happy on November 29, 2015, 06:28:31 PM

ภาพยนตร์:       STEVE JOBS
ชื่อไทย:           สตีฟ จ็อบส์
วันที่เข้าฉาย:     28 มกราคม 2558
จัดจำหน่าย :     บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4SvH4lNbMOs" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4SvH4lNbMOs</a>

เกี่ยวกับภาพยนตร์

                เรื่องราวของหนังเกิดขึ้นหลังเวที ในช่วงไม่กี่นาทีก่อนการเปิดตัวสามผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ในชีวิตการทำงานของจ็อบส์ เริ่มต้นจาก Macintosh ในปี 1984 และจบลงด้วย  iMac ในปี 1998  ภาพยนตร์เรื่อง  Steve Jobs  จะพาเราเข้าไปดูเบื้องหลังของการปฏิวัติโลกเทคโนโลยี เพื่อเขียนภาพเหมือนของชายอัจฉริยะผู้นี้ ณ จุดที่เป็นหัวใจของเรื่องราว

                Steve Jobs กำกับโดย แดนนี บอยล์ ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยม และเขียนบทโดย แอรอน ซอร์กิ้น เจ้าของรางวัลออสการ์บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากหนังสือขายดีของวอลเทอร์ ไอแซ็คสัน เรื่องราวชีวประวัติของผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล  อำนวยการสร้างโดยมาร์ค กอร์ดอน  กายม่อน คาซาดี้  สก็อตต์ รูดิน  แดนนี บอยล์ และคริสเตียน โคลสัน ผู้อำนวยการสร้างที่เคยได้รับรางวัลออสการ์

                ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ รับบทเป็นสตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล เคท วินสเล็ต นักแสดงที่ได้รับรางวัลออสการ์ เป็นโจแอนนา ฮอฟฟ์แมน อดีตหัวหน้าฝ่ายการตลาดของแมคอินทอช   เซธ โรเกน รับบทสตีฟ วอซนิแอค ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล และ เจฟฟ์ แดเนียลส์ เป็นจอห์น สกัลลีย์ อดีตซีอีโอของแอปเปิ้ล  และยังได้แคทเธอริน วอเทอร์สตันมารับบทเป็นคริสแอนน์ เบรนแนน อดีตคนรักของจ็อบส์ และไมเคิล สตูห์ลบาร์กเป็นแอนดี้ เฮิร์ตซ์เฟลด์ หนึ่งในสมาชิกดั้งเดิมของทีมที่พัฒนาคอมพิวเตอร์แมคอินทอชของแอปเปิ้ล




ถาม & ตอบ กับผู้กำกับ แดนนี บอยล์

อยากให้คุณพูดถึงสิ่งที่คุณคิดตอนที่ได้รับบทหนังของแอรอน ซอร์กิ้น และได้อ่านมันเป็นครั้งแรก  มีอะไรในบทหนังที่ทำให้คุณอยากทำหนังเรื่องนี้

                 ผมอ่านบทหนัง และคิดว่าผมคงบ้าแน่ๆถ้าไม่ทำ  บทหนังทำให้ผมตื่นเต้นแทบลืมหายใจ  ผมรู้สึกว่าไม่เคยทำงานอะไรแบบเรื่องนี้มาก่อน  สิ่งที่ท้าทายคือมันช่างเป็นบทหนังที่เต็มไปด้วยตัวตน  และการใช้คำที่แทบไม่ได้หายใจหายคอดึงดูดใจผมอย่างแรง  ในขณะที่ตัวละครสตีฟ จ็อบส์ที่แอรอนสร้างสรรค์ขึ้น เป็นสตีฟที่มีตัวตนอยู่ในบทหนัง เป็นคนที่ในด้านหนึ่งมีบางอย่างทับซ้อนกับสตีฟคนที่กลายเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ไม่ใช่  นั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับผม   เขาเป็นตัวละครระดับตัวละครของเชคสเปียร์   เขาเป็นคนที่จับใจคน และเป็นคนโหดร้าย และเป็นคนที่ให้ความเพลิดเพลินในการติดตาม  ในบทหนังของแอรอน ผมมองเห็นคนมากมายในวงโคจรรอบดาวที่น่าทึ่งดวงนี้ ซึ่งคือตัวละครของสตีฟ จ็อบส์   มีคนแบบนั้นในชีวิตเรา คนที่เราหมุนรอบตัวเขา บางส่วนของชีวิตเราดำรงอยู่ในแสงที่สะท้อนมาของพวกเขา และเราไม่สามารถเป็นอิสระจากพวกเขาได้  พวกเขามีแรงดึงดูด  พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจในการทุ่มเท  นั่นเป็นลักษณะตัวละครที่น่าสนใจที่ควรศึกษา  มีผู้คนในชีวิตของตัวละครตัวนี้ที่ทุ่มเทมากมายอย่างชัดเจน  ตัวละครอื่นนึกถึงเขาในฐานะอสูรร้าย  มองในแง่หนึ่ง เขาเป็นอสูรที่ถูกสร้างสรรค์ให้สวยงามโดยภาษาที่เขียน  และโดยผู้หญิงสองคน 

คุณบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังชีวประวัติ และไม่ได้พยายามจะบอกเล่าประวัติชีวิตของจ็อบส์ในแบบตายตัว แต่คุณก็ยังมีการพูดถึงบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงหลายคน  ปัจจัยสำคัญอะไรของสตีฟ จ็อบส์ตัวจริงและอีกหลายคนในทีมของเขา ที่คุณรวมเข้ามาในเรื่องราวชีวิตของเขา

                 เราเป็นหนี้หนังสือของวอลเทอร์ ไอแซคสัน และการค้นคว้าข้อมูลที่เจาะลึกของเขาอย่างมาก แต่เราอยากให้หนังเป็นการเดินทางที่ต่างออกไป  ซอร์กิ้นอธิบายว่าหนังมีลักษณะเป็น “ภาพบุคคลที่วาดแบบอิมเพรสชั่นนิสต์” มีไอเดียมากมายที่สร้างจากชีวิตจริงอย่างชัดเจน แต่หนังเรื่องนี้เป็นแบบแอ็บสแตร็กท์  ถ่ายทอดเหตุการณ์ที่บางตอนเป็นเรื่องจริง บางตอนเป็นจินตนาการ และบอกเล่าออกมาเป็นสามองก์ จับช่วงเหตุการณ์การเปิดตัว Macintosh ในปี 1984  NeXTcube ปี 1988  และ iMac ปี 1998   ตัวละครหกตัวปรากฏตัวสามครั้ง  ในช่วง 40 นาทีก่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่ละตัว และคุยกันยาวเหยียด  นั่นไม่ใช่ชีวิตจริง มันเป็นเวอร์ชั่นที่เข้มข้นของชีวิตจริง

                 บทหนังของซอร์กิ้นมีมากกว่าการบอกเล่าเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์ในฐานะบุคคลคนหนึ่ง  เขาเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งที่มีค่าและสำคัญในชีวิตเรา นั่นคือวิธีการที่เราสื่อสารกัน  วิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กัน  แต่การปฏิสัมพันธ์ในชีวิตส่วนตัวของเขากลับผิดปกติอย่างมาก  หนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเป็นทีมด้วยเช่นกัน  ผมหมายถึงมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนบุคคลหลายคนและหลายกลุ่มให้สร้างสรรค์งานขึ้นมา  ตัวละครสตีฟของเรามีไหวพริบและอารมณ์ขัน และมีความเข้าใจเรื่องที่ว่าคนส่วนใหญ่ชอบที่จะค้นหาบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้พวกเขาผลักดันตัวเองไปข้างหน้า  เกือบจะเรียกได้ว่าเขาบ้าการเปลี่ยนแปลงผู้คน

