FB on October 13, 2014, 03:42:02 PM
ใบโพธิ์ ปลื้ม โรแมนติกชวนขนลุก “The Eyes Diary คนเห็นผี” ถูกใจต่างชาติ ขายสิทธิ์กวาดเรียบประเทศแถบ SEA เตรียมลุ้นขายสิทธิ์รีเมคต่อ





The Eyes Diary คนเห็นผี - ตัวอย่าง1 (Official Trailer) Eng Sub
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=yUtcGRGIau4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=yUtcGRGIau4</a>

เปิดมิติการมองเห็น ของคุณ กับ The Eyes Diary คนเห็นผี
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4y-uDTo5lcw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4y-uDTo5lcw</a>

เป็นที่สนอกสนใจและเรียกได้ว่าสร้างความฮือฮา ให้กับเหล่าผู้ซื้อ-ผู้ขายภาพยนตร์จากต่างประเทศกันอย่างคึกคัก ชนิดที่ว่านานๆ จะเห็นภาพยนตร์ไทยสักเรื่องเป็นที่จับตามองในตลาดการซื้อขายภาพยนตร์โลกในระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดการซื้อขายภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ชนิดที่เรียกได้ว่า The Eyes Diary คนเห็นผี (ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี) ภาพยนตร์โรแมนติค-ฮอร์เรอร์ เรื่องล่าสุดจากผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดย มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล กลายเป็นภาพยนตร์ไทยดาวเด่นไฮไลท์ในตลาดการซื้อขายภาพยนตร์ระดับโลกในปีนี้ที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นสามารถทำสถิติพรีเซลล์ การขายสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายให้กับผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศได้เยอะที่สุดในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ SEA (South East Asia เซาท์ อีส เอเชีย) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของค่ายสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

“ก็มีการขายไปบ้างแล้วจากตลาดซื้อขายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อกลางปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรดาประเทศหลักๆ แถบ SEA (South East Asia) ก็ขายไปได้แล้วเกือบทุกประเทศเหลือแค่ประเทศกัมพูชา,ลาว แต่สำหรับประเทศอย่าง ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และพม่า ก็ขายไปแล้ว ส่วนประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลี หรือประเทศใหญ่ๆ เราต้องดูอีกทีไม่น่ามีปัญหาเพราะคนส่วนใหญ่สนใจหนัง ในขณะเดียวกันในส่วนของการซื้อขายสิทธิ์รีเมคเพื่อนำไปสร้างต่อก็ได้รับความสนใจเยอะมากๆ แต่เรายังไม่รีบความตั้งใจคือคงต้องรอให้ตัวหนังเสร็จก่อน”
สิ่งที่ทำให้ The Eyes Diary คนเห็นผี (ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี) ได้รับความสนใจและมีการตอบรับจากผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศมากมายขนาดนี้ จากการเปิดเผยของ มร.กิลเบิร์ต ลิม รองประธานกรรมบริหารอาวุโส ฝ่ายต่างประเทศ บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

“อย่างแรกคือเนื้อเรื่องจริงๆ มันจะมีความพิเศษตรงที่ตัวเรื่องราวของหนังที่ไปแตะความรู้สึกคน แล้วทำให้มีความซึ้งแล้วก็โรแมนติค แต่ในขณะเดียวกันก็น่ากลัวมากๆ ตอนที่เราเล่าเรื่องราวให้ลูกค้าฟัง ตัวหนังเองเริ่มต้นด้วยความสยองมากๆ เพราะฉากบางฉากที่เล่าเรื่องของเหตุการณ์ที่ตัวละครเจอมันค่อนข้างชวนขนลุก แต่กลับกลายเป็นว่า ตัวหนังเองนอกจากทำให้คนดูรู้สึกขนลุกได้ก็สามารถทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงมุมความโรแมนติคที่รวมอยู่เข้าไปในตัวหนังได้ด้วย ทำให้คนขนลุกได้อีกแบบในความโรแมติค คือมันมีหลายฟีลลิ่งที่รวมอยู่เข้าไปในตัวหนังเรื่องนี้ ซึ่งน้อยมากที่จะมีหนังผีสักเรื่องที่มีอารมณ์แบบนี้ที่มันน่ากลัวโรแมนติคแล้วก็สยองขวัญอีก หลายคนฟังเรื่องแล้วรู้สึกอินมาก”

และยิ่งเป็นการตอกย้ำเครดิตชื่อเสียงและความสามารถอันโดดเด่นในการเขียนบทของมะเดี่ยวที่ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักจากการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง “13 เกมสยอง” (13 Beloved) จนฮอลลีวู้ดขอซื้อสิทธิ์ไปรีเมคสร้างใหม่เป็นเวอร์ชั่นตัวเองและออกฉายทั่วโลกนอกเหนือจากที่ตัวภาพยนตร์ต้นฉบับเองได้รับความสนใจจากผู้ซื้อไปจัดจำหน่าย และฉายในประเทศของตน

“คือหลังจากที่เราอธิบายเรื่องราวของตัวหนัง หลายประเทศก็สนใจโดยที่ยังไม่ทันบอกว่าใครกำกับ เพราะเขาค่อนข้างจะไว้ใจคุณภาพของหนังแนวนี้ที่เราสร้างอยู่แล้ว แต่ก็มีหลายประเทศที่ถามว่าแล้วใครเป็นผกก.กำกับ เขาจะทำถึงมั้ย แต่พอเราบอกว่าเป็นมะเดี่ยวก็โอเคเลย เพราะโพรไฟลด์การทำงานของมะเดี่ยวแต่ละเรื่องส่วนใหญ่ในช่วงหลังที่จำได้จะมาจากหนังดราม่าความรัก (รักแห่งสยาม, Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ) แต่เราพยายามจะรีมายด์ให้คนดูจำได้ว่าก่อนหน้านั้นมะเดี่ยวเขาเคยมีหนังอย่างคนผีปีศาจนะ ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่เขาเคยทำแล้วก็โอเคเลย ต่อจากนั้นก็มีหนังอย่าง 13 เกมสยอง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นหนังที่ยากนะที่จะสร้างออกมาเป็นหนังได้ซึ่งเป็นหนังเรื่องที่ 2 ของเขา แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็มีผลงานหนังที่เน้นอารมณ์ดราม่าโรแมนติคมีอีกเยอะเลย ก็พูดได้ว่ามะเดี่ยวน่าจะเป็นจุดสนใจสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แต่ละประเทศใน SEA ตัดสินใจซื้อหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่สร้างเลย”

สำหรับ The Eyes Diary คนเห็นผี (ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี) แฟนๆ หนังของมะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล อดใจรออีกนิด เพราะมีโปรแกรมเข้าฉาย 30 ตุลาคมนี้แน่นอน ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เห็นแฟนสาวที่ตายไปแล้วถึงขนาดเก็บสะสมข้าวของคนตายโดยได้นักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถที่มีรางวัลทางด้านการแสดงการันตีถึง4คนมาถ่ายทอดเรื่องราวชวนขนลุก อาทิ ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย (It Gets Better (อิทส์ เกท เบอเทอร์) ไม่ได้ขอให้มารัก) ,โฟกัส จีระกุล (แฟนฉัน และปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น), เมโกะ-ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย (Mary is Happy (แมรี่ อิสแฮปปี้), และแจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา (เกรียนฟิคชั่น) มาถ่ายทอดประสบการณ์ “เฉียด-สัมผัสและเห็นผีร่วมกัน”
« Last Edit: October 20, 2014, 10:57:11 AM by FB »

FB on October 15, 2014, 03:08:31 PM
Mv.เพลงประกอบภาพยนตร์ the Eyes Diary คนเห็นผี “คิดถึง” โดย พละ ธนพล



คิดถึง - พละ ธนพล - Ost. The Eyes Diary คนเห็นผี 【Official Lyrics Video】
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=9JnPo5FM8hw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=9JnPo5FM8hw</a>

          ท้าทายทุก “สายตา” กับประสบการณ์“เห็นผี” ครั้งใหม่!! เพราะรักหมดใจ คนเรายอม “ท้าทาย” ได้ทุกอย่าง! เพราะเชื่อสนิทใจ บางคนเลยได้ “เห็น” ทุกอย่าง!!

          The Eyes Diary คนเห็นผี “ของ”ทุกชิ้นมี“เจ้าของ” และ “เรื่องราวสุดท้าย” เสมอ!! โฟกัส ปั้นจั่น เมโกะ แจ๊ค 4 นักแสดงวัยรุ่นมากความสามารถ พร้อมแล้วที่จะถ่ายทอด “ความหลอนสยองโรแมนติก” โดย “มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” แห่ง “คนผีปีศาจ”,“13 เกมสยอง” และ “รักแห่งสยาม” กลับคืนสู่ความดาร์คไซด์สุดระทึก

Producer - ชัชวาล วิศวบำรุงชัย
Artist - (พละ) ธนพล มหัทธนาดุลย์
Drummer - Kevin Biddle
Bass - กรกฏ ศรีธวัชชัย
Piano & String Orchestrate
- รัตนะ วงศ์สรรเสริญ
Female Chorus - ชิดชนก มัญชุรัตน์
violin / viola เอกราช จันทร์แสง
Cello - รพีพัฒน์ มัญยานนท์
Sound engineer - วีรชาติ ธนะสุนทร
Recording Studio - Shining star studio, CMS Studio
Edit - สามิตร ดิษฐสูงเนิน
Mix&Mastering - สุธี แสงเสรีชน

FB on October 20, 2014, 10:58:44 AM
ปั้นจั่น- โฟกัส-เมโกะ-แจ็ค ร่วมบันทึกเสียงสุดหลอน ทำหนังสือเสียง “อ่านให้เห็น….ผี กับ The Eyes Diary คนเห็นผี” พร้อมชวนร่วมกุศล โหลด ฟัง หลอน รายได้มอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยฯ













The Eyes Diary ชวนโหลดหนังสือเสียง ฟัง ให้ หลอน
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=oV2eIt3FWxU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=oV2eIt3FWxU</a>

เปิดมิติการมองเห็น ของคุณ กับ The Eyes Diary คนเห็นผี
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4y-uDTo5lcw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4y-uDTo5lcw</a>

          สหมงคลฟิล์ม, สตูดิโอคำม่วน และภาพยนตร์ “The Eyes Diary คนเห็นผี” ได้จัดทำหนังสือเสียง 1 ตอน จากนิยาย “The Eyes Diary คนเห็นผี : Open The Eyes เปิดตาคนเห็นผี ตอนล่าผี” ขึ้น เพื่อนำเงินรายได้ (หลังหักค่าบริการ) มอบให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยการบันทึกเสียงจริงสุดหลอนจาก 4 นักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง The Eyes Diary คนเห็นผี อย่าง ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย, โฟกัส จีระกุล, เมโกะ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย และ แจ็ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา ที่มาร่วมเล่าเรื่องจากตัวหนังสือสู่การบันทึกเสียง ที่สัมผัสได้ถึงความสะพรึง เกินกว่าจินตนาการ

          นอกจากนั้นยังชวนร่วมกุศลครั้งใหญ่กับการเปิดให้ดาวน์โหลดหนังสือเสียง สำหรับผู้ที่อยากฟังความน่ากลัวของเรื่องราว Side Story ของ The Eyes Diary คนเห็นผี อีกด้วย โดยทุกการดาวน์โหลดจะนำรายได้หลังหักค่าบริการมอบให้กับ “มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์”
 
          โหลด ฟัง หลอน และร่วมกุศลพร้อมกัน กับหนังสือเสียง The Eyes Diary คนเห็นผี : Open The Eyes เปิดตาคนเห็นผี ตอนล่าผี ได้ทาง AIS Movie Store, AIS Bookstore มือถือในระบบ Android เริ่มโหลดฟังได้ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 57 / ระบบ iOS โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.57 และช่องทาง iTunes เริ่มโหลดได้ตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.57 จนถึง 30 พ.ย. 2557
« Last Edit: October 20, 2014, 03:56:58 PM by FB »

FB on October 27, 2014, 11:27:24 PM
เปิดตัวสุดสะพรึง! พ็อคเก็ตบุ๊คและการ์ตูนจากภาพยนตร์สุดหลอน “The Eyes Diary คนเห็นผี” ที่จะมาช่วยเปิดมิติการมองเห็นของคุณให้เบิกกว้างกว่าที่เคย !


 
“ The Eyes Diary คนเห็นผี ” ที่จะมาช่วยเปิดมิติการมองเห็นของคุณให้เบิกกว้างกว่าที่เคย !
ท้าทายทุก “สายตา” กับประสบการณ์“เห็นผี” ครั้งใหม่!!
เพราะรักหมดใจ คนเรายอม “ท้าทาย” ได้ทุกอย่าง!
เพราะเชื่อสนิทใจ บางคนเลยได้ “เห็น” ทุกอย่าง!!
“ The Eyes Diary คนเห็นผี ”

30 ต.ค.นี้ ท้าติดตา ทุกโรงภาพยนตร์ !!

