activity on November 30, 2017, 08:40:29 AM
งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34 (The 34rd Thailand International Motor Expo 2017)" ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

BRG Group จัดโปร No.1 ฟรี! Civic/Brio เทขายโค้งสุดท้าย ในงาน Motor Expo2017





          บีอาร์จี กรุ๊ป ระดมรถหรู จัดโปร No.1 ซื้อ S-Class แจก Civic/Moke, E-Class แจก Brio, ฟรี! iPhoneX ผ่อน สบายๆ 0%นาน 72 ด.รับประกัน 3 ปี 1 แสน กม. ชวนร่วมทำดี "ซื้อรถ 1 คัน บริจาค "ศิริราช" 1 หมื่น" ชูโปร "ซ่อมรถช่วยชาติ" ฟรีแรกเข้า/เปลี่ยนน้ำเครื่องราคาพิเศษ เร่งขยายธุรกิจ "รถเช่า" ระยะยาวสุดคุ้ม ฟรี!บำรุงรักษา/รถทดแทน/ประกัน อย่าพลาด! 30 พ.ย.-11 ธ.ค.นี้ ในงาน Motor Expo2017 อิมแพคเมืองทองธานี
          นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ประธานกรรมการบริหาร บีอาร์จี กรุ๊ป บริษัทผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก เปิดเผยว่า ทาง บีอาร์จี กรุ๊ป เป็นผู้นำเข้าอิสระรายเดียวที่ได้ร่วมแสดงรถยนต์ในงาน Thailand International Motor Expo เป็นปีที่ 9 ซึ่งถือเป็นงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงปลายปี และมีผู้เข้าเยี่ยมชมที่มีศักยภาพ ทั้งสนใจเป็นเจ้าของรถยนต์เป็นจำนวนมากอีกด้วย
          ดังนั้น ในปีนี้ ทาง บีอาร์จี กรุ๊ป จึงได้ระดมรถยนต์ระดับหรู ประกอบนอกทั้งคันมาจัดแสดงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถเอนกประสงค์ MPV ยอดนิยม อาทิ Volkswagen รุ่น Caravelle พร้อมรถยนต์รุ่นพิเศษที่ได้รับการตกแต่งด้วยอุปกรณ์เสริมพิเศษจากสำนักแต่งรถชื่อดัง "M'z Speed" ประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ M'z Speed Alphard กับ M'z Speed Vellfire และสำนักแต่งรถคุณภาพเยี่ยม "Carlsson" ประเทศเยอรมัน ได้แก่ Carlsson S300 AMG Hybrid กับ Carlsoon GLA นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์คลาสสิกสัญชาติอังกฤษ "Moke" และรถบ้าน รุ่น "Swift Motor Home" เป็นต้น
          พร้อมกันนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถนำเข้า บีอาร์จี กรุ๊ป จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมมอบข้อเสนอที่ดีที่สุด ภายใต้ชื่อ "No.1" ด้วยราคาจำหน่ายพิเศษ พร้อมด้วยของแถมและส่วนลดต่างๆ อีกมากมาย นับเป็นโปรโมชั่นที่ดีที่สุด คุ้มค่าสูงสุดในงานนี้ ที่ไม่ควรพลาด ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
          -ฟรี! iPhone X ขนาด 64GB มูลค่า 40,500 บาท
          -แถมฟรี! Honda Civic 1.8EL มูลค่า 959,000 บาท หรือรับ Moke มูลค่า 899,000 บาท หรือรับส่วนลด 1 ล้านบาท หรือผ่อน 0% นาน 72 เดือน เมื่อสนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ตระกูล S-Class
          -ฟรี! Honda Brio รุ่น V CVT มูลค่า 495,000 บาท หรือรับส่วนลด 5 แสนบาท เมื่อเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์ตระกูล E-Class
          -รับประกันคุณภาพสูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กม.
          พร้อมกันนี้ บีอาร์จี กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรทางการเงินชื่อดัง "บัตรกรุงศรีอยุธยา" และ "เจเนอรัลคาร์ด เซอร์วิส เซส" เพื่อเพิ่มโอกาส และเป็นอีกทางเลือกในออกแบบการชำระเงินได้ด้วยตนเอง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
          ข้อเสนอที่ 1 :
          จองรถยนต์ในเครือ บีอาร์จี กรุ๊ป
          ฟรี! ดอกเบี้ย ผ่อนนาน 4 เดือน
          รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5,000 บาท
          ข้อเสนอที่ 2 :
          เลือกเป็นเจ้าของอุปกรณ์ตกแต่ง Carlsson /M'z Speed
          ฟรี! ดอกเบี้ย ผ่อนนานสูงสุด 6 เดือน
          เครดิตเงินคืนสูงสุด 5,000 บาท
          พร้อมรับคะแนนสะสมเพิ่ม 2 เท่า
          ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบาย ง่ายดาย และรวดเร็ว ในการเป็นเจ้าของรถยนต์ในเครือบีอาร์จี กรุ๊ป และเพื่อเป็นการขอบพระคุณลูกค้าที่มีอุปการคุณและสนับสนุน บีอาร์จี กรุ๊ป ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปี ทั้งเป็นการมอบความสุขให้แก่คนไทยในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อีกด้วย
          และในโอกาสนี้ ทางบีอาร์จี กรุ๊ป มีนโยบายที่จะร่วมทำความดี ด้วยการร่วมมือมูลนิธิ "ณัฐธิมาศรีรัตนประภาส" บริจาคเงิน จำนวน 10,000 บาท สำหรับการจำหน่ายรถยนต์ทุกๆ 1 คัน รวม 1,000,000 บาท เพื่อร่วมบริจาคสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา โรงพยาบาลศิริราช สำหรับผู้ป่วยด้อยโอกาส
          ด้านบริหารหลังการขาย ทาง บีอาร์จี กรุ๊ป ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหลังการขาย ที่ศูนย์บริการ บีอาร์จี กรุ๊ป ทั้ง 5 สาขา ได้แก่ สาขาแจ้งวัฒนะ, สุทธิสาร, รามคำแหง, ศรีนครินทร์และภูเก็ต ดังนี้ คือ
          - "ฟรี! ค่าแรกเข้า มูลค่า 200,000 บาท
          - เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 4,555 บาท
          ทั้งนี้ เพื่อรองรับมาตรการ "ช็อปช่วยชาติ" และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี โดยทุกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ รวมถึงการเปลี่ยนอุปกรณ์และอะไหล่รถยนต์ อาทิ แบตเตอรี่ ล้อแม็ก ยาง หรือชุดแต่ง สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาลดหย่อนภาษีปี 2560 ได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 3 ธ.ค.2560
          นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านนโยบายธุรกิจรถเช่า BRG Leasing ได้จัดโครงการพิเศษสำหรับลูกค้าที่เช่ารถของ BRG Leasing ในระยะยาว ภายใต้ชื่อ "เช่ารถคุ้มค่ากับ BRG" ด้วยบริการในการดูแลครอบคลุมในทุกๆ ด้าน พร้อมบริการพิเศษ ดังนี้
          1.ฟรี! รถบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาในการเช่า
          2.ฟรี! รถทดแทนในกรณีรถเกิดมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้
          3.ฟรี! ประกันภัยรถยนต์
          อย่าพลาด! โอกาสที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของรถยนต์จาก บีอาร์จี กรุ๊ป พบกันที่บู๊ธ BRG Group ในงาน The34th Thailand Internatioanl Motor Expo2017 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.ศกนี้ ณ ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพคเมืองทองธานี สอบถามรายละเอียดได้ที่ Hotline : 085-1237111, 085-1238168, 085-1238169
« Last Edit: November 30, 2017, 08:42:00 AM by activity »

activity on November 30, 2017, 08:44:53 AM
Nissan showcases the new LEAF for the first time in Thailand together with other exciting products at the 34th Thailand International Motor Expo 2017







          Nissan Motor (Thailand) Co., Ltd. will showcase the new LEAF electric vehicle for the first time in Thailand, along with presenting Nissan's advanced e-POWER technology at the 34th Thailand International Motor Expo 2017 from 30 November – 11 December 2017, Booth A12, Challenger Hall 1, Impact Muang Thong Thani.
          In addition, the new Nissan NAVARA 2018 and a lineup of nine cars, all with special offers, will be available.
          "People today are more concerned than ever with climate change and global warming. Nissan is very much aware of this global issue, and the development of the Nissan LEAF is very much a part of the solution to this," said Mr. Peter Galli, Vice President Communications, Nissan Motor (Thailand) Co., Ltd. "The Nissan LEAF, running totally on electricity, with zero emissions, is clearly one of the answers to this problem, and is the leader in this automotive industry revolution. On this special occasion, we will be showcasing the new Nissan LEAF here in Thailand for the first time, at the 34th Thailand International Motor Expo 2017," Galli said.
          Inside the Nissan booth, visitors will have the chance to take a close look at this new Nissan LEAF, the worldwide market leader and the best-selling electric car with more than 291,000 units sold since its original introduction. The Nissan LEAF now raises the bar even higher for electric vehicles and sets a new standard for this growing market by offering customers highly advanced technologies, and a striking new design.
          Another first in class for Nissan and a show highlight is the new NAVARA 2018, which comes with added features including an Intelligent Around View Monitor (AVM) - the first in its class to offer this feature. This new NAVARA also continues the legacy of offering outstanding qualities including its renowned high durability and sophisticated interior designed for ever more passenger comfort
          Nissan will also be bringing its e-POWER technology to the Motor Expo, featuring a full electric-motor drive that uses a small gasoline engine to charge the high-output battery when necessary. It eliminates the need for an external charger while offering the same high-output. This is an excellent example of Nissan Intelligent Mobility, the company's dynamic approach to changing the way cars are driven, powered, and integrated into society.
          "We are so proud to be able to showcase how Nissan brings 'Innovation that Excites' to life and our commitment to putting customers at the heart of everything we do," Peter Galli said. "Customers will see this through our new LEAF, the icon of Nissan Intelligent Mobility (NIM), as well as our e-POWER technology, and the new Nissan NAVARA 2018, along with a range of not-to-be-missed promotions for our valued customers. This is certainly an excellent time to seriously take a look at all Nissan has to offer
          Customers can explore Nissan's full vehicle line-up at the 34th Thailand International Motor Expo 2017, which includes special offers for NAVARA, BIG URVAN, X-TRAIL, TEANA, SYLPHY, ALMERA, MARCH, and NOTE. Special prices starting from THB 499,000, gift vouchers up to THB 25,000, one year of first-class auto insurance, and "Nissan Easy Pay" customized installment payment plan are also all available at the Motor Expo through 11 December 2017.

activity on November 30, 2017, 08:46:00 AM
ภาพข่าว: “ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” ส่งโปรฯ จัดเต็มในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017



          ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดโปรโมชั่นแรงส่งท้ายปีภายในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 เอาใจสาวกรุ่น "สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส" รับข้อเสนอฟรีประกันภัยชั้น 1 ดอกเบี้ยพิเศษ ดาวน์ต่ำเริ่มต้นที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน พร้อมฟรี ค่า พ.ร.บ. ค่าจดทะเบียน ส่วนตระกูลโมเดิร์นคลาสสิก ได้แก่ รุ่น บอนเนวิลล์ ที100บอนเนวิลล์ ที100 แบล็ค บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ และสตรีท สแครมเบลอร์ รับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ ดาวน์ต่ำ ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน พร้อมฟรี ค่า พ.ร.บ. ค่าจดทะเบียน และ GIFT VOUCHER มูลค่า 5,000 บาท รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลไทเกอร์ 800 ไม่ว่าจะเป็น ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์เอ็กซ์ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ และไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ รับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ ดาวน์ต่ำ ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน ฟรี ค่า พ.ร.บ. ค่าจดทะเบียน พร้อมอุปกรณ์เสริมมากมาย ทั้งนี้รถทุกคันจะได้รับโปรแกรมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินTriumph Roadside Assistance เป็นระยะเวลา 2 ปีอีกด้วย ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ไฮไลต์ 2 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว ได้แก่ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค และ บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์ พร้อมให้สัมผัสและจับจองเป็นเจ้าของกันได้ภายในงานนี้เช่นกัน

          สุดพิเศษ! สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกรุ่นทุกคันภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 – วันที่ 11 ธันวาคม 2560 รับฟรีทันที! ถุงใส่หมวกกันน็อค Limited Edition จากไทรอัมพ์ โดยผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดรวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ เพิ่มเติมได้ ณ บูธไทรอัมพ์ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี หรือโชว์รูมไทรอัมพ์ทุกสาขาทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด Contact.TH@triumphmotorcycles.com รวมทั้งติดตามข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆ ได้ที่www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

activity on November 30, 2017, 08:47:12 AM
Lexus กรุงเทพ จัดทัพใหญ่ร่วมงาน MOTOR EXPO 2017 พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษรับเทศกาลแห่งความสุข



