happy on October 22, 2015, 05:47:14 PM

REGRESSION

จัดจำหน่ายโดย                   HANDMADE DISTRIBUTION

ชื่อภาพยนตร์                     REGRESSION  (รีเกรสชั่น สัมผัส...ผวา )

ภาพยนตร์แนว                    ระทึกขวัญ

จากประเทศ                        ประเทศสเปน , แคนาดา

กำหนดฉาย                        29 ตุลาคม 2558

ผู้กำกับ                              Alejandro Amenabar (อเลฮันโดร อเมนาบาร์)     
                 
ลิงค์ตัวอย่างภาพยนตร์          https://youtu.be/kXKkuR6Meb8

-นักแสดงนำ-

Emma Watson (เอ็มม่า วัตสัน)     รับบท     Angela Gray  (แองเจลล่า เกรย์)  ผลงานที่ผ่านมา  Beauty and the Beast , Harry Potter saga
 
Ethan Hawke (อีธาน ฮวอว์ค)    รับบท  Bruce Kenner  (บรูซ เคนเนอร์) ผลงานที่ผ่านมา Boyhood , Training Day
 
David Thewlis  (เดวิด ธิวลิส)        รับบท     Kenneth Raines (เคนเนธ ไรเนส ) ผลงานที่ผ่านมา The Theory of Everything , Harry Potter
 
Lothaire Bluteau (โลตารี่ บลูโต)  รับบท Reverend Murray(รีเวอร์เรนด์ โบมอนด์) ผลงานที่ผ่านมา The Tudors
 
Dale Dickey (เดลล์ ดิคคีย์)  รับบท Rose Gray  (โรส เกรย์) ผลงานที่ผ่านมา Winter´s Bone, True Blood
 
David Dencik (เดวิด เดนซิค)  รับบท John Gray (จอห์น เกรย์) ผลงานที่ผ่านมา Tinker, Tailor, Soldier, Spy, The Girl with the Dragon Tatoo


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=kXKkuR6Meb8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=kXKkuR6Meb8</a>




-เรื่องย่อ-

                 รัฐมินิโซลต้า , ปี 1990. นักสืบ บรูซ เคนเนอร์ (รับบทโดยอีธาน ฮวอว์ค ) กำลังสืบสวนคดีของหญิงสาวที่ชื่อ แอนเจลล่า (รับบทโดยเอ็มม่า วัตสัน) ที่กล่าวหาพ่อตัวเอง จอห์น เกรย์ (รับบทโดยเดวิด เดนซิค)  ในคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากระทำความผิดนั้น  ด้วยเหตุนี้จึงต้องเพิ่งจิตแพทย์ ดร.เรนส์ (เดวิด ธิวลิส) ที่จะต้องช่วยฟื้นความทรงจำที่ปิดกั้น และเมื่อสำเร็จความทรงจำก็เปิดเผยเรื่องที่น่ากลัวที่สุดออกมา

                 “Regression รีเกรสชั่น สัมผัส…ผวา” เป็นการประชันบทบาทระหว่าง นักแสดงรางวัล    ออสการ์ อีธาน ฮวอว์ค  (ผลงาน Boyhood, Training Day) และ  เอ็มม่า วัตสัน ( ผลงาน Beauty and the Beast, Harry Potter saga)  ร่วมด้วยนักแสดงชื่อดังอย่าง เดวิด ธิวลิส ( ผลงาน The Theory of Everything, Harry Potter) , เดวิด  เดนซิค (ผลงาน Tinker, Tailor, Soldier, Spy, The Girl with the Dragon Tatoo), เดลล์ ดิคคีย์ (ผลงาน Winter´s Bone, True Blood), โลทารี่ บลูโต (ผลงาน The Tudors) และ เดวอน โบสติ๊ก ( ผลงาน  Diary of a Wimpy Kid). กำกับการแสดงโดยผู้กำกับมากรางวัลอย่าง “อเลฮันโดร อเมนาบาร์” ที่เคยฝากฝีไม้ลายมือการกำกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง  The Others ที่กวาดรายได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญ




