happy on November 19, 2017, 06:54:12 PM

ชื่อไทย         สงครามป่วน(ตัว)พ่อสุดแสบคูณ2
วันที่เข้าฉาย      30 พฤศจิกายน 2560
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=2O1s4Md87AQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=2O1s4Md87AQ</a>

                  ในภาคต่อของภาพยนตร์ที่ฮิตไปทั่วโลกในปี 2015 คุณพ่อและคุณพ่อเลี้ยง ดัสตี้ (มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) และแบร็ด (วิลล์ เฟอร์เรลล์) ต้องผนึกกำลังกันเพื่อเตรียมงานคริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบให้กับลูกๆ ของพวกเขา แต่แล้ว มิตรภาพที่เพิ่งก่อตัวขึ้นไม่นานต้องผ่านการทดสอบเมื่อคุณพ่อสุดแมนสไตล์ยุคโบราณของดัสตี้ (เมล กิ๊บสัน) และคุณพ่อเจ้าอารมณ์ที่สุดแสนจะรักใคร่ของแบร็ด (จอห์น ลิธกาว) เดินทางมาถึงได้ทันเวลาป่วนเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองนี้พอดี

                  พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส และแกรี่ ซานเชซ โปรดักชั่น ภูมิใจเสนอภาพยนตร์เรื่อง DADDY’S HOME 2 นำแสดงโดย วิลล์ เฟอร์เรลล์, มาร์ก วอห์ลเบิร์ก, เมล กิ๊บสัน, จอห์น ลิธกาว, ลินดา คาร์เดลลินี่, อเลสซานดร้า แอมโบรซิโอ และจอห์น ซีน่า ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ มอลลี่ อัลเลน, ฌอน แอนเดอร์ส, เจสสิก้า เอลบาว์ม, มาร์ก วอห์ลเบิร์ก และสตีเฟ่น เลอวินสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย วิลล์ เฟอร์เรลล์, อดัม แม็คเคย์, คริส เฮนชี่, จอห์น มอร์ริส และเควิน เมสซิค เขียนบทโดย ฌอน แอนเดอร์ส และจอห์น มอร์ริส โดยอิงจากตัวละครที่สร้างสรรค์โดย ไบรอัน เบิร์นส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย ฌอน แอนเดอร์ส

                  DADDY’S HOME 2 ยังร่วมแสดงด้วย สการ์เล็ตต์ เอสเตเวซ, โอเว่น วิลเดอร์ แว็คคาร์โร่, และดีดี้ คอสติน ทีมหลังกล้องประกอบไปด้วย ผู้กำกับภาพ ฮูลิโอ มาแค็ท (DADDY’S HOME, HORRIBLE BOSSES 2), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เคลย์ตัน ฮาร์ทลี่ย์ (DADDY’S HOME, ANCHORMAN 2: THE LEGEND CONTINUES), ผู้ลำดับภาพ แบร็ด วิลไฮท์ (DADDY’S HOME), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แครอล แรมซี่ย์ (DADDY’S HOME, HORRIBLE BOSSES 1 และ 2) และดนตรีประกอบแต่งโดย ไมเคิล แอนดรูว์ส




ครอบครัวเติบใหญ่

     ในภาพยนตร์ปี 2015 เรื่อง DADDY’S HOME คนดูได้เห็นคุณพ่อเลี้ยงที่แสนจะอ่อนไหวอย่าง แบร็ด (วิลล์ เฟอร์เรลล์) ต้องออกศึกสู้รบกับคุณพ่อแท้ๆ ขาบู๊อย่าง ดัสตี้ (มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) เพื่อแย่งชิงความรักจากดิแลน (โอเว่น แว็คคาร์โร่), เมแกน (สการ์เล็ตต์ เอสเตเวซ) และคุณแม่ของพวกเขา ซาร่า (ลินดา คาร์เดลลินี่) นับแต่นั้นเป็นต้นมา แบร็ดและดัสตี้ก็ยอมละทิ้งซึ่งความแตกต่าง เพื่อสร้างมิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปได้สวยในฐานะ “สองคุณพ่อร่วมใจ” แต่ชีวิตของพวกเขากลับต้องเผชิญกับความวุ่นวายโกลาหลอีกครั้งเมื่อบรรดาตัวพ่อของพ่อเดินทางมาถึงในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง สองตัวพ่อก็คือ ดอน ที่คอยดูแลทะนุถนอมลูกจนเกินงาม (จอห์น ลิธกาว) และเคิร์ต คุณพ่อที่มีมาดแมนสุดๆ แบบจ่าฝูง (เมล กิ๊บสัน)
     สำหรับทีมผู้สร้าง DADDY’S HOME 2 ก็คือโอกาสได้กลับไปสร้างภาพยนตร์ตลกที่เอาเรื่องราวชีวิตจริงภายในครอบครัวมาสร้างเสียงฮากันอีกครั้ง
     “ภาพยนตร์ภาคแรกเป็นเรื่องในแนวโบรแมนซ์ (มิตรภาพระหว่างผู้ชาย) การได้ดูตัวละครสองตัวที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วมาอยู่ด้วยกันเพื่อเห็นแก่ลูกๆ ครับ” ฌอน แอนเดอร์ส ซึ่งเป็นทั้งมือเขียนบทและผู้กำกับ อธิบาย “เราไม่ได้คิดถึงเรื่องของเรื่องราวภาคต่อเลยครับตอนที่เราสร้างภาพยนตร์ภาคแรกกันออกมา แต่เราก็ชอบไอเดียเรื่องที่พ่อของพ่อปรากฏตัวขึ้นในช่วงคริสต์มาส และเพิ่มระดับความซับซ้อนเข้าไปให้กับความขัดแย้งระหว่างพวกเขาสองคนด้วย ไอเดียนี้มันดีเกินกว่าจะข้ามผ่านไปได้จริงๆ ครับ”
