MSN on September 01, 2011, 11:50:15 AM
KTAMเพิ่มทางเลือกเปิดขายตราสารหนี้ใน-ตปท.ชูผลตอบแทน6เดือนรับ3.65%

                   นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน )  เปิดเผยว่า   ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 15(KTSUPB15 )  อายุ 6  เดือน   มูลค่าโครงการ  3,000  ล้านบาท     เสนอขายวันที่  31  สิงหาคม -7  กันยายน 2554   เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนทั้งในและต่างประเทศ    เช่น  เงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า   ธนาคารกสิกรไทย   โดยเงินลงทุนต่างประเทศเป็นเงินฝากของสถาบันการเงินสกุล CNY และ USD  ตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกโดย ICBC Asia สกุล USD  และพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ Monetary Stabilization Bond  โดยคาดว่าจะลงทุนประมาณ 77%  ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากหรือตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในประเทศ    ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.65% ต่อปี

                กองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น   และเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ   โดยเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

                 นอกจากนี้  บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3  ( KTFIX3M3 )   ถึงวันที่  2  กันยายน  2554   เป็นกองทุนประเภท  Rollover ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ  และเงินฝากธนาคารพาณิชย์   ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี 
  สัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 1-6 bp แม้ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.50% ต่อปี  ตลาดตราสารหนี้มีการตอบรับเพียงเล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวอย่างอ่อนแอของภาคการจ้างงาน การบริโภค ขณะที่ปัญหาการปรับลดลงของภาคอสังหาริมทรัพย์  หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ตลาดเริ่มมีความกังวลถึงผลกระทบจากภาคการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต  โดยสังเกตุได้จากเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นอยู่สูงกว่าตราสารรุ่นอายุที่ยาวกว่า (Invert Yield Curve) ซึ่งโดยทั่วไป แนวโน้มนี้จะสะท้อนถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอนาคต 

 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจัยน่าจะเป็นผลจากสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูง ปริมาณตราสารหนี้ออกใหม่ยังมีน้อยกว่าความต้องการ รวมถึงกระแสการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศที่ยังสนใจลงทุนในตราสารหนี้ไทยเนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ต่างประเทศโดยเปรียบเทียบ

สำหรับสถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศ พบว่าเงินฝากในสกุลเงิน CNY และพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศและปิดความเสี่ยงด้วยสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้ากลับเป็นสกุลเงินบาท  จึงถือเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนในต่างประเทศแม้จะมีความผันผวนสูงภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน