sianbun on December 06, 2009, 01:59:23 PM
ครั้งแรกกับสุดยอด Proton Exora สัมผัสประสบการณ์อีกระดับ กับ MPV 7 ที่นั่ง

 

          บริษัท พระนครโอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Proton ในประเทศไทย นำเข้ารถยนต์ตัวใหม่ล่าสุด Proton Exora ยานยนต์เหนือระดับ สัมผัสประสบการณ์ความกว้างสบายใหม่กับ MPV 7 ที่นั่ง ซึ่งจะเปิดตัว อย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 ต้นเดือนธันวาคมนี้

          Proton Exora จากค่ายโปรตอน นับเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย Exora เป็นผลิตผลของโปรตอนที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดรอบคอบเป็นเวลาหลายปี  โดยได้รวมองค์ประกอบเรื่องพื้นที่ รูปแบบ สมรรถนะและความปลอดภัย  จึงได้รับการออกแบบให้เป็นสุดยอดยานยนต์เหนือระดับ ผสานเทคโนโลยีช่วงล่างจากรถ Lotus ประเทศอังกฤษ

          Exora มีความเหมือนกับโปรตอน Gen 2 และ Neo  คือ ใช้การทดลองและทดสอบกับเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลัง 1.6 ลิตรเหมือนกัน แต่ Exora มีการเพิ่มเทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน (CPS : Cam Profile Switching) สำหรับในส่วนของเครื่องยนต์มีการใช้เทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมสองแบบ คือ เทคโนโลยีระบบวาล์วแปรผัน (CPS or Cam Profile Switching) และเทคโนโลยีท่อไอดีแปรผัน (Variable Intake Manifold technology) ทำให้กำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่สามารถดำรงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงไว้ได้ เทคโนโลยีการรวมเครื่องยนต์ทั้งสองอย่างที่แตกต่างกันมาอยู่ในชุดเดียวกันนี้ ทำให้ Exora มีความโดดเด่นที่ได้จากการรวมเทคโนโลยีทั้งสอง กล่าวคือ สามารถใช้ช่องของท่อไอดีที่มีขนาดยาว ช่วยทดแทนแรงบิดที่ลดลงอันเกิดจากเพลาลูกเบี้ยวยกตัวสูงขึ้น ในขณะที่ช่องของท่อไอดีที่มีขนาดสั้น ช่วยให้เครื่องยนต์มีพลังขับเคลื่อนด้วยความเร็วที่สูงขึ้น

          Exora  ได้รับการออกแบบสำหรับการเดินทางไกลของครอบครัว มีการปรับการขับขี่ที่ช่วยให้ผู้ขับมั่นใจและมีความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลบนท้องถนน ในแง่ของความปลอดภัย ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารที่นั่งส่วนหน้าจะสัมผัสถึงมาตรฐานความปลอดภัยของ Exora จากการมีถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้าพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ (Pre-tensioner seat-belts)  ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นมีเดียมไลน์ (Medium Line) และรุ่นไฮไลน์( High Line) ในส่วนของอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบเบรกทั้ง ABS  (Anti-lock Braking System)  และ EBD (Electronic Brake-force Distribution) ที่ช่วยให้รถยนต์ที่ขับขี่มาด้วยความเร็วสูงสามารถหยุดได้อย่างรวดเร็วด้วยความปลอดภัย และที่สำคัญที่สุด คือ ห้องโดยสารมีความแข็งแรงและใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบโครงสร้างป้องกันการชน ซึ่งช่วยให้รถยนต์อเนกประสงค์รุ่นนี้มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดความปลอดภัยของ ยูโร เอ็นแคป (Euro-Ncap) ระดับ 4 ดาว สำหรับความโดดเด่นของเทคโนโลยีด้านอื่นๆ ได้แก่ การใช้ส่วนประกอบเหล็กกล้าที่เป็นการผสมผสานระหว่างไฮโดรฟอร์ม ( Hydro-formed) และ โครงสร้างเสริมแบบพิเศษด้านหน้า ที่มีความแข็งแกร่งสูง เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ Exora เป็นรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบา แต่เพียบพร้อมด้วยความแข็งแกร่งและปลอดภัย

          สำหรับห้องโดยสารภายใน มีการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย ปรับปรุงทั้งในด้านการกันเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งระบบเก็บเสียงที่มีคุณภาพสูงนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถสนทนากันด้วยระดับเสียงปกติ และสามารถรับฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ (เฉพาะรุ่น High Line) ที่ชื่นชอบได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ ยังให้ความรู้สึกสบายในการขับขี่ระยะไกล Exora  จึงได้ติดตั้งที่วางเครื่องดื่มถึง 10 จุด เพื่อช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถวาง และหยิบขวดเครื่องดื่มได้สะดวกสบายมากขึ้น ในส่วนของสัมภาระ Exora  มีพื้นที่กว้าง โดยออกแบบให้เก้าอี้ทั้ง  6  ที่นั่งสามารถปรับพับได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น กลไกการพับพนักที่นั่งนั้นช่วยให้การพับพนักที่นั่งแถวที่สองทำได้ง่ายขึ้น  เปิดช่องกว้างให้ผู้โดยสารเข้าไปยังแถวที่นั่งที่สามได้ ประตูหลังสามารถเปิดได้กว้างถึง 80 องศา  เอื้อต่อการขึ้นลงของผู้โดยสาร นอกจากนี้ Exora จัดให้มีช่องระบบปรับอากาศให้กับทุกแถวที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความเย็นสบายทั่วถึงในวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าว

          จุดเด่นอีกจุดหนึ่งของ Exora คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบ BCM หรือ the Body Control Module  ซึ่งติดตั้งในรถยนต์ยุโรประดับสูง   Exora เป็นรถรุ่นแรกในค่ายโปรตอนที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ BCM พร้อมตัวเลือกและอุปกรณ์ใหม่อื่นๆ มากมายเพื่อเพิ่มการใช้งานและความปลอดภัย BCM  ทำหน้าที่ได้มากกว่า 20 ฟังก์ชั่น  อาทิ  ไฟนำทางเข้าบ้าน การตั้งโปรแกรมการล็อกประตู การควบคุมการทำงานที่ปัดน้ำฝน การทำงานของสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติระหว่างการหยุดโดยฉุกเฉินจากความเร็วที่ 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

          Proton Exora ทุกรุ่น มีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่
          -  สีเงิน (Genetic Silver)
          - สีดำ (Tranquility Black)
          - สีขาว (Solid White)
          - สีฟ้า (Gaia Blue)

sianbun on December 06, 2009, 02:01:32 PM
มาสด้าเปิดศึกชิงผู้นำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ เผยโฉม CX-9 ใหม่ รถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง

    

        บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศพร้อมเดินหน้าลุยตลาดรถอเนกประสงค์เมืองไทย ภายหลังแนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางสดใส เปิดตัวแนะนำรถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู 7 ที่นั่ง New Mazda CX-9 สปอร์ตหรูรา สง่างาม โดดเด่น มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3,700 ซีซี ให้พลังแรงเต็มพิกัด พัฒนาการที่ลงตัวของความหรูหรา ความสปอร์ต และประโยชน์ใช้สอย โดดเด่นในทุกรายละเอียด คงไว้ซึ่ง DNA สายพันธุ์สปอร์ตจากมาสด้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ซูม-ซูม" ด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวทั้งภายนอกและภายใน โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์ล้ำอนาคต พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบครบครับ เผยเคาะราคาราคาเพียง 3.69 ล้านบาท เปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 ที่ชาเลเจอร์ เมืองทองธานี ในระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคมศกนี้

          จอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่มาสด้า CX-9 ประสบความสำเร็จอย่างมากในทันทีที่เปิดตัวสู่สายตาสาธารณชนครั้งแรกในปี 2550 และยังเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์กลุ่ม SUV อเนกประสงค์ที่นั่ง 3 ตอน ด้วยการออกแบบเพื่อความคล่องตัวรอบด้าน มีสไตล์ และเน้นความปลอดภัยสูงสุด ตลอดจนสมรรถนะการทำงาน รถรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นเด่นในคลาส SUV ของมาสด้านี้ สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ลูกค้าและนักวิจารณ์ด้านยานยนต์มาแล้วหลังจากก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ของสายการผลิต ในการออกแบบโฉมใหม่ มาสด้า CX-9 ได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ให้โดดเด่นสะดุดตาทั้งตัวถังและภายในห้องผู้โดยสาร พร้อมออพชั่นต่างๆ เต็มอัตรา ทั้งยังเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นอีกด้วย

          มาสด้า CX-9 ใหม่ ไม่เพียงโดดเด่นแต่เพียงรูปลักษณ์ แต่ยังเป็นรถยนต์ Sports Crossover 7 ที่นั่ง ที่ครบครันไปด้วยประโยชน์ใช้สอย ผนวกเข้าด้วยกันกับความสะดวกสบายในแบบรถยนต์นั่งระดับหรูในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน วัสดุและการตกแต่งภายในของ มาสด้า CX-9 ใหม่โดดเด่นกว่ายนตรกรรมในระดับเดียวกัน ด้วยคุณภาพและความประณีตในระดับสูงสุดในทุกรายละเอียด เบาะนั่งและแผงประตูหุ้มด้วยหนังแท้คุณภาพสูงเย็บตะเข็บสองชั้นอย่างพิถีพิถัน คอนโซลหน้าและแผงประตูยังตกแต่งด้วยลายไม้ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังแท้ ผสมผสานเข้ากับไฟเรืองแสงสีฟ้าในห้องโดยสารที่สามารถสร้างบรรยากาศอันรื่นรมย์ได้ในทุกช่วงเวลาการขับขี่ แผงหน้าปัดทรงกลม พร้อมกรอบโครเมียมยังให้ทั้งความสปอร์ตและความมีระดับอย่างลงตัว



          หัวใจสำคัญของพลังขับเคลื่อนอันยอดเยี่ยมของมาสด้า CX-9 ใหม่ มาจากเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.7 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน S-VT ที่ให้พลังสูงถึง 273 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร โดยแรงบิดกว่า 90% อยู่ในช่วงรอบเครื่องต่ำตั้งแต่ 2,800 รอบถึง 5,800 รอบต่อนาที ผนวกกับเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะควบคุมด้วยสมองกลประสิทธิภาพสูง ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองแบบเกียร์ธรรมดาด้วยระบบ Manual Mode Activematic ทำให้มาสด้า CX-9 ใหม่มีการตอบสนองที่ฉับไวและให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่องในทุกย่านความเร็วโดยไม่ต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงเพื่อลดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์ V6 ของมาสด้า CX-9 ใหม่ ยังมีประสิทธิภาพการทำงานที่ราบเรียบ ไร้แรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน เพื่อสุนทรียภาพในการขับขี่ในทุกช่วงความเร็ว

เตรียมพบกันรถสปอร์ตครอสโอเวอร์สุดหรู New Mazda CX-9 ได้ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 26 ในระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2552 หรือที่พรีเมี่ยมโชว์รูมมาสด้าทั่วกรุงเทพฯ ได้แล้ววันนี้

sianbun on December 06, 2009, 02:07:26 PM
มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ ส่งเลกาซี โฉมใหม่ พร้อมยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตครบทุกรุ่น กระตุ้นยอดขายในงาน มอเตอร์ เอ๊กซ์โป 2009

 

 

         บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ซูบารุ จากประเทศญี่ปุ่น เตรียมพื้นที่จัดแสดงรถยนต์แบรนด์ซูบารุทุกรุ่น ภายใต้แนวคิด “Experience Beyond Words” เพื่อรองรับสุดยอดรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ต เครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ (Symmetrical All Wheel Drive; AWD) ที่พร้อมอวดโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในงานมหกรรมยานยนต์ 2009 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          โดยในปีนี้ ถือเป็นวาระพิเศษ ที่บริษัทฯ นำสุดยอดสตั๊นท์ ไดร์ฟเวอร์ ระดับโลก “รัสส์ สวิฟท์” มาเปิดการแสดงโชว์ขับผาดโผน เพื่อสร้างความตื่นเต้นและเร้าใจให้กับผู้ชมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย กับกิจกรรม “ซูบารุ – รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์ ไดร์ฟ โชว์ 2009”
   

        สำหรับสุดยอดยนตรกรรมที่นำมาจัดแสดงภายในบูธรถยนต์ซูบารุ ประกอบไปด้วย ซูบารุ เลกาซี โฉมใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 5 รถยนต์รุ่นล่าสุด ที่เพิ่งออกสู่ตลาดโลก โดยออกแบบให้มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย ชวนตื่นตาและสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์สูบนอนอันลือชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของซูบารุ มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ นวัตกรรมที่โดดเด่นและถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยีของซูบารุ เลกาซี ใหม่ นี้ ไม่เพียงปรากฏให้เห็นเฉพาะการออกแบบรูปลักษณ์และสมรรถนะของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสวยงามจากการดีไซน์อันลงตัว พร้อมสรรพด้วยอรรถประโยชน์ใช้สอยเหนือระดับ ทั้งด้านความปลอดภัยในการยึดเกาะถนน และเสริมสร้างความคล่องตัว ตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างเหนือชั้น ให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยการออกแบบที่เหมาะสม ภายในสปอร์ต หรูหรา ทันสมัย ด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความมีระดับ ในทุกการขับขี่ได้อย่างแท้จริง

          ซูบารุ เลกาซี ใหม่ คือ สุดยอดยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบของซูบารุ ที่คุณสามารถสัมผัสถึงความโดดเด่นอย่างแตกต่างได้เพียงแรกเห็น

          นายอภิชัย ธรรมศิรารักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มอเตอร์ อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซูบารุ เลกาซี ใหม่ ได้รับการออกแบบด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ชวนตื่นตา และสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยสมรรถนะที่เร้าใจในการขับขี่ ขุมพลังของเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น เอกสิทธิ์เฉพาะของรถยนต์ซูบารุ มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Symmetrical All Wheel Drive; AWD ความเป็นนวัตกรรมล้ำหน้าของซูบารุ

          เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ และสมรรถนะของเครื่องยนต์ ทำให้ซูบารุ เลกาซี ใหม่ เป็นสุดยอดยนตรกรรมแห่งปี ที่ให้ความสมดุลย์ระหว่างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ Experience Beyond Words และในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกการขับขี่อีกด้วย
 

         ซูบารุ เลกาซี ใหม่ ที่นำมาโชว์ภายในงาน มหกรรมยานยนต์ 2009 คือ ซูบารุ เลกาซี รุ่น 2.0i แบบซีดาน และ ซูบารุ เลกาซี รุ่น 2.0i แบบแวกอน ทั้งสองรุ่นดีไซน์สปอร์ตเหนือชั้น สร้างความเร้าใจทุกการขับขี่ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างนิรภัยแบบ Ring-Shaped Reinforcement Frame โครงสร้างตัวถังที่สามารถดูดซับและกระจายแรงปะทะให้น้อยลง พร้อมด้วยดิสก์เบรค 4 ล้อ, ระบบเบรค ABS ช่วยป้องกันล้อล็อคและการลื่นไถลจากการเบรคแบบกะทันหัน เสริมระบบกระจายแรงเบรค EBD ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเบรค และลดระยะเบรคให้สั้นลง มาพร้อมเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 2,000 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ (Symmetrical All Wheel Drive; AWD)

ซูบารุ เลกาซี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี คือ Satin White Pearl (ขาวมุก) , Steel Silver Metallic (บรอนซ์เงินเข้ม) Graphite Grey Metallic (เทาดำ) และ Crystal Black Silica (ดำ) โดยราคาจำหน่ายของซูบารุ เลกาซี แบบซีดาน 1,980,000 บาท และราคาจำหน่ายของซูบารุ เลกาซี แบบแวกอน 2,050,000 บาท

          สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 ซูบารุเตรียมพื้นที่บูธจัดแสดงไว้ 448 ตารางเมตร เพื่อรองรับลูกค้าที่ให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต สมรรถนะสูงทุกรุ่นจากซูบารุ ซึ่งนอกจากจะมีไฮไลท์ของงานคือ ซูบารุ เลกาซี ใหม่ แล้ว ซูบารุ ยังนำรถยนต์ครบทุกรุ่นมาจัดแสดง อาทิ ซูบารุ อิมเพรสซ่า แบบแฮทซ์แบค, ซูบารุ อิมเพรสซ่า แบบซีดาน และซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ ผู้สนใจสามารถเข้าชม ติดต่อขอทดลองขับและจับจองเป็นเจ้าของยานยนต์สมรรถนะสูงสายพันธุ์สปอร์ต พร้อมรับเงื่อนไขพิเศษ ได้ที่บูธ รถยนต์ซูบารุ ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009 ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม ถึง 13 ธันวาคม 2552 ณ อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือที่โชว์รูม รถยนต์ซูบารุ โทร. 0-2725-1888

          และนอกจากความน่าสนใจในการเข้าชมยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะสูงจากซูบารุแล้ว ในปีนี้ บริษัทฯ ยังจัดกิจกรรมพิเศษที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน คือ การนำนักขับผาดโผนระดับโลก สัญชาติอังกฤษ “รัสส์ สวิฟท์” มาแสดงโชว์ขับรถแบบสตั๊นท์ ไดร์ฟเวอร์ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบการขับรถแบบผาดโผนได้ชมเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

          “การนำสตั๊นท์ ไดร์ฟเวอร์ ระดับโลกมาเปิดการแสดงเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับตลาดรถเมืองไทยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงแบรนด์ ซูบารุ ในภาพลักษณ์ของรถยนต์สมรรถนะสูง ที่เพียบพร้อมไปด้วยความปลอดภัย เราเชื่อว่ากิจกรรม สตั๊นท์ ไดร์ฟ โชว์ จะสามารถสร้างความสนใจและสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่ได้เข้าชมเป็นอย่างดี เพราะหากได้สัมผัสประสบการณ์ในการขับขี่รถยนต์ซูบารุแล้ว จะรู้สึกถึงความสนุก ท้าทายและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณในทุกการขับขี่ของยานยนต์สมรรถนะสูงจากซูบารุ” นายอภิชัย กล่าว

          “รัสส์ สวิฟท์” เป็นเจ้าของสถิติ เวิล์ด ออฟ เรคคอร์ด ที่ได้รับการบันทึกสถิติโลกลงในกินเนสส์ บุ๊ค มาแล้วถึง 3 สถิติ ประกอบด้วย การทำโดนัท (Doughnut) 10 รอบ ในเวลาเพียง 16.07 วินาที ซึ่งเป็นเวลาน้อยที่สุดในโลก, การเข้าจอดระหว่างรถสองคันโดยการสไลด์รถ หรือที่เรียกว่า พาราเรล พาร์คกิ้ง (Parallel Parking), การกลับรถแบบเจเทิร์น (J-Turn) หรือการถอยหลังแล้วกลับรถ 180 องศา โดยใช้พื้นที่แคบที่สุดเพียง 172 เซนติเมตร

          การแสดงสุดยอดสตั๊นท์โชว์ระดับโลกในครั้งนี้ จัดขึ้นที่ลานจอดรถ P9 เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 4 – 7 ธันวาคม 2552 โดยในวันที่ 4 ธันวาคม เปิดการแสดงเพียงรอบเดียว คือเวลา 16.00 น. เป็นรอบพิเศษสำหรับสื่อมวลชนและบุคคลสำคัญ และวันที่ 5 – 7 ธันวาคม 2552 เปิดแสดงสำหรับบุคคลทั่วไป วันละ 3 รอบ คือ เวลา 14.00 น. , 16.00 น.และ 18.00 น. ท่านที่สนใจเข้าชมสุดยอดการแสดง รัสส์ สวิฟท์ สตั๊นท์โชว์ สามารถติดต่อขอรับบัตรเข้าชมฟรี (จำนวนจำกัด) ได้ที่บูธรถยนต์ซูบารุ B05 ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26

sianbun on December 06, 2009, 02:08:49 PM
BRG พร้อมโชว์ศักยภาพเต็มสูบ เข้าร่วมงาน Motor Expo 2009 เป็นครั้งแรก!!

    

        BRG รามคำแหงกรุ๊ป ผู้นำเข้ายนตรกรรมชั้นนำสุดหรูจากทั่วโลก พร้อมศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานครบวงจร ดำเนินธุรกิจและสั่งสมประสบการณ์ในด้านรถยนต์มายาวนานกว่า 32 ปี ภายใต้การบริหารงานโดย คุณสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยทายาท 2 สาวสวยต่างบุคลิกรุ่นใหม่ไฟแรง คุณอัจจิมา ศรีรัตนประภาส กรรมการบริหาร และคุณชลลธร ศรีรัตนประภาส กรรมการบริหาร ปัจจุบัน BRG มีโชว์รูม 3 แห่งด้วยกัน คือ โชว์รูมรามคำแหง ,โชว์รูมรัชโยธิน และโชว์รูมเพชรบุรี
          BRG พร้อมโชว์ศักยภาพเต็มสูบ เข้าร่วมงานจัดแสดงโชว์รถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ประจำปี ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 หรืองาน Motor Expo 2009 เป็นครั้งแรก!! โดย BRG ได้จองพื้นที่เพื่อโชว์รถยนต์ในงานกว่า 750 ตร.ม. ด้วยเงินลงทุนกว่า150 ล้านบาท BRG ได้เนรมิตพื้นที่กว่า 750 ตร.ม. ให้เป็นโชว์รูมรถยนต์สุดหรูที่สวยงามตระการตาพร้อมห้องรับรอง VIP LOUNGE สุดเลิศหรู เพื่อรองรับลูกค้าคนสำคัญโดยเฉพาะ พร้อมทั้งขนเหล่ากองทัพรถยนต์สุดหรูหลากหลายรุ่น-หลากหลายยี่ห้อ-หลากหลายสไตล์ จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อมาโชว์ในงาน 20 กว่ารุ่น เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศได้ยลโฉม ยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ กับเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัยพร้อมสัมผัสและครอบครองเป็นเจ้าของได้ทันทีภายในงาน พร้อมรับแคมเปญ Special Gift For Special Person พิเศษครั้งเดียวในรอบปี ที่ BRG ตั้งใจมอบให้ลูกค้าคนสำคัญของ BRG เท่านั้น!! รับของขวัญชิ้นพิเศษกับ Campaign Shop ที่ลูกค้าเลือก Shopping ได้ตามใจ พร้อมดอกเบี้ยสุดพิเศษในงาน สนับสนุนโดยลิสซิ่งกสิกรไทย
1. Premium Package
ของขวัญสำหรับคุณผู้ชาย : Package World Cup 2010 ตั๋วเครื่องบินไป-กลับประเทศ
แอฟริกาใต้ และที่พัก พร้อมตั๋วเข้าชมศึกฟุตบอลโลกชนิดเกาะติดขอบสนาม , นาฬิกา Tag
Heuer ,นาฬิกา Omega,นาฬิกา Porsche Design
ของขวัญสำหรับคุณผู้หญิง : กระเป๋าสุดหรู Hermes’Bag , กระเป๋า Chanel ,บัตรกำนัลให้เลือก
Shopping กับ Voucher Central

2. Value Package จองเท่าไหร่.....รับส่วนลดไปเท่านั้น

3. Full Option Package ประกันภัยชั้น 1 ฟรี,บัตรเติมน้ำมัน, Maintenance 1 ปี , Warranty 3 ปี
ดอกเบี้ยสุดพิเศษ

พิเศษ!! เฉพาะลูกค้า Benz Vito รับเพชร 2 กะรัต มูลค่า 600,000 บาท, ทองคำ หรือ
ส่วนลดเงินสด 400,000 บาท
กองทัพรถยนต์ภายในงาน
1. กองทัพ MPV
- Estima Kenstyle 2.4 G
- New Stepwagon Spada
- Benz Vito
- Sprinter



2. กองทัพ SUV
- Harrier Kenstyle
- Prado 2010
- Land Cruiser VX 200
- Hummer H3

3.กองทัพ SADAN
- Benz E220 CDI
- Benz E250 CDI
- Benz E250 CGI Sport

4. กองทัพ SPORT
- Porsche Cayman
- Benz E250 CDI Coupe
- SLK 2LOOK
- Civic Type R

5. กองทัพ CITY CAR
- iQ
- Cube
- bB
- Porte Welcab Drive

6.กองทัพ HYBRID
- Insight Hybrid
- Estima Hybrud

7.กองทัพ SUPER CAR
- Porsche 997 TURBO
- Porsche Panamera S
- Porsche 911 (997) 4S

รถไฮไลท์ในงาน
**Porte Welcab Drive**
          BRG เล็งเห็นความสำคัญเปิดตลาดใหม่ เจาะกลุ่มคนพิเศษโดยเฉพาะ นำเข้ารถยนต์ Porte Welcab drive รถเอนกประสงค์สุดหรู สำหรับคนที่เราใส่ใจและต้องการดูแลเป็นพิเศษ กับทางเลือกของการเดินทางแบบใหม่ ที่ใส่ใจต่อสังคม
Porte Welcab Drive รถเอนกประสงค์ 4 ที่นั่งสุดหรูขนาดเล็ก ที่มาพร้อมเครื่องยนต์1,298 cc. 87 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 21 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที
เกียร์อัตโนมัติ Super ECT
          จุดเด่นอยู่ที่รถคันนี้สร้างขึ้นมาเพื่อกลุ่มคนพิเศษหรือผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการเดิน เพื่อสร้างความมั่นใจ และคุณค่าในการเดินทางที่เหนือกว่า ด้วยตัวของตัวเอง ผู้ขับขี่หรือผู้พิการทางขาสามารถขับรถเอง ขึ้น-ลงจากรถได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกตั้งแต่ประตูสไลด์ไฟฟ้าเปิดกว้างด้วยระบบสมาร์ทคีย์ และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าสำหรับผู้ขับขี่ และเมื่อจอดรถ สามารถนำรถเข็นไฟฟ้าลงจากรถได้ด้วยตัวเอง ควบคุมการทำงานด้วย Joystick จะเดินหน้าหรือถอยหลัง เคลื่อนที่ได้รอบทิศทางไปในทุกที่ที่ต้องการด้วยตัวเองเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเมื่อจะกลับขึ้นรถ เพียงกดปุ่มเก้าอี้จะเลื่อนจากพื้นขึ้นไปอยู่ที่พื้นห้องโดยสาร จากนั้นก็จะเลื่อนสไลด์ไปที่ตำแหน่งของผู้ขับขี่ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งเก้าอี้ไฟฟ้าสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานมาเป็นเก้าอี้ Wheel Chair ได้อีกด้วย
Porte Welcab Drive ยนตรกรรมล้ำสมัยเพื่อสังคมที่สร้างโอกาสและความเป็นส่วนตัว ความภูมิใจสำหรับผู้ขับขี่ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดๆ

**Civic Type R**
          สปอร์ต แฮชต์แบ็ค 3 ประตู เต็มไปด้วยความทันสมัยทุกสัดส่วนกับ Civic Type R เริ่มต้นจากเรือนร่าง และส่วนประกอบที่ออกแบบมาอย่างกลมกลืนตัวถังคงคอนเซ็ปรูปทรง 3 เหลี่ยม ส่วนสปอยเลอร์หลังทรงเก๋ไก๋กลมกลืนไปกับท้ายรถเป็นอย่างดี บ่งบอกความเป็น Type R ด้วยโลโก้ Honda สีแดง ล้อแม็ค 18 นิ้ว
          Civic Type R มาพร้อมเครื่องยนต์ 1,998 cc. ขุมพลัง 201 แรงม้า ที่ 7,800 รอบ/นาที แรงบิด 193 นิวตันเมตร ที่ 5,600 รอบ/นาที ระบบเกียร์แบบธรรมดา 6 Speed ทำความเร็วสูงสุด
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6.6 วินาที
          ภายในก็สอดคล้องกับภายนอกด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย เบาะนั่งเป็นแบบ Bucket Seat หุ้ม Alcantara สีแดงสลับดำ ให้การโอบกระชับอย่างดี พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตพร้อมหุ้มหนังแท้เฉพาะ Type R แตกต่างด้วยด้ายเย็บ และโลโก้ตรงกลางที่เป็นสีแดง หัวเกียร์แบบสปอร์ต
จอแสดงความเร็วแบบ Multiplex แป้นเหยียบที่เป็นอลูมิเนียมทั้งหมด
          ส่วนระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตเฉพาะ Type R พร้อมเหล็กกันโครงหน้า/หลัง และเบรก ABS พร้อมด้วยระบบควบคุมการทรงตัว VSA และนี่คือ สปอร์ต แฮชต์แบ็ค 3 ประตู อีกรุ่นที่ BRG ภูมิใจนำเสนอสำหรับ นักเลงรถหรูที่รักความแรงโดยเฉพาะ



ทางด้านการตลาด
          ทางคุณชลลธร ศรีรัตนประภาส กรรมการบริหาร BRG ได้ตั้งเป้ายอดขายภายในงานไว้ที่ 70 คัน แบ่งเป็น รถญี่ปุ่น 45% รถยุโรป 55% รุ่นรถที่คาดว่าจะได้รับความสนใจมากที่สุดในงาน Porsche Panamera S ,Benz E250 CDI Coupe,Civic Type R , Step Wagon Spada
          ในปี 2553 คาดว่าจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มากกว่า 5 รุ่น และมีโครงการขยายโชว์รูมใหม่บนที่ดินย่านถนนพหลโยธิน เนื้อที่ประมาณ 300 ตารางวา ด้วยเงินลงทุนกว่า 110 ล้านบาท (มูลค่าที่ดิน 75 ล้านบาท และค่าก่อสร้างโดยประมาณ 30 ล้านบาท) จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2553 เป็นโชว์รูมสำหรับโชว์รถยนต์ Super car และ รถ Sport รุ่นพิเศษ ตั้งเป้ายอดขายในปี 2553 ไว้ที่ 625 คัน คาดว่าจะเติบโตจากปี 2552 ประมาณ 11 %

คุณชลลธร กล่าวทิ้งท้ายว่า “เพราะความวางใจ ไม่ได้เริ่มต้นแค่การซื้อรถ”
          สำหรับบางสิ่ง..คุณคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุด แต่ความจริงแล้วนั่นคือการเริ่มต้นเท่านั้น การซื้อรถก็เช่นเดียวกัน ที่ BRG นี่คือจุดเริ่มต้นของความใส่ใจและความจริงใจที่เรามีให้กับลูกค้า ด้วยหัวใจของการบริการ เพราะความตั้งใจของ BRG ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ ยังมีวันต่อๆไป เคียงข้างลูกค้าคนสำคัญ เติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็งและสามารถดูแลลูกค้าตลอดไป ความซื่อสัตย์และยึดมั่นในความจริงใจของผู้บริหาร BRG คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ BRG เติบโตขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ สมกับทุกความวางใจเริ่มต้นที่นี่... BRG

sianbun on December 06, 2009, 02:13:18 PM
การเปิดตัว รถยนต์เฟียตโฉมใหม่ เฟียต 500

 

