนื่องขณะที่ผ้าถูหมุนไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันมีที่กวาดน้ำสกปรกจากผ้าถูเข้าสู่ถังน้ำเสียขนาด 250 มล. ทำให้ J20 ได้ใช้น้ำสะอาดตลอดเวลา เหมือนกับเครื่องล้างพื้น คู่กับพลังดูดสูงถึง 8,000 Pa ผ้าถูจึงสามารถทำความสะอาดคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการถูด้วยมือ แม้แต่คราบติดแน่นจากการหกของเหลว เช่น นม ไวน์แดง ซอสมะเขือเทศ หรือกาแฟ ก็สามารถขจัดได้

สถานี ALL in One รวมทุกอย่างอยู่ในตัว เพื่อประสบการณ์การทำความสะอาดแบบไร้กังวล


              หุ่นยนต์ Eureka J20 ยังมาพร้อมกับสถานี ALL in One รวมทุกอย่างอยู่ในตัวเดียว สถานีนี้มีฟังก์ชันการล้างผ้าถู การเทฝุ่นออกอัตโนมัติ การตากผ้าถูให้แห้ง การดูดน้ำเสียออก การเติมน้ำสะอาด และการเติมน้ำยาทำความสะอาดอัตโนมัติ มีถุงดักฝุ่นขนาด 3 ลิตร ทำให้สามารถใช้งานได้นานถึง 75 วัน* ก่อนต้องเปลี่ยนถุง ถังน้ำสะอาดและน้ำเสียมีขนาด 3 ลิตรเช่นกัน ช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ สะดวกแม้ในบ้านพื้นที่ขนาดใหญ่


              ด้วยความสะดวกสบายอันน่าทึ่งจากสถานี ALL in One รวมทุกอย่างอยู่ในตัว ประกอบกับระบบถูพื้น RollRenew™ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ J20 มีศักยภาพสูงในการทำให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องที่ไร้ที่ติ และประหยัดแรง ประหยัดเวลามากขึ้นกว่าที่เคย ยูเรก้าได้เปิดตัว J20 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2024 พร้อมวางจำหน่ายในช่วงครึ่งแรกของปีเดียวกัน


              ผู้สนใจสามารถเป็นเจ้าของ Eureka J20 / Eureka J12 / Eureka E10s และเครื่องดูดฝุ่นล้างพื้น New 400 ได้แล้ววันนี้ โปรโมชันพิเศษเฉพาะรุ่น Eureka J20 ราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาท จากราคาปกติ 69,900 บาท สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ผ่านช่องทาง @LineOA ( @autobot ) , Facebook , Shopee , Lazada , NocNoc , Tiktok , Lotus , Powerbuy , Homepro online

###

เกี่ยวกับยูเรก้า

ก่อตั้งในปี 1909 ที่ดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ยูเรก้า® เป็นผู้ผลิตเครื่องดูดฝุ่นครบวงจร ทั้งแบบตั้งพื้น ถังเก็บฝุ่น ดูดฝุ่นไร้สาย และแบบพกพา นับเป็นเวลากว่า 100 ปี

*คำว่า "ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกในอุตสาหกรรม" อ้างอิงจากข้อมูลและการวิจัยในท้องตลาดที่มีอยู่จนถึงวันที่26 ตุลาคม 2566 การใช้งานที่ 75 วันได้มาจากการทดสอบ J20 ประจำวันในห้องปฏิบัติการของยูเรก้า ประสิทธิภาพจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมเฉพาะ

9
ห้องอาหาร นิมมาน บาร์ แอนด์ กริล
พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็มกับ “เทศกาลบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น” สุดพิเศษ
และ “บุฟเฟ่ต์ Carvery Night” เอาใจคนรักเนื้อ


             ห้องอาหาร นิมมาน บาร์ แอนด์ กริล ขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสรสชาติความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับกับ “เทศกาลบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น” (Japanese Food Festival) ที่เชฟบรรจงรังสรรค์เมนูความอร่อยด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ อาทิ เทมปุระ ซูชิ ซาชิมิสดใหม่ เทริยากิ อุด้งในน้ำซุปกลมกล่อม พร้อมขนมหวานรสเลิศสไตล์ญี่ปุ่นมากมายให้ท่านได้เลือกรับประทาน ในวันที่  8 - 10 พฤษภาคม  2567 ตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.00 น. ในราคาท่านละ 750 ++ บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. ลดครึ่งราคา




             นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งความอร่อยสุดพิเศษกับ “บุฟเฟ่ต์ Carvery Night” พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม “มา 4 จ่าย  3” บุฟเฟ่ต์สำหรับคนรักเนื้อ อาทิ เนื้อวัว แกะ หมู ไก่ ที่เชฟคัดสรรเนื้อคุณภาพชั้นดีมาย่างและเสิร์ฟให้คุณเลือกได้ตามใจชอบ พร้อมทั้งสลัดบาร์ และของหวานเลิศรสอีกมากมาย ทุกวันศุกร์ เวลา 18.00 – 22.00 น. ตั้งแต่วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2567 ในราคาท่านละ 700 ++ บาท  เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลดครึ่งราคา






             สำรองที่นั่งล่วงหน้าหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ โทร. 053-222-111 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.kantaryhills-chiangmai.com/

10
พร้อมดวลเดือด 8 คู่มวยดุ ฟิตเปรี๊ยะสมบูรณฺสุดขีดป้องกันแชมป์ 3 เส้น 4 สถาบันชิงแชมป์ 2 เส้น 2 สถาบัน ศึก NARIS HIGHLAND SPACEPKUS BOXING ORONOTION


เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 ที่ RCA ได้มีการตรวจร่างกายและชั่งน้ำหนัก เช็คความพร้อมนักชกทั้ง 8 คู่มวยมวยมันส์ ทุกคู่สมบูรณ์สุดขีดพร้อมดวลหมัดในศึก NARIS HIGHLAND SPACEPLUS BOXING PROMOTION โดยมี นาย นริส สิงห์วังชา เป็นประธานที่ปรึกษาและประธานสหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF พร้อมด้วย พล.ต.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ และ สองยอดโปรโมเตอร์ชั้นนำ นาย ศุภณัฐ จันทร์แรม, Brico Santig และ แพทย์ประจำสนามนายจิระศักดิ์ บุบผาชาติ ได้ระดม8คู่มวยชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติมีการป้องกันแชมป์ 3 เส้น 4 สถาบัน และ ชิงแชมป์ 2 เส้น 2 สถาบัน พร้อมขึ้นชกในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567 ณ.เวทีมวยชั่วคราว Spaceplus RCA Plaza รัชดา กรุงเทพฯเวลา14.00น.เป็นต้นไป


โดยเริ่มจากการป้องกันแชมป์ 2 สถาบันรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวท 115 ปอนด์ 10 ยก WBF สหพันธ์มวยโลก และ WIBFสกพันธ์มวยนานาชาติ (หญิง) เจ้าของแชมป์จากประเทศคาซัคสถาน แองเจลีน่า ลูคัส ชกกับผู้ท้าชิงจอมแกร่งจากศรีลังกา มันตาซิง






ชิงแชมป์ว่างรุ่นไลท์ฟลายเวท 108 ปอนด์ 10 ยก WBA Asia ฮิน ติง ชาน จากฮ่องกง พบกับ นักชกสาวไทยจอมฝีมือ วิสุตา สิงห์มนัสศักดิ์

ป้องกันแชมป์สหพันธ์มวยแห่งเอเชีย ABF รุ่นมิดเดิลเวท 168 ปอนด์ 10 ยก นักชกดาวรุ่งฟอร์มสดลูกครึ่งไทย - สิงคโปร์ กิตติพงศ์ เจียน เฮา โฮ พบนักชกดาวรุ่งพุ่งแรงจากไทย ธนวัฒน์ มานพชัยยิม

ชิงแชมป์ว่างรุ่นมิดเดิลเวท 160 ปอนด์ 10 ยก WBC Asia วิคเตอร์ นักชกจากออสเตรเลีย พบกับ นักชกดาวรุ่งจากไทย รัฐวุฒิ ทองอร่าม

ชิงแชมป์ครุยเซอร์เวท 220 ปอนด์ 10 ยก GBU สหภาพแห่งมวยโลกเจ้าของแชมป์จากอาเซอร์ไบจาน ทาเยล จาฟารอฟ พบกับ นักชกจอมเก๋าจากอินโดนีเซีย คิงส์ ฟาส






