activity on December 02, 2018, 01:12:51 PM
“เวสปิอาริโอ” เรียกเสียงฮือฮาส่งท้ายปีเผยโฉมในไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ด้วย 2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่พร้อมมอบความโดดเด่นสะกดทุกสายตา ในงาน Motor Expo ครั้งที่ 35









          "เวสปิอาริโอ" เรียกเสียงฮือฮาส่งท้ายปีเผยโฉมในไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ด้วย 2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่พร้อมมอบความโดดเด่นสะกดทุกสายตา  กับ "Vespa Notte Special Edition" และร่วมฉลองไปกับความสุขุมเปี่ยมเสน่ห์ในทุกเส้นทางด้วย "Moto Guzzi V7 III Milano" ในโอกาสครบรอบ 50 ปี Moto Guzzi ตระกูล V7 พร้อมอัดโปรโมชั่นครั้งใหญ่ที่ทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น

          บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมชั้นนำ "พิอาจิโอ" และ "เวสป้า" พร้อมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน "อาพริเลีย" และ "โมโต กุซซี่" สัญชาติอิตาเลี่ยนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมสร้างปรากฏการณ์การขับขี่สุดพิเศษส่งท้ายปีกับสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมและมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 นำโดย เวสป้า นอตเต้ สเปเชียล อิดิชั่น (Vespa Notte Special Edition) 2 รุ่น ได้แก่ เวสป้า สปริ๊นท์ 150 ไอ-เก็ต เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น (Vespa Sprint 150 i-Get ABS Notte Edition) และเวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น (Vespa GTS Super 300 ABS Notte Edition) รวมถึง โมโต กุซซี่V7 III มิลาโน่ (Moto Guzzi V7 III Milano) มอเตอร์ไซค์สองล้อระดับตำนานสัญชาติอิตาเลี่ยนรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองรถตระกูลV7 ครบรอบ 50 ปี ให้บรรดาไบค์เกอร์ได้สัมผัสก่อนใคร พร้อมมอบโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษให้เป็นเจ้าของสองล้อสไตล์อิตาเลี่ยนได้อย่างง่ายดายกว่าเดิม ณ บูธหมายเลข G01 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10ธันวาคม 2561
          คุณพรนฎา เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ตลอดทั้งปี 2018 นี้ บริษัทฯ ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่แฟนๆ ผู้ที่หลงใหลในการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศที่ยังคงเติบโต ทั้งในส่วนของสกู๊ตเตอร์และบิ๊กไบค์รวมถึงมีกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆ ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทุกเพศทุกวัย ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ยึดถือความต้องการของลูกค้าในการดำเนินธุรกิจเสมอมา บริษัทฯ ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การตอบรับที่ดีกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ และเรายังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ พร้อมด้วยบริการหลังการขายที่ครบครัน รวมไปถึงการทำกิจกรรมทางการตลาดที่สร้างสรรค์เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกและแตกต่างให้กับลูกค้า ซึ่งในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้เราได้นำรถใหม่รุ่นพิเศษมาโชว์ทั้งหมด 2 รุ่น รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ รวมแล้วกว่า 18 รุ่น พร้อมเสนอโปรโมชั่นให้กับลูกค้าอีกมากมาย เพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของรถสัญชาติอิตาเลี่ยนได้ง่ายดายยิ่งขึ้น"
          สำหรับรถใหม่ที่บริษัทฯ นำมาจัดแสดงนั้น เริ่มที่เวสป้ารุ่นพิเศษ คือ เวสป้า นอตเต้ สเปเชียล อิดิชั่น สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมรุ่นพิเศษที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีดำด้าน (Nero Notte) รอบคัน ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ "Urban Night Ride" ที่พร้อมจะเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ในเมืองยามค่ำคืนของคุณให้น่าหลงใหลและโดดเด่นพิเศษกว่าใคร ตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง สะท้อนความเรียบหรูบนความเท่สไตล์โมเดิร์นคลาสสิคที่มอบความโฉบเฉี่ยวทุกขณะขับขี่กับ เวสป้า นอตเต้ สเปเชียล อิดิชั่น ประกอบด้วย 2 รุ่น 2 ขนาดเครื่องยนต์ ได้แก่ เวสป้า สปริ๊นท์ 150 ไอ-เก็ต เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น (Vespa Sprint 150 i-Get ABS Notte Edition) และเวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น (Vespa GTS Super 300 ABS Notte Edition)ด้วยเทคนิคและวิศวกรรมสุดพิถีพิถันของเวสป้าทั้งแบบเฟรมเล็กและเฟรมใหญ่ตามลำดับ สำหรับชื่อ "นอตเต้" มาจากคุณลักษณะเด่นประจำเวสป้ารุ่นนี้ด้วยการใช้วัสดุสีดำตกแต่งรอบคัน มอบสัมผัสแห่งการขับขี่ยามค่ำคืนให้สนุกและท้าทาย เริ่มจากตัวถัง เนกไท บังโคลนหน้า คิ้วกันลม (Trim) และฝาครอบท่อไอเสียสีดำด้าน เพิ่มลูกเล่นด้วยสีดำเงาบริเวณกรอบกระจกมองข้างและล้อแม็กซ์ พิเศษเฉพาะในเวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ ได้แก่ ปลายของแฮนด์รถที่เพิ่มความสปอร์ตให้กับตัวรถสีดำด้าน และที่พักเท้าแบบพับได้เพิ่มความสะดวกสบาย นอกเหนือจากนี้ เวสป้ายังได้ปรับแต่งเบาะให้เข้ากับรถโดยเฉพาะด้วยหนังปั้มลอนเพื่อรูปลักษณ์ที่หรูหราอย่างสมบูรณ์แบบ เสริมความพิเศษยิ่งขึ้นด้วยชิลด์สั้นกันลมสีสโม้คและตะแกรงหลังสีดำด้าน ที่ทำให้ Vespa Notte Special Edition รุ่นนี้พิเศษยิ่งกว่าที่เคย
          สำหรับ เวสป้า สปริ๊นท์ 150 ไอ-เก็ต เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น โดดเด่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยีกับเครื่องยนต์ ไอ-เก็ต (i-Get) 150 ซีซี สูบเดี่ยว 4จังหวะ ที่ช่วยประหยัดน้ำมันพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่เบา หัวฉีดระบบอิเล็กทรอนิกส์ 3 วาล์ว ทุกองค์ประกอบของเครื่องยนต์ตั้งแต่ท่อไอเสียไปจนถึงกล่องเกียร์ได้รับการออกแบบให้เรียบหรู ทำงานโดยไร้เสียงรบกวน และช่วยให้ขับขี่ได้อย่างราบรื่นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้กำลัง 9.5 กิโลวัตต์ที่ 7,750รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 12.8 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในขนาดเดียวกัน เครื่องยนต์มีน้ำหนักเบาช่วยให้ขับขี่สนุกและทะยานไปข้างหน้าได้เร็วกว่าเดิม เสริมความปลอดภัยระหว่างการขับขี่มากยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS มีวางจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 600คันเท่านั้น ในราคาที่ 136,900 บาท
          และเวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น มาพร้อมสุดยอดเครื่องยนต์ "ควอซาร์ (Quasar)" ขนาด 300 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว ขนาดใหญ่ เร็ว แรง และทรงพลังที่สุดในทุกรุ่นของเวสป้า ระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fuel Injection) ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง วาล์วให้กำลัง15.6 กิโลวัตต์ (21.2 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 22 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 5,000 รอบต่อนาที ระบบระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ (Liquid Cooled) เพิ่มประสิทธิภาพให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มที่มากขึ้น อากาศภายในเครื่องยนต์ไหลเวียนได้ดีเยี่ยม สำหรับระบบความปลอดภัยในรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยม เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น คันนี้ มาพร้อมกับระบบ ASR (Anti-Slip Regulation) ป้องกันการลื่นไถลของรถแม้ต้องเผชิญกับสภาพพื้นผิวถนนไม่ปรกติ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS สุดยอดสมรรถนะดังกล่าวผสานเข้ากับงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครของ เวสป้า จีทีเอส ซูเปอร์ 300 เอบีเอส นอตเต้ อิดิชั่น การันตีการขับขี่ที่สนุกมากยิ่งขึ้นทั้งในเมืองและทางไกล วางจำหน่ายจำนวนจำกัดเพียง 200คันเท่านั้น ราคา 209,900 บาท
          นอกจากนี้ ผู้ที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของเวสป้า นอตเต้ สเปเชียล อิดิชั่น ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะได้รับของพรีเมี่ยมที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเข้าชุดกันกับตัวรถเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการขับขี่ในเมือง ประกอบด้วย เป้สะพายหลังดีไซน์เท่, ผ้าบัฟฟ์สีดำลาย Vespa Notte, หมวกแก็ป, พวงกุญแจหนังแท้, กระบอกน้ำอลูมิเนียม, แบตเตอรี่สำรองสำหรับชาร์จสมาร์ทโฟน และหมวกกันน็อคสีดำด้าน
          สำหรับบิ๊กไบค์ระดับตำนานเจ้าของต้นกำเนิดเครื่องสูบวีวางขวางอย่าง Moto Guzzi ขอมอบความตื่นเต้นกับสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ครั้งใหม่ด้วยอีกหนึ่งรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปี Moto Guzzi ตระกูล V7 กับ Moto Guzzi V7 III Milano  (โมโต กุซซี่ V7 III มิลาโน่) ที่จะมอบความโดดเด่นพร้อมการขับขี่สนุก เท่ เร้าใจ ให้แก่บรรดาเหล่าไบค์เกอร์ โดดเด่นสะดุดตากับตัวถังสีเทามันวาว ท่อไอเสียและราวจับสำหรับผู้ซ้อนท้ายที่มาในสีโครเมี่ยม ล้ออัลลอยดีไซน์ทันสมัย รวมถึงบังโคลนอลูมิเนียมด้านหน้า และโลโก้รุ่นรถบนฝาปิดสไลด์เครื่องด้านข้าง ให้บรรดาผู้ที่ได้ขับขี่ Moto Guzzi V7 III Milano สัมผัสถึงความล้ำสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิคของตัวรถและประสบการณ์ความสง่างามของทุกขณะการขับขี่ เปรียบดั่งได้ขับอยู่ ณ ใจกลางเมืองที่สอดแทรกอยู่ร่วมกับประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของโลกอย่างเมืองมิลาน(Milano) โดยโมโต กุซซี่ V7 III มิลาโน่ จัดจำหน่ายที่ราคา 675,000 บาท
          สำหรับโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน –10 ธันวาคมนี้ บริษัทฯ พร้อมให้ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในการขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนได้เป็นเจ้าของรถสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมและรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานจากอิตาลีได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจองภายในงานหรือจองกับโชว์รูมเวสป้าทั่วประเทศ ด้วยข้อเสนอ (ตามไฟล์แนบ)
          สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่จะสร้างความแตกต่างบนทุกเส้นทางจากสกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมและมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน พร้อมด้วยโปรโมชั่นและข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมายจากอาพริเลีย และโมโต กุซซี่ ได้แล้ววันนี้ ที่บูธหมายเลข G01  อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2561 นี้
          ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์ของทั้ง 4 แบรนด์ได้ที่เฟซบุ๊ก ดังนี้ Official Vespa Society Thailand, Piaggio Society Thailand, Aprilia Thailandและ Moto Guzzi Thailand

activity on December 02, 2018, 01:14:12 PM
Mitsubishi Motors Showcases New Icons at 35th Thailand International Motor Expo 2018









    Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd. today showcases two new models that perfectly reflect the 35th Thailand International Motor Expo 2018's theme – New Mitsubishi Triton that is 'Engineered Beyond Tough', marking 40 years of development and lineage, and Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition, the icon of the success in your own way, developed to bring new levels of luxury, style, and performance to its segment.
          "This year our booth has been reflected the concept of the show 'Enjoy Driving! Before Driverless Era'. Mitsubishi Motors has not only strived for a driverless system with autonomous technologies for the future. But we have also committed to deliver superior driving experience to the customers today," said Mr. Morikazu Chokki, President and CEO of Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd.
          "That is why our vehicles continue to break new grounds in design, performance and technology. Today we prove that again by bringing our customers the latest innovative models; New Mitsubishi Triton and Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition," Mr. Chokki added.
          'Engineered Beyond Tough', New Mitsubishi Triton features a more powerful styling that incorporates advanced 'Dynamic Shield' front design concept, an enhanced Super Select 4WD-II with improved on- and off-road performance, and the latest active safety and driver assistance systems. There is also overall improvement and significant refinements to driving dynamics sought by pickup enthusiasts. New Mitsubishi Triton is the latest in a model line with global strategic importance. It celebrated its 40 years of lineage and evolution with a global premiere held recently in Thailand.
          On the other end of the spectrum, Mitsubishi Motors Thailand also showcases Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition designed to inspire individual success. It is available in two colors – Jet Black Mica and White Pearl, and comes with a long list of premium accessories and features that take luxury and comfort to new levels.
          Prices for New Mitsubishi Triton starts at THB654,000 while Mitsubishi Pajero Sport Limited Edition will be available from THB1,459,000.
          Also available at Mitsubishi Motors Thailand's booth Mitsubishi Xpander, Mitsubishi Attrage and Mitsubishi Mirage city cars, and regular variants of Mitsubishi Pajero Sport.
          Mitsubishi Motors Thailand is also taking the opportunity during the Motor Expo 2018 to assure current and new customers to enjoy the experience of
          "We take care, you just drive". Built upon a core of 'genuineness', the exclusive experience is supported by five key pillars.
          - Genuine Service: high-quality service with 24-hour emergency assistance
          - Genuine Parts: supply of genuine spare parts to reduce waiting time and provide long-term protection at reasonable price
          - Genuine Technicians: skilled technicians trained by the Education Academy
          - Genuine Performance: superior customer satisfaction with higher levels of service and product quality
          - Genuine Network and Accessibility: 'M-Drive', Mitsubishi Motors' friendly mobile application offering easy access to services provided by more than 200 dealer network outlets.                               
          In addition to "We take care, you just drive", Mitsubishi car owners will also get to enjoy a host of aftersales promotions which are also available nationwide. Leading the promotions are 3 accessory packages for New Mitsubishi Triton with a 10-percent discount of regular prices.
          - Protection Package: hood protector, side windows deflectors, and scuff plates
          - Sporty Package: front under garnish, 18-inch alloy wheels, and shift knob
          - Stylish Package: front bumper garnish, and styling bar
          Mitsubishi Xpander also gets its own 2 choices of genuine accessory packages with a 10-percent discount of regular prices.
          - Decor Package: emblem, luggage tray, and side visor
          - Aero Package: front, side and rear air-dams
          Customers who want to personalize their Mitsubishi Pajero Sport can choose from two packages – one includes fender arch moldings, corner protectors, rear under and side garnishes while the other features additional side-step garnishes. Both packages come with a 40-percent discount of regular prices.
          Not forgetting road safety, Mitsubishi Motors Thailand is also encouraging customers planning for road-trips during the upcoming holiday season to take advantage of the check-up campaign with the following special offers that is available until December 31, 2018.
          Free 22-point vehicle check-up
          Free oil filter for fully synthetic engine oil
          10-percent discount for chemicals
          Thb300 discount for battery replacement

          Visitors to Mitsubishi Motors Thailand's booth can also book a test drive and take advantage of special offers with bookings made at the Motor Expo.
          The 35th Thailand International Motor Expo 2018 will be held from November 29 to December 10, 2018 at IMPACT Challenger Hall 1-3, Muang Thong Thani. Mitsubishi Motors Thailand will be located at Booth A7.

          About Mitsubishi Motors Thailand (MMTh)
          Mitsubishi Motors (Thailand) Co., Ltd., the largest plant in the MMC group and an export hub to more than 120 countries, is one of Thailand's leading automotive manufacturers committed to produce and sell a range of vehicles that are eco-friendly, high in quality, performance, safety, comfort, technology and customer satisfaction. In 2018 MMTh celebrated a total production of five million units, and officially opened Education Academy in Pathum Thani. MMTh's current range of vehicles includes the Mitsubishi Triton, Mitsubishi Pajero Sport, Mitsubishi Attrage, Mitsubishi Mirage, and Mitsubishi XPANDER. To ensure the highest quality, MMTh uses its proving ground in Sriracha, Chonburi to assess products from design and prototype stages to pre-production and commercialization. This ensures customers take delivery of vehicles that are second-to-none in all aspects of quality.
          Please contact Mitsubishi dealers nationwide for more information and test driving, or contact Mitsubishi Call Center Tel. 02-079-9500 every day at 8:30 – 17:00 hrs.
Stay updated with Mitsubishi Motors Thailand;

          Website: www.mitsubishi-motors.co.th
          Facebook: www.facebook.com/MitsubishiMotorsTH
          Instagram: @MitsubishiMotorsTh
          Youtube Channel:Mitsubishi Motors Thailand
          Line Official Account/ ID: Mitsubishi Motors Th / @MitsubishiMotorsTh

activity on December 02, 2018, 01:15:19 PM
เผยโฉมซูบารุ ฟอเรสเตอร์ (Subaru Forester) จากสายการผลิตในประเทศไทย คาดพร้อมออกสู่ตลาดเดือนมีนาคม 2562







          ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) แถลงวันนี้ถึงแผนการขยายธุรกิจในประเทศไทย หลังจากเปิดตัวซูบารุ ฟอเรสเตอร์ (Subaru Forester) คันแรกที่ผลิตในประเทศไทย มร. เกลน ตัน รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ กลุ่มตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว ณ งาน Motor Expo ครั้งที่ 35 ว่า "เราภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับประเทศไทยในการผลิตรถยนต์ซูบารุเพื่อให้มีคุณสมบัติทางเทคนิคและความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก เราจึงได้ตัดสินใจลงทุนเพื่อสร้างงานให้กับบุคลากรของเราที่นี่ และเพื่อผลิตรถยนต์สำหรับป้อนตลาดในเอเชีย เรามั่นใจว่ารถยนต์เหล่านี้จะตอบโจทย์และมอบประสิทธิภาพที่เกินความคาดหมายให้แก่ผู้ใช้รถและสมาชิกในครอบครัวที่มีความรู้ความเข้าใจในการเลือกใช้รถมากขึ้นทุกวัน"
          รถยนต์ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เจเนอเรชั่นที่ 5 ที่ถูกนำมาจัดแสดง ณ งาน Motor Expo เหล่านี้ ผลิตโดยโรงงานแห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ที่มีการจ้างงานกว่า 300 คน เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ซูบารุที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรถยนต์แบบ CKD คันแรกที่ผลิตในโรงงานที่ประเทศไทยจะออกสู่ตลาดในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562
          ลูกค้าสามารถจองรถยนต์ได้ในงาน Motor Expo โดยผู้ที่จอง 99 ท่านแรก จะได้รับโอกาสในการเยี่ยมชมโรงงานผลิตหลังจากที่รถยนต์ที่สั่งจองไว้นั้นผลิตเสร็จแล้ว นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มจำนวนโชว์รูม และศูนย์บริการอีก 15 แห่งในประเทศไทย ซึ่งจะแล้วเสร็จภายใน พ.ศ. 2562 เนื่องจากความต้องการในรถยนต์ซูบารุได้เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ รุ่นประกอบในประเทศไทยนี้จะถูกส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อตอบสนองความในแบรนด์ซูบารุในเอเชียที่เพิ่มขึ้นด้วย
          ด้วยมาตรฐานการผลิตเดียวกับญี่ปุ่น รถยนต์ซูบารุที่ผลิตในประเทศไทยยังคงไว้ซึ่ง 4 เทคโนโลยีหลักที่ครองใจแฟน ค่ายดาวลูกไก่ทั่วโลกด้วย ประกอบด้วย ซูบารุ โกลบอล แพลทฟอร์ม (Subaru Global Platform), ระบบขับเคลื่อน สี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive), เครื่องยนต์แบบ Boxer และสุดยอดเทคโนโลยี EyeSight ดิ ออล นิว ฟอเรสเตอร์ 2019 (The All-New Forester 2019) มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นทั้งภายในและภายนอก เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะความสะดวกสบาย และความปลอดภัยสูงสุด โดยครั้งนี้มีให้เลือก 3 รุ่น ประกอบด้วย ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0 i-S EyeSight, ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0 i-S และ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2.0 i-L