          สุทธิกัญญา ไทยเพ็ชร ผู้อำนวยการขาย บริษัท เล็กซ์ซัส กรุงเทพ (พระราม9) เปิดเผยว่า "ในปีนี้ทางเล็กซ์ซัส กรุงเทพ ได้เข้าร่วมงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 11 ธันวาคม 2560 วันธรรมดา ระหว่างเวลา 12.00-22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 11.00-22.00 น. ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมกันนี้ทางบริษัทได้นำรถรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ได้แก่ Lexus LS รวมทั้งมี Lexus LC ที่จะเปิดตัวในงานนี้พร้อมรถรุ่นยอดนิยมอย่าง RX, NX, ES, GS, ES, IS และ CT มาจัดแสดงภายใต้ภายใต้แนวคิด ของงาน "ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง" หรือ "New Age Vehicles … A Distant Dream Come True"

          ทั้งนี้ทางเล็กซ์ซัส กรุงเทพได้มีการจัดเตรียมของว่างเครื่องดื่มและของที่ระลึกไว้สำหรับผู้ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมชมที่บูธ อีกทั้งยังได้จัดแคมเปญพิเศษให้กับผู้ที่สนใจซื้อรถในงานนี้โดยเฉพาะอีกด้วย จึงขอเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมชมและทดสอบรถ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร.02-716-8999

activity on November 30, 2017, 08:48:57 AM
ฮอนด้า เผยโฉมอันร้อนแรงของ ฮอนด้า ซีวิค สีแดงแรลลี่ ส่งท้ายปี พร้อมมอบความสุขให้ลูกค้าชาวไทยด้วยข้อเสนอพิเศษมากมาย ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34





          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จุดประกายความร้อนแรงส่งท้ายปีด้วยการเผยโฉม ฮอนด้า ซีวิค สีใหม่ สีแดงแรลลี่ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย จัดแสดงพร้อมกับยนตรกรรมฮอนด้าอีก 11 รุ่น ที่ครอบคลุมทุกความต้องการและตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว พร้อมกันนี้ ฮอนด้า ยังได้มอบความสุขให้ลูกค้าชาวไทยด้วยข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ณ บูธฮอนด้า A14 อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560
          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากนับตั้งแต่เปิดตัว ด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและหรูหราในสไตล์สปอร์ต โดยเฉพาะเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร VTEC TURBO และเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราได้เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ในรูปแบบแฮทช์แบ็ก 5 ประตู เพื่อตอกย้ำ Sport DNA ของ ฮอนด้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กับสายผลิตภัณฑ์ ฮอนด้า ซีวิค และในวันนี้ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ถูกปลุกเร้าจิตวิญญาณความสปอร์ตให้ร้อนแรงยิ่งขึ้นด้วยการแนะนำสีสันใหม่ สีแดงแรลลี่ เพื่อเอาใจกลุ่มคนที่ชื่นชอบความสปอร์ต"
          สำหรับยนตรกรรมไฮไลท์ ฮอนด้า ซีวิค มาพร้อมกับสปิริตความสปอร์ตที่ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นด้วยสีแดงแรลลี่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน และมาตรฐานความปลอดภัยอันล้ำสมัย นำเสนอใน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น TURBO RS เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร และรุ่น 1.8 EL เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ในราคาเท่าเดิม ทั้งนี้ ฮอนด้า ยังได้จัดแสดงกลุ่มยนตรกรรม SUV ที่พร้อมเติมเต็มในทุกระดับความต้องการของลูกค้า ได้แก่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ดีไซน์ภายนอกผสานความหรูหราและความแข็งแกร่งในทุกมิติ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายพร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อน ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC ฮอนด้า เอชอาร์-วี ดีไซน์โฉบเฉี่ยวทันสมัยสไตล์สปอร์ต ภายในกว้างขวางสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ และ ฮอนด้า บีอาร์-วี มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่แข็งแกร่งในทุกมิติ และช่วงล่างยกสูงสไตล์รถ SUV ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย รองรับทุกการใช้งาน ทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง
          นอกจากยนตรกรรมฮอนด้าทั้ง 12 รุ่น ที่นำมาจัดแสดงให้ชมอย่างใกล้ชิด ฮอนด้ายังได้จัดแสดงเทคโนโลยี ฮอนด้า คอนเนค เป็นครั้งแรกภายในงานนี้ ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยี Telematics มาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่และรถยนต์สามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และที่สำคัญที่สุด ระบบยังแสดงสถานะความพร้อมของรถยนต์ และข้อมูลลักษณะการขับขี่ของผู้ขับขี่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในตลอดทุกการเดินทาง นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ฮอนด้าตั้งใจมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อมอบความสุขให้กับการใช้ชีวิตของทุกคนในสังคม
          "จากการมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตที่หลากหลาย รวมถึงการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้สดใหม่อยู่เสมอ ฮอนด้า จึงได้รับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด โดยได้รับรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ จาก TAQA ติดต่อกันถึง 5 ปี และคาดหวังว่าเราจะได้รับรางวัลนี้ในปีนี้ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 นอกจากนี้ ฮอนด้า ยังสามารถครองตำแหน่งยอดขายอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้อย่างต่อเนื่อง และกำลังจะก้าวสู่การเป็นผู้นำติดต่อกันเป็นปีที่ 3" นายพิทักษ์ กล่าวเสริม
          ในโอกาสนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนความเชื่อมั่นของลูกค้าชาวไทยทุกท่านที่ไว้วางใจในผลิตภัณฑ์ของฮอนด้ามาโดยตลอด ฮอนด้า จึงขอมอบข้อเสนอพิเศษให้กับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2560 ทั้งภายในงานและที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ดังนี้
          ข้อเสนอพิเศษสำหรับรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น* อาทิ ฮอนด้า บริโอ้ และ บริโอ้ อเมซ ดอกเบี้ย 2.19%ฮอนด้า ซิตี้ ดอกเบี้ย 1.79%ฮอนด้า แจ๊ซ ซีวิค ซีอาร์-วี และ โมบิลิโอ ดอกเบี้ย 1.99%ฮอนด้า บีอาร์-วี และ เอชอาร์-วี ดอกเบี้ย 1.79%ฮอนด้า แอคคอร์ด และ แอคคอร์ด ไฮบริด ดอกเบี้ย 1.19%พร้อมแคมเปญพิเศษเพิ่มเติม* อาทิ แคมเปญ Honda Winter พาเธอเที่ยว รับกระเป๋าเดินทาง Samsonite ขนาด 29 นิ้ว รุ่น NIAR SPINNER 7/29 EXP มูลค่า 16,900 บาท เมื่อออกรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นดอกเบี้ยพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น (Honda Loyalty) สำหรับลูกค้าเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า รับดอกเบี้ยพิเศษลดลง 0.15% จากลูกค้าทั่วไปตามตารางรายการส่งเสริมการขาย เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงินที่ร่วมรายการแคมเปญ ฮอนด้า ช่วยผ่อน ได้แก่ - ฮอนด้า บริโอ้ และบริโอ้ อเมซ ฮอนด้า ช่วยผ่อนเดือนละ 2,500 บาท 12 เดือน
          - ฮอนด้า โมบิลิโอ ฮอนด้า ช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน
          - ฮอนด้า บีอาร์-วี ฮอนด้า ช่วยผ่อนเดือนละ 2,000 บาท 12 เดือน
          - ฮอนด้า เอชอาร์-วี ฮอนด้า ช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ เพิ่มทางเลือกแคมเปญชุดแต่งรอบคันโมดูโล (Modulo Sport Aero Package) มูลค่า 16,050 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)ฮอนด้า โมบิลิโอ สำหรับลูกค้าที่จองรถรุ่น โมบิลิโอ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560 รับตุ๊กตาหมีโมบิลิโอ ขนาด 36 นิ้ว มูลค่า 6,000 บาทฮอนด้า ซีอาร์-วี ขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และขยายสิทธิพิเศษบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นอีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กม. อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน และสามารถเลือกรับแคมเปญส่งเสริมการขายต่อไปนี้เพิ่มเติม ได้แก่ Family Reward Package มูลค่า 10,000 บาท (ประกอบด้วย บัตรของขวัญในเครือโรงแรมเซ็นทารามูลค่า 5,000 บาท บัตรน้ำมันมูลค่า 3,000 บาท และบัตรรับประทานอาหาร MK มูลค่า 2,000 บาท) หรือ เลือกรับบัตรน้ำมันมูลค่า 10,000 บาทผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธจัดแสดงยนตรกรรมฮอนด้า พร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 ณ บูธฮอนด้า A14 อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2560 และพบกับข้อเสนอเดียวกันนี้ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.honda.co.th

          หมายเหตุ* รายละเอียด และเงื่อนไขต่างๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ปรึกษาการขายภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

activity on November 30, 2017, 08:49:22 AM
ฟอร์ดมอบข้อเสนอสุดเร้าใจแห่งปี ขนทัพรถยนต์ทุกรุ่น จัดแสดงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017



          ฟอร์ด ประเทศไทย ยกทัพยานยนต์และเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลกมาจัดแสดงอย่างครบครัน พร้อมมอบข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปีอีกมากมาย ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้ ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
          ฟอร์ดจัดแสดงผลิตภัณฑ์เรือธงหลักที่ขายดีที่สุด ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะสมรรถนะสูงที่ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับตลาดรถกระบะ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รถเอสยูวีขนาดกลาง และฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต รถคอมแพคเอสยูวี
          "ฟอร์ด เรนเจอร์ เอเวอเรสต์ และเอคโค่สปอร์ต นับเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดให้แก่ฟอร์ด ซึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของผู้บริโภคในผลิตภัณฑ์ฟอร์ดที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว "ฟอร์ดได้เตรียมข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายไว้ให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศทั้งภายในงานและที่ตัวแทนผู้จำหน่ายฟอร์ดตลอดช่วงระยะเวลาของงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปอีกด้วย"
32
ทัพรถยนต์ระดับโลกครบครันทุกรุ่น
          ฟอร์ด เรนเจอร์: รถกระบะ "เกิดมาแกร่ง" รุ่นต่างๆ อาทิ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ฟอร์ด เรนเจอร์ FX4 ฟอร์ด เรนเจอร์ XLT, XL และ XLS ซึ่งได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถกระบะและตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานอันหลากหลายของผู้บริโภค
          ฟอร์ด เอเวอเรสต์: หนึ่งในรถยนต์ที่ปลอดภัยและชาญฉลาดที่สุดในตลาดรถเอสยูวีขนาดกลาง ที่สร้างมาเพื่อเป็นที่หนึ่ง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่บึกบึน การตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างครบครัน มาพร้อมสมรรถนะในการขับขี่บนทางออฟโรดและให้ความสะดวกสบายบนทางเรียบ พร้อมมอบความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่และครอบครัว
          ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต: คอมแพคเอสยูวี ที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ ทั้งยังสามารถพับเก็บเบาะที่นั่งเพื่อการใช้สอยอื่นๆ และช่องเก็บของพิเศษ ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยและหลากหลายของคนเมือง มอบความคุ้มค่า คุ้มราคา และรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
          ฟอร์ด โฟกัส: สมรรถนะเหนือชั้นด้วยเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและรูปทรงอันทันสมัย
          ฟอร์ด เฟียสต้า: เฟียสต้า แบล็ก ลิมิเต็ด พร้อมปรับเครื่องยนต์รองรับน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ E85

ข้อเสนอสุดพิเศษ
          ลูกค้าจะได้พบกับข้อเสนอและสิทธิประโยชน์มากมายภายในงานและตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ ดังนี้
ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ดอกเบี้ย 0.99% ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือเลือกดาวน์เพียง 89,999 บาท ผ่อนนาน 72 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab และ Double Cab XLT และ FX4 ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          ฟอร์ด เรนเจอร์ Open Cab XL+ ราคาพิเศษ 599,000 บาท หรือดาวน์เพียง 29,000 บาท ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 84 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 2.2L ไทเทเนียม ราคาพิเศษ 1,299,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือ เลือกรับดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ทุกรุ่น ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 60 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          ฟอร์ด โฟกัส รุ่นสปอร์ต AT ราคาพิเศษ 999,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง หรือโปรแกรมพรีเมียม แคร์ 5 ปี
          ฟอร์ด เฟียสต้า อัตราดอกเบี้ย 0% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และโปรแกรมพรีเมียม แคร์ 5 ปี
การยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้า
          ฟอร์ดมุ่งมั่นพัฒนาด้านการบริการลูกค้าและสร้างประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าฟอร์ด ด้วยการเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงการเปิดโชว์รูมรูปแบบใหม่อันทันสมัย เพื่อเข้าถึงลูกค้าในเขตอำเภอรองในต่างจังหวัดให้มากยิ่งขึ้น
          นอกจากนั้น ฟอร์ดยังได้เปิดตัวศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ บนถนนบางนาตราด กม. 18 (ขาเข้า) ซึ่งเป็นอาคารใหญ่ขนาด 26,000 ตารางเมตร เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าฟอร์ดทั่วประเทศ โดยศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้ มีการจัดเก็บชิ้นส่วนอะไหล่มากกว่า 2 ล้านชิ้น และสามารถเข้าถึงเครือข่ายศูนย์กระจายอะไหล่ใน 9 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของฟอร์ดได้ จึงสามารถบริหารจัดการ จัดเก็บและกระจายอะไหล่ให้แก่ลูกค้าฟอร์ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
          "ฟอร์ดยังได้ลงทุนเพิ่มทีมงานเฉพาะ เพื่อดูแลและสื่อสารกับผู้บริโภคและลูกค้าของเราบนช่องทางดิจิทัล เพื่อให้มั่นใจว่าเราใส่ใจและมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นางสาวยุคนธร กล่าวเสริม

activity on November 30, 2017, 08:50:58 AM
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำแห่งยนตรกรรม พรีเมียม ขนทัพรถยนต์แห่งอนาคตใหม่ล่าสุดสู่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017