          การเปิดตัวรถยนต์เฟียตโฉมใหม่ รุ่น เฟียต 500 ซึ่งตอบสนองทุกวัตถุประสงค์และทุกการขับขี่ เป็นรถยนต์ที่ฉีกแนว ด้วยกลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์และนำเสนอด้วยวิธีการใหม่ๆ เฟียตได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาและรถยนต์รุ่นนี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งยานยนต์สายพันธ์อิตาเลียนและกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เฟียตกำลังขับเคลื่อนสู่โลกแห่งอนาคต
          ไม่ว่าใครก็สามารถปรับโฉมรถยนต์รุ่นนี้ได้ เพราะรูปทรงของรถยนต์คันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ ยนตรกรรมบางรุ่นเป็นผลพวงมาจากความคิดสร้างสรรค์ของชาวอิตาเลียนในช่วงหลังสงคราม อาทิ เฟียต 500 หรือ เวสป้า ซึ่งไม่สามารถวัดกันได้ที่ชื่อ หรือสมรรถนะการขับขี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยานยนต์เหล่านี้เปรียบเสมือนยานยนต์อันทรงพลังพร้อมด้วยการออกแบบที่ฉีกแนว ตามแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานด้านยานยนต์ ด้วยแรงบันดาลใจเหล่านี้จึงรังสรรค์เกิดผลงานชิ้นโบว์แดงที่เป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ และ เฟียต 500 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์หน้านี้ด้วย
          เรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นถึงสองครั้ง เรื่องแรกเป็นเรื่องราวของบรรดาเจ้าของรถยนต์ แฟนคลับและผู้ที่คลั่งไคล้รถยนต์รุ่นนี้เป็นจำนวนมากที่ช่วยกันโจษขานถึงภาพลักษณ์ที่ดี ความน่าเชื่อถือและความประหยัดของรถยนต์รุ่นนี้ ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา เป็นส่วนที่ดีที่สุดที่สื่อถึงอิสระและอารมณ์ เฟียต 500 เชื่อมโยงความทรงจำต่างๆเหล่านี้เข้าด้วยกัน ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเพื่อนและรักครั้งแรก และยังเป็นภาพในความทรงจำที่ดีที่หลายๆคนอยากจะฟื้นความทรงจำเหล่านั้นให้หวนมาอีกครั้ง
          รถยนต์ เฟียต 500 ออกแบบโดยดันเต กีอาโกซา ได้รับการเปิดตัวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 และได้ปิดฉากลงในช่วงสงคราม มีผลทำให้การปรับโฉมรถยนต์รุ่นต่างๆของบริษัทสิ้นสุดลงไปด้วย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในอีก 10 ปีถัดมา ช่วงเวลานั้นนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การสร้างแบรนด์ของเฟียตในระยะเวลา 100 ปี
          การออกแบบ เฟียต 500 ให้มีความละม้ายคล้ายกับรุ่นเดิม เป็นการกลับมาอีกครั้งอย่างไม่ธรรมดา ต้องขอบคุณรูปลักษณ์ที่มีสไตล์โดดเด่นและเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปลุกกระแสของความเป็นอมตะ และนี่คือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์อีกหนึ่งครั้ง
          คำกล่าวที่ว่าการเปิดตัวรถยนต์โฉมใหม่ของ เฟียต 500 นั้นเป็นเพียงแค่เรื่องธรรมดาหรือเป็นการนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่นั้นคงจะไม่ถูกต้องนัก เป้าหมายของเฟียตไม่ใช่แค่การออกแบบรถยนต์ที่คล้ายกับ เฟียต 500 รุ่นเก่า แต่ต้องการออกแบบรถยนต์ที่สามารถกลายเป็น เฟียต 500 ได้ เฟียต 500 โฉมใหม่เป็นการนำกระบวนการด้านนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ลูกค้ากำลังให้ความสำคัญอยู่ในขณะนี้ เพื่อมากำหนดทิศทางที่ชัดเจนในการวางตำแหน่งสินค้าของเฟียตในอนาคต รถยนต์เฟียต 500 รุ่นใหม่ยังคงรักษาแนวคิดดั้งเดิมในด้านของรูปทรงและการใช้งาน เพราะเป็นสิ่งที่ลูกค้าหลายท่านคาดหวัง และเป็นการย้อนอดีตถึงอารมณ์และความทรงจำที่ไม่มีวันสิ้นสุด สิ่งเหล่านี้จะทำให้เฟียตก้าวล้ำขอบเขตอันจำกัดของรถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน
          สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องกล่าวถึงคือนวัตกรรมใหม่ๆที่สามารถนำมารวมกันอยู่ภายในรถยนต์รุ่นใหม่คันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นอันดับแรกคือนำผู้ที่เกี่ยวข้องต่างๆมาร่วมในการพัฒนาและวางแผนการตลาดของรถยนต์รุ่นนี้ โดยเริ่มจากการหากลุ่มเป้าหมายกว่า 3,000,000 คนให้เสนอแนวความคิดของพวกเขาเข้ามาในโครงการผ่านทางเวที “เฟียต 500 ต้องการคุณ” โครงการนี้เป็นวัฒนธรรมใหม่ระหว่างผู้ผลิตและลูกค้า ซึ่งส่งผลให้เฟียตกลายเป็นองค์กรที่เปิดรับความคิดเห็นและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ใกล้เคียงที่สุด เฟียต 500 เป็นรถยนต์ของลูกค้า ออกแบบโดยลูกค้า คำกล่าวนี้ได้สรุปปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาของโครงการนี้ ซึ่งนำเสนอสมรรถนะและเทคโนโลยีที่ยังไม่เคยมีบริษัทใดนำเสนอในตลาดรถยนต์กลุ่มนี้มาก่อน เฟียตได้ผ่านมาตรฐานการจำกัดการปล่อยมลพิษของ ยูโร 5 ล่วงหน้าถึง 2 ปีก่อนวันที่กฎหมายกำหนด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเฟียตเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มากไปกว่านั้น ครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่รถยนต์ขนาดเล็ก (3.5 เมตร) ที่ได้รับคะแนนระดับ 5 ดาวจากการทดสอบการชนของ EuroNCAP และพร้อมแล้วที่จะเข้าทดสอบระดับ 6 ดาวเมื่อมีการเปิดให้เข้าทดสอบ
 

         รถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่เพียงแค่โครงสร้างที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้น ยังเป็นเพราะชิ้นส่วนที่นำมาประกอบตัวถังและโครงสร้างภายใน อาทิ ถุงลมนิรภัย 7 ลูก (รถยนต์ขนาดเล็กรุ่นเดียวที่มีถุงลมนิรภัยที่หัวเข่า) และโปรแกรมควบคุมการทรงตัว (ESP) ที่มีในเครื่องยนต์ทุกรุ่น (มาตรฐานในรุ่น 100 แรงม้า 1.4 16v) องค์ประกอบเหล่านี้เป็นสิ่งที่ใหม่มากสำหรับกลุ่มรถยนต์กลุ่มนี้
          เฟียต 500 เป็นรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นแรกที่มีให้เลือกหลากหลาย เฟียต 500 มี 4 รุ่นพร้อมด้วยเครื่องยนต์ 3 แบบ เฉดสีมีให้เลือกมากถึง 12 เฉดและ 6 เฉดสีจะเป็นสีวินเทจที่ทำให้นึกถึงช่วงปี 2493 และ 2503 รวมถึงการเคลือบสีถึง 3 ชั้นด้วยกระบวนการที่ใช้สำหรับการผลิตรถยนต์หรู เบาะนั่งมีให้เลือกถึง 15 แบบซึ่งรวมถึงเบาะหนังระดับหรูอย่างคอนดูราและฟรัว ขอบล้อมีให้เลือกถึง 9 แบบด้วยกัน นอกจากนั้นเฟียตยังออกแบบ สติกเกอร์มาถึง 19 ลาย ซึ่งทำให้ทั้งหมดสามารถตกแต่งลวดลายได้มากกว่า 500,000 สไตล์ (หรือ 549,936 สไตล์) สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับรถยนต์รุ่นนี้คือเครื่องพ่นน้ำหอมไฟฟ้า ซึ่งมีน้ำหอมให้เลือก 3 กลิ่น มากไปกว่านั้นลูกค้าสามารถเลือกสีกุญแจรถได้ ซึ่งจะคล้ายกับตลาดของโทรศัพท์มือถือ ลูกค้าสามารถเลือกสีของกุญแจให้เหมาะกับสีรถยนต์หรือเลือกแบบอื่นๆที่ตนเองชื่นชอบได้ และยังไม่เคยมีรถยนต์ยี่ห้อใดนำเสนออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์หลากหลายเช่นนี้มาก่อน
          เฟียต 500 สร้างจากแนวคิดที่ครอบคลุมไม่ใช่แนวคิดเฉพาะเจาะจง และเฟียตคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบแนวคิดง่ายๆไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบนวัตกรรมใหม่ๆ แนวคิดในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของตัวบุคคลได้แสดงผ่านทางการกระบวนการนำเทคโนโลยีด้านอิเล็กโทรนิคมาใช้ในห้องโดยสาร (แบบเสียบสาย) บลูแอนด์มี (Blue&Me) และ ไอพ็อด (iPod) สามารถนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นนี้ได้ เพราะมีเต้าเสียบรองรับ นอกจากนั้นยังมีเครื่องนำทางแบบพกพาซึ่งคิดค้นมาเพื่อ เฟียต 500 โดยเฉพาะ ออกแบบโดย แมกเนตี มาเรลลี(Magneti Marelli) ซึ่งสามารถวางบนแผงหน้าปัดได้พอดีและเชื่อมต่อกับฟังก์ชั่นอื่นๆภายในรถยนต์ได้
          เฟียตมอบข้อเสนอหลากหลายให้กับลูกค้า เพราะเฟียต 500 ต้องเป็นรถยนต์สำหรับทุกคน เป็นรถยนต์ของทุกคน ที่ทุกคนเป็นผู้ออกแบบ เฟียต 500 คือรถยนต์เฟียตโฉมใหม่และเฟียตโฉมใหม่นี้เป็นรถยนต์ของทุกคน
          การเปิดตัวเฟียต 500 โฉมใหม่ถือเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ เป็นการประกาศจุดยืนของเฟียตใน อนาคตที่ต้องการให้ตลาดและสังคมรับรู้ รถยนต์รุ่นใหม่นี้ถือเป็นการกระตุ้นการใช้พลังงานอย่างมีจิตสำนึก เป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการค้นหาประสบการณ์ในด้านยานยนต์ที่มุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพและอารมณ์ เน้นความแตกต่างมากกว่าการผลิตจำนวนมาก ซึ่งการลดทอนบางขั้นตอนไม่ได้หมายถึงการตัดขั้นตอนนั้นออกไป เฟียต 500 เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมของแรงบันดาลใจเหล่านี้ และด้วยรถยนต์รุ่นนี้เอง ทำให้เฟียตสามารถยิ้มต้อนรับกับอนาคตได้

รายละเอียดรถยนต์
          เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2550 ซึ่งเป็นเวลา 50 ปี พอดี รถยนต์เฟียต 500 โฉมใหม่ได้เปิดตัวที่ ตูริน และจะมีการจัดทำการตลาดทันทีหลังจากการเปิดตัว รถยนต์รุ่นนี้เกิดขึ้นมาด้วยแนวคิด 3+1 ที่ได้มาจากงานมอเตอร์โชว์ ณ กรุงเจนีวา ในปี 2547 เฟียต 500 โฉมใหม่กลายเป็นรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ที่รักอิสระและชอบรถยนต์ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังต้องการรถยนต์ที่ให้ความบันเทิงและเหมาะกับทุกการขับขี่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ราคาไม่แพง มีเสน่ห์และสนุกสนาน รถยนต์รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ดึงดูดใจ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และกำลังได้รับกระแสความสนใจจากตลาด อย่างไรก็ตาม เฟียตยังคงรักษาประวัติศาสตร์และพันธกิจที่จะผลิตรถยนต์สไตล์ดั้งเดิม ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ รวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่ช่วยประหยัดพลังงานและช่วยให้การขับขี่ดีขึ้น รถยนต์เฟียต 500 ได้พัฒนาคุณภาพในด้านของความนุ่มนวลและความปลอดภัยในการขับขี่ นำเสนอเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆสำหรับตลาดกลุ่มนี้ พร้อมทั้งยังมีนวัตกรรมใหม่ๆสอดแทรกเข้าไปด้วย
          เฟียต มุ่งมั่นในการสรรหาทรัพยากรที่ดีที่สุดและวิธีการที่ดีที่สุด จึงก่อให้เกิดโครงการที่ดีๆขึ้นมา อย่างไรก็ตามโครงการนี้ยังไม่แล้วเสร็จ สำหรับโครงการเฟียต 500 เฟียตตัดสินใจปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่โดยการนำแนวความคิดของความร่วมมือมาเป็นศูนย์กลางของกระบวนการพัฒนา และโครงการนี้เป็นโครงการแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่นำผู้ที่สนใจจากทั่วโลกมาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับรถยนต์ในอนาคตผ่านเวทีบนอินเตอร์เน็ตชื่อ “เฟียต 500 ต้องการคุณ” นักออกแบบและวิศวกรของเฟียต เป็นผู้เก็บรวบรวมข้อเสนอแนะต่างๆและนำมาตั้งเป็นเป้าหมาย เพื่อพัฒนารถยนต์ที่มีสไตล์และใช้อุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังมากที่สุด เฟียต 500 จึงเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อทุกคน โดยพัฒนามาจากแนวความคิดของทุกคน
          ท้ายที่สุด รถยนต์รุ่นใหม่นี้ได้ยืนยันความเป็นผู้นำในตลาดกลุ่มนี้ของเฟียต ออโตโมบิลได้อย่างชัดเจน เป็นสัญชาตญานของเฟียตที่ย้อนอดีตไปไกลและสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของตลาดกลุ่มนี้ เฟียต 500 เกิดขึ้นมาด้วยเทคนิคพิเศษและการออกแบบสไตล์ดั้งเดิมที่ได้รับการคิดค้นมาหลายทศวรรษ และได้มาจากความชำนาญที่มีเพียงบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดยุโรปมาโดยตลอดเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเฟียตไม่เพียงแต่เอาชนะตลาดรถยนต์ขนาดเล็กด้วยยอดขายแล้วแต่เหนือสิ่งอื่นใดยังได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าด้วย ลูกค้าไว้วางใจในแบรนด์และประสบการณ์ของนักออกแบบ

รูปทรงเย้ายวนใจบวกสไตล์อันทันสมัย
          เฟียต 500 แบบ 3 ประตูโฉมใหม่ รูปทรงกะทัดรัดออกแบบโดยศูนย์การออกแบบเฟียต ความยาว 355 เซนติเมตร ความกว้าง 163 เซนติเมตร ความสูง 149 เซนติเมตรและฐานล้อกว้าง 230 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กที่ดูนุ่มนวลและสง่างาม สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ขับขี่ได้แม้ในขณะที่ต้องเผชิญกับการจราจรที่ติดขัดทุกวัน เพราะเป็นรถยนต์ที่ไม่กินพื้นที่มากและเหมาะสมกับวิถีชีวิตแบบเร่งรีบ
          ด้วยรูปทรงที่มีเสน่ห์ รถยนต์รุ่นนี้จึงเป็นรถยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเมื่อมองจากด้านข้าง รูปทรงเพรียวกะทัดรัด ส่วนหน้าของรถยนต์เป็นการผสมผสานกันระหว่างเฟียตรุ่นใหม่และรุ่นเก่าเข้าด้วยกัน เอกลักษณ์อันโดดเด่นของรถยนต์รุ่นแรกคือการผสมผสานกันของไฟหน้าทรงกลม ไฟล่างที่ให้แสงสว่างอย่างเต็มที่ กระจังหน้าและส่วนที่เป็นโลโก้ด้วย
          นอกจากนั้น ส่วนหน้าของตัวถังจะลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อเน้นย้ำความแข็งแรง ในขณะที่ด้านหลังจะมีรูปทรงที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย มือจับโครเมี่ยมที่ชวนให้นึกถึง เฟียต 500 รุ่นแรก รูปลักษณ์ภายนอกสื่อถึงสไตล์อันโดนเด่น ที่มาพร้อมด้วยเฉดสีถึง 12 สี (สีเมทาลิก สีธรรมดาและสีมุก) และยังตกแต่งวัสดุภายในได้หลากสไตล์ด้วยวัสดุผ้าและหนัง
          เฟียต 500 เป็นรถยนต์เฟียตรุ่นแรกที่ใช้ชื่อเป็นโลโก้ติดไว้ที่ล้อแมกซ์และวงล้อ รถยนต์รุ่นนี้มีเสน่ห์และคงความดั้งเดิมไว้ ซึ่งมาพร้อมกับวัสดุตกแต่งที่สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่แรกเห็น เบาะโดยสารที่กระชับเพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เฟียตใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อมอบความสมบูรณ์แบบให้กับลูกค้า มากไปกว่านั้นเฟียตรุ่นใหม่ยังคงได้รับกลิ่นอายจากรุ่นแรกแต่นำมาปรับแต่งใหม่ด้วยวัสดุที่ดีเยี่ยม เช่น วัสดุหนังแบบฟรัวที่นำเสนอเป็นรายแรกในตลาดกลุ่มนี้ อุปกรณ์โครเมี่ยม เบาะที่นั่งแบบ 2 เฉดสี แผงหน้าปัดที่เข้ากับสีรถยนต์ รวมถึงที่เก็บของภายในรถยนต์ และเบาะนั่งโดยสารที่นั่งได้ 4 คนแบบสบายๆ

