This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
1
news & activity / “หมอวิน-เวชพิสิทธิ์” เผย “ศาสตร์แห่งความงาม” พร้อมอัปเดตเทรนด์ 2023 กับการปรับร
« on: Today at 08:25:32 PM »“หมอวิน-เวชพิสิทธิ์” เผย “ศาสตร์แห่งความงาม”
พร้อมอัปเดตเทรนด์ 2023 กับการปรับรูปหน้าย้อนวัย ยกกระชับล็อคอายุ
ด้วยเทคนิคพิเศษเติมเต็มถึงชั้นกระดูก
พร้อมอัปเดตเทรนด์ 2023 กับการปรับรูปหน้าย้อนวัย ยกกระชับล็อคอายุ
ด้วยเทคนิคพิเศษเติมเต็มถึงชั้นกระดูก
Doctor Win Clinic เป็นคลินิกสุขภาพและความงาม ที่เน้นด้านการปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคเติมเต็มถึงชั้นกระดูก เป็นการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์เป็นหลัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านการอบรมและพัฒนาความรู้ เพื่อนำมาต่อยอดทางด้านการปรับรูปหน้าจากสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ Doctor Win Clinic ยังมีความปลอดภัย อีกทั้งนวัตกรรมและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงและทันสมัยตามมาตรฐานสากล รวมถึงการบริการระดับพรีเมี่ยม โดย นายแพทย์เวชพิสิทธิ์ พนาวร (หมอวิน) เป็นผู้ก่อตั้งและบริหารงาน นอกจากนี้ยังเป็นแพทย์ประจำคลินิกอีกด้วย ในครั้งนี้ หมอวิน-เวชพิสิทธิ์ ได้จัดงาน Science of Beauty : ศาสตร์แห่งความงาม พร้อมอัปเดตเทรนด์การดูแลความงามในปี 2023 กับการย้อนวัยและล็อคหน้าให้คงที่ ด้วยแนวคิด ”ความงามคือการเติมความรู้สึกดีดี ให้กับตัวเอง” ณ ห้อง Studio R8 โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
โดย หมอวิน-นายแพทย์เวชพิสิทธิ์ พนาวร ผู้ก่อตั้ง Doctor Win Clinic และบริหารงาน ได้กล่าวว่า “ในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่นิยมรับการดูแลเรื่องปรับรูปหน้าและยกกระชับ ซึ่งตรงกับเทรนด์ความงามในปีนี้ 2023 คือ การย้อนวัยสำหรับผู้ที่มีอายุและริ้วรอย และการล็อคอายุหน้าให้ดูเด็กลงหรืออายุเท่าเดิม ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้คนไข้ได้เลือกใช้บริการ แต่ที่นิยมส่วนใหญ่ก็คือ การผ่าตัดศัลยกรรม และหัตถการ ซึ่งเป็นการใช้สารเติมเต็มเพื่อแก้ไขและปรับรูปหน้าให้เหมาะสมตรงกับความต้องการ สำหรับการปรับรูปหน้าด้วยวิธีหัตถการนี้มีข้อดีคือ ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่คนไข้บางท่านอาจจะต้องหลีกเลี่ยงตามคำสั่งแพทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคนด้วย การฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์สมัยนี้แตกต่างจากเดิม เมื่อก่อนคนไข้กังวลจุดไหนก็จะเติมที่จุดนั้น อย่างใต้ตาหรือร่องแก้มก็จะฉีดเติมเข้าไปแค่จุดที่ต้องการ แต่ในปัจจุบันจะเป็นการปรับแก้ไขรูปหน้าไปพร้อมกัน เพื่อให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติมากที่สุด และในการฉีดสารเติมเต็มเข้าไป 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้ 1 - 2 ปี จึงทำให้วิธีหัตการนี้กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังนิยมสำหรับคนไข้ที่รับการรักษา
แต่ว่าการรักษาด้วยสารเติมเต็มเป็นหัตการที่ไม่ง่าย ในการลงตัวยาแต่ละจุดนั้นมีผลทั้งหมด แม้กระทั่งตัวยาขนาด 0.1 CC ก็มีผลทำให้ทิศทางของแสงหรือเงาที่ตกกระทบเปลี่ยนไป เปรียบเสมือนว่าเอาสารเติมเต็มมาปรับรูปหน้า ดังนั้นถ้าองศาเปลี่ยนนิดเดียวก็มีผลกับคนไข้ เพราะฉะนั้นประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ผลการรักษาออกมาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด และยังรวมไปถึงสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ด้วยว่า ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะถ้าใช้สารที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะทำให้เกิดปัญหา ผิวหน้าอักเสบ หรือปัญหาอื่น ๆ ตามมาก็ได้
ในการรักษาในแต่ละเคสนั้น หมอจะต้องทำความเข้าใจกับคนไข้ถึงความต้องการที่แท้จริงก่อน การรักษาด้วยสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์นั้น เป็นการแก้ไขปัญหาของกระดูกและชั้นไขมันที่บกพร่อง ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เวลายุบก็จะยุบพร้อมกันเกือบทั้งใบหน้า เพราะฉะนั้นการแก้ไขก็ต้องปรับแก้บริเวณใกล้เคียงไปพร้อมกัน เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการฉีดเข้าไปเพียงจุดเดียว เพราะฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปจะใช้เทคนิคที่เน้นการปรับรูปหน้าโดยรวม โดยเน้นเรื่องการยกกระชับก่อนการเติมเต็ม อย่างเคสคนไข้ที่มีปัญหาร่องลึกของใต้ตา หมอก็จะยกส่วนของโหนกแก้มหรือบริเวณขมับเพื่อให้หน้าดูยกขึ้นก่อน แล้วค่อยเติมฟิลเลอร์ที่ใต้ตาซึ่งจะใช้ปริมาณยาที่น้อยลง จึงทำให้รูปหน้าโดยรวมไม่แข็งและดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ส่วนใหญ่หลังจากทำออกมาแล้วคนไข้จะพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
เคสที่เข้ามาให้หมอแก้ไขที่ยากที่สุดคือ คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมมาหลายครั้ง เพราะด้านในมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของรูปหน้า รวมถึงมีผังผืดและเส้นเลือดที่เป็นผลข้างเคียงหลังผ่าตัด จึงทำให้หมอต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่หมอเฉพาะทางจริง ๆ หรือมีความชำนาญก็จะยิ่งทำให้คนไข้มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้จึงต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ สิ่งที่อยากแนะนำผู้ที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้ดูสวยเป็นธรรมชาติด้วยวิธีหัตถการนี้ ต้องศึกษาให้ดี เลือกคลินิกที่มีคุณภาพ เวชภัณฑ์หรือสารเติมเต็มที่ดี เครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่าเรื่องของราคา โปรโมชั่น และการโฆษณาที่ดูเกินจริง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการรักษา
สำหรับ Doctor Win Clinic ให้บริการด้านเติมฟิลเลอร์ใต้ตา และยกกระชับปรับรูปหน้าย้อนวัย ด้วยเครื่องยกกระชับ Ultraformer iii แบบ High intensity focus UltraSound เหมาะกับบริเวณผิวใบหน้า ช่วยสลายไขมันที่ใต้ชั้นผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรอบดวงตา หน้าผาก ร่องแก้ม ร่องมุมปาก บริเวณคอ ให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องผิวพรรณ รวมถึงการศัลยกรรมเล็กการทำตาสองชั้นเป็นต้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาหรืออยากปรับรูปหน้าให้เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถเข้ามาปรึกษากับหมอหรือทีมแพทย์ของเราก่อนรับการรักษาได้นะครับ ทาง Doctor Win Clinic อยากช่วยเติมเต็มสิ่งดี ๆ ให้กับทุกท่านครับ” หมอวิน-เวชพิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 065 669 1695 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/doctorwinclinic/?locale=th_TH
2
news & activity / เต็ดตรา แพ้ค ร่วมส่งต่อพลังความเท่าเทียมผ่านผู้บริหารหญิง บนเวทีวันสตรีสากล
« on: Today at 02:09:30 AM »เต็ดตรา แพ้ค ร่วมส่งต่อพลังความเท่าเทียมผ่านผู้บริหารหญิง
บนเวทีวันสตรีสากล จัดโดย ธนาคารซิตี้แบงก์
บนเวทีวันสตรีสากล จัดโดย ธนาคารซิตี้แบงก์
กรุงเทพฯ (17 มีนาคม 2566) - เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านโซลูชันการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก นำโดย คุณรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้พูดคนสำคัญบนเวที International Women’s Day ซึ่งจัดโดย ธนาคารซิตี้แบงก์(Citibank) เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล ร่วมกับ นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด และ นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น
ภายในงาน คุณรัตนศิริ ได้ขึ้นกล่าวแสดงความคิดเห็นในมุมมองของนักธุรกิจหญิงที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำบริษัทระดับโลกในประเทศไทย โดยคุณรัตนศิริ ได้แบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็นในด้านหน้าที่การทำงาน ความท้าทายในองค์กร และบทบาทของผู้นำองค์กร ที่ต้องแสดงให้เห็นถึงการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ยอมรับความเสมอภาค ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลายและเท่าเทียม รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมในองค์กร
