happy on March 05, 2015, 06:35:44 PM
ดัชมิลล์ ชูหมัดเด็ดส่งแบรนด์ “อาราบัส” ลุยตลาด มั่นใจถูกใจคอกาแฟไทย


                กลุ่มดัชมิลล์ สบช่องตลาดกาแฟ เปิดตัว “อาราบัส” พรีเมี่ยมคอฟฟี่ รุกตลาดกาแฟ 3 อิน 1 และกาแฟถ้วยพร้อมดื่ม ชูจุดขายจากราชากาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้า 100%  เผยทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ตลาด 360 องศา จัดกิจกรรมครบวงจร สร้างทางเลือกใหม่ ตั้งเป้าแชร์ 10% และพร้อมก้าวสู่ Global Dairy House company หลังเปิดเออีซี

                “ธีรชัย เลาก่อสกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจใหม่และธุรกิจระหว่างประเทศ  กลุ่มบริษัทดัชมิลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดกาแฟเมืองไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี และมีโอกาสที่จะขยายตัวอีกมาก จากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยที่นิยมดื่มกาแฟมากขึ้น และเทรนด์ร้านกาแฟสดที่กำลังเป็นที่นิยม ทำให้ดัชมิลล์เห็นโอกาสในเจาะเซ็กเม้นท์ตลาดกาแฟใหม่ๆ รวมไปถึงปัจจัยที่จะส่งผลให้ตลาดกาแฟเมืองไทยเติบโต คือ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย


                ปัจจุบันตลาดกาแฟเมืองไทย แบ่งออกเป็น 4 เซกเม้นท์หลัก ได้แก่ กาแฟ 3 in 1 มีมูลค่า 15,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 48.5  กาแฟพร้อมดื่ม  มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 กาแฟผงสำเร็จรูป มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 และกาแฟฟังก์ชั่นนอล 3 in 1 มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.5 ขณะที่กลุ่มผู้ดื่มจากเดิมที่เป็นที่นิยมในกลุ่มบลู คอลล่าร์ ก็ขยายสู่กลุ่มไวท์ คอลล่าร์มากขึ้น ทำให้เป็นโอกาสในการขยายตัวของตลาดตามไปด้วย

                เมื่อมีปัจจัยบวก ก็ต้องมีปัจจัยลบ “ธีรชัย” บอกว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดกาแฟคือ การที่มีผู้ประกอบการน้อยราย ส่งผลให้ตลาดไม่มีนวัตกรรม หรือมีการพัฒนาที่ช้า โดยเฉพาะในด้านคุณภาพ ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปแบบการทำตลาดให้ทันกับความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า พฤติกรรมคนไทยหันไปบริโภคกาแฟสดมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของแบรนด์กาแฟสด ในการเข้ามาทำตลาดเมืองไทยมากขึ้น




                อย่างไรก็ดีจากช่องว่างดังกล่าว ทำให้บริษัทมองเห็นเป็นโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ๆ ของกาแฟ จึงเป็นที่มาของแบรนด์ “อาราบัส”

                จุดเด่นที่สำคัญของอาราบัส คือเป็นกาแฟพรีเมี่ยม ผลิตจากกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาของกาแฟ” (King of Coffee) ซึ่งคอกาแฟทั่วโลกนิยมดื่มกว่าร้อยละ 80  ด้วยจุดเด่นที่มีรสชาติเข้ม กลมกล่อม มีกลิ่นหอมชวนดื่มและอบอวลในปาก ต่างกับสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ส่วนใหญ่มีขายอยู่ในตลาดประเทศไทย ซึ่งมีรสชาติขม และมีกลิ่นไหม้ ฉุน ราคาถูก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของอาราบิก้า ทำให้ “อาราบัส” กลายเป็นกาแฟระดับพรีเมี่ยมที่มีรสชาติกลมกล่อม หวังเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ครอบครัว และแม่บ้านสมัยใหม่ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ โดยเฉพาะรสชาติแบบกาแฟสด โดย “อาราบัส” กาแฟ 3 in 1 มีวางจำหน่าย 2 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินอล และรสเอสเพรซโซ่ แบบซอง ขนาด 20 กรัม มีให้เลือก 2 แบบ คือ กล่องขนาดบรรจุ 5 ซอง ราคา 35 บาท และกล่องขนาดบรรจุ 14 ซอง ราคา 95  บาท

                ยังไม่หยุดแค่นั้น บริษัทฯ ยังมองเห็นโอกาสในการทำตลาดกาแฟสด ด้วยการส่ง “อาราบัส” กาแฟคั่วบดชงสำเร็จในถ้วยพร้อมดื่ม (Chilled Cup Coffee) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีแบบใหม่ที่กักเก็บความสดใหม่ของกาแฟได้ดีกว่าบรรจุภัณฑ์แบบเดิมๆในตลาด ถือเป็นเซ็กเม้นท์ใหม่ในตลาดกาแฟพร้อมมีเป้าหมายเป็นกลุ่มไวท์ คอลล่าร์ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ ทั้งคนเริ่มวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา โดย อาราบัส Chilled Cup Coffee มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ ลาเต้ (Latte) คาราเมล (Caramel) และ ม็อคค่า (Mocha)  ขนาด 200 มล. ต่อถ้วย จำหน่ายในราคาถ้วยละ 39 บาท ทั้งนี้ ทั้ง 2 โพรดักส์วางจำหน่ายผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และร้านสะดวกซื้อ ซูปเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าชั้นนำทั่วไป

                “ธีรชัย” กล่าวอีกว่า ในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทเตรียมใช้งบการตลาดราว 200 ล้านบาท ในการทำการตลาดแบบ 360 องศา ผ่านกิจกรรมทั้ง Above the Line และ Below the Line เพื่อสร้างการรับรู้ต่อ   แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภควงกว้าง ทั้งการใช้สื่อโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายโฆษณา  การจัดกิจกรรม ณ จุดขาย  การแจกสินค้าตัวอย่าง เป็นต้น โดยดึง “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม”นักแสดงชื่อดังที่มีคาแรคเตอร์เป็นคนรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดกาแฟ 3 in 1 ประมาณร้อยละ 10 และตลาดกาแฟคั่วบดชงสำเร็จในถ้วยพร้อมดื่ม ร้อยละ 5 ในปีแรก อย่างไรก็ดีเชื่อมั่นว่า “อาราบัส” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยรสชาติที่ถูกปากจากกาแฟพันธุ์อาราบิก้า

                ทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าเส้นทางของตลาดกาแฟในเมืองไทย เมื่อ “ผู้บริโภค” เป็นผู้กำหนดทิศทาง  โอกาสจึงยัง “เปิดกว้าง” เสมอสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่าง “ดัชมิลล์”  ที่มั่นใจว่า ราชากาแฟอาราบิก้าจะส่งให้ “อาราบัส” ถูกใจคอกาแฟเมืองไทยอย่างแน่นอน