Google on July 06, 2011, 11:36:29 AM
MOVIE GUIDE: “อุโมงค์ผาเมือง”


 
          ทีเซอร์ “อุโมงค์ผาเมือง”

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=3dWyiY0-SyI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=3dWyiY0-SyI</a>

          ภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” (The Outrage) ของ “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ “100 ปีชาตกาลของ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช”, “40 ปีของบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” และ “101 ปี ผู้กำกับชั้นเซียน อากิระ คุโรซาวา” ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์ย้อนยุคไปในอาณาจักรล้านนาไทยเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา เล่าเรื่องราวของคดีฆาตกรรมพิศวงระหว่างขุนศึกนักรบ, โจรป่า และเจ้านางผู้เลอโฉม ผ่านการสนทนาของพระหนุ่ม, คนตัดฟืน และสัปเหร่อ ณ อุโมงค์แห่งนครผาเมือง ที่ผู้ชมจะต้องร่วมคลายปมและค้นหาความจริงที่คาดไม่ถึงไปตั้งแต่ต้นจนจบ โดยดัดแปลงมาจากบทละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน” (ประตูผี) อันเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของ “พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” จากนิยายเก่าแก่พันปีของนักประพันธ์ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่น “ริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวะ” อันเป็นที่มาของภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องดังก้องโลกอย่าง “ราโชมอน” (Rashomon) ผลงานการกำกับของ “อากิระ คุโรซาวา” บรมครูอันยิ่งใหญ่แห่งโลกภาพยนตร์เข้มข้นด้วยการประชันบทบาทของทีมนักแสดงชั้นนำ อนันดา เอเวอริงแฮม, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, มาริโอ้ เมาเร่อ, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, ดอม เหตระกูล, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, รัดเกล้า อามระดิษและนักแสดงสมทบอีกคับคั่ง

          อุโมงค์ผาเมือง 8 กันยายน 54 ใน โรงภาพยนตร์

Google on July 06, 2011, 11:38:30 AM
“มาริโอ้” ทุ่มสุดชีวิต พลิกรับบท “พระหนุ่ม” พิสูจน์ฝีมือการแสดงครั้งใหญ่ ใน “อุโมงค์ผาเมือง”


 
          หลังจากที่ได้รับเลือกให้มาพลิกคาแร็คเตอร์ครั้งสำคัญกับบท “พระหนุ่ม” ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีของค่ายสหมงคลฟิล์มเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” โดยผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” แล้ว หนุ่มฮ็อต “มาริโอ้ เมาเร่อ” ก็ได้ทุ่มเทคิวฝึกฝนและซุ่มซ้อมการแสดงกับหม่อมน้อยก่อนเปิดกล้องถ่ายทำนานถึง 5 เดือนเพื่อสวมบทบาท “อานนทภิกขุ” บุตรชายเศรษฐีช่างทำกระจกแห่งนครเชียงคำ ผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาอันแรงกล้าในพระบวรศาสนา ตั้งแต่ยังเยาว์วัยและมีปณิธานแน่วแน่ที่จะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เมื่อท่านถูกเชิญไปเป็นพยานในคดีฆาตกรรมปริศนาอันน่าสะเทือนขวัญแห่ง “นครผาเมือง” จึงทำให้จิตใจอันผ่องแผ้วของต้องหมองมัวเมื่อไม่สามารถหา “สัจธรรม” ในคดีนี้ได้ผู้กำกับ “หม่อมน้อย” ได้พูดถึงการแสดงของหนุ่มมาริโอ้ในครั้งนี้ว่า

          “มาริโอ้ได้พิสูจน์ฝีมือในฐานะนักแสดงชั้นนำคนหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วในเรื่องนี้ เขาสวมวิญญาณ ‘พระหนุ่ม’ ผู้ซึ่งถูกชะตากรรมทำให้ต้องเผชิญกับบาปของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาริโอ้แสดงบทนี้ได้อย่างลึกซึ้งแนบเนียนน่าเชื่อถือในทุกวินาทีของการแสดงเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่มาริโอ้ได้ทุ่มเทเวลามาฝึกซ้อมการแสดงอยู่นานหลายเดือนจนทำให้เข้าถึงบทบาทได้เป็นอย่างดี ทำให้เวลาทำงานหน้ากองนั้นไหลลื่นไม่มีอะไรติดขัดในแง่ของการแสดง เราได้เห็นถึงความตั้งใจมากๆ ของมาริโอซึ่งแสดงได้ดีไม่แพ้นักแสดงมืออาชีพรุ่นพี่ๆ แต่อย่างใดเลย ซึ่งเราคิดว่า ผู้ชมจะประทับใจกับการพลิกบทบาทครั้งใหม่นี้ของมาริโอ้แน่นอน”

“อุโมงค์ผาเมือง” ดัดแปลงจากวรรณกรรมบทละคร “ราโชมอน” หรือ “ประตูผี” ของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งจะนำผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความมืดมิดในเบื้องลึกเกินหยั่งถึงของความเป็นมนุษย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนจอภาพยนตร์ สร้างเพื่อเฉลิมฉลอง “40 ปีของบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” และ “ครบรอบ 100 ปีชาตกาลของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” พร้อมเข้าฉาย 8 ก.ย.

FB on July 24, 2011, 03:41:30 PM


สุดยอดนักแสดงแถวหน้า “อนันดา” ประชันฝีมือ “พลอย เฌอมาลย์” อลังการงานแสดงสุดเข้มข้นอีกครั้ง ใน “อุโมงค์ผาเมือง” 

          หลังจากที่คว้ารางวัลด้านการแสดงยอดเยี่ยมในสาขา “นักแสดงนำชาย” และ “นักแสดงนำหญิง” แทบทุกสถาบันรางวัลภาพยนตร์ไทยจากภาพยนตร์รักอมตะเรื่อง “ชั่วฟ้าดินสลาย” เมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุด “อนันดา เอเวอริงแฮม” และ “เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์“ ก็ได้รับโอกาสอันดีกลับมาประชันบทบาทกันอย่างสุดฝีมืออีกครั้งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” ของผู้กำกับฝีมือละเมียด “หม่อมน้อย-ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ซึ่งทั้งคู่ต้องรับบทหนักแสดงเป็น 4 คาแร็คเตอร์ จากเรื่องเล่า 4 มุมมองในเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวด้วย

โดยหม่อมน้อยได้เปิดเผยหลังจากปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า

          “ครั้งนี้นับว่าเป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบที่สุด และสมศักดิ์ศรีสุดยอดฝีมือการแสดงแห่งวงการภาพยนตร์ ทั้งอนันดาและพลอยต่างก็ทุ่มเทแรงกายและแรงใจจนสุดความสามารถ เพื่อมาสวมบทบาท ‘ขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า’ ผู้สูงศักดิ์ และ ‘แม่หญิงคำแก้ว’ ภรรยาผู้เลอโฉมแห่งนครเชียงหล้า สองสามีภรรยาผู้ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมอันโหดร้ายอย่างน่าพิศวงในขณะเดินทางกลางป่าเปลี่ยว ซึ่งเรื่องนี้ทั้งคู่ต้องประชันฝีมือเชือดเฉือนอารมณ์ทางการแสดงถึงสี่บทบาทที่มาจากเรื่องเล่าสี่มุมมองของตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ด้วยกัน ซึ่งรับรองได้ว่าผู้ชมจะต้องสนุกและประทับใจกับการแสดงของทั้งคู่อีกครั้งแน่นอน”

          “อุโมงค์ผาเมือง” ดัดแปลงจากวรรณกรรมบทละคร “ราโชมอน” หรือ “ประตูผี” ของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งจะนำผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความมืดมิดในเบื้องลึกเกินหยั่งถึงของความเป็นมนุษย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนจอภาพยนตร์ สร้างเพื่อเฉลิมฉลอง “40 ปีของบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” และ “ครบรอบ 100 ปีชาตกาลของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” พร้อมเข้าฉายเร็วๆ นี้

FB on July 30, 2011, 07:47:04 PM
จากสุดยอดบทละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน” (ประตูผี) ของ “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” สู่ภาพยนตร์สุดตระการตาเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” โดย “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล”



          ฉลองครบรอบ “100 ปีชาตกาล พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” “40 ปีบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด”
และ “101 ปี ผู้กำกับชั้นเซียน อากิระ คุโรซาวา”

          ประชันบทบาทสุดเข้มข้นของทีมนักแสดงชั้นนำ มาริโอ้ เมาเร่อ / อนันดา เอเวอริงแฮม / เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง / เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา / ดอม เหตระกูล ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ / รัดเกล้า อามระดิษ และนักแสดงสมทบอีกคับคั่ง

          ร่วมค้นหาความจริงของมหาฆาตกามคดีแห่งโจรป่า นางบาป และขุนศึก 8 กันยายน 2554 ทุกโรงภาพยนตร์ 
 
“อุโมงค์ผาเมือง”

          กำหนดฉาย 8 กันยายน 2554
          แนวภาพยนตร์ พีเรียด-ดราม่า
          บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
          อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
          ดำเนินงานสร้าง เติมพันธ์ มัทวพันธุ์, นัยนา อึ้งสวัสดิ์
          กำกับภาพยนตร์ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล
          บทภาพยนตร์ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล
          กำกับคิวบู๊ พันนา ฤทธิไกร
          กำกับภาพ พนม พรมชาติ
          ออกแบบงานสร้าง พัฒน์ฑริก มีสายญาติ
          กำกับศิลป์ นิติ สมิตตะสิงห์
          ลำดับภาพ สิริกัณณ์ ศรีจุฬาภรณ์
          ควบคุมการสร้างเทคนิคภาพพิเศษ อาทยา บุญสูง
          ดนตรีประกอบ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์
          ออกแบบเสียง ณพวัฒน์ ลิขิตวงศ์
          ผสมเสียง กันตนา ซาวด์ แล็บ
          ฟิล์มแล็บ โอเรียนทัล โพสท์
          ออกแบบเครื่องแต่งกาย นพดล เตโช
          แต่งหน้า-แต่งหน้าเอฟเฟ็คต์ มนตรี วัดละเอียด
          ทีมนักแสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, อนันดา เอเวอริงแฮม, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์,
          พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, ดอม เหตระกูล, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, รัดเกล้า อามระดิษ ฯลฯ

มหาฆาตกามคดีแห่งโจรป่า นางบาป และขุนศึก

          ปีพุทธศักราช 2110 ณ นครผาเมืองแห่งอาณาจักรเชียงแสนอันรุ่งเรือง วันหนึ่งหลังจากเกิดวิบัติการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ทั้งอัคคีภัยครั้งใหญ่หลวง แผ่นดินไหวอันรุนแรง และโรคร้ายระบาดคร่าชีวิตประชาชนไปกว่าครึ่งนคร ก็เกิดคดีฆาตกรรมปริศนาที่น่าสะพรึงกลัวและซับซ้อนซ่อนเงื่อนสุดที่จะค้นหาความจริงได้ “โจรป่าสิงห์คำ” (ดอม เหตระกูล) ผู้โหดร้ายที่สุดในแผ่นดินถูกจับได้ในคดีฆาตกรรม “ขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า” (อนันดา เอเวอริงแฮม) และข่มขืน “แม่หญิงคำแก้ว” (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ภรรยาของขุนศึกในป่านอกเมือง ขณะที่สองสามีภรรยาเดินทางออกจากเมืองเพื่อไปเยี่ยมญาติที่นครเชียงคำ

          จากคำให้การของโจรป่าและแม่หญิง สร้างความปั่นป่วนและพิศวงงงงวยให้แก่ “เจ้าผู้ครองนคร” (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) และประชาชนผู้มาฟังคำให้การเป็นอย่างยิ่ง เพราะทั้งคู่ต่างยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าตนเองเป็นผู้ฆ่าขุนศึก เจ้าหลวงจึงเรียก “ผีมด-ร่างทรง” (รัดเกล้า อามระดิษ) มาเข้าทรงดวงวิญญาณของขุนศึกเพื่อค้นหาความจริง แต่แล้ววิญญาณของขุนศึกกลับให้การผ่านร่างทรงว่า ตนต่างหากที่ฆ่าตัวตายเอง!!!

