MSN on April 21, 2015, 02:58:57 PM
KTAMมั่นใจศักยภาพหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เปิดIPOกองทุนKTMSEQวันที่22-29เม.ย.
 
          นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) ในวันที่ 22-29 เมษายน 2558 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประเภท

          ตราสารทุนของบริษัทขนาดกลาง และ/หรือขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหรือ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) กำหนด

          กองทุนนี้เหมาะสมกับเงินลงทุนของผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาส ในการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุน ของบริษัทขนาดกลาง และ/หรือขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ ซึ่งเหมาะสมกับการลงทุนในระยะปานกลางถึงระยะยาว กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่เวลาเปิดทำการถึง 15.30 น.โดยการขายคืนหน่วยลงทุน ผู้ลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืนภายใน 4 วันทำการนับจากวันที่ทำรายการขายคืน

          นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 118.22 จุดแตะระดับสูงสุดของปีที่ 1,615.89 จุด คิดเป็น 7.89% หลังจากนั้นได้ค่อย ๆ ปรับตัวลงมาตลอดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ จนเกือบสิ้นไตรมาส 1 หลังจากได้เริ่มมีการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่กดดันต่อมูลค่าของ SET Index เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรงตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาส่งผลให้ P/E ของตลาดปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่กดดันภาพรวมของ SET Index ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกถึงแม้ว่า P/E ของตลาดจะอยู่ในระดับสูง แต่ยังคงมีหลักทรัพย์หลายตัวที่ผลประกอบการในปีที่ผ่านมามีการเจริญเติบโต และมีศักยภาพที่จะเติบโตในปีนี้และปีหน้า

          “อย่างไรก็ตามแม้ ตลาดหลักทรัพย์ยังต้องเผชิญกับความผันผวนดังกล่าวข้างต้น และP/E ของตลาดจะอยู่ในระดับสูง แต่บลจ.กรุงไทย ได้มองเห็นถึงศักยภาพกลุ่มหลักทรัพย์ที่คาดว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ ถึงแม้จะมีความผันผวนจากปัจจัยดังกล่าว นั่นคือ หุ้นในกลุ่มขนาดกลาง และเล็ก ที่ยังคงมีศักยภาพในการเจริญเติบโตของผลประกอบการที่ดี ซึ่งที่ผลประกอบการมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี เมื่อพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาพบว่าให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ (Large Caps)”นางชวินดา กล่าว

          ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย นักลงทุนจึงหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เมื่อมองปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์ในกลุ่ม Mid-Small caps มีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับ Large caps โดยมีแนวโน้มการเจริญเติบโตของผลประกอบการที่ดีกว่า และมีมูลค่าไม่แพงเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม Large caps โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี Mid-Small ให้ผลตอบแทนสูงถึง 130.20%ในขณะที่ SET50 ให้ผลตอบแทน 78.7% ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 หรือเมื่อมองเป็นรายปี ก็ยังพบว่าหุ้นในกลุ่ม Mid-Small caps ให้ผลการดำเนินงานที่ดีมากในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งสภาวะตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ กำลังอยู่ในช่วงดังกล่าว

          ทั้งนี้บริษัทจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์เป็นรายตัวที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ การอุปโภค บริโภคภายในประเทศที่น่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่ม Mid-Small caps อยู่แล้ว โดยมีแนวทางการลงทุนโดยใช้กลยุทธ์ในการคัดสรรหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไร ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและได้รับประโยชน์จากการบริโภค อุปโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยฝ่ายจัดการลงทุนร่วมมือกับฝ่ายวิจัยของบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนถึงเป้าหมายตามที่ได้คาดการณ์ไว้

          “ เป้าหมายดัชนีในปีนี้ บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ 1,680 จุด ดังนั้น โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี จากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นไปได้ไม่ยากเมื่อเทียบกับดัชนี ณ ปัจจุบันนี้ บริษัทจึงมองว่าเป็นโอกาสดีและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการจัดสรรเงินบางส่วนเพื่อลงทุนบนความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี”นางชวินดา กล่าว