เวอร์ชั่นใหม่ของภาพยนตร์สยองขวัญ

                 อเลฮันโดร อเมนาบาร์ กลับคืนจอเงินด้วยภาพยนตร์เรื่อง Regression ซึ่งนำเสนอเรื่องราวสืบสวนสอบสวน โดยย้อนยุคไปยังปี 1996 ภาพยนตร์เรื่อง Regression เวอร์ชั่นย้อนยุคกำลังจะมา อเมนาบาร์ กล่าว “…สำหรับผมเรื่องนี้มันเหมือนกับการหวนคืนไปหาเรื่องลึกลับอีกครั้ง มันเหมือน กลับไปยังจุดเริ่มต้นของอาชีพภาพยนตร์เลยภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนมีมนต์สะกดด้วยพลังงานแบบหลอนๆ ที่ทำให้ตาค้างได้ เรื่องราวมันหลอนประสาทซึ่งมีความจริงกับความฝันเหมือน The Others ที่มีลักษณะของภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนแนวคลาสสิค ซึ่งผมใช้มันผลักดันตัวเองในการทำงาน การผลักดันตัวเองพลังงานแบบนั้นคุณสามารถหาได้จากบางอย่างที่แตกต่างออกไป นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงศึกษาภาพยนตร์ประเภทต่างๆ ทั้งดราม่า สยองขวัญ สืบสวน…”

                 ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ อเลฮันโดร อเมนาบาร์ ไม่ได้มุ่งไปแค่เรื่องสืบสวนสอบสวนอย่างเดียวอ้างอิงจากที่เฟอร์นานโด โบเวียร่า ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า “…ภาพยนตร์เรื่อง Regression เป็นภาพยนตร์ที่มีการผสมผสานอารมณ์ต่างๆเอาไว้ ซึ่งสิ่งนี้แหละที่จะช่วยอเลฮันโดร ในการอ่านจิตใจที่ซับซ้อนของมนุษย์ได้ แม้ว่าภาพยนตร์จะมีอารมณ์ที่ผสมผสานกัน แต่บางอย่างที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้บอกได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเป็นแนวภาพยนตร์สยองขวัญ แม้ว่ามันจะมีอารมณ์ระทึกขวัญแนวจิต วิทยาในรูปคดีที่คุมโทนของเรื่องอยู่ มันมีการผสมผสานกันของเรื่องราวระทึกขวัญและสยองขวัญตามแบบฉบับของภาพยนตร์อเมริกัน อย่างเรื่อง The Exorcist, Rosemary’s Baby... ซึ่งทั้งหมดนี้มันเป็นส่วนประกอบที่น่าสนใจที่ผมอยากจะนำกลับมาใช้อีก ส่วนภาพยนตร์เรื่อง The Others ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ในยุค 40, 50 หรือ 60 ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ในยุค 70 ผมต้องการนำเอาบรรยากาศของภาพยนตร์ในยุคนั้นมาใช้มากกว่านั้นผม ต้องการทำเรื่องที่ผมต้องการบอกเล่านี้จริงๆ”

                 “…เมื่ออเลฮันโดรวางแผนจะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้และเสนอผม เขาบอกว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องราวมันสำคัญมากที่จะต้องสร้างออกมาให้น่าเชื่อถืออยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่าคุณต้องรู้สึกได้ว่าคุณกำลังดูหนังในยุค 70 อยู่ให้ได้อารมณ์องค์ประกอบอื่นๆ คำพูด จะต้องสื่อออกมาให้ได้อารมณ์ของยุคนั้น  เขาต้องการสื่อถึงตัวละครแต่ละตัวให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของตัวละครที่บอกเล่าเรื่องราวเราจะต้องไม่ใช้อะไรที่คนยุคนี้เขาให้ในการสร้างเรื่องระทึกขวัญ เราจะสร้างให้เรื่องราวมันเข้มข้นและเปิดเผยตัวเองอย่างช้าๆ แทน…” เดเนี่ยล อรันโย ผู้กำกับภาพกล่าว.