The Eyes Diary คนเห็นผี - ตัวอย่าง1 (Official Trailer) Eng Sub
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=yUtcGRGIau4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=yUtcGRGIau4</a>

คิดถึง - พละ ธนพล - Ost. The Eyes Diary คนเห็นผี 【Official Lyrics Video】
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=9JnPo5FM8hw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=9JnPo5FM8hw</a>

หนังสั้น "มดตะ" ในคืนหนึ่งที่เธอเห็น (Side Story จาก The Eyes Diary คนเห็นผี)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=0jMBXkmDzNc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=0jMBXkmDzNc</a>

ทำไมจึงต้อง "เห็น" ใน The Eyes Diary
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=mxpswhH8qa8" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=mxpswhH8qa8</a>

เปิดมิติการมองเห็น ของคุณ กับ The Eyes Diary คนเห็นผี
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=4y-uDTo5lcw" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=4y-uDTo5lcw</a>

The Eyes Diary ชวนโหลดหนังสือเสียง ฟัง ให้ หลอน
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=oV2eIt3FWxU" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=oV2eIt3FWxU</a>
« Last Edit: October 28, 2014, 09:37:45 AM by FB »

FB on October 27, 2014, 11:31:17 PM
ปั้นจั่น-โฟกัส-เมโกะ-แจ๊ค เดินสายชวนแฟนเตรียมเห็นผี กับกิจกรรม “The Eyes Diary Variety Star Tour” พร้อมปิดท้ายพูดคุยเปิดมิติการเห็นในงานมหกรรมหนังสือฯ









           ผ่านไปแล้วสำหรับกิจกรรม The Eyes Diary Variety Star Tour (ดิอายส์ไดอารี่ วาไรตี้ สตาร์ทัวร์) ที่ สหมงคลฟิล์ม, สตูดิโอคำม่วน และ ภาพยนตร์เรื่อง “The Eyes Diary คนเห็นผี” (ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี) พานักแสดงนำ 4 คน ทั้ง ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย, โฟกัส จีระกุล, เมโกะ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย, แจ๊ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา เพื่อมากระทบไหล่และเอาใจแฟนๆ ถึงหน้าโรงภาพยนตร์ทั้งในเครือ เอส เอฟ ซีเนม่า และเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไม่ว่าจะเป็น เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาพระราม 2, แฟชั่น ไอส์แลนด์, รังสิต และ เอส เอฟ ซีเนม่า สาขา งามวงศ์วาน, บางกะปิ พร้อมพูดคุยร่วมแชร์ประสบการณ์หลอนกลางกองถ่ายที่เกิดขึ้นจริง การแบทเทิลเพลง“คิดถึง”เพลงประกอบภาพยนตร์จากแฟนๆที่อยู่หน้าโรงภาพยนตร์ และไฮไลท์ของกิจกรรมคือ การถ่ายภาพเซลฟี่กับนักแสดงนำทั้ง 4 พร้อมลุ้นตั๋วหนัง “The Eyes Diary คนเห็นผี” (ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี) ดูก่อนใคร แบบยกก๊วน4คน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ ที่มารอ รวมทั้งการแบทเทิลสุดมันส์จากผู้ที่เข้าชิงทำให้บรรยากาศมีทั้งความหลอน และความสนุกสนาน

          และพิเศษสุดสำหรับงานมหกรรมหนังสือระดับชาติที่ผ่านมานั้น มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับ และนักแสดงนำทั้ง ปั้นจั่น, แจ๊ค และ เมโกะ พร้อมใจกันไปร่วมพูดคุย ถึงที่มาที่ไปของภาพยนตร์ พร้อมเปิดมิติการเห็นที่มีมากกว่าที่คุณรู้ ในรูปแบบนิยายสยองขวัญ,การ์ตูนและหนังสั้น พร้อม 2 นักเขียน ปิติวุฒิ ภวังคนันท์ และณัฐวุฒิ อุดมศิล ให้แฟนๆ ได้ถ่ายภาพ เล่นเกมส์ร่วมกิจกรรม และแจกของที่ระลึกพิเศษมากมาย

FB on October 27, 2014, 11:33:39 PM
ในที่สุดก็ได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยว ผู้กำกับฯ ในดวงใจ โฟกัสท้าทายตัวเอง สวมบทบาทหญิงสาวขี้หึง









           ในที่สุดก็ได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยว ผู้กำกับฯ ในดวงใจ โฟกัสท้าทายตัวเอง สวมบทบาทหญิงสาวขี้หึง และชอบให้แฟนแสดงออกว่ารักตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย!

Q.ก่อนอื่นให้โฟกัสอัพเดตตัวตนผลงานที่ผ่านมาหน่อย
A. สวัสดีค่ะ โฟกัส จิระกุล นะคะ เริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุ 6 ขวบเริ่มจากพวกโฆษณา และมีโอกาสได้มาเล่นหนังเรื่องแรกเรื่องแฟนฉันตอนอายุ 9 ขวบ จากนั้นก็เล่นหนัง เล่นละคร แสดงเอ็มวี ทำหลายอย่างค่ะในระหว่างหลายปีที่ผ่านมา เป็นพิธีกรก็เป็นมาแล้ว ล่าสุดตอนนี้กำลังมีผลงานหนังเรื่องThe Eyes Diary ค่ะ

Q.หลายๆคนค่อนข้างคุ้นเคยกับโฟกัสในงานภาพยนตร์ โดยส่วนตัวแล้วผูกผันกับงานภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน
A. จริงๆก็โตมากับหนังค่ะ จุดเริ่มต้นของเราคือภาพยนตร์ ก็เหมือนสนใจภาพยนตร์เรื่อยๆมาโดยตลอด ก็คิดไว้ว่าอยากจะเรียนภาพยนตร์ ต่อมาได้มีโอกาสมาเล่นละคร แต่ก็รู้สึกได้เลยว่าเราชอบเล่นหนังมากกว่า คนที่เล่นหนังก็จะชอบเล่นหนัง แต่สำหรับคนเล่นละครมาก็จะบอกว่าเล่นละครง่ายกว่า จนกระทั่งพอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยเลือกเรียนภาพยนตร์ ตอนนี้ก็เรียนอยู่ชั้นปี4 วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒค่ะ จริงๆก็อยากลองเขียนบทค่ะ ก็ได้เรียนเขียนบทกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย รู้สึกว่าเราก็พอเขียนได้ พอเริ่มเรียนก็รู้สึกว่าอยากลองเขียนดู แต่ยอมรับว่าการจะเขียนบทสักเรื่องหนึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะต้องใช้เวลานานมาก ขนาดเรื่องที่เขียนส่งอาจารย์ ก็ยังรู้สึกว่ามันยาก จริงๆหนูเป็นคนชอบดูหนังค่ะ การเป็นคนชอบดูหนังมันก็จะทำให้เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาอันนั้นผสมกับอันนี้แล้วมันอาจจะออกมาเวิร์คมากกว่า แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนจินตนาการสูงขนาดนั้น

Q.กับผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “The Eyes Diary คนเห็นผี” เป็นไงมาไงถึงได้มาเป็นตัวละครสำคัญในภาพยนตร์
A.พอดีมีพี่ที่รู้จักกันทำงานอยู่กับพี่มะเดี่ยวเป็นแคสติ้งค่ะ พอเขาเห็นบทแล้วนึกถึงเราว่าเราเล่นได้ เลยลองเสนอกับพี่มะเดี่ยวดู ซึ่งพี่มะเดี่ยวก็โอเคให้มาแคสติ้ง กัสอ่านบทแล้วก็โอเค เพราะแค่ขึ้นชื่อว่าพี่มะเดี่ยวกลับมาทำหนังสยองขวัญก็ตื่นเต้นแล้ว กัสติดตามพี่เขามาตั้งแต่ 13 เกมสยอง คือพี่เขาทำไว้สยองจริงๆ ค่ะ ชื่นชมผลงานพี่เขาด้วย เลยตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้

Q.ตอนที่เห็นบทอ่านบทครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง
A .ตอนเห็นบทหนังเรื่องนี้ครั้งแรกก็นึกถึงพี่มะเดี่ยวก่อนเลยค่ะว่าเขาจะทำออกมาได้สยองขนาดไหน เพราะจากเรื่อง 13 เกมสยองพี่เขาทำไว้ได้โอเคมากๆ และพอมาเรื่องนี้อ่านบทดูก็คิดว่าน่าจะมีจุดเด็ดๆอยู่หลายจุด เพราะในหนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่หนังแนวสยองขวัญเพียงอย่างเดียว แต่มันมีในเรื่องของความรักในวัยรุ่นด้วย เป็นความรักหนุ่มสาว แต่มันจะเกี่ยวกับความสยองขวัญยังไงต้องไปดูค่ะ

Q.ต้องให้โฟกัสเล่าให้ฟังแล้วว่าความน่าสนใจของบทบาทคาแรคเตอร์ที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง
A. คาแรคเตอร์ของปลาก็จะเป็นผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่จริงจังในเรื่องความรักมาก มีนิสัยเหมือนผู้หญิงทั่วไป คือขี้งอน ขี้หึง เรียกร้องความสนใจ อยากให้แฟนสนใจ อยากให้เขาแสดงความรักกับเรามากกว่านี้ ในขณะที่น็อต(แสดงโดยปั้นจั่น)ที่เป็นแฟนเราเขาก็แบบไม่ค่อยแสดงออก แบบแค่นี้ก็พอรึเปล่า นอกจากนี้ตัวปลาเองก็จะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งของทุกอย่างที่แฟนให้มาไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาที่เคยได้มาในวันครบรอบ หรือตัวเขาก็จะรักตุ๊กตาตัวนี้มาก พูดได้ว่าตัวละครปลาจะเน้นหนักไปในเรื่องของความรัก ทั้งเรื่องก็จะอยู่กับความรัก ส่วนในเรื่องของผีนี่ถ้านับจริงๆเรียกได้ว่าปลาเป็นคนที่เจอผีบ่อยที่สุด เยอะที่สุด โดยที่ตัวปลาเองไมได้อยากจะเห็นผีเลย แต่ก็ต้องมาเห็น

Q.ฟังๆดูแล้วคาแรคเตอร์ของปลากับโฟกัสเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
A. ปลาเป็นผู้หญิงร่าเริง โลกสวย ยิ้มง่าย เหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ในเรื่องความรักเขาจะเป็นคนที่ใส่ใจมากๆ รักแฟน หวงแฟน ขี้หึง ขี้งอน โกรธง่าย ซึ่งมันคนละแบบกับกัสนะ เรียกได้ว่าไม่ใกล้กันเลย คือตัวจริงกัสจะเป็นคนที่เฮฮากว่าเยอะ ส่วนในเรื่องของความรักก็ไม่ได้เป็นคนขี้งอนขนาดนั้น ไม่ได้แบบว่าเธอต้องจดวันสำคัญวันนี้ให้ได้นะ และกัสก็ไมได้ขี้หึงขนาดนั้นด้วย แต่ส่วนในเรื่องรักใครรักจริง รักแฟนมากๆ กัสว่าเป็นแบบนี้ทุกคนแหละเวลาที่เรารักใครนะ

Q.เรื่องราวของThe Eyes Diary
A.ก็เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่เขารักและผูกผันกับแฟนของเขามาก แต่คืนหนึ่งก็มีเหตุให้ทะเลาะกันแล้วก็ขับรถไปชน ทำให้แฟนตัวเองตาย ชีวิตก็เปลี่ยนไป ฝังตัวเองอยู่กับความเศร้า คิดแต่ว่าอยากจะเจอแฟนสักครั้ง เลยพยายามหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองเห็นผีแล้วหวังว่าหนึ่งในผีเหล่านั้นก็อาจจะเป็นแฟนตัวเอง ก็เริ่มจากไปเป็นอาสาเก็บศพแล้วก็แอบเก็บของคนตายโหงกลับมาบ้าน แต่จะเห็นผีมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพื่อนๆมหาวิทยาลัยที่เรียนมาด้วยกันหรือแม้แต่เพื่อนที่มูลนิธิพยายามเตือนก็ไม่ฟัง เริ่มถลำตัวเองลงไปลึกอีกเรื่อยๆ และกลายเป็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดแล้ว แต่มันกลับส่งผลต่อทุกชีวิตที่อยู่รอบตัวเขาแทน

Q.มิติความหลอนของ “The Eyes Diary”
A.อันแรกก็คือในส่วนของผีในภาพยนตร์เรื่อง The Eyes Diary คือมีผีเยอะมากๆ แล้วผีทุกตัวก็จะมีเรื่องราว จะไม่ใช่แค่โผล่ออกมาหลอกแฮ่แล้วจบ ซึ่งผีแต่ละตัวจะถูกออกแบบมาให้มีสภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งอันนี้ต้องยกนิ้วให้พี่ทีมเอฟเฟกต์ค่ะ เก่งมากจริงๆ คือแต่งออกมาได้เหมือนมาก น่ากลัวมากๆ แล้วก็สถานที่และบรรยากาศในการถ่ายทำด้วยความที่เป็นหนังผี ความโหดร้ายจะอยู่ตรงสถานที่ และที่ฟังมาสถานที่ถ่ายทำทุกที่คือเป็นสถานที่ที่ร้างจริงๆ โรงพยาบาลร้างที่สร้างไม่เสร็จแล้วทุกอย่างมันก็คือยังไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นบันได รูลิฟท์ แล้วยังมีพวกท่อที่สามารถเดินตกลงไปได้เลย แล้วตอนที่ถ่ายเป็นกลางคืนด้วย ต้องมีคนคอยส่องไฟฉายให้ตลอดเวลา เพราะถ้าพลาดนิดหนึ่งนี่คือตกลงมาข้างล่างเลยนะ เพราะเราถ่ายกันอยู่ที่ชั้น 3-4 ตกลงมาก็มีขาหักได้ค่ะ ส่วนบ้านร้างก็คือร้างจริงๆ แอบน่ากลัว คือสถานที่โหด จริงๆ ไม่ได้กลัวนะคะ อาจเป็นเพราะว่าเราชอบอะไรแนวนี้อยู่แล้วด้วย แต่ถ้าให้ไปถ่ายคนเดียวคงไม่กล้า เพราะมันร้างจริงๆ แต่บ้านสวยนะ ถ้าไม่ร้างจะดีมาก

Q.ทราบมาว่าในการถ่ายทำหนังผีเรื่องนี้ก็มีอุปสรรคพอสมควร
A.อุปสรรคในเรื่องนี้ที่จริงมีเยอะมากค่ะอย่างแรกเลยเราถ่ายช่วงที่มีฝนตก(พายุฤดูร้อน) แล้วยุงเยอะมาก เหมือนเป็นแหล่งชุกชุมของยุง คนที่แต่งเอฟเฟกต์ก็ร้อนเห็นแล้วสงสารเลย ที่เห็นว่าออกมาน่ากลัวขนาดนี้จริงๆ แล้วเขาทนร้อน ทนยุง ทนเหงื่อ แบบทุ่มทุนกันสุดๆ ฝุ่นเยอะด้วยค่ะทั้งกัสทั้งพี่มะเดี่ยวก็แพ้ฝุ่นคันตามตัว และด้วยอากาศแบบฝนๆ ร้อนๆ สถานที่ก็มีฝุ่นเยอะพี่มะเดี่ยวถึงขั้นป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่ด้วย สปีริทของผู้กำกับเขาก็กำกับผ่านเฟสไทม์ค่ะ แต่นักแสดงเรื่องนี้ก็ทุ่มเทกันสุดๆนะ อย่างกัสนี่แพ้ฝุ่นและเป็นตากุ้งยิงด้วย พักผ่อนน้อย ส่วนแจ๊คก็คอเคล็ดเพราะต้องแสดงฉากแอคชั่น น่าสงสารนะ กัสเข้าใจเวลาคอเคล็ดมันก็จะหันลำบาก พอแจ๊คต้องมาเข้าฉากมันก็ลำบากเวลาหันมาคุยกันก็ต้องหันทั้งตัว และยังมีพี่ปั้นจั่นอีก คนนี้เหนื่อยหน่อยเพราะระหว่างที่เขาถ่ายหนัง ก็มีถ่ายละครด้วย เขาจะต้องบินไปบินกลับ เหนื่อยสุดๆ แล้วเขาก็ปวดไหล่ด้วย นี่แหละค่ะอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ กระดูกไม่แข็งแรง(หัวเราะ)ที่จริงในเรื่องนี้เราเล่นจริงกันหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นโดนผีกระชากขาบ้าง ก็เล่นเองหมดเลย ก็เป็นคนชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วด้วย สนุกดีค่ะ ก็เป็นประสบการณ์แบบใหม่ดี เคยเล่นหนังผีมาก่อนนะ แต่มันคนละแนวกันเลย

