MSN on January 21, 2019, 07:21:26 AM
KTAMโชว์ผลงานปี61AMUพุ่ง7.76แสนล้านเพิ่ม8.7% ปีนี้ตั้งเป้าโตกว่า10%เร่งออกกองทุนสร้างทางเลือกลูกค้า



นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ( AUM) ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2561 อยู่ที่ 776,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,135  ล้านบาท หรือประมาณ 8.7% อัตราการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 3.4%  มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน มี AUM อยู่ที่ 109,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund – TFFIF) และบริษัทเป็นทรัสตีให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยู่ที่ 99,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับความไว้วางใจให้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงาน บริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด 

ส่วนกองทุนส่วนบุคคล อยู่ที่ 71,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.3% ส่วนกองทุนรวมอยู่ที่ 496,224 ล้านบาท ลดลง 0.4% จากภาวะความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF) อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3.8% กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF)  เพิ่มขึ้น3.4% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 2.5% กองทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้น22.2% ในขณะที่อุตสาหกรรม -4.3% ส่วนในปี2562 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของ AUM ไว้ที่ 878,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10% 

ในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกองทุนเปิดกรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล  (KT-PIF) ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ และทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าร้อยละ80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยปัจจุบันลงทุนในไทย 53% และสิงคโปร์42% จุดเด่นของกองทุนนี้คือ REIT เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น โดบข้อมูลย้อนหลัง5 ปี พบว่า SETREIT& Property มีค่าความผันผวนอยู่ที่ 5.4% ในขณะที่ SET อยู่ที่11% กองทุนจะเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูง มีการประจายตัวของผู้เช่าที่ดีและมีการจ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ REIT ในปีนี้น่าจะได้รับปัจจัยบวก จากการที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลในเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตาดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยของทั่วโลกน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา

สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2561 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 6.88% เมื่อเทียบกับ Benchmark อยู่ที่ 2.25% ในปีที่ผ่านมา กองทุนมีการจ่ายเงินปันผล 3 ครั้ง รวมจำนวน 0.60 บาทต่อหน่วย นับว่าเป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน ในขณะนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง10.82% (29 ธ.ค.60-28 ธ.ค.61) 

ส่วนในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนใหม่ๆที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น กองทุนเปิดกรุงไทย สตราทีจิก แอคทีฟ โกลบอล แอลโลเคชั่น (KT-SAGA) ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เน้นลงทุน แบบ Fund of  Fund ผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเป็นหลักตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยกองทุนจะลงทุนในดัชนีต่างประเทศ ทั้งตราสารทุน และตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ / REITs ทองคำ น้ำมัน เป็นต้น นับว่าเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการโอกาสเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก ผ่านการเลือกลงทุนในETF ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ง่ายต่อนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามการลงทุนในต่างประเทศด้วยตนเอง และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า Benchmark ในระยะกลางถึงยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. นอกจากนี้  ยังมีอีกหลากหลายกองทุนมากมาย โดยคาดว่าในเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 กองทุน 
           
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
« Last Edit: January 21, 2019, 03:02:29 PM by MSN »