ด้านมืดของมนุษย์

                  แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ในช่วงยุค 80 ของสหรัฐ “…ภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดเรื่องราวของการสะท้อนภาพปีศาจและการสำรวจความหนักแน่นของจิตใจ การหาข้อมูลเพื่อเขียนบทนั้นจะดูวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองอำนาจของศาสนาสภาพสังคมของสหรัฐในยุคนั้นและต้องพยามสื่อออกมาให้มีความเป็นสากลมากที่สุด มันมีข่าวมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ในยุคนั้นที่ตำรวจสืบสวน การขอคำปรึกษาทางจิตวิทยาความเชื่อและยึดถือเรื่องราว เกี่ยวกับไสยศาสตร์ที่กลายเป็นส่วนเล็กๆที่เราจะต้องเอามาประกอบกันเป็นจิ๊กซอว์ที่น่ากลัวหรืออาจจะบอกว่าดูเหมือนเป็นลัทธิทางซาตานก็ว่าได้…” เฟอร์นันโด โบเวียร่า กล่าว

                  อเลฮันโดร อเมนาบาร์ กล่าวเสริมว่า “…ข้อกล่าวหาหรือแม้แต่คำสารภาพต่างก็สร้างบาดแผลให้เกิดขึ้นได้ ทั้งกับครอบครัวและกับสังคม หลายคดีสร้างผลกระทบกลายเป็นอาชญากรรมที่รุนแรง และมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่จะกลับไป ทบทวนเรื่องราวเหล่านั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุค 80-90 โดยอาศัยมุมมองของคนในยุค 21…”

                  เฟอ นันโด กล่าวว่า “…การศึกษาเรื่องสมองยังเป็นเรื่องใหม่ของนักวิทยาศาสตร์ เรามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยมากแม้ว่าศาสนาและวิทยาศาสตร์จะมีความเชื่อที่แตกต่างกันอยู่ สีเฟ่น เจย์ กูด นักจิตวิทยาก็มีความเชื่อว่ามันมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ ในเรื่องไสยศาสตร์และจิต ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไรเนส และรีเวอร์เรนด์ โบมอนด์ บาทหลวงและนักจิตวิทยา ต่างมีจุดยืนกันอยู่คนละศาสตร์ แต่ทั้งคู่ก็มีความคิดที่ใกล้เคียงกันและมีความเหมือนกันอยู่มาก…”

                  เมื่อมีคดีเกิดขึ้นตอนต้นเรื่อง ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเริ่มศึกษามีมุมมอง และเริ่มเข้าสู่ด้านมืด  ทุกอย่างจะเริ่มต่อสู้กับเวลาเพื่อหาหลักฐานที่จะคลายความสงสัยของพวกเขา และส่งผู้กระทำความผิดเข้าคุก “…มันเป็นเรื่องของการเติบโตทางจิตวิญญาน บทบาทที่สำคัญถูกถ่ายทอดออก ไปผ่านทางพยานหรืองานเขียน เกี่ยวกับประสบการณ์ซาตาน ที่ทั้งหมดต่างมีอิทธิพลในการสร้างภาพยนตร์นี้ทั้งสิ้น…” ผู้กำกับกล่าว.

                  เราจัดฉากเป็นชุมชนเล็กๆ ย่านมิดเวสต์ การสร้างเมืองก็มีส่วนสำคัญในการเล่าเรื่อง ผู้กำกับและ เขียนบทอธิบายว่า “…ย่านมิดเวสต์ เป็นหนึ่งส่วนที่สำคัญในการสร้างพื้นที่ที่ดูเหมือนเป็น โลกเล็กๆ ในภาพยนตร์ เราจะเห็นชุมชนชาวอเมริกัน ที่มีบ้านกระจัดกระจายกันอยู่ตามพื้นที่ที่ทุกคนต่างรู้จักกัน ในบางมุมที่มืดก็มีความรู้สึกเกรงกลัวที่จะกระทำความผิดอยู่ และความผิดและความละอายนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะให้น้ำหนักกับตัวละครแต่ละตัวอะไรที่กระตุ้นความกลัวในแต่ละคน…”