          เหตุการณ์ทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านการพบเห็นและสนทนาของ “พระหนุ่ม” (มาริโอ้ เมาเร่อ), “ชายตัดฟืน” (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) และ “สัปเหร่อ” (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ภายในอุโมงค์ผีที่ผาเมือง ซึ่งไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า เหตุใดทั้ง 3 คนจึงให้การปิดบังความจริงที่เกิดขึ้นและ “ความจริง” ทั้งหมดคืออะไรกันแน่???

FB on July 30, 2011, 07:48:15 PM
จาก “ประตูผี” สู่ “อุโมงค์ผาเมือง” เบื้องหลังคดีฆาตกรรมปริศนา

          ภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” (The Outrage) ของ “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ “100 ปีชาตกาลของ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช”, “40 ปีของบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” และ “101 ปี ผู้กำกับชั้นเซียน อากิระ คุโรซาวา” ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์ย้อนยุคไปในอาณาจักรล้านนาไทยเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา เล่าเรื่องราวของคดีฆาตกรรมพิศวงระหว่างขุนศึก, โจรป่า และเจ้านางผู้เลอโฉม ผ่านการสนทนาของพระหนุ่ม, คนตัดฟืน และสัปเหร่อ ณ อุโมงค์แห่งนครผาเมือง ที่ผู้ชมจะต้องร่วมคลายปมและค้นหาความจริงที่คาดไม่ถึงไปตั้งแต่ต้นจนจบ โดยดัดแปลงมาจากบทละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน” (ประตูผี) อันเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของ “พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” จากนิยายเก่าแก่พันปีเรื่อง “Rashomon” และ “In a Glove” ของนักประพันธ์ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่น “ริวโนะสุเกะ อะคุตะกะวา” อันเป็นที่มาของภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องดังก้องโลกอย่าง “ราโชมอน” (Rashomon) ผลงานการกำกับของ “อากิระ คุโรซาวา” บรมครูอันยิ่งใหญ่แห่งโลกภาพยนตร์ นั่นเอง

          “หลังจากที่ ‘ชั่วฟ้าดินสลาย’ ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง คุณเจียงก็ถามว่า ในใจมีหนังอะไรที่อยากจะทำหรือเปล่า ตัวเราเองก็นึกถึงเรื่อง ‘อุโมงค์ผาเมือง’ นี้ขึ้นมาในหลายๆ เหตุผล เหตุผลแรกเราคิดจะทำหนังเรื่องนี้มาสิบกว่าปีก่อน เตรียมงานแล้ว เขียนบทแล้ว คิดโปรดักชั่นแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์หลายๆ อย่างในตอนนั้นก็ทำให้ต้องหยุดโครงการนี้ไป มาปีนี้ก็เหมือนกับว่านำโครงการนี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ มันเลยเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ และบังเอิญเรื่องนี้ เราได้ดัดแปลงเรื่องราวมาจากบทละครเวทีเรื่อง ‘ประตูผี’ โดย ฯพณฯ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และตัวเราเองก็เคยกำกับเป็นละครเวทีเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ที่มณเฑียรทองเธียเตอร์ และออกแสดงตั้ง 3 เดือน ครั้งนั้นก็ถือว่าเป็นละครเวทีที่ประสบความสำเร็จมาก ก็เลยลองเอามาปัดฝุ่นใหม่

          มันก็เป็นเรื่องแนวใหม่สำหรับยุคนี้แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ใหม่มากนัก และก็ประกอบกับการที่เป็น 100 ปีของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พอดี เราคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่จะเฉลิมฉลองในอัจฉริยภาพในการประพันธ์เชิงวรรณกรรมของท่าน พร้อมกับการเฉลิมฉลองครบ 40 ปีของบริษัทสหมงคลฟิล์มด้วย”

***บทดัดแปลง แฝงธรรมะ ชำระจิตใจ***

          “ในแง่เป็นผู้กำกับ เป็นคนเขียนบท เรามาศึกษาบทภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างละเอียดก็ได้เห็นว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคุณค่าทางศีลธรรมสูงมาก คือแก่นของเรื่องพูดถึงพระสัจธรรมโดยพระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ตัวเราเองก็ตั้งใจด้วยจิตแน่วแน่ว่าจะทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นพุทธบูชา เพื่อที่จะอุทิศส่วนกุศลให้กับม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และที่สำคัญคืออากิระ คุโรซาวา และริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวา ซึ่งอะคุตะงะวาท่านเป็นผู้เขียนเรื่องสั้นเรื่องราโชมอน และอากิระ คุโรซาวา นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เอเชียเรื่องแรกที่ไปสู่ตลาดโลก ได้รับการยกย่องว่าเป็นครูแห่งศาสตร์ภาพยนตร์ ทั้งคู่เป็นบรมครูที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับหนังใหม่ๆ ของโลกมากมาย

          บทละครเวทีเรื่องนี้ซึ่งแต่เดิม ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ท่านไม่ได้ดัดแปลงจากภาพยนตร์ของคุโรซาวา แต่ท่านได้ไปชมละครเวทีเรื่อง ‘ราโชมอน’ ที่นิวยอร์ก แสดงโดยฝรั่งนะแต่เล่นเป็นญี่ปุ่นหมด และท่านก็ได้นำบทมาแปลเป็นภาษาไทย แต่ก็เล่นเป็นญี่ปุ่นนะ โดยท่านเองก็เล่นเป็นสัปเหร่อ ซึ่งตอนนั้นเรายังเด็กมากและโชดดีที่ได้ดูติดตาติดใจจนถึงปัจจุบันนี้ ก็คิดว่าถ้าครั้งหนึ่งได้ทำเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทย ก็คงจะท้าทายความสามารถ โครงการนี้เลยเกิดขึ้นมา

          เวอร์ชั่นบทละครเวทีของท่านคึกฤทธิ์ก็มีการตีความใหม่ ท่านไม่ได้เน้นกายกรรม แต่ท่านเน้นวจีกรรม การใช้ภาษาที่แหลมคม และมีความหมายลึกซึ้ง ความสนุกจะอยู่ที่การฟังภาษา ฟังบทพูดของตัวละครว่ามีความหมายอย่างไร และเชือดเฉือนอย่างไร เน้นตรงนี้ ซึ่งตัวเราเองก็ยึดถือเอาเป็นหลักในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยที่บทสนทนา 95 % ของเรื่องเป็นภาษาของท่าน โดยที่ไม่มีการแก้ไขใดๆ จะมีก็แค่ 5 % ที่เราแก้ไขในตอนต้นๆ เรื่องแค่นั้นเองที่เพิ่มความเป็นภาพยนตร์ให้มากขึ้น แต่ว่าในเชิงการตีความ ในเชิงความหมายของเรื่อง ความสนุกได้รสชาติล้วนมาจากการตีความของท่านเอง ในส่วนการเขียนบทของเราก็ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เขียนบทอย่างเดียวจะเร็วมากใช้เวลา 2-3 เดือน แต่ในแง่การสร้างการคิด กว่าจะรวบรวมความคิด กว่าจะสรุปมันได้ ก็เป็นปีๆ ก็ถือว่านานเหมือนกันนะ”

***จุดกำเนิด เปิดเรื่องเศร้า เล่าความเท็จ***

          “คือมันเป็นเรื่องของคดีที่ขุนศึก (อนันดา) กับภรรยา (พลอย เฌอมาลย์) เดินทางไปในป่าแล้วก็ได้พบกับโจรป่า (ดอม เหตระกูล) และขุนศึกก็โดนโจรป่าหลอกล่อ และข่มขืนเมียต่อหน้า แล้วท้ายสุดตัวขุนศึกก็ตายไป และโจรป่าก็โดนจับได้ ต้องไปให้การในศาล ตัวเมียขุนศึกก็ต้องไปให้การด้วย ก็มีการเข้าทรงวิญญาณของขุนศึก และต่างคนก็ต่างให้การต่างๆ กัน และเรื่องก็ดำเนินผ่านพระหนุ่ม (มาริโอ้ เมาเร่อ) ซึ่งเป็นผู้เห็นขุนศึกและภรรยาเข้าป่าไปเป็นคนสุดท้าย และตัวคนตัดฟืน (หม่ำ จ๊กมก) ก็เป็นคนพบศพ และสองคนก็ต้องให้การในศาลด้วย พระหนุ่มได้เห็นว่าทั้งสามคนก็ให้การคนละทิศคนละทางเลย ทุกคนได้รับสารภาพว่าตนเองนั้นได้เป็นคนฆ่าขุนศึก ทั้งโจรก็รับสารภาพว่าตนเป็นคนฆ่า ตัวเมียขุนศึกก็บอกว่าเธอเป็นคนฆ่าสามี ส่วนวิญญาณขุนศึกก็ให้การว่าทนความเสื่อมเสียเกียรติยศไม่ได้ก็เลยฆ่าตัวตายเอง
ตัวพระหนุ่มซึ่งบวชได้พรรษาเดียว เป็นพระที่เคร่งในวินัยได้เจอเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใจมนุษย์ได้ เรื่องเริ่มต้นตรงนี้ ระหว่างที่พระหนุ่มจะเดินทางกลับบ้านเกิด ก็เจอพายุ และตัวคนตัดฟืนก็วิ่งตามมาพอดี ทั้งสองคนก็เลยไปหลบฝนอยู่ในอุโมงค์ผาเมือง ทำให้เจอกับสัปเหร่อ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และความเป็นจริงต่างๆ ก็เปิดเผยขึ้นในอุโมงค์นั้นเอง”

***พลิกโฉมประชันฝีมือ ลือเลื่องการแสดงแถวหน้า***

          “เรื่องนี้เราก็ได้ทีมนักแสดงชั้นนำของเมืองไทยมาร่วมแสดงมากมาย ความคิดเห็นในการคัดเลือกนักแสดงก็ตรงกันกับของคุณเจียงที่จะนำเอา อนันดา, มาริโอ้, หม่ำ, พงษ์พัฒน์, พลอย, ดอม มาแสดงในเรื่องเดียวกัน ซึ่งแต่ละคนก็ทุ่มเทจริงๆ ทั้งเรื่องคิวที่แน่นเอี๊ยดกันแทบทุกคน เรื่องการแสดงที่ต้องแปลงโฉมหน้าพลิกบทบาทกันไปเลย เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับทีมนักแสดงยอดฝีมือทีมนี้นะ