ก่อนการถ่ายทำ คุณวางแผนเรื่องเวลาสำหรับการซ้อมแบบครบทั้งหมดและลงรายละเอียด  และคุณซ้อมและถ่ายทำแต่ละองก์แยกกัน และเรียงไปทีละตอน  คุณช่วยเล่าให้เราฟังได้มั้ยว่าทำไมคุณถึงใช้วิธีนั้น และหนังที่ถ่ายทำเสร็จและการแสดงของนักแสดงได้ประโยชน์จากวิธีการนั้นยังไงบ้าง

                 สิ่งหนึ่งที่พิเศษมากในภาษาเขียนของแอรอนคือจังหวะของมัน การขับเคลื่อนของมัน  และผมตื่นเต้นมากที่เห็นนักแสดงพูดภาษาที่เขาเขียนออกมา  แต่ผมก็รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับพวกเขา

                 เนื่องจากมันมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สามครั้ง เราจึงเพ่งความสนใจไปทีละส่วนของหนัง  ซ้อมแล้วก็ถ่ายแต่ละองก์แยกกัน  และเรียงตามลำดับของแต่ละฉาก  แน่นอนว่าในการถ่ายหนัง ไม่ค่อยมีหรอกที่จะถ่ายแบบเรียงฉาก   แต่มันก็สร้างแรงกระตุ้นให้กับการแสดงและเรื่องราว  มันทำให้นักแสดงได้ทุ่มเทให้กับองก์นั้นของหนัง และมีสมาธิอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเป็นและรู้สึกในช่วงเวลานั้น ในชีวิตของตัวละครที่พวกเขาแสดง  มันทำให้พวกเขามีเวลาได้หยุดพัก และมีเวลาคิดว่าจะแสดงยังไงต่อไป

                 นักแสดงเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาในแต่ละองก์ของหนัง  แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนเหล่านี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และมีเรื่องที่ต้องดูแลความเรียบร้อยในนาทีสุดท้ายก่อนเริ่มงาน  แต่ก็เป็นสิ่งที่เราตั้งใจด้วยเช่นกัน เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดในการทำงานของจ็อบส์  เขาจะชอบเดินไปด้วยคุยงานไปด้วย ไม่ชอบอยู่ในการประชุมที่น่าเบื่อ  เขาชอบเดินไปคุยไปเพราะมันทำให้เกิดแรงกระตุ้นในงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร  เราเลือกใช้วิธีการซ้อมและการถ่ายทำในแบบที่ผมหวังว่าจะให้อิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายแก่นักแสดง  ผมไม่อยากสร้างพื้นที่ที่จำกัดในฉาก แต่อยากให้ความรู้สึกของการเป็นอิสระและเป็นพื้นที่เปิดมากกว่า  ผมไม่อยากให้นักแสดงกังวลมากเกินไปเรื่องตำแหน่งที่พวกเขายืน และจะต้องเดินไปทางไหน  ตอนที่เริ่มซ้อม เราอนุญาตให้ทุกคนเคลื่อนที่ได้ตามที่พวกเขาต้องการ  พอใกล้วันถ่ายทำ เราก็ค่อยๆพบวิธีการกำหนดตำแหน่งในฉาก  การเลือกใช้กล้องแบบสเตดดี้แคมช่วยได้มากเรื่องอิสรภาพในการเคลื่อนที่ที่เรากำลังจะใช้  ซึ่งปกติกล้องแบบนี้เอาไว้ใช้สำหรับถ่ายฉากแอ็คชั่นและฉากการไล่ล่ากัน  กล้องสเตดดี้แคมให้ความรู้สึกของการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาและเป็นอิสระ  เจฟฟ์ ฮีลีย์ ช่างกล้องสเตดดี้แคมของเรามีความสามารถดั่งศิลปิน และเมื่อรวมกับการจัดแสงของอัลวิน คุกเลอร์ งานของเขาทำให้เราได้สร้างสรรค์ฉากการแสดงที่ลื่นไหลต่อเนื่อง ขณะที่นักแสดงเคลื่อนไหวผ่านพื้นที่และการแสดงในสามองก์ของหนัง

ทำไมคุณตัดสินใจถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในซาน ฟรานซิสโกทั้งเรื่อง