          ความสามารถในการขับขี่และเทคโนโลยีอันยอดเยี่ยม
          - ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร (Symmetrical All-Wheel Drive) ส่งพลังขับเคลื่อนสู่ล้อทั้งสี่แบบตลอดเวลา ช่วยให้รถเกาะถนน และช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยสูงสุด
          - ขุมพลังจากเครื่องยนต์ Boxer แบบไดเร็คอินเจ็คชั่น ขนาด 2.0 ลิตร ช่วยเพิ่มแรงม้าและประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง
          - ระบบเกียร์ CVT 7 สปีด ช่วยให้เร่งความเร็วรถได้ดียิ่งขึ้น
          - ซูบารุ โกลบอล แพลทฟอร์ม (Subaru Global Platform) โครงสร้างรถที่ได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น ลดแรงสั่นสะเทือน การแกว่งของตัวรถ และเสียงรบกวน
          - ฟังก์ชั่น X-MODE ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่บนสภาพภูมิประเทศที่ท้าทาย โดยใช้ระบบควบคุมเครื่องยนต์แบบบูรณาการ ทั้งการขับเคลื่อน All - Wheel Drive ระบบเบรก และระบบอื่นๆ
          - ระบบกระจายแรงบิด (Active torque vectoring) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมยานพาหนะได้อย่างมั่นใจเมื่อเข้าโค้ง

          คุณลักษณะด้านความปลอดภัยที่น่าประทับใจ
          - ระบบช่วยในการขับขี่ EyeSight ประกอบไปด้วย ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน ระบบถอนคันเร่งก่อนการชน ระบบปรับความเร็วรถอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อการจราจรเคลื่อนที่ ระบบเตือนเมื่อรถออกจากเลนและเมื่อรถส่าย คุณลักษณะนี้มีอยู่ในรถซูบารุ ฟอเรสเตอร์ รุ่น 2.0 i-S EyeSight
          - ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (Auto Vehicle Hold)
          - ระบบตรวจจับยานพานะด้านหลัง (SVRD) ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของรถ เพื่อตรวจจับวัตถุและยานพาหนะที่อยู่ด้านหลัง เพื่อการถอยรถและจอดรถอย่างไร้กังวล
          - การปรับรูปทรงของเสารถเพื่อลดจุดบอด ทำให้การมองเห็นครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

          ความคล่องตัวและห้องโดยสารที่สะดวกสบาย
          - ระยะระหว่างพื้นกับตัวรถมากกว่า 220 มม.
          - ราวหลังคาที่ยกสูงขึ้นและจุดสำหรับผูกเชือก ทำให้พร้อมสำหรับการบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น
          - การออกแบบภายในใหม่เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น
          - ช่องใส่ของหลังเบาะรถแบบหลายช่อง
          - พอร์ตชาร์จ USB
          - ช่องลมสำหรับเครื่องปรับอากาศที่คอนโซลกลาง
          - พื้นที่วางขาที่กว้างขึ้นในห้องโดยสารด้านหลัง พื้นที่บรรทุกสัมภาระที่ใหญ่ขึ้น ช่องเปิดท้ายรถที่กว้างขึ้น
          - ประตูพาวเวอร์ด้านหลัง ช่วยให้สามารถเปิด-ปิด และล็อคประตูทุกด้านของรถได้ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว

          ดิ ออล นิว ฟอเรสเตอร์ 2019 (The All-New Forester 2019) คือการสร้างสรรค์ที่มาพร้อมความยั่งยืน ตัวรถสร้างจากเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง มอบความทนทานและความแข็งแกร่งตามแบบฉบับของรถ SUV โครงสร้างตัวถัง ที่ยกขึ้น วัสดุหุ้มรถใหม่ และชุดกันชนที่นูนออกมามากขึ้น กระจังรอบไฟหน้า และไฟท้ายที่ตกแต่งใหม่ด้วยรายละเอียด ที่ดูสวยงามกลมกลืน แต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแรงและความหรูหรา ล้วนเป็นการออกแบบใหม่ที่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของรถรุ่นก่อนหน้า
          ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-725-1888 หรือชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.subaru.asia/th

          เกี่ยวกับกลุ่มตันจง อินเตอร์เนชั่นเนล (Tan Chong International Limited)
          กลุ่มตันจง อินเตอร์เนชั่นเนล (Tan Chong International Limited - TCIL) จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKSE: 0693) และเป็นบริษัทขนาดใหญ่ด้านยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ และการจัดจำหน่าย ดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม นับตั้งแต่บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2500 กลุ่มบริษัทมีการเติบโตในสินทรัพย์อย่างมหาศาล ผ่านการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิต การจัดจำหน่าย และการค้าปลีก ธุรกิจอื่นๆที่บริษัทตันจง อินเตอร์เนชั่นเนล ดำเนินการในทั่วทั้งทวีปเอเชียยังประกอบไปด้วย ธุรกิจยานยนต์ พาณิชยกรรม การผลิต การค้า และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
          เกี่ยวกับมอเตอร์ อิมเมจ (Motor Image)
          มอเตอร์ อิมเมจ เป็นบริษัทในเครือของตันจง อินเตอร์เนชั่นเนล และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูบารุแต่เพียงผู้เดียวใน 9 ประเทศทวีปเอเชีย มอเตอร์ อิมเมจก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2529 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ บริษัทได้เปิดสำนักงานในกัมพูชา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม มอเตอร์ อิมเมจระบุว่าภูมิภาคอาเซียนเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของในการเติบโตของบริษัทในอนาคต ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 บริษัทได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ซูบารุคอร์ปอเรชั่น (เดิมชื่อ บริษัท ฟูจิเฮฟวี่อินดัสตรี จำกัด ) เพื่อผลิตรถยนต์ซูบารุที่โรงงานประกอบรถยนต์แบบ CKD ในประเทศมาเลเซีย และเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 บริษัทซูบารุคอร์ปอเรชั่น และบริษัท TC Manufacturing and Assembly (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TCMA TH ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตันจง อินเตอร์เนชั่นเนล ได้ทำสัญญาร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อประกอบรถยนต์ซูบารุในเมืองไทย ซึ่งเป็นการเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจที่มีอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รถยนต์ที่ผลิตในประเทศมาเลเซียและไทยจะถูกจัดจำหน่ายโดยมอเตอร์ อิมเมจ ผ่านเครือข่ายของซูบารุ
www.subaru.asia

          เกี่ยวกับซูบารุ (Subaru)
          บริษัทซูบารุก่อตั้งขึ้นในประเทศญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2498 และนับจากนั้นซูบารุก็เติบโตขึ้นกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก ใน พ.ศ. 2515 ซูบารุกลายเป็นบริษัทแรกในโลกที่เปิดตลาดรถยนต์แบบขับเคลื่อนทุกล้อ (AWD) และเป็นผู้บุกเบิกตลาดในญี่ปุ่นสำหรับรถตรวจการณ์สมรรถนะสูง (station wagon) โดยการผสมผสานเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเข้ากับระบบขับเคลื่อนทุกล้อ (AWD) ซูบารุได้ปรับปรุงและพัฒนาระบบขับเคลื่อนทุกล้อให้กลายเป็นระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบสมมาตร (AWD Symmetrical) ที่ช่วยให้เกิดความสุขและความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด
          ซูบารุเป็นที่ยอมรับในแวดวงองค์กรยานยนต์ทั่วโลก ในเรื่องของวิศวกรรม การออกแบบ การทำงาน ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ซูบารุผลิตรถยนต์หลายรุ่น ประกอบด้วย BRZ, Forester, Impreza, Legacy, Levorg, Outback, WRX, WRX STI และ XV ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "รถยนต์สำหรับผู้ใช้รถ" อย่างแท้จริง เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยเทคโนโลยีหลัก 4 อย่างของซูบารุ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร(Symmetrical All-Wheel Drive) และเครื่องยนต์แบบ Boxer ที่มีอยู่ในทุกรุ่น www.subaru-global.com

activity on December 02, 2018, 01:15:51 PM
Thai made Forester unveiled First delivery expected from March 2019







          TC Subaru (Thailand) today announced that it will be expanding its operations in Thailand as it launched the first made-in- Thailand Subaru Forester. Speaking at the 35th International Thailand Motor Expo, Mr Glenn Tan, Deputy Chairman and Managing Director of Tan Chong International Ltd., said: "We are proud to partner Thailand to build these cars, built to the highest technical and safety specifications. Thailand is a market with great potential, so we have invested in creating jobs here, and in building cars for the Asian market. We are confident that these cars will meet and exceed the expectations of increasingly sophisticated consumers and their families."
          The 5th Generation Forester was showcased at the Expo and the car was built at the new factory in Lakrabang Industrial Estate. The factory employs over 300 Thai workers to meet the demand for Subaru cars. The first Complete Knock-Down (CKD) cars produced at the Thailand-based factory will enter the market in March 2019.
          Consumers are able to book their units at the Motor Expo, with the first 99 given the opportunity to visit the plant when their cars are ready. In addition, the company said that it is adding 15 more showrooms and service centres in Thailand in 2019, as sales demand has increased over the years. The made in Thailand Forester will also be exported to other countries to meet increasing demand for the brand in Asia.
          Built to the same production standards as Japan, these Subaru cars feature 4 Core technologies which have won the hearts of Subaru fans around the world: the Subaru Global Platform, Symmetrical All-Wheel Drive, Boxer Engine and EyeSight Technology. The cars will be available in 3 models: Subaru Forester 2.0i-S EyeSight, Subaru Forester 2.0i-S, and Subaru 2.0i-L. The All-New Forester is bigger, better, and superior both inside and outside, boasting performance, comfort and maximum safety.

          The All-New Forester 2019
          Outstanding drivability and technology
          - Symmetrical All-Wheel Drive delivers power to each wheel to provide maximum adhesion, control, and safety.
          - 2.0-Liter Direct-Injection Boxer Engine improves horsepower and boosts fuel efficiency.
          - 7-Speed CVT makes acceleration easier.
          - Subaru Global Platform is a redesigned chassis that offers a safer, smoother driving experience by delivering less shake and body roll, and significantly reduces road noises.
          - X-MODE Function enhances driving performance on challenging terrains with the optimised integrated control of the engine, the all-wheel drive ability, brakes, and other functions.
          - Active Torque Vectoring enables drivers to control their vehicles exactly as intended.