          อย่าง มาริโอ้ พอมาลองแต่งเป็นพระดู โอ้ก็ดูมีออร่า มีราศี เกิดมาเพื่อเล่นบทนี้จริงๆ คงไม่มีใครเหมาะสมเท่า และแกก็อยากร่วมงานกับเรามากนะ สอนแกมา 3 ปีแล้วแต่ไม่เคยร่วมงานกันเลย เป็นงานแรกที่เป็นการได้ร่วมงานกับตัวเรา และได้ร่วมงานกับอนันดาซึ่งถือเป็นไอดอลของเขานะ เขาก็มีความสุขและทุ่มเทให้กับการทำงานมาก

          ส่วน หม่ำ เราก็เลือกคนไม่ผิด บางคนก็เอาไปเปรียบเทียบกับการแสดงของเขาที่ผ่านมา เราไม่ได้มองตรงนั้น เรากลับเห็นตัวตนของหม่ำจริงๆ ในบทนี้ ซึ่งตัวหม่ำเองก็หนักใจมาก ไม่มั่นใจและกลัวทำหนังหม่อมเสีย เราก็บอกเขาว่าไม่ต้องกลัว ให้แสดงจากตัวตนของเขาเองจริงๆ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก เราก็ปลื้มใจเขามาก เรารู้สึกศรัทธาในการทำงานของเขามาก เขาทุ่มเทจริงๆ ในสิ่งที่เขาไม่เคยสัมผัสเลย เขาพยายามทิ้งลักษณะการแสดงที่ทำมาตลอดทั้งชีวิตเพื่อที่จะแสดงให้เข้าถึงตัวละครที่สุด เห็นว่าเขาตั้งใจทำงานมากๆ น่าเอ็นดูมากๆ โกรธตัวเองเวลาตัวเองจำบทไม่ได้ ก็พยายามบอกเขาว่าไม่ต้องซีเรียส สบายๆ ซึ่งสุดท้ายเขาก็ทำออกมาได้ประทับใจ เรารู้สึกเป็นเกียรติมากนะที่เขามาเล่นภาพยนตร์ให้เรา

          อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เมื่อ 20 ปีที่แล้วเขาเคยเล่นเป็นโจร และบทที่เขาจ้องอยู่นอกจากโจรก็เป็นตัวสัปเหร่อที่เขาอยากเล่นมาตั้งแต่ตอนนั้นละ แต่ตอนนั้นเขาก็ยังหนุ่มอยู่ แต่ตอนนี้ด้วยวัยของเขา ฝีมือการแสดงของเขา ไม่มีใครเหมาะเท่าอ๊อฟ และเขารักบทนี้อยู่แล้ว เขาอยากเล่นบทนี้อยู่แล้ว มันก็เลยเป็นการง่ายที่เขาจะเข้าถึงมัน กับอ๊อฟก็ยิ่งสบายเพราะเราก็เคยทำงานด้วยกันมาแล้วตั้งแต่เขายังหนุ่มทั้งละครเวที ทั้งภาพยนตร์ มันก็เข้าทางกัน ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ถึงจะต้องตื่นตี 3 ตี 4 เพื่อเมคอัพมากขนาดไหนก็ตาม เพราะเขารู้ว่ามันจำเป็นมาก ทั้งมาริโอ้ก็เหมือนกัน ต้องตื่นตี 4 หมด เพื่อให้ถ่าย 7 โมงเช้าให้ได้ ก็ถือว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่เป็นชิ้นโบว์แดงของเขา หรือของนักแสดงแทบทุกคน

ตัวขุนศึกที่เป็นบทของ อนันดา เป็นตัวละครที่เราคิดว่าเล่นยากที่สุด เพราะว่ามีบทพูดน้อยมากต้องถ่ายทอดออกผ่านดวงตา มีบทพูดน้อยไม่พอยังต้องโดนปิดปากในตอนที่เขาโดนจับมัด เป็นฉากที่สำคัญทั้งนั้นเลย ทุกฉากของเขาเล่นยากมาก เขาใช้ภาษากายในการสื่อสารไม่ได้เลย คำพูดสื่อสารไม่ได้เลย ก็เลยใช้ดวงตาได้อย่างเดียว อนันดาก็ขอเล่นบทนี้ด้วย และเราก็เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่อนันดาจะต้องมาผ่านความยากอีกครั้งในบทนี้ และตัวอนันดาเองก็ทุ่มเทมากและก็ทำออกมาได้ดี

          สำหรับ พลอย ในบทแม่หญิงคำแก้วเมียขุนศึกเนี่ย เป็นบทผู้หญิงที่ยากที่สุดที่เคยมีมาสำหรับภาพยนตร์ เพราะบทนี้มีหลากหลายอารมณ์มาก ไดอะล็อกเยอะมาก และก็พูดคนเดียวเยอะมาก มันต้องฝีมือในการแสดงสูงมาก และที่สำคัญคือเขาต้องเล่นเป็น 4 คาแร็คเตอร์ในคนเดียวกัน ต้องเล่นให้ขาดมาก 4 เรื่องในเรื่องเดียวกัน คิดว่าไม่มีใครเหมาะกับบทนี้เท่าพลอย ทั้งที่งานเขาแน่นมาก แต่เจ้าตัวก็เล่นบทนี้ถ่ายทอดออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้หลายๆ คนที่มีความรู้ด้านการแสดงก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พลอยได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับแล้วในฝีมือการแสดง เขาได้พิสูจน์ตัวเองได้อย่างสมภาคภูมิในภาพยนตร์เรื่องนี้

          โจรป่าเนี่ยมีการคิดอยู่หลายคนเหมือนกันว่าใครจะเหมาะ เพราะว่ารูปลักษณ์ต้องดูเป็นโจรที่โหดเหี้ยมมากจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความซื่อและโง่อยู่ในนั้น และมีความเก่งและตลกอยู่ในนั้น ขณะเดียวกันจะดูเท่ ดูโหดร้ายก็เป็น มีหลายคาแร็คเตอร์มากอีกเหมือนกันในตัว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลองเรียก ดอม มาดู เพราะเห็นว่าดอมน่าจะเหมาะที่สุด ซึ่งเขาก็เหมาะจริงๆ เขาตั้งใจมาก ซ้อมเยอะ จนเสียงแหบแห้ง บางทีก็สงสารแกเหมือนกันเพราะแกเป็นคนเดียวที่นุ่งผ้าเตี่ยวในขณะที่อุณหภูมิ 4 องศา ไม่มีอะไรช่วยแกเลย พอสั่งคัททีก็ต้องเอาไฟ ถ่าน กระป๋องน้ำร้อนมาช่วยแก แกก็ทำงานออกมาได้น่าพอใจ คิดว่าเลือกคนได้ถูกต้อง

          บทของ รัดเกล้า คือตัวคนทรงที่วิญญาณของขุนศึกมาสิงเนี่ย น้อยคนนักที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพมาก เป็นนักบัลเล่ต์ด้วย เพราะฉะนั้นการนำเสนอคนทรงของเราจะผสมผสานกันระหว่างการร่ายรำของวัฒนธรรมล้านนากับโมเดิร์นแดนซ์ผสมกัน ในขณะเดียวกันต้องเล่นไปด้วยซึ่งอันนี้ยากมาก นักแสดงที่ไม่ได้โดนเทรนนิ่งทางการเคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญ บทนี้จะยาก เพราะฉะนั้นรัดเกล้าก็เหมาะที่สุด การใช้เสียงของเขา การใช้ร่างกายของเขาทำให้บทนี้มีสีสันดูน่ากลัวมีมิติ และก็มีพลังมาก ขณะที่ถ่ายทำเขาสามารถตรึงคนเป็นร้อยคนบนยอดเขาให้เงียบได้ทั้งกองถ่าย ซึ่งแสดงในเพียงฉากเดียวแต่ว่า โอ้โห มันเต็มไปด้วยศิลปะการแสดงที่สูงมาก ทั้งอารมณ์ ทั้งการเคลื่อนไหว การใช้เสียงทุกอย่างสามารถทำให้เราเชื่อได้ว่ามีวิญญาณสิงอยู่จริงๆ

          ส่วนตัวละครตัวอื่นๆ ที่มีสมทบเข้ามาก็มี เจี๊ยบ ศักราช ที่แสดงเป็น ทิพย์ ใน ชั่วฟ้าดินสลาย มาช่วยเสริมให้อีกในบทเป็นเจ้าหลวงผู้พิพากษาในคดีนี้ ซึ่งก็สามารถแสดงได้ 3 คาแร็คเตอร์เหมือนกัน ในแต่ละการเล่าเรื่อง เขาก็เล่นเป็น 3 แบบซึ่งก็สมบูรณ์ ที่น่าพูดถึงอีกก็หลายคนก็เช่น ท็อป ดารณีนุช เล่นเป็นแม่ของพลอยก็รับเชิญมาสร้างสีสันให้ ทางครอบครัวของมาริโอ้ก็มี โอ๊ต วรวุฒิ, ชุดาภา จันทเขตต์, นิว ชัยพล เด็กใหม่ของ Xact มาร่วมแสดง ซึ่งครอบครัวนี้เล่นได้อย่างกลมกลืนสมบูรณ์มาก และก็ยังมีบทท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหลวงแห่งนครผาเมืองซึ่ง ชาย ชาตโยดม รับเชิญเข้ามา มี ธัญญา โสภณ ในบทแม่ของขุนศึกก็มาร่วมมาแสดงด้วย”

FB on July 30, 2011, 07:49:18 PM
***รวมพลทีมงานเบื้องหลัง สร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ***

          “เนื่องจากมีการค้นคว้าข้อมูลไว้อย่างละเอียดเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เลยทำให้การเตรียมงาน การทำงานก็เร็ว หลายคนตกใจว่า อ้าว ทำเสร็จแล้วเหรอ ทำไมเร็วขนาดนี้ เพราะตอนที่ยากที่สุดและการทำงานที่ยากที่สุดมันไม่ใช่ตอนถ่ายทำ มันอยู่ที่การศึกษาหาข้อมูลมากกว่า แต่เราได้เตรียมไว้หมดแล้ว เพียงแต่เอามาปัดฝุ่นใหม่ แล้วก็แทบจะไม่ต้องศึกษาอะไรเพิ่มเติมเลย เราทำกันมาอย่างละเอียดลออหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยของเรื่องที่เกิดในยุคสมัยไหน ไม่ว่าจะเป็นด้านงานศิลปะ งานเครื่องแต่งกาย หรือแม้แต่ปรัชญา ความคิดหรือไอเดียในการนำเสนอภาพผ่านการทำงานกันอย่างละเอียดมาแล้ว การเตรียมงานเลยค่อนข้างเร็ว