นับเป็นโอกาสอันดีที่คุณรัตนศิริ ได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นบนเวที International Women’s Day ที่สอดคล้องกับนโยบายของเต็ดตรา แพ้ค ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ สร้างความเท่าเทียมของผู้หญิง และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
จากซ้ายไปขวา
1. นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น
2. นางซิลเวีย วิจายา รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ผู้สนับสนุนโครงการ Citi Thailand Women’s Network
3. นางสาวรัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด
4. นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด
###
เกี่ยวกับเต็ดตรา แพ้ค
เต็ดตรา แพ้ค คือผู้นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์และกระบวนการผลิตอาหารชั้นนำของโลก โดยทำงานร่วมกับลูกค้าและซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้คนนับพันล้านในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ด้วยจำนวนพนักงานมากกว่า 25,000 คนซึ่งมีฐานการดำเนินงานทั่วโลก เราเชื่อในความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมและการมอบความยั่งยืนแก่ธุรกิจนี้ ปรัชญาการทำงานของเราคือปกป้อง ทุกคุณค่า™ หรือ “PROTECTS WHAT’S GOOD™” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเราในการผลิตอาหารที่ปลอดภัยและซื้อหาได้ในทุกที่
ข้อมูลเกี่ยวกับ เต็ดตรา แพ้ค กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.tetrapak.com/th
3
Sport News & Motor Sport / ดาวดังเอเชียลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์ในศึก ดับเบิลยูจีซี-เดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์
« on: Today at 01:55:54 AM »ดาวดังเอเชียลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์ในศึก ดับเบิลยูจีซี-เดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์
22 มีนาคม 2566 – โปรกอล์ฟชื่อดังของเอเชียพร้อมสร้างเซอร์ไพรส์สยบมือท็อปของโลกในศึก เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ-เดลล์ เทคโลโลยีส์ แมตช์เพลย์ ซึ่งจะเปิดฉากดวลวงสวิงในวันพุธที่ 22 มีนาคมนี้ ณ สนามออสติน คันทรี คลับ เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย ทอม คิม ดาวรุ่งพุ่งแรงจากเกาหลีใต้อยู่กลุ่มเดียวกับ สกอตตี เชฟเฟลอร์ แชมป์เก่าและมือหนึ่งโลกคนปัจจุบัน (ภาพ: Getty Images)
ทอม คิม โปรกอล์ฟวัย 20 ปีจากเกาหลีใต้ ที่คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ มาแล้ว 2 รายการ ลงประเดิมแข่งขันครั้งแรกในรายการ เวิลด์กอล์ฟแชมเปี้ยนชิพ-เดลล์ เทคโลโลยีส์ แมตช์เพลย์ ชิงเงินรางวัล 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีนักกอล์ฟระดับแถวหน้าของโลก 64 คนร่วมชิงชัย โดยทอม คิม อยู่ในกลุ่ม 1 ร่วมกับ สกอตตี เชฟเฟลอร์ นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลกชาวอเมริกัน แชมป์เก่ารายการนี้ พร้อมด้วย อเล็กซ์ นอเรน โปรกอล์ฟทีมไรเดอร์ คัพ ยุโรป ชาวสวีเดน และเดวิส ไรลีย์ จากสหรัฐ
การเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาเป็นแบบแมตช์เพลย์ในสัปดาห์นี้ เป็นการรื้อฟื้นความทรงจำในการแข่งขันรายการเพสซิเดนท์ส คัพ ที่เควล ฮอลโลว์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำหรับทอม คิม ซึ่งเจ้าตัวทำผลงานได้ดีเก็บแต้มให้ทีมนานาชาติ 2 คะแนน
โดยทอม คิม จับคู่กับ เค.เอช.ลี คว้าชัยเหนือ สกอตตี เชฟเฟลอร์ และแซม เบิร์นส์ 2 และ 1 ในการแข่งขันแบบโฟรซัมส์ช่วงเช้าวันเสาร์ จากนั้นจับคู่กับ ซิ วู คิม เอาชนะ แพตทริก แคนต์เลย์ และซานเดอร์ ชาฟเฟเล 1 อัพ ในประเภทโฟร์บอล โดยพัตต์เบอร์ดี้เก็บชัยที่หลุม 18
ด้าน ซิ วู คิม ลงเล่นในรายการเดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์ เป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ และหวังจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้เป็นครั้งแรก โดยเจ้าของแชมป์พีจีเอทัวร์ 4 รายการ อยู่ในกลุ่ม 8 ร่วมกับ วิคเตอร์ โฮฟแลนด์, คริส เคิร์ก และแมตต์ คูชาร์ แชมป์ปี 2013 ทั้งนี้โปรกอล์ฟวัย 27 ปีจากแดนโสมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก เพรสซิเดนส์ คัพ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เก็บแต้มสูงสุดให้ทีมนานาชาติ 3 คะแนน รวมถึงการเอาชนะ จัสติน โธมัส 1 อัพ ในประเภทซิงเกิลแมตช์
ส่วน เค.เอช.ลี ล่าสุดเพิ่งคว้าอันดับ 19 ร่วม ในศึกวัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และจะลงแข่งขันในรายการเดล เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับ ทอม คิม โดยถูกจับสลากให้อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับแพตทริก แคนต์เลย์, ไบรอัน ฮาร์แมน และนิค เทย์เลอร์ ขณะที่ อิม ซองแจ ร่วมกลุ่มกับ ทอมมี่ ฟลีตวู้ด, เจ.ที. พอสตัน และมาเวอริก แม็คนีลีย์ โดย อิม ซองแจ ลุ้นผ่านรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรก ในการร่วมชิงชัยในทัวร์นาเมนท์นี้เป็นครั้งที่สาม
ทางด้าน ฮิเดกิ มัตซึยามา ดาวดังจากญี่ปุ่น แชมป์พีจีเอทัวร์ 8 รายการ อยู่ในกลุ่ม 6 ร่วมกับ แม็กซ์ โฮมา, จัสติน ซูห์ และเควิน คิสเนอร์ ดีกรีแชมป์ปี 2019 และรองแชมป์ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ยังไม่มีนักกอล์ฟจากเอเชียชนะเลิศในการแข่งขันเดล เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ นับตั้งแต่จัดครั้งแรกในปี 1999 กิรเดช อภิบาลรัตน์ โปรกอล์ฟไทยผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2018 เช่นเดียวกับ ธงชัย ใจดี ดาวดังของไทยอีกคนที่ทำได้ในปี 2010 ขณะที่ เค.เจ.ชอย ตำนานนักกอล์ฟเกาหลีใต้ก็เข้าถึงรอบนี้เช่นกันในปี 2008 ด้านฮิเดโตะ ทานิฮาร่า จากญี่ปุ่นสร้างเซอร์ไพรส์เข้าถึงรอบรองชนะเลิศก่อนจบอันดับ 4 ในปี 2017 ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติอย่าง โทรุ ทานิกูชิ เป็นนักกอล์ฟเอเชียที่ทำผลงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนต์นี้หลังจากคว้าอันดับ 3 ในปี 2001
ทางฝั่งนักกอล์ฟมือท็อปของโลก สกอตตี เชฟเฟลอร์ มือวางอันดับ 1 และแชมป์เก่า ฟอร์มกำลังฮอต ล่าสุดเพิ่งคว้าแชมป์รายการใหญ่ของพีจีเอทัวร์ศึก เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปี้ยนชิพ และสถิติในการลงเล่นที่สนามออสติน คันทรีคลับ 2 ครั้งที่ผ่านมา เข้าชิงทั้งสองครั้ง โดยแพ้ บิลลี่ ฮอร์เซล ในปี 2021 และมาชนะ เควิน คิสเนอร์ เมื่อปีที่แล้ว การคว้าชัยของเชฟเฟลอร์ในปี 2022 ทำให้เขาขยับขึ้นครองมือ 1 โลกเป็นครั้งแรก มาในปีนี้เชฟเฟลอร์ ต้องดวลกับ ทอม คิม มืออันดับ 17, อเล็กซ์ นอเรน มืออันดับ 38 และเดวิส ไรลีย์ มืออันดับ 54 ในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก
ด้านจอน ราห์ม มือวางอันดับ 2 ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม 3 ครั้ง จากการลงเล่น 5 ครั้ง รวมถึงการผ่านเข้าชิงชนะเลิศในการประเดิมสนามออสติน คันทรีคลับ ปี 2017 และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2021 และรอบ 16 คนสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ โปรกอล์ฟชื่อดังจากสเปน อยู่ร่วมกลุ่มกับ บิลลี่ ฮอร์เซล มืออันดับ 22 ดีกรีแชมป์ปี 2021 คีธ มิตเชล์ มืออันดับ 39 และริกกี้ ฟาวเลอร์ มืออันดับ 49 ที่กลับมาลงแข่งรายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016
ขณะที่ รอรี่ แม็คอิลรอย มือวางอันดับ 3 กลับมาร่วมชิงชัยที่ออสติน คันทรีคลับ เป็นครั้งแรกในรอบสองปี นับตั้งแต่ปี 2021และเป็นการลงเล่นครั้งที่ 6 ของโปรกอล์ฟจากไอร์แลนด์ โดยได้อันดับ 4 เมื่อปี 2016 แต่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มเพียงครั้งเดียวจากสี่ครั้งนับตั้งแต่ปี 2019 ในการแข่งขันปีนี้ แม็คอิลรอย อยู่กลุ่มเดียวกับ คีแกน แบรดลีย์ มืออันดับ 20 แดนนี่ แม็คคาร์ธี อันดับ 48 และสกอตต์ สตอลลิงส์ อันดับ 52
ส่วน จอร์แดน สปีธ อดีตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส มือวางอันดับ 12 ร่วมแข่งขันรายการเดล เทคโนโลยีส์ แมตช์เพลย์ เป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ หลังจากเพิ่งคว้าอันดับ 3 ร่วมในการแข่งขันศึกวัลสปาร์ แชมเปี้ยนชิพ สปีธชนะในรอบแบ่งกลุ่มปี 2016 และ 2021 แต่ไม่เคยผ่านเข้ารอบไปกว่ารอบ 16 คนสุดท้ายได้เลย โดยคราวนี้ร่วมกลุ่มกับ เชน ลอว์รี มือวางอันดับ 21 เทย์เลอ์ มอนโกเมอรี่ มืออันดับ 47 และแม็คเคนซี ฮิวจส์ มือ 50)
สำหรับผลการแบ่งกลุ่ม ในการแข่งขันดับเบิลยูจีซี-เดล เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ 2023 มีดังนี้:
กลุ่ม 1
- สกอตตี เชฟเฟลอร์ (1)
- ทอม คิม (17)
- อเล็กซ์ นอเรน (38)
- เดวิด ไรลีย์ (54)
กลุ่ม 2
- จอน ราห์ม (2)
- บิลลี่ ฮอร์เชล (22)
- คีธ มิตเชลล์ (39)
- ริกกี้ ฟาวเลอร์ (49)
กลุ่ม 3
- รอรี่ แม็คอิลรอย (3)
- คีแกน แบรดลีย์ (20)
- เดนนี่ แม็คคาร์ธี (48)
- สอตต์ สตอลลิงส์ (52)
กลุ่ม 4
- แพตทริก แคนต์เลย์ (4)
- ไบรอัน ฮาร์แมน (25)
- เค.เอช. ลี (35)
- นิค เทย์เลอร์ (55)
กลุ่ม 5
- แม็กซ์ โฮมา (5)
- ฮิเดกิ มัตซึยาม่า (18)
- เควิน คิสเนอร์ (42)
- จัสติน ซูห์ (63)
กลุ่ม 6
- ซานเดอร์ ชาฟเฟเล (6)
- ทอม โฮจ (23)
- อารอน ไวส์ (40)
- แคม เดวิส (64)
กลุ่ม 7
- วิล ซาลาตาริส (7)
- ไรอัน ฟ็อกซ์ (29)
- แฮร์ริส อิงลิช (37)
- แอนดรูว์ พัตแนม (56)
กลุ่ม 8
- วิคเตอร์ โฮฟแลนด์ (

- คริส เคิร์ก (28)
- ซิ วู คิม (34)
- แมตต์ คูชาร์ (59)
กลุ่ม 9
- โคลิน โมริกาวา (9)
- เจสัน เดย์ (32)
- อดัม สเวนส์สัน (44)
- วิคเตอร์ เปเรซ (51)
กลุ่ม 10
- โทนี่ ฟิเนา (10)
- เคิร์ต คิตายามา (19)
- เอเดรียน เมรองค์ (45)
- คริสเตียน เบซุยเดนเฮาท์ (60)
กลุ่ม 11
- แมตต์ ฟิตซ์แพทริก (11)
- ซาฮิธ ธีกาลา (26)
- ลี มิน วู (41)
- เจ.เจ. สปอน (61)
กลุ่ม 12
- จอร์แดน สปีธ (12)
- เชน ลอว์รี่ (21)
- เทย์เลอร์ มอนโกเมอรี่ (47)
- แม็คเคนซี ฮิวจ์ส (50)
กลุ่ม 13
- แซม เบิร์นส์ (13)
- ซีมุส พาวเวอร์ (30)
- อดัม สกอตต์ (33)
- อดัม แฮดวิน (53)
กลุ่ม 14
- ไทร์เรลล์ ฮัตตัน (14)
- รัสเซลล์ เฮนลีย์ (31)
- ลูคัส เฮอร์เบิร์ต (46)
- เบน กริฟฟิน (62)
กลุ่ม 15
- คาเมรอน ยัง (15)
- เซปป์ สตราก้า (27)
- คอรีย์ คอร์นเนอร์ส (36)
- เดวิส ธอมป์สัน (57)
กลุ่ม 16
- อิม ซองแจ (16)
- ทอมมี่ ฟลีตวู้ด (24)
- เจ.ที. พอสตั้น (43)
- มาเวอริก แม็คนีลีย์ (58)
4
Sport News & Motor Sport / “เอเชียน ทัวร์” ข้ามผ่านวิกฤต สู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
« on: Today at 01:46:56 AM »“เอเชียน ทัวร์” ข้ามผ่านวิกฤต สู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
21 มีนาคม 2566 – จากสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ทุกองค์กรทั่วโลก รวมทั้งแวดวงกีฬา เช่นเดียวกับเอเชียน ทัวร์ องค์กรผู้ดูแลการจัดการแข่งขันกอล์ฟอาชีพชายในเอเชียและภูมิภาคอื่นที่ร่วมมือกัน ล้วนได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เอเชียน ทัวร์ สามารถข้ามผ่านวิกฤตนั้นมาได้ และกำลังก้าวไปในทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เอเชียน ทัวร์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของ โช มินน์ ตันห์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเรือใหญ่ที่นำทัวร์ก้าวผ่านวิกฤตไปได้อย่างน่าทึ่ง และได้พันธมิตรจากกลุ่มทุนซาอุดิอาระเบีย รวมทั้งลิฟ กอล์ฟ ผนึกกำลังฝ่าวิกฤตนั้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
โช มินน์ ตันห์ เผยว่า "ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเราประสบปัญหาเรื่องสปอนเซอร์ทำให้รายการแข่งขันของเราลดน้อยลง และยังมาประสบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เข้ามาอีก ทำให้การจัดการแข่งขันอยู่ในแวดวงจำกัดเพียงแค่บางประเทศ แต่หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเราก็กลับมาแข่งขันได้ตามปกติ และเราโชคดีที่เราได้พันธมิตรจากทางกอล์ฟซาอุดีและกลุ่มทุนทางซาอุดิอาระเบียผ่านทางลิฟกอล์ฟที่เข้ามาสนับสนุนเรา ทำให้กลับมามีรายการแข่งขันและมีเงินรางวัลเพิ่มมากขึ้น"
ประธานบริหารเอเชียน ทัวร์ ยังกล่าวถึงการแข่งขันรายการใหญ่ที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ อินเตอร์ เนชันแนล ซีรีส์ ทำให้เอเชียน ทัวร์ ก้าวไปอีกระดับว่า "แน่นอนการที่เราได้จัดการแข่งขันอินเตอร์ เนชันแนล ซีรีส์ ขึ้นมาทำให้นักกอล์ฟสมาชิกของเอเชียน ทัวร์ ได้แข่งขันกับนักกอล์ฟระดับชั้นนำจากทวีปต่างๆ และได้ไปจัดการแข่งขันในทวีปอื่นอย่างในอังกฤษ โดยปีที่แล้วเรามี 6 รายการ เริ่มต้นที่ประเทศไทยเป็นรายการแรก และปิดท้ายในทวีปแอฟริกาที่โมร็อกโกและอิยิปต์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เอเชียน ทัวร์ แข่งขันในแอฟริกาเหนือ รวมถึงแต่ละรายการก็มีเงินรางวัลไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ”
โช มินน์ ตันห์ กล่าวอีกว่า "สำหรับปีนี้เราได้ประกาศการแข่งขันไปแล้ว 5 รายการ และเป็นครั้งแรกที่อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ แข่งขันในตะวันออกกลางที่โอมานและกาตาร์ ก่อนมาแข่งขันในประเทศไทย และเรายังมีโปรแกรมไปแข่งขันที่เวียดนาม และกลับไปแข่งขันที่อังกฤษอีกครั้ง ส่วนที่เหลือเราจะประกาศโปรแกรมเอเชียน ทัวร์ ช่วงฤดูกาลครึ่งหลังให้ทราบอีกครั้ง และยังมีโปรแกรมของเอเชียน ทัวร์ ในประเทศไทยที่จะประกาศอีกด้วย และที่สำคัญนักกอล์ฟในเอเชียน ทัวร์ ของเรา เมื่อมีอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ทำให้พวกเขามีโอกาสได้ต่อสู้ในการทำอันดับเพื่อให้ได้สิทธิ์ไปแข่งขัน ลิฟ กอล์ฟอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันนักกอล์ฟที่ครองอันดับหนึ่งของตารางเงินรางวัลรวมหรือ ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต ในรายการ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ จะได้สิทธิ์ไปแข่งขันรายการ ลิฟ กอล์ฟ และในอนาคตอาจมีเพิ่มมากขึ้นก็ได้""
ประธานบริหารเอเชียน ทัวร์ ยังกล่าวถึงการเติบโตของทัวร์ในขณะนี้ว่า "หลังจากที่เราได้จัดการแข่งขันรายการ อินเตอร์ เนชันแนล ซีรีส์ ทำให้นักกอล์ฟชั้นนำของเอเชียน ทัวร์ ที่ไปแข่งขันในทัวร์ใหญ่หลายคนกลับมาแข่งขันในทัวร์เรามากขึ้น เอเชียน ทัวร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของนักกอล์ฟที่จะก้าวไปในทัวร์ใหญ่อย่างพีจีเอ ทัวร์ ไม่ว่าจะเป็น กิรเดช อภิบาลรัตน์, อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ หรือแม้แต่นักกอล์ฟคนล่าสุดอย่าง คิม จูฮยอง (ทอม คิม) จากเกาหลีใต้ก็สามารถคว้าแชมป์ในพีจีเอ ทัวร์ มาได้"
ประธานเอเชียน ทัวร์ ยังได้กล่าวถึงนักกอล์ฟในเอเชียน ทัวร์ ว่า "ปัจจุบันมีการพัฒนาการก้าวไปข้างหน้าเพิ่มมากขึ้นโดยกลุ่มนักกอล์ฟรุ่นใหม่ๆ แม้ว่าทัวร์ของเราจะเป็นทัวร์มีสมาชิกหลากหลายและมีจำนวนนักกอล์ฟไทยมากที่สุด รองลงมาคืออินเดียและเกาหลีใต้ หากจะให้มองย้อนกลับไปในอดีตแล้วปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนพัฒนาศักยภาพนักกอล์ฟมากกว่าเดิม"
เป้าหมายของเอเชียน ทัวร์ ในอนาคตนั้นคือการเตรียมจะเข้าไปเปิดตลาดในเอเชียกลางโดย โช มินน์ ตันห์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "หลังจากเราไปจัดการแข่งขันในยุโรป แอฟริกา และไปแอฟริกาเหนือ รวมถึงตะวันออกลาง เพื่อจัดการแข่งขันอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ครั้งแรก เป้าหมายต่อไปของเราคือการก้าวไปยังเอเชียกลาง เพราะประเทศแถบนี้ไม่เคยมีการจัดการแข่งขันกอล์ฟทัวร์อาชีพรายการสำคัญมาก่อน"
สำหรับเอเชียน ทัวร์ ฤดูกาล 2023 ได้ประกาศโปรแกรมช่วงแรกออกมารวม 11 รายการ เริ่มต้นรายการแรกที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีเงินรางวัลรวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอเชียน ทัวร์ (ยกเว้นรายการร่วมกับพีจีเอ ทัวร์) ทั้งนี้ทางเอเชียน ทัวร์ จะประกาศโปรแกรมการแข่งขันครึ่งฤดูกาลหลังออกมาอีกครั้งในโอกาสต่อไป
ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์ www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
5
นวัตกรรมยานยนต์ - รถยนต์ - มอเตอร์ไซต์ - อุปกรณ์เสริม / สมาคมรถโบราณ พาเหรดรถโบราณ ร่วมพิธีเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36
« on: Today at 01:19:57 AM »สมาคมรถโบราณ พาเหรดรถโบราณ
ร่วมพิธีเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36
ร่วมพิธีเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานเปิดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร ครั้งที่ 36 ประจำปี 2566 ภายใต้ชื่องาน “เยือนถิ่นเมืองพริบพรี สดุดีจอมราชัน แดนสร้างสรรค์อาหารไทย” โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย และกรรมการฯ จัดขบวนพาเหรดรถโบราณ และรถคลาสสิค เข้าร่วมงาน ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2566
6
การเงิน ธนาคาร ประกันภัย / “กรุงศรี ออโต้” หวังครองใจ Fansumer ด้วยโซลูชันเพื่ออนาคต
« on: Today at 12:31:23 AM »“กรุงศรี ออโต้” หวังครองใจ Fansumer ด้วยโซลูชันเพื่ออนาคต
ชู 3 กลยุทธ์สร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น
ชู 3 กลยุทธ์สร้างสรรค์ชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้น
กรุงเทพฯ, 22 มีนาคม 2566 – “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ชูโซลูชันเพื่ออนาคต ตอบสนองชีวิตผู้ใช้รถให้ดีขึ้นในทุกวัน อันได้แก่ สร้างฐาน Fansumer (Building Fansumer) เปิดโอกาสใหม่ด้วย AI (Winning with AI Technology) และนำเสนอบริการครบ จบ บนแพลตฟอร์มเดียว (DIY Service) ตอกย้ำแบรนด์สินเชื่อยานยนต์ เพื่อทุกชีวิตผู้ใช้รถในประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยยอดสินเชื่อใหม่มูลค่า 192,000 ล้านบาท เติบโต 5% ครองอันดับหนึ่งในตลาดสินเชื่อยานยนต์อย่างแข็งแกร่ง
นายคงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดสินเชื่อยานยนต์ในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเราคาดว่ามูลค่ายอดสินเชื่อยานยนต์ใหม่ในตลาดรวม จะอยู่ที่ 527,000 ล้านบาท ตลอดจนเล็งเห็นถึงความสำคัญของ 2 เทรนด์ผู้บริโภคที่น่าสนใจ คือ วัฒนธรรมการบริโภคแบบใหม่ที่เน้นประสบการณ์มากกว่าเน้นการขาย (Experience Economy) และ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากขึ้น (New Generation of Digital Consumers) อย่างไรก็ดี ท่ามกลางเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปนี้ กรุงศรี ออโต้ ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันเพื่ออนาคต ตอบรับกับเทรนด์ใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเป้าหมายในการสร้างสรรค์ชีวิตของผู้ใช้รถให้ดียิ่งขึ้นในทุกวัน”
ในปี 2566 กรุงศรี ออโต้ จะขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ พร้อมสร้างสรรค์โซลูชันเพื่ออนาคต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก อันได้แก่ การสร้างฐาน Fansumer (Building Fansumer) ผ่านแพลตฟอร์มหลักอย่าง GO by Krungsri Auto ที่สามารถตอบสนองชีวิตผู้ใช้รถได้ในหลากหลายมิติ ด้วย 2 ฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่าง GO Auto Station พร้อมมอบดีลที่ถูกใจและข้อเสนอด้านการเงินที่ดีที่สุดตามรายบุคคลได้ในทันที และ Auto Club แหล่งรวมคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้รถ ต่อยอดจากอินไซต์จริงเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้รถ ตลอดจนการผนึกพันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านการเชื่อมต่อนวัตกรรม PromptStart Ready อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจซื้อรถ สามารถเลือกรถที่ใช่ ในเวลาที่ชอบ ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรุงศรี ออโต้ ยังพร้อมเปิดโอกาสใหม่ด้วย AI (Winning with AI Technology) ด้วยฐานข้อมูลลูกค้าในเครือกรุงศรี และกลยุทธ์ One Retail ที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับเทคโนโลยี AI ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ พร้อมต่อยอดสู่การมอบโซลูชันที่เฉพาะเจาะจงและตรงใจมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น กรุงศรี ออโต้ ยังได้นำ AI มาช่วยสร้างคุณค่าใหม่ให้กับพันธมิตรดีลเลอร์ จากการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจเซกเมนต์ลูกค้า ช่วยส่งต่อความต้องการของลูกค้าที่ตรงกับพันธมิตรดีลเลอร์ และส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนคุณค่า (Value Exchange) อย่างยั่งยืน
ด้วยพฤติกรรมของผู้ใช้รถเจนใหม่ที่ใช้ดิจิทัลเป็นหลัก กรุงศรี ออโต้ จึงมุ่งเน้นในการนำเสนอบริการครบ จบ บนแพลตฟอร์มเดียว (DIY Service) ผ่านการพัฒนาฟีเจอร์และบริการแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้รถสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว ในทุกที่ ทุกเวลา โดยมีแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto และ LINE Official Account เป็น 2 แพลตฟอร์มหลักในการส่งมอบ DIY Service ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง iPartner ที่ผสานการทำงานกับดีลเลอร์หลายพันรายทั่วประเทศได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันเพื่ออนาคตที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและคู่ค้า เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ กรุงศรี ออโต้ เชื่อมั่นว่า ในปี 2566 เราจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ด้วยยอดสินเชื่อคงค้างรวมมูลค่า 426,000 ล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนขยายอีโคซิสเต็มยานยนต์ (Auto Ecosystem) ในทุกๆ มิติได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายคงสิน กล่าวปิดท้าย
###
ประสบการณ์ใหม่กับ กรุงศรี ออโต้
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ได้แก่ สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ ฟอร์ แคช” สินเชื่อรถบ้าน ”กรุงศรี รถบ้าน” สินเชื่อรถใหม่ “กรุงศรี นิว คาร์” สินเชื่อรถเต็นท์ “กรุงศรี ยูสด์ คาร์” สินเชื่อรถบรรทุกใหม่ “กรุงศรี ทรัค” ซึ่งให้บริการโดยกลุ่มงานธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สินเชื่อรถจักรยานยนต์ “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ “กรุงศรี บิ๊ก ไบค์” สินเชื่อบิ๊ก ไบค์ มือสอง “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์มือสอง (ซื้อจากเจ้าของ)” สินเชื่อเพื่อคนมีรถ “คาร์ ฟอร์ แคช มอเตอร์ไซค์” สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ “กรุงศรี อินเวนทอรี่ ไฟแนนซ์” รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัย “กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์” ซึ่งให้บริการโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการสินเชื่อของกรุงศรี ออโต้ พร้อมรับคำปรึกษาทั้งเรื่องรถและเรื่องเงิน ช่วยให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่าย ผ่านสาขากรุงศรี ออโต้ 52 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ หรือติดต่อ "กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์" โทร 02-740-7400 กด 1 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.krungsriauto.com หรือ www.facebook.com/krungsriauto
7
news & activity / ซุบซิบ: คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง จัดโชว์เคสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
« on: Today at 12:15:26 AM »คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง จัดโชว์เคสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
คุณเอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง ควงลูกชายสุดหล่อ น้องอาร์ม-คริษฐ์ อึง ไปร่วมงาน HELLO! Experience with CINQ ROYAL Krungthep Kreetha by Asset Five, “The Luxury Affair” เรียกว่าเป็นปลื้มสุด ๆ เพราะได้รับเกียรติให้ เมซอง แบร์เช่ ปารีส จัดโชว์เคสสานจินตนาการตกแต่งบ้าน ทั้งชุดตะเกียงน้ำหอม ก้านกระจายความหอม และ เทียนหอม เป็นที่ประทับใจทั้งผู้บริหารเจ้าของโครงการและลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชม เตรียมรับออเดอร์รัว ๆ ค่ะ
8
news & activity / เครื่องดื่มนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ รับโล่เกียรติคุณจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
« on: Today at 12:06:27 AM »เครื่องดื่มนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ รับโล่เกียรติคุณจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ (วว.)