          Impressive Safety Features
          - EyeSight Driver Assistant Technology includes automatic pre-collision braking, pre-collision throttle management, adaptive cruise control, lead vehicle start alert, and lane departure and lane sway warning. This feature is equipped in the Subaru Forester 2.0 i-S EyeSight.
          - Auto Vehicle Hold
          - Subaru Rear Vehicle Detection (SVRD) uses radar sensors installed on the rear of the vehicle to detect objects and vehicles behind the car for worry-free reversing and parking.
          - Optimisation of the shape of the pillars to help reduce blind spots and provide better visibility.

          Versatility and room for comfort
          - Minimum ground clearance of 220mm
          - Raised roof rails with integrated tie-down points for more loadings
          - New interior design for more comfort
          - Multiple divided seatback pockets
          - USB charging ports
          - Air-conditioning vent grilles at the central console
          - Larger rear leg room, and an increased cargo room with wider rear gate opening
          - Power rear gate, which allows opening, closing and locking of the entire vehicle with just the touch of a button.

          Built to last, the body of The All-New Forester 2019 is made of extensive high-strength steel that promises durability and rigidity befitting the rugged image of an SUV. The raised body, new claddings, protruding under guards, headlight grilles, and new taillights with beautiful and subtle details still keep the robustness and sophistication of the earlier model's charms.

          For more information, please call 02 725 1888, or visit http://www.subaru.asia/th.

          About Tan Chong International Limited
          Tan Chong International Limited (TCIL) is listed on the Stock Exchange of Hong Kong (HKSE:0693) and is a major motor, property and distribution company with operations in Singapore, Cambodia, China, Hong Kong, Indonesia, Japan, Malaysia, Philippines, Taiwan, Thailand and Vietnam. Since its inception in 1957, the Group has grown its assets substantially through continuous expansion of its existing diversified business portfolio in manufacturing, distribution and retail. Other businesses that TCIL engage in across Asia include automotive, commercial, manufacturing, trading and property investment businesses.

          About Motor Image
          Motor Image is a wholly owned subsidiary of TCIL and exclusive distributor of Subaru vehicles across nine countries in Asia. Established in 1986 and headquartered in Singapore, the company has since opened offices in Cambodia, China, Hong Kong, Indonesia, Malaysia, Philippines, Taiwan, Thailand and Vietnam. As part of Motor Image's growth strategy, the company has identified ASEAN as the key engine of the company's future growth. In July 2011, a partnership was established with Subaru Corporation (formerly known as Fuji Heavy Industries Ltd.) for the production of Subaru vehicles at a CKD assembly plant in Malaysia. On 8 February 2017, Subaru Corporation and TC Manufacturing and Assembly (Thailand) Co., Ltd. (TCMA TH), a wholly owned subsidiary of TCIL entered into a Joint Venture (JV) Agreement for the local assembly of Subaru vehicles in Thailand to reinforce their existing business foundations in Southeast Asia. The vehicles produced in both Malaysia and Thailand will be distributed by Motor Image through its Subaru network. www.subaru.asia

          About Subaru
          Founded in Japan in 1955, Subaru has since grown to become one of the world's leading carmakers. In 1972, Subaru became the first in the world to market an All-Wheel Drive (AWD) passenger car and pioneered the market in Japan for high-performance station wagons by combining a turbo-charged engine with an AWD system. Subaru has improved and refined its AWD system, to create a Symmetrical AWD system that enables optimal driving pleasure and safety.
          Subaru is well-known by motoring organizations worldwide for its engineering, design, functionality, safety and reliability. The Subaru range of vehicles includes the BRZ, Forester, Impreza, Legacy, Levorg, Outback, WRX, WRX STI and XV. Collectively, they have been known to be "driver's cars" offering superb handling because of the Subaru Four Core Technologies, such as the Symmetrical All-Wheel Drive and Subaru Boxer engine, built into every model. www.subaru-global.com

activity on December 02, 2018, 01:17:07 PM
จากัวร์และแลนด์โรเวอร์เดินหน้าเต็มกำลัง สร้างกลยุทธ์รุกทุกช่องทาง ปรับราคาเริ่มต้น พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษและเปิดตัวรถใหม่ 3 รุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35









          บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แนะนำรถยนต์แลนด์โรเวอร์ 3 รุ่นใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเริ่มจาก แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต (Land Rover Discovery Sport) รถ SUV ขนาดกลางระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมจุดเด่นกับที่นั่งแบบ 7 ที่นั่ง ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 3.499 ล้านบาทพร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 เมื่อจองภายในงาน และ 2 รุ่นใหม่กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (Plug-In Hybrid) ตัวแรกจากแลนด์โรเวอร์ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Sport Plug-in Hybrid) จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท และ เรนจ์โรเวอร์ ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Plug-in Hybrid) จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 8.999 ล้านบาท เป็นเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการขับเคลื่อนแบบไร้มลพิษเมื่อขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุด 51 กิโลเมตร โดยบริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด จับมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ EA Anywhere สถานีอัดประจุไฟฟ้า ในการบริการติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox และบริการสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับลูกค้าแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ โดยสามารถหาสถานีได้อย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ พิเศษจองรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด ฟรีวอชเชอร์ใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhere มูลค่า 10,000 บาท
          นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ไฮไลท์ในงานปีนี้ คือการเปิดตัว แลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ใหม่ 7 ที่นั่ง ด้วยราคาจำหน่ายที่ถูกที่สุดในรถยนต์แลนด์โรเวอร์ ราคาเพียง 3.499 ล้านบาท ผู้บริโภคจะได้เป็นเจ้าของรถยนต์ SUV ขนาดกลางระดับพรีเมียมที่สมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยมทั้งบนท้องถนนและออฟโรด การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่หลากหลายและความโปร่งโล่งสบายเพื่อให้ผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง รู้สึกสบายเท่ากันทุกคน พิเศษสำหรับผู้ที่จองภายในงานรับฟรีประกันภัยชั้น 1 และ "Worry-Free Program" ให้ความคุ้มค่ากับการรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลานาน 5 ปี
          และในส่วน 2 รุ่นใหม่กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ตัวแรกจากแลนด์โรเวอร์ รุ่น เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด และ เรนจ์โรเวอร์ ปลั๊กอิน ไฮบริด ได้ความร่วมมือจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ที่รู้จักในนาม EA Anywhere ในการบริการติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox ที่บ้านพักอาศัยหรืออาคารสำนักงานของลูกค้าที่ต้องการติดตั้ง รวมถึงให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าในลานจอดรถห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานีบริการน้ำมัน และในสถานที่ต่างๆ สำหรับลูกค้าแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ โดย EA Anywhere มีเป้าหมายในระยะยาวของบริษัทคือการเตรียมสร้างสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,000 แห่งทุกๆ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ดังนั้นผู้ใช้รถแลนด์โรเวอร์สามารถมั่นใจได้ว่า สถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการของคุณอย่างแน่นอน"
          นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า "ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 นอกเหนือจากรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงเพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสและทดลองขับแล้ว ทางจากัวร์มีการจัดกิจกรรม JAGUAR HELMET DESIGN CHALLENGE ให้ทุกคนร่วมสรรค์สร้างผลงานศิลปะบนหมวกกันน็อคทีมนักแข่งรถจากัวร์ เพื่อลุ้นไปสัมผัสประสบการณ์แบบวีไอพี ในรอบคัดเลือกระดับประเทศ รางวัลร่วมทริปกิจกรรม Jaguar Land Rover Experience ณ จังหวัดภูเก็ต จำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง และในรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รางวัลร่วมทริปเข้าชมงาน ABB FIA Formula E Championship 2019 ณ ฮ่องกง จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.jaguar.co.th/taoptartist ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2561 หรือสอบถามที่เคาน์เตอร์กิจกรรมภายในงาน"
          นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ EA Anywhere สถานีอัดประจุไฟฟ้า กล่าวว่า "ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจ EA Anywhere และบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ PHEV และ BEV
          ตามที่ EA Anywhere ได้ประกาศเป้าหมายและแผนการลงทุน ด้วยการสร้างปัจจัยพื้นฐานด้านสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง ถือเป็นเรื่องท้าทาย และเป็นการตอกย้ำความพร้อมซึ่งจะทำให้ประเทศไทยจะกลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอย่างยิ่ง อีกทั้งการประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการครั้งนี้ ระหว่าง บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด เพื่อสร้างความมั่นใจและรองรับการเดินทางแก่ผู้ใช้รถยนต์แลนด์โรเวอร์ ที่สามารถใช้บริการสถานีชาร์จ EA Anywhere ได้ทุกๆ แห่งตลอดการเดินทาง และยังได้แต่งตั้งให้ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด เป็นผู้ให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า Wall Box ให้แก่ลูกค้าแลนด์โรเวอร์ ทั้งที่ออฟฟิตที่ทำงาน และที่บ้านของลูกค้า ถือเป็นการตอกย้ำความพร้อม และการมอบบริการที่ดีที่สุดในการให้บริการ ของบริษัทฯ ที่สามารถให้บริการแก้ลูกค้าของแลนด์โรเวอร์ อย่างเป็นทางการ"

          ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ภายในงาน Motor Expo 2018 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2561
          จากัวร์ (Jaguar)
          - ดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ จากัวร์ เอฟ-เพซ (Jaguar F-Pace), จากัวร์ เอ็กซ์-อี (Jaguar XE), จากัวร์ เอ็กซ์-เอฟ (Jaguar XF) และ จากัวร์ เอ็กซ์-เจ (Jaguar XJ)
          - ฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ จากัวร์ อี-เพช (Jaguar E-Pace)
          - ปรับราคาจำหน่ายเริ่มต้น สำหรับ จากัวร์ เอฟ-ไทป์ (Jaguar F-Type) จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 6 ล้านบาท จากเดิมที่จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 6.999 ล้านบาท
          แลนด์โรเวอร์ (Land Rover)
          - ดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค (Range Rover Evoque), เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์ (Range Rover Velar) และ แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ (Land Rover Discovery)
          - ฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต (Land Rover Discovery Sport)
          - ฟรีวอชเชอร์ใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhere มูลค่า 10,000 บาท สำหรับ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Sport Plug-in Hybrid) และ เรนจ์โรเวอร์ ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Plug-in Hybrid)
          - ปรับราคาจำหน่ายเริ่มต้น สำหรับ เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์ (Range Rover Velar) จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท จากเดิมที่ราคาเริ่มต้น 5.999 ล้านบาท, แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ (Land Rover Discovery) จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท จากเดิมที่ราคาเริ่มต้น 6.499 ล้านบาท, เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Sport Plug-in Hybrid) จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท จากเดิมที่ประกาศราคาเริ่มต้นไว้ที่ 7.399 ล้านบาท
          จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ทุกรุ่น รับแคมเปญ "Worry-Free Program" ให้ความคุ้มค่ากับการรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

          สำหรับผู้ที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสและทดลองขับรถยนต์รุ่นต่างๆได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-007-0008

          บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด
          ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
          โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ พระราม 4 โทร 02-666-7500
          โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ สยามพารากอน โทร 02-007-0008
          โชว์รูม จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ ภูเก็ต โทร 076-218-838 ถึง 40
          อีเมล์ sales@jaguarlandroverthailand.com หรือ ติดตามข่าวสารได้ที่ www.jaguar.co.th และ www.landrover.co.th

activity on December 02, 2018, 01:18:31 PM
นิช คาร์ เผยโฉมสุดยอดยานยนต์ แมคลาเรน 600 แอลที ครั้งแรกในไทย ที่งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018









          บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียวในประเทศไทย เผยโฉม แมคลาเรน 600 แอลที ครั้งแรกในประเทศไทย ณ งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ บูธ A11 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี
          แมคลาเรน 600 แอลที คือสมาชิกลำดับที่ 4 แห่งตระกูล LT (Longtail) ในกลุ่มสปอร์ตซีรีส์ (Sport Series) มุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพสูงสุด และทรงพลังสูงสุดในกลุ่มเดียวกัน พัฒนาจากวิศกรรมยานยนต์ชั้นเลิศของสายพันธุ์รถแข่ง GT ขนานแท้ เพิ่มความแรงและน้ำหนักเบา พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก ด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ ส่งมอบขุมพลัง 600 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร
          ความแรงและเร็วเปรียบดั่งกระสุนเงิน ยกระดับตำนานตระกูล LT คลาสสิก ให้ก้าวล้ำสู่อนาคต ด้วยความเบาจากโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ รับประกันความรู้สึกร่วมของผู้ขับที่จะสัมผัสได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น เพื่อการขับบนท้องถนนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังคงคาแรกเตอร์ของรถสปอร์ต
          เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น 570เอส คูเป้ รถแมคลาเรน 600 แอลที มีน้ำหนักที่เบากว่าถึง 96.4 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ และการใช้แชสซีส์ MonoCell II คาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบาลงถึง 75 กิโลกรัม พร้อมล้ออัลลอยที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาพิเศษ พัฒนาระบบกันสั่นสะเทือน เพิ่มประสิทธิภาพ front track รวมถึงการปรับการตกแต่งภายในที่คำนึงถึงการใช้ประโยชน์สูงสุด พร้อมพุ่งทะยานสู่ท้องถนนด้วยศักยภาพที่เหนือชั้นเต็มรูปแบบ
          การปรับปรุงระบบความเย็นและการพัฒนาระบบระบายไอเสียทำให้ แมคลาเรน 600 แอลที พุ่งทะยานด้วยความแรงและดุดันยิ่งขึ้น ด้วยระบบ Active Dynamics Panel และเบาะนั่งรถแข่ง จะขับบนท้องถนนหรือสนามแข่งก็ง่ายดายสูงสุด นอกจากนั้นด้านหลังของรถยังเพิ่มขึ้น 47 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มแรงกดอากาศ และสมรรถภาพที่ดียิ่งขึ้นในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความดิบและความรู้สึกร่วมของผู้ขับต่อการตอบสนองของระบบเบรกน้ำหนักเบา ปีกนกคู่อะลูมิเนียม และยาง Pirelli P Zero TroFeo R ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อ แมคลาเรน 600 แอลที โดยเฉพาะ เพิ่มความเร้าใจในการขับสูงสุด
          วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดตัว แมคลาเรน 600 แอลทีว่า "นิชคาร์เปิดจำหน่ายแมคลาเรน 600 แอลที ซึ่งจะนำเข้ามาในประเทศไทยเพียง 6 คันเท่านั้น ด้วยราคาเริ่มต้น 24.7 ล้านบาท การเปิดตัวซูเปอร์คาร์ในประเทศไทย ที่งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งนี้ ถือเป็นไฮไลต์ครั้งสำคัญ และเป็นโอกาสของแฟนรถทุกท่านที่จะได้ร่วมยลโฉมการออกแบบ และประสิทธิภาพระดับตำนานของแมคลาเรนได้อย่างใกล้ชิด"
          ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018 ในครั้งนี้ นอกจาก แมคลาเรน 600 แอลที แล้ว บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ยังได้นำ แมคลาเรน 720เอส ซูเปอร์คาร์เจเนอเรชั่น 2 ในกลุ่มซูเปอร์ ซีรีส์ ที่ได้เปิดตัว ณ โชว์รูม นิช คาร์ เมื่อเดือนมิถุนายน มาจัดแสดงในงานครั้งนี้ด้วย แมคลาเรน 720เอส มีความทรงพลังถึง 720 แรงม้า เบากว่าและแรงยิ่งกว่า แมคลาเรน 650เอส รุ่นก่อนหน้า และพื้นที่ภายในที่พัฒนาสูงสุดเพื่อความสนุกในการขับที่มากกว่า พร้อมด้วย แมคลาเรน 570 เอส คูเป้ คือผู้นำในรุ่นด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ และเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบขนาด 3.8 สร้างความเร้าใจในการขับ ทั้งนี้ แมคลาเรน Rolling Chassis คือส่วนที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนรถยนต์ตัวจริง ที่จะได้มีโอกาสยลโฉมยานยนต์จากบริทิชที่มีเทคโนโลยีและชื่อเสียงระดับชั้นนำของโลก
          หากต้องการข้อเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิชคาร์กรุ๊ป สามารถติดต่อ ที่ โทร 02-321-1111 โดยโชว์รูมเปิดบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.30 น.

          เกี่ยวกับแมคลาเรน ออโตโมทีฟ
          แมคลาเรน ออโตโมทีฟ คือผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับหรูสมรรถนะสูงสัญชาติอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ศูนย์เทคโนโลยี แมคลาเรน (McLaren Technology Centre: MTC) ในเมืองโวคกิ้ง เขตเซอร์เรย์
          เมื่อบริษัทเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี ค.ศ. 2010 แมคลาเรน ออโตโมทีฟ จึงเปิดตัวยานยนต์ที่สร้างกระแสฮือฮาอย่างสูง นั่นคือรุ่น 12C และ 12C Spider และรุ่น McLaren P1 ลิมิเต็ดเอดิชั่นในปี ค.ศ. 20113 เนื่องจากบริษัทมีนโยบายในการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทุกปี ดังนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ แมคลาเรน จึงได้เปิดตัวรุ่น 650S Coupe และ 650S Spider โดยแมคลาเรนยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจและดำเนินงานผ่านเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายปลีกในตลาดรถยนต์ระกับหรูทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
          พันธมิตรของแมคลาเรน ออโตโมทีฟ
          แมคลาเรน ออโตโมทีฟ ประสานงานกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง เพื่อการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีเฉพาะด้าน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการพัฒนา การคิดค้นระบบวิศวกรรม และการผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ของแมคลาเรน ซึ่งพันธมิตรชั้นเยี่ยมของแมคลาเรน ไดแก่ Akebono, AkzoNobel, ExxonMobil, Pirelli, SAP และ TAG Heuer
          การออกแบบเพื่อสนามแข่งขันและการพัฒนาเพื่อขับขี่บนท้องถนน
          การสร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างยานยนต์ฟอร์มูล่า 1 กับรถยนต์สำหรับขับขี่บนท้องถนน ถือเป็นขั้นตอนแห่งประสบการณ์ องค์ความรู้ หลักการ และการถ่ายทอดกระบวนการที่สมบูรณ์แบบของแมคลาเรน ตลอดระยะเวลา 50 ปีของการบูรณาการระหว่างความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ของรถยนต์สูตร 1 ผสานกับมรดกทางภูมิปัญญาในการผลิตรถสปอร์ตชั้นเยี่ยมมากนานกว่า 20 ปี ทำให้ แมคลาเรน ออโตโมทีฟ สามารถออกแบบ พัฒนา และสร้างรถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมใหม่หลากหลายรุ่น ซึ่งสมบูรณ์แบบทั้งการพุ่งทะยานในสนามแข่งขันและการขับขี่บนท้องถนน
          แมคลาเรน คือผู้บุกเบิกการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตรถยนต์มานานกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ริเริ่มการใช้คาร์บอนไฟเบอร์กับตัวถังรถยนต์ทั้งรุ่นแข่งขัน McLaren MP4/1 ในปี 1981 และรุ่นขับขี่ทั่วไป McLaren F1 ในปี 1993 แมคลาเรนก็ได้เปลี่ยนมาใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์กับตัวถังรถยนต์ทุกรุ่นมาโดยตลอด