          ครบครันด้วยสมรรถนะจากเทคโนโลยีล้ำยุค นำโดยบีเอ็มดับเบิลยู X3 ใหม่
 
          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต (กลาง) ประธาน เปิดตัวนวัตกรรมรถยนต์รุ่นล่าสุดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงาน Thailand International Motor Expo 2017 มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34
32
          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ต่อยอดประสบการณ์ยนตรกรรมเหนือระดับให้แก่แฟนๆ ชาวไทย ด้วยการยกทัพนวัตกรรมรถยนต์รุ่นล่าสุดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มุ่งหน้าสู่ Thailand International Motor Expo 2017 มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 จัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2560 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี นำทัพโดย บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Frozen Yellow Edition บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe และบีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe พร้อมตอบรับกระแสรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดด้วยสมาชิกใหม่ล่าสุดจากบีเอ็มดับเบิลยูอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 530e Luxury และบีเอ็มดับเบิลยู 330e (Iconic) รวมถึงที่สุดแห่งความหรูหราและสมรรถนะจากบีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive และอีกหนึ่งรุ่นย่อยพร้อมอุปกรณ์ตกแต่ง M ในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport พร้อมทั้งรถยนต์อเนกประสงค์ พรีเมียม คอมแพ็ครุ่นใหม่ล่าสุดจากมินิ ประเทศไทย อย่าง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่
          "งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "ยานยนต์ยุคใหม่ ฝันไกลที่กลายเป็นจริง" ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์อันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงสุดที่ตอกย้ำสถานะของเราในอุตสาหกรรมยานยนต์ เห็นได้จากรถยนต์ที่ผสมผสานทั้งสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความสะดวกสบาย ซึ่งพัฒนามาอย่างไม่หยุดยั้งของบีเอ็มดับเบิลยู" มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าว "ในปีนี้ เรายังคงยืนหยัดในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิตในระดับพรีเมียม ควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงานผ่านทางเทคโนโลยี iPerformance ด้วยทัพรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มอบทั้งสมรรถนะการขับขี่อันน่าพึงพอใจและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
          อันเป็นข้อพิสูจน์ถึงเจตนารมณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในสร้างผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด พร้อมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย"
          นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังเพิ่มทางเลือกให้แก่แฟนๆ ชาวไทยที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับจากการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเป็นครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo 2017 โดยได้นำทัพรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู ที่ผ่านการใช้งานแล้วแต่ยังคงคุณภาพเยี่ยม ภายใต้โปรแกรม BMW Premium Selection ซึ่งผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยู อีกทั้งยังมีประวัติการเข้ารับบริการจากศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ
ไม่เคยมีอุบัติเหตุรุนแรง และไม่เคยเปลี่ยนแปลงสีตัวถัง พร้อมการรับประกันและคุ้มครองการบำรุงรักษาภายใต้โปรแกรม BMW Service Inclusive (BSI) ระยะเวลา 2 ปี สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และรับประกัน 1 ปี สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จึงสามารถอุ่นใจได้ในทุกการขับขี่ด้วยคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก
32
          บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่
          ราคาจำหน่าย 3,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          เปี่ยมพลังในสไตล์สปอร์ต พร้อมนวัตกรรมไร้ขีดจำกัด
          บีเอ็มดับเบิลยู X3 รุ่นที่สามสืบทอดเจตนารมณ์ของรถยนต์รุ่นก่อนหน้าด้วยการผสานรูปลักษณ์แข็งแกร่งแบบออฟโรดเข้ากับความสปอร์ต สัดส่วนอันคุ้นตาของตัวรถ เช่นส่วนหัวและท้ายรถที่สั้น ล้วนเน้นย้ำให้เห็นถึงการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ระหว่างเพลาหน้าและหลังอย่างสมบูรณ์แบบ ความปราดเปรียวอันทรงพลังของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ ถูกเสริมให้ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าไตคู่แบบหนา และไฟตัดหมอกแบบหกเหลี่ยมที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูตระกูล X
          ชุดแต่ง BMW Individual และ xLine เติมรูปโฉมของบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ โดยมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วลาย Y-spoke ภายในรถเฉียบคมด้วยความแม่นยำในการประกอบอย่างสมบูรณ์แบบและวัสดุคุณภาพเยี่ยม ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ คลาสสิคหรูหรายิ่งกว่ารถรุ่นก่อนหน้า พร้อมยกระดับความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้นกับอุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ชุดไฟเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร 6 สี ม่านบังแดดด้านข้างผู้โดยสารตอนหลังแบบอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นมาตรฐานในส่วนเก็บสัมภาระด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 และหลังคากระจกแบบพาโนรามาที่เสริมให้ภายในตัวรถโปร่งสบายยิ่งขึ้น ช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู
          X3 xDrive20d xLine ใหม่ โดดเด่นยิ่งกว่า พร้อมอีกหนึ่งอุปกรณ์ใหม่อย่าง BMW Display Key ที่ไม่เพียงล็อคและปลดล็อคบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ ด้วยสัญญาณวิทยุทางไกล แต่ยังแสดงสถานะและข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานอื่น ๆ ของรถอีกด้วย
เครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่า ควบคู่การออกแบบเน้นน้ำหนักเบา
          บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ทำงานประสานเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic เครื่องยนต์อันทรงพลังให้กำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ส่งให้บีเอ็มดับเบิลยู
          X3 xDrive20d xLine ใหม่ เร่งเครื่องจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 8 วินาที ก่อนที่จะพุ่งทะยานทำความเร็วสูงสุดที่ 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร
          เทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ถูกนำมาใช้ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ ซึ่งรวมถึงระบบส่งกำลังที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการออกแบบทุกสัดส่วนเน้นน้ำหนักเบา เช่น การนำอลูมิเนียมมาใช้เป็นส่วนประกอบมากขึ้นในเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถได้มากขึ้น
ต่อยอดที่สุดแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่และระบบควบคุมล้ำสมัย
          บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d xLine ใหม่ มาพร้อมกับปุ่มควบคุม iDrive สั่งงานด้วยระบบสัมผัสและจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) ช่วยควบคุมระบบนำทางและฟังก์ชั่นสาระบันเทิงต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
          ในขณะเดียวกัน ระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ซึ่งผู้ขับขี่ใช้ภาษาในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย แทนคำสั่งที่มีการตั้งค่าไว้
32
          บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่
          ราคาจำหน่าย 4,739,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          รถยนต์ Gran Turismo รุ่นดั้งเดิมอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 Gran Turismo นั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยการผสมผสานประโยชน์ใช้สอยแบบรอบด้านจากรูปลักษณ์ของตัวถัง เข้ากับความสะดวกสบายและพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเป็นพิเศษ จึงพร้อมมอบประสบการณ์สุด ผ่อนคลายบนทุกเส้นทาง จุดเด่นทั้งหมดนี้ได้ถูกนำมาขัดเกลาและรวบรวมไว้ในรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 6 Gran Turismo ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 Gran Turismo ทั้งในด้านความหรูหราแบบสปอร์ต อุปกรณ์และฟีเจอร์ทันสมัย ระบบการควบคุมและช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัย พร้อมด้วยความปราดเปรียวและประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
          เบากว่า สปอร์ตกว่า พร้อมสะดวกสบายและทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
          ด้วยการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบา และการเลือกใช้วัสดุอลูมิเนียมและเหล็กกล้าคุณภาพสูงในส่วนโครงสร้างตัวรถและแชสซี บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ จึงมีน้ำหนักลดลงจากรุ่นก่อนหน้าราว 150 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อนำไปผสมผสานกับคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเครื่องยนต์ใหม่ที่ทรงพลังและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ มีสมรรถนะสไตล์สปอร์ตที่เปี่ยมพลังกว่าที่เคย ทั้งยังประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
          เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบที่เป็นหัวใจของบีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ เสริมกำลังด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ล้ำสมัย ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic มอบพละกำลังสูงสุดที่ 195 กิโลวัตต์ / 265 แรงม้า พร้อมให้แรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร และ 149 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
          ดีไซน์เน้นย้ำสัดส่วนปราดเปรียวและเส้นสายเรียบหรู
          ด้านหน้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างและทรงพลังด้วยเลนส์ไฟหน้า LED ที่ทอดยาวไปจนถึงกระจังหน้ารูปไตคู่ขนาดใหญ่ เมื่อมองจากด้านข้างแล้ว จะเห็นได้ถึงความหรูหราสไตล์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู โดดเด่นด้วยฟีเจอร์คุ้นตาเช่นฝากระโปรงหน้าทรงยาว ห้องโดยสารที่ค่อนไปทางด้านหลังของตัวรถ ประตูที่มาพร้อมกับหน้าต่างแบบไร้กรอบ และแนวขอบหน้าต่างที่ลากยาวไปจนถึงท้ายตัวรถ ส่วนหลังคารถลาดเทลงมาบรรจบกับส่วนท้ายรถในสไตล์โฉบเฉี่ยวแบบรถยนต์คูเป้ ขณะที่ช่วงท้ายรถเองก็มีความสูงลดลง 64 มิลลิเมตร ด้านไฟท้ายออกแบบมาในสไตล์สามมิติ เสริมความโดดเด่นให้น่าค้นหายิ่งขึ้น ชุดแต่ง M Aerodynamics ขับเน้นบุคลิกความสปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ ให้โดดเด่นไม่ซ้ำใครยิ่งขึ้น
          สุดยอดส่วนผสมแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่ ความสะดวกสบายในการเดินทางไกลและประโยชน์ใช้สอย
ภายในรถถูกออกแบบเพื่อเน้นความสะดวกสบายในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ พร้อมด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวางเป็นพิเศษ เบาะที่นั่งยกสูงเปิดมุมมองที่ครอบคลุมทุกทิศทางให้กับผู้ขับขี่ ขณะที่การจัดวางฟังก์ชั่นการควบคุมต่าง ๆ เป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์อย่างไร้ที่ติ จึงสร้างความเพลิดเพลินในการขับขี่ได้ถึงขีดสุด เส้นสายต่าง ๆ วัสดุที่ใช้ และความประณีตแม่นยำในการตกแต่ง เสริมความพรีเมียมหรูหราให้กับห้องโดยสารยิ่งขึ้น ส่วนห้องโดยสารด้านหลังของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ ประกอบไปด้วย 3 ที่นั่งขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่วางขาที่กว้างขวาง
          บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ สะดวกต่อการใช้งานด้วยประตูท้ายรถแบบบานเดี่ยวที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เบาะที่นั่งปรับเอนได้แบบ 40:20:40 สามารถพับให้เป็นพื้นราบสำหรับเก็บสัมภาระได้ด้วยปุ่มกดบริเวณพื้นที่กระโปรงท้าย ส่วนฝาปิดช่องเก็บสัมภาระแบบสองชิ้น มาพร้อมกับโครงสร้างแข็งแกร่งทนทาน และสามารถพับเก็บไว้ใต้พื้นกระโปรงท้ายได้
บีเอ็มดับเบิลยู 630d GT M Sport ใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมและแสดงผลชั้นเยี่ยม นำเสนอที่สุดแห่งความครบถ้วนในการควบคุมรถยนต์ การนำทาง รวมถึงฟังก์ชั่นการสื่อสารและระบบบันเทิงได้อย่างไม่มีใครเทียบ ด้วยระบบ iDrive ที่เป็นแกนหลักของการสั่งงานรถยนต์รุ่นนี้ ทั้งยังเสริมประสิทธิภาพการใช้งานด้วยระบบสัมผัสบนหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) และระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control)
32
          บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive ใหม่
          ราคาจำหน่าย 13,539,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive ใหม่ สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่รถยนต์ในเซกเมนต์ซีดานหรู ด้วยประสบการณ์ นุ่มนวลเหนือระดับในการขับขี่ที่มาพร้อมขีดสุดของขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 12 สูบ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี BMW M Performance TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุด 448 กิโลวัตต์/610 แรงม้า ที่ 5,500-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 1,550-5,000 รอบต่อนาที และด้วยสมรรถนะจากเทคโนโลยีล้ำยุคของ M Performance TwinPower Turbo บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive ใหม่สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียงแค่ 3.7 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มอบพลังแห่งความเร็วควบคู่ไปกับการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Steptronic Sport พร้อมระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ
          ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive ใหม่แสดงถึงจิตวิญญาณของความปราดเปรียวแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล M Performance อย่างชัดเจน ชุดแต่ง M Aerodynamics มาพร้อมกับล้อ อัลลอย M ลาย Double-spoke ขนาด 20 นิ้ว และสปอยเลอร์ท้ายดีไซน์ M อีกทั้งยังพกพาอุปกรณ์ภายนอกที่โดดเด่นอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟสูงเทคโนโลยีเลเซอร์ ระบบช่วยปิดประตูแบบผ่อนแรงกระแทก หลังคากระจก Sky Lounge เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและด้านหลัง กล้องแสดงภาพรอบตัวรถ ระบบช่วยการนำรถเข้าที่จอด และฟังก์ชั่นจอดรถด้วยกุญแจรีโมทโดยปราศจากผู้ขับขี่
          ดีไซน์ภายในตัวรถบีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive ใหม่ ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบีเอ็มดับเบิลยู M Performance ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแท้ดีไซน์ M พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddle shift เบาะนั่งบุด้วยหนังแท้ Merino แบบ comfort ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งและฟังก์ชั่นนวดผ่อนคลายทั้งตอนหน้าและตอนหลัง คอนโซลและภายในตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาแบบ piano finish
          เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยูในตระกูลซีรีส์ 7 รุ่นอื่น ๆ บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive ใหม่ มาพร้อมจอภาพแสดงผลแบบสัมผัสในระบบ iDrive ขนาด 10.25 นิ้ว และระบบสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวมือ หรือ BMW Gesture Control System ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวด้วยเซนเซอร์สามมิติ สามารถใช้สั่งการระบบบันเทิงและการสื่อสารได้อย่างสะดวกและง่ายดาย โดยสามารถใช้ได้กับการควบคุมระดับเสียง และการรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้า นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยระบบบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพลิดเพลินกับความบันเทิงด้วยระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูงจาก Bowers & Wilkins รวมทั้งการเชื่อมต่อและชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
32
          บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport
          ราคาจำหน่าย 3,939,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          บีเอ็มดับเบิลยู 530e Luxury
          ราคาจำหน่าย 3,639,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 530e Luxury ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบรุ่นใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุดถึง 135 กิโลวัตต์/ 184 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 290 นิวตันเมตร ในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์/ 133 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังรวมสูงสุดถึง 185 กิโลวัตต์/ 252 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุดกว่า 420 นิวตันเมตร ด้านอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 41 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.2 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากโหมด SPORT, COMFORT และ ECO PRO ผู้ขับขี่สามารถใช้ eDrive เพื่อเปิดการใช้งานระบบ BMW eDrive ซึ่งช่วยให้ทุกการเดินทางแม่นยำมากขึ้นด้วยอีก 3 โหมดเพิ่มเติม คือ AUTO eDRIVE,
MAX eDRIVE และ BATTERY CONTROL สำหรับแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู
          530e iPerformance ทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป ใช้เวลาในการชาร์จน้อยกว่า 5 ชั่วโมง หรือหากชาร์จด้วยอุปกรณ์บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.7 กิโลวัตต์ (16 แอมป์ / 230 โวลท์) จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง
          นอกจากนี้ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอด (Parking Assistance) จะทำให้การจอดรถด้วยระบบอัตโนมัติง่ายดายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจอดรถแบบแนวขนานหรือเข้าซอง พร้อมฟังก์ชั่นพิเศษเพิ่มเติม โดยในรุ่นนี้ ระบบสามารถจอดรถได้ในพื้นที่จอดที่มีความยาวกว่าตัวรถเพียง 80 เซนติเมตร ช่วยให้การเข้าจอดในพื้นที่จำกัดสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น ระบบอัลตร้าโซนิคเซ็นเซอร์ (ultrasonic sensors) สามารถช่วยค้นหาพื้นที่จอดที่เหมาะสมได้ในขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 35 กม./ชั่วโมง โดยเมื่อพบจุดจอดแล้ว ระบบจะทำการจอดรถเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเกียร์ หมุนพวงมาลัย ตลอดจนผ่อนคันเร่งหรือเบรกโดยอัตโนมัติ และในกรณีที่พื้นที่จอดรถทำมุมกับถนน ระบบจะต้องการพื้นที่ว่างด้านข้างตัวรถเพียงข้างละ 40 เซนติเมตรเท่านั้นในการทำงานแบบอัตโนมัติ
เช่นเดียวกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ รุ่นอื่น ๆ ข้อมูลระบบนำทาง โทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และฟังก์ชันต่าง ๆ ของตัวรถ ถูกนำมารวมเข้าไว้กับหน้าจอความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งนอกจากจะควบคุมโดยปุ่ม iDrive Controller ยังสามารถสั่งการด้วยการกดปุ่มบนหน้าจอ หรือด้วยระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) อีกด้วย ระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) เสนอการใช้งานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสะดวกสบายในทุกฟังก์ชั่นด้วยการขยับมือหรือนิ้วมือเท่านั้น