                 ซาน ฟรานซิสโกเป็นเบธเลเฮม(เมืองที่ประสูติของพระเยซู)ของยุคดิจิตอล เป็นบ้านของวิวัฒนาการด้านอุตสาหกรรมครั้งที่สอง  ผมมาจากเมืองแมนเชสเตอร์ทางตอนเหนือของอังกฤษ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองที่ให้กำเนิดการปฏิรูปอุตสาหกรรมเมื่อ 200 ปีที่แล้ว  และซาน ฟรานซิสโกก็มีประวัติศาสตร์และตำนานของตัวเองมากมายเช่นกัน  ผมรู้สึกถึงความคล้ายคลึงกันในทันที  คุณหวังว่าหนังจะได้บางอย่างจากการทำงานที่นั่น โดยการซึมซับมาในแบบใดแบบหนึ่ง  ผมรู้สึกมาตลอดว่าถ้าคุณให้เกียรติสถานที่ที่คุณสร้างหนังเกี่ยวกับมัน สถานที่นั้นจะให้รางวัลแก่คุณ  ผ่านทางความเข้าใจและความชื่นชมที่คุณและนักแสดงของคุณมีต่อมัน  รวมถึงการที่เราได้พบคนหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทั้งสามครั้ง ทั้งจากการนัดพบ หรือได้พบโดยบังเอิญในระหว่างที่ถ่ายทำด้วย

คุณทำให้สามสถานที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนในสามองก์ของหนัง  พอจะบอกเหตุผลได้มั้ย

                 สิ่งที่บทหนังเรื่องนี้ดึงดูดใจผมตั้งแต่แรก คือความท้าทายที่ว่าผมจะนำเสนอฉากหลังเวทีสามฉากนี้ออกมายังไงให้ได้พลังที่สุด และด้วยความตึงเครียดที่สุดที่จะเป็นไปได้  และเราตัดสินใจใช้สถานที่ถ่ายทำสามที่แตกต่างกัน  แต่ละที่ให้ความรู้สึกเฉพาะ  และเรื่องราวเฉพาะสำหรับแต่ละองก์

คุณลงเอยด้วยการเลือกหอประชุมฟลิ้นท์เป็นสถานที่ถ่ายทำสำหรับฉากการเปิดตัวแมคอินทอชในองก์ที่หนึ่งได้ยังไง

                 หอประชุมฟลิ้นท์ที่เด อานซา คอมมิวนิตี้ คอลเลจ ซึ่งอยู่กลางเมืองคูเปอร์ทิโน เป็นสถานที่จริงที่ใช้จัดงานเปิดตัวแมคอินทอชในปี 1984  เวทีนั้นเป็นที่ที่สตีฟ จ็อบส์เปิดตัวแมคอินทอชในวันนั้น  เราเลยเดินตามรอยเท้าเขาตามความหมายจริงๆ  เราถ่ายทำองก์แรกด้วยฟิล์ม 16 มม. เพราะมันให้ความรู้สึกของภาพที่หยาบ และพื้นๆธรรมดา แบบหนังที่ถ่ายทำกันในครอบครัว ในโรงละครที่เรียบง่าย เน้นการใช้งาน  มันมีพลังในสไตล์ที่เกือบจะเป็นพังค์  การเปิดตัวแมคในองก์ที่หนึ่งคือตำนานของการสร้างสรรค์ในยุคใหม่  มันคือวันที่สตีฟ จ็อบส์ใช้มนตร์วิเศษเสกอนาคตของการใช้คอมพิวเตอร์ ด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจริงๆเครื่องแรก  คอมพิวเตอร์ที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิตของมนุษย์  เป็นครั้งแรกที่มีคนคิดสร้างคอมพิวเตอร์ที่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคุณ  อย่างที่สตีฟพูดไว้ในหนัง ว่าก่อนจะมาถึงจุดนั้น คือปี 1984  ฮอลลีวู้ดทำให้คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่น่ากลัว  แต่เขาต้องการทำให้คอมพิวเตอร์รู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของคุณ  ถึงแม้จะชัดเจนว่ายุคนั้นยังไม่พร้อมสำหรับความคิดนี้ เพราะมันยังไม่ได้ผล  เขาประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหลังจากนั้น

ทำไมคุณเลือกซาน ฟรานซิสโก โอเปรา เฮ้าส์ เป็นสถานที่ถ่ายทำองก์ที่สอง  เกี่ยวกับการเป็นโอเปรา เฮ้าส์หรือเปล่าที่ทำให้มันลงตัวพอดีกับส่วนนี้ของเรื่องราว ประมาณช่วงที่เปิดตัว NeXT?