     แอนเดอร์สกล่าวต่อไปว่า “เราวางเรื่องราวนี้เอาไว้ในช่วงคริสต์มาส เพราะมันอาจเป็นช่วงเวลาที่ยากมากๆ สำหรับครอบครัวที่ต้องมาผสมกลมกลืนปรับตัวเข้าด้วยกัน การต้องคิดว่าใครจะไปไหนในวันอะไร นำไปสู่ความเข้าใจผิดและความรู้สึกเจ็บปวดมากมาย อารมณ์ขันและความขัดแย้งเกิดมาจากที่ที่มีพื้นฐานแน่นหนาและทุกคนเข้าใจได้ครับ”
     “ในความคิดของผม สำหรับผมแล้ว มันดูจะมีความชัดเจนว่า DADDY’S HOME 2 จะต้องมีพ่อมากขึ้นอีก” จอห์น มอร์ริส ซึ่งเป็นทั้งผู้อำนวยการสร้างและร่วมเขียนบทเรื่องนี้ด้วย กล่าว “และการได้เห็นพ่อของแบร็ดและดัสตี้ มันทำให้เราเกิดความเข้าใจว่าพวกเขากลายมาเป็นคนอย่างที่เป็นอยู่ได้อย่างไร”
     โอกาสที่จะได้เห็นทีมนักแสดงจากภาพยนตร์ภาคแรกกลับมาร่วมแสดงด้วยกันอีกครั้ง คือสิ่งที่ดึงดูดใจทีมงานสร้างสรรค์เบื้องหลังจริงๆ แอนเดอร์สยอมรับว่า “เราไม่อาจบอกผ่านโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับวิลล์, มาร์ก, ลินดา และเด็กๆ อีกครั้งไปได้เลยครับ วิลล์มักนำบางอย่างที่ทั้งบ้าและสนุกเข้ามา ส่วนมากก็นำความจริงใจระดับสุดยอดมาให้กับทุกบทที่เขาแสดงครับ ลินดาเป็นนักแสดงหญิงระดับเวิลด์คลาส เป็นคนสนุกสุดๆ เมื่ออยู่ในกองถ่าย สการ์เล็ตต์และโอเว่นก็เป็นนักแสดงที่เชื่อมือได้ ผมดีใจที่พวกเราสามารถสร้างภาพยนตร์ภาคต่อได้ก่อนที่พวกเขาจะเติบโตจนเกินบท ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะสร้างภาพยนตร์ภาคต่อโดยไม่มีพวกเขาได้ยังไง”
     คริส เฮนชี่ ผู้อำนวยการสร้างอีกคนของภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า “เราอยากเก็บทุกอย่างที่คนดูเคยรักในภาพยนตร์ภาคแรกเอาไว้ แต่จะต้องสร้างเรื่องราวออกมาให้ใหญ่มากขึ้น ครอบครัวนี้ต้องเติบโต แบร็ดและซาร่ามีลูกเล็กคนใหม่อย่าง กริฟฟี่ ตอนนี้ ดัสตี้แต่งงานใหม่กับแคเรน ซึ่งรับบทโดย อเลสซานดร้า แอมโบรซิโอ และกลายมาเป็นพ่อเลี้ยงให้กับ เอเดรียนน่า ซึ่งรับบทโดย ดีดี้ คอสติน พวกเขาทั้งคู่กลับมาจากภาพยนตร์ภาคแรกด้วยบทที่ใหญ่มากขึ้น ที่กลับมาเช่นเดียวกันก็คือ จอห์น ซีน่า ในบทโรเจอร์ สามีเก่าของแคเรน ครอบครัวที่ผสมกลมกลืนเข้าด้วยกันนี้มีความซับซ้อนหลากหลายระดับอยู่แล้ว และ เมล กิ๊บสัน และจอห์น ลิธกาว ก็เหมือนเป็นผงที่เติมเชื้อไฟให้กับความวุ่นวายสุดเพี้ยนมากขึ้น””
     แอนเดอร์ส บอกว่า “ในตอนต้นเรื่อง เรารู้สึกว่าแบร็ดกับดัสตี้แทบจะฆ่ากันตายเพื่อจะเป็นคุณพ่อที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็ทำตามรูปแบบของแบร็ด ซึ่งทำให้แบร็ดรู้สึกภาคภูมิเล็กน้อย พวกเขาพยายามให้ความสำคัญกับลูกๆ ก่อนสิ่งอื่น ขณะพยายามวางปัญหาระหว่างพวกเขาสองคนไว้ก่อน”
    “ผมชอบการได้กลับมาทำงานกับมาร์กมากเลยครับ” เฟอร์เรลล์พูดถึงการได้ร่วมงานกับวอห์ลเบิร์กในภาพยนตร์เรื่องที่ 3 “มันดีนะครับที่ได้รู้จักใครสักคนดี จนคุณสามารถทำอะไรได้เต็มที่ และผมก็ชอบไอเดียที่เราได้เห็นแบร็ดกับดัสตี้ต้องมารับมือกับการทำหน้าที่พ่อร่วมกัน จากนั้น ก็เพิ่มพ่อของพวกเขาสองคนเข้าไปในส่วนผสมนี้อีก”
    “ผมรู้สึกสบายใจเสมอครับที่ได้ด้นมุกสดกับวิลล์” วอห์ลเบิร์กพูดถึงการจับคู่แสดงระหว่างเขากับเฟอร์เรลล์ “เขาเป็นคนที่มีความสามารถ ติดดิน เป็นคนที่อารมณ์ขันเกิดมาจากความเพลิดเพลินของเขาที่จะทำให้ผู้คนหัวเราะ ตอนที่ผมเกิดอยากจะผันตัวเองมาแสดงภาพยนตร์ตลกบ้างนั้น ผมค่อนข้างเลือกเฟ้นคนที่ผมจะร่วมงานด้วย ห้านาทีหลังจากได้พบวิลล์และผู้อำนวยการสร้าง อดัม แม็คเคย์ เพื่อคุยกันเรื่องหนัง THE OTHER GUYS ผมบอกเลยว่า ‘ผมเอาด้วย’ สองสามปีต่อมา เราก็ได้มาแสดงหนังเรื่องที่สามด้วยกันครับ”
    ขณะที่ ดัสตี้ ทำหน้าที่เป็นศัตรูตัวฉกาจในภาพยนตร์ภาคแรก การมาถึงของ เคิร์ต ตัวละครของ เมล กิ๊บสัน เราจะได้พบ ดัสตี้ ในช่วงที่เขากำลังเผชิญกับวิกฤตเรื่องตัวตน
   “ดัสตี้ไม่ใช่ผู้ชายเถื่อนๆ อย่างที่เขาเคยเป็นอีกแล้ว” วอห์ลเบิร์กอธิบาย “เขายอมรับความเห็นจากแบร็ด และเติบโตขึ้นในฐานะคนที่เป็นพ่อ ต้องใช้ความพยายามมากเพื่อทำให้ดัสตี้รู้สึกไม่สบายใจ แต่เคิร์ตค่อนข้างมีอิทธิพลต่อดัสตี้  และมันส่งผลต่อวิธีที่เขาเลี้ยงดูลูกๆ เขาต้องแบ่งแยกระหว่างการเป็นพ่อที่ดีขึ้น กับความพยายามที่จะสร้างความประทับใจให้กับพ่อของเขา”