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เป็นประธานในงาน “TISTR and Friends 2023” มอบโล่เกียรติคุณให้กับ ณฤพล นภาสกุลคู กรรมการบริหารบริษัทแมสคอท ฟู๊ดส์ แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มนมแพะมีญ่า มิลค์ โกท มิลค์ (MIA’Milk Goat Milk) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีการวิจัยอย่างต่อเนื่องทั้งกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยและสะอาด ซึ่งอยู่ในนวัตกรรมการผลิตของ วว.โดยมี ศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และ นิธิวดี สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายประสานเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs และส่งเสริมนโยบายภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ให้เกียรติร่วมงาน ณ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
9
news & activity / ไอ.พี. วัน รุกต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน “ความยั่งยืน” จับมือ เดอะมอลล์
« on: March 22, 2023, 10:26:18 PM »ไอ.พี. วัน รุกต่อเนื่อง ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน “ความยั่งยืน” จับมือ เดอะมอลล์ กรุ๊ป
ขยายตู้ Hygiene Refill Station ลดปัญหาขยะพลาสติก สนับสนุนแนวคิด Zero Waste
ขยายตู้ Hygiene Refill Station ลดปัญหาขยะพลาสติก สนับสนุนแนวคิด Zero Waste
กว่า 2 ปี กับความสำเร็จของ “Hygiene Refill Station – ตู้รีฟิลผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไฮยีน” โปรเจคยักษ์ใหญ่รักษ์โลก ลดปัญหาขยะพลาสติกจากแบรนด์ “ไฮยีน” ภายใต้การบริหารงานของ ไอ.พี.วัน (I.P. ONE) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสัญชาติไทย ที่สร้างความท้าทายครั้งสำคัญ จุดเริ่มต้นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ซ้ำ (Reuse) เพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ร่วมสนับสนุนแนวคิด Zero Waste ลดขยะจากผลิตภัณฑ์ให้เป็นศูนย์
นายชยนต์ เจตน์จิราวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มงานกลยุทธ์และกลุ่มงานคอมเมอร์เชียล บริษัท ไอ.พี. วัน จำกัด กล่าวว่า ปัญหาขยะพลาสติกถือเป็นปัญหาใหญ่ของโลกสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ โดยในปี 2563 วารสาร Science Advances ได้ระบุว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนขยะพลาสติกในขยะทั่วไปมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในแต่ละปีประเทศไทยสร้างขยะพลาสติกเฉลี่ยปีละกว่า 4 ล้านตัน อันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ ซึ่ง ไอ.พี. วัน ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ภายใต้แบรนด์ยอดนิยม ไฮยีน วิกซอล วิซ ไอวี่ แดนซ์ และ โฟกัส นั้นได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร จึงได้กำหนดเรื่องการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนมาเป็นยุทธ์ศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจมาตลอด 50 ปี
จากการตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมและปัญหาขยะในประเทศที่เกิดขึ้น จึงได้เดินหน้าโปรเจค So in Green สร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมรักษ์โลก อย่าง "Hygiene Refill Station- ตู้รีฟิลผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไฮยีน" ซึ่งได้ติดตั้งและเปิดให้บริการในพื้นที่สาธารณะเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันมีจุดให้บริการจำนวน 14 ตู้ เพื่อการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น
ล่าสุด ไอ.พี. วัน เดินหน้านโยบายความยั่งยืน ผนึกความร่วมมือต่อเนื่องกับ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดจุดให้บริการเพิ่มเติมณ กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขา เอ็ม ไลฟ์สโตร์ ท่าพระ โดยบริษัทฯ มีแผนจะขยายจุดให้บริการครอบคลุมจังหวัดชั้นนำในภูมิภาคต่างๆ ตั้งเป้าหมายให้มีผู้มาใช้ทั้ง 14 จุดให้บริการราว 200 ล้านมิลลิลิตร ซึ่งสามารถทำให้ขยะพลาสติกหายไปจากระบบได้ไม่ต่ำกว่า 450,000 ชิ้น และจำนวนดังกล่าวยังมีส่วนช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้มากถึง 24,000 กิโลกรัม เพื่อส่งเสริมแนวคิด Zero Waste ร่วมผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านพฤติกรรมของผู้บริโภค ลดปริมาณขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในด้านการจัดการขยะของประเทศ ปี 2565 - 2570 ที่มุ่งหวังจัดการขยะมูลและนำทรัพยากรกลับคืนจากของเสียให้มากที่สุด
ทางด้าน นางสาวพลอยชมพู อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า "เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกจิตสำนึกให้ผู้บริโภคได้ตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาขยะพลาสติก ซึ่ง Hygiene Refill Station ถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่สอดรับกับนโยบายของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ในฐานะ GREEN RETAIL ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน และได้ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากแคมเปญต่าง ๆ ที่ทางเดอะมอลล์จัดขึ้นล้วนแล้วแต่มุ่งหวังให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดใช้ถุงพลาสติก อย่างเช่น โครงการ THE MALL GROUP GO GREEN ; GREEN EVERYDAY ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนด้วยการรณรงค์ให้ผู้บริโภคงดรับถุงพลาสติกและนำถุงผ้ามาช้อปปิ้งแทน”
ในความร่วมมือในครั้งนี้ ไอ.พี. วัน และบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคที่มาใช้บริการและถือเป็นการเดินหน้าสานต่อเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของทั้งสององค์กร ในการร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการลดปริมาณขยะพลาสติกที่เป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน”
10
ข่าวบันเทิง / ฮาจนน้ำตาเล็ด “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค”กับ 2 คาแรคเตอร์ต่างขั้ว ของตัวแม่ซุปตาร์
« on: March 22, 2023, 10:14:38 PM »ฮาจนน้ำตาเล็ด “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค”กับ 2 คาแรคเตอร์ต่างขั้ว
ของตัวแม่ซุปตาร์ “ชมพู่ อารยา” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
ของตัวแม่ซุปตาร์ “ชมพู่ อารยา” ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24
วันเสาร์นี้ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 เตรียมฉายความสนุกกับภาพยนตร์คอมเมอดี้ “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค” ซึ่งได้นักแสดงสาวสวย“ชมพู อารยา เอฮาร์เก็ต”มารับบทบาท 2 คาแรคเตอร์ต่างขั้วอย่าง 'เคที่' ซุปตาร์ตัวท็อปแห่งวงการบันเทิง และ ‘เจ๊น้ำ’ แม่ค้าขายอาหารปากแซ่บ พร้อมเหล่า 3 ตุ๊ดตัวจี๊ด เพชร เผ่าเพชร เจริญสุข ที่มาในบท กัส, ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม ในบท กอล์ฟ, เต๋อ รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ในบท คิม และ พีค ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ กับบทบาท แนตตี้ จะมาร่วมสร้างปฏิบัติการลวงโลกสุดฮาที่มีเงินเดิมพันสูงถึง 50 ล้านบาท
เริ่มจากความซวยของ กอล์ฟ (ธงชัย ทองกันทม) ตุ๊ดร่างยักษ์ ดันเป็นต้นเหตุให้ เคที่ (ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต) ดาราดังลื่นล้มหัวฟาดพื้นจนอาการโคม่า และดูเหมือนว่าจะหมดโอกาสฟื้นขึ้นมาถ่ายโฆษณาที่เธอรับเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ได้ ทำให้กอล์ฟจะต้องจ่ายค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท จนกอล์ฟได้มาเจอกับ เจ๊น้ำ (ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต) แม่ค้าขายอาหารปากตลาดที่ทำศัลยกรรมมาจนหน้าเหมือนเคที่เป๊ะเว่อร์ ก็เปรียบเหมือนสวรรค์ส่งคนมาโปรด เจ๊น้ำเป็นความหวังเดียวที่จะมาถ่ายโฆษณาแทนเคที่ได้ แต่อุปสรรคมันติดตรงกิริยาสุดห่ามของเจ้น้ำ แก๊งตุ๊ดซี่ส์จึงแท็คทีมรวมตัวช่วยกอล์ฟกับปฏิบัติการสุดเฟคปลอมเจ๊น้ำให้กลายเป็นซุปตาร์ตัวแม่ เรื่องราวจะวายป่วงขนาดไหน และใครจะจับโป๊ะของพวกหล่อนได้หรือไม่ไปติดตามชมความบันเทิงสุดฮากับภาพยนตร์ “ตุ๊ดซี่ แอนด์ เดอะเฟค” ได้ในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคมนี้ เวลา 18.40 น. ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทาง https://true4u.com/live
11
news & activity / ‘Festilia’ น้ำผลไม้สกัดเย็นจากอิตาลี เปิดตัวรุกตลาดเครื่องดื่มพรีเมี่ยมเมืองไทย
