happy on May 02, 2019, 12:54:00 PM
“โอม cocktail ชวนคนอ่าน เปลี่ยนชีวิต!!!”

                      ในยุคที่สื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเกือบทุกด้าน ทำให้พฤติกรรมของคนหันไปสนใจสื่อใหม่ เพราะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ สะดวกสบาย และประหยัดเวลา สะท้อนถึงหนังสือ รวมถึงสิ่งพิมพ์ต่างๆ หดหายไปจากวงการ หรือหากจะอยู่รอด จะต้องมีการปรับตัว เพื่อให้สอดรับกับการอ่านของคนไทยที่เปลี่ยนไป


                      จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปดังกล่าว แต่ “หนังสือ” ยังมีความสำคัญต่อทั้งการศึกษาและการพัฒนาประเทศในระยะยาวนั้น ทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้ “การอ่านหนังสือ” เป็นนโยบาย หรือวาระแห่งชาติ สอดคล้องกับนโยบายของ “สมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจาหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย” ที่ได้มุ่งมั่นดำเนินการดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรม

                      “คนไทยอ่านหนังสือน้อยลงจริงหรือไม่?” ก็กลายมาเป็นคำถามที่ถกเถียงของคนในวงการ ด้วย ณ ปัจจุบัน e-Book ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักอ่าน เข้าถึงได้ง่าย สะดวกสบาย ไม่ต้องพกพาให้ยุ่งยาก แต่ด้วยจากการวิจัยของนักวิชาการจากหลากหลายสถาบัน ได้ระบุถึงข้อดีของการอ่าน ทั้งการถนอมสายตา ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ไปจนถึงการรับสารที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ฯลฯ ทำให้ทุกภาคส่วนพยายามให้คนไทยหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น


                      เช่นเดียวกับ “ปัณฑพล ประสารราชกิจ” หรือ โอม Cocktail ที่ถือเป็นอีก 1 คนที่ชื่นชอบการอ่าน และเป็นต้นแบบของใครหลายคน ทั้งนี้ “โอม” ได้กล่าวในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47 และ งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 17 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “รักคนอ่าน” ในหัวข้อ “การอ่านเปลี่ยนชีวิต” บนเวที "วันประกาศเกียรติคุณ ๑ คนชวนอ่าน ล้านคนตื่นรู้" ที่จัดติดต่อกันเป็นปีที่ ๖ ว่า จากที่มารดาของตนได้เล่าให้ฟัง ซึ่งถือเป็นผู้ที่สอนให้อ่านหนังสือมาโดยตลอดนั้น ตนเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่อายุประมาณ 4 ขวบครึ่ง ซึ่งหนังสือเล่มแรกที่ได้อ่านในช่วงอายุขณะนั้น คือ เรื่อง “รามเกียรติ์” ทำให้รู้สึกได้ว่า การอ่านเป็นการเติมเต็มจินตนาการที่กว้างไกล เนื่องจากสิ่งที่ความคิดได้สัมผัสไกลกว่าสิ่งที่เห็น เช่น ตนได้มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ เรื่อง Lord of The Ring ครั้งแรก แต่ก่อนชมภาพยนตร์นั้น เคยอ่านหนังสือมาก่อน โดยถึงแม้ว่าหนังทำได้ดีมาก แต่จากการอ่านหนังสือทำให้ความคิดได้ไกลเกินกว่าสิ่งที่ภาพยนตร์สื่อออกมา โดยเราได้คิดว่าปราสาทบางหลังในเรื่องน่าจะสวยได้มากกว่านั้น หรือยิ่งใหญ่กว่านั้น จึงทำให้ตนรักการอ่านมากยิ่งขึ้น

                      “การอ่านเปลี่ยนชีวิตผมยังไง ผมต้องบอกว่า ความรู้ที่อยู่ในชีวิตผมทั้งสิ้น แทบจะได้มาจากการอ่านเป็นหลัก ผมก็เลยคิดว่า ทุกวันนี้ผมรักการอ่าน ผมเรียนจบนิติศาสตร์ ซึ่งจะต้องใช้การอ่านเป็นหลัก โดยในระยะเวลา 3 ปี ผมอ่านหนังสือไปประมาณ 40,000 หน้า ถ้าวันนั้นผมไม่อ่าน จะไม่เปลี่ยนชีวิตให้ผมได้รับเกียรตินิยม และสามารถมาประกอบอาชีพเป็นอาจารย์ทางด้านนิติศาสตร์อยู่ในขณะนี้ นอกเหนือจากการเป็นนักร้อง” โอม Cocktail กล่าวขยายความในการรักการอ่าน