   “ถึงแม้ดัสตี้จะรับสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากแบร็ด แต่เขารู้สึกอายที่จะแสดงมันต่อหน้าพ่อของเขา” แอนเดอร์สอธิบาย “เคิร์ตใช้ความอายนี้ให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นเราจึงได้เห็นชายคนนี้ คนที่ปกติไม่เคยสะทกสะท้านและสั่นไหวกับอะไรง่ายๆ จู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนที่วิตกกังวลและหวั่นไหว มาร์กสนุกไปเลยกับการได้แสดงเป็น ดัสตี้ โดยให้เขาเดินไปในทิศทางใหม่ที่แตกต่างไปเลยครับ”
   “วิลล์กับผมแสดงบทบาทที่เหมือนสลับกันเลยครับ” วอห์ลเบิร์กอธิบาย “ผมอยากทำอะไรที่มันแตกต่างออกไปเสมอ ดังนั้น จึงกลายเป็นเรื่องสนุกที่ได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของดัสตี้ และได้เห็นเขาพัฒนาไปในฐานะตัวละครครับ”
   แอนเดอร์สยอมรับว่าเขาเองก็รู้สึกลนลานเหมือนกันกับการที่ได้ กิ๊บสัน มาอยู่ในกองถ่าย “เมลเป็นผู้กำกับและนักแสดงที่มีความสามารถที่สุด ผมไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง ผมรู้สึกเหมือนคุณพ่อที่ถูกคุกคามโดยพ่อเลี้ยง และสงสัยว่าเขาจะนำพลังอะไรมาให้พวกเรา แต่ทันทีที่เขามาถึง เขากลับเป็นคนตลก อบอุ่น และน่ารักที่สุดเลยครับ”
   “เมล กิ๊บสันเหมาะกับบทพ่อของดัสตี้ที่สุด” เฮนชี่บอก “เมลนำลักษณะของชายชอบคุยโว แมนสุดๆ มา และความจริงจังที่เข้าคู่ได้ดีกับตัวละครของ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก เวลาที่คุณเห็นเคิร์ต คุณจะเข้าใจดัสตี้ได้เลย พวกเขาเป็นพ่อลูกกัน มีฮอร์โมนเพศชายอยู่เยอะ และมีการแข่งขัน ความขัดแย้งและมุกฮามากมายเกิดมาจากปฏิกริยาที่เคิร์ตมีต่อความเป็นพ่อของดัสตี้” เฮนชี่อธิบาย
   กิ๊บสันพูดถึงตัวละครของเขาไว้ว่า “เคิร์ตเคยเป็นนักบินอวกาศ เป็นผู้ชายประเภทที่ชีวิตเคยลำบาก เป็นเสือผู้หญิงที่ยังคงใช้ลูกไม้เก่าๆ ถึงแม้เขาจะไม่ได้หนุ่มแน่นอีกแล้ว มีความสนุกที่ได้เล่นกับพัฒนาการของตัวละครตัวนี้ครับ เขารักลูกชายของเขา แต่เขาไม่เคยและไม่ใช่พ่อในอุดมคติ ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นปกตินัก”
   ผู้เป็นพ่อที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก็คือ ดอน ตัวละครของ จอห์น ลิธกาว ที่ดูเป็นมิตร น่าคบหา ตรงกันข้ามกับลักษณะการเป็นหมาป่าผู้ท่องไปตามลำพังของเคิร์ต
   “ดอนเป็นคนจิตใจดีมาก เป็นผู้ชายประเภทที่จะยอมเปลี่ยนไฟลท์บิน เพื่อที่เขาจะได้พบเพื่อนใหม่ๆ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ลิธกาวพูดถึงตัวละครของเขา “เขาชอบพูดคุย ได้เล่าเรื่องตลกๆ ที่มีเพียงเขากับแบร็ดเท่านั้นที่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น และเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆ ทำให้ทุกห้องที่เขาเดินเข้าไปมีความชัดเจนที่สุด”
   “ดอนกับแบร็ดเหมือนภาพสะท้อนในกระจกของกันและกันครับ” เฟอร์เรลล์อธิบาย “เมื่อมองแค่ผิวเผิน ดูเหมือนพวกเขาจะมีความสัมพันธ์แบบพ่อและลูกชายที่สมบูรณ์แบบดี แต่ไม่มีใครอยากพูดถึงปัญหาของพวกเขาเลย”
   “ผมชื่นชมตัวละครตัวนี้มากจริงๆ นะครับ” ลิธกาวยอมรับ “เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีความบริสุทธิ์จริงๆ แต่ความช่างพูดของเขากลับเป็นความพยายามที่จะปกปิดความลับบางอย่างเอาไว้”
   “ถ้าเมลเหมาะกับบทเคิร์ตที่สุดแล้ว จอห์นก็เหมาะกับดอนที่สุดเช่นกันครับ” เฟอร์เรลล์บอก “ดอนเป็นพ่อที่น่ารัก แสนดี ชอบเข้าสังคม และมีอารมณ์ที่มั่นคง เป็นคนที่ไม่ลังเลเลยที่จะจูบปากลูกตอนเจอกันที่สนามบิน มันออกจะเยอะเกินไปสำหรับดัสตี้และเคิร์ต ซึ่งไม่สนิทสนมกันขนาดนั้น”
   “แบร็ดกับดอนพอใจกับความสัมพันธ์ของพวกเขา” เฮนชี่อธิบาย “พวกเขาสามารถพูดต่อประโยคของกันและกันได้ และแบร็ดก็คิดว่าทุกเรื่องที่ดอนพูดออกมาเป็นเรื่องสนุกไปหมด คุณจะเห็นเลยว่าแบร็ดเรียนรู้ทักษะความเป็นพ่อมาจากพ่อที่น่ารัก เป็นคนง่ายๆ คนนี้ เพราะงั้นคุณก็จะได้ตัวละครที่ตรงกันข้ามกับดัสตี้และเคิร์ตครับ”