activity on November 30, 2017, 08:51:18 AM
          บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport อวดความปราดเปรียวด้วยล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วลาย Double-Spoke ระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ (BMW Head-Up Display) หลังคากระจกเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า ขอบหน้าต่างภายนอกตกแต่งแบบ BMW Individual high-gloss พร้อมชุดตกแต่งภายนอก
          M Aerodynamics ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 530e Luxury มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย
          W-Spoke ชุดตกแต่งภายนอกแบบ chrome line ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยไม้ในแบบ Fineline Ridge พร้อมแถบโครเมียม เสริมความหรูหราให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
32
          บีเอ็มดับเบิลยู 330e (Iconic)
          ราคาจำหน่าย 2,259,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          บีเอ็มดับเบิลยู 330e (Iconic) เป็นสปอร์ตซีดานพันธุ์แท้ที่ออกแบบมาเพื่อที่สุดแห่งสุนทรียภาพการขับขี่ ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบและเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo ที่ทรงพลัง ส่งกำลังสูงสุดได้ถึง 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด
          290 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 65 กิโลวัตต์ / 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมให้สมรรถนะที่ตอบสนองได้ทันใจในเสี้ยววินาที ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำเพียง 55.6 กิโลเมตรต่อลิตร และลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 42 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น แต่ยังคงความทรงพลังในสไตล์สปอร์ตด้วยอัตราเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
          แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงในบีเอ็มดับเบิลยู 330e (Iconic) สามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป ใช้เวลาในการชาร์จให้เต็มประมาณ 3 ชั่วโมง หรือหากชาร์จด้วยอุปกรณ์บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.7 กิโลวัตต์ (16 แอมป์ / 230 โวลท์) จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง
          บีเอ็มดับเบิลยู 330e (Iconic) โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตที่สะดุดตา โฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลาย Double-Spoke พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบสปอร์ต ภายในตกแต่งด้วยวัสดุผิวหน้าอลูมิเนียมแต่งลายเส้นทางยาวพร้อมแถบโครเมียม เบาะนั่งปรับไฟฟ้าและระบบจำตำแหน่งสำหรับคนขับ จอภาพขนาด 6.5 นิ้ว และระบบความปลอดภัยแบบครบครันที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
32
          บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport ใหม่
          ราคาจำหน่าย 2,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)
          บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport ใหม่ ผสมผสานพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางของรถยนต์สปอร์ต
          ซีดานและความจุสัมภาระของรถยนต์อเนกประสงค์ไว้ได้อย่างลงตัว เพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด
          400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.7 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุด 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 27.0 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่ระดับการปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร
          ด้วยความยาวของตัวรถ 4,824 มิลลิเมตร บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport จึงมีมิติความยาวของตัวถังที่ยาวกว่าบีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 รุ่นอื่น ๆ ราว 200 มิลลิเมตร นอกจากนี้ช่องเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ท้ายรถยังมีความจุสูงสุดถึง 1,600 ลิตร บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport ใหม่จึงมีประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอย M Sport ลาย Double-spoke ขนาด 19 นิ้ว และขอบหน้าต่างแบบ High-Gloss Shadow Line พร้อมทั้งเติมเต็มลุคสปอร์ตด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics
          ดีไซน์ภายในตัวรถบีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport ใหม่ ประดับคอนโซลด้วยวัสดุ Aluminium ลายHexagon ตัดด้วยเส้นสายสีดำเงาเข้าชุดกับพวงมาลัยหนังแท้แบบ M Sport พร้อมแป้น gearshift paddle อีกทั้งยังมาพร้อมจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ระบบนำทางล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยู ระบบ
          iDrive Touch Controller และฟังก์ชั่นสำหรับสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบบันเทิงและการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT M Sport ใหม่ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น พวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Servotronic ระบบไฟหน้า LED ปรับอัตโนมัติ และโหมดการขับขี่ Driving Experience Control ต่าง ๆ
32
          บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Frozen Yellow Edition
          ราคาจำหน่าย 11,839,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Frozen Yellow Edition เป็นรถยนต์สปอร์ต 4 ที่นั่ง (2+2) รุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงเวลาที่จำกัด โดดเด่นด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่ทำจากวัสดุ CFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) และระบบส่งกำลังไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู eDrive มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูดุดันด้วยตัวถังสีเหลือง Frozen Yellow พร้อมเสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบผิวด้าน ลาย W-spoke ขนาด 20 นิ้ว ส่วนดีไซน์ภายในสวยงามไม่แพ้กันด้วยวัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงและเซรามิก ให้ความรู้สึกสมกับเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง
          ระบบส่งกำลังแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ของบีเอ็มดับเบิลยู i8 ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo ที่ส่งกำลัง 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลัง 96 กิโลวัตต์ / 131 แรงม้า พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ระบบส่งกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ยังใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังไฟสูงและระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ เพื่อส่งกำลังรวม 266 กิโลวัตต์ / 362 แรงม้าได้อย่างเต็มสมรรถนะและประหยัดพลังงานสูงสุด
          เมื่อใช้โหมดการขับขี่โดยใช้ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยไอเสียเลย บีเอ็มดับเบิลยู i8 สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางถึง 37 กิโลเมตร และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป หรืออุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู i8 ผสานพลังเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใคร พร้อมตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทาง สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.4 วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ต
          ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยไอเสียที่เหนือชั้นกว่ารถสปอร์ต ทุกรุ่นในตลาด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 47.6 กิโลเมตรต่อลิตรและอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 49 กรัมต่อกิโลเมตร ด้วยการเปิดตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 รุ่นพิเศษ รวมทั้งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล iPerformance รุ่นต่างๆ ที่เติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป สามารถสานต่อความเป็นผู้นำในด้านยนตรกรรมเพื่ออนาคตแห่งความยั่งยืน อีกทั้งยังยืนหยัดในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของตลาดยานยนต์พรีเมียมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
32
          บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe
          ราคาจำหน่าย 5,939,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe ยนตรกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ
          มาพร้อมขุมพลัง บีเอ็มดับเบิลยู M TwinPower Turbo 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ จึงตอบสนองการขับขี่ได้ในทุกจังหวะด้วยอัตราเร่ง
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ 4.3 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน พร้อมกระจังหน้าในแบบเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูล M
          ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 19 นิ้ว M Double Spoke และโดดเด่นด้วยท่อไอเสียคู่แยกออก 2 ทาง ขอบหน้าต่างสีดำเงา มาพร้อม Adaptive LED หรือระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย กระจกซันรูฟ กล้องและเซ็นเซอร์ด้านหลัง
          ส่วนห้องโดยสารหรูหราปราดเปรียวด้วยโทนสีดำ พร้อมงานออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งหลังคาภายในสี Anthracite พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแบบ M และเบาะหนังประทับตราสัญลักษณ์อักษร M จึงสะท้อนถึงความเร้าใจในการขับขี่แบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
          นอกจากนี้ยังมีระบบ BMW Apps ที่รองรับการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ เช่น M Laptimer ที่ช่วยบันทึกและวิเคราะห์การขับขี่ พร้อมทั้งแชร์ข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้ หรือ GoPro สำหรับการควบคุมกล้องวิดีโอทั้งภายในและภายนอกตัวรถ และเพลิดเพลินไปกับระบบเสียงไฮไฟ Harman Kardon
32
32
          บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe
          ราคาจำหน่าย 8,439,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ BSI Standard)
          รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์ M ซึ่งสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับรถยนต์สไตล์สปอร์ตตระกูล M ที่มีเครื่องยนต์เป็นหัวใจสำคัญ โดยเครื่องยนต์เบนซิน BMW M TwinPower Turbo 6 สูบในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ใช้ชุดอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ สามารถส่งกำลังสูงสุดได้ถึง 431 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรที่ 1,850 – 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่าแรงบิดสูงสุดของรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมอย่างบีเอ็มดับเบิลยู M3 ประมาณ 40% แม้จะมาพร้อมสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น แต่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ยังประสบความสำเร็จในการลดอัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อยมลพิษได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ที่เฉลี่ย 12.3 กิโลเมตรต่อลิตร และสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 4.1 วินาที ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชท์คู่ M 7 สปีด
          หัวใจแห่งความสำเร็จของสมรรถภาพทรงพลังสูงสุดและประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมเกิดขึ้นจากการลดน้ำหนักของตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80 กิโลกรัม และด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงน้ำหนักที่เบานี้เอง ส่งผลให้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe นี้สร้างมาตรฐานใหม่ของคอนเซ็ปต์โดยรวม และการตอบสนองที่แม่นยำและความคล่องตัว ด้วยดีไซน์อัจฉริยะที่คัดเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบา โดยใช้พลาสติกเสริมใยคาร์บอน (CFRP) และอะลูมิเนียมมาเป็นส่วนประกอบของโครงแชสซีและตัวถัง นอกจากนี้ หลังคาของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe ยังสร้างจากวัสดุคาร์บอนเสริมใยทั้งหมด
ภายในของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe โฉบเฉี่ยวในดีไซน์สปอร์ต ด้วยพวงมาลัยและเบาะที่นั่งแบบ
          M Sport บุหนังแท้ Merino เสริมความหรูหราด้วยการตกแต่งอะลูมิเนียมลาย Blade พร้อมแถบโครเมียม
          สีดำ มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน ม่านบังแดดกระจกหลังไฟฟ้า และสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-Up Display ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟน
32
          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่
          ราคาจำหน่าย 3,548,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพ็คเกจ MSI Standard)
          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่ รถยนต์เอนกประสงค์ พรีเมียม คอมแพ็ค ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบสปอร์ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ สะท้อนจิตวิญญาณรถแข่งโกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ ด้วยเครื่องยนต์ทรงพลัง ระบบช่วงล่าง และชุด aerodynamics ในแบบฉบับจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อหรือ ALL4 และขุมพลังจากเทคโนโลยี มินิ Twin Power Turbo มอบความเร็วเร้าใจด้วย กำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์ / 231 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 6.5 วินาที ในความเร็วสูงสุด 234 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,450 – 4,500 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 14.2 กิโลเมตรต่อลิตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่
161 กรัมต่อกิโลเมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบสปอร์ตพร้อมแป้น paddle shift บนพวงมาลัย มอบสมรรถนะรวดเร็วทันใจ ขับขี่ได้คล่องตัวทุกความท้าทายในทุกสภาพท้องถนน
          ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่ บ่งบอกถึงสมรรถนะความสปอร์ตและความปราดเปรียว ล้ออัลลอยแบบ John Cooper Works Course Spoke ขนาด 19 นิ้ว และเอกลักษณ์จานเบรคสีแดง พร้อมด้วยโลโก้จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ และชุด aerodynamics มอบความรู้สึกทรงพลังแก่รถยนต์มินิเจเนอเรชั่นใหม่นี้
          ภายในมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ คันทรีแมน ใหม่ ยังพกพาชุดแต่งในตระกูลจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ขนานแท้ที่ทำให้การขับขี่ในวันธรรมดา เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจราวกับอยู่ในสนามแข่ง ด้วยที่นั่งแบบยกสูงและดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถแข่ง ทั้งพวงมาลัยหนังแท้และเบาะสปอร์ตสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลแม้ระหว่างขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบแสดงผล Head-Up Display อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่โดยแสดงผลข้อมูลต่างๆ โดยไม่รบกวนการมองถนน เสริมสมรรถนะการขับขี่ในระดับรถแข่งพันธุ์แท้ ด้วยความคลาสสิกสไตล์มินิอย่างแท้จริง
32
          ข้อเสนอพิเศษในงาน Thailand International Motor Expo 2017
          ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูที่ทำการจองรถยนต์ภายในงาน Thailand International Motor Expo 2017 สามารถเลือกใช้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงิน BMW FREEDOM CHOICE เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย พร้อมให้อิสระทางการเงินที่มากกว่าการทำสัญญาเช่าซื้อทั่วไป ด้วยเงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 15% การรับประกันมูลค่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในอนาคต รวมทั้งเปิดทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการจัดการกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาสัญญา ถึง 4 ทางเลือกด้วยกัน ได้แก่
          ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคืนให้แก่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผ่านผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
          เริ่มต้นสัญญาใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคันใหม่
          เลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู โดยชำระเงินก้อนสุดท้าย
          ขยายเวลาผ่อนชำระเงินก้อนสุดท้ายออกไปเป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 4 ปี
          ลูกค้าที่จองรถยนต์มินิภายในวันที่ 23 พฤศจิกายนถึง 11 ธันวาคม 2017 และรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2017 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
          สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์มินิภายในวันที่ 23 พฤศจิกายนถึง 11 ธันวาคม 2017 รับฟรี iPhone X
สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์มินิภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 รับฟรี ลำโพงไร้สาย Harman Kardon Esquire Mini Wireless Bluetooth Speaker
          ฟรีโปรแกรมบำรุงรักษา MINI Service Inclusive (MSI) 3 ปี หรือ 60,000 กม. และการรับประกันนาน 3 ปี พร้อมการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ (Mobility Service) ระยะเวลา 5 ปี
          ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญดังกล่าวหรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ จาก
บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ได้ทาง BMW Contact Center โทร. 1-800-269-269 หรือติดต่อได้ที่ผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