          เกี่ยวกับ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด
นิช คาร์ กรุ๊ป คือ ผู้นำเข้ารถยนต์ระดับซูเปอร์คาร์ สปอร์ตคาร์ และไฮเปอร์คาร์ ในประเทศไทย ดำเนินธุรกิจเป็นเวลากว่า 30 ปี ภายใต้ชื่อเดิมคือ เบนซ์นครินทร์ ออโต้ กรุ๊ป ปัจจุบัน นิช คาร์ กรุ๊ป ได้รวบรวมสุดยอดยนตรกรรมจากทั่วโลก อาทิ สุดยอดสองสายพันธุ์จากประเทศอังกฤษที่รวมอยู่ใน Formula 1 "แมคลาเรน" (McLaren) และ ซูเปอร์คาร์พันธุ์คลาสสิก "โลตัส" (Lotus) รวมถึงไฮเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลี "ปากานี" (Pagani) และ ไฮเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดน "โคนิกเซ็กก์" (Koenigsegg) ราชันต์ออฟโรด "ฮัมเมอร์" (Hummer) จากอเมริกา พร้อมด้วยโชว์รูมที่ สยามพารากอน และ มอเตอร์เวย์ กม.1
          หากต้องการข้อเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิชคาร์กรุ๊ป สามารถติดต่อ ที่ โทร 02-321-1111 โดยโชว์รูมเปิดบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.30 น.

activity on December 02, 2018, 01:19:48 PM
ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน Thailand International Motor Expo 2018

            - เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จัดแสดง ปอร์เช่ มาคัน ใหม่ มาพร้อม Premium Package ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 4.8 ล้านบาท ณ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 (Thailand International Motor Expo 2018)
?          - เอเอเอสฯ ยังขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นเด่น นำโดย ปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne
E-Hybrid), 911 คาร์เรร่า 4 จีทีเอส (911 Carrera 4 GTS), 718 บ็อกซเตอร์ (718 Boxster), 718 เคย์แมน (718 Cayman), พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด เอ็กซ์คูทีฟ (Panamera 4 E-Hybrid Executive) และ พานาเมร่า 4
          - อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) ร่วมจัดแสดงในงาน
          - โมเดลจำลองรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต มิชชั่น อี (Mission E) ขนาด 1:3 เดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อจัดแสดงในโอกาสพิเศษนี้ พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับผ่านเทคโนโลยีภาพจำลองเสมือนจริง (Augmented Reality) สำหรับผู้เข้าชมบูธรถยนต์ปอร์เช่
          - เอเอเอสฯ เข้าร่วมมหกรรมยานยนต์ครั้ง 35 ในระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน - วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2561 นี้ โดยบูธรถยนต์ปอร์เช่ อยู่บริเวณ B01 อาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
         








          ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 (Thailand International Motor Expo 2018) โดยการเปิดตัวต่อสาธารณะชนครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก มร. มาร์เซล เมย์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาค ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิค เป็นผู้แนะนำรถยนต์ขนาดคอมแพค เอสยูวี รุ่นใหม่ล่าสุดนี้
          มาคันน์ ใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 4.8 ล้านบาท มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย การเชื่อมต่อด้วยระบบสื่อสาร เพื่อการขับขี่ในหลากหลายรูปแบบ อุปกรณ์พื้นฐานที่ได้รับการติดตั้งมากมายเสริมด้วย Macan Premium Package ซึ่งถือเป็นความพิเศษของการฉลองครบรอบ 25 ปี ของปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิสซึ่งผูนำเข้านำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
          นอกจากนี้ เอเอเอสฯ ยังมีกิจกรรมพิเศษเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางในเส้นทางดิจิตัลแด่ผู้ชื่นชอบรถยนต์ปอร์เช่ด้วยโมเดล มิชชั่น อี (Mission E) ขนาด 1:3 ผ่านเทคโนโลยีภาพจำลองเสมือนจริง (Augmented Reality) โดยโมเดลดังกล่าวจะพาทุกท่านเข้าสู่โลกของ E-Performance และยลโฉมก่อนการมาถึงของ ไทคานน์ (Taycan) ยนตรกรรมไฟฟ้าแห่งอนาคตเต็มรูปแบบของปอร์เช่ ซึ่งจะมาถึงในต้นปี 2020 นี้ โมเดล มิชชั่น อี นี้ได้ออกเดินทางไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางที่ 2 หลังจากที่เดินทางไปจัดแสดงในกิจกรรม E-Performance Nights ที่ประเทศมาเลเซีย โดยหลังจากนี้ก็จะเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคต่อไป
          มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า "เรามีความยินดีที่ได้จัดงานเปิดตัวรถยนต์ ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับโฉมใหม่ผสานด้วย Premium Package ที่มาพร้อมราคาสุดเร้าใจ และในขณะเดียวกัน โมเดล Mission E ก็จะได้อวดโฉมแก่สายตาสาธารณะชนเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง ก่อนการมาถึงของ ไทคานน์ (Taycan) รถยนต์พลังงานงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของปอร์เช่ ซึ่งเราเล็งเห็นว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมแน่นอน เราพร้อมแล้วที่จะต้อนรับทุกท่านที่บูธรถยนต์ปอร์เช่ของเรา"
          ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ (The new Macan)
          ยนตรกรรมสปอร์ต SUV ขนาดคอมแพครุ่นล่าสุด มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 252 แรงม้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมทั้งอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการเพิ่มเติมได้แก่ ไฟหน้า LED ระบบความบันเทิงและการติดต่อสื่อสาร Porsche Communication Management รุ่นล่าสุดพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.9 นิ้ว ระบบเซ็นเซอร์หน้า-หลังพร้อมกล้องช่วยเหลือในการถอย จอด เบาะนั่งแบบ comfort ปรับได้ 14 ทิศทางที่สามารถจดจำการตั้งค่าที่นั่งได้ ระบบช่วยเหลือ การเปลี่ยนเลนส์หรือเปลี่ยนช่องทางการขับขี่ ระบบปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแยกระหว่าง ตำแหน่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
          Macan Premium Package ซึ่งถือเป็นความพิเศษของการฉลองครบรอบ 25 ปีนี้ ประกอบด้วย ระบบเครื่องเสียง BOSE(R) Surround Sound System ระบบสั่งการด้วยเสียง Apple(R) CarPlay, ระบบ Ambient Lighting ในห้องโดยสารม่านบังแสงอัตโนมัติ (Mechanical Sunblinds) และ กระจกปรับแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Mirrors)
          เสถียรภาพการขับเคลื่อนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของมาคันน์ (Macan) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถสปอร์ต รถคันนี้มาพร้อมกับล้อขนาดต่างๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงพลังแห่งการขับเคลื่อน all-wheel drive และระบบ Porsche Traction Management (PTM) อย่างเต็มสมรรถนะ ล้อรถได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อเสถียรภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นด้วยขนาดที่หลากหลายตั้งแต่ขนาดมาตรฐาน18 นิ้ว ไปจนถึงขนาด 22 นิ้ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมได้
          มาคันน์ ใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 4.8 ล้านบาท
          ปอร์เช่ คาเยนน์ อี ไฮบริด (Cayenne E-Hybrid)
          ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid) ยนตรกรรมพรีเมียม SUV แห่งยุคที่ติดตั้งขุมพลัง E-performance พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต ให้เป็นหนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 78 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 6.3 ล้านบาท
          ไทคานน์ (Taycan)
          ยานยนต์แห่งอนาคตก้าวเข้ามาใกล้อีกขึ้นหนึ่ง สายการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของปอร์เช่จะเริ่มขึ้นในปีหน้า มอเตอร์ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ตัวแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) เมื่อทำงานร่วมกันสามารถผลิตกำลังสูงสุดได้มากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) ส่งผลให้รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้มีอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12 วินาที ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นโดยข้อได้เปรียบของการถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนที่ต่อเนื่องอันเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า: การเร่งออกตัวที่ฉับไวอย่างเหลือเชื่อมีที่มาจากประสิทธิภาพการทำงานของส่วนประกอบซึ่งปราศจากการสูญเสียใดๆ ในระบบอย่างสิ้นเชิง รถยนต์คันนี้มีความสามารถเดินทางไกลมากกว่า 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC.

          เกี่ยวกับ AAS Auto Service
          ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทด สอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์ รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลัง การขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name You Can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
          Porsche Centre Bangkok โทร. 02-522-6655
          Porsche Centre Pattanakarn โทร. 02-369-1111
          Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
          Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911

activity on December 02, 2018, 01:20:22 PM
Carro คาดการณ์ยอดขายรถมือสองเพิ่มขึ้น 7% จากยอดจองรถใหม่ในงาน Motor Expo 2018



          Carro หนึ่งในเว็บไซต์เจ้าตลาดรถมือสองออนไลน์ในปัจจุบัน ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ขายรถบ้านอย่างสูง เป็นบริษัท Startup จากประเทศสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั้งในไทย และอินโดนีเซีย ที่มีความโดดเด่นในธุรกิจรถมือสองออนไลน์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และยังมีจำนวนรถบ้านมือสองลงประกาศขายอยู่บนเว็บไซต์จำนวนนับหมื่นคันเลยทีเดียว
          คุณมานิต โกการ์ Country Manager ของทางบริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด ได้คาดการณ์ถึงยอดจำนวนรถมือสองหมุนเวียนจะเพิ่มมากขึ้น กล่าวว่า "หลังจากจบงานมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo 2018 เนื่องจากว่า 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายรถในตลาดรถยนต์ของไทยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมียอดขาย 746,584 คัน พร้อมกับถูกคาดการณ์ว่าน่าจะแตะ 1 ล้านคัน เมื่อถึงสิ้นปี 2561
          และเกือบทุกค่ายรถยนต์ในเมืองไทยมียอดขายเติบโตขึ้น โดยเฉพาะบรรดา Top Five อย่าง Toyota, Isuzu, Honda, Mazda และ Mercedes-Benz เพราะในปี 2560 ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ของไทยมียอดขายโดยรวมทั้งสิ้น 871,647 คัน และหากปี 2561 นี้ มียอดขายทะลุ 1 ล้านคันจริง จะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 130,000 คัน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
โดยเฉพาะในงาน Motor Expo 2018 ที่จะจัดขึ้นช่วงระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 10 ธันวาคม 2561 โดยทุกปี Event ของงาน Motor Expo จะมียอดขายรถยนต์มากกว่างาน Motor Show ที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม"
          เครดิตรูป www.motorexpo.co.th
          อีกทั้ง คุณขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน Motor Expo 2018 คาดว่าปีนี้จะมียอดจองรถยนต์ในงาน 45,000 คัน มากกว่าปี 2560 ที่มียอดจองรถยนต์ 39,832 คัน และในปี 2559 มียอดจองรถยนต์ 32,422 คัน ซึ่งทำให้รู้ว่ามีแนวโน้มของผู้สนใจ และมีกำลังซื้อ ต้องการจับจองรถยนต์ใหม่กันมากขึ้น
          หากสำเร็จตามที่ได้คาดการณ์ไว้ นั่นแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตลาดรถยนต์ใหม่ก็จะขายได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลมายังคนที่มีรถยนต์อยู่แล้ว อยากเปลี่ยนรถคันใหม่ ก็นำรถยนต์คันเดิมออกมาสู่ตลาดมือสองมากขึ้น
          และจากข้อมูลของทาง สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว (http://www.usedcar.or.th/) เผยว่าลูกค้ากลุ่มที่ต้องการรถยนต์มือสองยังมีมากขึ้นและเติบโตขึ้นทุกปี โดยในปี 2560 มีอัตราการเติบโตราว 7% เมื่อเทียบกับปี 2559 และคาดการณ์ไว้ว่าปี 2562 จะโตขึ้นจากปี 2561 อีกราว 7% เช่นกัน
          https://th.carro.co จึงคาดการณ์ได้ว่า ผู้ซื้อจะนำรถยนต์ที่ตัวเองใช้อยู่มาปล่อยขายในตลาดรถยนต์มือสองมากขึ้นตามไปด้วย ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดรถยนต์มือสองในปี 2561 - 2562 อย่างชัดเจน