Q.เทคนิคใหม่ๆและมุมกล้องทางด้านภาพที่ช่วยเพิ่มระดับดีกรีความหลอนให้กับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Eyes Diary”
A. หนังเรื่องนี้มีเทคนิคการถ่ายทำเยอะมาก ไม่ใช่แค่วางกล้องแล้วจบนะคะ เพราะเรามีถ่ายบน Drone เหมือนเอากล้องไปติดไว้กับเครื่องบินบังคับ ก็ถ่ายกันทั้งมุมเบิร์ดอายวิว(มุมกล้องทางอากาศ) ไหนยังมี สเตดิแคมที่แทนสายตาคนดู(ผกก.ภาพแบกกล้องติดกับตัว เดินหรือวิ่งเข้าไปถ่ายใกล้ชิดกับตัวละคร) เวลาถ่ายออกมามันจะทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังมากขึ้น และด้วยความที่เป็นหนังผี ถ้าภาพมันเหมือนกับการที่เราได้มีส่วนเข้าไปอยู่ในหนังด้วย เห็นเหตุการณ์ไปพร้อมๆ กับตัวละครนั้นด้วย มันก็จะเพิ่มดีกรีความหลอน ความสยองยิ่งขึ้นค่ะ

Q. พูดถึงการทำงานร่วมกับผู้กำกับภาพยนตร์ที่ชื่อ “มะเดี่ยว”
A. พี่มะเดี่ยวเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดของหนังมากๆ ทุกอย่างเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเฟรมภาพ แสงต้องได้แบบนี้นะ นักแสดงต้องเล่นได้ขนาดนี้ พี่เขาจะเป็นคนที่เป๊ะมากๆ เป๊ะจริงๆ แต่ละฉากนี้สังเกตได้เลยว่าทุกคนจะโดนเหมือนกันหมดคือพี่มะเดี่ยวจะบอกว่าดีๆ ขออีกทีเผื่อไว้ เขาจะบอกว่าแบบนี้ดีแล้ว แต่อยากให้ดีมากกว่านี้ ขออีกทีหนึ่ง เผื่อเก็บไว้ คือในเรื่องนี้เราต้องเล่นกันจริง ไม่ว่าจะโดนผีกระชากขา แต่งเอฟเฟกต์ที่ขา เจอผีก็ต้องกรี๊ด พี่มะเดี่ยวเขาจะมีสูตรว่าเวลาเจอผีต้องแบบนี้นะ ก่อนจะกรี๊ดต้องตกใจแบบนี้ พี่มะเดี่ยวก็จะเข้ามาสอนทุกๆ ฉากที่สำคัญ อย่างฉากเจอผีพี่เขาจะมาเล่นให้ดู มาคอยบอก คอยสอน กัสก็จะเก็บมาแล้วทำตาม เพราะบางครั้งเราคิดไม่ออกว่าจะต้องขนาดไหน ดีค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดีถือว่าได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับมือทอง พี่มะเดี่ยวนอกจากจะเป็นผู้กำกับแล้ว ยังเหมือนเป็นแอคติ้งโค้ชให้ด้วยค่ะ ก็จะคอยมาบอกว่ามันเล่นแบบนี้นะ อยากให้มันเป็นแบบนี้ เขาก็จะมาคอยบอก คอยสอน แล้วในแง่ความทุ่มเท อย่างตอนที่พี่มะเดี่ยวป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มากองไม่ได้ แต่ก็หยุดกองไม่ได้ เพราะคิวจะรวน ก็ต้องกำกับผ่านเฟสไทม์กัน คือทุกคนในกองไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้เลย ขนาดกำกับทางไกล พี่มะเดี่ยวก็ยังละเอียด สรุปพี่เขาก็นอนเช้าพร้อมพวกเราที่กองนั่นแหละ แค่ว่า อยู่คนละที่ ไม่รวมว่า พี่เขาก็จะเล่นเป็นเล่น ทำงานเป็นทำงาน จริงจังมาก ตอนเล่น พี่เขาจะฮามาก แต่พอทำงานจะดุ เป็นคนละคน กัสกับพี่ปั้นจั่นก็จะติดเล่นนิดนึง ก็โดนดุบ้าง (หัวเราะ)

FB on October 27, 2014, 11:36:13 PM
Q.พูดถึงเพื่อนนักแสดงที่ร่วมงานบ้าง ทำงานกับปั้นจั่นเป็นอย่างไรบ้าง ต้องถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกการเป็นคู่ที่รักกันมาก
A. ในตัวบทเองมีอะไรให้เล่นเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นของพี่ปั้นจั่นหรือของโฟกัสเองก็จะมีหลายมุมค่ะในเรื่องนี้ แบ๊ว ดราม่า รักโรแมนติก มีครบหมดเลยค่ะในเรื่องนี้ ได้เล่นหมดเลย ได้เจอผีด้วย ก็ดีค่ะถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ดี อย่างในเรื่องพี่ปั้นจั่นจะรับบทเป็นน็อต ซึ่งเป็นแฟนกับปลา เราอยู่บ้านเช่าหลังเดียวกัน การเป็นแฟนกันก็จะมีมุมหวานแหวว กุ๊กกิ๊ก งุ๊งงิ๊งกัน และก็ต้องมีทะเลาะกันด้วย ก็จะได้เห็นหลายมุมหน่อย ทำงานกับพี่ปั้นจั่นเหมือนเราคุยกันค่ะ อย่างฉากหวานจะหวานยังไง หวานขนาดไหน คนดูจะเชื่อรึเปล่าว่าเราเป็นแฟนกัน เราก็จะปรึกษากันตลอด ในมุมทะเลาะพี่เขาก็จะเสนอไอเดียให้ตบจริง กัสก็เกรงใจเขา แต่เขาก็ยังยืนยัน ตอนแรกๆก็ไม่กล้าตบเพราะไม่เคยตบใคร เลยตบเบาๆ พี่ปั้นก็บอกแรงๆ เลย ไม่เจ็บหรอก ตัวเล็กๆแบบนี้จะแรงเยอะขนาดไหนเชียว กัสก็เลยตบจริงๆ คือฉากนั้นเงียบทั้งกอง เพราะกัสตบแรงมาก ขึ้นรอยแดงเลยแหละ พี่ปั้นบอกเจ็บยิ่งกว่าเข้าฉากเตะต่อยเวลาไปถ่ายละครแอ็คชั่นอีกง กัสก็ว่าฟาดไม่หนักนะ (หัวเราะ) ถ้าถามว่าหนักใจอะไรมั้ย ก็คงหนักใจตอนที่รู้อายุพี่ปั้นจั่นมากกว่าค่ะ(หัวเราะ) เพราะว่าพี่เขาอายุ27แล้ว ส่วนคนอื่นๆก็จะอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัยกันอยู่เลย ตอนที่ยังไม่เจอกันก็คิดนะว่าพี่เขาจะเล่นกับเรารึเปล่า เขาจะเป็นคนยังไง เพราะไม่เคยเจอกันเลย แต่พอมาเจอจริงๆ พี่เขาน่าเฮฮา ขี้เล่นดีค่ะ ก็สบายใจ แต่ไอ้ความขี้เล่นทำให้เวลาอยู่ในกองส่วนใหญ่เราจะเล่นกัน ทำให้เวลาเข้าฉากที่ต้องทำอารมณ์มากๆ กัสจะมีปัญหาหลุดขำ ยิ่งเวลาที่เขามองหน้าเราเมื่อไหร่ ก็จะเริ่มขำ ส่วนพี่ปั้นจั่นเขาจะไม่ค่อยมีปัญหา เขาจะทำเข้มๆตามบทไป แต่ชีวิตจริงเขาไม่ได้เข้มเหมือนพระเอกในเรื่องนะคะ พี่ปั้นจั่นเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก อย่างซีนอารมณ์เขาก็จะเต็มที่ไม่ว่าจะกี่เทคและเต็มที่กับทุกๆเทคด้วย

Q.ให้เม้าส์ถึงเพื่อนๆ ในกองถ่ายหน่อย
A.เริ่มจากแจ๊ค(Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ,เกรียนฟิคชั่น)ก่อนเลยค่ะ แจ๊คก็จะเป็นคนตั้งใจทำงาน เขาจะเป็นคนที่เตรียมตัวมาดีมากๆ อ่านบทท่องบทมาเป๊ะมากๆ แต่แจ๊คก็ชอบมาพูดบทข้างๆนะ อยู่ดีๆ เดินมานั่งแล้วพูดบทขึ้น กัสก็ห๊ะ..อะไรนะ..? แจ๊คก็จะอ่อ..เปล่า ท่องบทอยู่จะให้กัสต่อบทด้วย (หัวเราะ) ตอนแรกเลยแจ๊คเขาจะไม่ค่อยกล้าเข้ามาเล่นกับกัสนะ ไม่รู้ว่ากลัวหรืออะไร เหมือนยังเกร็งๆ ไม่กล้าทัก แต่พอมาหลังๆเริ่มสนิทกัน แต่ก็ยังไม่ค่อยกล้าแกล้งกัสอยู่ดี เพราะกัสเป็นมือแกล้งในกอง (หัวเราะ) ส่วนเมโกะ(ตั้งวง,Mary is Happy,Mary is Happy)ก็จริงๆ ไม่ค่อยได้เข้าฉากด้วยกันนะ ไม่มีบทสนทนากันเลยในเรื่อง แต่ด้วยความที่เราเป็นวัยใกล้ๆ กัน ร่วมงานกันครั้งแรกก็ดีนะ มีเล่นกันบ้าง เอาเป็นว่าเราจะไม่กัดผู้หญิงด้วยกันค่ะ (หัวเราะ) คนสุดท้ายพี่ปั้นจั่น คนนี้เขาจะพยายามแอ๊บเด็กตลอดเวลา ก็ชอบมาเล่นมาแกล้งน้องๆ ก็ทำให้บรรยากาศในกองสนุกสนานดีค่ะ ขอเม้าส์อีกหน่อยว่าพี่ปั้นจั่นเป็นคนที่กลัวผีมากๆ บางครั้งไม่มีคิวถ่ายแต่ถ้าต้องอยู่ห้องคนเดียวก็จะแบบเดี๋ยวไปให้กำลังใจเพื่อนดีกว่า แต่เอาลึกๆ แล้วคือกลัวมากกว่าอยากมาให้กำลังใจ ไม่กล้าอยู่คนเดียว

Q.ถ่ายหนังผีเล่นหนังผีมีเจออะไรแปลกๆ หลอนๆ ในกองบ้างรึเปล่า
A.มันก็มีแหละคะ ด้วยความเป็นหนังผีนะ ส่วนใหญ่เราถ่ายทำกลางคืน และสถานที่ถ่ายทำมันก็คือสถานที่จริง อย่างแจ๊คก็เจอรอยนิ้วมือตรงท้อง รอยข่วนตรงคางซึ่งเราก็พิสูจน์ไม่ได้ น่ากลัวดีค่ะ เมโกะด้วยนะ เห็นน้องเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไรเลยนี้เท่าไหร่ แต่พอถามปุ๊บก็จะค่อยๆ หลุดออกมาทีละนิดๆ ว่าเห็นเหมือนกัน ส่วนพี่ปั้นจั่นขานี้เขาไม่ค่อยเจออะไรค่ะ เพราะแขวนพระตลอดเวลา ด้วยความเป็นคนที่กลัวผีสุดฤทธิ์ แค่พูดว่าพี่ปั้นระวังนะ บ่นใหญ่เลย

Q.แล้วโฟกัสได้เจออะไรแปลกๆ หลอนๆ บ้างรึเปล่า
A. ก็รู้สึกเหมือนมีอะไร ทั้งที่โรงแรมด้วย และที่กองด้วย แค่รู้สึกแต่เป็นคนไม่มีเซนส์ ในกองมันจะมีฉากที่ทีมงานทั้งหมดต้องออกไปอยู่ข้างนอกบ้าน และกัสต้องวิ่งออกจากบ้านไปข้างนอก ซึ่งในบ้านก็ไม่มีทีมงานอยู่เลย มืดมาก ไฟก็ถูกขนออกไปหมดแล้ว กัสอยู่ในบ้านคนเดียว ตอนที่เดินมาหน้าประตูก็รู้สึกเหมือนมีคนมองมาจากด้านหลังตลอดเวลา ตอนแรกก็คิดว่าคิดไปเอง ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง แต่พอเมโกะมาเล่าว่าเห็นคนแก่หัวล้านอยู่ในบ้าน แล้วพี่ทีมงานก็มาบอกอีกว่าเห็นเหมือนเมโกะเลย ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะมีแหละ เพราะตัวเองก็รู้สึกเหมือนมีใครมองมาจากด้านหลังเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเจอไงรู้สึกโฟกัสจะมีเจอที่ห้องที่โรงแรมด้วยนะ เห็นเป็นเงาดำๆ ตอนแรกนึกว่าแม่ แต่ก็ไม่ใช่ แต่เขาก็ไม่ได้มากวนอะไร

Q.มีอะไรให้อึ่ง ทึ่งกับการทำงานในภาพยนตร์เรื่องThe Eyes Diary
A.นอกจากตัวหนังแล้ว โฟกัสรู้สึกอึ้งทึ่งพี่ทีมงานและนักแสดงทุกคนมากกว่า เพราะหนังที่เราถ่ายทำกันอยู่มันเป็นหนังผี เวลาถ่ายก็ต้องถ่ายถึงเช้าแทบทุกวันเลย ด้วยพี่ๆทีมงานเองที่อดหลับอดนอนกันเพื่อหนังเรื่องนี้ การทำงานเรื่องนี้ถือว่าโหดเพราะมันเป็นการทำงานที่อดหลับอดนอนติดต่อกันหลายวันสัก4วันได้แล้วที่นอนเช้ากัน นับถือทีมงานและนักแสดงทุกคนจริงๆว่าสุดยอด โดยไม่มีใครบ่นค่ะว่าต้องนอนเช้า ทุกคนก็จะเต็มที่กับงานหมด ถ้าถามว่าโฟกัสรักตัวละครตัวนี้มั๊ย ก็รักค่ะ เพราะในเรื่องปลาเองก็มีจุดมุ่งหมายของเขาเหมือนกันคล้ายกับน็อตที่เขาก็มีจุดมุ่งหมายของเขา การดำเนินเรื่องทุกคนมันมีจุดมุ่งหมายว่าทำไม เพราะอะไร ดูมีมิติดีค่ะ น่าสนใจ

Q:มีซีนไหนที่ยากโหดหินมากๆในการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้
A: ซีนที่ยากที่สุดและรู้สึกว่าไม่ชอบที่สุด และซีนที่โหดที่สุด ก็คงเป็นซีนที่มีอุบัติเหตุบนถนน ก็จะต้องปิดถนนกันค่ะไกลมากเลย แล้วก็มีอุบัติเหตุกัน มันก็จะต้องมีเอฟเฟกต์ใช่มั๊ยค่ะ มันก็จะมีเลือด แล้วเลือดมันเหนียวมาก แล้วหนูเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรเหนอะหนะ แล้วนี่ต้องเหนอะไปนอนกลางถนน ตอนนอนอยู่ก็คิด ว่าอยากผ่านซีนนี้ไปเร็วๆซึ่งจริงๆ ซีนนี้เป็นซีนที่ใช้เวลาถ่ายไม่ได้นานสักเท่าไร ใช้เวลาสักชั่วโมง แต่ว่ายากจริงเพราะว่ามันใช้Droneถ่าย(กล้องติดอุปกรณ์คล้ายๆวิทยุบังคับลอยบนท้องฟ้า) แล้วก็เป็นซีนอารมณ์นิดๆ ด้วย ยาก เหนียวด้วย แต่ก็ได้กลับไปอาบน้ำนะคะ แล้วก็กลับมาถ่ายใหม่ ตอนตี4ยังนอนอยู่กลางถนนแล้วก็กลับไปอาบน้ำ แล้วกลับมาถ่ายใหม่ตอนตี 5