          ในช่วงเตรียมงาน เราก็ต้องให้ทุกฝ่ายเดินทางไปที่เชียงใหม่ ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของการเตรียมงานทั้งหมดก่อน ทุกฝ่ายก็ไปหมดเลย เพื่อที่จะไปศึกษาข้อมูลอีกหนึ่งครั้ง ทุกฝ่ายในภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นมืออาชีพทุกคน เป็นเรื่องที่เป็นความถนัดเชี่ยวชาญของแต่ละคนหมดเลย เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันก็เลยเร็วมาก

          ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายศิลป์ที่เราได้ คุณแป๊ะ พัฒน์ฑริก มีสายญาติ ผู้ออกแบบงานสร้างที่ส่วนใหญ่ทำหนังของต่างประเทศมากกว่า ซึ่งแต่เดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้วตัวคุณแป๊ะเองก็ได้ศึกษามาแล้วเรียบร้อย รู้อย่างละเอียดแล้ว เมื่อมีการนำมาทำใหม่ ก็เหมือนได้ทำการบ้านกันมาพร้อมอยู่แล้ว มันก็เลยง่ายในแง่ศิลปกรรม

          ฝ่ายเสื้อผ้า ก็ได้ โต้ง นพดล เตโช ที่ร่วมงานกันมาตลอดตั้งแต่โบราณกาล ไม่ว่าจะเป็นละครเรื่องสี่แผ่นดิน, ในฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ก็ใช้โต้งอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นงานนี้โต้งก็ศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว และยิ่งวัฒนธรรมล้านนาที่ย้อนกลับไปเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ก็ไปศึกษาค้นคว้ามา เขาก็เป็นมืออาชีพทางด้านนี้อยู่แล้ว

          ฝ่ายเมคอัพก็ต้องเลือก อาจารย์ขวด มนตรี วัดละเอียด เลย และท่านก็เป็นมือหนึ่งของประเทศนี้ เพราะว่ามันมีหลายอย่างที่จะต้องมีสร้างสรรค์กันใหม่ เช่น หน้าของสัปเหร่อ รอยสัก หัวมาริโอ้ ก็ต้องแปลงโฉมกันเยอะทีเดียว ฝ่ายนี้ก็จะงานหนักมากเช่นกัน

          ด้านซีจีเพื่อความสมบูรณ์ของหนังเราก็ได้ คุณแคน (อาทยา บุญสูง) ซีจีมือหนึ่งของประเทศไทยที่เคยทำงานให้ฮอลลีวู้ด เป็นมืออาชีพทางซีจีโดยตรงมาอยู่ในกองถ่ายในทุกซีน มาช่วยกันแก้ปัญหา ต้องมีการพูดคุยประชุมกันทุกคน

          ฝ่ายภาพ คุณกบ (พนม พรมชาติ) ผู้กำกับภาพที่เคยร่วมงานกันจากเรื่องที่แล้ว ถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงามตรงคอนเซ็ปต์อย่างที่เราอยากได้ ดนตรีประกอบ คุณป้อ (ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์) ก็ไปด้วย คือไปให้มีความเข้าใจและเห็นเป็นรูปธรรมเหมือนกัน แล้วค่อยกลับมาประชุมกัน เลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดออกมาให้กับภาพยนตร์

          รวมถึงเรื่องนี้ยังมีคิวบู๊คิวแอ็คชั่นอยู่ด้วย เราได้มือหนึ่งทางด้านนี้อย่าง คุณพันนา ฤทธิไกร มาร่วมงานออกแบบฉากต่อสู้ที่สมจริง แปลกใหม่สวยงามให้ด้วย ไม่มีใครคาดคิดว่าพันนากับหม่อมน้อย หรือหม่ำกับหม่อมน้อยจะโคจรมาเจอกันได้ ก็ได้มาทำงานร่วมกันแล้วในเรื่องนี้ ก็เป็นสีสันอีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้”

          (พัฒน์ฑริก มีสายญาติ – ผู้ออกแบบงานสร้าง) “เคยทำละครเวทีเรื่อง แฮมเล็ต ด้วยกันกับหม่อมน้อย แล้วก็เตรียมโปรเจ็คต์เรื่องนี้ด้วยกันเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ก็เพิ่งมีโอกาสได้ทำปีนี้ การเตรียมงานก็ง่ายขึ้น แต่คอนเซ็ปต์ที่วางไว้จากคราวนั้น คราวนี้น่าจะลึกซึ้งยิ่งกว่า เพราะเราก็ผ่านประสบการณ์อะไรกันมาเยอะนะครับ มองอะไรชัดเจนมากกว่า มีอะไรดีๆ ที่ใส่ไปในหนังเยอะ การออกแบบฉากในเรื่องนี้ พี่จะเรียกงานคัฟเวอร์ เราจะไม่ดูของเก่าให้เข้าไปในสมองเลย จะไม่ดูภาพราโชมอนเก่าเลยว่าเขาเป็นยังไง ไม่ว่าจะกี่เวอร์ชั่นก็ตาม เพราะดูไปมันอาจจะทำให้ติดตาได้ เราประมวลเอาจากสิ่งที่อ่าน วิเคราะห์และครีเอทว่าภาพที่จะออกมากมันควรจะเป็นยังไง มันไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ถึงจะต้องออกแบบฉากให้เป๊ะๆ เราสามารถครีเอทเพิ่มเติมได้จากที่เราค้นคว้ามาระดับหนึ่ง หนังหม่อมน้อยเรื่องนี้หรือแทบทุกเรื่องก็ว่าได้จะให้ความสำคัญทางด้านศิลปะงานสร้างด้านต่างๆ อย่างสูง ทั้งฉาก เสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผม รวมถึงบทภาพยนตร์ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่งของหม่อมน้อยได้เลยนะครับ”

          (มนตรี วัดละเอียด – หัวหน้าทีมเมคอัพ) “ภาพรวมทั้งหมดของเรื่องนี้ก็จะดูแลเรื่องหน้า-ผมตั้งแต่ธรรมดาที่สุด สวยงามมาก ไปจนถึงสเปเชียลเอฟเฟคต์ ในรายละเอียดของเรื่องราวเยอะมาก คือโดยภาพรวมไม่ต้องเหมือนของจริงซะทีเดียว ดูตามลักษณะของตัวละครแล้วก็ดูภาพรวมซึ่งอาจจะหยิบภาคเหนือของไทย แล้วก็พม่า หรือไทยใหญ่เอามาผสมผสานกันได้ คือเรื่องนี้เราก็รีเสิร์ชแล้วก็เอามาปรับและพัฒนาไปด้วยให้เหมาะสมกับภาพยนตร์ของเรา ในเรื่องนี้การทำรอยสักจะเยอะ ก็ต้องค้นคว้าเรืองนี้เยอะว่าจะใช้ลายแบบไหน เรื่องทรงผม ผู้ชายก็ผมยาวกันทั้งเมือง ก็เป็นเรื่องของการทำวิกซึ่งต้องใช้มากพอสมควร ส่วนเรื่องของการแต่งหน้าถ้าเป็นตัวเอกก็จะเน้นถึงบุคลิกซึ่งจะมากกว่าปกติหรือเรียกว่าเป็นสไตล์ความชอบของตัวเราและของผู้กำกับโดยยึดโครงที่เป็นธรรมชาติเป็นหลัก เช่น ขุนศึก ก็อยากให้ดูสง่างามหล่อ หรือว่าพระก็ยังไว้คิ้วในสมัยนั้น แม่หญิงภรรยาขุนศึกเราจะดัดแปลงมาจากผมพม่ากับไทยใหญ่แล้วก็เอาล้านนาผสมไปด้วย เรื่องหัวมาริโอ้ก็หนักใจพอสมควร พอเป็นภาพเคลื่อนไหวมันก็มีตัวแปรเยอะ ก็ต้องใช้ซีจีเข้ามาช่วยด้วย เอฟเฟ็คต์ก็มีแผลเป็นทั้งตัวของคุณพงษ์พัฒน์ อันนั้นก็สนุก รายละเอียดเยอะแต่ก็ทำกันเพลินเลย ทั้งหมดเราได้ความร่วมมือจากนักแสดงดีมาก ทุกคนพยายามทำงานของตัวเองให้เต็มที่ ทำให้พอใจหมดเลยในทุกๆ เรื่อง”

          (นพดล เตโช - ออกแบบเครื่องแต่งกาย) “เรื่องแรกทำละคร ลูกทาส ของหม่อมน้อย ก็ได้รางวัลเลย แล้วจากนั้นก็ทำหนังพีเรียดกับพี่หง่าว ยุทธนา เรื่อง ยุวชนทหาร แล้วก็มี ไอ้ฟัก, October Sonata ทำมาเรื่อยๆ แล้วก็มาทำ ชั่วฟ้าดินสลาย ของหม่อมน้อย ก็ศึกษามาตลอดเลย หนังพีเรียดมันมีอะไรน่าสนใจกว่าปัจจุบันมากๆ ก็ชอบเลย สนุก ได้ออกแบบอะไรต่างๆ มันเหมือนเป็นตัวเราร้อยเปอร์เซนต์เลย ที่ทำกับหม่อมน้อยมาจะเป็นเรียลิสติกส่วนใหญ่ พอมาถึงเรื่องนี้มันจะมาแนวเหนือจริงเลย ก็มาจากการค้นคว้ารีเสิร์ชและก็จินตนาการใส่เข้าไปด้วย ก็ผสมผสานเข้าไป ความน่าสนใจโดยรวมถ้าโฟกัสแค่ที่คอสตูมมันอาจจะโดดเกินไป มันต้องอาศัยทีมเวิร์คด้านต่างๆ เข้าไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นทีมเวิร์คที่ดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว”

          (พนม พรมชาติ – ผู้กำกับภาพ) “ร่วมงานกับหม่อมน้อยก็เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย แต่มาถ่ายเต็มตัวจริงๆ ก็ในเรื่องนี้ การกำกับภาพจะว่ายากก็ไม่ยาก ง่ายก็ไม่ง่ายซะทีเดียว โจทย์คือหม่อมอยากได้โทนภาพสีแบบภาพเขียนฝาผนังโบราณ มันก็เลยยากไปเลย เพราะปกติไม่มีใครถ่ายกันอย่างนี้ พอได้โจทย์มา เราก็ไปหาหนังจิตรกรรมมาดูเรื่องโทนเรื่องสีอะไรต่างๆ เป็นการศึกษาเพิ่มเติมก่อน เรื่องนี้นอกจากที่หม่อมอยากได้โจทย์เป็นภาพเขียนอย่างที่บอกแล้ว หม่อมก็ต้องการให้เราถ่ายการดำเนินเรื่องแต่ละพาร์ทแต่ละคนแต่ละมุมมองให้แตกต่างกันด้วยทั้งพาร์ทของโจรป่า, ขุนศึก, แม่หญิง การเคลื่อนไหวกล้อง การถ่ายทำอะไรต่างๆ ก็จะไม่เหมือนกันเลย ก็ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว”

(ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ – ดนตรีประกอบ) “ในการทำดนตรีประกอบแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกันนะครับ อย่างเรื่องนี้หม่อมก็จะให้บทมาอ่านก่อน แล้วก็พออ่านเสร็จ เราก็ลองจินตนาการไปก่อนว่ามันจะออกมาแนวไหนสไตล์ไหน จนกระทั่งหนังถ่ายเสร็จ ตัดต่อเสร็จ เราถึงจะรู้ไดเร็คชั่นจริงๆ ละว่าเราจะไปทางไหน ดนตรีประกอบเรื่องนี้จะออกไปทางแนวเหนือจริงแฟนตาซี เพราะเรื่องนี้จะเล่าเรื่องบาปบุญคุณโทษกิเลสตัณหา เราเลยต้องทำให้เหนือจริง ให้ขลังเข้าไว้ ทำให้บทบาทการแสดงของแต่ละคน การเล่าเรื่องของแต่ละพาร์ทดูใหญ่เกินจริง เพิ่มขนาดของบรรยากาศ เพิ่มขนาดของอารมณ์ เพิ่มขนาดของเรื่อง หรือแม้กระทั่งเพิ่มขนาดของกิเลสตัณหาในเรื่องด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ความเป็นแฟนตาซีของมันจะทำให้เราตกเข้าไปในวังวนของหนังเรื่องนี้ ดนตรีประกอบเรื่องนี้ก็จะค่อนข้างสำคัญมากๆ ทำให้เรื่องดำเนินไปได้เร็วขึ้น ไม่ให้ความรู้สึกว่าช้า หนังจะเร็วขึ้น ดนตรีประกอบเรื่องนี้จะทำให้พาร์ทของหนังที่ยาวหดลงและเราจะตามเรื่องไปได้ง่ายขึ้น นี่คือหน้าที่หลักของดนตรีประกอบเรื่องนี้เลย คือหัวใจของเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องของศาสนา ดนตรีประกอบเรื่องนี้ก็จะออกมาขลังและศักดิ์สิทธิ์ และสามารถซึมซับบรรยากาศและเรื่องราวได้อย่างไม่รู้ตัว”

          (อาทยา บุญสูง - Visual Effects Supervisor) “ผมทำงานหนังฮอลลีวู้ดอยู่ 7 ปี เรื่องนี้ก็มาร่วมงานกับหม่อมน้อยเพราะรู้สึกสนใจและอยากเรียนรู้การทำหนังไทยของหม่อมไปด้วย เรื่องนี้มีซีจีอยู่ 200 กว่าช็อต ส่วนใหญ่เลยจะแก้ไขเกี่ยวกับการแต่งหน้า ก็คือตรงหัวมาริโอ้ และบางอย่างที่ใช้เล่าเรื่องที่ไม่สามารถทำได้จริง เช่น ฉากที่น้องพลอยไปอยู่ในฝูงผีเสื้อ ผีเสื้อจริงมันไม่มี เราก็ใส่ผีเสื้อซีจีเข้าไป หรือบางฉากที่ไม่สามารถทำจริงได้ เช่น ขว้างดาบให้มันลงตรงจุดนั้นพอดีได้ เราก็ทำดาบซีจีเข้าไปสวม โดยส่วนใหญ่อันนี้จะเป็นเอฟเฟ็คต์ที่ทำเหมือนจริงก็ให้เนียนไปกับตัวเนื้อหนัง เป็นตัวเล่าเรื่องมากกว่า ซึ่งตัวผมเองชอบทำงานพวกนี้มากกว่าไปทำพวกหุ่นยนต์หรือเอเลี่ยนพวกนี้ หม่อมน้อยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ทำงานด้วยกันก็จะง่าย เป็นผู้กำกับที่แท้จริง เป็นครูบาอาจารย์ ทำงานกับหม่อมก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่การทำหนังเท่านั้น เรื่องประสบการณ์ชีวิตมีอะไรถามได้หมด แล้วก็จะได้คำตอบที่ชัดเจนกลับมาด้วย ดังนั้นจึงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานกับหม่อมครับ หนังที่ทำเป็นหนังที่มีคุณค่าน่าทำ หลายๆ อย่างที่หม่อมพยายามสอดแทรกเข้าไป มันก็เป็นความจริงของชีวิตทั้งนั้นครับ”

FB on July 30, 2011, 07:51:19 PM
ฉลองครบรอบ “100 ปีชาตกาล พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” “40 ปีบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด”
 
***โลเกชั่นงามแปลกตา น่าค้นหาความหมายซ่อนเร้น***

          “โลเกชั่นส่วนใหญ่มันก็โดนเลือกมาแล้วเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นเพียงแค่เป็นการไปดูอีกครั้งหนึ่งแค่นั้นเองว่ามันคงสภาพเดิมอยู่หรือเปล่า หลายๆ ที่ก็ยังคงสภาพเดิมอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราศึกษาค้นคว้าไว้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่บางสถานที่ก็ต้องสร้างอะไรเพิ่มเติมมากมายอยู่เหมือนกัน

          เราเลือกโลเกชั่น 3 จังหวัด ทั้งที่เชียงใหม่ก็ถ่ายที่ถ้ำหลวงเชียงดาว, วัดอุโมงค์, น้ำตกหมอกฟ้า, ลานบนดอยม่อนแจ่ม ม่อนล่อง ซึ่งบางที่ก็เดินทางค่อนข้างยากลำบาก ที่ลำปางก็ถ่ายที่พระธาตุลำปางหลวง ที่เชียงรายก็ถ่ายที่เวียงป่าเป้า ก็เดินทางไปถ่ายในที่ที่ไม่เคยมีใครขึ้นไปถ่ายเลย ซึ่งสวยงามมาก เพราะตอน ชั่วฟ้าดินสลาย ก็ถ่ายแค่เชียงใหม่, เชียงราย เรื่องนี้โลเกชั่นก็แตกออกไปอีกมากมายและตัวละครเยอะกว่า และมีฉากที่ต้องสร้างเยอะกว่า มันก็ค่อนข้างจะยุ่ง และทีมงานก็เยอะกว่า แต่ก็เป็นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างก็ราบรื่นเป็นไปตามที่เป้าหมายวางเอาไว้ แม้กระทั่งมีพายุฝนก็ตาม ตอนแรกคิดว่าจะต้องมีการเลื่อนกำหนดปิดกล้องไปอีก แต่นับว่าเป็นบุญ ทุกอย่างก็สำเร็จไปได้ตามที่ใจปรารถนา

          คือเรามองว่าฉากอุโมงค์ผาเมือง นอกจากเป็นกำแพงเมืองที่มีอุโมงค์อยู่ข้างใต้ ความหมายที่ลึกซึ้งไปกว่านั้นคือเหมือนภาพยนตร์เรื่องนี้พาคนดูเข้าไปในอุโมงค์ เข้าไปสัมผัสถึงจิตใจเบื้องลึกของมนุษย์ทุกคนที่นับวันก็ยิ่งเสื่อมลง เหมือนกับคำสอนของพระที่บอกไว้ว่า ตอนสร้างอุโมงค์ผาเมืองแต่ก่อนก็สร้างไว้อย่างใหญ่โตและแข็งแรงดี นานเข้าก็เสื่อมโทรมไปเหมือนใจคน คือสะท้อนให้เห็นถึงสภาพจิตใจมนุษย์ในยุคที่เสื่อมที่สุดเมื่อมนุษย์ยึดแต่วัตถุ เงินทอง และทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองดูดี มีความสุข คือความเห็นแก่ตัวนั่นเอง ความเห็นแก่ตัวก็ก่อให้เกิดปัญหาระดับประเทศชาติเราก็ได้เห็นๆ กันมา เพราะฉะนั้นจะบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สอนเพียงศีลธรรมอย่างเดียวก็ไม่ใช่ มันก็สอนให้คนดูได้รู้ว่าชีวิตคืออะไร เรากำลังเผชิญอยู่กับอะไร และเราควรจะแก้มันอย่างไร

          ฉากประหารที่ลานหลวง เราไปถ่ายที่ม่อนแจ่ม คือเรามองว่าให้ดูดีๆ ว่าภาพทำไมต้องอยู่บนเขา ฉากข้างหลังก็เป็นภูเขาที่ซับซ้อน และให้การบนเวที เห็นไหมว่าแต่ละคนดูใหญ่กว่าธรรมชาติ โดยมีภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ ทุกตัวละครจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าธรรมชาติ เหนือธรรมชาติ โดยเฉพาะโจรป่าและเมียขุนศึก แต่จริงๆ แล้วมนุษย์พ่ายแพ้ธรรมชาติ ซึ่งผิดกับที่เราไปถ่ายที่บนยอดเขาที่เวียงป่าเป้า ที่เห็นพระหนุ่มเดินออกจากวัด และดูพระองค์เล็กนิดเดียว ในขณะที่ธรรมชาติดูใหญ่มโหฬาร มนุษย์ก็แค่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติก็แค่นั้นเอง แต่เรามักจะคิดว่าเราเหนือธรรมชาติ จะพูดไปเมื่อมีแผ่นดินไหวที่ไหนอย่างไรเรายังพ่ายแพ้ หรือสึนามิที่ญี่ปุ่นเราก็พ่ายแพ้หมดเลย นึกว่าตัวเองสูงส่งกว่า โดยเฉพาะเจ้าหลวง เองก็ยังสร้างปะรำพิธีอย่างกับเป็นสวรรค์อยู่บนยอดเขา และจะมีการใช้ Long Shot มากที่จะทำให้เห็นความเวิ้งว้าง เกิดมาแล้วก็เวิ้งว้าง เหมือนตายคนเดียวและต้องเผชิญชะตากรรมอันยิ่งใหญ่มาก มีทหารคอยเฝ้า มีกฎเกณฑ์ของสังคมมาล้อมกรอบตัวละครอยู่หมดเลย ตัวเจ้าหลวงก็เหมือนผู้ที่เสวยสุขกับวัตถุกับเครื่องแต่งกายกับรอบกายที่มีข้าทาสบริวาร เสวยแต่ความสุข แม้กระทั่งว่าตัวเองกำลังให้การพิพากษาอยู่นะ แต่ก็ยังเสวยสุขกับเกียรติยศ ที่มันเป็นกิเลสทั้งหลาย เราจึงจำเป็นต้องสร้างฉากลานหลวงให้เกิดขึ้นบนยอดเขา เพื่อให้ได้ความรู้สึกนี้ ยังมีอีกหลายๆ ฉากที่มีความหมายซ่อนเร้นอยู่ให้ติดตามและตีความได้ ทุกอย่างมีความหมายหมด”

ผู้ต้องหา, เหยื่อ และพยานปากเอก

          ขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า (อนันดา เอเวอริงแฮม) - เกิดในตระกูลขุนนาง ถูกอบรมเลี้ยงดูมาในแบบคนชั้นสูง มีการศึกษาดี และหยิ่งทะนงในเกียรติภูมิของตนเยี่ยงขุนนางและนักรบ มีชีวิตที่เป็นระเบียบวินัย และมีหลักเกณฑ์จนทำให้ขาดความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและวิญญาณ ทำให้การตัดสินใจหลายๆ ครั้งในชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับความถูกต้องในสังคมมากกว่าความเป็นมนุษย์