« on: March 22, 2023, 09:53:41 PM »แอนโตนิโอ บริกูโย่ ประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูนิซิตรัส ไอโซลาคอร์ป จำกัด เตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่ชาวไทยด้วยน้ำผลไม้สกัดเย็นจากอิตาลีภายใต้แบรนด์ ‘Festilia’ ส่งต่อความสดชื่นด้วยนวัตกรรมการสกัดที่ทันสมัยตลอด 100 ปี เพื่อให้ได้ลิ้มรสน้ำผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์จากผลไม้ที่คัดสรรอย่างดีจากสวนบนเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ปราศจากน้ำตาลและสารกันบูด พร้อมเติมเต็มความสดชื่นให้วันของคุณสุดเฟรช
ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการตลาดหลักในประเทศอิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเตรียมเดินหน้ารุกตลาดสู่ตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเลือกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเพื่อสร้างฮับการเติบโตในภูมิภาคนี้ โดยจะแถลงข่าวเปิดตัว Festilia น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพพร้อมกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2023 ในวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566 ตั้งแต่ 17.00 – 19.30 น. ณ ร้านอาหาร Acqua Restaurant Bangkok ซอยสมคิด ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ
12
โครงการบ้าน คอนโด / “อยู่เจริญเอสเตทส” ลุยโปรเจคต์ที่อยู่อาศัยแนวราบ พัฒนาบ้านแฝด ทาวน์โฮม
« on: March 22, 2023, 08:11:00 PM »“อยู่เจริญเอสเตทส” คิกออฟบ้านแฝดและทาวน์โฮมหรู รับศักราชใหม่ ทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดตัวโครงการ “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” (Baan U Charoen EastVille) ชูจุดเด่นแรงบันดาลใจการใช้ชีวิตในย่านหรูของมหานครนิวยอร์ก บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ย่านลาดพร้าว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนเพียง 28 ยูนิตเท่านั้น พร้อมดึง “ควอตโตร ดีไซน์” ดูแลการคัดสรรและออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน
ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อยู่เจริญเอสเตทส จํากัด เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว เครื่องยนต์ขับเคลื่อน การเจริญเติบโตของจีดีพี ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน ถือเป็นแรงส่งให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีทิศทางกาขยายตัวที่ดีขึ้น ประกอบกับโครงการที่อยู่อาศัย เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คน ทำให้ความต้องการหรือดีมานด์ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทได้เปิดตัวโครงการ บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ (Baan U Charoen EastVille) ด้วยมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 4 ไร่ ย่านลาดพร้าว ภายในโครงการประกอบด้วย บ้านแฝดกับพื้นที่ 431 ตร.ม และ ทาวน์โฮมบนพื้นที่ 437 ตร.ม โดยจำนวนทั้งสิ้น 28 ยูนิต กับราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
จุดเด่นของโครงการบ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ คือ ทำเลที่ตั้งโดดเด่น อยู่ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพียง 300 เมตร การเดินทางคมนาคมมีความสะดวก สามารถเข้าสู่ถนนหลักและทางด่วนได้ง่าย
ส่วนไฮไลท์ของโครงการ ได้นำแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตของผู้คนในในย่านสุดหรูของมหานครนิวยอร์ก อย่างย่าน Upper Eastside เช่น Madison, Lexington และ Park Avenue มาตอบโจทย์ผู้บริโภค ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบการท่องเที่ยว และงานศิลปะ ด้านการออกแบบบ้านแฝดและทาวน์โฮม สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ตรงตามต้องการ หรือแม้แต่การจัดเป็นโฮมออฟฟิศก็สามารถจัดทำได้เช่นกัน และยังคงความเป็นส่วนตัว สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้ การคัดสรรและออกแบบเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายใน ยังได้ผู้คร่ำหวอดในวงการออกแบบอย่าง พราวพรรณ เลาหพงศ์ชนะ ผู้ก่อตั้ง กรรมการผู้จัดการ ผู้อำนวยการการออกแบบและสร้างสรรค์ บริษัท ควอตโตร ดีไซน์ จำกัด จะมาเล่าถึงไอเดียในการร่วมงานครั้งนี้ ว่า “ด้วยแนวคิดการออกแบบของ Quattro Design ที่คัดสรรและผลิตเฟอร์นิเจอร์ผ่านการผสาน “เซนส์” (senses) ต่าง ๆ ทั้ง รูป สัมผัส ความรู้สึก และฟังก์ชัน ให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลายของแต่ละคน ผ่านประสบการณ์และมุมมองของดีไซเนอร์”
“สำหรับโครงการนี้เน้นการสร้างความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละห้อง ผ่านเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกสรรมาทั้ง สไตล์ ฟอร์ม สีสัน สัมผัส ที่จะทำให้แต่ละห้องของบ้านมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาโดยเฉพาะ”
ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ครบครันด้วยพื้นที่ส่วนกลางทั้ง คลับเฮ้าส์ ห้องประชุม พื้นที่สำหรับสันทนาการและพักผ่อน สถานที่ออกกำลังกายในร่ม พื้นที่ออกกำลังกายภายนอก และสระว่ายน้ำระบบเกลือ เป็นต้น
สำหรับแนวทางด้านการตลาดโครงการ บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ พร้อมรุกเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ผ่านการสร้างสรรค์อย่างมีระดับ เช่น บิลบอร์ด คอนเทนท์ผ่านวิดีโอ รวมถึงการใช้ผู้ทรงอิทธิพลในวงการต่าง ๆ อินฟลูเอ็นเซอร์ หรือเซเลบริตี้ อย่าง พราวพรรณ ในฐานะนักออกแบบผู้มีชื่อเสียงและร่วมดูแลในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาตกแต่งบ้านในโครงการดังกล่าว จะช่วยสร้างการรับรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
รวมทั้งได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง ซีบีอาร์อี (CBRE) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ร่วมเป็นตัวแทนบริหารการขายโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นการขาย บริษัทยังมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ต้อนรับการเปิดโครงการ โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 5 ล้านบาท* พร้อมสิ่งน่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ที่ Sales Gallery โครงการ “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” ถนนนาคนิวาส ซอย 6 และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.ucharoenestate.com หรือโทร 087-665-6665 รวมทั้งช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
Line OA : @ucharoenestate หรือสแกน QR Code
Facebook : U Charoen Estate
IG : U Charoen estate
Youtube : U Charoen estate
TikTok : U Charoen estate
Blockdit : U Charoen estate
Linkedin : U Charoen estate
13
news & activity / 5 คนดังคุณภาพตบเท้าเสริมทัพนมแม่ : บุ๋ม ปนัดดา -วิกกี้ สุนิสา - ตุ๊ก ชนกวนัน -
« on: March 22, 2023, 08:05:40 PM »5 คนดังคุณภาพตบเท้าเสริมทัพนมแม่ : บุ๋ม ปนัดดา -วิกกี้ สุนิสา - ตุ๊ก ชนกวนัน -โน้ต ณัฐกานต์และลิซ่า อาลิซาเบธ เข้ารับโล่เชิดชูเกียรติ
“มารดาผู้เกื้อกูลสังคมนมแม่” ปี2023 จาก มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ลอร่า ศศิธร ปลื้มทีมเติบโต ตระหนักน้ำนมแม่แน่แท้ ก้าวสำคัญคุณภาพชีวิตลูกน้อย
“มารดาผู้เกื้อกูลสังคมนมแม่” ปี2023 จาก มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ลอร่า ศศิธร ปลื้มทีมเติบโต ตระหนักน้ำนมแม่แน่แท้ ก้าวสำคัญคุณภาพชีวิตลูกน้อย
กรุงเทพมหานคร : นางลอร่า ศศิธร วัฒนกุล พิธีกรมากความสามารถ นักธุรกิจ และเจ้าของIG และช่องยูทูป Laura Sasitorn พร้อมกับตำแหน่ง รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติ ครั้งที่8 เปิดเผยว่า “ การจัดประชุมวิชาการนมแม่ แห่งชาติครั้งที่ 8 ประจำปี 2023 ภายใต้ชื่อ “เสริมพลัง สร้างความรู้ สู่วิถีนมแม่อย่างยั่งยืน Step up Breastfeeding , Educate , Support and Sustain ” เกิดจากการจับมือระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข และ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายที่เล็งเห็นความสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณแม่ ครอบครัว สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว ในช่วง 6 เดือนแรกโดยไม่มีการเสริมน้ำหรืออาหารอื่น เพื่อสร้างสังคมนมแม่ การจัดงานครั้งนี้หวังรณรงค์ให้แม่และครอบครัวตระหนักถึงความสำคัญ เกิดทัศนคติที่ดีในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นับเป็นรากฐานของชีวิตตั้งแต่ชั่วโมงแรกของเด็กให้ความมั่นคงทั้งทางร่างกาย และจิตใจ