สำหรับคู่ประกอบรายการอีก 3 คู่มวยดาวรุ่ง  อุ่นเครื่อง 4 ยก รุ่นเฮฟวี่เวท 220 ปอนด์ เฮอร์แมน อีนี่ เพอร์เซล จากออสเตรเลีย พบกับ ธนภัทร มานพชัยยิม นักชกไทย

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นฟลายเวท 112 ปอนด์ ลูซีน่า ฮิวตัน จากออสเตรเลีย พบกับ อิสรา วิเศษวงศ์ษา นักชกไทย

อุ่นเครื่อง 6 ยก รุ่นไลท์เวท 140 ปอนด์ เขียง เวียง โจ จีน พบกับ สุนทร สิงห์มนัสศักดิ์ยิม นักชกไทย

แฟนมวยชาวไทยและต่างชาติติดตามชมได้ในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2567 ณ.เวทีมวยชั่วคราว Spaceplus RCA Plasa รัชดา กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 14.00น.เป็นต้นไป

11
อลิอันซ์ อยุธยา เฉลิมฉลองครบรอบปีที่ 73 เคียงข้างคนไทย


             บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ฉลองครบรอบ 73 ปี ในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตอกย้ำความมั่งคงแข็งแกร่งแบรนด์ประกันระดับโลก นำทีมผู้บริหารระดับสูง พนักงาน และตัวแทนฝ่ายขาย ร่วมทำบุญตักบาตรอาหารแห้ง ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ จำนวน 18 รูป พร้อมนิมนต์พระครูสมุห์สมเกียรติ สุรญาโณ (พระอาจารย์กี้) เจ้าอาวาส วัดสบสวรรค์ ประพรมน้ำมนต์เสริมความสิริมงคลให้แก่บริษัทและพนักงานอีกด้วย




             นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมตลอดวัน อาทิ หน่วยบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ สภากาชาดไทย ธนาคารขยะรีไซเคิล จาก Recycle Day ชุมชนแลกเปลี่ยนสินค้าแฟชั่น จาก Swoop Buddy  จุดรับบริจาคอาหารเข้าธนาคารอาหาร  จัดแพคถุงยังชีพ จากมูลนิธิ SOS ณ สำนักงานใหญ่ อาคารเพลินจิตทาวเวอร์








12
ฮาจนไหล่สั่น!! สนุกจนน้ำตาเล็ดกับภาพยนตร์ “ขุนสึก” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24


             วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับหนังล้อเลียนเกรียนแตก ที่หยิบเอาหนังดังมาขายขำดูแล้วเพลินดีไม่มีเครียด กับภาพยนตร์สุดฮา “ขุนสึก” ที่ได้ “เอ๋ เชิญยิ้ม” มารับบท “ไอ้ขุน” และ “อนัญญา เมธาจันทรกูล” มารับบท “แม่ชบา” พร้อมทัพนักแสดงตลกอีกเพี้ยบ




             สมัยอโยธยาที่พม่าได้รุกรานไทย “ไอ้ขุน” (เอ๋ เชิญยิ้ม) ได้รักอยู่กับ “ชบา” (อนัญญา เมธาจันทรกูล) และกำลังบวชเพื่อทดแทนคุณบิดา ด้วยความเป็นห่วงชบา ไอ้ขุนก็เลยขอสึกมาเพื่อปกป้องคนรัก แต่ก็ไม่ทันการณ์ชบาเสียชีวิตซะก่อน เขาได้แต่อธิษฐานว่าจะขอรักและตามติดขอเป็นคู่ครองของชบาทุกชาติไป แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นที่แบบเหลือเชื่อ ไอ้ขุนได้โผล่ขึ้นมาในยุคปัจจุบัน และพบว่าชบายุคอนาคตกลับการเป็นผู้ชายและเป็นนักร้องดังของประเทศ เรื่องราวจะป่วนฮาขนาดไหน ติดตามชมได้ในภาพยนตร์ “ขุนสึก” วันศุกร์ที่ 26 เมษายน 2567 เวลา 20.45 น.ชมฟรีดูสนุกทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live