FB on October 28, 2014, 11:41:48 PM
สหมงคลฟิล์ม ส่งทีมนักแสดง“THE EYES DIARY”ต้อนรับฮาโลวีนที่คลื่นซี้ด…



          ช่วง INTERVIEW วันอังคารที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา14.00 น. ใครที่เป็นคอภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ต้องห้ามพลาด ติดตามฟังคลื่นซี้ด 97.5 เอฟเอ็ม แล้วพบกับทีมนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง “The Eyes Diary” พวกเขาจะมาทักทายเพื่อนๆชาวซี้ด พร้อมชวนไปหลอนสยองต้อนรับฮาโลวีน พร้อมกันที่โรงภาพยนตร์เร็วๆนี้

FB on October 31, 2014, 03:33:29 PM
เมื่อความตายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะพิสูจน์“รักแท้” ปั้นจั่น -ปรมะ อิ่มอโนทัย กับ “The Eyes Diary” คนเห็นผี บทบาทที่พร้อมดำดิ่งสู่ความมืดมิด ท้าทายทุกความกล้า ถึงขนาดสะสมข้าวของคนตาย เพียงเพื่อเหตุผลเดียว… เห็นคนรักที่ตายกลายเป็น “ผี”






 
Q.เป็นไงมาไงถึงได้มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Eyes Diary คนเห็นผี
          A.สวัสดีครับผม ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย ในเรื่อง The Eyes Diary ผมรับบทเป็น น็อต ครับ ผมได้มาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะว่าหลายคนอาจจะรู้จักผมในเรื่อง It Gets Better ไม่ได้ขอให้มารัก ของพี่กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผม หลังจากนั้นผมก็ได้มีโอกาสไปร่วมงานประกาศรางวัลต่างๆ ก็ได้เจอพี่มะเดี่ยวได้มีโอกาสคุยกันบ้าง เลยไปแคสท์ครับ ยิ่งพอรู้ว่าเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยว ผมก็ดีใจแล้วครับ เอาจริงๆเรื่องนี้ผมตกลงรับเล่นตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านบทด้วยซ้ำนะ เพราะว่างานของพี่เขาส่วนใหญ่จะสะท้อนเรื่องราวของวัยรุ่นได้อย่างลงตัว ให้แง่คิดต่างๆ เป็นเรื่องของความรักด้วย อย่างรักแห่งสยาม หรือถ้าเป็นแนวโหดๆ ก็ 13 เกมสยอง ผมคิดว่าขนาดย้อนเวลาไปหนังพี่มะเดี่ยวยังเจ๋ง ยังสยองขนาดนี้ แล้วเรามาร่วมงานกับเขามันจะออกมาเป็นยังไง พี่เขาค่อนข้างให้ความเชื่อมั่นในตัวเรา ในตัวนักแสดงมากพอสมควร ทำให้ผมประหม่าเหมือนกัน ได้อ่านบทก็รู้ว่ามันน่าจะสนุกมาก และพล็อตเรื่องก็เป็นหนังผีด้วย ซึ่งผมไม่เคยเล่นหนังผีมาก่อน หรือเวลาที่เขามาชวนไปออกรายการผีผมก็จะไม่ไป เพราะผมเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ว่าเรื่องนี้ผมรู้สึกว่ามันต้องไม่ใช่หนังผีธรรมดาๆ คือเป็นหนังผีที่มีแง่มุมให้ได้คิดให้อะไรกับคนดู เพราะว่าเท่าที่คุยกับพี่มะเดี่ยวมันมีเรื่องของความรักเข้าไปผสมด้วย

Q.ต้องมีการเตรียมตัวก่อนถ่ายทำอย่างไรบ้าง
          A. เวลาอ่านบทก็จะทำความเข้าใจให้รู้เรื่องราวทั้งหมด ให้รู้จักตัวละครว่ามีความสัมพันธ์ มีเบื้องลึกเบื้องหลังยังไง ก็มาศึกษา มาตีความทุกอย่าง แต่ว่าเราเป็นคนที่มีจินตนาการไม่เก่ง ยังไม่เห็นภาพรวม จนกว่าจะได้เห็นสถานที่จริงหรือได้ไปถ่ายทำจริงๆ รู้แต่ว่าตัวละครต้องการแบบนี้นะ จนกระทั่งได้ไปถ่ายทำก็เลยเห็นภาพมากขึ้น มันทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

Q.ทราบมาว่าต้องแสดงเป็นตัวละครที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เห็นคนรักที่เสียชีวิต ถึงขนาดสะสมของคนตายเพื่อที่จะได้เห็นผี และเป็นตัวละครที่หม่น ดำดิ่งในความมืดทางความรู้สึกที่สุด เท่าที่เคยแสดงมาเลย
          A. น็อตจะเป็นคนที่ร่าเริงตามประสาเด็กหอ มีมอเตอร์ไซค์คู่ใจเอาไว้รับสาว ตื่นเช้าไปเรียน ตกเย็นก็มาสังสรรค์ น็อตมีแฟนที่รักกันมากชื่อ ปลา (โฟกัส จีระกุล) ซึ่งเขาก็จะนิสัยผู้หญิงๆ ขี้งอน เอาแต่ใจบ้าง ก็เป็นปกติของวัยรุ่นที่มีเรื่องไม่เข้าใจกัน ก็จะทะเลาะกัน เพราะด้วยความที่น็อตเป็นคนไม่ค่อยแสดงออก อาจจะแสดงออกผิดวิธีด้วยซ้ำแค่คิดต่างมุมก็เป็นเรื่องแล้ว จนทำให้เกิดเรื่องราวทะเลาะกัน มีปากเสียงกัน และด้วยความอารมณ์ร้อนทำอะไรแบบไม่ทันคิด ก็เลยเกิดอุบัติเหตุขึ้นจนกระทั่งปลาเสียชีวิต หลังจากนั้นน็อตก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เก็บตัว พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเจอผี ไม่ว่าจะไปทำงานเป็นจิตอาสามูลนิธิเก็บศพกับ จอห์น (แจ๊ค กิตติศักดิ์) เพื่อหวังว่าจะได้สื่อสารกับวิญญาณ โดยเริ่มเก็บเอาข้าวของคนตายมาสะสมมาเก็บไว้ที่บ้าน เพื่อนๆ ที่เคยอยู่บ้านเช่าด้วยกันก็เลยหนีหมด มีแค่ มดตะ( เมโกะ) ที่คอยอยู่ข้างๆน็อต อาจจะเป็นเพราะว่าน็อต กับมดตะอาจมีประสบการณ์ และเคยผ่านเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่คล้ายๆกัน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการที่แต่ละคนจะต้องเผชิญกับประสบการณ์การเห็นผีที่แตกต่างกันไปแต่ละคน

Q.ความท้าทายของการแสดงหนังเรื่อง The Eyes Diary คนเห็นผี
          A.จริงๆ ผมกังวลตลอดเวลาที่ถ่ายทำนะ แต่ว่าไม่ได้บอกใคร แต่ผมจะใช้การถามพี่มะเดี่ยวมากกว่าว่าต้องการอะไร แล้วสิ่งที่เราแสดงออกไปมันดีพอรึเปล่า สิ่งที่หนักใจที่สุด คือผมเป็นคนที่กลัวผีมาก แต่ก็ไม่เคยเจอผี แล้วในเรื่องมันมีซีนที่เราต้องเจอผีด้วย ก็เลยจินตนาการไม่ออกว่าเจอผีจะต้องตกใจระดับไหน มันจะมีรีแอคชั่นยังไงเมื่อเห็นผีอยู่ตรงหน้า มันจะช็อค มันจะตัวแข็ง มันจะตะโกนโวยวาย หรือว่าจะทำอะไร ซึ่งพี่มะเดี่ยวก็มีวิธีช่วยเหลือในการแอ็คติ้งที่ดีเลย อย่างเช่นซีนที่เราต้องเจอจอห์นโผล่มา คือเขากำลังเล่าเรื่องผีกันอยู่ แล้วจอห์นโผล่มา ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นแล้วต้องตกใจ ซึ่งผมตกใจไม่ออก พี่มะเดี่ยวก็บอกให้หลับตาไว้นะ แล้วพอแอ็คชั่นเขาก็เปลี่ยนเป็นพี่ทีมงานคนอื่นมายืนแทน มันก็เลยได้ผลการตกใจจริงๆ มันยาก เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทุกอย่างมันต้องสด แล้วถ้ามีอะไรอยู่ข้างในมันก็จะไม่จริง แล้วตอนที่น็อตต้องร้องไห้ เหมือนจะเป็นบ้าจะจิตๆ หน่อยๆ ระเบิดอารมณ์ก็มี

Q.เสน่ห์ในความเป็นหนังโรแมนติค ที่สอดแทรกอยู่ในบรรยากาศของความสยองขวัญของเรื่องนี้
          A. แตกต่างจากหนังผีทั่วไป เพราะว่ามันไม่ได้สักแต่ว่าจะทำให้คนดูตกใจ แต่มันมีเรื่องราวของความรักด้วย และผมก็รู้สึกอินกับตัวละครปลาจริงๆ มันก็จะเป็นอะไรที่ลงตัว จนถึงขั้นผมติดรอยยิ้มของโฟกัสกลับไปที่บ้าน เหมือนหลงเสน่ห์รอยยิ้มนั้นจริงๆ เวลากลับมากรุงเทพก็อยากจะให้ถึงวันที่มีคิวถ่ายเร็วๆ จะได้ไปเห็นรอยยิ้มนั้นอีก ส่วนเรื่องสถานที่และการถ่ายทำก็ค่อนข้างอินมากพอสมควร เพราะว่าแต่ละสถานที่มันมีเรื่องราว อย่างบ้านน็อตเองที่อยู่ประจำ ต้องยกนิ้วให้กับทีมอาร์ตที่หาบ้านได้สวยมีสไตล์ และมีกลิ่นอายของความหลังเยอะมากๆ ในเรื่องของรายละเอียดก็ทำออกมาได้ดี เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปที่มุมไหนเราจะเห็นรูปแฟนเก่าของเราติดอยู่เต็มห้องไปหมดเลย จะเห็นภาพเขา เห็นความทรงจำที่มีความสุขอยู่ในนั้นตลอดเวลา แล้วมันทำให้เราคิดถึง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับเราแล้ว

Q.ความหลอนที่แตกต่าง
          A. เรื่องมุมภาพมันก็แตกต่างแล้ว คือมี Drone (กล้องถ่ายทำที่ติดอุปกรณ์คล้ายเครื่องบินบังคับวิทยุสำหรับถ่ายภาพทางอากาศ) เข้ามาใช้ในการถ่ายทำฉากต่างๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ คือผมเคยเห็นนะ แต่ไม่เคยเห็นมุมภาพแบบนี้ทำให้รู้สึกว่ามันเจ๋ง อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายเร็วๆ สำหรับมุมของคนดูผมว่ามันตื่นเต้นนะ อย่างเช่น ผีตัวขาดครึ่งท่อน ผีตายทั้งกลม หรือผีไฟไหม้ แล้วด้วยสถานที่ถ่ายทำมันอันตรายแล้วก็ค่อนข้างเสี่ยงด้วย พอออกมาเป็นภาพมันก็น่ากลัว

Q.ว่ากันว่าในแต่ละโลเกชั่นทุกสถานที่ถ่ายทำล้วนแล้วแต่ชวนให้เกิดอาการขนลุก
          A .ทุกโลเกชั่นที่เป็นสถานที่จริงหมด มีเรื่องราวหมด แต่ที่ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผม ผมยกให้บ้านน็อตน่ากลัวที่สุด ไม่รู้ทีมงานรู้หรือเปล่า แต่เวลาทุกคนกินข้าวกันข้างนอก แล้วบ้านมันถูกปล่อยให้ว่างเนี่ย ผมไม่เคยไปเข้าห้องน้ำที่ในบ้านเลย เพราะเคยจะเข้าห้องน้ำครั้งหนึ่ง แล้วพอเดินเข้าไปรู้สึกว่ามันแปลกๆ ออกมาดีกว่า คือบ้านมันมีการออกแบบที่สวยนะ เป็นบ้านที่เท่ห์ มีห้องใต้หลังคา มีบันไดขึ้นไป มองลงมาเห็นทั้งห้องรับแขก ห้องครัว ห้องกินข้าว แต่ผมเข้าไปแล้วผมรู้สึกเย็นยะเยือก เหมือนรู้สึกว่ามันมีเหลี่ยมมุมที่มีใครแอบมองดูผมอยู่จากข้างบนแล้วมองนิ่งๆลงมาอะไรอย่างงี้ พูดแล้วยังขนลุกเลย

Q.เพิ่มดีกรีความหลอนสยองจากของคนตาย
          A. ของต่างๆ มันจะมี Symbolic มันจะมีเรื่องราวของมันอยู่ และที่สำคัญคือของที่ทีมงานเขาไปหามามันเป็นของเก่าที่เราไม่รู้ว่าประวัติที่มามันเป็นอย่างไร แต่ว่าเป็นของที่ผ่านเรื่องราวมาแล้ว มันจะมีความขลังในตัวของมัน ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ตัวละครหรือว่าเรื่องราวที่มันจะดำเนินไป แต่ว่ามันใช้ของในการบอกเล่าเรื่องราวด้วย แล้วในการสื่อถึงตัวละครแต่ละตัว มันก็เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าตัวน็อต กับปลาเองก็มีของที่เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงกันอยู่เหมือนกัน

Q.ว่ากันว่าทีมออกแบบงานสร้าง และฝ่ายอาร์ททำการบ้านกันหนักมาก
          A. ทีมงานเซ็ททุกอย่างได้เหมือนจริงมาก จนผมเห็นแล้วรู้สึกคลื่นไส้เหมือนกัน อย่างฉากกู้ศพในภาพยนตร์ แล้วเราก็ไปถามกู้ภัยว่าพี่มันเป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ เขาก็บอกเป็นอย่างนี้เลย ไส้ ตับ ม้าม เศษเนื้อถูกครูดไป บางกรณีหนักกว่านี้อีก กระจายกว่านี้ อย่างบางทีต้องไปนั่งหาลูกตาในพงหญ้า ผมถึงบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ทีมอาร์ตก็ช่างละเอียดเหลือเกิน