          “โจทย์ของตัวละครตัวนี้ที่มันแตกต่างไปจากตัวละครอื่นที่เคยเล่นมา คือมันถูกมัดไว้ทั้งเรื่อง ถูกมัดมือถูกปิดปากขยับไม่ได้พูดไม่ได้ คราวนี้วิธีสื่อสารกับคนดูมันก็จะเปลี่ยนไปจากตัวอื่นๆ ที่เคยเล่นมา เรื่องนี้แทบจะไม่มีอะไรเลยสื่อสารกับคนดู อย่างตัวละครที่ไม่พูดจะบอกว่าเขาเป็นตัวละครที่ไม่มีความคิดมันก็ไม่ได้ อย่าเข้าใจว่าการที่ขยับตัวไม่ได้พูดไม่ได้คืออุปสรรค จริงๆ มันเปิดช่องให้เราสื่อสารอีกแบบหนึ่งด้วยซ้ำไป ก็เลยทำให้เรากลับมาโฟกัสเรื่องของไดอะล็อกของตัวละครว่าระหว่างที่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นอยู่เขาคิดอย่างไร เขารู้สึกอย่างไร เขากำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย เราก็คิดว่าทุกๆ เวลาเรากำลังพูดคุยกับตัวละครทุกตัวอยู่ เราก็พึมพำอยู่ในปากเหมือนแบบกูเกลียดมึงมากเลย มึงแย่มาก คือบางทีก็จะให้มันช่วยพูด ให้ความคิดมันเกิดขึ้นมา เก็บกดด้วยนิดหน่อยเพราะคนอื่นเขาพูดอยู่ตลอดเวลา เราอยากจะพูดกับเขามาก”

          แม่หญิงคำแก้ว (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) - ภรรยาผู้เลอโฉมของขุนเจ้าศึกหล้าฟ้า พื้นเพของหล่อนเป็นเพียงบุตรสาวคนครัวในบ้านของขุนศึกนั่นเอง แต่ด้วยความงามเป็นเลิศของหล่อน ทำให้ขุนศึกเมตตาชุบเลี้ยงเป็นภรรยาอย่างออกหน้าออกตา

          “เรียกว่าเป็นบทบาทที่เข้มข้นที่สุดในชีวิตที่เคยเล่นมา แล้วเล่นอย่างหมดตัวจริงๆ คราวนี้พลอยใส่เต็มที่ มันจะเน้นเรื่องการแสดงล้วนๆ แล้วก็ความสนุกหลากหลายมันดูแล้วมัน ไดอะล็อค 2 หน้าสุดท้ายของพลอยเป็นที่หลากหลายอารมณ์มาก ร้องไห้ หัวเราะเป็นคนบ้า เหมือนหมาไฮยีน่าเลย ลุกขึ้นมาหัวเราะใส่หน้าผู้ชาย ด่าๆๆ แล้วถุยน้ำลายใส่ มันสะใจมากค่ะ เป็นบทที่ยากจริงๆ”

          โจรป่าสิงห์คำ (ดอม เหตระกูล) – ขุนโจรที่โหดร้ายที่สุดในยุคสมัย เป็นที่เกรงกลัวของชาวบ้านทุกหัวระแหง โดยเฉพาะพวกที่มีฐานะดี เพราะโจรป่าสิงห์คำมักจะปล้นฆ่าเศรษฐีเพื่อนำเงินทองมาแจกจ่ายให้แก่ราษฎรที่ยากไร้ โจรป่ามีรูปร่างกำยำบึกบึนสมชาย มีเสน่ห์เย้ายวนต่อสตรีเพศ สำหรับเขาแล้ว ที่สุดในชีวิตก็คือ เงินทองทรัพย์สมบัติ เหล้า และผู้หญิง

          “ต้องยอมรับว่าผมอยู่ในวงการนี้มานาน การทำงานกับหม่อมน้อยเรื่องนี้ก็เป็นครั้งแรก หม่อมก็ได้ให้แง่คิดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการวางรากฐานของตัวละคร ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่หลายๆ คนมักจะลืม บางทีได้บทมาอ่าน เราไม่คิดหรอกว่าอะไรยังไง แต่หม่อมจะให้แง่มุมที่สะท้อนว่าทำไมคุณถึงเป็นโจร ทำไมเราต้องปล้นก็เราไม่มีจะกิน คือมันจะอ้างอิงไปถึงบางอย่าง ทำไมเราถึงข่มขืน ก็มองย้อนไปว่าเราไม่ได้รับการเหลียวแลจากสาวๆ พอเราได้ขัอมูลต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมามันจะป็นการวางรากฐานของตัวละครขึ้นมา การวางรากฐานของตัวละครมีวิธีที่นำเสนอมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตวิทยา เรื่องของการให้คอมเม้นต์ซึ่งตรงนี้เองที่หม่อมจะเปิดโอกาสให้นักแสดง คุณอยากจะใส่อะไรเพิ่ม คุณคิดว่าเขาควรจะเป็นยังไง มันทำให้ตัวละครเข้าใจได้ง่าย คนที่มาเล่นเองเข้าใจได้ง่ายและยังถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดตัวละครตัวนี้ไปให้คนอื่นๆ ได้เห็นได้รับรู้ได้ดีอีกด้วย”

          พระหนุ่มอานนทภิกขุ (มาริโอ้ เมาเร่อ) - บุตรชายคนเดียวของเศรษฐีทำกระจกที่เมืองเชียงคำ ผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาตั้งแต่ยังเด็ก จนมีความใฝ่ฝันว่าจะบวชเรียนในพระบวรศาสนาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ท่านเป็นผู้พบขุนศึกผู้ตายและภรรยาก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมอันน่าสะเทือนใจ และเป็นเหตุให้ท่านต้องย้อนกลับมามองและเรียนรู้ถึงชีวิตมนุษย์และตัวเองใหม่อีกครั้ง

          “บทนี้ยากพอตัวเลยครับ ก่อนอื่นเลยโอ้ไม่เคยเล่นหนังพีเรียดมาก่อนเลย แล้วพอได้มาเล่นมันก็เป็นการท้าทายอย่างหนึ่งที่ได้ทำงานกับอาจารย์ของเราก็คือหม่อมน้อยครับ บทพระหนุ่มจะเหมือนโอ้ตรงการมองโลกในด้านดี ตัวพระอานนท์ถ้าหาเหตุผมไม่ได้ก็จะจิตตก แล้วจะรู้สึกแย่ไปหมดเลย นี่คือสิ่งที่ต่างกับตัวโอ้ครับ ถ้าหาคำตอบไม่ได้โอ้ก็จะเฉยๆ ก็จะปล่อยไปแล้วค่อยหาคำตอบไปเรื่อยๆ อีกที แต่พระอานนท์เนี่ยจะไม่ได้เลย คือด้วยความที่พระอานนท์เป็นเหมือนผ้าขาวแล้วพอมีอะไรมากระทบใจของพระอานนท์ให้แปดเปื้อน ทุกอย่างมันจะแย่ไปหมดเลยครับ ทำให้พระอานนท์จิตตกคิดว่าตัวเองโง่ ไม่สามารถจะสั่งสอนใครได้อีกต่อไป”

          คนตัดฝืน (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) – เป็นคนหน้าซื่อที่ศรัทธาในพระศาสนา แต่ยากจนเพราะมีลูกเล็กๆ หลายคน เขาเป็นคนดีขยันหมั่นเพียรที่จะทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ชายตัดฟืนคนนี้เป็นคนพบศพขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า ทำให้ต้องมาให้การในศาล ซึ่งเป็นเหตุให้เขาได้ร่วมสนทนาถึงคดีนี้กับพระหนุ่มและสัปเหร่อในอุโมงค์ผาเมืองด้วย

          “เล่นเรื่องนี้ผมค่อนข้างซีเรียสมากนะ ดราม่ามาเลย หม่อมอยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายของผมมาก ผมคิดว่าเป็นหนังเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเล่นมาเลย แต่ผมก็กลัวคนดูจะไม่เชื่อจากหน้าของผมนะ กลัวจะไม่เชื่อความเป็นคนซีเรียสของผมในเรื่อง หม่อมน้อยอยากให้หม่ำเปลี่ยนบุคลิก แต่ไม่รู้คนดูจะรับผมได้หรือเปล่านะ แต่จากเนื้อหนังทั้งหมดเนี่ย เป็นหนังที่ดีสำหรับผมเลยล่ะ หม่อมเป็นผู้กำกับที่ทำงานละเอียด ไม่แปลกเลยที่หนังหม่อมจะได้รางวัลอยู่ตลอด หม่อมน้อยแกพิถีพิถันและละเอียดในการกำกับมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงหรือมุมกล้องไม่ปล่อยแม้แต่เม็ดเดียว ผมได้ความรู้จากแกมากๆ เลย สมกับเป็นปรมาจารย์ทางการแสดงของนักแสดงชั้นนำ
หลายคนในวงการ ผมพูดได้ว่าการร่วมงานกับหม่อมน้อยในเรื่องนี้ เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามาก เหมือนผมได้ด๊อกเตอร์ทางการแสดงจากมหาวิทยาลัยหม่อมน้อยเลย”

          สัปเหร่อ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) - เป็นสัปเหร่อแก่ที่อาศัยอยู่ในอุโมงค์ผาเมือง ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน มีความคุ้นเคยทั้งคนเป็นและคนตาย จึงมีความเข้าใจวิถีทางชีวิตของมนุษย์ได้อย่างดีในทุกแง่มุม เขามักจะมองโลกและใช้ชีวิตอย่างเป็นกลาง จึงทำให้เขาสามารถวิเคราะห์นิสัยมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ

          “สัปเหร่อเรียนรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคดีนี้ไปพร้อมกับคนดู และวิเคราะห์ทำความเข้าใจชีวิตได้มากที่สุด สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพก็คือ สิ่งที่หม่อมพยายามให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพุทธบูชา เป็นธรรมมะที่สอนคน เป็นความรู้สึกที่ผมชอบมากๆ ในเรื่องนี้ครับ”

FB on July 30, 2011, 07:52:07 PM
บันทึกผ่านอุโมงค์ผาเมือง

          จริงๆ แล้วเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” เป็นเรื่องจำลองของโลกในยุคปัจจุบันนี้เอง คือเมื่อมนุษย์เป็นทาสวัตถุ ทาสเงิน และทาสเกียรติยศ และก็มีอัตตาสูงคือยึดตัวตนเท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ ปากท้องเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญโดยไม่นึกถึงการให้ซึ่งกันและกัน ไม่เคยคิดถึงการบริสุทธิ์ของจิตใจ อะไรฉกฉวยได้ฉกฉวยเอา ศาสนาก็ทำบุญไปงั้นๆ ทุกคนก็อยู่กับธุรกิจส่วนตัวตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน เงินคือพระเจ้า ตอนนี้มันเหมือนกับเป็นยุคเสื่อมที่สุดของโลก ซึ่งมันก็เป็นแก่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าทำไมตัวละครทั้ง 3 ถึงให้การว่าตัวเองเป็นผู้ผิดหมด มันก็ง่ายๆ คือทุกคนก็อัตตาสูง มักจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีให้กับตัวเอง ก็ไม่แตกต่างอะไรจากมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวงการบันเทิงที่ออกสื่อต่างๆ เพื่อพูดถึงภาพลักษณ์ตัวเองในแง่ที่อยากจะให้คนอื่นเห็นตัวเองเป็นเช่นไร