   “ดัสตี้ค่อนข้างจะอิจฉาความสัมพันธ์ระหว่างดอนกับแบร็ดครับ” วอห์ลเบิร์กบอก “ดัสตี้กับเคิร์ตไม่ค่อยสะดวกใจที่จะแสดงอารมณ์ออกมา หรือแสดงสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นความอ่อนแอ ตอนที่ดัสตี้เป็นเด็ก เคิร์ตไม่เคยบอกรักลูกเลย แต่เราพยายามที่จะไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้ครับ”
   “ถึงแม้ว่าเราจะเล่นบทที่อยู่กันคนละขั้วเลย แต่พวกเราทั้งสี่คนก็เข้ากันได้ดีครับ เราหยอกล้อกัน และรู้ว่าตัวละครของเราเป็นใคร และพวกเขาเกี่ยวพันกันอย่างไร” ลิธกาวบอก “ดัสตี้เริ่มรู้สึกอิจฉาที่แบร็ดสนิทกับดอน แต่ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบของพวกเราก็เริ่มพังพินาศลง ความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกชายมีความซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นเรื่องที่ดี และมีอะไรให้ผมได้แสดงเยอะมากในฐานะนักแสดงครับ”
   กิ๊บสันรู้สึกประทับใจในการแสดงของลิธกาวมากเป็นพิเศษ “จอห์นน่าทึ่งมากเลยครับ และเขาด้นมุกสดได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลย เขาเริ่มพูด และคำพูดแจ่มๆ ก็หลุดออกมา ผมเคยเห็นเขาแสดงเป็น วินสตัน เชอร์ชิล และฆาตกรต่อเนื่องที่ดูน่าขนลุก และกับหนังเรื่องนี้ เขาก็แสดงงานตลกเบาสมองได้อย่างสบายๆ พอกันเลยครับ”
   “จนวินาทีที่เราได้ตัวทุกคนมาอยู่ในห้องนี้ พวกเขายืนเคียงข้างกัน ทำให้เรารู้ซึ้งถึงความมหัศจรรย์ที่ได้มาเห็นมาร์กอยู่กับเมล และวิลล์อยู่กับจอห์น” แอนเดอร์สเล่า “นอกจากการเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้ว พวกเขาแต่ละคนยังนำคุณสมบัติดีๆ มากมายมาให้เราอีกด้วย พวกเขาดูคล้ายพ่อของพวกเขามากเลยครับ พวกเขาพูดคล้ายพ่อด้วย มีบางอย่างในตัวพวกเขาที่มันเวิร์กสุดๆ ไปเลย”
   ลินดา คาร์เดลลินี่ กลับมารับบท ซาร่า ภรรยาของแบร็ด ซึ่งเป็นภรรยาเก่าของดัสตี้ เธอคือคนที่เป็นเหมือนกาวเชื่อมทางอารมณ์ที่ทำให้ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้มาอยู่ด้วยกัน
   แอนเดอร์สอธิบายว่า “ลินดาได้บทที่ยากนะครับ เธอเคยแต่งงานกับดัสตี้ แต่ต้องทิ้งชีวิตที่แสนวุ่นวายเอาไว้เบื้องหลัง และพบหนทางที่ทำให้เธอไปพบกับแบร็ด เธอได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาทั้งคู่ และรู้ว่าจะนำทางให้ทั้งสองครอบครัวยืนอยู่ได้อย่างไร”
   “ตอนนี้ แบร็ดและซาร่ามีลูกสามคนแล้ว” คาร์เดลลินี่บอก “กริฟฟี่ ลูกคนเล็ก เพิ่งหัดเดิน และเกือบจะพูดได้แล้ว ดิแลนกับเมแกนอายุมากขึ้น และตอนนี้ พวกเขาก็มีพี่น้องคนละแม่อย่างเอเดรียนน่า การมีครอบครัวใหญ่ที่ผสมกลมกลืนกันแบบนี้ ทำให้กลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นและยากขึ้นที่จะมี ‘คริสต์มาสร่วมกัน’ อย่างที่ทุกคนต้องการได้”
   โอเว่น แว็คคาโร่ และสการ์เล็ตต์ เอสเตเวซ ซึ่งกลับมารับบท ดิแลนและเมแกน ต่างรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีพี่น้องบนจอคนใหม่ ซึ่งรับบทโดยแฝดสาม คอนเนอร์, ดิแลน และแดฟนี่ ไวส์
   “พวกเขาทุกคนน่ารักมากครับ” แว็คคาโร่บอก “สการ์เล็ตต์กับผมชอบเล่นกับพวกเขา ถ้าพวกเขาอารมณ์ไม่ดี เราก็จะพยายามทำให้พวกเขาอารมณ์ดี เพราะพวกเขาต้องอารมณ์ดีก่อนที่จะไปเข้ากล้องครับ”
   เอสเตเวซชอบแฝดสามมากกว่าตัวสแตนด์อินของพวกเขา “เวลาเด็กๆ ไม่ได้มาอยู่ในกองถ่าย พวกเขาจะใช้ตุ๊กตาที่ดูคล้ายๆ กับพวกแฝดค่ะ ซึ่งมันชวนขนลุกมากๆ และทำให้ทุกคนรู้สึกสยองกันไปหมดค่ะ”
   เอเดรียนน่า พี่น้องต่างแม่ของดิแลน และเมแกน รับบทโดย ดีดี้ คอสติน ซึ่งกลับมารับบทที่มีบทบาทมากขึ้น เอเดรียนน่าทำให้ชีวิตกลายเป็นเรื่องยากขึ้นสำหรับทั้งพ่อเลี้ยงและลูกชาย คอสตินเล่าว่า “ตัวละครของฉันชอบหาเรื่องดิแลน และเธอไม่ชอบดัสตี้ ผู้เป็นพ่อเลี้ยงเธอเอาซะเลย ยิ่งเขาเป็นห่วงว่าเธอจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพยายามเอาชนะใจเธอมากเท่านั้น แต่เธอกลับลงเอยด้วยการไม่ชอบเขาเอาเสียเลย”