13
“ภาคเอกชนเขาใหญ่ จับมือ!! ปั้นแคมเปญ ราคาเดียว เที่ยวได้ทั้งปี”




23 เมษายน 2567 เดอะเปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ จัดพิธีลงนามความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ตลอดทั้งปี โดย สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เขาใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง


เขาใหญ่ ราคาเดียว ( Khao Yai One Price) โครงการมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ นอกฤดูการท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาใหญ่และพื้นที่โดยรอบ มีกิจกรรม และโปรแกรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย แม้ไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว ไม่ว่าจะเป็น ฤดูการเปิดสวนผลไม้ ช่วงเดือน พฤษภาคม กิจกรรมเขาใหญ่คาร์ฟรีเดย์ ช่วงเดือนกันยายน เป็นต้น เราจึงมีความตั้งใจที่จะประชาสัมพันธ์ โปรแกรมท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก และ เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น


โครงการนี้เราได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและเอกชนมากมาย พิธีลงนามความร่วมมือครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ท่าน ดร.สันติ ป่าหวาย หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  นายสุรพันธ์ ศิลปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ และ ภาคีเครือข่ายเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา เข้าเป็นสักขีพยาน


ทั้งนี้ โครงการเขาใหญ่ วัน ไพรซ์ ยังมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนด้านการตลาด ให้กับผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงออนไลน์ โดยการจัดการโปรแกรมการท่องเที่ยว ไปยังผู้ประกอบการที่เข้าร่วม และ ทำการแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยวไปยังนักท่องเที่ยวโดยตรง ทั้งชาวไทย และต่างชาติ ด้วยแพลตฟอร์มการจัดการระบบอัจฉริยะ และทันสมัย พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว แม้ในช่วง Low Season เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยว ตัดสินใจมาเขาใหญ่เพิ่มขึ้น


เรามุ่งหวังที่จะเห็นความยั่งยืนของผู้ประกอบการในพื้นที่ ระยะยาว และมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในพื้นที่ เป็นพื้นที่ต้นแบบของประเทศไทย ในการทำโปรแกรมท่องเที่ยว ราคาเดียวตลอดปี


อีกทั้ง ความร่วมของผู้ประกอบการในครั้งนี้ เรายังเล็งเห็นโอกาสอันดีในการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และเป็นเมือง 3 มรดกโลก ริเริ่มการท่องเที่ยวสีเขียว ความหมายคือ การทำธุรกิจแบบ Lite carbon การสร้างขยะจากธุรกิจให้น้อยลง หรือการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น เพื่อต้นแบบ การท่องเที่ยวรักษ์โลก อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ทิ้งภาระให้กับโลก หรือ สังคมภาพรวม


ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็น ความหมายของ เขาใหญ่ วัน ไพรซ์ ซึ่งหมายรรวมถึงการจับมืองกันเป็น 1 เดียว คิด สร้าง และ ทำเรื่องเดียวกันอย่างมีเอกภาพ และ สร้างความยั่งยืนได้ในทุกมิติ และที่สำคัญที่สุดคือการตอกย้ำนโยบายของท่านรัฐมนตรี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ว่า “ท่องเที่ยวทำคนเดียวไม่ได้” จึงอยากขอเชิญชวน นักท่องเที่ยว ร่วมสนับสนุน และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ด้วยกัน พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าว


โครงการเขาใหญ่ วัน ไพรซ์ หรือเขาใหญ่ราคาเดียว ในฐานะผู้ยริหารโครงการ เราตั้งใจใช้กลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยว และเทคโนโลยีด้านการตลาด รวมถึงระบบจัดการข้อมูลนักท่องเที่ยวอัจฉริยะ มาปรับใช้ให้เหมาะกับ พื้นที่ท่องเที่ยวเขาใหญ่ ที่มีกิจกรรมน่าสนใจ และ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ให้เป็นที่รู็จัก และเดินทาง มาท่องเที่ยวได้ทั้งปี


โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจเป็น 4 ประเภท

กลุ่ม Accomodation ธุรกิจโรงแรม ห้องพัก รีสอร์ท และ ที่พักอื่นๆ
กลุ่ม Attraction ธุรกิจแหล่งท่องเที่ยว อาทิ สวนดอกไม้ ฟาร์ม กิจกรรมกลางแจ้ง
กลุ่ม Cafe’ & Restaurant ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหาร ของที่ระลึก
กลุ่ม Golf & Sport ธุรกิจสนามกอล์ฟ และ กีฬาอื่นๆ