activity on November 30, 2017, 08:52:04 AM
บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย นำนวัตกรรมบิ๊กไบค์หลากรุ่น จัดแสดงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017

          พร้อมเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมาย





          บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย นำโดย มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต (ที่ 4 จากซ้าย) ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และ มร.มาร์คุส เกลเซอร์ (ขวา) ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูหลากหลายรุ่น พร้อมข้อเสนอโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย ในงาน Thailand International Motor Expo 2017 มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34
 
          บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่นักบิดชาวไทย ด้วยการยกทัพมอเตอร์ไซค์พรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยูมาจัดแสดงในงาน Thailand International Motor Expo 2017 มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 34 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี พร้อมนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมายสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู โดยไฮไลท์ของทัพมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในปีนี้ นำโดยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์ใหม่ล่าสุดในตระกูล GS อย่างบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และอีกหนึ่งรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ กับบีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS สองล้อคู่ใจที่สมบูรณ์แบบสำหรับการผจญภัยในทุก ๆ วัน พร้อมการจัดแสดงมอเตอร์ไซค์และนวัตกรรมเหนือระดับอื่น ๆ อีกมากมาย
          มร.มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวว่า "ในช่วงท้ายของปี 2560 นี้ เราได้เสริมทัพมอเตอร์ไซค์อันแข็งแกร่งและหลายหลายของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ด้วยสมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูล GS ของบีเอ็มดับเบิลยู ที่พร้อมสานต่อ 36 ปีแห่งความสำเร็จของมอเตอร์ไซค์ตระกูล GS ด้วยประสบการณ์และความพึงพอใจในการขับขี่ในมาตรฐานระดับโลก
          บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version รุ่นใหม่นี้ ยังคงผสมผสานความนุ่มนวลในการขับขี่ระยะไกลของมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง และสมรรถนะปราดเปรียวในการขับขี่แบบออฟโรดไว้ได้อย่างลงตัวตามแบบของรถ GS พันธุ์แท้ นอกจากนี้ เรายังมีข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมายมานำเสนอให้แก่ลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017"
          บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version
          ราคาจำหน่าย 985,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวด้วยรูปลักษณ์แบบพร้อมลุย เข้ากับสมรรถนะแบบครบเครื่องจากเครื่องยนต์แรงบิดสูงที่ได้สร้างความตื่นตาให้กับแฟนๆ บิ๊กไบค์ทั่วโลก จนได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำของมอเตอร์ไซค์ในเซกเมนต์เดียวกัน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในรุ่นที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด การเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version ใหม่นี้ นอกจากจะถือเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณสมบัติต่างๆ ให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมแล้ว ยังมีการเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เข้ามาอีกด้วย
          บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สองสูบที่มีระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ เช่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ความจุ 1,170 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดที่ 92 กิโลวัตต์ / 125 แรงม้าที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 125 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมระบบท่อไอเสียแบบใหม่ที่ออกแบบให้ลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามเกณฑ์ EU4 pollutant class อีกทั้งยังโดดเด่นจากสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรด ด้วยโหมดในการขับขี่ "Dynamic Pro" และ "Enduro Pro" ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดอย่างแท้จริง
บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version ยังติดตั้งระบบ Dynamic Electronic Suspension Adjustment (ESA) หรือการปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช๊คด้วยระบบไฟฟ้า จึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะการขับขี่ และระบบ Dynamic Traction Control (DTC) หรือระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก ที่มอบความปลอดภัยระดับสูงแม้ขับขี่ด้วยความเร็ว โดยเฉพาะขณะเข้าโค้ง รวมทั้งระบบ
          Hill Start Control อำนวยความสะดวกเมื่อสตาร์ทรถในบริเวณพื้นที่ลาดชัน
          รูปลักษณ์ภายนอกของ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Rallye Version โฉบเฉี่ยวพร้อมลุยด้วยกระจกบังลมแบบสปอร์ต ล้อซี่ลวด ยางออฟโรด และกล่องใส่สัมภาระ โดยบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ใหม่นี้ เสริมลุคสปอร์ตร้อนแรงยิ่งขึ้นด้วยสี Lupine Blue พร้อมแต่งแต้มลวดลายเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์สปอร์ต ด้านข้างถังน้ำมัน และเฟรมสี Cordoba Blue ที่ตัดกับระบบขับเคลื่อนสีดำทั้งชุด ช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS ใหม่มีดีไซน์สปอร์ตที่สะดุดตาที่สุดในตระกูล GS
          บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS
          ราคาจำหน่าย 219,000 (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่สองต่อจากบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ที่ใช้เครื่องยนต์หนึ่งสูบ 313 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมติดตั้ง 4 วาล์ว 2 แคมชาฟท์ และระบบหัวฉีดน้ำมันแบบไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 25 กิโลวัตต์/34 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 28 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบต่อนาที
          นับได้ว่า บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ สามารถเป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ที่พร้อมออกผจญภัยไปกับผู้ขับขี่ในทุก ๆ วัน
32
          บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ สะท้อนจิตวิญญาณของความเป็น GS อย่างแท้จริงด้วยบังโคลนหน้าแบบสูง เอกลักษณ์ของเส้นสายอันเฉพาะตัวของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล GS และช่วงท้ายที่สั้นและยกสูง แต่ยังสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวบนทุกเส้นทางด้วยสัดส่วนที่กะทัดรัดและช่วงระยะฐานล้อที่สั้น นอกจากนี้ ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และระบบกันสะเทือนหน้าที่มีขนาดยาว ยังช่วยให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่านั่งหลังตรงที่ผ่อนคลาย พร้อมช่วยในการบังคับทิศทางที่คล่องแคล่วและแม่นยำอีกด้วย
          สำหรับระบบช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ มีความคล้ายคลึงกับบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R ด้วยเฟรมตัวถังเหล็กกล้า และท้ายรถแบบ bolt-on ที่มีความทนทานและแข็งแกร่ง อันเป็นปัจจัยสำคัญทำให้รถมอเตอร์ไซค์คันนี้โดดเด่นทั้งในเรื่องของเสถียรภาพในการขับขี่และความแม่นยำในการบังคับทิศทาง นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู G 310 GS ใหม่ ยังพกระบบช่วงล้างล้อหน้าแบบ upside-down fork มาคู่กับระบบช่วงล่างล้อหลังแบบสวิงอาร์มอลูมิเนียมเดี่ยวและสปริงที่ติดตั้งบนสวิงอาร์มโดยตรง
32
ข้อเสนอพิเศษในงาน Thailand International Motor Expo 2017
          ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จะได้พบกับความคุ้มค่าสูงสุดด้วยข้อเสนอพิเศษในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 ดังนี้
ออกรถพร้อมประกันภัยชั้น 1 เริ่มต้นเพียง 29,900 บาท สำหรับรุ่น F 800 R และ 49,900 บาทสำหรับรุ่น F 800 GS, S 1000 R และ S 1000 XR พร้อมรับฟรีหมวกกันน็อค BMW Motorrad System 7 Carbon*
          ลูกค้าที่ซื้อมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS รับฟรี Aluminum panniers และ top case พร้อมหมวกกันน็อค BMW Motorrad GS Carbon รวมมูลค่าสูงสุด 145,264 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)**
          ลูกค้าที่ซื้อมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR รับทันทีสิทธิ์ในการเรียนขับรถมอเตอร์ไซค์
          บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR กับทีมสอนระดับโลกจาก California Superbike School ที่สนามแข่งรถ Chang International Circuit จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 24 – 25 กุมภาพันธ์ 2561**
          บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
          *ข้อเสนอนี้สำหรับลูกค้าที่จองมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการและทำสัญญาทางการเงินกับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
          **ข้อเสนอนี้สำหรับผู้ลูกค้าที่จองมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม และรับรถภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560

activity on November 30, 2017, 08:52:46 AM
ฮอนด้า เตรียมเผยโฉม “ฮอนด้า ซีวิค สีใหม่ สีแดงแรลลี่” ครั้งแรกในประเทศไทย