                  เฟอร์นันโด โบเวียร่า กล่าวว่า “ …ภาพยนตร์เรื่อง Regression เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความกลัว และเป็นการเผชิญหน้ากับความกลัว บางครั้งความกลัวก็กลับมาหาเรารูปแบบของฝันร้าย มันเป็นโครงเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรมที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้กระทำ การสืบสวนหาความจริงจึงเริ่มขึ้น จากนักสืบที่ประสบความสำเร็จในการสืบสวน ในภาพยนตร์เรื่องนี้ บรูซ ตัวละครหลักจะต้องทำการ สรุปคดีที่จะกลายเป็นกับดัก ชายที่กำลังตามหาความจริงกลับต้องเป็นคนที่สวดอ้อนวอนเสียเอง…”

คนและชุมชน

                   Regression ได้นักแสดงอเมริกันมากฝีมืออย่าง อีธาน ฮอว์ค (ผลงาน Boyhood, Training Day) มารับบท ร่วมกับนักแสดงหญิงชาวอังกฤษ เอ็มม่า วัตสัน (ผลงาน Beauty and The beast, Harry Potter).

                   “…บรูซ เคนเนอร์ รับบทโดย อีธาน เป็นชายที่ฉลาดและน่านับถือคนหนึ่งในเมือง และ แองเจลล่า รับบทโดย เอ็มม่า เป็นเหมือนเทพธิดาตัวน้อยที่มาจุติในโลก เป็นคนที่พูดน้อย แต่เวลาพูดทีก็เรื่องใหญ่…” อเลฮันโดร กล่าว

                   “…ตัวละครที่ผมได้รับบทบาทเป็นเหมือนปริศนา สำหรับผม…” อีธานกล่าว

                   อเลฮันโดร กล่าวว่า “…เมื่อเราเริ่มการถ่ายทำ อีธานบอกว่ามันเป็นเรื่องของผู้ชายที่ง่วงอยู่ตลอดเวลา แต่ผมตอบไปว่า ไม่หรอก เรื่องราวมันสื่อถึงคนที่กำลังจะตื่นต่างหาก ผมคิดว่าเขาศึกษาตัวละคร ที่เขาได้รับบทอยู่ บทของนักสืบที่ฉลาดที่สุดในเมือง แต่ดูเป็นคนที่เหมือนเดินละเมออยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือการทำงานของอีธาน เขาศึกษาตัวละครเขาสามารถวางได้ว่าเขาจะ เล่นประมาณไหน กับบทของคนอึดๆ ที่สุดท้ายแล้วกลัวการเผชิญหน้ากับความจริง…”

                   ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มจากข้อกล่าวหาที่แองเจลล่า เด็กวัยุร่นผู้หญิงขี้อายพูดขึ้นมา คนที่ไม่เคยพูด อะไรกลับพูดเรื่องที่ร้ายแรงนี้ “…นี่เป็นบทที่หนักมากที่ฉันเคยเล่น แองเจลล่าเป็นคนที่ มีชีวิตยากลำบาก เธอเติบโตมาในบ้านที่มีคนติดเหล้าถึงสองคน ทั้งยายและแม่ต่างตายในอุบัติเหตุ รถยนต์ ซึ่งมันเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อน…” เอ็มม่ากล่าว.

                   ทำไมถึงเลือกนักแสดงชาวอังกฤษมาเล่าเรื่องราวของครอบครัวอเมริกัน? อเลฮันโดร กล่าวว่า “ …เอ็มม่า วันสัน เป็นผู้หญิงที่ถือว่าเป็นนักแสดงอัจฉริยะคนหนึ่ง เธอทำความเข้าใจกับบทและตัวละคร ได้อย่างถ่องแท้ เวลาที่เราจะสร้างภาพยนตร์เราต้องการนักแสดงที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้อย่าง ละเอียด มีความเข้าใจในตัวละคร ซึ่งที่พยามจะบอกคือ เอ็มม่าเป็นคนที่เข้าใจและสามารถสื่อถึง ความเป็นตัวละครตัวนั้นได้อย่างดีเยี่ยม…”