                 คุณสามารถถกเถียงเรื่องที่ว่าสตีฟ จ็อบส์ในชีวิตจริงเริ่มสร้างคอมพิวเตอร์  NeXT เพื่อเป็นการแก้แค้นต่อแอปเปิ้ล  แต่ในที่สุด ระบบปฏิบัติการของ NeXT ก็เป็นเส้นทางการกลับสู่แอปเปิ้ลของเขา  เขาสามารถขาย NeXT ให้กับแอปเปิ้ลในเวลาที่แอปเปิ้ลต้องการระบบปฏิบัติการใหม่อย่างมาก และระบบปฏิบัติการก็คือสิ่งที่ NeXT ต้องเสนอให้แอปเปิ้ลจริงๆ  จ็อบส์สามารถได้บางอย่างจาก NeXT ซึ่งยังคงเป็นส่วนสำคัญในระบบปฏิบัติการของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของแอปเปิ้ลตอนนี้

                 เราต้องการสถานที่ถ่ายทำที่สะท้อนความรู้สึกของปฏิบัติการล้างแค้นครั้งนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเลือกโอเปรา เฮ้าส์  องก์ที่สองต้องการความรู้สึกของการตามใจตัวเองมากขึ้น  เราถ่ายทำองก์นี้ด้วยฟิล์ม 35 มม. ซึ่งให้ภาพที่ชัด สวย และนุ่มนวลอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับฟิล์ม 16 มม.ที่ใช้ในองก์แรก  การออกแบบ การเคลื่อนกล้อง ดนตรีประกอบ  ทั้งหมดตั้งใจบรรยายถึงการแก้แค้นในลักษณะหนึ่ง  เราต้องการให้คนดูค่อยๆตระหนักถึงแผนการแก้แค้นของสตีฟขณะที่มันเปิดเผยตัวออกมาตามลำดับเหตุการณ์  ไปจนถึงช่วงไคลแม็กซ์ที่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างสตีฟกับจอห์น สกัลลีย์ในตอนท้ายขององก์

วิธีการอะไรที่คุณการตัดสินใจใช้ในการออกแบบ และการถ่ายภาพสำหรับองก์ที่สาม ช่วงเปิดตัว iMac

                 องก์ที่สามเกี่ยวข้องกับอนาคต การติดต่อสื่อสารที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และการควบคุมข้อมูลในยุคใหม่ของเรามากขึ้น  iMac เริ่มนำอินเตอร์เน็ตเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราอย่างชัดเจน  เราถ่ายทำองก์นี้ที่เดวีส์ ซิมโฟนี ฮอลล์ สถานที่แห่งอนาคตในย่านดาวน์ทาวน์ของซาน ฟรานซิสโก  และถ่ายด้วยกล้องอเล็กซา (ALEXA) ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอล  มีพิกเซลและความละเอียดคมชัดมาก  เรากำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดในองก์ที่สาม ซึ่งก็คือการกลับสู่แอปเปิ้ลของจ็อบส์  และ iMac คือผลิตภัณฑ์เปิดตัวที่แสดงถึงการกลับมาของเขา

เราคุยถึงแนวคิดที่ทำให้มีการซ้อมแบบครอบคลุมและลงรายละอียดของคุณไปแล้ว แต่คุณช่วยเล่าวิธีการทำงานกับไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์หน่อยได้มั้ย  อะไรในตัวเขาที่ทำให้คุณเชื่อว่าเขาคือคนที่จะสามารถสร้างชีวิตให้ตัวละครตัวนี้ได้