   แคเรน แม่ของเอเดรียนน่า รับบทโดย อเลสซานดร้า แอมโบรซิโอ เป็นคู่ปรับที่น่าสนใจสำหรับซาร่า “แคเรนดูน่ากลัวค่ะ” คาร์เดลลินี่บอก “เธอเป็นหมอและเป็นนักเขียนที่มีผลงานตีพิมพ์ออกเผยแพร่ เป็นผู้หญิงบราซิลที่ทั้งสวย สูง และเชื่อมั่น เป็นคนที่มักจะจดข้อความที่ทำให้รู้สึกป่วนประสาท ‘เธอเขียนถึงฉันว่ายังไงบ้างนะ’ ‘เธอบอกอะไรกับลูกๆ ของฉัน’ มันทำให้ซาร่ารู้สึกไม่สบายใจ กลายเป็นเหมือนตอนที่สองหนุ่มแข่งขันกันในภาพยนตร์ภาคแรกไม่มีผิดเลยค่ะ”
   แคเรนคือบทบาทในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องแรกของแอมโบรซิโอ้ หลังจากที่เธอสร้างชื่อเสียงในฐานะนางแบบของแบรนด์ วิคตอเรียส์ ซีเคร็ท และเคยรับบทเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่อง TEENAGE MUTANT NINJA TURTLES: OUT OF THE SHADOWS, CASINO ROYALE และ DADDY’S HOME ภาคแรก
   แอมโบรซิโอ้รู้สึกพอใจอย่างมากกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการต้อนรับในกองถ่าย “ฉันได้เจอทุกคนแค่แป๊บเดียวในภาพยนตร์ภาคแรก แต่ฉันไปอยู่ที่นั่นแค่วันสองวันเท่านั้นเองค่ะ” เธอเล่า “ทุกอย่างผ่อนคลายมากขึ้นในครั้งนี้ ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับลินดา ซึ่งถือเป็นเกียรติและสนุกมากค่ะ เธอเป็นคนร่าเริงจริงๆ ระหว่างเทก ทุกคนพากันหัวเราะ แต่ในทุกฉากที่เธอแสดง เธอเป็นผู้บัญชาการจริงๆ ค่ะ”
   โรเจอร์ อดีตสามีของแคเรน รับบทโดยจอห์น ซีน่า ซูเปอร์สตาร์แวดวงการมวยปล้ำ WWE และเป็นตัวขโมยซีนจากภาพยนตร์เรื่อง TRAINWRECK “โรเจอร์คือฝันร้ายที่ร้ายกาจที่สุดของดัสตี้ เขาคือดัสตี้ในเวอร์ชั่นที่เล่นใหญ่มากขึ้น น่ารังเกียจมากขึ้น” ซีน่าอธิบายอย่างติดตลก “”สำหรับภาพยนตร์ภาคแรก พวกเขาต้องการคนที่ต้องมีรูปร่างที่ดูกำยำกว่าดัสตี้ เพื่อให้เขามารับบทเป็นสามีเก่าของแคเรน และมาร์กก็พูดขึ้นว่า ‘ไปตามจอห์น ซีน่ามาเลย’ จังหวะเวลาของเขาลงตัวมากเพราะตอนนั้นผมเพิ่งจะเสร็จจากถ่ายทำ TRAINWRECK ซึ่งผมมีประโยคพูดประโยคเดียว ประมาณว่า ‘มาร์ก วอห์ลเบิร์กเขมือบมาร์ก วอห์นเบิร์ก’”
   ถึงแม้ดัสตี้และแคเรนจะพยายามให้ โรเจอร์ เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของพวกเขาด้วย แต่ซีน่าบอกว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคนเหล่านี้แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะพยายามยอมรับเขาก็ตาม”
   ซีน่ายอมรับว่า โรเจอร์ ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้ในฐานะพ่อ “เขามีข้อบกพร่องของความเป็นพ่อมากมายเหมือนที่ดัสตี้เคยมีในภาพยนตร์ภาคแรก เขาอาจจะเท่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยได้อยู่กับลูกมากนัก เขาชอบที่จะโผล่เข้ามาในเวลาที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว และตามใจเด็กๆ ให้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการเพื่อจะได้ใจลูกๆ จากนั้นก็แยกตัวออกไป ทิ้งคนเป็นแม่และพ่อเลี้ยงให้ต้องทำหน้าที่พ่อแม่ที่แท้จริง เขาคือกระจกที่สะท้อนให้เห็นว่าดัสตี้ดีขึ้นแค่ไหนในฐานะพ่อ”
   “จอห์นคือหนึ่งในคนโปรดของผมเลยครับ” แอนเดอร์สเอ่ยชม “มันน่าหงุดหงิดเวลาที่ผู้ชายสักคนดูเป็นตัวแสบ และมันสนุกมากที่เอาชนะเขาได้ เขานำความตรงไปตรงมามาด้วย ซึ่งทำให้เขาเป็นคนสนุก และมีเสน่ห์เกินกว่าจะเป็นแค่ผู้ชายถึกๆ คนหนึ่ง”
   แอนเดอร์สกล่าวต่อไปอีกว่า “ในกองถ่าย ไม่ค่อยมีใครมีอีโก้มากนัก ทุกคนต่างทำตัวสบายๆ และสนุกกันครับ”
« Last Edit: November 19, 2017, 07:08:16 PM by happy »

happy on November 19, 2017, 07:04:23 PM





งานสร้างบรรยากาศคริสต์มาส

     นอกไปจากทีมนักแสดงแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง DADDY’S HOME 2 คือการกลับมาร่วมงานกันของทีมงานหลังกล้องจากภาพยนตร์ภาคแรกอีกครั้ง
   “ตลอดหลายปีมานี้ ฌอนกับจอห์นได้พบกับกลุ่มคนที่พวกเขาอยากจะร่วมงานด้วย และได้พัฒนาความรู้สึกของความเป็นครอบครัวในกองถ่ายขึ้นมา” เฮนชี่บอก “บางครั้งมันอาจเป็นงานที่ทั้งยากทั้งเครียด แต่ก็มีความสนุกมากมายเมื่อคุณชอบคนที่คุณได้ทำงานด้วย”