                   อีกอย่างที่ถือว่าท้าทายมากคือการคัดเลือกนักแสดงที่จะสามารถอธิบายถึงทฤษฎีแห่งความเสื่อมที่ เกิดขึ้นในเรื่องนี้ เราต้องหาคนที่สามารถแสดงออกถึงตัวละครแต่ละตัวเพื่อบอกเล่าเรื่องราว “…ตอนที่ เราพูดถึงทฤษฎีการรักษาทางจิต เดวิด ธิวลิสก็พัฒนามากขึ้นๆ ในทุกครั้ง…” อเลฮันโดร กล่าว.

                   นักแสดงชาวอังกฤษกล่าวเสริมว่า  “…ไรเนสเป็นจิตแพทย์และเขาก็พยามช่วยแต่ว่าเขาเป็นคนที่หัว แข็ง  เขายืนกรานที่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องศาสนาหรือนิกายใดๆ ซึ่งเขาจะดูต่างจากหลวงพ่อโบมอนท์ เขาดูเป็นนักวิทยาศาสตร์ เขาแค่ต้องการไขคดีให้เป็นไปแบบเป็นขั้นเป็นตอน ทุกอย่างมีเหตุมีผล และเขาคิดว่าเรื่องที่เขาคิดนั้นถูกต้อง ซึ่งนั่นทำให้ไรเนสจริงๆ แล้วเป็นตัวที่ก่อปัญหามากที่สุด…” อย่างที่ เดวิด ธิวลิส อธิบาย ตัวละครที่เขาได้รับและบท รีเวอร์เรนด์ โบมอนด์ ต่างเหมือนเป็น คู่ขนานกันในเรื่อง “…โบมอนต์เป็นนักบวชที่อยู่ตรงกันข้ามกับปีศาจ มันเหมือนเป็นเหรียญสองด้าน ที่อยู่ระหว่างวิทยาศาสตร์และความเชื่อ ผมเล่นเป็นชายที่มีศรัทธาแรงกล้า เชื่อในพระเจ้า แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่หัวรุนแรงนะ ผมเป็นคนที่ต้องเชื่อมโยงกับผู้ชม ผมชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการ เปิดกว้างให้ผู้ชมได้เลือก…”

                   การหาสมาชิกที่เหลือของครอบครัวเกรย์ ซึ่ง จีน่า เจย์ รับหน้าที่หานักแสดง ซึ่งเธอได้ร่วมงานกับ  อเลฮันโดรตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง The Others สำหรับจอห์น เกรย์ พ่อของแองเจลล่า อเลฮันโดรเลือกนักแสดงชาวสวีเดน เดวิด เดนซิค มารับบทนี้ “…เดวิดเป็นคนที่เราเลือกให้มารับบทของจอห์น เขาเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ เราต้องการคนที่ดูอันตรายนิดๆ เราก็ได้เดวิดมาซึ่งเขาดู เต็มไปด้วยเลห์เหลี่ยมและเปราะบาง ซึ่งจะทำให้สื่ออารมณ์ตัวละครได้มากขึ้น เขาดูเป็นคนที่เปราะบาง และเขาก็เป็นคนที่ดูละอายมากพอแต่ขณะเดียวกันเขาก็ดูน่ากลัวในแววตาที่ดำมืด เหมือนกับ ว่าเขากำลังซ่อนบางอย่างอยู่ ทั้งบทภาพยนตร์และบทบาทถูกเขียนมาอย่างดี มันเป็นเรื่องเล็กๆที่มี ความซับซ้อนสูงมาก ทุกครั้งที่ผมอ่านบทผมก็พบมุมใหม่ๆ เสมอ…” เดนซิค กล่าว.