                 ผมไม่เคยทำงานกับนักแสดงที่ทำอะไรแบบที่ไมเคิลทำ หรือมีการทุ่มเทอย่างโหดเหี้ยมแบบนั้น  ผมไม่เคยเห็นเขาดูบทเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเขามีบทพูดแบบแฮมเล็ตหรือเลียร์ให้พูดทุกวัน  เขาดูดซึมบทหนังในแบบที่ไม่เกี่ยวกับการท่องจำ  เขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการจำ “ตอนนี้ผมต้องพูดประโยคนี้ใช่มั้ย?” เขารู้จักบทหนังเหมือนเขาเป็นคนเขียนเอง  ซึ่งช่วยให้การแสดงของเขามีพลัง เหมือนเขาสามารถสร้างสรรค์บางอย่างต่อหน้าคุณจากความว่างเปล่าจริงๆ  ผมคิดเสมอว่ามีบางอย่างที่มีความเป็นสตีฟ จ็อบส์มากๆในตัวไมเคิล  เขามีคุณสมบัติของความเอาจริงเอาจังอย่างน่าทึ่งในสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตัวเขา  เป็นนักแสดงที่น่ากลัวมากของจริงเลย  แต่เขามีไหวพริบเป็นเลิศ ขอบคุณพระเจ้า  เพราะบทหนังเรื่องนี้เป็นบทที่ฉลาด และไมเคิลก็ขุดค้นอารมณ์ขันจากมันได้ด้วยรายละเอียดและความตลกอย่างเหลือเชื่อเมื่อเขาอยากทำ  แต่เขาโหดร้ายน่ากลัวมากในความทุ่มเท  และเขาแสดงให้เห็นในการเตรียมตัวของเขา  ผมโชคดีที่สามารถนำบทหนังของซอร์กิ้นและนักแสดงแบบนี้มาอยู่ด้วยกัน  งานของผมคือการทำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรมาขวางกั้นมัน




เคท วินสเล็ตต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมในบทโจแอนนา ฮอฟฟ์แมน คุณช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยว่าเธอเข้าถึงบทนี้ยังไง

                 คุณได้ฟาสส์เบนเดอร์มา คุณก็ควรจะได้คนที่มีพรสวรรค์ทัดเทียมกันที่จะทำงานกับเขา และเราก็ได้นักแสดงคนนั้นมา  เคทเป็นนักแสดงที่น่าทึ่งมาก  เธอมีความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์  นั่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเธอเข้าถึงบทได้ละเอียดขนาดนั้น  เธอเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมที่พึงมีในกองถ่าย และคอยสนับสนุนอย่างไม่หยุดหย่อนในทุกองค์ประกอบของการถ่ายทำ  แม้กระทั่งการจัดระเบียบตัวประกอบในช่วงเบรคแต่ละเทค!  โจแอนนา ฮอฟฟ์แมนเป็นคนที่มีอิทธิพลในองค์กร และเป็นคนคอยแก้ปัญหา ซึ่งเธอพยายามจัดระบบผู้ชายที่เป็นไปไม่ได้คนนี้  และเคทก็เข้าถึงบทนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะในฉากหรือในเรื่อง

                 เคทซึมซับภาษาของบทหนังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เหมือนกับไมเคิล ทำให้มันดูเหมือนง่าย  สำหรับนักแสดงเก่งๆ บทหนังที่มีจังหวะแบบดนตรีของซอร์กิ้น ก็เหมือนเป็นญาติพี่น้องสำหรับพวกเขา  พวกเขาเดินเข้าไปหามัน และรู้สึกกับมันได้ทันที และคุณสามารถได้ยินได้ทันที  มันคล้ายกันมากกับการฟังนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่สักคนที่คุณเพิ่งให้เพลงของโมสาร์ทกับเขา และเขาสามารถบรรเลงมันได้เลย