          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเตรียมปลุกเร้าจิตวิญญาณความสปอร์ตของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากนับตั้งแต่เปิดตัวมา ด้วยการเผยโฉมสีสันใหม่ สีแดงแรลลี่ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ตอบรับเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ฮอนด้า ซีวิค ที่ชื่นชอบความสปอร์ต และความร้อนแรง ณ บูธฮอนด้า ในงาน Thailand International Motor Expo 2017 นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้จัดแสดงยนตรกรรมอีก 12 รุ่น จำนวน 22 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ 5 รุ่น เป็นรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้แก่ ซีอาร์-วี ซิตี้ แจ๊ซ ซีวิค แฮทช์แบ็ก และโมบิลิโอ พร้อมกับข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ในงาน Thailand International Motor Expo 2017 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. นี้

activity on November 30, 2017, 08:53:48 AM
“ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์” คว้า “Tiger 800 XRT” และ “Tiger 800 XCA” จาก EICMA โชว์และเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิกในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34”





           ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดไฮไลต์รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ส่งท้ายปีด้วยสองสมาชิกใหม่ล่าสุดของตระกูลแอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่ง ได้แก่ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (Tiger 800 XRT) และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (Tiger 800 XCA) โฉมใหม่! ที่ได้รับการปรับและเพิ่มเติมด้านชิ้นส่วน รวมถึงระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อมอบความสะดวกสบายและสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัย โดยทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวเพิ่งเผยโฉมให้โลกได้เห็นอย่างเป็นทางการในงาน EICMA Show ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และพร้อมแล้วที่จะให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสอย่างใกล้ชิดรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของครั้งแรกก่อนใครในเอเชียแปซิฟิกภายในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34" หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ณ บูธไทรอัมพ์ G05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 – วันที่ 11 ธันวาคม 2560
          นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ จัดเซอร์ไพรส์ส่งท้ายปีอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการขนทัพรถมอเตอร์ไซค์ที่ถือเป็นไฮไลต์ที่สาวกรถแอดเวนเจอร์แอนด์ทัวร์ริ่งรอคอย เพิ่งเผยโฉมให้โลกได้เห็นอย่างเป็นทางการในงาน EICMA Show ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้แก่ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที (Tiger 800 XRT) และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ (Tiger 800 XCA) โฉมใหม่ล่าสุด มาเปิดตัวให้คนไทยได้ยลโฉมและสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดรวมถึงจับจองเป็นเจ้าของก่อนใครเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34" หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 โดยทั้งเสือร้ายสายลุยสองสมาชิกใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโครงรถเละเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรดมากกว่า 200 รายการ และระบบขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมขึ้น เพื่อส่งมอบความสะดวกสบาย ตลอดจนสมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรดที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของทุกการผจญภัยกว่าที่เคย
          นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับ "ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที" และ "ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ" โฉมใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์สามสูบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะขนาด 800 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุดที่ 95 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที นอกจากนี้ยังได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะในส่วนสำคัญๆ หลายส่วนที่ออกแบบ เพื่อเพิ่มความสามารถของทั้ง 2 รุ่นต่อการขับขี่บนถนนและทางออฟโรด (Off-Road) ใช้งานง่าย ปราดเปรียว ตลอดจนการเสริมแต่งสไตล์และรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาทิ แผงหน้าปัด TFT แบบ Full Colour ขนาด 5 นิ้ว กระจกหน้ารถแบบปรับได้ 5 ตำแหน่ง และ Aero Diffuser เพื่อการป้องกันลม รวมถึงส่วนประกอบเบาะแบบใหม่ที่ให้ความสบายในการขับขี่ทั้งวัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกมากถึง 5 โหมด ในรุ่นเอ็กซ์อาร์ที ได้แก่ Road, Rain, Sport, Off-Road และ Rider สุดพิเศษยิ่งขึ้นในรุ่นเอ็กซ์ซีเอ มาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 6 โหมด เพิ่มโหมดการขับขี่ออฟโรดโปร (Off-Road Pro) แบบใหม่ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์ออฟโรดที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดกว่าที่เคยมีมา อีกทั้งมั่นใจในความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยเบรกหน้ามาตรฐานสูงของ Brembo รวมถึงรูปแบบของระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งมาให้ดีที่สุดจาก Showa มีปุ่มสวิตช์ที่แฮนด์บังคับเลี้ยวและจอยสติ๊กควบคุม 5 ทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับปุ่มกดที่มีไฟในตัวอย่างสวยงาม มีไฟ LED เต็มดวงแบบเฉพาะที่โดดเด่น อีกทั้งการอัพเดทระบบควบคุมความเร็วคงที่ การปรับปรุงโครงรถ ตลอดจนงานตัวถังระดับพรีเมี่ยมที่เคลือบผิวสีคุณภาพสูงพร้อมการออกแบบแผงข้างแบบใหม่ และการตกแต่งเพื่อเพิ่มความโดดเด่นอย่างแท้จริง มีระบบไอเสียที่มีลักษณะเฉพาะและน้ำหนักเบาขึ้น พร้อมเสียงที่เป็นสปอร์ตมากขึ้นเพื่อพลิกโฉมเครื่องยนต์รุ่นสมัยใหม่ มีอัตราทดเกียร์ 1 แบบใหม่ที่สั้นขึ้นเพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะ Off-road การตอบสนองที่ความเร็วต่ำบนทุกสภาพถนน และการเร่งในทันที ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจสำหรับผู้ขับขี่
          นอกจากนี้ยังจัดเต็มด้านเทคโนโลยีที่เป็นส่วนสำคัญต่อการขับขี่แบบผจญภัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบ ABS ระบบคันเร่งไฟฟ้า (Ride-by-Wide) ระบบควบคุมความเร็วคงที่ด้วยปุ่มเดียว (Cruise Control) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบปรับได้ (Traction Control) รวมถึงปลอกมือบิดและที่นั่งอุ่นไฟฟ้า ความสูงที่นั่งแบบปรับได้ ตลอดจนช่องเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น และที่สำคัญ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ โฉมใหม่ล่าสุดนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกสรรอีกมากกว่า 50 รายการ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับแต่งรถได้ดั่งใจเพื่อประสบการณ์ขับขี่ขั้นสูงสุดไม่ว่าในรุ่นใดก็ตามอีกด้วย
          ทั้งนี้ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์อาร์ที มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver Ice, Crystal White และ Matt Cobalt Blue สนนราคาประมาณการ 650,000 บาท และ ไทเกอร์ 800 เอ็กซ์ซีเอ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Korosi Red, Crystal White และ Marine สนนราคาประมาณการ 670,000 บาท
          ขณะที่ภายในงาน ไทรอัมพ์ ยังขนทัพไฮไลต์รถมอเตอร์ไซค์อีก 2 รุ่นมาเผยโฉมครั้งแรกด้วยเช่นกัน ได้แก่ "บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค" และ "บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์" รถมอเตอร์ไซค์สไตล์คัสตอมสุดคลาสสิกแบบฉบับอังกฤษขนานแท้ ที่ยังคงไว้ด้วยรูปลักษณ์รถตระกูลบอนเนวิลล์ดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน โดย "บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค" (Bonneville Bobber Black) มาพร้อมรูปลักษณ์ที่เข้มขึ้น ดุขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังคงไว้ด้วยคุณลักษณะที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ของ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์คัสตอมพันธุ์แท้ นวัตกรรมยานยนต์ที่สง่างาม ขีดความสามารถที่นิยามความเป็นตัวตน การขับขี่ที่ให้อารมณ์แสนเร้าใจ ตลอดจนเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามกึกก้องทรงพลัง
          โดย "บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค" มาพร้อมเครื่องยนต์แรงบิดสูงสูบคู่ขนานขนาด 1,200 ซีซี ให้แรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และพละกำลังสูงสุด 77 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที ด้านรูปลักษณ์คมเข้มมากขึ้น ด้วยสไตล์และการตกแต่งรายละเอียดสีดำสนิททั่วทั้งคัน นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงการแต่งรถเป็นหัวใจสำคัญ จึงมีชุดแต่ง "Old School" และอุปกรณ์เสริมให้เลือกมากมายกว่า 120 รายการ เพื่อการปรับแต่งรายละเอียดและสไตล์ รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบายและเสริมประสิทธิภาพรถให้สูงขึ้น
          ทั้งนี้ ไทรอัมพ์ บอนเนวิลล์ บอบเบอร์ แบล็ค มาพร้อมกับสีที่น่าสนใจถึง 2 สี ได้แก่สี Jet Black เงางามสุดคลาสสิก และสี Matt Jet Black แบบร่วมสมัย สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 625,000 บาท
          สำหรับรุ่น "บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์" (Bonneville Speedmaster) เป็นรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์สไตล์คัสตอมแท้ อัดแน่นด้วยดีเอ็นเอสายพันธุ์อมตะเหนือกาลเวลาที่รวมคุณลักษณะอันโดดเด่นของมอเตอร์ไซค์ตระกูลบอบเบอร์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ส่งมอบภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของบอบเบอร์อย่างเต็มเปี่ยมแต่สามารถใช้งานได้ง่ายดายและคล่องแคล่วขึ้นกว่าที่เคย โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บอนเนวิลล์ ขนาด 1200 ซีซี ส่งมอบแรงบิดสูงสุดถึง 106 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที และส่งมอบพละกำลังสูงสุดที่ 77 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที พร้อมมอบภาพลักษณ์คัสตอมสุดคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสายพันธุ์การออกแบบที่สืบทอดมาจากบอบเบอร์อย่างเต็มเปี่ยม ตลอดจนได้ถูกออกแบบมาสำหรับการปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยชุดแต่งทั้งหมด 2 ชุด โดยชุดแต่ง 'Highway' สำหรับเพิ่มขีดความสามารถด้านทัวร์ริ่งจึงมีชุดสัมภาระแบบอ่อนครบชุด ส่วนชุดแต่ง 'Maverick' สำหรับผู้ที่ขี่ต้องการภาพลักษณ์เรียบง่ายแต่ดุดัน และอุปกรณ์เสริมที่มีให้เลือกมากกว่า 130 รายการ
          ทั้งนี้ "บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์" โฉมใหม่มาพร้อม 3 สีสุดคลาสสิกให้เลือก ได้แก่ สี Jet Black สี Cranberry Red/Jet Black และสี Fusion White/Phantom Black พร้อมตัดเส้นคู่ด้วยมือ สนนราคาจำหน่าย 625,000 บาท
          อย่างไรก็ตามนอกจากกรถมอเตอร์ไซค์ไฮไลต์ข้างต้นแล้ว บูธไทรอัมพ์ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2017 ได้เนรมิตขึ้นภายใต้คอนเซปต์ "British Premium Lifestyle" โดยได้นำรถมาโชว์ในงาน 26 คัน ตลอดจนเนรมิตโซนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่ขนมาให้เลือกชมและซื้อกันอย่างจุใจ พร้อมส่วนลดพิเศษ 15 - 30 เปอร์เซ็นต์ และโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมาย พิเศษสุดๆ สำหรับลูกค้าที่จองรถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ทุกรุ่นทุกคันภายในงานเท่านั้น รับฟรีทันที! ถุงผ้าใส่หมวกกันน็อค Limited Edition จากไทรอัมพ์ นายจักรพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
          โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บูธไทรอัมพ์ G05 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 - วันที่ 11 ธันวาคม 2560 สอบถามข้อมูลติดต่อ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด อีเมล์: Contact.TH@triumphmotorcycles.com หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

activity on November 30, 2017, 08:54:17 AM
มาสด้ายกขบวนรถพรีเมี่ยมบุกงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป เผยโฉม ALL-NEW MAZDA CX-5 เอสยูวีที่กำลังมาแรง



           บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมยกขบวนรถทุกรุ่นโชว์ความตระการตาในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ชูความโดดเด่นสง่างามด้วยปรัชญาการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ สัมผัสความพรีเมี่ยมหรูหราสไตล์ยุโรป แต่แฝงไปด้วยความโฉบเฉี่ยวทั้งเรื่องของความแรง และประหยัดน้ำมันด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ระบบความปลอดภัยระดับโลกกับเทคโนโลยี i-ACTIVSENSE และการเชื่อมต่อสื่อสารด้วย MZD CONNECT พร้อมอวดโฉมรถเอสยูวีใหม่ล่าสุดอย่าง ALL-NEW MAZDA CX-5 ที่มาพร้อมกับสีตัวถังใหม่ล่าสุด Soul Red Crystal ที่พร้อมจะให้ทุกคนจับจองเป็นเจ้าของ สะท้อนภาพลักษณ์และความเป็นเอกลักษณ์ที่แท้จริงของมาสด้า
          มร. อัสสึชิ ยาซูโมโต รองประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์ของตลาดรถยนต์โดยรวมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีปัจจัยบวกเข้ามาเสริมรอบทิศทาง โดยมาสด้าคาดว่ายอดขายรถยนต์ภายในประเทศปีนี้จะทะลุเกิน 840,000 คัน นับว่าเติบโตเกินกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับช่วงปลายปีที่มีการจัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ซึ่งลูกค้าตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อจะยลโฉมรถยนต์รุ่นๆ ใหม่จากค่ายต่างๆ รวมถึงการออกโปรโมชั่นเพื่อจูงใจลูกค้า นอกจากนี้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปีก็มีส่วนทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง
          สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ในครั้งนี้ มาสด้าได้นำเอารถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้ลูกค้าได้สัมผัสเทคโนโลยีแห่งอนาคตในรถมาสด้า อาทิ รถสปอร์ตเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า MX-5 RF รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ CX-3 รถยนต์นั่ง Mazda3 และ Mazda2 รถยนต์ขายดีตลอดกาลของมาสด้า รวมทั้งรถปิคอัพมาสด้า BT-50 และรถอเนกประสงค์เอสยูวี ALL-NEW MAZDA CX-5 น้องใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยงานในครั้งนี้ถือเป็นการหลอมรวมเอาองค์ประกอบที่ดีที่สุดของยานยนต์ในปัจจุบันมาใส่ไว้ในรถทุกคันของมาสด้า
          ปัจจัยหลักสำคัญที่ส่งผลทำให้รถยนต์มาสด้าได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น คือ ความยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และระบบขับขี่อัจฉริยะ G-VECTORING CONTROL ที่เกิดจากความพึงพอใจจากการใช้งานจริงของลูกค้าจนเกิดการบอกเล่าต่อปากต่อปาก รวมทั้งรูปลักษณ์ความสวยงามและความปราณีตใส่ใจในรายละเอียดในกระบวนการผลิตจนลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น รวมทั้งสมรรถนะความแรงและการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีการขับขี่ที่จัดเต็มเข้ามาในรถทุกรุ่นที่ทางมาสด้าได้ปรับเสริมเติมแต่งที่เกิดจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
          นอกจากนี้มาสด้ายังคงเดินหน้าต่อในเรื่องของการบริการควบคู่ไปกับการปรับปรุงภาพลักษณ์ของโชว์รูม ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ MCI (Mazda Corporate Identity) เพื่อยกระดับคุณภาพของการบริการให้ได้มาตรฐาน ปัจจุบันเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว 25 โชว์รูม และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะแล้วเสร็จถึง 35 โชว์รูม รวมทั้งการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าที่ซื้อรถเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งอะไหล่ภายใน 1 วัน การกำหนดราคาอะไหล่ให้ใกล้เคียงกับคู่แข่งในตลาด การเปิดช่องซ่อมพิเศษที่สามารถให้บริการอย่างรวดเร็วภายใน 45 นาที ซึ่งมาสด้าจะดูแลลูกค้าตั้งแต่ย่างก้าวแรกจวบจนกระทั่งลูกค้าซื้อรถคันใหม่
          ทางด้านผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดของมาสด้า นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการเปิดตัว ALL-NEW MAZDA CX-5 ไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผ่านไปเพียงสองสัปดาห์มีลูกค้าจองซื้อสูงกว่า 1,500 คัน เหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้เรามีความมั่นใจว่ารถอเนกประสงค์เอสยูวีของมาสด้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยในงานมหกรรมยานยนตร์ครั้งนี้คาดว่าจะมียอดจองภายในงานสูงกว่า 4,000 คัน และเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มอบความไว้วางใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมาสด้า รับข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปีจากมาสด้า
          มาสด้า2 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.69% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
          มาสด้า3 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.33% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
          มาสด้า CX-3 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.33% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
          มาสด้า บีที-50 โปร ดาวน์เริ่มต้นเพียง 35,000 บาท หรือรับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.60% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
          All-New Mazda CX-5 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
          มาสด้า MX-5 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และโปรแกรมรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร
          รถยนต์มาสด้าทุกรุ่นรับฟรีประกันชั้น 1 (Mazda Premium Insurance) ข้อเสนอสุดพิเศษนี้สำหรับลูกค้ามาสด้าทุกโชว์รูมทั่วประเทศ และที่สำคัญเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป รับเพิ่มเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลจากมาสด้า ตั้งแต่วันนี้จนถึง 11 ธันวาคมศกนี้เท่านั้น
          โปรดติดตามข่าวสารผ่านทาง www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE

activity on November 30, 2017, 08:54:38 AM
Mazda marches into Motor Expo with army of premium vehicles All-new CX-5 unveiled to the public



           Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd. is preparing an army of SKYACTIV vehicles including the all-new CX-5 SUV to be displayed at this year's Thailand International Motor Expo from November 30 to December 11 at the Challenger Hall, IMPACT Muangthong Thani. Featuring KODO Design plus European quality and luxury along with outstanding performance and fuel economy from the SKYACTIV technology, safety from i-ACTIVSENSE and connectivity though MZD Connect, the Mazda contingent will be led the all-new CX-5 SUV that comes with the new Soul Red Crystal body color.
          Mr. Atsushi Yasumoto, Executive Vice President of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said during the past 10 months, the situation of the Thai automobile industry has improved thanks to all-round positive factors. "Mazda believes that total automobile sales in Thailand will reach 840,000 units in 2017, with higher growth than many had anticipated at the start of the year. The Motor Expo at the end of the year also serves as a marketplace for customers to shop for new automobiles from various brands and enjoy attractive sales promotions. In addition, the Thai government's economic stimulus packages throughout the year also contributes to setting a favorable atmosphere making it easier for customers to purchase a vehicle," he said.
"At this year's Motor Expo, Mazda is displaying the latest models such as the MX-5 RF roadster, CX-3 crossover, Mazda3 compact car, Mazda2 subcompact car, BT-50 PRO pickup truck and the latest member – the all-new CX-5 that was just launched in mid-November. This is by far the most comprehensive product lineup for Mazda combining all our strengths into these SKYACTIV-inspired vehicles," Mr. Yasumoto added.
          He said the main reason for Mazda's increased popularity is the excellence of the SKYACTIV technology and G-VECTORING CONROL (GVC). Highly-satisfied customers help spread the word to others, giving Mazda a strong presence among premium car users. This ranges from beautiful and exquisite design, attention to details with outstanding assembly quality, outstanding performance and fuel economy, and a comprehensive list of driving technologies incorporated into every Mazda model all comes from what the customer desires.
In addition, Mazda continues to move ahead in raising the quality of showrooms and after-sales servicing under the new MCI (Mazda Corporate Identity) concept. Presently 25 showrooms have undergone the change, with a target of 35 showrooms by the end of the year.
          We also improved our services by initiating a 1-day express delivery service for spare parts, with competitive prices against competitor brands. We also started 45-minute express service bays, ensuring Mazda customers are well taken care of the minute they step into the facility.
          Senior Marketing Director Mr. Thee Permpongpanth said after the launch of the all-new Mazda CX-5 in mid-November, more than 1,500 orders have been placed for the new model, which is higher than what Mazda had expected. "This gives us confidence that the new Mazda SUV will receive strong customer response at the Motor Expo. We expect to receive more than 4,000 units from all models and in order to thank customers for their confidence in our brand, Mazda is providing special offers at the show," he said.
          Mazda2 – 25% down payment, 1.69% interest, free insurance, 3-year/60,000km warranty
          Mazda3 – 25% down payment, 1.33% interest, free insurance
          Mazda CX-3 – 25% down payment, 1.33% interest, free insurance
          Mazda BT-50 PRO – Bt35,000 down payment or 2.60% interest, free insurance, 5-year/100,000km warranty
          All-new Mazda CX-5 – 25% down payment, 1.99% interest, 3-year/60,000km warranty
          Mazda MX-5 – 25% down payment, 2.15% interest, free insurance, 5-year/140,000km warranty

          Every Mazda vehicle comes with the Mazda Premium Insurance, and the offer is provided at all Mazda showrooms. However, customers placing orders at the Motor Expo from today until December 11 will receive an additional coffee machine.

activity on November 30, 2017, 02:36:39 PM




ข่าวประชาสัมพันธ์ มาเซราติประเทศไทยสยายปีกรุกตลาดพรีเมี่ยมลัคชัวรี่ เผยโฉม “มาเซราติเลอวานเต้ เอส พวงมาลัยขวาครั้งแรกของเอเชีย”









กรุงเทพ – มาเซราติประเทศไทย สยายปีกรุกตลาดพรีเมี่ยมลัคชัวรี่ ล่าสุดเผยโฉมมาเซราติ เลอวานเต้ เอส พวงมาลัยขวาครั้งแรกของเอเชียที่งานมหกรรมยานยนต์ 2017 พร้อมเสริมทัพด้วยยนตรกรรมพรีเมี่ยมลัคชัวรี่อิตาเลียน สปอร์ตลัคชัวรี่เต็มรูปแบบ

ปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้จัดการทั่วไป มาเซราติ ประเทศไทย ในนามบริษัท ดีไซน์ มอเตอร์เวอร์ค จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC – ASIA)  เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพในการเป็นผู้นำธุรกิจสินค้าระดับพรีเมี่ยมลัคชัวรี่ เซ็กเมนต์ และรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคตนั้น ล่าสุดบริษัทได้นำยนตรกรรม มาเซราติ เลอวานเต้ เอส (Maserati Levante S) พวงมาลัยขวาเข้ามาเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเอเชีย ที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 34  (The 34th Thailand International Motor Expo 2017) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 11 ธันวาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็คเมืองทองธานี

“นับตั้งแต่เปิดตัว เลอวานเต้ ในช่วงต้นปี เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรับรู้ในแบรนด์ของลูกค้า ปริมาณลูกค้าที่จองรถ และการเยี่ยมชมโชว์รูมที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นบริษัทมั่นใจอย่างยิ่งว่า เลอวานเต้ เอส จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้แผนการเพิ่มยอดจองในปี 2561 เป็น 100% จากปีนี้ และมั่นใจว่าภาพรวมตลาดของรถประเภทนี้ในปีหน้าจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในแต่ละแบรนด์ที่อยู่ในเซ็กเมนต์นี้ ได้มีการทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงปลายปีนี้และในปีหน้า ซึ่งจะกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อรถใหม่เพิ่มมากขึ้น บวกกับกำลังซื้อในตลาดยนตรกรรมพรีเมี่ยม ลัคชัวรี่นี้ ที่มีมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน“

มาเซราติ เลอวานเต้ เอส (Maserati Levante S)  มาพร้อมกับเครื่องยนต์ เบนซิน วี 6 ขนาด 2,979 ซีซี ที่ให้กำลังแรงม้าสูงถึง 430  แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม. ต่อชั่วโมง เพียง 5.2 วินาที ซึ่งจะทำให้ผู้ขับได้รับความรู้สึกที่แตกต่างจากการขับขี่รถยนต์สไตล์ SUV นอกจากเครื่องยนต์สมรรถนะสูงแล้ว รถยนต์มาเซราติมีเสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวถังภายนอกได้พัฒนาให้มีความโฉบเฉี่ยว หรูหรา สง่างาม ในมาดสปอร์ตดุดัน ตามแบบฉบับของรถ SUV อันแสดงถึงผลงานการออกแบบรถอเนกประสงค์สไตล์อิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง อาทิ กระจังโครเมียมรมดำ ตราสัญลักษณ์อันโดดเด่นของมาเซราติ กรอบไฟหน้าดีไซน์เฉียบคมพร้อมไฟตัดหมอก  ซุ้มล้อหน้าเสริมช่องระบายความร้อน ประตูแบบไร้กรอบ  ดิฟฟิวเซอร์ท้ายที่มาพร้อมกับท่อไอเสียคู่  โลโก้บนเสาหลังคาท้ายรถ ซึ่งมาพร้อมกับการดีไซน์ประตูด้านหลังให้มีขนาดเล็กลงเพิ่มความปราดเปรียว และลดค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน (cd) ได้เป็นอย่างดีส่งผลให้ ค่า cd มีเพียง 0.31 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรถยนต์ประเภท SUV ทั้งหมดนี้สะท้อนความเป็น "บุคลิกยนตรกรรมรถอเนกประสงค์แบบอิตาเลียนขนานแท้"