                   สำหรับโรส แม่ของจอห์น ก็ได้ เดลล์ ดิคคีย์ มารับบท “…เธอเป็นคนที่น่ารัก และเธอสามารถ แสดงอารมณ์ได้ในทุกบทบาท ทั้งบทโกรธ หรือว่า สับสน… “

                   ครอบครัวของเกรย์ คนสุดท้าย คือ รอย พี่ชายที่หายไปของแองเจลล่า รับบทโดย นักแสดง ชาวแคน นาดา เดวอน โบสติ๊ก “…เขาเป็นคนที่วิเศษมาก เขาเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับคนหนึ่งที่ แคนนาดา…”  อเลฮันโดรกล่าว.

การถ่ายทำระดับโลก สำหรับผู้ชมนานาชาติ

                   Regression เป็นภาพยนตร์ที่มีทุนสร้างถึง 20 ล้านดอลลาห์ ใช้เวลาถ่ายทำถึง 12 สัปดาห์ และถ่ายทำทั้งที่เสปนและแคนนาดา โดยเริ่มจากสเปนก่อนแล้วค่อยไปที่แคนนาดา  “…เรื่องสถานที่ถ่ายทำนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะฉากสามารถเล่าเรื่องได้ และจากงบประมาณเราสามารถสร้างภาพยนตร์ที่มีฉากด้านนอกอยู่ที่อเมริกาเหนือ และฉากด้านในเป็นเสปนได้ ซึ่งเราแบ่งออกเป็นฉากย่อยๆ และถ่ายเก็บเอาไว้ซึ่งแบ่งตารางการถ่ายทำอย่างชัดเจน เราเลือกฉากด้านนอกเป็นอเมริกาเหนือเพราะเราชอบในภูมิทัศน์ ถนน ฟาร์มซึ่งดูแล้วสามารถเล่าเรื่องได้อย่างสมจริง…”  อเลฮันโดร อเมนาบาร์กล่าว.

                   ส่วนที่เสปนเราคัดเลือกทีมงานและเริ่มหาสถานที่ถ่ายทำต้น กพ. เราย้ายสถานที่ ถ่ายทำมาที่  แคนนาดา การถ่ายทำเริ่มตอนกลางเมษายน 14 และเสร็จกลางเดือนมิถุนายน “…โตรอนโตเป็นสถานที่ที่เหมาะกับงบประมาณมากและมันก็เป็นเมืองที่ภาพยนตร์หลายเรื่องเลือกใช้ ซึ่งทีมงานและอุปกรณ์ต่างๆ ก็พร้อมมาก…” คูลโด ซัวซัว ผู้ช่วยฝ่ายผลิตกล่าว

                   “…ที่มินิโซต้าเหมาะที่จะเป็นฉากของภาพยนตร์ระทึกขวัญ พูดจริงๆเลยคือมินิโซต้าจริงๆจะเหมือนกับ ฟาร์โก ทุกอย่างดูสะอาด คุก ถนน บ้าน แต่เราทำให้มันดูสกปรกเอง สถานีตำรวจที่ต้องแชร์พื้นที่กับหน่วยงานอื่น และคนพลุกพล่าน นี่คือรอยรั่วที่เกิดขึ้นบ้านของเกรย์ก็จะต้องมีบรรยากาศอะไรแบบนี้ด้วยเหมือนกัน…“ ผู้กำกับกล่าว

                   สถานที่ถ่ายทำและการจัดไฟก็สำคัญ “…สำหรับงานของผม อเลฮันโดรต้องการถ่ายทำฉากภายนอก ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ซึ่งเราเรียกมันว่าชั่วโมงทอง มันเป็นช่วงเวลาที่บอกลำบากไม่ใช่กลางคืน ไม่ใช่กลางวันแสงไม่แรง แต่ก็ไม่หม่น คุณจะไม่รู้ว่าอะไรที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงาที่เกิดขึ้น เราใช้เวลาจัดไฟถึงสามเดือนผมดูสถานที่ต่างๆเดินทางไปพร้อมๆกับเขาและเลือกสถานที่ด้วยกัน…” เดเนี่ยล อรันโย กล่าว.
« Last Edit: October 22, 2015, 06:13:02 PM by happy »