Q.เป็นหนังผีที่มีทั้งในส่วนของอารมณ์โรแมนติค และสยองขวัญที่นักแสดงต้องมีฉากที่ต้องเล่นกับอารมณ์ทางการแสดงเยอะทีเดียวด้วย
          A. คือในตัวบทเองมันครบทุกอย่างแล้ว เพียงแค่เราเว้นคำพูดให้ดี น้ำหนักเสียง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำได้สมบูรณ์หรือเปล่า แต่คำพูดมันก็ไม่เท่ากับความรู้สึกข้างในของตัวละครหรอก ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำได้ดี คือตอนที่ผมบิ้วท์น้องในตอนแรก ตอนที่ยังไม่เข้าบทมากกว่า พอบิ้วท์เสร็จเขาก็สั่งแอ็คชั่นเลย คราวนี้อารมณ์มันก็เริ่มมา ผมก็พูดไดอะล็อกของตัวน็อต ใส่มดตะ(เมโกะ)ไป แล้วผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เหมือนห้องนั้นมีแค่เราสองคน แล้วเล่นไปก็รู้สึกกลัวตัวเองไปด้วย คนที่ทำร้ายคนอีกคนให้เกือบจะเป็นบ้าได้ แค่คำพูดหรือประโยคที่พูดออกไป และฉากที่ประทับใจมากที่สุด ก็คือฉากที่เล่นกับเมโกะ คือต้องการเจอคนที่เราเคยรัก เพียงแต่น็อตยอมรับความจริง แต่มดตะหลอกความรู้สึกตัวเอง ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง การกลับมาที่บ้านครั้งนี้ ก็คือการที่น็อตจะมาทำให้มดตะรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังคิดเธอหลอกตัวเองอยู่ ฉากนี้ก็จะเห็นน็อตใจร้ายมากๆ ด้วยการใช้คำพูดในการที่จะทำให้มดตะเสียใจมากๆ จนกระทั่งระเบิดอารมณ์ข้างในส่วนลึกออกมา ซึ่งตัวน็อตก็จะเป็นคนที่รู้แบรคกราวด์ชีวิตเขา ก็เลยพาเขามาปลดชนวนในที่ๆ เขาไม่อยากกลับมาที่สุด เป็นที่ๆ เขาเสียใจที่สุด ที่ๆ เขาสูญเสียทุกอย่างไป ก็ต้องบอกว่าเมโกะเก่งมาก เขาหยุดตัวเองได้ แล้วเขาก็กลับมาในความเป็นจริงได้ทันทีหลังจากที่ผู้กำกับบอกคัท แต่ตอนที่ผมบิ้วท์น้องผมก็ใช้คำที่สะเทือนอารมณ์ไปเหมือนกัน ยังไงก็ต้องขอโทษน้องเมโกะด้วย

Q.ประสบการณ์ผีๆในกองถ่ายหนังผี
          A. ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวที่เขาเจอกัน รู้สึกมีพลังบางอย่าง รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เมโกะเห็นคนแก่ เราก็รู้สึกว่านีเป็นน็อตเปล่าเนี่ย ไม่เห็นอะไรเลย แจ็คเจอรอยนิ้วมืออยู่บนท้อง ส่วนผมคือไม่มีเวลานึกถึงผีเลยครับ ถ่ายเช้ายันเช้า กลับบ้านก็ร่างแหลกแล้ว ไม่มีเวลากลัวผีเลยจริงๆ แล้วที่สำคัญคือพอจบภาพยนตร์เรื่องนี้ไป ผมไปค้างตามสถานที่ต่างๆ เวลาผมไปทำงาน ที่มืด ที่เปลี่ยว ที่เขาว่ามี ผมกลัวผีน้อยลงไปเลย เพราะเหมือนผมไปเจอที่หลอนมาแล้ว มันน่ากลัวมากจริงๆ เลยกลายเป็นว่าไม่กลัวความมืดแล้ว

Q.ฝากผลงานภาพยนตร์
          A. ฝากเรื่อง The Eyes Diary คนเห็นผี ด้วยนะครับ 30 ตุลาคมนี้ได้ดูพร้อมๆ กันครับ เรื่องนี้เราตั้งใจทำงานกันมากๆ แล้วเป็นหนังเรื่องที่สองของผม แล้วทุกครั้งที่ทำงานก็พยายามใส่ใจลงไปให้มากที่สุด แล้วก็ทุ่มเทกับมัน หวังว่าคนดูจะได้ Message ที่ผู้กำกับต้องการ แล้วหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้แง่คิดกับคนดูไม่มากก็น้อยนะครับ ได้มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับความรัก แล้วผมว่าเรื่องนี้มันมีธรรมะแฝงอยู่เหมือนกัน อย่างเรื่องการปล่อยวาง ยังไงก็ต้องไปติดตามกันดู แล้วจะได้เห็นมุมมองการกำกับภาพใหม่ๆ ของพี่มะเดี่ยว การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เหมือนเป็นกำไรของคนดู

FB on November 03, 2014, 04:01:40 PM
“เมโกะ- ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย” คลื่นลูกใหม่มากฝีมือ กับเซอร์ไพรส์ทางการแสดงจนต้อง “จับตา”



           คือสาวหน้าเก๋จากหนังอินดี้เมื่อปีกลาย
          “Marry is happy, Marry is happy” และ “ตั้งวง”
          แต่ปีนี้พร้อม “ปล่อยของ” กับ บทบาทสุดเข้มข้นใน
          “The Eyes Diary” โรแมนติคสยองขวัญชวนขนลุก
          จน “มะเดี่ยว” ต้องยกนิ้ว