มาเซราติ เลอวานเต้ เอส (Maserati Levante S) ได้ออกแบบโครงสร้างตัวถังโดยพัฒนาแชสซีส์ใช้วัสดุที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมทำให้มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง สามารถรองรับการขี่ทั้งในรูปแบบออนโรดและออฟโรดได้เป็นอย่างดี พร้อมระบบ "Q4" ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะและรองรับด้วยระบบกันสะเทือนด้วยสปริงถุงลม (Air Suspension) ที่มีมาตรฐานสูง ปรับระดับแบบ 5+1 (Normal, Aero1, Aero2, Off-Road1, Off-Road2 and Easy Entry) ซึ่งสอดประสานการทำงานร่วมกับโช๊คอัพที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เหนือระดับด้วยสมรรถนะในการขับขี่อย่างเร้าใจ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบควบคุมแรงบิด Torgue Vectoring     

มาเซราติ เลอวานเต้เอส (Maserati Levante S) มีการออกแบบห้องโดยสารภายในแบบฉบับ Seamless Cabin Concept เน้นการออกแบบห้องโดยสารภายในให้มีความสมมาตร กว้างขวาง สง่างามในทุกมุมมอง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกฟังก์ชั่นการใช้งานด้วย ระบบ Infotainment System รุ่นล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ทั้งระบบ iOS (Apple Carplay) และ Android (Android Auto) สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก  ทำงานร่วมกับ Rotary controller จอทัชสกรีนพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงขนาด 8.4 นิ้ว (Touch screen and Voice control ช่วยให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยระบบเสียงคุณภาพสูง Harman Kardon และเพิ่มความปลอดภัยในทุกการขับขี่

มาเซราติ เลอวานเต้ เอส  (Maserati Levante S) ยังพร้อมสรรพด้วย Safety Feature and Technology อาทิ
•   ระบบช่วยเบรคกรณีเข้าใกล้รถยนต์ด้านหน้าที่เคลื่อนตัวช้า (Adaptive cruise control)
•   ระบบช่วยเตือนกรณีรถเข้าใกล้รถยนต์คันหน้ามากเกินไป (Forward Collision Warning)
•   สัญญาณช่วยเตือนสิ่งที่อยู่ในมุมอัพของสายตา (Blind Spot Alert ) 
•   ระบบช่วยเตือนในการขับขี่ไม่ให้ขับออกนอกช่องจราจรที่ขับอยู่ (Lane Departure Warning)
•   กล้องแสวงภาพรอบทิศทางช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ในพื้นที่ที่จำกัด (Surround View Camera)

ทั้งนี้ มาเซราติเป็นหนึ่งในแบรนด์ภายใต้กลุ่มเอฟซีเอ (FCA Group – Fiat Chrysler Automobiles) ซึ่งเป็นกลุ่มยานยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก และเป็นผู้ผลิตรถยนต์หลากหลายแบรนด์ อาทิ มาเซราติ อัลฟา โรมิโอ เฟียต แลนเซีย ไครสเลอร์ จี๊บ ดอดจ์

มาเซราติ ประเทศไทย รับประกันและฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร ท่านสามารถทดลองขับมาเซราติ เลอวานเต้ เอส ได้แล้ววันนี้ที่ มาเซราติ ประเทศไทย โชวร์รูม เอ สแควร์  (A Square) สุขุมวิท 26 หรือติดตามข่าวสารกิจกรรมต่างๆ ของทางมาเซราติ ประเทศไทย ได้ที่ http://thailand.maserati.com เฟสบุ๊ค Maserati Thailand (@maserati.thailand) หรือ  อินสตาแกรม Maserati Thailand
« Last Edit: November 30, 2017, 02:45:57 PM by activity »

activity on November 30, 2017, 02:55:01 PM
ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) เผยโฉมครั้งแรกสะดุดทุกสายตาในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017





          ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) เผยโฉม ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) ครอสส์โอเวอร์เอสยูวีเจนที่ 2 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีซูบารุโกลบอล แพลทฟอร์ม SUBARU GLOBAL PLATFORM (SGP) ผสานสมรรถนะจากขุมพลังเบนซินบ็อกเซอร์สูบนอน (BOXER) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร (SYMMETRICAL ALL-WHEEL DRIVE) พร้อมโหมดการขับขี่แบบ X-MODE เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017
          นายวิชัย ชินณรงค์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) เป็นรถยนต์รุ่นล่าสุดของซูบารุที่ใช้ SUBARU GLOBAL PLATFORM (SGP) ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มที่ถูกพัฒนาใหม่โดยมุ่งเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและความปลอดภัย เมื่อผสานกับรูปลักษณ์การดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกที่หรูหราโฉบเฉี่ยวสไตล์ครอสส์โอเวอร์ อีกทั้งประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น จากการพัฒนาสมรรถนะครบทุกด้านในครั้งนี้ จึงมั่นใจได้ว่า ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) จะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย ดังเช่นประเทศอื่นๆ ที่ได้มีการเปิดตัวไปแล้ว"
          ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) สุดยอดความปลอดภัยรอบด้านระดับโลก เพื่อการผจญภัยอันน่าสนุก โดดเด่นด้วยโครงสร้างใหม่ที่สามารถดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้มากขึ้นถึง 40% มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงอีก 5 มม. ตัวโครงสร้างมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 70-100% จึงทำให้ลดการโคลงของ ตัวรถยนต์ (BODY SWAY) เวลาขับขี่ถึง 50 % ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถึง 30% พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด เช่น ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC: VEHICLE DYNAMICS CONTROL SYSTEM) และระบบตรวจจับการหมุนของรถยนต์ (ATV: ACTIVE TORQUE VECTORING) ใช้เซนเซอร์ตรวจสอบตำแหน่งพวงมาลัย เมื่อเกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรง G ระบบนี้จะสั่งการเบรกไปยังล้อหน้าที่อยู่ด้านในโค้ง และกระจายแรงบิดหรือ TORQUE สำหรับล้อที่อยู่ด้านนอกโค้งโดยอัตโนมัติ ทำให้ควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้านระบบความปลอดภัยก็มั่นใจได้ในความครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัย (SRS-AIRBAG) ทั้งหมด 7 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด สำหรับเบาะหลังและที่นั่งกลาง รวมทั้งติดตั้งระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น กล้องมองหลัง ระบบกันขโมย อิมโมบิไลเซอร์ และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ทั้งนี้ ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) ยังคงเร้าใจตามแบบฉบับของซูบารุด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ (BOXER) บล็อคใหม่ล่าสุด FB20 สมดุลซ้าย/ขวาและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ พัฒนาแก้ไขชิ้นส่วนต่างๆ ไปถึงเกือบ 80% ของชิ้นส่วนทั้งหมดในเครื่องยนต์เพื่อลดน้ำหนัก และจ่ายเชื้อเพลิงระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (ไดเรคอินเจคชัน) ขนาด 2.0 ลิตร กำลังอัดเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 12.5:1 (เดิม 10.5:1) กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. (เดิม 150 แรงม้า ที่ 6,200 รตน. แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รตน. (เดิม 4,200 รตน.) ให้กำลังเต็มสมรรถนะด้วยระบบควบคุมวาล์วแบบแอคทีฟ (AVCS: ACTIVE VALVE CONTROL SYSTEM) ทั้งไอดี และไอเสีย พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มแรงบิดช่วงรอบต่ำให้อัตราเร่งที่ดียิ่งขึ้น
          ในส่วนของระบบส่งถ่ายกำลังแบบอัตราทดต่อเนื่อง (CVT) ใหม่ แบบ 7 สปีด พัฒนาเพิ่มช่วงของอัตรา ทดเกียร์ให้กว้างขึ้นทำให้อัตราเร่งดีขึ้น และประสิทธิภาพในการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ปรับปรุงและลดน้ำหนักส่วนเกินลง เพิ่มการตอบสนองรวดเร็ว สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้จากพวงมาลัย เอกสิทธิ์เฉพาะของ SUBARU พัฒนาขึ้นสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบสมมาตรตลอดเวลา (SYMMETRICAL AWD) ซึ่งการขับเคลื่อนในรูปแบบนี้ ช่วยให้รถเกาะถนนได้ดีและขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบ X-MODE เป็นตัวช่วยในการควบคุมเครื่องยนต์ ระบบส่งถ่ายกำลังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร เบรค และ อุปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพถนน
          ทั้งนี้ ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) ถูกออกแบบให้นั่งสบาย ตัวรถความยาวโดยรวม 4,465 มม. เพิ่มขึ้น 15 มม. ความกว้างโดยรวม 1,800 มม. เพิ่มขึ้น 20 มม. ความสูงโดยรวม 1,615 มม. ความสูงจากพื้นถึงตัวรถมากถึง 220 มม. โดดเด่นด้วยไฟหน้าโคมสีดำ ระบบส่องสว่างแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมหลอด LED เพิ่มอารมณ์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น กระจังหน้ารูปทรงเหลี่ยมแบบเรขาคณิต มีลวดลายแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เส้นสายบนฝากระโปรงดุดัน เสริมด้วยไฟตัดหมอกที่กันชนหน้า ตกแต่งด้วยแถบสีดำบริเวณชายกันชน และชายข้างตัวรถที่ลากยาวผ่านซุ้มล้อไปถึงไฟเบรคในกันชนหลัง ไฟท้ายรูปทรงทันสมัย แต่แฝงความแกร่งด้วยเหลี่ยมมุมอันแปลกตาเช่นเดียวกับกันชนหลัง เพิ่มความสปอร์ตด้วยสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 และเสาอากาศแบบครีบฉลาม เสริมขอบบังโคลน หรือโอเวอร์เฟนเดอร์ พร้อมติดตั้งราวแรคหลังคา (สี SILVER) รวมทั้งล้อแมกลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว สีดำ สีทูโทนที่แสดงถึงความแข็งแกร็งสไตล์เอสยูวี มาพร้อมสีส้มใหม่ สดใส (เข้มกว่า TANGERINE ORANGE)
          สำหรับการออกแบบภายในนั้น ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์สไตล์สปอร์ตที่รวมความเอนกประสงค์ไว้อย่างครบครัน ห้องโดยสารใช้โทนสีดำให้อารมณ์สปอร์ต ตกแต่งด้วยสีเงินบริเวณคอนโซล เกียร์ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน พร้อมแพดเดิล ชิฟท์ ติดตั้งระบบสาระบันเทิงที่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้รู้สึกถึงความทันสมัย ติดตั้งหน้าจอแสดงผลมัลติฟังก์ชันแบบใหม่ และหน้าจอแสดงผลร่วม แสดงข้อมูลสำคัญสำหรับการใช้งานต่างๆ ระบบมัลติมีเดียครบครันด้วยเครื่องเล่นดีวีดี เอมพี 3 เชื่อมต่อสะดวกด้วยพอร์ท USB AUX HDMI BLUETOOTH NFC พร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ DUAL-ZONE เบาะคู่หน้าโอบกระชับ นุ่มนั่งสบาย เบาะหลังเก็บในระนาบเดียวกับพื้นห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ ห้องโดยสารกว้างขึ้น สะดวกสบายขึ้นเพิ่มความจุด้านท้ายพร้อมแผ่นปิดห้องเก็บสัมภาระ ช่องเก็บของหลายจุดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สะดวกในการใช้งาน สมเป็นรถอเนกประสงค์
          ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี เจน 2 (THE ALL-NEW SUBARU XV)
          ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) มี 6 สีให้เลือก ประกอบด้วย สีขาว, สีเงินเมทัลลิค, สีเทาเข้มเมทัลลิค, สีดำ, สีน้ำเงินเข้ม และสีส้มโทนใหม่ ซันไชน์ ออเรนจ์ รุ่น 2.0i ราคา 1,159,000 บาท และรุ่น 2.0i-P ราคา 1,259,000 บาท

          พิสูจน์ความสปอร์ตที่ผสานที่สุดแห่งสมรรถนะในสไตล์ของ ดิ ออล-นิว ซูบารุ เอ็กซ์วี (THE ALL-NEW SUBARU XV) ได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมซูบารุทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 725 1888 หรือชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.subaru.asia/th