          มนุษย์เราก็มีทั้งดีและไม่ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ มนุษย์อยากจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เป็นฮีโร่ให้ทุกคนกล่าวขวัญถึงไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง คุณเก่งมาก รวยมาก มีอำนาจมาก ขอให้เป็นคนพิเศษของประเทศเข้าว่า เขาก็จะมีความสุขในเบื้องหลังความพิเศษเหล่านั้น จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์สักคนเดียว

          การชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าการเกิดเป็นคนไม่มีใครสมบูรณ์ และความสมบูรณ์เป็นไปได้แค่ความคิดฝันเท่านั้น ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสมมติขึ้น การเล่าแต่ละครั้งเป็นเรื่องคิดฝันของแต่ละตัวละครที่อยากให้คนอื่นมองตัวเองเป็นเช่นนั้นในบทบาทที่ตัวเองต้องการ

          อีกประเด็นหนึ่งคือต้องฟัง มันเป็นหนังไดอะล็อก ความคมคายของไดอะล็อก ความลึกซึ้ง ความหมายที่เข้าใจง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นเข็ญใจอะไร คือถ้าฟังก็จะสนุกกับบทสนทนา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยศิลปะหลายๆ ด้านมาประกอบกัน ไม่ใช่ศิลปะภาพยนตร์ที่ว่ากันด้วยภาพเพียงอย่างเดียว บทสนทนาก็มีความหมาย สีก็มีความหมาย บรรยากาศก็สื่อความหมาย ศิลปะการแสดงที่สูงส่งที่มีทั้งธรรมชาติและไม่ธรรมชาติก็มีความหมาย คือเหมือนเป็นศิลปะชิ้นหนึ่งที่ไม่ต้องคิดมากนัก แค่นี้ก็จะดูหนังสนุก และก็มีหลากหลายรสชาติ สนุก ตลก ตื่นเต้น บู๊ รัญจวนจิต มีทุกอารมณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันดูไม่ยาก แต่คุณเป็นคนช่างสังเกตหรือเปล่า ถ้าคุณมัวดูแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณจะไม่ได้อะไรจากมันเลย แต่สำหรับเราในแง่คนที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ คนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าอยากเข้าวัด อยากทำบุญ แค่นี้เราก็ถือว่าการทำหนังเรื่องนี้ของเราประสบความสำเร็จแล้ว
         
เกร็ดภาพยนตร์

          1) ภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” (2554) ดัดแปลงจากบทละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน” ของ “ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” (2454-2538) ซึ่งเรียบเรียงและดัดแปลงจากเรื่องสั้น 2 เรื่อง คือ “Rashomon” (ประตูผี) และ “In a Grove” (ในป่าละเมาะ) ของนักประพันธ์ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่น “ริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวะ” (2435-2470) อันเป็นที่มาของภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องดังก้องโลกอย่าง “Rashomon” (2493) ผลงานการกำกับลำดับที่ 11 ของ “อากิระ คุโรซาวา” (2453-2541) จักรพรรดิแห่งภาพยนตร์ญี่ปุ่นนั่นเอง

          2) สู่การเขียนบทสุดละเมียดและกำกับอย่างสุดวิจิตรตระการตาของผู้กำกับชั้นครู “ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เป็นผลงานลำดับที่ 10 ถัดจากภาพยนตร์ขึ้นหิ้งอย่าง เพลิงพิศวาส (2527), ช่างมันฉันไม่แคร์ (2529), ฉันผู้ชายนะยะ (2530), นางนวล (2530), เผื่อใจไว้ให้กันสักหน่อย (2532), ความรักไม่มีชื่อ (2533), มหัศจรรย์แห่งรัก (2538), อันดากับฟ้าใส (2540) และ ชั่วฟ้าดินสลาย (2553)

          3) ละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ออกแสดงอย่างเป็นทางการถึง 4 ครั้ง ในรอบ 27 ปี ดังนี้
          - ครั้งแรก (10 มีนาคม พ.ศ. 2508) หน้าพระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำแสดงโดย สุพรรณ บูรณะพิมพ์, อาคม มกรานนท์, อาจิต รัศมิทัต, สาหัส บุญ-หลง, มาลี เวชประเสริฐ, มนัส บุณยเกียรติ, ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
          - ครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2515) ที่หอประชุมเอยูเอ จัดโดย คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำแสดงโดย จันทรา ชัยนาม ฯลฯ กำกับการแสดงโดย เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง (นักวิจารณ์ละครและภาพยนตร์ “มุมสูง” นิตยสารมติชนรายสัปดาห์ในปัจจุบัน)
          - ครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2529) ที่โรงละครคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดโดยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำแสดงโดย อรชุมา ยุทธวงศ์, ชลประคัลภ์ จันทร์เรือง, ม.ร.ว. อุษณิษา สุขสวัสดิ์ ฯลฯ กำกับการแสดงโดย อะสา สะกอสกี้ (นักแสดงละครบรอดเวย์จากนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา)
          - ครั้งที่ 4 (พ.ศ. 2535) ที่มณเฑียรทองเธียเตอร์ โรงแรมมณเฑียร นำแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, ธัญญา โสภณ, รวิวรรณ จินดา, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ฯลฯ กำกับการแสดงโดย ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล (ออกแสดงในโรงละครอาชีพครั้งแรก ทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ ยาวนานถึง 3 เดือน รวม 72 รอบ)

          4) ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง “Rashomon” ของผู้กำกับอากิระ คุโรซาวา ออกฉายครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2493 ก่อนที่จะเดินทางไปฉายประกวดและคว้ารางวัลจาก “เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส” ที่ประเทศอิตาลี พ.ศ. 2494 และเข้าฉายที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2494 ก่อนที่จะได้เข้าชิงและคว้ารางวัลอีกหลายสถาบัน รวมถึง “รางวัลออสการ์เกียรติยศ” (Honorary Award) เมื่อปี พ.ศ. 2495 อีกด้วย

          5) ระดมทีมนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยไม่ว่าจะเป็น มาริโอ้ เมาเร่อ, อนันดา เอเวอริงแฮม, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, ดอม เหตระกูล, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, รัดเกล้า อามระดิษ และนักแสดงสมทบอีกมากมายมาประชันบทบาทสุดเข้มข้นเป็นครั้งแรก ในเรื่องราวสนุกชวนติดตามที่สอดแทรกเนื้อหาสาระไปตลอดทุกอณูภาพยนตร์

          6) “อุโมงค์ผาเมือง” เลือกสรรค์อย่างละเอียดและถ่ายทำในหลากหลายสถานที่สวยงามแปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในภาพยนตร์ไทย อาทิเช่น ถ้ำเชียงดาว, วัดอุโมงค์, น้ำตกหมอกฟ้า, ม่อนล่อง, ม่อนแจ่ม ดาราเทวี จ. เชียงใหม่, พระธาตุลำปางหลวง จ. ลำปาง และเวียงป่าเป้า จ. เชียงราย

          7) ผ่านการสร้างสรรค์จากทีมงานเบื้องหลังมืออาชีพในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบงานสร้างอย่างวิจิตรตระการตาในทุกฉาก, การกำกับภาพและจัดแสงสุดละเมียดงดงามในทุกเฟรมภาพ, งานออกแบบเครื่องแต่งกายล้านนาสุดประณีตทุกชุด, การเมคอัพสุดบรรจงในทุกตัวละคร รวมถึงดนตรีประกอบสุดขลังทุกบรรยากาศภาพยนตร์ เหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะดึงดูดและตราตรึงผู้ชมไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องอย่างสุดประทับใจ

FB on July 30, 2011, 07:53:06 PM
แถลงข่าว “อุโมงค์ผาเมือง” สุดยิ่งใหญ่ เปิดตัว “ทีมนักแสดงนำ” ครั้งแรก พร้อมเผยเบื้องหลังการทำงานเต็มรูปแบบ
 






          แถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” ผลงานกำกับสุดละเมียดเรื่องล่าสุดของผู้กำกับชั้นครู “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ สถาบันคึกฤทธิ์ (ซอยงามดูพลี พระรามสี่) ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักจากการให้ความสนใจของสื่อมวลชนอย่างคั่บคั่ง

          เริ่มด้วยการร่ายรำเปิดงานของ “รัดเกล้า อามระดิษ” หนึ่งในทีมนักแสดงของเรื่องที่งานนี้รับหน้าที่พิธีกรพาเข้าสู่อุโมงค์ผาเมืองอย่างตรึงผู้ร่วมงานตั้งแต่นาทีแรกเลยทีเดียว ก่อนที่จะเรียนเชิญ “ม.ร.ว. ปรีดิยาธร” เทวกุล” ท่านประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขึ้นกล่าวเปิดงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

          จากนั้นจึงเป็นการเปิดเผยเรื่องราวความเป็นมาแห่งภาพยนตร์ทรงคุณค่าเรื่องนี้ ด้วยพรีเซ้นต์เบื้องหลังงานสร้างสุดยิ่งใหญ่ พร้อมเปิดตัวทีมนักแสดงนำไม่ว่าจะเป็น “อนันดา เอเวอริงแฮม”, “มาริโอ้ เมาเร่อ”, “พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง”, “ดอม เหตระกูล”, “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา”, “ศักราช ฤกษ์ธำรงค์”, “ธัญญา โสภณ”, “ชุดาภา จันทเขตต์” และ “รัดเกล้า อามระดิษ” อย่างสุดอลังการด้วยขบวนการแต่งกายในคาแร็คเตอร์ภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งบอกเล่าความรู้สึกสุดภาคภูมิในการที่ได้ร่วมงานกับสุดยอดผู้กำกับอย่าง “หม่อมน้อย” ที่ขึ้นมากล่าวถึงความรู้สึกต่อภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสุดประทับใจ

          ปิดท้ายงานด้วยการถ่ายภาพรวมของบรรดาแขกผู้เกียรติ, ผู้บริหาร และทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่ระลึก “อุโมงค์ผาเมือง” ดัดแปลงจากวรรณกรรมบทละคร “ราโชมอน” หรือ “ประตูผี” ของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งจะนำผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความมืดมิดในเบื้องลึกเกินหยั่งถึงของความเป็นมนุษย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนจอภาพยนตร์ 8 ก.ย. นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on August 06, 2011, 01:55:23 PM
"หม่ำ ปลื้มร่วมงาน หม่อมน้อย ใน “อุโมงค์ผาเมือง” เหมือนจบปริญญาเอกทางการแสดง"

 

          “เรื่องนี้เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเล่นมาเลย” “หม่ำ จ๊กมก” สุดปลื้ม ร่วมงาน “หม่อมน้อย” ใน “อุโมงค์ผาเมือง” เหมือนจบปริญญาเอกทางการแสดง