Q.ก่อนอื่นแนะนำตัวกันก่อนเลย
          A.สวัสดีค่ะ เมโกะ-ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพค่ะ ถ้าถามถึงความฝันจริงๆ เมอยากเป็นแอร์โฮสเตสคะ ฟังๆดูแล้วมันดูขัดๆกันนะ จริงๆก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงด้วย ตอนเด็กๆก็ชอบแสดงออกนะคะ เป็นงานเวทีที่โรงเรียนประมาณนี้มากกว่า ผลงานที่ผ่านมาก็มีโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ ก็สก็อตเพรียวเร่ค่ะ แล้วก็มี MV บ้าง ส่วนผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมาก็มีเรื่องตั้งวง และ marry is happy ที่คนจะจดจำได้เยอะสุด
Q.คิดอย่างไรกับ “การแสดง”
          A.เมว่าเมชอบการแสดงนะ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของการแสดงค่ะ หลังๆ มานี่ก็จะมีผลงานเยอะขึ้น อาจจะเป็นเพราะคนเห็นผลงานเราเยอะขึ้นและชื่นชอบในตัวละครที่เราได้รับบทให้เล่นมากกว่า ล่าสุดตอนนี้ก็กำลังจะมีหนังเรื่อง “The Eyes Diary” ซึ่งเมแสดงเป็นมดตะค่ะ
Q.แล้วเป็นมาอย่างไรถึงได้เข้ามารับบทเป็น1ในตัวละครสำคัญของThe Eyes Diary หนังเรื่องใหม่ของผู้กำกับอย่างมะเดี่ยว
          A. เมไม่รู้ว่าพี่มะเดี่ยวเห็นอะไรในตัวเมรึเปล่า หรืออะไรเขาถึงไว้วางใจให้เมมารับบทเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่ใช่หนังผีทั่วไปธรรมดาๆ ค่ะ มันเป็นหนังผีที่มีความโรแมนติคเข้าไปด้วย ซึ่งมันหายากมากเลยนะในประเทศไทยเราตอนนี้ โดยปกติแล้วหนังผีทั่วไปก็จะเป็นผีออกมาหลอกแบร้ แต่เรื่องนี้มีการผสมผสานเรื่องโรแมนติคเข้าไปทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นมาค่ะ คือพี่มะเดี่ยวให้พี่โปรดิวเซอร์ติดต่อมาค่ะ
Q.พอได้มาร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวรู้สึกอย่างไร
          A.เมชอบผลงานเรื่อง Home ของพี่มะเดี่ยวมาก แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ความไว้วางใจในการรับเลือกมาเล่นหนังของพี่เขา เพราะว่าเมอยู่ในสายอินดี้มาตลอด คนก็จะมองว่าเมเล่นหนังแบบปกติทั่วไปไม่ได้ พอได้มาร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวแล้วเรารู้เลยว่าพี่มะเดี่ยวเป็นคนตั้งใจทำงานค่ะ เขาเป็นคนดุนะ แต่เราเข้าใจเขาว่าที่เขาดุเพราะอยากให้ทั้งตัวเราและทั้งตัวหนังเป็นอะไรที่ออกมาแล้วเฟอร์เฟ็คที่สุด ซึ่งเมชอบการทำงานของเขา มีวันหนึ่งที่พี่มะเดี่ยวไม่สบาย ก็ยังต้องมีการถ่ายทำ ถึงแม้จะมีการถ่ายแบบเฟสไทม์มา แล้วก็สั่งคิว เราเห็นสปีริทความตั้งใจในการทำหนังของพี่มะเดี่ยว มันเลยทำให้หนังแสดงมีสปิริทที่อยากจะทำงานกับเขาค่ะ คือพี่มะเดี่ยวเป็นหนัก แต่ยังมีสปิริทในการเป็นผู้กำกับ เมว่าพี่มะเดี่ยวเป็นคนที่มีวิชชั่นที่แปลกแต่ดี มันจะไม่ค่อยเหมือนผู้กำกับทั่วไปในประเทศเราค่ะ คือเขาจะมีมุมกล้องแปลกๆ ของเล่นแปลกๆ และอะไรที่มันน่าตื่นเต้นในการเสนอดำเนินเรื่อง ในบทในคำพูดเล็กๆ น้อยๆ มันเป็นอะไรที่มีความใหม่ มีความสด และน่าสนใจ พี่มะเดี่ยวเป็นคนทำหนังที่เมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกับคนค่ะ หนังมันคือการถ่ายทอดความรู้สึกของผู้กำกับ ทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ผู้กำกับเลย มันคือการถ่ายทอดในสิ่งที่เขาได้ไปเจอะเจอมา สิ่งจากคนรอบข้างเขา ประสบการณ์ต่างๆ คือเมรู้สึกว่าหนังพี่มะเดี่ยวล้วนสร้างมาจากพื้นฐานความเป็นจริงค่ะ
Q.ตอนที่ได้มีโอกาสเห็นบทอ่านบทครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง
          A.ตั้งแต่เห็นบทครั้งแรกตื่นเต้นค่ะ ไม่เคยเล่นหนังผี ไม่เคยเจอผี ไม่เคยรู้ว่าผีเป็นยังไง ต้องกลัวผียังไง คือเมว่าการเล่นหนังผีเป็นอะไรที่ท้าทายมากเลยนะ เราไม่เคยสัมผัสว่าผีเขาเป็นยังไงแต่เราต้องแสดงความรู้สึก สิ่งที่เรามโนขึ้นมาว่ามันเป็นรูปร่างยังไง เมดูหนังผีเยอะมาก จริงๆ เป็นคนชอบดูหนังผีอยู่แล้วค่ะ แล้วก็พยายามสังเกตตัวละครที่เขาเล่นหนังผีว่าเขากลัวยังไง เวลาเจอเขาแสดงออกยังไง คือหนังเรื่องนี้เป็นการรวบรวมความรู้สึกของตัวละครต่างๆ เข้ามา ทำให้มันเกิดเรื่องราวขึ้น คือตัวละครแต่ละตัวจะมีอารมณ์ มีออฟเจ็คต์ที่แตกต่างกันออกไป แล้วมันทำให้เกิดเป็นเรื่องราวซึ่งมีทั้งแอคชั่น ฮอร์โรร์ และก็โรแมนติก ผสมผสานกันจนเป็นเรื่องเป็นราว เป็นหนังเรื่อง The Eyes Diary ซึ่งน่าสนใจมากค่ะ
Qบทบาทและคาแร็คเตอร์ของตัวละคร “มดตะ”ที่เราได้รับ
          A. มดตะ เป็นเด็กสาววัยรุ่นทั่วๆ ไปที่มีชอบไปเที่ยวกับเพื่อน สังสรรค์กับเพื่อน เพียงแต่ที่ผ่านมามดตะอาจจะเจอเรื่องราวต่างๆในชีวิตมาเยอะพอสมควร ทำให้เขามีปมลึกๆ ในจิตใจ แต่เป็นคนเลือกที่จะปิดความรู้สึกนั้นไว้ อาจจะเป็นการหลอกตัวเอง หรือเป็นการพยายามสร้างความสุขให้ตัวเองในการใช้ชีวิต โดยไม่เอาปมของตัวเองไปทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน และปมที่ว่านี้ มันดันไปคอนเน็กกับน็อต ซึ่งเราสองคนมีปมคล้ายๆ กัน เป็นเรื่องความรัก เป็นเรื่องคนใกล้ตัวเนี้ยแหละค่ะ
Q.ความท้ายทายของการแสดงหนังเรื่อง “The Eyes Diary”
          A.มันยากเลยแหละ มันไม่ใช่แค่คำว่าท้าทายหรอก จริงๆ มันท้าทาย มันน่าสนใจค่ะ แต่ว่ามันก็ยากนะ เพราะเราไม่เคยเจอผี ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นรูปร่างแบบนี้นะ เราต้องกลัวเขาอย่างนี้นะ ต้องแสดงออกกับเขาแบบนี้นะ คือเมรู้สึกนะว่าถ้าในชีวิตประจำวันเจอผี อยากคุยกับเขาด้วยซ้ำว่าทำไมถึงเป็นผี (หัวเราะ)
Q.เสน่ห์ของหนังเรื่อง “The Eyes Diary”
          A. เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือโลกคนเป็นกับโลกคนตายมันเชื่อมต่อกัน เชื่อมโยงกัน ซึ่งเมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มันยังมีอยู่ในชีวิตจริง แม้แต่กระทั่งไม่ใช่ในหนังนะค่ะ ในชีวิตจริงคนเรามันยังมีความเชื่อที่จะไปวัด ไปทำบุญโลงศพ เพื่อที่จะคอนเน็กกับเขารึเปล่า เมไม่รู้ว่าคนที่ทำแบบนี้เพื่ออะไร มีพิธีบูชาโน้นนี้ มันทำให้รู้สึกว่า หนังเรื่องนี้แหละมันคือการถ่ายทอดเรื่องราวอารมณ์ของคนเหล่านั้น ว่าเราเองรึเปล่าที่เป็นคนเปิดรับเขาเข้ามา เราเป็นคนเลือกที่จะให้สิ่งพวกนี้เข้ามาวนเวียนอยู่รอบกายเรา และเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือเราได้เห็นอีกโลกของวิญญาณ ได้เห็นอีกโลกหนึ่งของคนตายที่เขาตายไปแล้วเขารู้สึกยังไง เขาอยากจะคอนเน็กกับเราเพื่ออะไร มีจุดประสงค์อะไร เรารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของคนที่ตายไปแล้ว แล้วก็ความต้องการของคนตาย หนังเรื่องนี้มีความใหม่ค่ะ คืออย่างที่บอกไม่เคยมีใครเห็นผีตัวเป็นๆ มันต้องใช้ความพยายามซึ่งยากมากในการครีเอทมันขึ้นมา ว่ามันต้องมีรูปร่างแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ เสียงแบบนี้ เมรู้สึกว่าพี่มะเดี่ยวดีไซน์มันออกมาได้เพอร์เฟ็คค่ะ แล้วทุกตัวละครล้วนมีเสน่ห์ในตัวเองคือทุกตัวละครจะมีความต้องการแตกต่างกัน เมรู้สึกว่าทุกคนมีปมในใจ มีเรื่องที่เกิดขึ้นในใจแตกต่างกัน แต่ว่าเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ทุกตัวเลย อันนี้คือเสน่ห์ของตัวละครในเรื่องนี้ แล้วทุกคนคอนเน็กกันจริงๆ ค่ะ มีเรื่องราวที่ผสมผสานกันจนเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกันได้
Q.พูดถึงความหลอนสยองของ “The Eyes Diary”
          A. คือเรื่องนี้เป็นหนังผีที่เหนื่อยค่ะ เมรู้สึกว่าคนดูก็จะเหนื่อยตามเมไปด้วย เมรู้สึกว่าในหนังเรื่องนี้ตัวละครของเราเจอผีกันไม่หยุดไม่หย่อน ผีมีหลายตัวมาก ซึ่งผีแต่ละตัวไม่เหมือนกันเลยค่ะ บางทีผีวิ่งตาม เราพยายามหนีจนเหนื่อย จนล้า คือไม่เอาแล้วค่ะ มันก็ยังตามมา แล้วด้วยมุมกล้องนะคะ ทำให้ไอเดียนี้เป็นอะไรที่ใหม่ และคนดูน่าจะกลัวตามๆ นักแสดงไปด้วย มันมีซีนหนึ่งที่ผีต้องเดินตามเม คือเราก็คิดว่าแค่เดินตามธรรมดา พอถ่ายจริงคือมันน่ากลัวมาก มากๆ ด้วยสถานที่ ด้วยมุมกล้อง พอเมไปดูในมอนิเตอร์แล้วขนลุกมาก คือมันเดินตามจริงๆ แล้วชิดมากแบบหายใจรดต้นคอ แล้วเราก็ไม่รู้จุดประสงค์ของเขาว่าเขาจะมาทำร้ายเรารึเปล่า หรือเขาต้องการอะไรจากเรา คือเมใช้คำว่าหนีไม่พ้น หนีไม่รอด หนีไม่ได้ จนมุมเลยดีกว่าค่ะ ผีตามไม่เลิกลาเลยจริงๆ เขาเป็นผีเขาคงไม่เหนื่อยหรอกนะ คือมันหนีจนไม่มีทางหนีแล้วค่ะ แต่เดี๋ยวต้องไปดูในหนังว่าเราจะสามารถหนีมันพ้นรึเปล่า
Q.เพิ่มดีกรีความหลอนจากโลเกชั่นและสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำ
          A. สถานที่ทุกสถานที่ที่ไปถ่ายเป็นสถานที่ร้างจริงๆ ไม่ได้เซ็ตอัพขึ้นมา หนังเรื่องอื่นอาจจะเซ็ตอัพขึ้นมา แต่เรื่องนี้ใช้สถานที่จริงๆ แล้วก็พร็อพบางชิ้นที่อยู่ในหนัง เมคิดว่ามันเป็นของจริงที่อยู่กับสถานที่นี้ด้วยซ้ำ เมนั่งมอเตอร์ไซต์พี่ปั้นจั่นแล้วเมยังคุยกับพี่ปั้นดูซิ เห็นเปล่า เหมือนเชือกผูกคอตาย พี่ปั้นก็บ้าเหรอ ไม่มีหรอก แต่มันเป็นสิ่งที่เขาเซ็ตขึ้นมาค่ะ แล้วมันเหมือนจนทำให้เมหลอนมาก อยากจะหยาบคายออกมาว่า หลอนโคตรโคตร แล้วเวลาเดินไปไหน อย่างพื้นที่โรงพยาบาลร้างที่เวชปัญญามันมีหลุม มีอะไรเหมือว่าเป็นสถานที่ที่มีอันตรายอยู่รอบตัวเลยค่ะ แล้วทีมงานทุกคนก็เหมือนแบบ เดี๋ยวเจอโน้น เดี๋ยวเจอนี้ แล้วเมก็ชอบทีมเมคอัพเอฟเฟกต์มาก (แต่งโดยคิว กิตติชนม์ กุลรัตน์ชล (Special Effect make up)จากคิวเอฟเฟกต์เวิร์คช็อพQ FX workshop ผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการสร้างสรรค์งานเมคอัพเอฟเฟกต์ในโลกภาพยนตร์มือ1ของไทยที่มีความสามารถโดดเด่นในระดับโลกอยู่เบื้องหลังความยับเยินปางตายของไรอัน กอสลิงใน Only God Forgives ,แปลงโฉมหน้าของ โจวเหวินฟะให้กลายเป็นขงจื้อตอนแก่ใน Confucius ,ดอนนี่ เยน ใน ICEMAN3D, Hang over , WUXIAเดชไอ้ด้วนเวอร์ชั่นดอนนี่ เยน-ปีเตอร์ ชาน ฯลฯ)คือเขาแต่งตัวผีออกมาได้เหมือนมาก ตัวแผล หรือว่าตัวผีต่างๆ เขามีความครีเอทีฟมากๆ ว่ามันจะต้องออกมาอย่างนี้นะ เลือดมันควรจะไหลไปทางนี้นะ คือจริงๆ ทุกคนมีพื้นฐานของความตั้งใจทำงานมาก มันเลยทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาหลอน ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่างแน่นอน
Q.ถ่ายหนังผีอย่างนี้มีก็ต้องมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเห็นผีบ้างรึเปล่า
          A .เมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีเซ้นส์ มันเป็นความรู้สึกว่าเราคิดไปเองรึเปล่า เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์ไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่เรามโนจิตไปเอง แต่ว่าแจ๊คค่ะ แจ๊คจะเจอหนักมาก คือตื่นมาแล้วมีรอยมือที่ท้อง เป็นรอยมือซึ่งครบ 5 นิ้วเลย ถ้ามันเกิดด้วยตัวแจ๊คเองนะ คนเรามันตื่นมาสักพักแล้วรอยพวกนั้นมันต้องหายไปแล้วค่ะ แต่นี่รอยมันยังอยู่ แล้วแจ็คก็เจอกดคาง ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำอะไรใครมารึเปล่าไม่รู้
Q.ที่ว่าหนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์การทำงานที่มีครบทุกรสชาติที่ไม่มีวันลืม
          A. ได้ทำอะไรเยอะมากค่ะ ไม่เคยถ่ายอะไรที่แบบ 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้าของอีกวันค่ะ เราเคยแต่ทำงานที่ ม. หรือทำงานหนักๆ แต่ว่านี่เราต้องอยู่เช็ตตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 6 โมงเช้า แล้วฝนก็ตก อากาศก็มืด ยุงก็กัด คืออะไรๆ มันก็เอื้ออำนวยเรา ด้วยความที่เรามาอยู่เชียงใหม่ แต่ว่าเมรู้สึกว่ามันสนุกและอยากจะทำมัน ไม่ได้รู้สึกว่าโดนบังคับหรืออะไรเลย อย่างต้องวิ่งกันจนปวดขาเลยทีเดียว คือตัวละครที่เป็นคนนี้ เราก็ต้องหนีผีคะ เราคงไม่ไปนั่งคุยกับผีหรอก ในฉากมีเมกับพี่ปั้น แล้วพี่ปั้นเขาตัวใหญ่แรงเยอะมาก เวลาถ่ายเขาต้องลากหนูค่ะ แล้วมันเจ็บมาก เขาเป็นคนวิ่งเร็วคะ หนูวิ่งตามเขาไม่ทัน จนแบบต้องใส่เกียร์หมาวิ่ง แต่ยังวิ่งตามไม่ทันเลยอ่ะ ที่สำคัญเมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีเสน่ห์ในตัวของมันเองค่ะ แม้วันที่เมไม่มีคิว เมยังอยากที่จะมากองเพื่อที่จะมาให้กำลังใจนักแสดงคนอื่น ฮาๆๆ แต่จริงๆ แล้วเมว่าเป็นเพราะความหลอนไม่อยากอยู่โรงแรมคนเดียวมากกว่า(หัวเราะ)
Q: พอรู้ว่าจะต้องมาเล่นหนังผี คนรอบข้างมีใครให้คำแนะนำอะไรบ้างมั๊ย
          A: เมเป็นคนซนค่ะ ทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าเมเป็นคนซนมาก จะชอบพูดโน้นพูดนี้ แหย่โน้นแหย่นี้ แต่ถ้าถามว่ากลัวมั๊ย เมเป็นคนไม่กลัวผีนะ แต่ว่าไม่เคยลบหลู่ คือก่อนนอน คุณพ่อก็จะให้สวดมนต์ แต่เมเชื่อเองว่าเมไม่ได้ไปล้ำเส้นของเขา เขาก็จะไม่มาล้ำเส้นของเม
Q.ทราบมาว่ามีการคิดค้นมุมภาพใหม่ๆแปลกๆเพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นหนังผีโรแมนติคสยองขวัญเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษด้วย
          A. คือทางพี่มะเดี่ยวและผู้กำกับภาพมีการนำเอาเจ้าDRONE มาใช้ในการถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือเมชอบอุปกรณ์เครื่องนี้มาก เป็นเครื่องที่มีใบพัด 4 ใบหมุนติ้วๆ คล้ายๆเครื่องบังคับวิทยุโดยมีกล้องถ่ายทำภาพยนตร์ติดอยู่ ชอบมากค่ะ อยากขโมยกลับ อยากเห็นภาพที่จะฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย สำหรับในภาพยนตร์เราจะได้เห็นในฉากที่น็อตกับมดตะเข้าไปในโรงพยาบาลร้าง ซึ่ง Drone จะถ่ายตอนที่เราขับมอเตอร์ไซด์เข้าไปภาพจะเห็นเป็นมุมกว้าง เมพูดกับพี่ปั้นตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าเมชอบมาก อยากได้กลับไปเล่นที่บ้านมาก มันเป็นเครื่องที่มีมาสักพักแล้วล่ะคะ แล้วต่างชาติเขาก็ใช้กัน เมยังไม่ค่อยเห็นหนังไทยเรื่องไหนใช้เลยนะ วันแรกที่เมลงมาจากโรงแรมแล้วมาเจอเครื่องนี้ เมโทร.ไปบอกเพื่อนว่าอยากได้มาก เมคุยกับพี่ที่เป็นคนบังคับว่าเดี๋ยวหนูขอเล่นนะคะ เมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ยุโรปมากเลยค่ะ รู้สึกเป็นอะไรที่มันใหม่แล้วก็สวยงามมาก เมนั่งคุยกับพี่ปั้นว่าถ้ามุมกล้องมันเป็นแบบนี้มันต้องออกมาสวยแน่เลย คือมันอำนวยความสะดวกเราด้วยแหละ กล้องแฮนดี้แคมมันจะไม่สามารถถ่ายได้มุมสวยขนาดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในฉากนี้เราจะได้เห็นว่ามดตะเป็นคนที่ขาดความอบอุ่นเล็กๆ นะคะ เขาพยายามโหยหาความอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้รับ จากเหตุการณ์ จากปมในใจของเขา จนเขาเลือกน็อตเป็นตัวแทนในการแชร์ความรู้สึกหรือว่าในการเอาอารมณ์ความรู้สึกของน็อตเข้ามาร่วมกับตัวมดตะ แล้วก็ในฉากนี้มันคือการเริ่มต้นของการผจญภัยของทั้งคู่ในหนังผีเรื่องนี้ แล้วภาพที่ออกมา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูในมอนิเตอร์ แต่ได้เห็นตอนมันขึ้น หรือว่ามันถ่าย มันต้องออกมาสวยมากๆ แน่เลย แล้วทุกคนจะได้เห็นความดาร์ก ความน่ากลัวของสถานที่แห่งนี้ค่ะ
Q.ท้ายนี้อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆของเมโกะเกี่ยวกับ“The Eyes Diary”ผลงานหนังเรื่องล่าสุดของเรา
          A.ฝากผลงานหนังเรื่องที่ 3 ในชีวิตของเมด้วยนะคะ กับ The Eyes Diary ค่ะ ก็หนังผี หนังโรแมนติก แอคชั่น เป็นอะไรที่ครบรสมากๆ ก็อยากให้ทุกคนติดตามกันในมุมมองการแสดงใหม่ๆ ของเมด้วยค่ะ

FB on November 04, 2014, 12:46:15 PM
สุดหิน “แจ๊ค-กิตติศักดิ์ เล่น The Eyes Diary คนเห็นผี” เห็นจริง!! อินจัด!! สวมชุด “อาสากู้ภัยเห็นผี”





           เป็นที่จับตามองในด้านการแสดงที่มีความเป็นธรรมชาติสูง และกลายเป็นจอมขโมยซีนมาแล้วจากผลงานที่ผ่านมาอย่าง “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” และ “เกรียนฟิคชั่น” มาถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด The Eyes Diary คนเห็นผี (ดิอายส์ไดอารี่ คนเห็นผี) ที่เราจะได้เห็นพัฒนาการทางด้านการแสดงที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของ แจ๊ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา กับ ภาพยนตร์โรแมนติค-เฮอร์เรอร์ เรื่องล่าสุดของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เรียกได้ว่าทั้งยาก และท้าทายที่สุด โดยต้องสวมบทจอห์นเด็กหนุ่มจากมูลนิธิกู้ภัยที่คอยอาสากู้ชีวิต บรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งเก็บศพจากอุบัติเหตุต่างๆ และที่สำคัญคือ ต้องเห็นผี

          “มันเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและเป็นบทที่ท้าทายมากๆ ด้วยความที่คาแร็คเตอร์ของจอห์นมาแบบนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ดูเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์หลายๆ อย่างในชีวิตถามว่าโตกว่าวัยมั๊ย ผมว่าโตกว่าวัยมากเลย โตกว่าผมด้วย ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยได้รับบทที่มันโตกว่าวัยเลย ในเรื่องผมรับบทเป็นจอห์นจะเป็นคนที่รู้เรื่องราวความเป็นไปทุกอย่าง ในเรื่องจอห์นจะเป็นเพื่อนอาสากู้ภัยกับน็อตซึ่งรับบทโดยพี่ปั้นจั่น โดยที่น็อตมาทำงานกู้ภัยเพราะต้องการที่จะมองเห็นสิ่งเร้นลับ และเขาก็จะคอยเก็บของคนตายกลับบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีเดียวที่ทำให้น็อตเห็นผีได้ เราก็จะอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ จนน็อตข้ามเส้นไปแล้ว จอห์นเลยเป็นคนเดียวที่พยายามห้ามน็อตไม่ให้ทำอะไรที่เลยเถิดกว่านี้”เรียกได้ว่านอกจากต้องอาศัยความสามารถทางการแสดงที่เข้มข้นมากกว่าปกติแล้ว ยังเป็นการแสดงหนังผีเรื่องแรกในชีวิตและถือได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์หลอนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับหนุ่มแจ๊คมาก่อนชนิดที่ว่าทั้งในจอ และนอกจอเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์จริงที่หนุ่มแจ๊คไม่มีวันลืมเลยทีเดียว