          เกี่ยวกับคาร์โร (ประเทศไทย)
          Carro หรือ "คาร์โร" คือ สตาร์ทอัพด้านตลาดรถยนต์ และสินเชื่อรถยนต์ ที่เริ่มดำเนินธุรกิจจากประเทศสิงคโปร์ ต่อมาได้ขยายกิจการไปที่ประเทศไทย และล่าสุดขยายมายังประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Carro ได้รับเงินลงทุนสนับสนุนจาก Series B (กลุ่มผู้ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ) ถึง 60 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาค ASEAN หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเข้าชมได้ที่ https://th.carro.co/ เฟซบุ๊คเพจ https://www.facebook.com/carrothai หรือที่ LINE @carrothailand

activity on December 02, 2018, 01:22:15 PM
ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ครั้งแรกในอาเซียน ทั้งเอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 และ ไออ้อน 1200 ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018









          สัมผัสมอเตอร์ไซค์แบบพาวเวอร์ ครุยเซอร์ เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 ใหม่ และ ไออ้อน 1200 ใหม่ ดีไซน์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสุดยอด
          ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติอเมริกัน เตรียมจัดแสดงมอเตอร์ไซค์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดทั้งเอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 (FXDR 114) และ ไออ้อน 1200 (Iron 1200) เป็นครั้งแรกของภูมิภาคอาเซียน ภายในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี กรุงเทพฯ เพื่อบรรดาแฟน ๆ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เมืองไทยผู้แสวงหาอิสรเสรีอันไร้ขีดจำกัด
          เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 (FXDR 114)
          เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 ใหม่ นำเสนอสมรรถนะแห่งการพุ่งทะยานที่แรงสุดขั้ว เห็นได้จากการออกแบบรูปลักษณ์ที่มีแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่งขันทางตรง ที่ซึ่งนักขี่สามารถสัมผัสถึงแรงบิดที่มีปฏิกิริยากับพื้นถนนได้อย่างเต็มกำลัง ในขณะที่อะดรีนาลีนผู้ขับขี่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย
          ขุมพลังจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight V-twin engine 114 ci
          แชสซีรุ่นซอฟเทล (Softail) พร้อมสวิงอาร์มและล้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบา
          ผสมผสานองค์ประกอบต่างๆที่ช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้อย่างมาก
          ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 ใหม่ มอบสมรรถนะที่แรงแบบรถแข่งแดร๊กแนวฮาร์ดคอร์ ที่เพียบพร้อมด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี นับเป็นมอเตอร์ไซค์แบบครุยเซอร์อันทรงพลังที่มอบมิติใหม่ของประสิทธิภาพการขับขี่ในกลุ่มรถฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผสานแรงบิดสุดพลังจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114เข้ากับแนวคิดอิสระในการใช้ชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและการผสมผสานส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนักของตัวรถ ผลลัพธ์ก็คือ การยกระดับสมรรถนะการขับขี่ในทุก ๆ ด้านอย่างชัดเจน
          เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 เป็นมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รุ่นที่ 10 ที่ใช้โครงรถรุ่นซอฟเทล (Softail) ซึ่งเปิดตัวในปี 2018 และนับเป็นรุ่นล่าสุดจากที่บริษัทวางเป้าหมายในการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ทั้งหมด 100 รุ่นภายในปี 2027 โดยรุ่นออล-นิว เอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,199,000 บาท
          ไออ้อน 1200 (Iron 1200)
          ไออ้อน 1200 ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ Evolution 1200 V-Twin engine มอบแรงบิดมากขึ้น 34% (เปรียบเทียบ 70 นิวตันเมตรกับ 94 นิวตันเมตร) เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ 883 Evolution engine ในรุ่นไออ้อน 883 (Iron 883) ซึ่งเป็นรุ่นต้นแบบมอเตอร์ไซค์สำหรับขับขี่ในเมืองในตระกูลสปอร์ตสเตอร์ (Sportster)
          แฮนด์บาร์สีดำในแบบมินิเอพ (Mini Ape) สีซาตินแบล็ก ที่ยกสูงโค้งขึ้นแบบชอปเปอร์ที่สร้างความโดดเด่นให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อย่างชัดเจน การออกแบบแผงหน้าปัดสีดำเงาที่ล้อมกรอบไฟหน้าได้รับอิทธิพลมาจากสไตล์ West Coast ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับแกนทรงสูงของตัวรถ ส่วนเบาะนั่งตอนเดียวแบบคาเฟ่ Cafe Solo Seat เอียงลาดไปยังส่วนบังโคลนหลังและถูกปรับรูปทรงให้ช่วยรองรับผู้ขี่ให้อยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคงในยามที่แรงบิดจากเครื่องยนต์ Evolution 1200 กระชากออกตัว
          ถังน้ำมันขนาด 3.3 แกลลอนของรุ่นสปอร์ตสเตอร์แบบคลาสสิก มีการทำลวดลายกราฟิกแถบยาวหลากสีให้โอบตัวถังน้ำมันโดยรอบ ระบบส่งกำลังเครื่องทั้งหมดถูกตกแต่งด้วยสียอดนิยม อาทิ ส่วน rocker box ทั้งบนและล่างสีดำ, ท่อไอเสียและแผ่นกันความร้อนสีดำ, และตัวไทเมอร์ ฝาครอบ Primary และ Derby สีดำ สำหรับส่วนท่อก้านส่งลิ้นและฝาครอบลูกกระทุ้งชุบโครเมียมช่วยเพิ่มโทนสีสว่างและสร้างจุดเด่นให้กับส่วนเครื่องยนต์ V-Twin engine โดยไออ้อน 1200 ยังติดตั้งล้ออลูมิเนียมแบบ 9 ซี่ รวมถึงเบลท์การ์ดสีดำสนิทตั้งแต่ขอบล้อ โซ่ฟันเฟือง สำหรับรุ่นไออ้อน 1200 มีราคาเริ่มต้นที่ 619,000 บาท
          "เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับความต้องการที่มีต่อรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย" นายธนบดี กุลทล (มาร์ค) ผู้จัดการประจำประเทศ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประเทศไทย กล่าว "สำหรับรถ 2 รุ่นใหม่นี้ ทั้งรุ่นที่เป็นสไตล์รถแข่งขันแนวแดร๊กและอีกรุ่นที่เป็นแนวย้อนยุค ถือเป็นตัวอย่างสุดคลาสสิกที่ทำให้ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มีความพิเศษไม่เหมือนใคร โดยรุ่นเอฟเอ็กซ์ดีอาร์ 114 เป็นมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์อันทรงพลังที่มอบประสบการณ์การขับขี่สุดพิเศษและการควบคุมที่เป็นเยี่ยม ส่วนรุ่น ไออ้อน 1200 มอบความสมบูรณ์สำหรับผู้ที่ต้องการขับขี่บนท้องถนนและใช้กำลังเครื่องในระดับปานกลางเพื่อให้ขับขี่ผ่านพ้นการจราจรที่ขับคั่งไปได้อย่างง่ายดาย"
          นอกเหนือจาก 2 รุ่นใหม่ งานไทยแลนด์มอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้มีโอกาสยลโฉมมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน รุ่นปี 2019 ทั้ง 14 รุ่นทั้งตระกูลสปอร์ตสเตอร์ (Sportster) และซอฟเทล (Softail) พร้อมกันทั้งหมดในงานเดียว โดยนำเสนอในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 479,000 บาทสำหรับตระกูลสปอร์ตสเตอร์ (Sportster) และราคาเริ่มต้น 849,000 บาทสำหรับตระกูลซอฟเทล (Softail)
          พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ยเพียง 3.29% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับผู้ซื้อมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ตระกูลทัวร์ริ่งรุ่นปี 2019 ทุกรุ่น และสำหรับเจ้าของฮาร์ลีย์รับดอกเบี้ยสุดพิเศษ 0% เมื่อซื้อมอเตอร์ไซค์ตระกูลซอฟเทล (Softail) และทัวร์ริ่งรุ่นปี 2018
          นอกจากนี้ มอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสันทุกรุ่นที่ซื้อภายในงาน ยังจะได้การรับประกันจากโรงงาน 2 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง และสิทธิการเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ขับขี่ฮาร์ลีย์ (HOG) ฟรี 1 ปี พร้อมการช่วยเหลือฉุกเฉินและชุด Welcome kit มูลค่า 6,000 บาทฟรี ซึ่งประกอบด้วยกระเป๋าเป้สะพายหลัง ที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบกันน้ำและชุดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสีรถขนาดพกพา

          เกี่ยวกับ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี
          นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2446 ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน มอเตอร์ คอมพานี เติมเต็มความฝันของการมีอิสรภาพส่วนบุคคลด้วยรถมอเตอร์ไซด์แนวครูสเซอร์ ทัวร์ริ่ง และคัสตอม มอบประสบการณ์ขับขี่และกิจกรรม ตลอดจนอะไหล่ชิ้นส่วน อุปกรณ์ตกแต่ง ของที่ระลึก อุปกรณ์สวมใส่สำหรับการขับขี่ และเครื่องแต่งกายของฮาร์ลีย์-เดวิดสันที่ครอบคลุม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ H-D.com

activity on December 02, 2018, 01:22:36 PM
ภาพข่าว: “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เปิด “สตรีท ทวิน” และ “สตรีท สแครมเบลอร์” โฉมใหม่ปี 2019



          นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดตัว "สตรีท ทวิน" (New Street Twin2019) และ "สตรีท สแครมเบลอร์" (New Street Scrambler 2019) ไฮไลท์รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ตระกูลโมเดิร์นคลาสสิกโฉมใหม่ปี 2019 ที่ได้รับการพัฒนาในเรื่องพละกำลังเครื่องยนต์ อุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะเฉพาะมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำ และรายละเอียดการตกแต่งตัวรถที่มีสไตล์สวยงามเฉพาะตัว ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆนี้ ณ บูธไทรอัมพ์ G07 ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี
 
          เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:
          ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดนกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 โดยมอเตอร์ไซค์ของ ไทรอัมพ์ มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 620 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไซร์ ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในประเทศบราซิล และประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 60,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

activity on December 02, 2018, 01:23:12 PM
ภาพข่าว: “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” เปิดตัวรถรุ่นใหม่ปี 2019



          นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (ที่ 4 จากซ้าย) คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 (ที่ 5 จากซ้าย) และคุณวราทิพย์ เชยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด (ที่ 6 จากซ้าย) ร่วมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ตระกูลโมเดิร์นคลาสสิก 2 รุ่นใหม่ครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ "สตรีท ทวิน" และ "สตรีท สแครมเบลอร์" โฉมใหม่ปี 2019 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ บูธไทรอัมพ์ G07 ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี

          คำบรรยายภาพจากซ้าย
          1. นายปิยะวัฒน์ วิริยะรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
          2. นายสังสิทธิ์ สุขวิทยานุสรณ์ ผู้จัดการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
          3. นางสาวจิราพร สำเร็จกิจเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
          4. นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
          5. นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
          6. นางวราทิพย์ เชยศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด
          7. นายวรฐก์ ปิฏกานนท์
 
          เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:
          ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 โดยมอเตอร์ไซค์ของ ไทรอัมพ์ มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 700 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไซร์ ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในประเทศบราซิล และประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 65,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

activity on December 02, 2018, 01:24:29 PM
PTTOR เปิดตัว เวียร์ – ศุกลวัฒน์ พรีเซนเตอร์คนใหม่ของ PTT UltraForce Diesel ในงาน Motor Expo 2018









          นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นประธานเปิด บูธ PTTOR ในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ "The 35th Thailand International Motor Expo 2018" ณ ศูนย์ประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ – 10 ธันวาคม 2561 พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ของ PTT UltraForce Diesel
          นางสาวจิราพร เปิดเผยว่า ในปีนี้ PTTOR ยังคงไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ดีมีคุณภาพเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station จนถึงผลิตภัณฑ์ และการบริการต่าง ๆ เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรใหม่ PTT UltraForce Diesel (พีทีที อัลตร้าฟอร์ซ ดีเซล) ที่ PTTOR มุ่งมั่นทุ่มเท พัฒนา คิดค้นเพื่อผู้บริโภคชาวดีเซลโดยเฉพาะ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสูตรใหม่เป็นรายแรกของโลกที่ช่วยเพิ่มความแรงของทั้งน้ำมันดีเซลสูตรธรรมดา และดีเซลสูตรพรีเมียมของสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้แรงได้ใจคนดีเซล เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติความแรงของวงการน้ำมันไทย อีกทั้งยังได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนล่าสุดของ PTT UltraForce Diesel "คุณเวียร์ ศุกลวัฒน์" ไอคอนนิกแห่งความแรง และความแมน ตามแบบฉบับของชาวดีเซล ที่มาร่วมตอกย้ำ สร้างความเชื่อมั่นในความแรงของ PTT UltraForce Diesel ให้ดูแกร่งยิ่งขึ้น
          นอกจากนี้ PTTOR ยังคงปรับปรุงองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้อยู่ในรูปแบบ Friendly Design สัญลักษณ์แห่งความห่วงใย และความเท่าเทียมกัน ที่พร้อมดูแลผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ทุกเงื่อนไขของสภาพร่างกาย ให้สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้อย่างสะดวกและปลอดภัยในทุก ๆ พื้นที่ภายในสถานีบริการ โดยปัจจุบัน มีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่เป็นรูปแบบ Friendly Design แล้วทั้งสิ้นกว่า 300 สถานี บนเส้นทางสายหลัก และตั้งเป้าหมายปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้อยู่ในรูปแบบ Friendly Design เพิ่มขึ้นเป็น 400 สถานี ภายในสิ้นปี 2561

activity on December 02, 2018, 01:25:00 PM
ภาพข่าว: ทิพยประกันภัย จัดโปรโมชั่นพิเศษ ในงานมหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2018



          ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย คุณชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ ร่วมเปิดบูธทิพยประกันภัย (บูธ H07) ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ The 35th Thailand International Motor Expo 2018 ตามแนวคิด "ขับสนุก! ก่อนยุคไร้คนขับ" โดยทิพยประกันภัยได้ยกทัพผลิตภัณฑ์ประกันภัยมาพร้อมกับโปรโมชั่นส่วนลดสุดพิเศษ อาทิ ประกันภัยรถยนต์สำหรับผู้หญิง TIP LADY รับส่วนลดประกันภัย 4 ต่อ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ Toyota Yaris ATIV และร่วมสนุกกับกิจกรรมภายในบูธรับของที่ระลึกอีกมากมาย ตั้งแต่วันที่ 29 พย. ถึง 10 ธค. 2561 ณ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

activity on December 02, 2018, 01:25:37 PM
อินช์เคป จับมือ พลังงานบริสุทธิ์ ติดตั้งสถานีชาร์จสำหรับลูกค้าแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ พร้อมฟรี วอชเขอร์ 10,000 บาท เมื่อจองรถในงาน Motor Expo 2018



          อินช์เคป จับมือ พลังงานบริสุทธิ์ ติดตั้งสถานีชาร์จสำหรับลูกค้าแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ พร้อมฟรี วอชเขอร์ 10,000 บาท เมื่อจองรถในงาน Motor Expo 2018
          บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จับมือกับ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ EA Anywhere สถานีอัดประจุไฟฟ้า ในการบริการติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox และบริการสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับลูกค้าแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ โดยสามารถหาสถานีได้อย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ พิเศษจองรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด ฟรีวอชเชอร์ใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhere มูลค่า 10,000 บาท
          นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ EA Anywhere สถานีอัดประจุไฟฟ้า กล่าวว่า "ต้องขอขอบคุณ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจ EA Anywhere ผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ PHEV และ BEV
          ตามที่ EA Anywhere ได้ประกาศเป้าหมายและแผนการลงทุน ด้วยการสร้างปัจจัยพื้นฐานด้านสถานีชาร์จไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง ถือเป็นเรื่องท้าทาย และเป็นการตอกย้ำความพร้อมซึ่งจะทำให้ประเทศไทยจะกลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอย่างยิ่ง อีกทั้งการประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการครั้งนี้ ระหว่าง บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด เพื่อสร้างความมั่นใจและรองรับการเดินทางแก่ผู้ใช้รถยนต์แลนด์โรเวอร์ ที่สามารถใช้บริการสถานีชาร์จ EA Anywhere ได้ทุก ๆ แห่งตลอดการเดินทาง และยังได้แต่งตั้งให้ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด เป็นผู้ให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้า Wall Box ให้แก่ลูกค้าแลนด์โรเวอร์ ทั้งที่ออฟฟิศที่ทำงาน และที่บ้านของลูกค้า ถือเป็นการตอกย้ำความพร้อม และการมอบบริการที่ดีที่สุดในการให้บริการของบริษัทฯ ที่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าของแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ"
          โดยรถยนต์แลนด์โรเวอร์ รุ่น เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด และ เรนจ์โรเวอร์ ปลั๊กอิน ไฮบริด 2 รุ่นใหม่ สามารถติดตั้งเครื่องชาร์จ Wallbox ที่บ้านพักอาศัยหรืออาคารสำนักงานของลูกค้าที่ต้องการติดตั้ง รวมถึงให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าในลานจอดรถห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สถานีบริการน้ำมัน และในสถานที่ต่าง ๆ สำหรับลูกค้าแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ EA Anywhere มีเป้าหมายในระยะยาวด้วยการเตรียมสร้างสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,000 แห่งทุก ๆ ระยะทาง 5 กิโลเมตร ผู้ใช้รถแลนด์โรเวอร์สามารถมั่นใจได้ว่า สถานีชาร์จไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
          ผู้ที่จองรถยนต์แลนด์โรเวอร์ รุ่น เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Sport Plug-in Hybrid) และ เรนจ์โรเวอร์ ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Plug-in Hybrid) ภายในงาน Motor Expo 2018 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2561 รับฟรี !!! วอชเชอร์ใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhere มูลค่า 10,000 บาท

activity on December 02, 2018, 01:26:09 PM
ภาพข่าว: โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง เปิดบู๊ทแนะนำเรือยอช์ตในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018

          เมื่อเร็วๆ นี้บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักชัวรี รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์กว่า 24 ปีได้ให้การต้อนรับ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 หรืองานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 และให้เกียรติร่วมชมบู๊ทของบริษัทฯ การมาร่วมออกบู๊ทครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจและต้องการจะเป็นเจ้าของ หรือเช่าเรือยอช์ตสุดหรูไว้สำหรับท่องเที่ยวทางน้ำ ได้สอบถามและขอนัดหมายเพื่อสัมผัสกับเรือยอช์ตสุดหรูอย่างใกล้ชิด ณ บู๊ท AA บริเวณทางเข้าประตู 2 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – วันที่ 10 ธันวาคม 2561


          ในภาพ
          (จากซ้าย) นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงานมหกรรมยานยนต์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายวริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด ถ่ายภาพร่วมกัน ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018