ลอร่า กล่าวต่อไปว่า “ สำหรับ 5 คนดังได้รับมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูมารดาเพื่อสังคม ได้แก่ ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี , วิกกี้ สุนิสา หิรัญยัษฐิติ , เภสัชกรหญิงตุ๊ก ชนกวนัน รักชีพ , เภสัชกรหญิงโน้ต ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุล และ คุณลิซ่า อาลิซาเบธ แซ๊ดเลอร์ ลีลานุไชย ซึ่งคณะกรรมการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย คัดสรรเลือกเฟ้น 5 คุณแม่ต้นแบบที่ทำงานควบคู่การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ผสมใดใด ทุ่มเทแรงกายแรงใจ สตรองเพื่อลูกและครอบครัวน่าชื่นชมเหมาะสมอย่างมาก อีกทั้งวางตัวชัดเจนไม่รับงานสินค้านมผสมใดใด ดีใจที่ทั้ง 5 ท่านมาช่วยแชร์ประสบการณ์รวมไปถึงประโยชน์นมแม่ให้แก่คุณแม่รุ่นใหม่และประชาชนที่สนใจเป็นความรู้
ส่วนลอร่า กล่าวว่า “อย่างไรก็ตามในฐานะทำงานด้านจิตอาสามายาวนาน จึงต้องการขยายการรับรู้ให้แก่ประชาชนที่เตรียมตัวเป็นคุณแม่ ในยุคที่มีความรับผิดชอบหลากหลาย ดูแลหน้าที่การงาน จึงต้องการให้คุณแม่มือใหม่เริ่มศึกษาข้อมูลและเตรียมพร้อมตั้งแต่ระหว่างตั้งครรภ์ การให้น้ำนมลูกด้วยน้ำนมแท้แท้ไม่ผสมใดใดลงไปใน 6 เดือนแรก ทำให้ลูกเติบโตพร้อมคุณภาพชีวิตที่แข็งแรง
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อผ่านสังคมออนไลน์ FB : มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และ FB:นมแม่ อีกทั้งคลังข้อมูลคุณภาพเพื่อคุณแม่และครอบครัว ผ่าน Website : thaibf.com และ YouTube: มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และIG @ thaibreastfeedingcenter
14
news & activity / วช. ชป. และ วว. ร่วมคิดค้นนวัตกรรมกำจัดวัชพืชใต้น้ำและวัสดุคอมพอสิต
« on: March 22, 2023, 06:52:29 PM »วช. ชป. และ วว. ร่วมคิดค้นนวัตกรรมกำจัดวัชพืชใต้น้ำและวัสดุคอมพอสิต เพื่อประสิทธิภาพคลองส่งน้ำ เตรียมรับภัยแล้ง
วันที่ 22 มีนาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ คณะผู้ตรวจสอบทางวิชาการ นำโดย ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ประธานผู้ตรวจสอบทางวิชาการ กลุ่มเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ วช. พร้อมด้วย รศ. ดร.เกรียงศักดิ์ ศรีสุข ดร.สมชายใบม่วง นายธนา สุวัฑฒน และภารกิจการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยกลุ่มสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ และสื่อมวลชน ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาเครื่องมือการกำจัดวัชพืชใต้น้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ชลประทาน กรณีสาหร่ายหางกระรอก ดีปลีน้ำ สันตะวาใบพาย” โดยมี นายจิรวัฒน์ ภูภาณุธาดา กรมชลประทาน (ชป.) เป็นหัวหน้าโครงการฯ และโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาต้นแบบวัสดุคอมพอสิตสำเร็จรูป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำคลองชลประทาน” โดยมี นายเจต พาณิชภักดี สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ณ จังหวัดนครปฐม
ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ประธานผู้ตรวจสอบทางวิชาการ วช. กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. ได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมแก่กรมชลประทานในการดำเนินโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาเครื่องมือการกำจัดวัชพืชใต้น้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ชลประทาน กรณีสาหร่ายหางกระรอก ดีปลีน้ำ สันตะวาใบพาย” โดยมี นายจิรวัฒน์ ภูภาณุธาดา แห่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากำแพงแสน ชป. เป็นหัวหน้าโครงการฯ และโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาต้นแบบวัสดุคอมพอสิตสำเร็จรูป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำคลองชลประทาน” โดยมี นายเจต พาณิชภักดี นักวิจัยอาวุโส แห่งศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ วว. ซึ่งทั้งสองโครงการฯ มีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้การบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรผู้ใช้น้ำได้รับน้ำใช้ทำการเกษตรหรือใช้ในการอุปโภคบริโภคให้มีน้ำอย่างเพียงพอ ไม่ขาดแคลน และยังเป็นการปรับปรุงระบบการไหลของน้ำให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งการนำนวัตกรรมไปช่วยกำจัดวัชพืชใต้น้ำต่าง ๆ ที่ขวางทางน้ำ อาทิ สาหร่ายหางกระรอก ดีปลีน้ำ หรือสันตะวาใบพาย หรือการนำวัสดุคอมพอสิตมาช่วยในการลดการรั่วซึมของน้ำในคลอง ทำให้คลองส่งน้ำสามารถเก็บน้ำและส่งน้ำได้สะดวกและเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตก็จะมีการขยายผลโดยการนำองค์ความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดแก่เกษตรกรหรือผู้ใช้ประโยชน์ต่อไป
นายจิรวัฒน์ ภูภาณุธาดา แห่งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากำแพงแสน ชป. กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งและมีแนวโน้มของการขาดแคลนน้ำมากขึ้นในอนาคต ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับทุกภาคส่วน การจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทานในภาคการเกษตร รวมถึงการบริหารจัดการน้ำเป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญของกรมชลประทาน ในการพัฒนาเพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานของประเทศ การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้ระบบชลประทานที่ดี โครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาเครื่องมือการกำจัดวัชพืชใต้น้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ชลประทาน กรณีสาหร่ายหางกระรอก ดีปลีน้ำ สันตะวาใบพาย” โดย ชป. ได้รับการสนับสนุนจาก วช. ในการคิดค้นและพัฒนาเครื่องมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำ เนื่องจากการระบาดของวัชพืชในคลองเกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทางคณะผู้วิจัยจึงเกิดแนวคิดในการที่จะพัฒนารูปแบบการกำจัดวัชที่เหมาะสม สามารถลดการใช้งบประมาณ ทำงานได้รวดเร็ว ลดเงื่อนไขและข้อจำกัดในการดำเนินงาน ทางคณะผู้วิจัยต้นแบบเครื่องมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำในคลองชลประทาน หรือ Weed Rake โดยในระยะแรกได้ทำการพัฒนาชุดคราดวัชพืชใต้น้ำ ซึ่งผลการทดสอบปรากฏว่าการกำจัดวัชพืชใต้น้ำมีประสิทธิภาพการกำจัดวัชพืชใต้น้ำได้ร้อยละ 70 ขณะกำจัดวัชพืชใต้น้ำซี่ฟันของคราดจะกวนตะกอนดินขึ้นมาทำให้คลองสะอาดขึ้น ลดอัตราการเจริญเติบโตของเมล็ดวัชพืชใต้น้ำได้อีกด้วย ในระยะที่ 2 ได้พัฒนาเครื่องมือที่มีใช้ในงานชลประทานมาดัดแปลงและประกอบใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยในเบื้องต้นคณะผู้วิจัยได้พัฒนาต้นแบบเครื่องมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำในคลองชลประทาน (Weed Rake-I) ออกมา 2 ลักษณะ ได้แก่ เครื่องมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำชุดคราดรถเข็น ใช้กับก้นคลอง ขนาดกว้าง 0.50 – 1.0 เมตร และเครื่องมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำชุดคราดรถสาลี่) ใช้กับก้นคลอง ขนาดกว้าง 1.0 – 2.0 เมตร ต่อมาคณะผู้วิจัยได้ดำเนินการพัฒนาเครื่องมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำในคลองชลประทาน Weed Rake-II ด้วยการนำรถไถมาประยุกต์ใช้กับคราดขนาดความยาว 1 เมตร ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น อีกทั้งประหยัดงบประมาณไปได้มาก และยังสร้างความร่วมแรงร่วมใจกันของเกษตรกรผู้ใช้ประโยชน์ในการลงมือกำจัดวัชพืชใต้น้ำ ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายขอบเขตการทำงานของเครื่องกำจัดวัชพืชให้สามารถกำจัดวัชพืชใน้น้ำในคลองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นต่อไป