เครื่องยนต์สีเขียว
          รถยนต์รุ่นนี้ ยังยืนยันถึงสมรรถนะอันทรงพลังแต่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เฟียตนำเสนอเกียร์ 5 จังหวะด้วยการเปลี่ยนเกียร์แบบ Dualogic เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญด้วย เครื่องยนต์ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเฟียต 500 ได้รับการพัฒนาและผลิตมาแล้วกว่า 10 ล้านเครื่อง ผ่านมาตรฐาน ยูโร 5 และยังผ่านการควบคุมการปล่อยมลพิษที่มีผลบังคับใช้ในปี 2552 1.3 มัลติเจ็ท ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ลดควันดำ (PDF) ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถยนต์รุ่นนี้

ความปลอดภัยเหนือระดับ
          เฟียต 500 เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ปลอดภัยมากที่สุดในบรรดารถยนต์ในรุ่นเดียวกันและได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผ่านมาตรฐานการควบคุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง ระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพรวมเข้ากับอัตราเร่งของเครื่องยนต์และสามารถควบคุมการขับขี่ได้ตลอดเวลา รถยนต์รุ่นใหม่นี้จะช่วยนำพาคุณออกจากสถานการณ์คับขันได้โดยง่าย เฟียต 500 สามารถรองรับถุงลมนิรภัยได้มากถึง 7 แห่งซึ่งถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (2 ลูกใส่ไว้ด้านหน้า 2 ลูกใส่ไว้ด้านหลัง 2 ลูกอยู่ด้านข้างและอีก 1 ลูกใส่ไว้เพื่อปกป้องหัวเข่า) ซึ่งยังไม่เคยมีรถยนต์ในรุ่นเดียวกันทำมาก่อน นอกจากนี้ยังได้มีการนำเทคนิคพิเศษเข้ามาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ตลอดเวลา (การป้องกันก่อนเกิดเหตุ) จากระบบเบรกแบบ ABS ที่มาพร้อมกับระบบกระจายแรงเบรก (EDB) กลายมาเป็นการใช้ระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันล้อลื่นไถล (ASR) รวมถึงระบบควบคุมเกียร์บนทางลาด เพื่อช่วยผู้ขับขี่ขณะขับบนทางลาดและระบบเสริมแรงเบรก (HBA) ที่เข้ามาช่วยเมื่อต้องหยุดรถยนต์กะทันหัน
          เฟียต 500 มีองค์ประกอบที่หลากหลายและความนุ่มนวลพร้อมที่จะไปกับคุณทุกเส้นทางด้วยความปลอดภัย นอกจากนั้นแล้วยังมีระบบกันสะเทือนอิสระแมคเฟอร์สันอยู่ด้านหน้า และระบบกันสะเทือนแบบกึ่งอิสระยึดกับล้อทั้ง 4 พร้อมด้วยคานแบบบิดติดตั้งที่ด้านหลัง แบบทั้ง 2 นี้ได้รับการพัฒนามาจากการออกแบบของ แมกเนติ มาเรลลี (Magneti Marelli) ที่ใช้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆของเฟียต อุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการพัฒนาและปรับแต่งใหม่เพื่อให้เข้ากับรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อการควบคุมอันดีเยี่ยมและเพื่อความนุ่มนวลในการขับขี่สูงสุด

500,000 รูปแบบในการสัมผัสกับเฟียต 500 โฉมใหม่
          รถยนต์รุ่นนี้จะมีให้เลือกถึง 4 แบบสำหรับตลาดหลักๆในประเทศแถบยุโรป อาทิ เนคด์ ป็อบ สปอร์ต และเลาจน์ เครื่องยนต์ 1.4 - 100 แรงม้า สำหรับตัวถังรถนั้นมีเฉดสีให้เลือกมากถึง 12 เฉด ลูกค้าสามารถเลือกวงล้อได้ถึง 9 แบบ ซึ่ง 7 ใน 9 แบบนั้นจะเป็นวงล้อแบบอัลลอยด์ พร้อมกับขนาดของขอบยาง 15” และ 16” เมื่อนำอุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องเล่นต่างๆที่เฟียตนำเสนอมาทั้งหมดมารวมกัน จะถือได้ว่าเฟียตสามารถผลิตรถยนต์ที่โดนใจและตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เพราะลูกค้าสามารถผสมผสานอุปกรณ์ตกแต่งได้มากถึง 500,000 แบบ เช่น ลูกค้าสามารถออกแบบรถยนต์ให้ดูแตกต่างด้วยการเพิ่มลายของสติ๊กเกอร์เข้าไปด้านข้าง บนหลังคาหรือฝาครอบและสามารถเลือกลวดลายได้ 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายธงตารางหมากรุกไปจนถึงธงชาติอิตาลี ลายบาร์โค้ดหรือรถแข่ง และอุปกรณ์ที่เป็นโครเมี่ยม เช่น กระจกมองข้าง ฝาครอบล้อหรือตัวกันกระแทกที่ติดอยู่ตรงกันชนหน้า
          ภายในรถยนต์นั้นมีการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการขับขี่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เครื่องพ่นน้ำหอมแบบใหม่ ที่มีกลิ่นน้ำหอมให้เลือก 3 กลิ่น นอกจากนั้นยังมีที่สำหรับแขวนเสื้อแจ๊คเกตด้วย ภายในรถยนต์ยังมีที่สำหรับวางโทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องเล่น ไอพ็อด (iPod) ยูเอสบี และที่ชารจ์ไฟ 12 โวลต์ อีกทั้งคันเร่งอลูมีเนียม และตรงมือเปิดประตู ยังคงเอกลักษณ์ของเฟียต 500 รุ่นดั้งเดิมไว้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีที่ว่างสำหรับใส่ของ เช่น ที่สำหรับใส่กระเป๋าเดินทางอยู่ตรงประตูหลังเหมาะสำหรับใส่กระเป๋าเดินทางทุกขนาด
          รายการอุปกรณ์ตกแต่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะยังคงรักษาเอกลักษณ์ของเฟียต 500 ในยุค 2503 ไว้ด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้ทุกคนจดจำรถยนต์รุ่นใหม่นี้ได้ ด้วยความทุ่มเทในโปรแกรมพัฒนารถยนต์เพื่อลูกค้า รถยนต์รุ่นใหม่นี้ได้ตอกย้ำความเป็นรถยนต์อิตาเลียนได้อย่างดี เป็นรถยนต์ที่คุ้มค่า กุญแจรถยนต์รุ่นใหม่มีให้เลือกถึง 9 แบบเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกสีที่เข้ากับสติ๊กเกอร์ของตัวรถได้

เครื่องมือพิเศษไม่เหมือนใครเพื่อความนุ่มนวลที่เหนือกว่า
          Fiat 500 นำเสนอความแปลกใหม่หลายประการสำหรับตลาดกลุ่มนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำคุณลักษณะเฉพาะซึ่งสงวนไว้สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ที่ขายในตลาดระดับบนเท่านั้นมาใช้ในรถยนต์รุ่นนี้เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ลูกค้าสามารถเลือก Blue& Me ระดับพื้นฐาน (ซึ่งประกอบด้วยฟังก์ชั่นแบบแฮนด์ฟรี พร้อมด้วยบลูทูธ อินเตอร์เฟส พร้อมด้วยการใช้คำสั่งด้วยเสียงที่นำสมัย, พอร์ท USB, เครื่องเล่น MP3 และตัวแปลข้อความตัวอักษร) หรือ เวอร์ชั่นล่าสุด (หลังจากเปิดตัวแล้ว): Blue & Me
          Fiat 500 เป็นรุ่นแรกในรถยนต์กลุ่มเดียวกันที่ใช้ ระบบไฮไฟชั้นยอด ซึ่งรู้จักกันในนาม ระบบเสียงอินเตอร์สโคป หรือ Interscope Sound System ระบบเสริมนี้ได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับ Fiat 500 และนำมารวมเข้ากับวิทยุพร้อมซีดีและเครื่องเล่น MP3 ความแปลกใหม่ของระบบเสียงอินเตอร์สโคป คือ การใช้วิธีการที่แตกต่างกันสามแบบในเวลาเดียวกันเพื่อประมวลผลสัญญาณ ซึ่งทำขึ้นเพื่อความเพลิดเพลินจากคุณภาพเสียงที่ไม่เหมือนใครเมื่อขับขี่รถยนต์

          นอกจากระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่เป็นมาตรฐานทั่วไปแล้ว Fiat 500 ยังมีระบบควบคุมสภาพอากาศอันชาญฉลาดซึ่งทำงานร่วมกับหน่วยควบคุมกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะทำการควบคุมอุณหภูมิ การไหลเวียนของอากาศ การจ่ายอากาศ การควบคุมแรงกดอากาศและการทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์หลายๆ อย่างในรถยนต์รุ่นใหม่นี้เป็นระบบไฟฟ้าพร้อมด้วยฟังก์ชั่นไฟส่องสว่างกลางวัน (Day Time Running Light), กระจกซันรูฟขนาดใหญ่ (มีทั้งในแบบติดตั้งถาวรหรือแบบเปิดโดยใช้ไฟฟ้า) ซึ่งเน้นความสว่างภายในและเป็นคงความนิยมของหลังคาแบบแคนวาส รูฟ ซึ่งเป็นที่นิยมของรุ่น 500 ในช่วงปี ค.ศ. 1950 และ 1960 และท้ายที่สุด กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ (Electro Chromic Mirror) ซึ่งช่วยขจัดแสงสะท้อนที่น่ารำคาญใจจากรถยนต์คันหลังได้อีกด้วย

sianbun on December 06, 2009, 02:14:05 PM
Fiat 500C: เป็นมากกว่า "หน้าต่างสู่ท้องฟ้า"
          เปิดตัวให้โลกได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ ณ กรุงเจนีวา ปี 2552 นอกจาก Fiat 500C ใหม่จะเป็นการแสดงความเคารพต่อ Fiat 500 รุ่นแรกที่ถือกำเนิดเมื่อปี 2500 และหลังคาผ้าใบของ Fiat 500 แต่ก็ยังให้โซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในส่วนของการออกแบบทางด้านเทคนิค เครื่องยนต์และความสบาย ทั้งหมดนี้เป็นไปตามประเพณีของ Fiat ของแท้และดั้งเดิมที่สุดในการให้คนได้เข้าถึงองค์ประกอบและเทคโนโลยีของประเทศอิตาลี ทุกท่านสามารถทดลองขับรถยนต์รุ่นนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันเกิดของ Fiat 500 และสองปีเต็มหลังจากการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นที่ยกระดับในส่วนของความสบาย ความปลอดภัย เทคโนโลยี และลักษณะทั่วไปได้อย่างแท้จริง ด้วยการใช้วิธีแบบ open-source (เช่น การค่อยๆ พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จโดยมีพื้นฐานอยู่บนข้อมูลที่ได้ลูกค้า) ศูนย์การออกแบบ Centro Stile Fiat สร้างสรรค์เฟียต 500C โดยการทำงานร่วมกันกับกลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของ เฟียต ชินควีเชนโต( CINQUECENTO) – ในเว็บไซต์ชื่อ “เฟียต 500 ต้องการคุณ” – และเสริมสถานะของรถยนต์รุ่นนี้ให้เป็น “รถยนต์ของทุกคน ที่ออกแบบโดยทุกคน’ เริ่มต้นจากรถยนต์ขนาดเล็ก การเปิดตัวหลังคาแบบเปิดประทุน ไม่ได้เปลี่ยนคุณลักษณะเด่นที่ประสบความสำเร็จของรถยนต์รุ่นนี้ อาทิ ที่นั่งอันแสนสบาย 4 ที่นั่ง และความจุของกระโปรงหลังรถ แต่ได้เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ ที่เพิ่มความสุขและความเบิกบานใจให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งประกอบด้วยการเปิดกระโปรงท้ายได้ง่ายยิ่งขึ้นแม้ว่าหลังคาแบบ เปิดประทุนจะเปิดออกก็ตาม ซึ่งต้องขอบคุณระบบอันชาญฉลาดของบานพับแบบสี่เหลี่ยมด้านขนาน

          จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของเวอร์ชั่นเปิดประทุนแบบดั้งเดิมคือความรู้สึกสบายทางเสียงและสภาพอากาศอันสุดยอดของมันเอง ด้วยการวิจัยแอโรไดมามิคหมายความว่ากระแสลมที่ผู้ขับขี่จะรู้สึกเมื่อเปิดหลังคานั้นจะถูกลดลงให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้ได้ความเพลิดเพลินกับการสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ และการมีเพื่อนนั่งรถไปด้วยกัน
          การตัดสินใจที่จะแปลความหมายของการออกแบบแบบดั้งเดิมอีกครั้งในแบบโมเดิร์น ด้วยหลังคาเลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่มาพร้อมกับการออกแบบอย่างมีสไตล์โดยยังคงรูปร่างของรถยนต์รุ่นคลาสสิคที่ทำให้รถยนต์ Fiat 500C ดูไม่เป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัดเฉพาะช่วงเวลามากนัก และผู้ขับขี่สามารถมีความสุขกับรถยนต์ Fiat 500C ได้ตลอดทั้งปี โดยสรุปคือ คุณลักษณะทั้งหมดนี้ทำให้ยานยนต์ใหม่นี้เป็นหนึ่งในรถยนต์เปิดประทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลาดรถซิตี้คาร์สมัยใหม่
          ด้วยการออกแบบที่ตรงตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า หลังคาแบบเปิดประทุนของ Fiat 500C โดดเด่นด้วยการเคลื่อนไหวอย่างสง่างามที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าและลักษณะเฉพาะต่างๆ ที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีพร้อมเก็บรายละเอียดได้อย่างน่าประทับใจ ตั้งแต่กระจกหลังไปจนถึงไฟเบรกตัวที่สามที่ทำมาเพื่อหลังคาแบบเปิดประทุนเท่านั้น มีให้เลือกสามสี (สีงาช้าง สีแดง และสีดำ) หลังคา soft top อันชาญฉลาดนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับการเคลือบสีต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย การสร้างสรรค์แบบพิเศษโดยเฉพาะ ได้แก่ สีแดงรากามัฟฟินประกายมุก สีเทาเทคเฮ้าส์ ซึ่งเป็นสีแบบฉบับสำหรับรถซุเปอร์คาร์แบบสปอร์ต และสีฟ้าโกท-เมทัล
          Fiat 500C ให้ความรู้สึกเฉพาะในส่วนของการตบแต่งภายในด้วยผ้าเนื้อดีคุณภาพสูงและเป็นแบบที่เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ประกอบด้วยเครื่องหนังของฟรัวและรายการอันยาวเหยียดของมาตรฐานที่เป็นไปตามความต้องการของตลาดและลักษณะต่างๆ ที่เป็นออฟชั่น ตั้งแต่การควบคุมสภาพอากาศแบบอัตโนมัติจนถึงระบบเสียงอินเตอร์สโคป ไฮไฟที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ไปจนถึงคอลเลคชั่นใหม่ที่ประกอบด้วยออปชั่นต่างๆ ให้เลือก