ใช้กลยุทธทางการตลาด เพื่อสร้างฐานนักท่องเที่ยว รวมถึง จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดช่วงเวลา 7-8 เดือน ที่นักท่องเที่ยวลดลง โดย สร้างฐานเดิม ฐานใหม่ และ ฐานใกล้เคียง ด้วย loyalty Program


Target Audiens 4 กลุ่ม เป้าหมาย 100,000 ราย

กลุ่มนักท่องเที่ยว/บุคคลทั่วไป เดินทางมาเขาใหญ่ประจำ
กลุ่มที่อาจจยังไม่เคยมาเที่ยวเขาใหญ่เลย
กลุ่มผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง รัศมี 200 กิโลเมตร ( เดินทางด้วยรถยนต์ 2-3 ชม. )
กลุ่มนักกอล์ฟ


ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด และ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด เป็นเครื่องมือ ในการสร้างแรงจูงใจ และเลือกจุดหมายปลายทาง การท่องเที่ยว ในแต่ละครั้ง จำแนกตามกลุ่มเป้าหมาย ที่วางไว้ รวมถึง การสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับเขาใหญ่ จนส่งผลทั้งทางตรงแล้วทาง ไปจนถึง ปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 20-40 % ภายในปี 2567-2568 หรือ ไปแตะที่ 1-1.5 ล้านคนต่อปี ได้


ด้านรายได้ โครงการนี้ สามารถสร้างรายได้สะพัดหมุนเวียน ในช่วงเวลาที่กำหนด ได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาท และยังรวมถึง การสร้าง New Demand เพื่อให้ สอดคล้องกับ Supply ในอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวเขาใหญ่ ทั้งระบบ อย่างเป็นรูปธรรม


ด้านความยั่งยืน โครงการนี้ จะส่งผลด้านการรับรู้ และประสบการใหม่ ให้กับการมาเที่ยวเขาใหญ่ มีตัวแปรใหม่สำหรับการตัดสินใจ รวมถึง ขยายฐานนักท่องเที่ยวไปยังทั้ง ไทย และ ต่างประเทศ สอดรับการ Supply Chain ที่เขาใหญ่มีอยู่แล้วทั้งระบบ ส่งผลเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ ในทุกๆ ปี คล้ายๆ กับหลาย Festival ที่จัดขึ้น และ มีตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทุกปี ภาณุเมศวร์ เศรษฐสิริสุนทร ผู้ก่อตั้งโครงการ / ผู้บริหาร บจ. จีโอดี โซลูชั่น กล่าว












14
เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”
ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35 ปี


             เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด” ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และสุขภาพ B2B ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 300 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก อาทิเช่น Unilever, Boots, Srichand, IN2IT, DKSH และอื่นๆอีกมากมาย ให้ผลิตสินค้าจำนวนมากกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งออกไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี โดยล่าสุดทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับการผลิตที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริษัทด้านการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าเป็นองค์กรณ์ที่ยั่งยืนโดยมี อัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หลักในทุกปี


             นางสาวรุ่งระวี กิตติสินชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร B2B ครอบคลุมประเภทสินค้า Skin Care, Personal Care, Color Cosmetics, Toiletries, Hair Product, Medical Device, Food Supplement, Household Product ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2532 โดยการร่วมทุนกับ บริษัท ไมลอทท์ คอสเมติค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตสินค้า OEM TOP 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 85 ปี โดยผสมผสานความรู้ด้านการผลิตที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เข้ากับที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การผลิตและแรงงานที่มีราคาถูก มีคุณภาพของประเทศไทย ให้บริการแบบ “One Stop Service” ตั้งแต่กระบวนการนำเสนอ Concept จนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมวางจำหน่ายโดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ 51% และกลุ่ม ไมลอทท์ ประเทศญี่ปุ่น 49%


             ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้

FAITH    F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า

A คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก

I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก

T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม

H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม


             ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า  1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%


             เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่าที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน


             บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเองดังนั้น ต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

             คณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment  ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์  ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย

             สำหรับ”หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต” นางรุ่งระวี กล่าวสรุปในตอนท้าย

15
เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์”
ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM เครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร สินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 แบรนด์ จาก 300 บริษัททั่วโลก มายาวนานกว่า 35 ปี


             เปิดอาณาจักร “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด” ผู้นำแถวหน้าของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม และสุขภาพ B2B ครบวงจร ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 300 บริษัทชั้นนำจากทั่วโลก อาทิเช่น Unilever, Boots, Srichand, IN2IT, DKSH และอื่นๆอีกมากมาย ให้ผลิตสินค้าจำนวนมากกว่า 1,000 แบรนด์ ส่งออกไปยังมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี โดยล่าสุดทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาพื้นที่โรงงาน และนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย รองรับการผลิตที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำบริษัทด้านการผลิตระดับโลก ตั้งเป้าเป็นองค์กรณ์ที่ยั่งยืนโดยมี อัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 หลักในทุกปี


             นางสาวรุ่งระวี กิตติสินชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องสำอาง และสุขภาพครบวงจร B2B ครอบคลุมประเภทสินค้า Skin Care, Personal Care, Color Cosmetics, Toiletries, Hair Product, Medical Device, Food Supplement, Household Product ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2532 โดยการร่วมทุนกับ บริษัท ไมลอทท์ คอสเมติค คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตสินค้า OEM TOP 3 ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 85 ปี โดยผสมผสานความรู้ด้านการผลิตที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น เข้ากับที่ตั้งทางยุทธศาสตร์การผลิตและแรงงานที่มีราคาถูก มีคุณภาพของประเทศไทย ให้บริการแบบ “One Stop Service” ตั้งแต่กระบวนการนำเสนอ Concept จนผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปพร้อมวางจำหน่ายโดยสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์ 51% และกลุ่ม ไมลอทท์ ประเทศญี่ปุ่น 49%


             ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุน แบรนด์ด้านความงามและสุขภาพทั่วโลก ที่มีนวัตกรรม มีคุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการให้บริการที่รวดเร็ว มี Commitment โดยมุ่งมั่นที่จะเสนอโซลูชั่นให้ตรงความต้องการของลูกค้า ซึ่งการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและตอบสนองความต้องการของแบรนด์ ต่างๆนั้น ได้จากการผ่านค่านิยมของบริษัท คือ FAITH ขณะเดียวกันเราก็มุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยเราให้คำนิยามค่านิยมของบริษัทไว้ดังนี้

FAITH    F คือ Flexible ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพึงพอใจของลูกค้า

A คือ Agile ความรวดเร็วที่สนองตอบตามความต้องการลูกค้าในทุกแผนก

I คือ Integrate Positive Thinking การบูรณาการความคิดในเชิงบวก

T คือ Teamwork การทำงานเป็นทีม

H คือ Honesty ความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเอง ลูกค้า คู่ค้าและสังคม


             ตลอด 35 ปี “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับโลก โดยล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณกว่า  1,000 ล้านบาท สร้างโกดังสินค้าและต่อเติมอาคาร บนเนื้อที่กว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 10,000 ตัน หรือประมาณมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือนนอกจากนี้ยังนำเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพรวมถึง AI และระบบบริหารจัดการให้ทันสมัย โดยสัดส่วนการผลิตสินค้าของโรงงานในปัจจุบัน คือกลุ่ม Skin Care, Personal Care, Hair product 65%, Make up 15%, Homecare 10-15%, และอื่นๆ 10%


             เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางเติบโตขึ้นมาก แม้ทั่วโลกจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 แต่วงการความงามกลับมีสินค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย สินค้าเกี่ยวกับความงามมีปัจจัยภายนอกเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะเห็นว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อมีการปรับเปลี่ยนสูตร เปลี่ยนดีไซน์แพคเกจจิ้งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์ บางครั้งปรับเปลี่ยนจนผู้บริโภคตามไม่ทัน ซึ่งตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในประเทศต่างๆ ก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น ประเทศในโซนยุโรบ อเมริกา ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะเน้นไปในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่วนโซนเอเชียเน้นสินค้าที่ใช้ได้ผลในราคาที่คุ้มค่า มีความหลากหลายของดีไซน์แตกต่างกันออกไป แต่ประเทศที่มีอิทธิผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวงการสินค้าความงามมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศเกาหลี


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวอีกว่าที่ผ่านมา เราเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และเห็นว่ามีผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก ที่ต้องการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเองออกมาขาย รวมถึง Global brand ที่ต้องการให้เรานำเสนอสินค้าใหม่ๆ เราจึงผันตัวเองมาลุยธุรกิจ “ODM” เต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่ม “ODM” แบบ One Stop Service เนื่องจากเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ ในทุกส่วน เช่น มี R&D เฉพาะในทุกประเภทสินค้า มีเครื่องจักร มีระบบ IT ที่ใช้ในการบริหารจัดการที่ทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเราสามารถผลิตสินค้าจำนวนน้อยที่สุดหลักพัน ไปจนถึงมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน


             บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นของยอดขายไว้ที่ 2 หลักในทุกๆปี ด้วยการมุ่งทำการตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น บริษัทฯ ได้เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาและออกงาน Exhibition ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอในงานแสดงสินค้า “Cosmoprof CBE ASEAN 2024” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2567 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบัน ภายในประเทศอยู่ที่ 45% และต่างประเทศอยู่ที่ 55% ขณะนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ Young Generation ภายใต้การนำของคุณ จิรัชยา วามะศิริ บุตรสาวของท่านประธาน มาร่วมเป็นผู้บริหารในการวางแผนต่อยอดธุรกิจออกสู่ต่างประเทศโดยนอกจากมีพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว ยังร่วมหาพันธมิตรทางธุรกิจในต่างประเทศ เช่น เกาหลี กลุ่มประเทศในยุโรป อเมริกา เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษาวิจัย วัตถุดิบต่างๆ เทรนด์ตลาด เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศมากขึ้น


             นางสาวรุ่งระวี กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นโรงงานรับจ้างผลิต OEM – ODM เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเทรนด์ ความงามในช่วงนั้นๆ ต้นทุน ราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตลอดเวลาตามสถานะการณ์โลก ซึ่งเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงคู่แข่งที่เราจะต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์ดังที่มีโรงงานผลิตเองดังนั้น ต้นทุนการผลิตจึงสำคัญมาก ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา ด้วยการบริหารอย่างระมัดระวัง การมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัด เราจึงค่อยๆเติบโตได้อย่างมั่นคง ทำให้ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมด้วยดีเสมอมา และลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี

             คณะผู้บริหารภายใต้การนำของท่านประธาน นิพนธ์ วามะศิริ ผู้ก่อตั้งบริษัท เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล คิดจริง ทำจริง มีความมุ่งมั่น เป้าหมายคือ องค์กรต้องยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เราต้องสามารถปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์ เน้นการบริการให้ครบวงจรให้มากที่สุด สร้างความพึงพอใจตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละ Segment  ด้วยความซื่อสัตย์และดำเนินธุรกิจแบบมีส่วนร่วม เป็นพันธมิตรทั้งกับลูกค้าและคู่ค้า เช่น Supplier ที่มีทั้งในและต่างประเทศ แบบ WIN – WIN เพื่อสิ่งดีๆที่จะมอบให้กับผู้บริโภค ในแต่ละแบรนด์  ในที่สุดผลลัพธ์ก็จะกลับมาสู่ ลูกค้า คู่ค้า บริษัท พนักงาน และธุรกิจที่ยังดำเนินได้ในประเทศไทย

             สำหรับ”หัวใจสำคัญ ที่ทำให้ “ไมลอทท์ แลบบอราทอรีส์” ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันคือ “คน” บริษัทถือว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด บริษัทมีความภาคภูมิใจที่มีพนักงานที่ดี มีคุณภาพ ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและรักองค์กร เราเชื่อเสมอว่าการมีทีมงานที่ดี คอยสนับสนุนในทุกๆด้านจึงทำให้เราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และต่อๆไปในอนาคต” นางสาวรุ่งระวี กล่าวสรุปในตอนท้าย

Pages: [1] 2 3 ... 2404