          “จำได้ว่าตอนที่ผมใส่ชุดหมีหรือชุดกู้ภัย วันฟิตติ้งผมยังรู้สึกธรรมดาๆ แต่พอได้มาเข้าฉาก ได้มาร่วมกับพี่มูลนิธิจริงๆ ขึ้นมา ผมรู้สึกว่าชุดมันขลังมาก แล้วยิ่งได้สัมผัสบนรถเขาด้วย คือผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะ เวลาผมหายใจเข้าไปผมรู้สึกว่ามันมีเรื่องราวมากมาย มันทำให้ผมอึดอัด คือมันมีบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมแบบนี้ มันทำให้ผมอึดอัด คิดว่าชุดนี้ไม่ใช่ชุดธรรมดาๆ มันต้องมีเรื่องราวผ่านมาแน่ๆ ซึ่งถ้าถามว่า แสดงภาพยนตร์หลอนขนหัวลุกขนาดนี้เคยเจอในชีวิตจริงมั้ย ผมก็ตอบไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร มีอยู่วันหนึง ผมตื่นนอนขึ้นมาหลังจากที่คืนนั้นเราไปถ่ายทำกันที่รพ.ร้างซึ่งเป็นรพ.ร้างจริงๆมีประวัติแน่นอน พอตื่นมามีรอยนิ้วมือ 5 นิ้วที่ท้องเลย ตอนแรกก็คิดว่ามือตัวเอง แต่ไม่ใช่คือมือที่เป็นรอย 5 นิ้วที่ท้องมันเรียวและยาวกว่าเหมือนเป็นมือผู้หญิง ผมก็ยังให้พี่ปั้นจั่นดูเลย ก็เป็นประสบการณ์เห็นจริงที่ผมไม่มีวันลืมแน่นอน”

          เตรียมเห็น เตรียมหลอนกับ The Eyes Diary คนเห็นผี ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on November 06, 2014, 06:57:23 PM
“ไม่เชื่อ และไม่ลบหลู่” กับบทบาท “คนเห็นผี” ของ แจ๊ค กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา และประสบการณ์ตรงที่ทั้ง “โดน” และ “เจอ” มาเต็มๆ



Q.แนะนำตัวและอัพเดตผลงานหน่อย
A.สวัสดีครับ ผมแจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา ตอนนี้ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เอกภาพยนตร์ สำหรับผลงานที่ผ่านมาตอนนี้ก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว ได้เล่นหนังกับพี่มะเดี่ยวตั้งแต่ปี’55 เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ตอนนั้นเล่นบทเป็นบีม เป็นเด็กม.ต้น แล้วก็มาเป็นเกรียนฟิคชั่น ปี’56 ได้รับบทเป็นโมน ซึ่งโมนจะมี 2 คาแร็คเตอร์ คือจะเป็นคนนิ่งๆ ติ๋มๆ หน่อย แต่อีกคาแร็คเตอร์หนึ่งมันจะดาร์กๆ นักเลงๆ หน่อยครับ ส่วนเรื่อง “The Eyes Diary” ในปี’57 นี้ คือ รับบทเป็น จอห์น ครับ ในเรื่องก็จะโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากครับ

Q.ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวเป็นอย่างไรบ้าง
A. อยากขอบคุณพี่มะเดี่ยวมากครับที่ให้โอกาสผมได้มาเล่นหนังแนว Romntic-Horror ที่พี่มะเดี่ยวกลับมาทำในรอบ 10 ปี คนอาจจะเห็นว่าตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมาพี่มะเดี่ยวจะทำหนังดราม่า ตั้งแต่รักแห่งสยาม, Home หรือเกรียนฟิคชั่น มันก็มีดราม่าติดๆ อยู่แล้ว แต่จริงๆ แล้วเขาทำหนังผีมาก่อนอย่างเรื่องคน ผี ปีศาจ, 13 เกมสยอง แล้วพี่เขาก็ทำให้เราเห็นแล้วว่าหนังสยองขวัญที่เขาทำมันสยองแค่ไหน แล้วยิ่งพี่มะเดี่ยวมาให้โอกาสผม ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจและยิ่งเป็นบทที่ท้าทาย เป็นบทที่ต้องเพิ่มระดับความโตของตัวเอง เพิ่มระดับอารมณ์ มันเหมือนเป็นงานชิ้นโบว์แดงของผมเลยนะ

Q.รู้สึกอย่างไรตอนที่เห็นบทครั้งแรก
A. ตอนที่ได้รับบทมาผมก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่นะ พออ่านบทจอห์นก็รู้สึกถึงความท้าทาย เพราะจอห์นจะเป็นคนนิ่งๆ และก็โตกว่าผมมาก ตอนที่อ่านบทแล้วยังไม่ได้คุยกับพี่มะเดี่ยว ผมกับรู้สึกว่าจอห์นมันเป็นคนเก๊กๆ ทำเป็นเท่ไปวันๆ แต่พอมาได้คุยกับพี่มะเดี่ยวจึงรู้ว่าจริงๆ แล้วจอห์นเป็นคนนิ่งๆ นิ่งแบบรู้ความเป็นมาของการตายทุกอย่าง มันเลยเป็นตัวละครที่ซับพอร์ททุกคนเลย ฟังแล้วหล่อเลย(หัวเราะ) ก็จะเป็นคาแร็คเตอร์ที่เหมือนจะโตและผ่านอะไรมาพอสมควร

Q.คาแร็คเตอร์ของจอห์น
A.ในเรื่องจอห์นจะเป็นคนที่รู้เรื่องราวความเป็นไปทุกอย่าง จอห์นจะเป็นเพื่อนกับน็อต(ปั้นจั่น) ก็เป็นเพื่อนกู้ภัยด้วยกันมา ในเรื่องของการทำงานผมเป็นรุ่นพี่ของน็อต ซึ่งน็อตมาทำงานกู้ภัยเพราะต้องการที่จะมองเห็นสิ่งเร้นลับ และเขาก็จะเก็บสิ่งของของคนตายกลับบ้าน ซึ่งของคนตายมันมีเจ้าของอยู่แล้ว จอห์นก็รู้นะ แต่ก็ไม่ห้าม เพราะมันอาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้น็อตเห็นผีก็ได้ ก็จะอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ซึ่งก็เป็นไปสักระยะจนมันข้ามเส้นไปแล้ว จอห์นเลยเป็นคนที่พยายามห้ามน็อตไม่ให้ทำอะไรที่เลยเถิด

Q.เรื่องราวของ “The Eyes Diary”
A.เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้วยกัน พี่ปั้นจั่นรับบทเป็นน็อต เมโกะรับบทเป็นมดตะ โฟกัสรับบทเป็นปลา แล้วก็มีเพื่อนมหาวิทยาลัยที่อยู่ด้วยกันในบ้านหลังนั้นอีก 3 คน ส่วนผมรับบทเป็นจอห์นเป็นเพื่อนกู้ภัยของน็อต สนิทกับน็อตที่สุด ก็มีเรื่องราวมากมายที่ทำให้เกิดเรื่องราวที่ไม่คาดฝันขึ้นมา ซึ่งมีเรื่องราวที่โดดเด่นคือน็อตเก็บของคนตาย สะสมของคนตายเข้ามาไว้ที่บ้านเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ในบ้านเกิดเรื่องราววุ่นวาย ซึ่งทำให้ทุกคนได้เห็นผี แต่จะเห็นผียังไงแบบไหนต้องติดตามในโรงครับ บอกก่อนเลยว่าต่างคนต่างเห็นผีไม่เหมือนกัน

Q.เสน่ห์ของหนังเรื่อง “The Eyes Diary”
A. ตั้งแต่ที่ผมอ่านบท ผมคิดว่ามันไม่เหมือนหนังผีทั่วไป หนังผีทั่วไปเขาต้องการขายแค่หลอก ขายแค่ความน่ากลัว แต่ว่าหนังของพี่มะเดี่ยวเรื่องนี้ทุกๆ อย่าง ทุกๆ เรื่องราวมันมีที่มา มันมีความเป็นมาว่าทำไมถึงออกมาเป็นแบบนี้ มันเล่าเรื่องว่าการตายของคนมันมีบ่วง มันมีอะไรที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่แบบนี้ คือหนังผีเรื่องอื่นจะเหมือนประมาณว่าคนตายไปแล้วเป็นผีมาหลอก แต่นี่ไม่ใช่ครับ ตายไปแล้วมันมีเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากนั้น การที่ผีจะออกมาแต่ละตัวมันไม่เหมือนกันเลย ผมว่ามันเลยคำว่าหลอกไปแล้วนะ ผีแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกันเลย ผมว่าเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ผี คือผีจังหวะของผีที่มาหลอก และการมีเรื่องราวของผี ซึ่งมันแตกต่างจากหนังผีเรื่องอื่นๆ เรียกว่าผีเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องเลยก็ได้ เพราะไม่ใช่แค่มาหลอก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น ผีเหมือนมีความคิดว่าเขาต้องการอะไร ผมว่าพี่มะเดี่ยวเขาคิดและดีไซน์ผีออกมาได้น่ากลัวมาก ผีแต่ละตัวจะมีลักษณะที่บ่งบอกสาเหตุการตายได้ อย่างผีผูกคอตายตัวจะอืดๆ ผีไฟไหม้ก็จะไม่มีผม ผิวไหม้ มีตะกอนเสื้อขาด ไม่มีลูกตา ฟันดำ ซึ่งพี่คิวพี่ทีมเอฟเฟกต์เขาสามารถแต่งผีได้เหมือนจริงและน่ากลัวมากๆ ครับ ซึ่งปริมาณของผีนี้ไม่ได้มีแค่ตัวเดียวครับ มันมีเป็นสิบเลย แล้วพี่มะเดี่ยวเขาสามารถจัดแจงผีว่าซีนนี้มากี่ตัว กี่ตัวจะพอดี หรือกี่ตัวเยอะเกินไป พี่มะเดี่ยวเก่งมากนะ คิดถึงขนาดผีฉากนี้ควรมากี่ตัว

Q.ความยากง่าย ความท้ายทาย
A.ความท้าทายอันดับแรกของผมเลยคือการร่วมงานกับนักแสดงพี่ปั้นจั่น โฟกัส หรือเมโกะ เขาได้รับรางวัลมาหมดเลย เขาได้รับรางวัลที่การันตีว่าเขาเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมจริงๆ ซึ่งผมอาจจะเป็นรางวัลที่เล็กกว่า ผมก็ยกให้เขาเป็นนักแสดงที่ดี ผมว่ามันท้าทายตรงนี้ว่าแบบจะรับมือกับพวกเขายังไง ส่วนเรื่องที่ 2 คือบทที่ผมบอกไป ผมไม่เคยเล่นหนังผี ไม่เคยเล่นบทที่โตกว่าวัย อย่างที่ 3 คือพี่มะเดี่ยวครับ พี่มะเดี่ยวเขากลับมากำกับหนังผีในรอบ 10 ปี เขาก็มีไอเดียใหม่ความท้าทายของผมก็คือว่าจะรับมือกับพี่มะเดี่ยวยังไง ส่วนความยากง่าย ผมว่ายากนะครับ เล่นเป็นคนเห็นผี ผมไม่เคยเล่นก็เลยยาก

Q.ชอบฉากไหน ซีนไหนมากที่สุด
A.ถามว่าชอบฉากไหน ผมชอบทุกฉากเลยครับ ทุกคนทุ่มเทครับ ถามว่าเหนื่อยมั๊ย ผมว่าเหนื่อยมาก ขนาดผมไม่ค่อยได้เข้าฉาก ผมไม่ค่อยได้ทำงานตั้งแต่เช้ายันดึกยังเหนื่อยเลย แล้วยิ่งพี่ตากล้อง พี่ทีมไฟ พี่ทีมงาน เขาทำงานก่อนผม 1 ชั่วโมง เสร็จงานหลังผม 2 ชั่วโมง ผมประทับใจตรงนี้ครับ ซีนที่ผมคิดว่ามันพิเศษก็คือซีนที่ไปเจอผีด้วยกันทั้งหมด ถ่ายที่โรงพยาบาลร้าง เราถ่ายกันอยู่ที่ชั้น 4 ซีนนั้นมันเป็นซีนที่ต้องใช้ Drone (กล้องติดตั้งบนอุปกรณ์บังคับวิทยุคล้ายเครื่องบินบังคับลอยกลางอากาศเพื่อให้ได้มุมภาพที่ถ่ายจากบนท้องฟ้า) เพื่อให้ได้มุมภาพที่กว้าง มองเห็นตัวตึกร้างที่น่ากลัวมากๆ มองเห็นผีและก็เห็นพวกเราทั้ง 4 คน ซึ่งผมคิดว่ามันแปลกใหม่ ผมไม่เคยเห็นหนังเรื่องไหนทำแบบนี้ หนังไทยนะ แล้วยิ่งเป็นหนังผีด้วยเนี้ย ผมคิดว่ามันผสมผสานกันได้ดีมากเลย ผมมีโอกาสได้ดูเพลย์แบล็ค อยากบอกว่ามันสวยมากๆ

Q.มุมมองภาพเพิ่มระดับความหลอน สยองของหนัง
A.ผมเป็นคนดูหนังทุกประเภทอยู่แล้วครับ แล้วผมไม่คิดว่าจะมี Drone มาทำกับหนังผี ซึ่งผมมองว่ามันน่าสนใจ เพราะในแต่ละมุมของพี่มะเดี่ยวหรือในแต่ละภาพที่ออกมามันสวยมากครับ ผมว่ามันไม่ควรใช้กับหนังผีครับ แต่ว่าเขาสามารถเอามาใช้ได้ และทำได้ออกมาดีมาก น่ากลัวมากๆ แล้วยังมีมุมภาพจากสเตดิแคม ที่ให้ภาพหมือนกับให้ผู้ชมเข้าไปมีส่วนร่วมกับนักแสดง หรืออารมณ์ของฉากนั้น ให้มันสัมผัสได้ลึกที่สุด และซึ่งการวิ่งหนีผี เขาใช้สเตดิแคมวิ่งตาม ผมว่ามันระทึกมา มันไม่ได้ตั้งกล้องเฉยๆ มันมีซ้าย-ขวา เหมือนคนจริงๆ ครับ มุมกล้องก็จะเหมือนเราวิ่งตามเขาไปด้วย

Q.เพิ่มดีกรีความหลอนจากสถานที่ถ่ายทำ
A.ตอนแรกที่ผมอ่านบท แล้วดูว่าโลเคชั่นไหนก็คิดว่าธรรมดานะ แต่พอมาดูสถานที่จริงๆ ตั้งแต่ในบ้าน ในโรงพยาบาล สถานที่เกิดเหตุมันมีความขลังของความเป็นมาในแต่ละซีน อย่างบ้านนี้ ไม่รู้เขาคิดได้ไงเอาบ้านกลางป่า แล้วไม่ใช่ป่าสวยๆ แต่เป็นป่ารกๆ มันทำให้อารมณ์บ้านดูน่ากลัว ดูวังเวง และบ้านที่คนตายแขวนคอ เป็นบ้านไม้ ผมคิดว่าถ้าเป็นบ้านไม้ก็เพิ่มความขลังอยู่แล้วนะ แล้วยิ่งอึดอัดอีก มันเป็นห้องที่เล็กแล้วอึดอัด ขนาดผมเข้าไปเฉยๆ ผมยังรู้สึกว่ามันน่ากลัว มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดแทน ซึ่งโลเคชั่นพวกนี้ ผมรู้สึกว่ามันสุดยอด