          ด้วยลักษณะของรถยนต์ที่เต็มไปด้วยความเป็นอิสระและการแสดงออกถึงความรู้สึก Fiat 500C ยังคงรักษาขนาดของรถยนต์ให้เหมือนกับรุ่นที่เป็นต้นแบบดั้งเดิม (ยาว 355 ซม. กว้าง 165 ซม. และสูง 149 ซม.) และในรถยนต์รุ่น 100 แรงม้า เครื่องยนต์น้ำมัน 1.4 ลิตร ซึ่งมีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติแบบดูอัลโลจิค คุณภาพทั่วไปของรถรุ่นนี้ยังประกอบด้วยความไว้วางใจได้อย่างยิ่งยวดและความเคารพที่มีให้กับสิ่งแวดล้อม (ทั้งหมดได้รับการรับรองจาก Euro5) เพื่อเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเฟียต ออโตโมบิลส์ ที่มีต่อการคุ้มครองสภาพแวดล้อมและการเดินทางอย่างยั่งยืน

หลังคาผ้าใบนวัตกรรมใหม่สำหรับสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์
          หลังคาผ้าใบของ Fiat 500C เป็นสุดยอดของการออกแบบอย่างแท้จริง ด้วยลักษณะการเคลื่อนไหวซึ่งควบคุมด้วยไฟฟ้าและโซลูชั่นทางด้านเทคนิคที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอบหลังคาในสีเดียวกันบนหลังคาผ้าใบ ทำหน้าที่เป็นสปอยเลอร์และที่ติดตั้งของไฟเบรกดวงที่สาม เป็นการสร้างให้มีลักษณะแบบแอโรว์ไดนามิคที่คล้ายคลึงกับเวอร์ชั่นแบบซาลูน และ Cx ของ 0.33 รูปร่างที่ยอดเยี่ยมนี้ทำให้ Fiat 500C เป็นรถยนต์ชั้นนำของรุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับแต่งโครงร่างของสปอยเลอร์หลังและฝาครอบล้อหลังใหม่ให้เหมาะเจาะที่สุด
          ความสบายของผู้โดยสารเบาะหลังก็ได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษเช่นกัน ซึ่งพิสูจน์โดยความเร็วลมที่ 7 m/s ในขณะที่เปิดหลังคา นอกจากนี้เมื่อดึงหลังคาผ้าใบลงมาจะมีการจัดตำแหน่งของสปอยเลอร์เพื่อให้สามารถมองเห็นไฟเบรกดวงที่สามได้ หลังคาผ้าใบแบบสองชั้นทำให้แน่ใจว่าจะเป็นฉนวนที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันแสงจากภายนอก หลังคาผ้าใบแบบไฟฟ้าอัตโนมัติสามารถควบคุมได้โดยปุ่มที่อยู่ใกล้กับไฟที่ติดอยู่บนเพดานรถยนต์ด้านใน หรือจากรีโมทคอนโทรล นอกจากนี้ หลังคาผ้าใบสามารถทำงานได้ตลอดการเคลื่อนที่ไปในแนวนอน (ไกลเท่ากับสปอยเลอร์) ไม่ว่าจะอยู่ในระดับความเร็วใดก็ตาม การเคลื่อนที่ในแนวดิ่งสามารถทำได้ในระดับความเร็วต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง(37mph)
          นอกจากนี้หลังคาผ้าใบยังใช้งานได้ง่าย เมื่อต้องการเปิด เพียงแค่กดปุ่มค้างอย่างน้อยครึ่งวินาทีเพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวซึ่งจากนั้นจะเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องโดยอัตโนมัติไปจนถึงสปอยเลอร์ (จุดกลางทางสามารถเลือกได้โดยการกดปุ่มอีกครั้งหนึ่ง) กดปุ่มอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวินาทีเพื่อเปิดหลังคาอย่างเต็มที่ เมื่อใช้รีโมทคอนโทรล หลังคาจะถูกเปิดได้เพียงในระยะที่เท่ากับสปอยเลอร์ การทำตามขั้นตอนเดิมจะเป็นการปิด ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย หลังคาจะหยุดในระยะห่างจากจุดที่เป็นการปิดอย่างสมบูรณ์ประมาณ 25 เซนติเมตร (เพียงกดปุ่มอีกครั้งหนึ่ง การเคลื่อนตัวปิดก็จะสมบูรณ์) เมื่อฝากระโปรงหลังเปิด หลังคาผ้าใบจึงจะสามารถปิดได้ (ฟังก์ชั่นการเปิดหยุดทำงาน) อย่างไรก็ตาม ถ้าหลังคาเปิดอย่างเต็มที่และจำเป็นต้องเปิดกระโปรงหลัง เมื่อกระโปรงหลังถูกเปิด หลังคา ผ้าใบจะเลื่อนมาอยู่ตรงกลางโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการกีดขวางการขนถ่ายสัมภาระ

          ท้ายที่สุด มีออพชั่นแผงบังลมที่สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดายด้านหลังที่พักศีรษะเบาะหลัง (ติดอยู่กับที่เก็บสัมภาระ) อุปกรณ์เสริมนี้ผ่านการทดสอบในช่องลม ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับFiat 500C และทำมาจากวัสดุพิเศษที่มีรูพรุน ซึ่งสามารถลดกระแสลมได้อย่างมากสำหรับผู้โดยสารทุกคน ในทุกระดับความเร็ว นอกจากนี้ยังต้องย้ำว่าไม่มีความจำเป็นต้องเอาแผงบังลมออกเพื่อเปิดหรือปิดหลังคาผ้าใบ (เป็นลักษณะพิเศษอีกอย่างสำหรับรถยนต์รุ่นนี้)
         
เครื่องยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
          Fiat 500C ใช้เครื่องยนต์น้ำมันเบนซินแบบ 1.4 ลิตร 100 แรงม้า 16 วาล์ว มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ นับว่ามีความเยี่ยมยอดในเรื่องการแสดงออกทางอารมณ์อย่างมีชีวิตชีวาและใจกว้าง สมรรถนะที่สูง และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ คุณภาพทั่วไปของรถยนต์รุ่นนี้ยังประกอบด้วยความน่าเชื่อถือและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับมาตรฐานของ ยูโร 5 หน่วยพลังงานของ Fiat 500 ผลิตโดย Fiat Powertrain Technologies (FPT) ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ เฟียตที่รับผิดชอบเรื่องนวัตกรรม การวิจัย การออกแบบ และการผลิตเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์สำหรับยานยนต์ทุกชนิด: ตั้งแต่รถยนต์โดยสารไปจนถึงรถยนต์บรรทุก เรือ และเครื่องมือทางการเกษตร มีพนักงานกว่า 20,000 คน โรงงาน 16 แห่ง และศูนย์วิจัย 11 แห่งใน 9 ประเทศ แผนกนี้เป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญระดับโลกในการผลิตเกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์ (Power Train Manufacturing) ที่ FPT มีช่างเทคนิคที่มีความชำนาญอย่างสูงเฉพาะด้านกว่า 3,000 คน ซึ่งทุ่มเทให้กับการพัฒนาและเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ทางวิศวกรรม การมีสิทธิบัตรมากกว่า 40 สาขาในทุกๆ แห่งเป็นหลักฐานที่แสดงถึงคุณภาพและความมุ่งมั่นต่อพันธะสัญญาที่มี ทำให้ FPT เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศสำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง

          เครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร 16 วาล์ว ให้ความแรงถึง 73.5 kW (100 แรงม้า) ที่ 6,000 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 131 Nm (13.4 kgm) ที่ 4,250 รอบต่อนาที ด้วยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ได้สมรรถนะสูงพร้อมประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์นี้ทำให้ Fiat 500C เป็นผู้นำของรุ่น ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 182 กิโลเมตร/ชั่วโมง (113mph) และเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 11 วินาทีเท่านั้น การประหยัดเชื้อเพลงก็เป็นที่น่าประทับใจเช่นเดียวกัน: เวอร์ชั่นนี้จะกินน้ำมันเพียง 6.1 ลิตร/100 กิโลเมตรเท่านั้น (ด้วยเกียร์แบบธรรมดา) และสามารถกินน้ำมันลดลงถึง 5.8 ลิตร/100 กิโลเมตรด้วยระบบเปิด-ปิดเครื่องยนต์ และที่เหนือไปกว่านั้น ด้วยเครื่องยนต์ชนิด 100 แรงม้า รถยนต์ขนาดเล็กคันนี้มีสมรรถนะแบบสปอร์ตท่ามกลางการจราจรในเมือง

ผู้นำด้านความปลอดภัย
          ด้วยโครงสร้างที่มาจากเวอร์ชั่นซาลูน (รถรุ่นแรกที่ได้รับการจัดอันดับในระดับห้าดาวจาก Euro NCAP) Fiat 500C ยังคงมีส่วนประกอบด้านความปลอดภัยและคุณลักษณะพิเศษต่างๆ (ทั้งแบบแอ็คทีฟและพาสซีฟ) ซึ่งเหมาะสมที่สุดสำหรับรถยนต์ที่ดีที่สุดของรุ่น
          Fiat 500C นั้นเหนือกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกันในด้านความปลอดภัยแบบพาสซีฟ ยกตัวอย่างเช่น ด้วยถุงลมนิรภัยถึงเจ็ดลูกที่นำเสนอเป็นมาตรฐาน (สองลูกด้านหน้า สองลูกด้านหลัง สองลูกด้านข้าง และหนึ่งลูกอยู่ที่หัวเข่า) ระบบเบรกที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพของรถยนต์รุ่นใหม่ซึ่งประสานการเร่งความเร็วอย่างยอดเยี่ยมรวมเข้าไว้ด้วยกันกับการควบคุมที่เชื่อใจได้อย่างที่สุดทำให้ผู้ขับขี่สามารถออกจากสถานการณ์คับขันได้อย่างง่ายดาย
          นอกจากนี้ Fiat 500C ยังได้นำเอาโซลูชั่นทางด้านเทคนิคที่นำสมัยมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่จะสามารถควบคุมรถยนต์ได้อย่างสมบูรณ์ (ความปลอดภัยแบบแอ็คทีฟ) ตั้งแต่ระบบเบรก ABS ที่มาพร้อมกับระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Distribution: EBD) ไปจนถึงระบบควบคุมการทรงตัว (Electronic Stability Program: ESP) ที่ทันสมัย จากระบบป้องกันล้อลื่นไถล (Anti Slip Regulation: ASR) ไปจนถึงเครื่องมือฮิลโฮลเดอร์ (Hill Holder) ซึ่งช่วยผู้ขับขี่ให้มั่นใจเพิ่มมากขึ้นเมื่อขึ้น-ลงทางลาดชัน และระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮโดรลิก (Hydraulic Brake Assistance: HBA) เพื่อช่วยในการจอดอย่างฉุกเฉิน
          นอกจากนี้ เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รถยนต์รุ่นใหม่มีตัวถังที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานเกี่ยวกับการต้านทานการชนล่าสุด (นี่เป็นรถซุปเปอร์คอมแพ็คคาร์คันแรกที่มาพร้อมกับโครงสร้างป้องกันการชนด้านหน้า ซึ่งออกแบบเป็นการเฉพาะเพื่อปรับปรุงกรณีเกิดการชนด้านหน้าด้วยห้องโดยสารที่แข็งแกร่งเพื่อคุ้มครองผู้ที่นั่งอยู่ภายในและโซนรับการกระแทก (high-absorption zones) จากทางด้านนอก
          เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้ที่นั่งด้านหน้ามีระบบดึงกลับอัตโนมัติแบบคู่และตัวควบคุมแรงกระแทก (ผู้ที่นั่งอยู่ทางด้านหลังมีเข็มขัดนิรภัยสามจุด) ที่นั่งเบาะหน้าและเบาะหลังมาพร้อมกับระบบเบาะนั่งป้องกันการลื่นไภล (anti-submarining) ซึ่งหยุดไม่ให้ผู้สวมใส่ไหลลอดลงไปใต้เข็มขัดนิรภัย และยังมี Isofix สำหรับที่นั่งของเด็กภายในรถได้มีการติดตั้งไว้เป็นมาตรฐานในรุ่นนี้ทั้งหมด
          ท้ายที่สุด Fiat 500C มีลักษณะพิเศษต่างๆ ที่ให้ความสะดวกสบายและมีพลวัตรซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถออกเดินทางได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบใดก็ตาม ระบบกันสะเทือนที่มาจากการออกแบบของแมกเนตี มาเรลลีทำหน้าที่หลักในเรื่องนี้: ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระจัดทำโดยแม็คเฟอร์สันสตรัทและระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบกึ่งอิสระด้วย คานแบบบิดติดตั้งที่ด้านหลัง นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบกึ่งอิสระ ยังมีลักษณะเป็นเหล็กกันโครงเพื่อรักษาระดับและกันโครงของตัวรถที่ได้มาจาก 500 Abarth เพื่อยกระดับการใช้งานและความสะดวกสบาย



FIAT 500 By Diesel
          Fiat 500 ชอบการเปลี่ยนแปลงและเป็นหนึ่งไม่เหมือนใคร ยกตัวอย่างเช่น ในรุ่น Limited Edition By Diesel ซึ่งสร้างสรรค์โดย Fiat ด้วยความร่วมมือจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ เป็นแบบเฉพาะที่โดดเด่นไม่เหมือนใครแต่ยังคงความสบายแบบลำลองด้วยสัมผัสของความเก๋ไก๋ ซึ่งเป็นยานยนต์แบบเออร์เบอร์น เซอร์ไวเวอล (Urban Survival) ตัวใหม่ของเฟียตซึ่งแสดงออกถึงสปิริตที่เป็นการเหน็บแนมและการไม่มีความเคารพของ Fiat 500
          Fiat 500 โดย Diesel มีสไตล์ที่โดดเด่นสะดุดตาในทันที เริ่มด้วยสีตัวถังที่พิเศษไม่เหมือนใคร (สีเขียว Diesel Green และสีดำ Crossover Black) และองค์ประกอบของตัวถังภายนอก เช่น ด้านข้างและด้านหลังจะมีโลโก้ของ Diesel, ล้ออัลลอยลายพิเศษพร้อม Diesel Logo ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 195/45R16 คาลิปเปอร์เบรกออกแบบพิเศษสีเหลืองสะดุดตา กระจกหลังคาแบบติดตั้งถาวร สปอยเลอร์หลัง คิ้วตกแต่งรอบคันออกแบบโดย Diesel ทั้งกันชนหน้า กันชนหลัง คิ้วฝากระโปรงท้าย คิ้วกันกระแทกด้านข้าง คิ้วขอบประตู มือเปิดประตู ฝาครอบกระจกมองข้าง เป็นสีไทเทเนียม
          การตกแต่งภายในของ Fiat 500 By Diesel ก็เป็นการออกแบบที่เฉพาะไม่เหมือนใครเช่นกัน ด้วยกรอบคอนโซลหน้าสีไทเทเนียม เรือนไมล์สปอร์ตสีเหลือง พวงมาลัยหุ้มหนังแบบสปอร์ต เดินด้ายสีเหลือง เบาะนั่งพิเศษที่ทำจากผ้าเดนิมเนื้อดีของ Diesel เดินด้ายสีเหลือง ช่องเก็บของข้างเบาะดีไซน์รูปกระเป๋ากางเกงยีนส์ Diesel คิ้วบันไดแสตนเลสดีไซน์เฉพาะรุ่น Diesel
          Fiat 500 By Diesel นำเสนอความสบายขั้นสูงสุด ซึ่งต้องยกความดีให้กับเบาะนั่งคนขับที่สามารถปรับความสูงได้ ระบบ Blue & Me และการควบคุมสภาพอากาศแบบปรับได้ ระบบความบันเทิงเหนือระดับด้วยเครื่องเสียงพร้อมระบบ Hi Fi Interscope Sound System
          Fiat 500 By Diesel รุ่น Limited Edition มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด I.4 I6v I00 HP พร้อมระบบส่งกำลังขับเคลื่อนแบบดูอัลโลจิกอีกด้วย

sianbun on December 06, 2009, 02:15:46 PM
เปิดตัวรถยนต์ “The 500, the car of the people, by the people” Fiat 500

 

         บริษัท ไทย เพรสทีจ โอโตเซลส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Alfa Romeo และรถยนต์ Fiat จากประเทศอิตาลี แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวรถยนต์ที่ได้รับฉายาว่า “The 500, the car of the people, by the people” Fiat 500 คือรถยนต์ของประชาชน โดยประชาชน เนื่องจากได้รับการค้นคว้าและพัฒนาจากเสียงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ระดมผ่านเว็บไซด์มากกว่า 3 ล้านความคิดเห็น

          Fiat 500 เป็นหนึ่งในตำนานรถยนต์ที่มีความเป็นมาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 50 ปี รถยนต์รุ่นนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งยานยนต์สายพันธุ์อิตาเลียน และเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ของโลกยานยนต์จนถึงปัจจุบัน Fiat 500 ยังคงเป็นรถยนต์ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น และยังได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา ไม่แปลกใจเลยที่ยังคงมี Fiat Club ที่คลั่งไคล้รถยนต์รุ่นนี้จวบจนปัจจุบัน
 
         ตำนานรถยนต์ Fiat จะกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในประเทศไทย พร้อมสร้างความประทับใจให้กับทุกท่านอีกครั้ง ด้วยเอกลักษณ์ของรถยนต์ Fiat 500 ในรูปโฉมใหม่ของทั้ง 4 รุ่นที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 ณ อาคารชาแลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

Fiat 500 Lounge
          ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมอย่างดีบริเวณ คิ้วกันชนหน้า/หลัง คิ้วขอบด้านล่างกระจกประตู ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ขนาดยาง 185/55R15 ภายในสะดุดตาด้วยเรือนไมล์สีขาว รวมถึงหลังคากระจก Sky Dome พร้อมม่านบังแดด
Fiat 500 Lounge Premium
          อีกระดับจาก รุ่น Lounge Premium เพิ่มความสง่างามด้วยคิ้วกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ เบาะหนังแท้พร้อมความอัจฉริยะเบาะผู้โดยสารเลื่อนกลับที่เดิมอัตโนมัติ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่รวมถึง Sensor ถอยหลังแบบ 4 จุด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด



Fiat 500 By Diesel
          โดดเด่นด้วยดีไซน์เหนือจินตนาการ สร้างสรรค์ผลงานด้วยความร่วมมือ
          จากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ Diesel มีสไตล์ที่โดดเด่นสะดุดตาเริ่มด้วยสีตัวถังพิเศษ (สีเขียว Diesel Green และสีดำ Crossover Black) พร้อมสัญลักษณ์Diesel ที่ด้านข้างและด้านหลังตัวรถ และที่ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายเฉพาะพิเศษยางขนาด 195/45R16 สะดุดตาด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีเหลือง หลังคากระจก Sky Dome พร้อมสปอยเลอร์หลังอย่างลงตัว กระจกบานหลังตัดแสงสีเข้ม และตกแต่งคิ้วรอบคันสีไททาเนียมในแบบของ Diesel ภายในประกอบด้วยเบาะสัญลักษณ์พิเศษ Diesel Denim Fabric เดินด้ายสีเหลืองพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนังเดินด้ายสีเหลือง เรือนไมล์สีเหลืองดีไซน์เฉพาะรุ่น Diesel

Fiat 500 Sport
          เสริมความเป็นสปอร์ตด้วย ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ยาง 185/55R15 สปอยเลอร์หลังคา พร้อมกระจกบานหลังตัดแสงสีเข้ม ดุดันอย่างมีสไตล์ด้วยเรือนไมล์สีดำ มาพร้อมคิ้วบันได Logo 500 แสดงความเป็นเอกลักษณ์ในตัว
Fiat 500 Sport Premium
          เพิ่มความเป็นสปอร์ตอย่างมีสไตล์ ด้วยคิ้วกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ ดึงดูดทุกสายตาด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ขนาดยาง 195/45R16 เบาะหนังแท้ พร้อมความอัจฉริยะเบาะผู้โดยสารเลื่อนกลับที่เดิมอัตโนมัติ รวมถึง Sensor ถอยหลังแบบ 4 จุด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

Fiat 500C (Convertible)
          เป็นมากกว่า “หน้าต่างสู่ท้องฟ้า” หลังคาเปิดประทุนยังคงเอกลักษณ์ของรถยนต์เฟียตรุ่นเดิม เป็นสุดยอดของการออกแบบอย่างแท้จริง ด้วยลักษณะการเคลื่อนไหวซึ่งควบคุมด้วยไฟฟ้าและโซลูชั่นทางด้านเทคนิคที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จากการออกแบบตามหลักแอโรว์ไดนามิคทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกเพลิดเพลินกับการสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ สมรรถนะที่สูง และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำคุณภาพของรถยนต์รุ่นนี้ทุกส่วนมีความน่าเชื่อถือและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับมาตรฐานของยูโร 5
          Fiat 500 : You are. We Car. บ่งบอกความเป็นคุณด้วย Fiat 500

sianbun on December 06, 2009, 02:16:45 PM
ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ ซูเปอร์ ซีเอ็นจี

 

          ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ ซูเปอร์ ซีเอ็นจี
          ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ ซูเปอร์ ซีเอ็นจี จากบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นรถกระบะตอนเดียวที่รวมคุณสมบัติเด่นและประโยชน์ใช้สอยของรถปิคอัพรุ่นซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี และซีนอน ไจแอนท์ ซึ่งออกสู่ตลาดก่อนหน้านี้เข้าไว้ด้วยกัน โดยติดตั้งเครื่องยนต์ซีเอ็นจี 100% ทั้งระบบมาจากโรงงานผลิต พร้อมกระบะท้ายขนาดใหญ่ พื้นเรียบ ที่เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์
          รถรุ่นนี้ได้รับการผลิตในโรงงานที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งดำเนินการโดยพันธมิตรของทาทา มอเตอร์ส คือ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โดยทาทาวางแผนที่จะผลิตรถรุ่นซีนอนเครื่องยนต์ซีเอ็นจีมาตั้งแต่เริ่มโครงการผลิตรถรุ่นดังกล่าว ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมอบความประหยัดคุ้มค่าแก่ผู้ใช้รถ

          ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ ซูเปอร์ ซีเอ็นจี ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ด้วยมาตรฐานสูงสุดด้านความทนทานปลอดภัย ประหยัดน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง เพื่อความมั่นใจสูงสุดของผู้ใช้งาน

          กระบะไจแอนท์
          รถปิคอัพรุ่นนี้มีช่วงล่างแบบยกสูงมาจากโรงงาน พร้อมกระบะท้ายขนาดใหญ่เป็นพิเศษ พื้นเรียบไม่ติดซุ้มล้อ มีขนาดความกว้าง 1,720 ม.ม. ยาว 2,503 ม.ม. สูง 380 ม.ม. ผนังกระบะเปิดได้ทั้ง 3 ด้านเพื่อความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าและสัมภาระ

          เครื่องยนต์ซูเปอร์ ซีเอ็นจี
          ทาทา ซีนอน ไจแอนท์ ซูเปอร์ ซีเอ็นจี มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.1 ลิตร DOHC หัวฉีด  มัลติพอยต์ แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 3,750 รอบต่อนาที มีการปรับกำลังอัดในเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการเผาไหม้ของซีเอ็นจีคือ 12:1 ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทนทาน บำรุงรักษาง่าย และประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด

          ระบบซีเอ็นจีใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตชั้นนำที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานความปลอดภัย ระดับนานาชาติ อาทิ ระบบท่อก๊าซทนความดันสูงจาก Swagelok สหรัฐอเมริกา และอุปกรณ์ปรับแรงดันก๊าซจาก Teleflex แคนาดา และหัวฉัดของ Bosch เยอรมันนีเป็นต้น

          ส่วนการจุดระเบิดควบคุมโดยซอฟต์แวร์ประมวลผลอัจฉริยะ การจ่ายก๊าซจะถูกปรับให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาพการใช้งาน และการจ่ายก๊าซจะหยุดลงทันทีเมื่อเกิดการชน เพื่อความปลอดภัย

          รถรุ่นดังกล่าวได้รับการออกแบบติดตั้งถังก๊าซจำนวน 3 ถัง พร้อมยางอะไหล่ไว้ใต้กระบะท้าย ถังก๊าซซีเอ็นจีมีปริมาตรรวม 230 ลิตรน้ำ บรรจุก๊าซซีเอ็นจีได้ 38 กิโลกรัม แล่นได้ระยะทางกว่า 350 กิโลเมตร จากการเติมก๊าซเพียงครั้งเดียว ช่องเติมก๊าซอยู่ด้านข้างตัวรถเพื่อให้สามารถเติมก๊าซได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมมาตรวัดปริมาณและความดันก๊าซที่แสดงค่าอย่างแม่นยำ และสัญญาณไฟเตือนเมื่อก๊าซใกล้หมด

sianbun on December 06, 2009, 02:18:58 PM
สโกดา โฉมใหม่ครั้งแรกในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009

 


 
          สโกดา (Skoda) ยนตรกรรมจากประเทศสาธารณรัฐเช็ก พร้อมสะกดสายตาทุกคู่ด้วยรูปลักษณ์ใหม่หมดจดทั้งภายนอกและภายในเป็นครั้งแรกในเมืองไทยในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009 ระหว่างวันที่ 2 – 13 ธันวาคม 2552 ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ 1- 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          สโกดา ยนตรกรรมเหนือระดับจากสาธารณรัฐเช็ก มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานยุโรปและเครื่องยนต์สมรรถนะเยี่ยมจากประเทศเยอรมัน จึงเป็นที่ไว้วางใจในด้านวัสดุคุณภาพสูง พร้อมดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในให้ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ในราคาสมเหตุผล จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาดรถยนต์ทวีปยุโรป อาทิ สาธารณรัฐเช็ก อังกฤษ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย บริษัทที่ได้รับเกียรติเป็นผู้แทนจำหน่ายสโกดาอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว คือ บริษัท ยูโรเปี้ยน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด

          คุณกิตติภัฏ เฉลยทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูโรเปี้ยน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการนำเข้า พร้อมเผยแผนการตลาดว่า “ในปีนี้ บริษัทฯ ภูมิใจนำเสนอสโกดา รถยนต์ใหม่ในเครือ โดยมุ่งหวังให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่งสำหรับลูกค้าชาวไทย เนื่องจากที่ผ่านมาสโกดามีพัฒนาการอย่างเด่นชัดในทุกๆ ด้าน นอกจากนี้ เรายังเตรียมความพร้อมด้านศูนย์บริการและบริการหลังการขายไว้ ทั่วประเทศเพื่อรองรับตลาดเมืองไทย โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นที่นิยมอย่างรวมเร็ว สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในปี 2010 จะมุ่งเน้นการจัดแสดงรถในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศรวมทั้งเชิญกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาทดลองขับ (Test drive) เพื่อประสบการณ์เหนือระดับ ซึ่งเรามั่นใจอย่างยิ่งว่าสโกดาจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ชาวไทย”

          สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป บริษัทฯ จะเผยโฉมสโกดาเป็นครั้งแรกเพื่อให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปได้สัมผัสกับยนตรกรรมมาตรฐานยุโรปนี้อย่างใกล้ชิด โดยจะเปิดตัวรถยนต์ สโกดาโฉมใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นไฮไลท์ ออคตาเวีย (Octavia) ซีดานหรู 4 ประตู ดีไซน์ภูมิฐานตามแบบฉบับยุโรปด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแข็งแกร่งสง่างาม พร้อมภายในโอ่อ่ากว้างขวาง สามารถตอบสนองความต้องการของครอบครัวอย่างแท้จริง สมรรถนะเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,798 ซีซี ระบบ TSI 160 แรงม้า วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 223 กม./ชม. โดยมีราคาจำหน่ายคันละ 1.99 ล้านบาท ส่วนรุ่น ฟาเบีย (Fabia) รถ Hatchback 5 ประตู โดดเด่นด้วยดีไซน์อันล้ำสมัย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้ อย่างลงตัว พร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1,598 ซีซี 16 วาล์ว 105 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทริปทรอนิค ความเร็วสูงสุดถึง 185 กม./ชม. ที่ราคาจำหน่าย 1.49 ล้านบาท”

          สโกดา ยนตรกรรมมาตรฐานยุโรปจากประเทศสาธารณรัฐเช็ก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1894 โดยวาคลาฟ ลอริน (VACLAV LAURIN) และวาคลาฟ เคลเมนท์ (VACLAV KLEMENT) สโกดา มีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก และปัจจุบัน เป็นสมาชิกในกลุ่ม โฟล์คสวาเกน – ออดี้ แห่งประเทศเยอรมนี โดยบริษัท ยูโรเปี้ยน เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ได้รับเอกสิทธิ์ในการนำเข้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีโชว์รูม Skoda ในกรุงเทพมหานคร 5 แห่ง ได้แก่ หัวหมาก, สาธร, หัวลำโพง, บางกะปิ และสุขุมวิท 101 อีกทั้งให้บริการหลังการขาย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการของดี.เอ.ดี.กรุ๊ป และยนตรกิจทั่วประเทศ

sianbun on December 06, 2009, 02:19:56 PM
พบประสบการณ์การขับขี่อันเร้าใจกับ MTM Skoda รูปลักษณ์ใหม่และ MTM Audi ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009


 
          บริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญแต่งรถชื่อดังระดับโลก อวดโฉมสุดยอดยนตรกรรม เอ็มทีเอ็ม สโกดา (MTM Skoda) และเอ็มทีเอ็ม ออดี้ (MTM Audi) ในงานมอเตอร์ โชว์ 2009 ตั้งแต่วันที่ 2 – 13 ธันวาคม 2552 ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ 1- 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          คุณกิตติภัฏ เฉลยทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นับตั้งแต่เปิดตัวในประเทศไทยเอ็มทีเอ็มได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดีเสมอมา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้รักยานยนต์เหนือระดับอย่างแท้จริงที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงไม่หยุดยั้งที่จะสรรหารถยนต์รุ่นต่างๆ เพื่อนำเสนอความหลากหลายยิ่งขึ้น โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้รับเกียรติเป็นผู้แทนนำเข้าและจัดจำหน่าย เอ็มทีเอ็ม สโกดา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เพื่อเอาใจผู้หลงใหลและชื่นชอบในการปรับแต่งเครื่องยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งสโกดาเป็นยนตรกรรมยอดนิยมจากสาธารณรัฐเช็ก มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานยุโรปและเครื่องยนต์สมรรถนะเยี่ยมจากประเทศเยอรมัน จึงเป็นที่ไว้วางใจในด้านวัสดุคุณภาพสูง พร้อมดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน โฉบเฉี่ยวทันสมัย สำหรับตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

          ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป จะเผยโฉม เอ็มทีเอ็ม สโกดา รุ่นใหม่เป็นครั้งแรกในเมืองไทย ได้แก่เอ็มทีเอ็ม สโกดา ออคตาเวีย (MTM Skoda Octavia) สีเงิน ภายนอกดูโดดเด่นทุกมุมมอง พร้อมตกแต่งเพิ่มเติมด้วย โมโทรนิค คอมพิวเตอร์ (Motronic Computer) ล้อแมคอัลลอยด์ (Bimoto Rims) ขนาด 19 นิ้ว และสปริงช่วงล่างกันกระเทือน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะอันยอดเยี่ยมขนาด 1,798 ซีซี ระบบ TSI 200 แรงม้า และวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. ในราคาจำหน่าย 2.3 ล้านบาท ส่วน เอ็มทีเอ็ม สโกดา ฟาเบีย (MTM Skoda Fabia) เพียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์อัน ล้ำสมัยกับตัวถังสีดำ หลังคาขาว เสริมความงามด้วยอุปกรณ์แต่งรถจากไมโลเทค (Milotec) พร้อมล้อแมคขนาด 17 นิ้ว เครื่องยนต์ขนาด 1,598 ซีซี 16 วาล์ว เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทริปทรอนิค105 แรงม้า วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. ในราคาจำหน่าย 1.69 ล้านบาท