                 ซอร์กิ้นได้รับอิทธิพลอย่างมากจากยุคสมัยของเขาและจากการพูดคุยกับโจแอนนา ฮอฟฟ์แมนตัวจริง  และเขาทำให้ตัวละครของเธอเป็นบุคคลสำคัญในบทหนัง ถึงแม้เธอจะถูกพูดถึงแค่ไม่กี่หน้าในหนังสือของวอลเทอร์  ในหนังของเรา มันคือเรื่องราวของเธอด้วย  โจแอนนาตระหนักถึงความผิดของเธอในท้ายที่สุด ที่ไม่บังคับให้สตีฟเยียวยาความสัมพันธ์ของเขากับลิซ่าก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย  ฉากนั้นเป็นฉากที่กระทบใจจากสิ่งที่เขียนในบทหนังและการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเคท เธอเข้าใจการมีส่วนเกี่ยวข้องของเธอในเรื่องนั้น

คุณช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยเกี่ยวกับวิธีการเข้าถึงบทสตีฟ วอซนิแอคของเซธ โรเกน

                 มันยิ่งกว่าล้ำค่าที่ได้สตีฟ วอซนิแอคตัวจริงมาอยู่ด้วยในช่วงที่เราซ้อม และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขากับจ็อบส์และแอปเปิ้ลให้เราฟัง  เซธมีแก่นของความเป็นวอซตั้งแต่เริ่มต้นเลย  ผมบรรยายเป็นคำพูดไม่ถูก มันมีบางอย่างในการแสดงของเซธที่เข้าถึงรากของตัวละครวอซ  อย่างที่บางทีคุณก็โชคดี ที่ได้พบว่าในคนที่เป็นคนตลกมาก จะมีนักแสดงที่เอาจริงเอาจังมาก มีความทะเยอทะยานและสัญชาตญาณ และมีทักษะอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน

                 วอซเชื่อว่าคนเราสามารถเป็นคนดีและมีพรสวรรค์ได้ในเวลาเดียวกัน และนั่นคือไอเดียสำคัญที่ดำเนินไปตลอดช่วงของหนัง  วอซต้องทนแบกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เรื่องที่เขาพยายามทำให้สตีฟยอมรับว่าอดีตมีบทบาทสำคัญในกระบวนการของการสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับนวัตกรรม   แต่สตีฟมีความคิดสำหรับสิ่งเดียวเท่านั้น คือนวัตกรรม  สำหรับสตีฟ มันมีแค่อนาคตซึ่งเขามุ่งหมายไป  สิ่งที่วอซบอกก็คือ ใช่ นวัตกรรมมีบทบาทในการสร้างสรรค์ แต่นวัตกรรมก็ต้องพึ่งพาคนรุ่นก่อนหน้าเราเช่นกัน  คุณยืนอยู่บนบ่าของคนอื่นเสมอ  และความสง่างามในการสังเกตเห็นนั้นทำให้คุณสามารถนับว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มของพวกเขาได้  การที่เพื่อนสนิทที่สุดในโลกของเขา และคนที่เขาร่วมฝันมาด้วยกันในการสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไม่สามารถยอมรับในสิ่งนี้  สร้างความขัดแย้งให้เขาอย่างมาก  เซธถ่ายทอดความรู้สึกของการมองในแง่ดีและความปวดร้าวที่ไม่มีสิ้นสุดของมิตรภาพนี้ออกมาได้อย่างงดงามมาก

ดนตรีประกอบบอกเล่าเรื่องราวอะไรบ้างในแต่ละองก์ของหนัง  อยากให้คุณพูดถึงวิธีการของคุณ และแดเนียล เพมเบอร์ตัน คนทำดนตรี ในการทำดนตรีประกอบ