ด้านนายเจต พาณิชภักดี แห่ง วว. หัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาต้นแบบวัสดุคอมพอสิตสำเร็จรูป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำคลองชลประทาน” กล่าวว่า สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้รับการสนับสนุนจาก วช. ในการดำเนินการพัฒนาต้นแบบวัสดุคอมพอสิตสำเร็จรูป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำคลองชลประทาน ที่ผ่านมา น้ำชลประทานถูกลำเลียงไปตามคลองส่งน้ำและไหลลงสู่คลองระบายน้ำที่เป็นคลองดิน พบปัญหาการสูญเสียน้ำในระบบส่งน้ำเนื่องจากการซึมของน้ำชลประทานผ่านวัสดุก่อสร้างคลองที่เป็นดิน คลองส่งน้ำที่ใช้งานเป็นระยะเวลานานจึงนิยมที่จะปรับปรุงด้วยการดาดคลองส่งน้ำด้วยคอนกรีต ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้ แต่ปัญหาสำคัญที่มักจะเกิดขึ้นกับคลองส่งน้ำดาดด้วยคอนกรีต คือ การเกิดโพรงใต้แผ่นคอนกรีตจากการกัดเซาะของน้ำเป็นรูโพรง และปัญหาการรั่วซึมของน้ำผ่านคลองที่มีปริมาณมากกว่าการออกแบบ รวมทั้งการเจริญเติบโตของวัชพืชน้ำ ซึ่งเกิดจากดินบริเวณใต้ผนังดาดคอนกรีตเกิดการทรุดตัวจากการเลื่อนไหล ทำให้ผนังดาดคอนกรีตเกิดการแตกร้าว และเมื่อเกิดการกัดเซาะของวัสดุใต้แผ่นคอนกรีตแล้วจะพังทลายได้ในท้ายที่สุด ส่งผลให้เกิดการสูญเสียน้ำถึงร้อยละ 70 และไม่สามารถส่งน้ำไปถึงพื้นที่เพาะปลูกได้ตามเป้าหมาย โดยในต่างประเทศได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ และลดการสูญเสียน้ำโดยการใช้แผ่นเมมเบรนจากวัสดุพอลิเมอร์สังเคราะห์ ในการส่งน้ำ ซึ่งพบว่ามีข้อดี คือ ติดตั้งง่าย ใช้เวลาน้อย และมีการสูญเสียน้ำในระหว่างการส่งน้ำที่น้อย ที่ผ่านมา วว. มีการพัฒนาชุดวัสดุป้องกันการกัดเซาะจากวัสดุทางธรรมชาติ สำหรับใช้งานปูทับหน้าตลิ่งเพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำ ประกอบด้วย ชั้นป้องกัน ทำหน้าที่รับแรงอัดหรือแรงเฉือนที่เกิดจากการไหลของกระแสน้ำ และป้องกันเศษหินหรือกรวดที่พัดมากับกระแสน้ำที่จะทำให้ชั้นเมมเบรนเกิดความเสียหายได้ โดยวัสดุชั้นป้องกันมีผิวเรียบ มีความต้านทานแรงอัดมากกว่า 150 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร และถูกออกแบบให้สามารถร้อยสลิงได้ ซึ่งจะถูกนำมาวางทับบนชั้นเมมเบรนทำหน้าที่กักเก็บผิวดินไม่ให้ถูกชะออกจากบริเวณแนวตลิ่งและป้องกันการซึมผ่านของน้ำ นอกจากนั้น โครงสร้างชุดวัสดุคอมพอสิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ เป็นโครงสร้างสำเร็จรูปที่พร้อมติดตั้งได้ทันที และยังสามารถปรับสภาพหรือปรับระดับตามพื้นผิวได้เล็กน้อย เมื่อมีการทรุดของดินบริเวณที่ถูกปูทับ เนื่องจากชั้นป้องกันของชุดวัสดุคอมพอสิต มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยบล็อกที่มีความแข็งแรงขนาดเล็ก ที่เกี่ยวร้อยด้วยเส้นเสริมแรงภายใน ทำให้สามารถปรับระดับตัวได้เล็กน้อย เมื่อดินเกิดการทรุดตัว ในขณะที่ชั้นเมมเบรนของชุดวัสดุคอมพอสิต ที่วางใต้ชั้นป้องกัน มีระยะยืดตัวมากกว่าร้อยละ 40 เมื่อได้รับแรงภายนอกมากระทำ ทำให้สามารถปรับระดับตัวได้เช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากการดาดคอนกรีตที่เป็นโครงสร้างแบบแผ่นแข็งและวางบนดิน ซึ่งจะสามารถลดการเกิดปัญหาการพังทลายของโครงสร้างและการรั่วซึมของน้ำได้เป็นอย่างดี
15
กิน - เที่ยว เปรี้ยวซ่า / กรมการท่องเที่ยวมั่นใจเที่ยวไทยปลอดภัย แนะนำนักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อทัวร์คุณภาพ
« on: March 22, 2023, 03:41:01 PM »กรมการท่องเที่ยวมั่นใจเที่ยวไทยปลอดภัย แนะนำนักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อทัวร์คุณภาพ
กรมการท่องเที่ยวมั่นใจประเทศไทยมีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลจีนกำหนดมาตรการและประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องแก่นักท่องเที่ยว แนะวิธีเลือกซื้อทัวร์ที่มีคุณภาพ หลังเกิดกระแสเที่ยวไทยไม่ปลอดภัยในโลกโซเชียลที่จีน
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า นับตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกเที่ยวต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยวได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมถึงหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) เน้นย้ำและให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัย การสร้างความประทับใจของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ และมอบหมายให้กรมการท่องเที่ยวหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเป็นปัญหาในวงจรการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว นำมาซึ่งปัญหาการหลอกลวง ความปลอดภัย เกิดการรั่วไหลของรายได้การท่องเที่ยวที่ไม่ถึงผู้ประกอบการคนไทย และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
ในโอกาสร่วมรับประทานอาหารเมื่อเร็วๆ นี้ นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้พูดคุยหารือกับ นางพัน จิ่น อัครราชทูตที่ปรึกษาแผนกกงสุลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับแนวทางและมาตรการต่างๆ ในการรองรับนักท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมีแผนจะดำเนินการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นทั้งสองฝ่าย
ในโอกาสนี้ กรมการท่องเที่ยวได้ให้รัฐบาลจีนประชาสัมพันธ์การเลือกใช้บริษัทนำเที่ยวที่ถูกกฎหมาย
เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด มีการจัดทำป้ายแจ้งเตือนและแผ่นพับข้อมูลด้านความปลอดภัยเป็นภาษาจีน รวมทั้งแนะนำให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกใช้บริการในสถานประกอบการ ที่พัก ร้านอาหาร หรือใช้บริการรถนำเที่ยว เรือนำเที่ยว ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ซึ่งนอกจากผู้ประกอบการเหล่านี้จะมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายแล้ว นักท่องเที่ยวจะมั่นใจได้ว่าได้รับการบริการที่มีมาตรฐาน ป้องกันการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง และนำไปสู่ความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากร้านที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม
ส่วนปัญหาขายทัวร์ราคาต่ำกว่าทุน และปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะตัวแทนอำพราง (Nominee) กรมการท่องเที่ยวจะสร้างกลไกความร่วมมือ แลกเปลี่ยนเบาะแสและเอกสารเกี่ยวกับการกระทำ
ผิดกฎหมายของบริษัทนำเที่ยวและบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และร่วมสนับสนุนการปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมายที่ทำให้การท่องเที่ยวเสียระบบ อีกทั้งกรมการท่องเที่ยวมีการรับขึ้นทะเบียนรายชื่อบริษัทนำเที่ยวสำหรับตลาดท่องเที่ยวจีน ซึ่งหากบริษัทนำเที่ยวรายใดไม่ต่ออายุใบอนุญาตจะถูกคัดรายชื่อออก ก่อนส่งมอบบัญชีรายชื่อคู่ค้าไทย-จีน List of Tour Operator Companies (Partner Companies) ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ในการตรวจสอบรายชื่อบริษัทนำเที่ยวที่ถูกต้องตามกฎหมาย และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อทัวร์กับบริษัทนำเที่ยวตามรายชื่อที่ขึ้นทะเบียนไว้ และขอให้รัฐบาลจีนแนะนำนักท่องเที่ยวจีนเลือกซื้อทัวร์ที่มีคุณภาพ มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ซื้อทัวร์ที่ราคาต่ำกว่าทุนหรือราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมนำเที่ยวใกล้เคียงกัน ไม่หลงเชื่อการรับจองโปรแกรมทัวร์ข้ามปีที่ราคาถูกมากเกินไป หรือมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มหลังจองไปแล้ว และต้องจ่ายมัดจำเต็มจำนวน เพราะเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงและไม่สามารถออกทัวร์ได้จริง ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยินดีให้ความร่วมมือในการดำเนินการตรวจสอบอย่างรัดกุม หากพบชาวจีนก่อปัญหาให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่าย จะดำเนินคดีตามกฎหมายของประเทศจีนต่อไป
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ได้หารือกรณีมีการแชร์ในโลกออนไลน์ที่ประเทศจีน ว่าการมาเที่ยวประเทศไทยไม่ปลอดภัยนั้น นางพัน จิ่น อัครราชทูตที่ปรึกษาแผนกกงสุลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ขอให้กรมการท่องเที่ยววางใจได้ เพราะรัฐบาลจีนรวมถึงนักท่องเที่ยวจีนที่เคยมาเที่ยวไทย จะร่วมกันแก้ไขความเข้าใจผิดในเรื่องนี้โดยด่วน เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงและสร้างความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก
“ปัจจุบัน กรมการท่องเที่ยวบูรณาการการทำงานร่วมกับเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรับรู้และเข้าใจกฎหมาย กฎระเบียบ และมาตรการต่างๆ ที่ถูกต้อง ตั้งแต่ก่อนเดินทางออกจากประเทศจีน และระหว่างท่องเที่ยวในประเทศไทย ขอให้รัฐบาลจีนและนักท่องเที่ยวชาวจีนมั่นใจได้ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัย มุ่งเน้นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ประทับใจ สร้างความสุขให้นักท่องเที่ยวต้องกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกแน่นอน” นายจาตุรนต์ กล่าว