Q.รับบทเป็นอาสากู้ภัยก็เลยได้มีโอกาสใส่ชุดกู้ภัยเก็บศพด้วย รู้สึกอย่างไร
A.ตอนที่ผมใส่ชุดหมีหรือชุดกู้ภัย วันฟิตติ้งผมยังรู้สึกธรรมดาๆ แต่พอได้มาเข้าฉาก ได้มาร่วมกับพี่มูลนิธิจริงๆ ขึ้นมา ผมรู้สึกว่าชุดมันขลังมาก แล้วยิ่งได้สัมผัสบนรถเขาด้วย คือผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่านะ เวลาผมหายใจเข้าไปผมรู้สึกว่ามันมีเรื่องราวมากมาย มันทำให้ผมอึดอัด คือมันมีบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมแบบนี้ มันทำให้ผมอึดอัด คิดว่าชุดนี้ไม่ใช่ชุดธรรมดาๆ มันต้องมีเรื่องราวผ่านมาแน่ๆ

Q.เมื่อรวมกับเสื้อผ้าหน้าผม สวมคาแรคเตอร์ เข้าสู่บรรยากาศของโลเกชั่นที่เหมือนจริงๆมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเข้าฉากที่ไปกู้ภัยเก็บศพ
A.จะเป็นซีนแรกๆ ของเรื่องเลย เราก็จะเป็นมูลนิธิที่มาเก็บศพ แล้วศพนี้เป็นศพที่เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ถูกรถบรรทุกชนแล้วโดนลากไปกับพื้น ซึ่งมันก็มีไส้ มีเครื่องใน มีเลือด ซึ่งถ้าถามว่าเห็นในฉากแล้วเหมือนมั้ย ผมคิดว่าเหมือนนะ พี่ที่เป็นกู้ภัยก็บอกว่าเหมือน แต่ของจริงอาจจะยิ่งกว่านี้ แต่ผมว่าทำแค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ มันเหมือนจริงขนาดที่ชาวบ้านที่ขับรถผ่านมาจอดรถแล้วลงมาดู เพราะเขาคิดว่ามีอุบัติเหตุ มีคนตายจริงๆ

Q.เล่นหนังผีอย่าง The Eyes Diary เผชิญกับอุปสรรคอะไรในการถ่ายทำบ้างมั้ย
A.ก็มีอุปสรรคในการทำงาน เป็นฉากที่ต้องตกจากที่สูงครับ ซึ่งผมอยากเล่นเอง ผมบอกพี่มะเดี่ยวว่าผมอยากเล่นเอง ก็เล่นจนจนคอเคล็ดครับ วันต่อมาต้องเข้าฉากอีก คอขยับไม่ได้ก็ต้องฝืน ต้องใส่เฝือกเป็นที่รัดคอ ใส่ตลอดเวลาเลย แล้วก็ทายา ถึงขั้นไปหาหมอเลย จบจากซีนนั้นปุ๊บไปหาหมอเลย คือตอนแรกยังไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก แต่พอต้องใช้คอมันก็รู้สึกปวดขึ้นมาก็เลยต้องไปหาหมอ รู้สึกวันนั้นจะโดนไป 4 เทคครับ คือ เอาจริง 3 ซ้อม 1

Q.เห็นว่าเป็นคนมีประสาทสัมผัสในเรื่องเร้นลับโดยเฉพาะประสบการณ์เห็นผี
A.ประสบการณ์เห็นผี ถามว่าเคยเห็นผีมั๊ย บอกเลยว่าไม่เคยครับ แต่ว่าเขามาทัก มาแบบเป็นเสียง เป็นรอย ซึ่งผมเจอทุกแบบเลย เหมือนเขามาทักครับ เป็นรอยมือตรงท้อง เป็นเสียงคนลากเก้าอี้อยู่หน้าโรงแรม ทั้งๆ ที่ตี 4 ครึ่ง ผมคิดว่าเป็นห้องข้างๆ เป็นทีมงาน วันรุ่งขึ้นผมก็ไปถามเขาว่าพี่นอนกี่โมง เขาบอกว่าตี 1 เขาก็นอนกันแล้ว ผมเลยคิดขึ้นมาว่าตี 4 ครึ่งนี่คืออะไร แล้วบรรยากาศยิ่งไปในฉากของโรงพยาบาลร้าง ผมรู้สึกแน่นๆ ผมคิดว่าผมมีเซ็นส์เรื่องนี้นิดๆ คือผมเข้าไปแล้วรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยออก ผมเชื่อในตัวเองว่าถ้าหายใจไม่ค่อยออกต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งในเหตุการณ์

Q.เล่าเรื่องรอยนิ้วมือตรงท้องให้ฟังหน่อย
A.วันนั้นผมกลับมาจากถ่ายหนังเลิกประมาณตี 1 กว่าเกือบตี 2 ผมกลับมาผมจำได้เลยว่าไม่ได้อาบน้ำ ด้วยความเหนื่อยมาถึงผมก็นอนเลย พี่ปั้นจั่นก็นอนอยู่ข้างๆ พอตอนเช้าตื่นขึ้นมา เพราะมีคิวถ่าย ผมกำลังจะอาบน้ำ ถอดเสื้อปุ๊บส่องกระจกเห็นมีรอยมือตรงท้อง ผมตรงใจมากเพราะถ้าเป็นรอยนิ้วมือของผม คือผมต้องนอนทับท้องตัวเองและมันต้องมีรอยยับของเสื้อตรงท้องบ้าง ซึ่งข้างบนหน้าอกมีรอยเสื้อเต็มเลย แต่ตรงท้องไม่มี เป็นรอยมืออย่างเดียว และถ้าผมนอนคว่ำ ก็น่าจะมีรอยเสื้อมากกว่านี้ และถ้าผมเอามือสอดเข้าไปในเสื้อ บริเวณหน้าอกก็ไม่น่าจะมีรอยเสื้อ ซึ่งผมคิดว่ามันประหลาดตรงนี้ครับ ถ้าถามผมว่ากลัวผีมั๊ย ผมเฉยๆ ครับ แต่ผมไม่ลบหลู่ คือตอนที่ผมมีรอยมือ รอยอะไรพวกนี้คนที่กลัวที่สุดคือพี่ปั้นจั่น ไม่ใช่ผม (หัวเราะ)
ยังมีอีกครับ วันนั้นเป็นวันที่พี่ทีมงานเขาบอกให้ยื้อเวลานอนให้นานที่สุดเพราะต้องถ่ายดึกถึงเช้าหลายวัน เขาเลยบอกให้นอนดึกที่สุดนะ เพื่อปรับเวลานอน โอเควันนั้นผมก็นั่งเล่นอยู่กับพี่ๆ ทีมงานกัน ตื่นเช้ามาผมมีรอยแดงที่คาง แล้วก็มีรอยบาดที่นิ้ว ตอนนั้นถ้าผมนอนเล่นบิงโกแล้วแล้วเท้าคาง ก็ไม่น่าจะใช่เพราะรอยแดงกับรอยที่เท้าคางมันห่างกันพอสมควร แล้วรอยนิ้วมือมาจากไหนไม่รู้ ซึ่งเป็นรอยบาด อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้น ตื่นขึ้นมามันไม่ใช่แห้งแล้วนะ มันเพิ่งเปียก มันเป็นแผลที่เพิ่งโดนบาด ซึ่งผมก็ช็อคอยู่กับเหตุการณ์นี้เหมือนกัน แล้วก็มีคืนสุดท้าย มาเป็นเสียง คือผมกลับมาจากถ่ายหนังตอนเช้าประมาณสักตี 5 หรือ 6 โมง ก็ได้ยินเสียง เสียงคนลากเก้าอี้กับกระเบื้อง ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเสียงของห้องตรงข้าม เสียงห้องข้างๆ และก็มีเสียงคนเดิน แล้วผมก็คิดได้ว่าห้องตรงข้ามมีแค่ทีมงานพี่เอ็ฟเฟ็คคนเดียว แล้วหลังจากนั้นมันไม่มีคนอยู่เลย ห้องแถวๆ นั้นจะว่างหมดเลย ผมก็เลยรอตอนเช้าว่ามีใครทำอะไรรึเปล่า ผมก็ถามพี่เอ็ฟเฟ็คตรงข้ามห้องผมบอกว่าประมาณตี 4 ตี 5 พี่ได้ลากเก้าอี้รึเปล่า ได้เดินหน้าห้องรึเปล่า พี่เขาบอกว่าตี 1 พี่เขาก็นอนแล้ว ผมก็เลยคิดในใจว่าแล้วเสียงที่ผมได้ยินมันคืออะไร
Q.เม้าส์เผาเพื่อนๆ ในกองหน่อย
A.ตอนที่ผมรู้ว่าใครเป็นนักแสดงเรื่องนี้นะ ผมคิดว่าเขาจะนิ่งๆ หมดเลย อย่างพี่ปั้นจั่นเขาจะเท่ๆอยู่แล้วตั้งแต่ nice to miss you ผมเห็นเขาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น โฟกัสก็ตั้งแต่แฟนฉัน ก็คงเป็นคนนิ่งๆ แล้วยิ่งเมโกะนี้ เขาเล่นหนังอินดี้ ผมเคยได้ดูหนัง mary is happy ผมคิดว่าเขาคงจะเป็นคนนิ่งๆ เพราะในหนังเขาเป็นคนติสท์ๆซึ่งมาเจอตัวจริงผิดคาดหมดเลย ทุกคนเป็นคนขี้เล่น เป็นคนเกรียน ถึงเวลาทำงานเขาเป็นคนจริงจังมากครับ มีสมาธิมาก แต่พอไม่ได้เข้าฉากเขาก็จะเล่นกัน ผมว่า 3 คนนี้เขามีทริกในการทำให้ตัวเองสดชื่นตลอดเวลา คนปกติเขาคงไม่มาขี่มอเตอร์ไซด์ตอนตี 3 ตี 4 ซึ่งพี่ปั้นจั่นก็มีทริกทำให้ตัวเองตื่นคือแกล้งคนอื่น แกล้งเหมือนเด็กเลย ผมไม่คิดว่าจะเป็นพี่ปั้นจั่นในร่างแบบนี้ ผมก็ถามเขาว่าทำไมทำแบบนี้ เขาก็บอกว่าต้องการตื่น เพราะเขาลากยาวมาตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง ตี 4 ตี 5 ผมก็คิดว่าเขาเก่งมากที่เขามีวิธีทำให้เขาตื่น ซึ่งโฟกัสalert ตลอดเวลาครับ หลัง 2 ทุ่มเป็นต้นไปเขาจะเป็นคนสนุกๆ แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะนิ่งๆ เลย เขาบอกว่าเขาจะตื่นตอน 2 ทุ่ม เมโกะ อีกคนหนึ่ง ผมได้เห็นเขาตอนทำงานเขาเข้าฉากตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 4-5 ทุ่ม ต้องกรี๊ดตลอดเวลาเลยนะ ผมชื่นชมเขามาเลยนะในเรื่องความพยายาม ด้วยความเป็นหนังผีด้วย เพราะถ้าเป็นหนังปกติคงไม่มีใครมากกรี๊ด 4-5 ชั่วโมง

FB on November 11, 2014, 02:51:57 PM
กระแสบอกต่อ “The Eyes Diary คนเห็นผี” แรงเซอร์ไพรส์ผี สะดุ้งหลอนหายใจรดต้นคอ พร้อมเดินสายฉาย “เห็นผีทั่วเอเชีย”





           บอกต่อปากต่อปากมากที่สุดในขณะนี้ สำหรับ “The Eyes Diary คนเห็นผี” (ดิอายส์ ไดอารี่ คนเห็นผี) ด้วยเสียงตอบรับจากผู้ชมที่ได้สัมผัสการ “เห็นผี” มาแล้ว เรียกได้ว่าติดตากันเลยทีเดียว นักแสดงทุกคนก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อถึงฉากเฉลยตอนจบเรื่องที่แนะนำว่า งดการสปอยล์ด้วยประการทั้งปวงเพราะนี่คือฉากที่ทำให้คนดูอึ้ง และขนลุกกันมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะการปรากฎตัว และจู่โจมของผีที่เรียกได้ว่า ทำเอาผู้ชมลุ้นกันตัวโก่ง จนถึงกับต้องมีการให้คำนิยามว่า ผีเรื่องนี้มากันชนิดต้องหายใจรดต้นคอคนดูกันเลยทีเดียว แต่ที่สร้างเซอร์ไพรส์อย่างถึงขีดสุดนั้นคือ นี่คือหนังผีเรื่องเดียวที่จะทำให้ผู้ชมสัมผัสกับรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะที่มาเบรกอารมณ์เครียด ลุ้นได้อย่างถูกจังหวะและพอเหมาะพอดี แถมยังกระชากอารมณ์ให้ซาบซึ้งไปกับรื่องราวและเผลอร้องไห้ไปกับตัวละครอย่างไม่รู้ตัว กับ“หนังผีโรแมนติค-เฮอร์เรอร์ ครบทุกอารมณ์ ที่น่ากลัวที่สุดแห่งปีเลยทีเดียว”

          และในระหว่างที่กระแสผู้ชมภาพยนตร์ในเมืองไทยกำลังร้อนแรงอย่างถึงขีดสุด บรรดาผู้มในต่างประเทศเองก็กำลังนับวันตั้งตารอคอยการเปิดฉายภาพยนตร์เรื่อง “The Eyes Diary คนห็นผี” (ดิอายส์ ไดอารี่ คนเห็นผี) กันอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากที่ผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศได้ติดต่อซื้อสิทธิ์เพื่อไปฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ตัวภาพยนตร์ยังไม่ได้เปิดกล้องถ่ายทำด้วยซ้ำหลังจากที่ได้ฟังคอนเซ็ปท์และเรื่องราวโดยมีกำหนดการเข้าฉายในแต่ละประเทศ่างๆ ดังต่อไปนี้

          พ.ย.-สาธารณรัฐอินโดนีเซีย, ธ.ค.-ราชอาณาจักรกัมพูชา, มกราคม-มาเลเซีย, 9 ม.ค.-ไต้หวัน, ต้นปี’58-ฮ่องกง (เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน) และมีกำหนดการทยอยเข้าฉายในประเทศต่างๆ อาทิ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, สาธารณรัฐสิงคโปร์, สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา(พม่า), สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ต่อไป เรียกได้ว่ากระแสแรงทั้งในเมืองไทย และพร้อมเดินสายให้ชาวต่างชาติได้ร่วมแชร์ประสบการ “เห็น” ครั้งใหม่ทั้งเอเชียเลยทีเดียว ร่วมพิสูจน์ด้วยตาคุณเองได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์