          สำหรับเอ็มทีเอ็ม ออดี้ จะจัดแสดง เอ็มทีเอ็ม ออดี้ คิว 5 (MTM Audi Q5) ซึ่งเป็นรถเอสยูวี (SUV) หรูผสานรูปทรงสปอร์ตปราดเปรียวเข้ากับความสะดวกสบายของลิมูซีน เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยสูงสุดโดยใช้นวัตกรรมล้ำสมัยกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (Quattro) ที่ช่วยการทรงตัวเป็นเลิศ พร้อมระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESP ระบบควบคุมการลื่นไถล ASR ระบบช่วยเบรก และระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS จนชนะรางวัลด้านความปลอดภัยสูงสุดระดับ 5 ดาวจาก Euro NCAP และรางวัล Top Safety Pick จากสหรัฐอเมริกา สมรรถนะเยี่ยมด้วยเครื่องยนต์ 1,984 ซีซี เทอร์โบ FSI 270 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 390 นิวตันเมตร เริ่มที่ 1,500 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ เอส ทรอนิค (S-tronic) 7 สปีด ในอัตราเร่งจาก 0 -100 กิโลเมตร ภายใน 6.8 วินาที

          นอกจากนี้ ยังมีสุดยอดรถสปอร์ตเอ็มทีเอ็ม ออดี้ อาร์ 8 (MTM Audi R8) โดนใจคนรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย ผสานเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตจากสนามแข่งเลอ มังค์ (Le Mans) อันโด่งดัง พร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์กำลังสูงสุดถึง 420 แรงม้า และรอบเครื่องยนต์สูงสุดอยู่ที่ 8,250 รอบต่อนาที มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.6 วินาที ระบบเกียร์อาร์ ทรอนิค 6 สปีด และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 301 กม./ชม. เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ทั้งระบบนำทางด้วยสัญญาณดาวเทียม ระบบรับสายโทรศัพท์เคลื่อนที่อัตโนมัติ และเบาะระบบไฟฟ้า ตลอดจนการตกแต่งอย่างมีรสนิยมด้วยล้อแม็กซ์ คิ้วขอบประตูอะลูมิเนียมและท่อไอเสียสลักโลโก้ของเอ็มทีเอ็ม รวมทั้ง เอ็มทีเอ็ม ออดี้ เอ 5 (MTM Audi A5) รถซีดานสไตล์สปอร์ตกับรูปโฉมโฉบเฉี่ยวและหรูหราในสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเอ็มทีเอ็ม ทั้งยังโดดเด่นสะดุดตาด้วยดีไซน์สุดล้ำที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์สุดเร้าใจ ขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ขนาด 1,984 ซีซี 270 แรงม้า

          บริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค ไมเยอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับเอกสิทธิ์ให้เป็นหนึ่งในผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายของบริษัท เอ็มทีเอ็ม มอเตอเรน เทคนิค ไมเยอร์ ประเทศเยอรมนี ที่มีสาขาอยู่ในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยนำเข้าอุปกรณ์แต่งรถ ชิ้นส่วน อะไหล่ ตลอดจนรถยนต์ที่ผ่านการปรับแต่งจากเอ็มทีเอ็มเข้ามาจำหน่ายในไทย พร้อมทั้งให้บริการแบบครบวงจรในการปรับแต่งและเพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยศูนย์บริการครบวงจรที่ได้รับรองมาตรฐานจากประเทศเยอรมนี ติดต่อโชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มทีเอ็ม (ประเทศไทย) โทร. 0 2332 7576-9 (www.mtm-thailand.com)

sianbun on December 06, 2009, 02:21:44 PM
โพลาร์ซันอวดโฉมรถรุ่นยอดนิยมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009


 
          บริษัท ยูโร ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เปิดโลกแห่งยนตรกรรมเปี่ยมสมรรถนะของโพลาร์ซัน ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009 ตั้งแต่วันที่ 2 – 13 ธันวาคม 2552 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1- 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          คุณอภิวัฒน์ ปรีดายันต์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ยูโร ออโต้ เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า “โพลาร์ซัน (Polarsun) เป็นรถตู้เอนกประสงค์คุณภาพจากประเทศจีน โดดเด่นด้วยการผสานเทคโนโลยีอันทรงประสิทธิภาพกับเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูงที่สามารถรองรับการติดตั้งระบบพลังงานสำรองของแก๊สเชื้อเพลิงได้อย่างดี การออกแบบภายในของรถมีขนาดกว้างขวางเหมาะสมสำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อเป็นพาหนะส่วนตัวและการใช้งานในเชิงพาณิชย์ ในราคาสมเหตุสมผล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมด้านศูนย์บริการและบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ จึงมั่นใจว่า โพลาร์ซันจะตอบโจทย์ความต้องการสำหรับรถทั้งเชิงพาณิชย์และรถอเนกประสงค์ที่เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และจะเป็นรถอีกแบรนด์หนึ่งที่อยู่ในใจลูกค้าชาวไทย”

          “บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดรถตู้อเนกประสงค์ในเมืองไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่ายังมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก โดยวางกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มขนส่งโดยสารเพื่อการพาณิชย์และกลุ่มสหกรณ์รถตู้ขนส่ง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 20 เปอร์เซ็นต์เป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อย นอกจากนี้ ในปี 2010 ทางบริษัทฯ ยังวางแผนนำเข้ารถตู้โดยสารรุ่นใหม่มาจัดจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ใน ช่วงศึกษาตลาด” คุณอภิวัฒน์เสริม

          ในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โปปีนี้ จะมีการจัดแสดงรถตู้เอนกประสงค์โพลาร์ซันทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น EX 1 ซึ่งนับเป็นรุ่นไฮไลท์ ดีไซน์ภายนอกดูภูมิฐาน ภายในโอ่โถง นั่งสบายกับเบาะปรับเอนได้จำนวน 9 ที่นั่ง เสริมความงามด้วยแผงคอนโซลหน้าลายไม้ เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งกระจกไฟฟ้า และที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง ขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะเครื่องยนต์ 2,237 ซีซี 104 แรงม้า ที่ 4,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 193 นิวตันเมตร พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ เกียร์ 5 สปีด เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่อย่างแท้จริง ในราคาเพียง 699,000 บาท

          นอกจากนี้ ยังมีรุ่น HX 1 ตกแต่งภายในด้วยเบาะจำนวน 9 ที่นั่ง เพื่อประโยชน์ในการขนส่งผู้โดยสาร รวมทั้งกลุ่มองค์กรที่ใช้ขนส่งโดยสารพนักงาน โดยมีราคาจำหน่าย 659,000 บาท และ รุ่น LH 1 จำหน่ายเพียงตัวถังรถ เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าโดยมีราคา 639,000 บาท

          โพลาร์ซันเป็นรถตู้เอนกประสงค์คุณภาพจากประเทศจีน ผลิตโดยบริษัท โพลาร์ซัน มอร์เตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนานกว่า 50 ปี ในการผลิตรถโดยสารและรถอเนกประสงค์ โดยบริษัท ยูโร ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ได้รับเอกสิทธิ์ในการนำเข้า

โพลาร์ซันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ปัจจุบันมีโชว์รูมในกรุงเทพมหานคร 5 แห่ง ได้แก่ หัวหมาก, สาธร, หัวลำโพง, บางกะปิ และสุขุมวิท 101 อีกทั้งจัดให้บริการหลังการขาย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการของดี. เอ.ดี. กรุ๊ป และบริษัทยนตรกิจทั่วประเทศ

sianbun on December 06, 2009, 02:22:55 PM
สัมผัสยนตรกรรมเหนือระดับจากซีตรอง ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009

 

          ซีตรองเปิดประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับกับยนตรกรรมมาตรฐานยุโรปรุ่นเด่นภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2009 ตั้งแต่วันที่ 2 – 13 ธันวาคม 2552 ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ 1- 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

          คุณเต็ม ทรงเจริญ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ยูโร ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ซีตรอง (Citroen) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด นับตั้งแต่เปิดตัว “จัมเปอร์” ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมด้วยยอดจองทะลุเป้า และในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปปีนี้ เราจึงมั่นใจว่าลูกค้าจะให้ความสนใจและรอคอยที่จะชื่นชมรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะและความหรูหรานี้อย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยรถรุ่นยอดนิยมของเรา”

          “ซีตรอง จัมเปอร์” (Citroen Jumper) รถเอนกประสงค์ความกว้าง 11 ที่นั่ง ที่ได้รับการออกแบบให้ตอบสนองหลากหลายไลฟ์สไตล์ทั้งการเป็นรถสำหรับผู้บริหาร รถสำหรับครอบครัว ดารานักแสดง และเซเลบบริตี้ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก และการตกแต่งภายในที่หรูหราแบบวีไอพี ตลอดจนสามารถประหยัดพลังงานด้วยเครื่องยนต์ดีเซลแบบ HDI คอมมอนเรล ซึ่งมีให้เลือกทั้งขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.59-2.19 ล้านบาท และขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 160 แรงม้า สนนราคาเบื้องต้นประมาณ 2.39-2.59 ล้านบาท
         
          “ซีตรอง ซี 6” (Citroen C6) รถยนต์ดีไซน์หรู ไร้กาลเวลา ผสานความงามในแบบคูเป้กับความหรูหราในแบบลิมูซีน เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ On-Board Computer สำหรับบันทึกข้อมูลในการขับขี่ และคงความแรงด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3.0i V6 ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล 2.7 HDI V6 ให้กำลังสูงสุด 208 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมระบบทิปโทรนิค รวมทั้งระบบกันสะเทือนช่วงล่างแบบ Hydractive 3 เพื่อสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ ในราคาประมาณ 5.39-5.69 ล้านบาท พิเศษสุดสำหรับผู้สั่งจองซีตรอง ซี 6 ภายในงาน รับคูปองเติมน้ำมันฟรีถึง 2 แสนบาท และฟรีดอกเบี้ย 4 ปี

          “ซีตรอง ซี 4” (Citroen C4) รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตูในรูปลักษณ์ทันสมัย ดีไซน์โค้งมน กลมกลืน พร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ 2.0 iA ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร/ 4,000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติและระบบเบรค ABS และ EBD สร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ขับขี่ ในราคาประมาณ 1.54 ล้านบาท

          ซีตรอง รถหรูจากประเทศฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1919 โดย มร.อองเดร ซีตรองมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซีตรองมีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรม ยานยนต์ทันสมัย เครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง และการออกแบบที่ล้ำสมัย โดยได้รับรางวัล ยกย่องระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย โดยบริษัท ยูโรเปี้ยน ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ได้รับเอกสิทธิ์ในการนำเข้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ปัจจุบันมีโชว์รูมซีตรองในกรุงเทพมหานคร 5 แห่ง ได้แก่ หัวหมาก, สาธร, หัวลำโพง, บางกะปิ และสุขุมวิท 101 อีกทั้งจัดให้บริการหลังการขาย ณ โชว์รูมและศูนย์บริการของดี. เอ.ดี. กรุ๊ป และยนตรกิจทั่วประเทศ

sianbun on December 06, 2009, 02:24:05 PM
ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ ย้ำกระแสรถยนต์อเนกประสงค์ นำ H-1 ทุกแบบมาจำหน่าย พร้อมโชว์ ix-onic รถ SUV ต้นแบบที่ผลิตได้จริง

 
 
          ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ ย้ำกระแสรถยนต์อเนกประสงค์ นำ H-1 ทุกแบบมาจำหน่าย พร้อมโชว์ ix-onic รถ SUV ต้นแบบที่ผลิตได้จริง พร้อมทำตลาดในประเทศไทย

          Hyundai นำเสนอยนตรกรรมคุณภาพสูง เจาะกลุ่มลูกค้าที่เน้นความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งรถร่วมแสดงในงาน Motor Expo ครั้งที่ 26 นำโดย Hyundai H-1 รถ MPV สุดหรู และ Hyundai Sonata รถเก๋งขนาดกลางที่ให้ความประหยัดพร้อมสมรรถนะจากเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ส่วนไฮไลท์คือคอนเซ็ปต์คาร์ ix-onic ต้นแบบของ Hyundai ix35 รถ SUV ขนาดกลางที่เพิ่งเปิดตัวในเกาหลีและมีโอกาสแนะนำสู่ตลาดรถยนต์เมืองไทยปีหน้า

          บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ Hyundai ในประเทศไทย ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์หรือ Motor Expo ครั้งที่ 26 งานแสดงรถและจำหน่ายรถยนต์ยิ่งใหญ่ปลายปีซึ่งจัดโดยบริษัท สื่อสากล จำกัด ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2552 ณ อาคาร Challenger พื้นที่ A05 ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้า อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี

          ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 นี้ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้นำรถเข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายครบทุกรุ่นพร้อมแคมเปญพิเศษเพื่อเป็นการสมนาคุณแก่ลูกค้าและเพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย นำโดยรถอเนกประสงค์ระดับหรูเจ้าของรางวัล Car of the Year 2008-2009 Hyundai H-1 ทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและ H-1 Maesto เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อมโหมด Sport shift นอกจากนี้ยังมีรุ่น H-1 Maesto SS สีขาวซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษในจำนวนจำกัดเพียง 60 คันโดยแคมเปญพิเศษสำหรับรถ H-1 ทุกรุ่น คือ ราคาเริ่มต้นเพียง 1,050,000 บาท สามารถผ่อนชำระรถกับลิสซิ่งกสิกรไทยในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1.88% นานถึง 48 เดือน พร้อมมอบโทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone ยี่ห้อ Samsung Omnia II มูลค่า 23,900 บาทฟรี ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 16 มกราคม 2553

รถยนต์ Hyundai Sonata 2.4 EXE อีกหนึ่งยนตรกรรมแห่งความคุ้มค่า ด้วยการเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรให้การรับประกันโดยบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด นานถึง 3 ปีหรือ 100,000 กม. นอกจากนี้ยังมีรถกระบะเพื่อการพาณิชย์คือ Hyundai H-100 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ที่สามารถบรรทุกหนักและวิ่งได้โดยไม่ติดกฎหมายเรื่องเวลา โดยในรุ่น H-100 นี้มอบข้อเสนอผ่อนนาน 72 เดือน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 2.55% โดยมีราคาจำหน่ายสำหรับ Hyundai H-100 คือ 599,000 บาท

          สำหรับรถยนต์ต้นแบบนั้น ปีนี้ทางฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ ได้ทำเอา Hyundai ix-onic (ฮุนได อิค-โซนิค) รถประเภท SUV ที่ทางฮุนไดได้นำไปจัดแสดงในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 79 ที่ผ่านมา โดยรถคันดังกล่าวเป็นรถต้นแบบในรหัส HED-6 ใช้เครื่องยนต์เบนซินเบนซิน GDI พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จ ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบ Dual Clutch นอกจากให้สมรรถนะที่ดีแล้วยังประหยัดพลังงานด้วยระบบ ISG (Idle Stop & Go) รักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการปล่อย CO2 ต่ำเพียง 149 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น ต่อมาได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นจริงเพื่อการจำหน่ายภายใต้ชื่อรุ่น Hyundai Tucson หรือ Hyundai ix35 ซึ่งเปิดตัวในประเทศเกาหลีไปเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีจำหน่ายทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลแรงม้าสูง แต่ให้ความประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งทางฮุนไดมีแผนที่จะนำรถรุ่นใหม่นี้ออกทำตลาดเพื่อเอาใจผู้บริโภคมีระดับที่นิยมความแตกต่างที่ทันสมัยในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย

          เชิญสัมผัสกับรถยนต์ Hyundai สุดยอดยนตรกรรมระดับโลกจากเกาหลีทุกรุ่นได้ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 ที่บู๊ธจัดแสดงรถยนต์ Hyundai พื้นที่ A05 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2552

sianbun on December 06, 2009, 02:25:25 PM
ตซูบิชิ สเปซ แวกอน อีกระดับของยนตรกรรมอเนกประสงค์คันหรู

 

          เร้าใจ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์เฉียบ พร้อมการออกแบบภายใน หรูหรา เน้นความ สะดวกสบาย มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน  รุ่น GT มาพร้อมกระจังหน้าสีดำผสมคิ้วโครเมียมสไตล์สปอร์ต และชุดตกแต่งดีไซน์สปอร์ตรอบคัน ในขณะที่รุ่น GLS Limited มาพร้อมกระจังหน้าแบบโครเมียมดีไซน์ล้ำสมัย นอกจากนี้ยังมาพร้อมไฟหน้าแบบ HID และระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ (Auto leveling) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดในขณะฝนตกด้วยชุดปัดน้ำฝนหน้าแบบใหม่ (Flat type) และ กระจกมองข้างช่วยลดการเกาะตัวของหยดน้ำ  การออกแบบห้องโดยสารภายในกว้างขวางหรูหรา สะดวกสบายในทุกพื้นที่ พร้อมอุปกรณ์ความบันเทิงพร้อมสรรพไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่น DVD, VCD,CD MP3,WMA รุ่นใหม่ที่ง่ายต่อการใช้งาน พร้อมชุดอุปกรณ์ต่อพ่วง iPod  จอภาพด้านหน้าแบบหน้าจอสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 6.5 นิ้ว  จอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 10.2 นิ้ว ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางตลอดเส้นทาง  และให้ความสบายในทุกอิริยาบถด้วยเบาะ 7 ที่นั่งแบบ Space Magic 7 Seats ที่สามารถปรับได้ตามสรีระของผู้ใช้และปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน    สะดวกสบายด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกสวิตช์ควบคุมอิสระหน้า-หลัง ควบคุมทิศทางลมได้ถึง 16 ทิศทาง พร้อมช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งทั้ง 3 แถว ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของคนในครอบครัว

          นุ่มนวล แต่ทรงพลัง กับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4-liter MIVEC   รองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ ขนาด 2.4 ลิตร 165 แรงม้า  ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์อันชาญฉลาด MIVEC ระบบวาล์วแปรผันที่ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วไอดีให้แปรผันสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ และรองรับแก๊สโซฮอล์ อี 20 ตอบสนองนโยบายพลังงานทางเลือก

          ระบบความปลอดภัยเหนือระดับ เพื่อคุณภาพในการขับขี่

          มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบตัวถัง RISE Body ตัวถังนิรภัยเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ คุ้มครองตั้งแต่หน้าจรดหลัง พร้อมคานเหล็กนิรภัยในประตูลดการยุบตัวเมื่อเกิดการชนจากข้างรถ เสริมความมั่นใจในการขับขี่จากการติดตั้งระบบเบรก ABS 4 แชนแนล 4 เซ็นเซอร์ ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA)  เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ELR ที่เบาะนั่งคู่หน้า รวมทั้งถุงลมนิรภัยแบบปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าช่วยลดแรงกระแทกจากการชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นความสะดวกสบายในการขับขี่ด้วยกล้องจับภาพขณะถอยหลัง และสัญญาณกะระยะจอดหน้า-หลัง แบบ 5 จุด เบรกมือแบบแป้นบังคับที่เท้าใช้งานง่าย และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการขับขี่รถระยะทางไกล นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบกระจกไฟฟ้าแบบอัตโนมัติด้านคนขับพร้อมระบบ Safety พร้อมมั่นใจยิ่งกว่าด้วยระบบสัญญาณกันขโมยและระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม (Immobilizer)

          พิเศษ...!!!   มิตซูบิชิ สเปซ แวกอน GT รุ่นพิเศษ   2-way Navi Edition  ที่เพิ่มความเร้าใจด้วยรูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์
เฉียบ โดดเด่นด้วยตัวถังสีขาวมุก พร้อมภายในสีดำ สไตล์สปอร์ต ที่มาพร้อมกับระบบนำทาง (Navigator) แบบ 2 สถานะ โดยใช้ได้ทั้งแบบเชื่อมต่อเข้ากับหน้าจอมอนิเตอร์ด้านหน้าแบบสัมผัส  (Touch Screen) ขนาด 6.5 นิ้ว สามารถค้นหาสถานที่บนแผนที่ได้มากกว่า 400,000 จุด ทั่วประเทศ พร้อมระบบแสดงภาพแบบ 3 มิติ และระบบนำทางด้วยเสียงภาษาไทย  อีกทั้งยังสามารถถอดใช้เป็นอุปกรณ์ GPS แบบพกพา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางและการใช้งาน นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกด้วยระบบเชื่อมต่อแฮนด์ฟรีแบบไร้สาย (Bluetooth) รุ่นใหม่ล่าสุดของ Alpine  ที่สามารถสนทนาผ่านระบบเสียงภายในรถยนต์ผ่านไมโครโฟนที่ติดตั้งบนคอพวงมาลัย พร้อมแสดงรายชื่อหมายเลขโทรศัพท์และสถานะบนหน้าจอมอนิเตอร์ด้านหน้า และยังมีฟังก์ชั่นรับสายอัตโนมัติขณะขับขี่ สามารถรองรับการเล่นเพลงจากโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ A2DP และ AVRCP เพิ่มความสะดวกสบายและปลอดภัยในการขับขี่ ช่วยให้ไม่พลาดการสื่อสารในทุกการเดินทาง   เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการความแตกต่าง และชื่นชอบความสะดวกสบายของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์

sianbun on December 06, 2009, 02:27:04 PM
ซันยอง สุดยอดยนตรกรรมระดับโลก ภายใต้สโลแกน “Drive Different”
 
          บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 2 - 13 ธันวาคม 2552 โดยในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำสุดยอดยนตรกรรมระดับโลกมานำเสนอในงานนี้ด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน ภายใต้สโลแกน “Drive Different” สัมผัสที่แตกต่างในการขับขี่ จากรูปทรงที่โดดเด่นสะดุดตา โดยใช้เทคโนโลยีจากเยอรมัน ที่สูงด้วยคุณภาพ ทนทาน ทันสมัยและมีสมรรถนะสูง

          สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำ NEW STAVIC EXCLUSIVE รถยนต์อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคัน สไตล์เยอรมัน ที่มีรูปโฉมโดดเด่นสง่างาม มีเนื้อที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ให้ความโดดเด่นและมีรสนิยมด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส  New Stavic Exclusive MPV สุดหรูตัวใหม่ล่าสุดจากค่ายซันยองเผยโฉมครั้งแรกในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งที่ 26 มาพร้อมกับสมรรถนะและความสะดวกสบายมากมาย  ได้รับการปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์ให้มีความภูมิฐานยิ่งขึ้น ด้วยชุดไฟ Day Light Running แบบ LED ที่โคมไฟคู่หน้า และชุด Lighting Package ที่ให้ความสว่างขาวใสและสวยงามภายในห้องโดยสารที่โอ่อ่า เพิ่มความภูมิฐานยิ่งขึ้นด้วยชุดลายไม้วอลนัทสีเข้มที่วงพวงมาลัย แผงคอนโซลหน้าปัทม์และที่แผงประตูทั้ง 4 บาน นอกจากนี้ Stavic Exclusive ใหม่ยังเพิ่มความเพลิดเพลินแก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทางด้วยชุด Multi Media ระดับเดียวกับ Home Theatre Surround 5.1 Channels ด้วยชุดจอหน้าและจอเพดานพร้อมชุด Multi Media ติดตั้งที่พนักพิงศรีษะคู่หน้า ซึ่งผู้โดยสารแต่ละท่านสามารถที่จะเลือกความเพลิดเพลินชมรายการตามสไตล์ของแต่ละคนเป็นการส่วนตัวด้วยชุดหูฟังสเตริโอไร้สายเพิ่มความเพลิดเพลินในทุกการเดินทาง

           New Stavic Exclusive มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบเทอร์โบดีเซลขนาด 2.7 ลิตร และเบ็นซิน
ขนาด 3.2 ลิตร  สำหรับในรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกใช้ทั้งในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหรือแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทุกรุ่นใช้ระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ T-Tronicของเมอร์เซเดสเบ๊นซ์ พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift)

          นอกจากนี้ บริษัท ยังนำ Stavic รุ่นปัจจุบันมาแสดงด้วยกันอีก 2  แบบ คือรุ่น SL และรุ่น Standard ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2,700 ซี.ซี. 165 แรงม้า Stavic ทุกรุ่น ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ 5 จังหวะ T-Tronic จาก Mercedes Benz พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ให้การทรงตัว และเกาะถนนอย่างดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้นและด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่และโดยสาร Stavic ทุกรุ่นมาพร้อมกับชุดไฟ Day Light Running แบบ LED

          Rexton II รถ SUV หรู ขนาด 7 ที่นั่ง นำเข้าทั้งคัน ด้วยมาตรฐานยูโรโฟร์ พร้อมพลังขับเคลื่อนที่มหาศาล จากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบแบบแปรผัน ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 186 แรงม้าและแรงบิด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic จาก Mercedes Benz พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ โดดเด่นและมีรสนิยมด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายในตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายง่ายต่อการใช้สอย หรูหราและเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยจอ Multi Media ติดตั้งที่พนักพิงศรีษะคู่หน้า ซึ่งผู้โดยสารแต่ละท่านสามารถที่จะเลือกความเพลิดเพลินชมรายการตามสไตล์ของแต่ละคนเป็นการส่วนตัวด้วยชุดหูฟังสเตริโอไร้สาย

Actyon รถ Sport Utility Coupe ตัวเก่งสายพันธ์แกร่งจากเกาหลีที่ได้รับการออกแบบจากสำนักออกแบบชื่อดัง Ital Design แห่งประเทศอิตาลี ออกแบบด้วยแนวคิดที่ล้ำสมัย มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวสวยงาม และมีเอกลักษณ์ โดดเด่นและมีรสนิยมด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2,000 ซี.ซี. ให้พลัง 141 แรงม้า พลังจากเครื่องยนต์เปี่ยมสมรรถนะส่งผ่านไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านระบบเกียร์อัจฉริยะรุ่นใหม่ 6 จังหวะ พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift)  ที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part Time ที่จะให้ความคล่องตัวยามขับขี่ในเมืองและเต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะเมื่อต้องเดินทางท่องเที่ยวทางไกล   ปีนี้มาด้วยมาดใหม่สไตล์โดดเด่นสะดุดตาด้วยชุดแต่ง Sticker ตามแบบที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เพลิดเพลินและผ่อนคลายตลอดการเดินทางด้วยชุดเครื่องเสียงสเตอริโอเซอร์ราวด์ พร้อมชุดจอที่พนักพิงศรีษะคู่หน้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

          New Kyron โฉมใหม่สุดยอด SUV  ขนาดกลาง 7 ที่นั่งที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่นำสมัย ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2,000 ซี.ซี. ให้พลังขับเคลื่อนสูงถึง 141 แรงม้าและแรงบิดที่ 310 นิวตันเมตร พร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ 6 จังหวะ พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) ที่ให้ความนุ่มนวลปราดเปรียว และพลังขับเคลื่อนที่เร้าใจสู่ชุดขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ คล่องตัวยามขับขี่ในเมืองและเต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ทรงพลังยามที่ต้องเดินทางไกลในทุก ๆ สภาพถนน  โดดเด่นและมีรสนิยมด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมการงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพลิดเพลินและผ่อนคลายตลอดการเดินทางด้วยชุดเครื่องเสียงสเตอริโอเซอร์ราวด์ พร้อมชุดจอที่พนักพิงศรีษะคู่หน้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

          คุณวิรัตน์   ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง ประเทศไทย จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ซันยองภายในประเทศไทย กล่าวว่าบริษัทฯ วางแผนทำตลาดรถ SUV ขนาดเล็กเพื่อเพิ่มสัดส่วนการตลาดให้สูงยิ่งขึ้น โดยนำรถต้นแบบ SsangYong C200 เข้ามาแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 26 ที่ศูนย์การแสดงสินค้า Impact เมืองทองธานี

          SssangYong C200 Concept เป็นรถยนต์คอมแพค เอสยูวีขนาด 5 ที่นั่งที่ซันยอง พัฒนาเพิ่มเติมต่อจากรถยนต์ SUV รุ่นพี่อย่าง Rexton, Kyron และ Actyon ซึ่ง SsangYong C 200 เป็นรถยนต์แบบ  SUV ตระกูลเล็กที่สุดของซันยอง มีขนาดความยาว 4,400 มม.และมีฐานล้อยาวเพียง 2,640 มม.

          SsangYong C200  มีรูปแบบภายนอกที่งดงาม สละสลวย ทันสมัย ด้วยผีมือการออกแบบของ จิออร์เก็ตโต จุยจาโร จากสำนักออกแบบชื่อดังของอิตาลี Ital Design ใช้โครงสร้างตัวรถแบบโมโนค๊อค ซึ่งเป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของซันยอง เนื่องจากรถของซันยองทุกรุ่นที่ผ่านมาจะใช้โครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรม หรือแบบบอดี้ และแชสซีส์แยกจากกัน

          ขุมพลังของ C200 มีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.8 ลิตรและแบบเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร 175 แรงม้า และสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ยังมีเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลให้เลือกอีกด้วย C200 ทุกรุ่นใช้ระบบส่งผ่านกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะรุ่นล่าสุดที่ทำงานผสานกับเครื่องยนต์ชุดนี้อย่างดี ให้สมรรถนะและการตอบสนองในการขับขี่ดีเยี่ยม

          เครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ใน C200  เป็นเครื่องยนต์ที่ให้ความประหยัดและสร้างมลพิษน้อยกว่าเดิมถึงกว่า 50 % เหนือกว่ารถคู่แข่งในระดับเดียวกัน อีกทั้งผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวด Euro 5 ซึ่งจะมีกำหนดบังคับใช้ในสหภาพยุโรปราวปี 2012

          บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มนำรถ C200 เข้ามาจำหน่ายเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งหน้าในเดือนธันวาคม 2553
          คุณวิรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทมีนโยบายที่จะพัฒนาบริการด้านหลังการขายของซันยองประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดทั้งในด้านบุคลากรและการจัดเก็บสต๊อกอะไหล่ให้มีเพียงพอ และทันต่อความต้องการของลูกค้า ตลอดจนควบคุมราคาจำหน่ายอะไหล่ซันยองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

          ล่าสุดจากการที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทมีค่าแข็งขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าอะไหล่ของบริษัทฯ ต่ำลง ประกอบกับบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนด้านส่วนลดสำหรับอะไหล่จากซันยองเกาหลีเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการคืนกำไรให้แก่ลูกค้า บริษัทจึงจะทำการปรับราคาจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ซันยองลงอีกกว่า 30% ซึ่งจะมีผลในทันที

          พิเศษสำหรับลูกค้าซันยองที่สั่งจองรถภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 26 จะได้รับการสมนาคุณด้วยการนำชมความงามและดื่มด่ำกับวัฒนธรรมเก่าแก่ของประเทศเกาหลี 5 วัน 3 คืน หรือ เลือกรับเงื่อนไขพิเศษต่าง ๆ  ซันยองทุกรุ่นทุกคันมาพร้อมกับการรับประกันการใช้งานเป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีบริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงฟรี! เป็นเวลา  3 ปี ซึ่งลูกค้าจะได้รับบริการจากจุดบริการของ Mondial มากกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ อันเป็นที่มั่นใจได้ว่าท่านจะได้รับการบริการที่อบอุ่นอย่างรวดเร็วยามที่ต้องการ