   ความรู้สึกของความเป็นครอบครัวทำให้ผู้กำกับภาพ ฮูลิโอ มาแค็ท กลับมาร่วมงานด้วยกันอีก โดย แอนเดรียส และแม็กซ์ ลูกชายของเขาก็ทำงานอยู่ในแผนกกำกับภาพด้วย
   DADDY’S HOME 2 คือครั้งที่ 3 แล้วที่มาแค็ทได้ร่วมงานกับแอนเดอร์สและมอร์ริส หลังจากเคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง HORRIBLE BOSSES 2 และ DADDY’S HOME ภาคแรก “ในภาพยนตร์ทั้งสามเรื่อง ผมรู้สึกเหมือนผมได้พัฒนาทางลัดในการทำงานกับเซ็ธและจอห์น” มาแค็ทบอก “และผมก็รู้จักทีมของผมมาทั้งชีวิตของพวกเขาเลยครับ”
   “ฮูลิโอคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดูดีมากอย่างที่เห็นครับ” มอร์ริสเอ่ยชม “ไม่มีใครเก่งไปกว่าเขาอีกแล้วในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เรานึกภาพเอาไว้ในหัว และนำเสนอมันขึ้นจอได้แบบนี้”
   “แม้ในวันที่เครียดที่สุด ฮูลิโอก็ยังสนุกอยู่ได้” เฮนชี่บอก “คุณจะพบเขาอยู่แผนกกล้อง และทำให้เต้นท์ทีมงานสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงหัวเราะของเขา”
   ที่กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกครั้งก็คือ เคลย์ตัน ฮาร์ทลี่ย์ โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ผู้เคยร่วมงานกับ แกรี่ ซานเชซ อยู่บ่อยๆ เขาเป็นคนดูแลการเปลี่ยนแปลงฉากของภาพยนตร์ภาคต่อ จากโลเกชั่นย่านชานเมืองของภาพยนตร์ภาคแรก “ซึ่งอาจเป็นที่ไหนก็ได้ในอเมริกา” ในหลุยเซียน่า มาเป็นบรรยากาศแบบ “ดินแดนมหัศจรรย์แห่งคริสต์มาส” ของนิวอิงแลนด์
   “DADDY’S HOME ภาคแรก วางเหตุการณ์เอาไว้รอบๆ บ้านหลังนี้ และในละแวกบ้าน ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของการได้พักผ่อนในช่วงคริสต์มาส” ฮาร์ทลี่ย์อธิบาย
   ด้วยความพยายามที่จะสร้างความประทับใจให้กับครอบครัวใหญ่ที่ห่างเหินของเขา เคิร์ต ตัวละครของ เมล กิ๊บสัน จึงพาทุกคนไปพักผ่อนที่กระท่อมแสนหรูหราที่เขาจองผ่าน Airbnb คัทเลอร์กล่าวต่อไปว่า “มีส่วนหนึ่งของบทภาพยนตร์ที่ทุกคนพูดว่า ‘ดูนี่ซิ มันน่าทึ่งว่าไหม’ ดังนั้น เราอยากสร้างพื้นที่ที่สะท้อนความรู้สึกนั้น”
   ฮาร์ทลี่ย์และทีมของเขาได้สร้างด้านในบ้านพักผ่อนขนาดใหญ่ขึ้นที่โรงถ่ายแห่งหนึ่งในนิวอิงแลนด์ สตูดิโอส์ ในเดวิน, แมสซาชูเซ็ตส์
   เด็บ คัทเลอร์ ผู้ทำหน้าที่ตกแต่งฉาก ซึ่งเป็นลูกหม้อเก่าของ DADDY’S HOME พูดถึงบ้านที่พวกเขาเช่าไว้พักผ่อนว่าเป็น “ลูกผสมระหว่างอัลไพน์สปากับราล์ฟ ลอเรน”
   เมื่อให้อธิบายถึงกระบวนงานออกแบบ ฮาร์ทลี่ย์เล่าว่า “มันอิงอยู่กับความเป็นจริง ซึ่งอยู่ในบทภาพยนตร์ สิ่งที่อยู่ในหัวฌอน และสิ่งที่อยู่ในหัวของผม มันคือโอกาสที่จะได้ออกแบบบ้านในฝันของผมเลยครับ”
   “มันเป็นภาระหน้าที่ครับ” เฮนชี่เล่า “พวกเขาสร้างแมนชั่นแบบกระท่อมพื้นที่ขนาด 2 หมื่นตารางฟุตขึ้นมาที่โรงถ่าย แล้วพวกเขาก็สร้างรหัสที่ใช้ช่วยเหลือทั้งทีมนักแสดงและทีมงานกว่า 180 ชีวิต รวมถึงอุปกรณ์ด้วย”
   เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทีมของคัทเลอร์ต้องสร้างชิ้นส่วนฉากภายในบ้านแต่ละส่วนที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา “เราใช้อิทธิพลแบบเทือกเขาสูง อย่างเช่นรองเท้าใส่ลุยหิมะ มูส กวาง และเอลก์ รวมถึงของโบราณต่างๆ เพื่อทำให้ทุกอย่างดูมีความหลากหลาย” คัทเลอร์อธิบาย “เราอยากให้คุณรู้สึกราวกับว่าคุณไปอยู่บนเขานั้นจริงๆ”
   โครงสร้างที่เปิดโล่งของกระท่อมหลังนี้ ถือเป็นงานท้าทายสำหรับคัทเลอร์ “กล้องมองเห็นทุกอย่างหมดเลย ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยกินอาหารกันในห้องอาหาร แต่มันเป็นพื้นที่ใหญ่ กว้างจนมองเห็นทุกอย่าง เราต้องทำโต๊ะอาหารจากต้นโอ๊กเวอร์มอนต์ และทำให้มันมีร่องรอย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ทั้งเก้าอี้และลังเก็บของล้วนแต่ทำจากไม้ซุง ในห้องเล่นเกม จะมีตู้เพลง มีโต๊ะพูลที่ทำจากไม้ซุง มีโต๊ะฮ็อคกี้ที่ถูกสร้างให้เหมือนตอไม้ และมีการแข่งขันสกีอัลไพน์เรซเซอร์ที่เราเพิ่มเข้าไปตามคำขอของฌอน เราไม่อยากให้คนดูเห็นมุมใดของฉาก และพูดว่า ‘อ๋อ พวกเขาไม่ได้สร้างส่วนนั้นขึ้นมา’ ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ต้องมีความละเอียดและยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกัน”