                 องก์แรกได้อิทธิพลจากเสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแรกๆ  คนดูกลุ่มใหญ่ของหนังคือคนที่เกิดในยุคดิจิตอล และมันเป็นอย่างนั้นมากขึ้นทุกปีๆ  พวกเขาจำไม่ได้ว่ายุคแรกๆของการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีเป็นยังไง จำไม่ได้ตอนที่เสียงแบบดิจิตอลเกิดขึ้น ซึ่งในเวลานั้นดูเหมือนแทบจะเป็นเรื่องของอนาคต  ความคิดนี้ทำให้ผมสนใจ และแดเนียลก็ใช้เสียงแบบย้อนยุคทำดนตรีออกมาได้ไพเราะมาก  ในองก์ที่สองมีสองมูฟเม้นต์ มูฟเม้นต์แรกจะเป็นประมาณโอเปราเบาๆ เป็นดนตรีแบบกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ซึ่งให้อารมณ์สนุกสนานและขี้เล่น  มูฟเม้นต์ที่สองก็เป็นแบบโอเปราเช่นกัน แต่เพิ่มความแรงขึ้นเมื่อเรื่องราวเดินเข้าสู่บทสรุปที่มีพลังของมัน  ในองก์นี้ยังมีการตัดสลับกับฉากที่สกัลลีย์และจ็อบส์อยู่ด้วยกันในช่วงหลายปี  องก์ที่สามมีดนตรีไม่มาก แต่ก็งดงาม  ไม่เยอะและเรียบง่าย คล้ายผลิตภัณฑ์ของจ็อบส์

ในจุดหนึ่งของหนัง สตีฟเปรียบเทียบบทบาทของเขาว่าเหมือนกับวาทยากรวงออร์เคสตร้า ในขณะที่เขาไม่ใช่นักดนตรีและไม่ได้เล่นเครื่องดนตรีใดๆ งานของเขาไม่ใช่การเล่นเครื่องดนตรี งานของเขาคือการเล่นวงออร์เคสตร้า  คุณพอจะขยายความได้มั้ยว่าเขาหมายความว่ายังไง

                 จ็อบส์ไม่ได้เป็นเอนจิเนียร์หรือโปรแกรมเมอร์  ความเชี่ยวชาญของเขาในฐานะเอนเจิเนียร์อยู่ในระดับพื้นฐานมาก แต่เขาสามารถรวบรวมคนเก่งๆเหล่านี้มาไว้ด้วยกัน  อันที่จริง นั่นคือสื่งที่คุณทำในฐานะผู้กำกับ  ผมไม่เข้าใจการทำงานของกล้องหรืออุปกรณ์ไฟในแบบที่หัวหน้าแผนกหรือผู้เชี่ยวชาญในฟิลด์นั้นเข้าใจอุปกรณ์พวกนั้น   แน่นอนว่าผมทำเสื้อผ้าก็ไม่เป็น แต่ผมสามารถ (หวังว่านะ) รวบรวมความสามารถของผู้ชำนาญงานเหล่านี้มาไว้ด้วยกันได้

คุณหวังว่าคนดูจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้

                 ผมหวังว่าเมื่อคนดูได้ดูหนัง พวกเขาจะเห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปยังไงจากสิ่งที่บุคคลคนนี้สามารถทำได้ ผ่านแรงผลักดันที่รุนแรง ความฉลาดหลักแหลม การทุ่มเทอย่างบ้าคลั่ง  และความปรารถนาอย่างแรงกล้าของเขา  แต่ก็ส่งผลในด้านส่วนตัวของเขาด้วยเช่นกัน   สำหรับความอัจฉริยะด้านวิสัยทัศน์ทั้งหมดทั้งปวงของเขา  การเข้าใจตัวเองและความเป็นมนุษย์อย่างถ่องแท้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขาเข้าใจ ว่าตัวเขาเองถูกสร้างมาอย่างไม่สมบูรณ์

                 แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ไม่สามารถบอกให้คุณเข้าใจหนังของเราได้มากไปกว่าที่สตีฟ จ็อบส์จะสามารถบอกคุณ ว่าควรจะเขียนอะไรลงใน iPad ของคุณ!  ในฐานะคนเล่าเรื่อง คุณอยากทุ่มเทให้กับบางสิ่งที่สวยงามถ้าคุณทำได้  แล้วก็อยากมอบสิ่งนั้นให้กับคนอื่นๆ  และความสวยงามและความน่ากลัวของอาชีพนี้คือ มันขึ้นอยู่กับคนดู ว่าพวกเขาจะค้นพบอะไรในงานชิ้นนั้น 





« Last Edit: November 29, 2015, 06:32:02 PM by happy »