                      โอม Cocktail บรรยายอีกว่า การอ่าน คือ วิธีหนึ่งในการหาความรู้ หนังสือมีให้เลือกมากมาย โดยการที่เราจะอ่านหนังสือสัก 1 เล่ม นั่นคือสิ่งที่เราต้องการหาความรู้จากเรื่องนั้นๆ เช่น อยากรู้เรื่องไหน จะต้องซื้อหนังสือเรื่องนั้น เนื่องจากหนังสือจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่เราอยากรู้ แต่ในขณะเดียวกัน การอ่านผ่านสื่อออนไลน์ในทุกวันนี้ ที่มีข้อมูลมากมาย เชื่อมโยงสากลผ่านโลกอินเทอร์เน็ต ได้ไม่จำกัดรูปแบบนั้น แต่ในส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อมีโอกาสในเลือกมากเท่าใด ก็จะมีปัญหาตามมา เมื่อหากเรายังไม่พร้อม

                      อย่างไรก็ตาม ตามที่มีคำกล่าวของใครหลายคน ที่ระบุว่า “หนังสือจะตาย เพราะตอนนี้เข้าสู่ยุคดิจิทัลแล้ว” โอม Cocktail สะท้อนมุมมองว่า ตนไม่เชื่อว่าหนังสือจะตาย หรือล้มหายไป เนื่องจากการอ่านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงแม้ว่าข้อมูลมากมายจะอยู่ในอินเทอร์เน็ต แต่ยิ่งข้อมูลมีเยอะนั้น ทำให้ไม่สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ข้อมูลใด ทำให้การอ่านหนังสือ ยังสำคัญสำหรับตนมาก

                      ทั้งนี้การอ่านเปลี่ยนชีวิตทุกคนได้ การอ่านเพิ่มความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้น อยู่ที่ว่าจะเปลี่ยนไปในทางใด ขณะเดียวกัน การกรองความรู้ที่ได้มาก็เป็นสิ่งสำคัญ เราต้องแยกแยะให้ได้ว่า สิ่งใด คือ ความจริง หรือสิ่งใด คือ ความเห็น ต้องคิดตรอง การอ่านโดยไม่คิด ก็เหมือนความรู้ที่ไม่ไตร่ตรอง ทำให้การอ่านนั้น ไม่เกิดประโยชน์


                      “ผมอยากจะฝาก คนที่อายุน้อย ที่ไม่อยากอ่านหนังสือ อาทิ การเรียนหนังสือ ผมขอยกตัวอย่างว่า ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ผมต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตไปด้วย และเรียนหนังสือไปด้วย ทำให้การแบ่งเวลาในการอ่านหนังสือเป็นสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่ผมทำประจำในการแบ่งเวลาในการอ่านหนังสือ คือ หยิบหนังสือที่เราต้องอ่านขึ้นมาก่อน ถนัดอะไร อ่านไว อันไหนไม่ถนัด อ่านช้า และต้องแยกแยะว่าหนังสือที่ต้องอ่านมีกี่หน้า วิชาไหนสอบ เรื่องไหน ก็เตรียมมา ต้องจัดสรรเวลา คือ วิธีอ่านหนังสือที่ดีที่สุดในด้านการเรียน” โอม Cocktail กล่าว

                      โอม Cocktail ยังกล่าวฝากถึงเรื่องการอ่านว่า การอ่านจะพัฒนาศักยภาพของเรามากที่สุด เมื่อเรารู้ว่าเราต้องการสิ่งไหน และสิ่งไหนเหมาะสมกับตัวเรา โดยตามที่กล่าวไปในข้างต้น ที่ว่า อ่านอย่างไรให้เปลี่ยนชีวิต อ่านอย่างใช้ความคิด และอ่านให้ได้ตามหน้าที่ที่ควรอ่าน เพราะตยมองว่าหนังสือ คือ การหาความรู้ โดยเฉพาะความรู้ที่เป็นประโยชน์ ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาสังคม และพัฒนาประเทศ

                      “การอ่านของผม คือ การอ่านเพื่อหาความรู้ในสิ่งที่เราพอใจ สิ่งที่เราเป็น หรือสิ่งที่เรามี ถือเป็นความรู้ที่มีคุณค่ามากที่สุด แต่การอ่านหนังสือไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต สิ่งสำคัญ คือ ตัวคุณเอง หรือผู้ใช้ความรู้จากการอ่านนั้นๆ” … โอม Cocktail