   สำหรับฉากภายนอกกระท่อม ทีมงานย้ายไปถ่ายทำกันในพื้นที่สูงขึ้น ทางทีมผู้สร้างเลือกบ้านหลังหนึ่งในเบิร์กไชร์ส เพราะชอบสถาปัตยกรรมของมัน พอๆ กับความรู้สึกที่ตั้งบนยอดเขาที่บ้านหลังนี้มีให้
   “เราต้องการหิมะ” มอร์ริสเล่า “ซึ่งถือว่าหาได้ยากมาก เมื่อคุณถ่ายทำหนังกันในบอสตันเดือนมีนาคม ดังนั้นเราจึงไปที่เบิร์กไชร์ส เราทุกคนอยู่ในแมนชั่นบนเขานานเป็นอาทิตย์ และได้ท่องเที่ยวประสาครอบครัวในฉากของเราเอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากครับ”
   “เราพบบ้านที่สมบูรณ์แบบ ตั้งอยู่ในโลเกชั่นที่ดีในเบิร์กไชร์” ฮาร์ทลี่ย์อธิบาย “ปัญหาอย่างเดียวก็คือ มันไม่ใช่บ้านที่สร้างจากไม้ซุง ดังนั้น ทีมก่อสร้างที่น่าสงสารของเรา จึงต้องสร้างภาพไม้ซุง ท่ามกลางอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา ด้วยการเพิ่มโฟมและไม้จริงเข้าไปในโลเกชั่นที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์อย่างที่เราต้องการครับ”
   เฮนชี่รู้สึกประทับใจในการเปลี่ยนแปลงของบ้านหลังนี้มาก “เคลย์ตันออกแบบงานที่น่าทึ่งได้เสมอครับ เวลาที่ผมมองดูบ้านหลังนั้น ผมนึกไม่ออกเลยว่าเขาจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นกระท่อมไม้ซุงได้ยังไง แต่เมื่อผมกลับไปในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา มันดูไม่เหมือนเป็นบ้านหลังเดิมอีกแล้ว เขาเป็นปรมาจารย์จริงๆ มันมหัศจรรย์มากเลยครับ”
   สภาพอากาศก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้ภาพของกระท่อมหลังนี้ดูพร้อม “การถ่ายทำอาจจะหนาวเย็นมาก แต่ก็สนุกมาก” คัทเลอร์เล่า “เราสร้างหิมะของเราขึ้นมาเอง จากนั้นก็มีหิมะจริงตกลงมา จากนั้นหิมะจริงก็เริ่มละลาย เราก็เลยต้องสร้างหิมะเพิ่มขึ้นเพื่อให้เข้ากับหิมะจริง โชคดีที่เรามีทีมเอฟเฟ็กต์ที่เก่งมากค่ะ”
   หลังจากเข้าไปอยู่ในกระท่อมแล้ว แบร็ด ตัวละครของวิลล์ เฟอร์เรลล์พยายามโชว์ความแมนด้วยการออกไปตัดต้นคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาหาได้ แต่เขากลับไปโค่นเอาเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ถูกต้นไม้ปิดบังเอาไว้หมด นี่เป็นหนึ่งในฉากโปรดที่ฮาร์ทลี่ย์และคัทเลอร์ชอบที่สุดตอนออกแบบ
   “ต้นคริสต์มาสเสาสัญญาณ คือหนึ่งในงานตกแต่งที่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คาดไว้ครับ แต่ก็สนุกมากเลย” ฮาร์ทลี่ย์บอก
   “ต้นคริสต์มาสกลายเป็นภารกิจใหญ่ทีเดียว” คัทเลอร์เล่า “มันสูงถึง 25 ฟุต และกิ่งก้านสาขาของมันก็ทำจากโลหะที่ถูกเอามาเชื่อมติดกัน เราต้องติดเปลือกไม้ไว้ด้านนอก และใช้ใบไม้มาตกแต่ง ต้องใช้ช่างตกแต่งฉากถึงสองคน ใช้เวลานานสามอาทิตย์เพื่อทำงานนี้ให้เสร็จ ตอนที่เรายกมันขึ้นไปเพื่อใช้เป็นต้นคริสต์มาส ต้องใช้คนเยอะมากเพื่อยกมัน เพราะมันแทบจะทำจากเหล็กทั้งหมด และมันก็หนักมากค่ะ”
   ฉากใหญ่อีกฉากหนึ่งต้องใช้โรงภาพยนตร์ที่มีพายุหิมะถล่มใส่ฉากด้านนอก ทางทีมผู้สร้างพบโรงหนังท้องถิ่นที่ปิดไปแล้ว และยินยอมให้พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะกับฉากในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ด้านนอก ทีมงานได้ก่อสร้างฉากพายุหิมะขึ้นมา
   ฮาร์ทลี่ย์เล่าว่า “นี่เป็นการทำงานนานหนึ่งเดือน เราต้องสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จากตู้คอนเทนเนอร์ และติดผ้าสีเทาเอาไว้ด้านหน้า เพื่อสร้างฉากหลังที่เป็นพายุ เราเพิ่มภาพรถเข้าไป และแสงไฟลานจอดรถเพื่อเพิ่มความสมจริงเข้าไปอีกระดับหนึ่ง จากนั้นเราก็เพิ่มหิมะเข้าไป เจเรมี่ เฮย์ส ผู้ประสานงานด้านสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของเรา ทำทุกอย่างออกมาลงตัวมาก  การจัดแสงก็เหมาะ เอฟเฟ็กต์ลมก็เยี่ยม พายุหิมะของเขาดูน่าทึ่งมาก ผมยังรู้สึกหนาวเลยตอนเห็นมัน”
   ฮาร์ทลี่ย์และคัทเลอร์ยังรับผิดชอบการเข้ายึดคอนคอร์ด ถนนสายหลักของแมสซาชูเซ็ตส์ และเตรียมมันให้พร้อมสำหรับเทศกาลคริสต์มาส...ในเดือนมีนาคม
   “มันสนุกมาก เพราะคนที่คอนคอร์ดดีกับพวกเรามากเลยครับ” ฮาร์ทลี่ย์บอก “การตกแต่งถนนสายหลักของเมืองเล็กๆ ต้องใช้เวลานานมาก ต้องใช้ทั้งความอดทน และของประดับเทศกาลคริสต์มาสเยอะมากครับ”
   จังหวะเวลาในการถ่ายทำเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาของคัทเลอร์อย่างมาก “เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิทั้งเรื่อง ฉันต้องไปซื้อของอาทิตย์หลังจากปีใหม่ และได้ลดราคาสินค้าที่ใช้ตกแต่งช่วงคริสต์มาสทั้งหมด มีแค่ฉัน กับรถคันหนึ่ง และคนตกแต่งฉากก็ตามฉันไปทั่ว เพื่อซื้อต้นไม้ปลอมและของตกแต่งคริสต์มาส ฉันมีรถที่เต็มไปด้วยของในเทศกาลคริสต์มาสตามไปทั่วอยู่ตลอดเวลา”
   ฉากแสดงวันประสูติของพระเยซูเป็นหนึ่งในฉากที่ต้องใช้ลูกเล่นเยอะมากในการถ่ายทำ ฮาร์ทลี่ย์อธิบายว่า “มันเป็นฉากใหญ่ที่นักแสดงทั้งหมดต้องเข้าฉากด้วย ผมจึงอยากแน่ใจว่าฌอนมีพื้นที่อย่างที่เขาต้องการ ในการเตรียมงาน เราดึงคนจากสำนักงานให้มายืนเป็นตัวสแตนด์อินให้กับนักแสดง  และให้ฌอนมาวางงานของเขาและช่วยกำหนดขนาดของงานครับ”
   คัทเลอร์เล่าเสริมว่า “เราสร้างสองฉากสำหรับฉากวันประสูติ หนึ่งฉากอยู่ด้านใน อีกหนึ่งฉากอยู่บนถนนในคอนคอร์ด เราทำแบบนี้เพื่อจะจัดแสงในตอนกลางคืน และไม่ทำให้เด็กๆ ต้องอยู่ทำงานจนดึกเกินไปครับ ฉากด้านนอกจะมีไว้สำหรับผู้ใหญ่ ถ่ายภาพโคลสอัพ และฉากต่อสู้กันด้วยหิมะ”
   แอนเดอร์สยกความดีความชอบในการสร้างฉากวันประสูติให้กับ แครอล แรมซี่ย์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย รวมไปถึงฉากขว้างปาหิมะใส่กันด้วย “แครอลสร้างงานได้สุดยอดมากกับเสื้อผ้าพวกนั้นครับ ก่อนหน้าที่เราจะเริ่มต้นถ่ายทำฉากนั้นกัน ผมยังหัวเราะที่เห็นภาพพวกนักแสดงแต่งตัวเหมือนแมรี่, โจเซฟ และพวกนักปราชญ์ มันมีบางอย่างที่ชวนขำเกี่ยวกับการโต้เถียงกันท่ามกลางฉากการแสดงวันประสูติของพระเยซูที่มีชีวิตชีวาแบบนี้ครับ”
« Last Edit: November 19, 2017, 07:08:53 PM by happy »

happy on November 19, 2017, 07:05:47 PM



นำทุกคนกลับบ้าน

     แอนเดอร์สยอมรับว่าฉากการแสดงวันประสูติคือหนึ่งในฉากที่เขาโปรดปรานอย่างมาก “คนพวกนี้อยากจะต่อยกัน แต่เพื่อเห็นแก่เด็กๆ พวกเขาเลยขว้างหิมะใส่กัน เทศกาลวันหยุดแบบนี้อาจดึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในตัวพวกเราออกมาครับ แต่เพื่อเห็นแก่เด็กๆ เราพยายามทำตัวให้ดีขึ้น ผมรู้สึกว่าความขัดแย้งนั้นสร้างความสุนทรีย์ให้กับเทศกาลวันหยุดและภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีครับ”
   “เราสนุกกันมากกับการนำเสนอความขัดแย้งระหว่างสไตล์การเลี้ยงดูของพ่อที่แตกต่างกัน เพราะพ่อแต่ละคนในภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างเถียงอย่างมีเหตุมีผล” แอนเดอร์สบอก “คุณจะโยนลูกแรงๆเพื่อสร้างความเชื่อมั่น หรือปล่อยให้ความกลัวทำให้คุณเป็นคนโยนโบว์ลิ่งที่เก่งขึ้นล่ะ ไม่มีใครผิดหรอกในที่นี้”
   “เคิร์ตเป็นพ่อที่เชื่อในความตรงไปตรงมาที่แสนโหดร้าย ส่วนดอนเชื่อในความรักและความใจดี” วอห์ลเบิร์กบอก “สุดท้ายแล้ว ทุกคนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ พวกเขาแค่มีวิธีที่จะกระทำเช่นนั้นแตกต่างกันไปครับ”
   “เรื่องนี้กระแทกโดนประเด็นใหม่ๆ ในแบบที่สนุกมากจริงๆ ครับ” เฟอร์เรลล์บอก “มีประมาณแปดเรื่องที่ผสมกลมกลืนกันอยู่ แต่ผมพบว่าการเพิ่มความซับซ้อนหลากหลายระดับแบบนั้นมันคือสิ่งที่เป็นเหมือนรางวัลจริงๆ ครับ”
   “มีความพยายามร่วมกันที่จะทำให้ความสัมพันธ์ออกมาดูติดดินและจริงมากๆ ครับ” แอนเดอร์สเล่า “ผมหวังว่าทุกคนคงจะมองเห็นเรื่องราวของพวกเขาในตัวละครเหล่านี้ แต่ก็มาพร้อมความเข้าใจที่ดีขึ้นถึงอีกมุมมองหนึ่ง เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อจะแทงเข็มร้อยด้ายผ่านวินาทีที่แสนอบอุ่นและซื่อๆ เหล่านี้ และทำให้ภาพยนตร์ตลกเรื่องนี้เป็นภาคต่อที่ดีขึ้น ใหญ่ขึ้น และสนุกมากขึ้นครับ ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่คนดูจะได้ดูหนังเรื่องนี้ครับ”
« Last Edit: November 19, 2017, 07:09:16 PM by happy »