           “หม่ำ จ๊กมก” (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) สุดยอดตลกแห่งวงการบันเทิงปลื้มสุดชีวิต ที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี “อุโมงค์ผาเมือง” โดยรับบทชีวิตหนักเป็น “คนตัดฟืนหน้าซื่อ” ผู้กำความลับในคดีฆาตกรรมปริศนาแห่งนครผาเมือง หม่ำเผยความในใจต่อบทบาทนี้ว่า

          “เล่นเรื่องนี้ผมค่อนข้างซีเรียสมากนะ ดราม่ามาเลย หม่อมอยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งผมก็คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจรับแสดงหนังเรื่องนื้ เพราะเป็นบทชีวิตหนักอย่างที่ผมไม่เคยแสดงมาก่อนในชีวิต ไม่ใช่ทางผมเลย เป็นเรื่องท้าทายของผมมาก เพราะตัวละครตัวนี้ต้องซ่อนความรู้สึกอยู่ลึกมากมีทั้งโลภ โกรธ หลงอยู่ในตัวละครตัวเดียว พูดได้ว่าหลากหลายอารมณ์มาก อีกทั้งบทพูดก็ยาวมาก ผิดไม่ได้แม้แต่คำเดียว เพราะเป็นบทประพันธ์โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ผมใช้เวลาตัดสินใจอยู่หลายวัน คิดว่ามันเป็นสิ่งใหม่ ท้าทายดี หม่อมน้อยคงเห็นอะไรในตัวผม จากนั้นก็ไปซ้อมบทกับหม่อมน้อยทั้งๆ ที่ในชีวิตผมไม่เคยต้องซ้อมบทก่อนการแสดงเลย แต่เป็นหม่อมผมยอม

          ผมคิดว่าเป็นหนังเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมาเลย แต่ผมก็กลัวคนดูจะไม่เชื่อจากหน้าของผมนะ กลัวจะไม่เชื่อความเป็นคนซีเรียสของผมในเรื่อง หม่อมน้อยอยากให้หม่ำเปลี่ยนบุคลิก แต่ไม่รู้คนดูจะรับผมได้หรือเปล่านะ แต่จากเนื้อหนังทั้งหมดเนี่ย เป็นหนังที่ดีสำหรับผมเลยล่ะ หม่อมเป็นผู้กำกับที่ทำงานละเอียด ไม่แปลกเลยที่หนังหม่อมจะได้รางวัลอยู่ตลอด หม่อมน้อยแกพิถีพิถันและละเอียดในการกำกับมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงหรือมุมกล้องไม่ปล่อยแม้แต่เม็ดเดียว ผมได้ความรู้จากแกมากเลย สมกับเป็นปรมาจารย์ทางการแสดงของนักแสดงชั้นนำหลายคนในวงการ ผมพูดได้ว่าการร่วมงานกับหม่อมน้อยในเรื่อง ‘อุโมงค์ผาเมือง’ ครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ามากสำหรับผม เหมือนผมได้ด๊อกเตอร์ทางการแสดงจากมหาวิทยาลัยหม่อมน้อย”

          “อุโมงค์ผาเมือง” ดัดแปลงจากวรรณกรรมบทละคร “ราโชมอน” หรือ “ประตูผี” ของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งจะนำผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความมืดมิดในเบื้องลึกเกินหยั่งถึงของความเป็นมนุษย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนจอภาพยนตร์ สร้างเพื่อเฉลิมฉลอง “40 ปีของบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” และ “ครบรอบ 100 ปีชาตกาลของ ฯพณฯ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” พร้อมเข้าฉาย 8 ก.ย. นี้

FB on August 06, 2011, 01:57:25 PM
“นิว ชัยพล” ดาวรุ่งน่าจับตาค่ายเอ็กแซ็กท์ “บอย ถกลเกียรติ” ส่งให้ “หม่อมน้อย” ลับฝีมือใน “อุโมงค์ผาเมือง”


 
         เพื่อร่วมฉลองความยิ่งใหญ่แห่ง “การก่อตั้งค่ายสหมงคลฟิล์ม ครบรอบ 40 ปี” และ “การครบรอบชาตกาล 100 ปี พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” บริษัทเอ็กแซ็กท์ โดย “ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ได้ส่งดาวรุ่งน่าจับตาอย่าง “นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ท” เข้าร่วมแสดงและฝึกฝนฝีมือทางการแสดงกับ “หม่อมน้อย-ม.ร.ว.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี “อุโมงค์ผาเมือง” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ค่ายเอ็กแซ็กท์ส่งนักแสดงในสังกัดมาร่วมแสดงภาพยนตร์ โดยต้องประชันบทบาทกับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” และสุดยอดนักแสดงมากฝีมือแห่งวงการบันเทิง

          ในเรื่องนี้ “นิว ชัยพล” รับบท เป็น “อนันต์” พี่ชายของอานนท์ (มาริโอ้) บุตรชายของเศรษฐีช่างทำกระจกแห่งนครเชียงคำเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา เป็นชายหนุ่มรูปงามผู้เก่งกาจในทุกอย่างทั้งการค้าขาย การกีฬา หรือเรื่องผู้หญิง ซึ่งต่างจากอานนท์น้องชายที่ใฝ่ทางธรรมเป็นสิ่งสำคัญ

          “หม่อมน้อย” ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า...

          “ผมรู้สึกดีใจที่ทางเอ็กแซ็กท์ให้เกียรติส่งนิวมาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ และตัวนิวเองก็ให้การแสดงที่น่าประทับใจมีเสน่ห์น่าจับตามองและสร้างสีสันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสุดฝีมือ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกและมีความน่าสนใจกว้างขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชมวัยรุ่น”

          รอพบกับฝีมือการแสดงและหุ่นอันทรมานใจสาวของ “นิว ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ท” ได้ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “อุโมงค์ผาเมือง” 8 กันยายน นี้

FB on August 15, 2011, 01:23:56 PM
“หม่อมน้อย” จัดหนัก ทุ่ม 20 ล้าน เนรมิต “นครผาเมือง” บนยอดเขาปิดกล้อง “อุโมงค์ผาเมือง” สุดอลังการ



          กำกับ “อุโมงค์ผาเมือง” ภาพยนตร์พีเรียดฟอร์มยักษ์แห่งปีทั้งทีต้องทำให้สุดๆ ไปเลย ว่าแล้วผู้กำกับฝีมือละเมียด “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ก็ทุ่มทุนกว่า 20 ล้าน เนรมิตยอดเขาที่ดอยทหาร ม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่ ย้อนยุคเป็น “ลานหลวงแห่งนครผาเมือง” เมื่อ 500 ปีที่แล้ว พร้อมระดมพลสุดยอดนักแสดงแถวหน้าอย่าง “มาริโอ้ เมาเร่อ”, “เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์”, “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา”, “ดอม เหตระกูล”, “ศักราช ฤกษ์ธำรงค์”, “รัดเกล้า อามระดิษ”, “ดารณีนุช โพธิปิติ”, “พงศ์สิรี บรรลือวงศ์” และนักแสดงประกอบอีกกว่า 500 ชีวิต มาร่วมเข้าฉากปิดกล้องอันยิ่งใหญ่อลังการบนยอดเขาท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ เพื่อสร้างสรรค์ภาพยนตร์แห่งการเฉลิมฉลอง 100 ปีชาตกาล “พลตรี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช” ผู้ประพันธ์บทละครดั้งเดิมอย่างสมศักดิ์ศรี

หม่อมน้อยเผยเบื้องหลังฉากนี้ว่า...

          “ฉากนี้เป็นฉากโชว์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่อง ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างฉากนานถึง 3 เดือนเต็ม โดยทีมงานสร้างระดับฮอลลีวู้ดของ ‘คุณแป๊ะ พัฒน์ฑริก มีสายญาติ’ ซึ่งเนรมิตนครผาเมืองบนยอดเขาได้อย่างสมจริงและสวยงาม อันเป็นฉากการตัดสินคดีฆาตกรรมอันน่าพิศวงโดย ‘เจ้าหลวงแห่งนครผาเมือง’ (ศักราช) ตามคำให้การของ ‘โจรป่าสิงห์คำ’ (ดอม), ‘เจ้านางคำแก้ว’ (เฌอมาลย์) และ ‘มารดา’ (ดารณีนุช) รวมทั้ง ‘คนทรงดวงวิญญาณขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า’ (รัดเกล้า) ท่ามกลางสายตาของ ‘พระหนุ่ม’ (มาริโอ้), ‘คนตัดฟืน’ (เพ็ชรทาย) และชาวนครผาเมืองที่มาฟังการตัดสินคดีปริศนานี้ ซึ่งฉากนี้ใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 5 วันเต็ม เพื่อให้เป็นฉากที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุด”

          ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “อุโมงค์ผาเมือง” ถ่ายทำทั้งสิ้นใน 3 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงใหม่, เชียงราย และลำปาง เพื่อย้อนยุคไปสู่อาณาจักรล้านนาไทยเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมาอย่างสมจริงที่สุด โดยมีกำหนดฉาย 8 กันยายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on August 15, 2011, 01:25:33 PM
“พลอย เฌอมาลย์” สุดเครียด จัดเต็มเหยียด 4 คาแร็คเตอร์สุดหิน ในเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง”



          กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับชั้นครู “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” อีกครั้ง ในภาพยนตร์พีเรียดฟอร์มยักษ์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” นักแสดงสาวเจ้าบทบาท “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ก็ถึงกับเครียดเลยทีเดียว เพราะคราวนี้เธอต้องรับบทหนักแสดงถึง 4 คาแร็คเตอร์จาก 4 คำให้การในคดีฆาตกรรมสุดพิศวงที่จะนำผู้ชมไปค้นหาคำตอบที่คาดไม่ถึงพร้อมๆ กัน

          “เรื่องนี้พลอยรับบทเป็น ‘แม่หญิงคำแก้ว’ ค่ะ พื้นเพจริงๆ เธอคือลูกสาวคนครัว ได้รับการเลี้ยงดูและรับเลือกให้เป็นภรรยาของขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า ผู้หญิงในสมัยนั้นไม่ว่าจะยุคโบราณหรือยุคนี้ผู้หญิงก็จะเป็นช้างเท้าหลังที่จะต้องถูกกดขี่ข่มเหงต่างๆ นานาค่ะ บทนี้มันไม่เหมือนเรื่องไหนๆ ที่เคยแสดงมาเลยค่ะ เป็นบทที่ท้าทายแล้วก็ยากมาก เพราะว่าต้องเล่น 4 แบบ 4 อารมณ์ แล้วเนื้อหาก็เข้มข้นมาก เรื่องหนึ่งคนนี้เล่าเราก็เล่นตามนั้น อีกเรื่องอีกคนเล่าเราก็เล่นตามนั้น เล่นตามที่ทุกคนให้การแตกต่างกันไป เรียกว่าเป็นบทบาทที่เข้มข้นที่สุดในชีวิตที่เคยเล่นมา เล่นเรื่องนี้แล้วเครียดเลย พลอยเล่นแบบหมดตัวเลยจริงๆ มันจะเน้นเรื่องการแสดงล้วนๆ แล้วก็ความสุนก ความหลากหลายของเนื้อเรื่อง ดูแล้วสนุกและได้สาระมากๆ ค่ะ เรื่องนี้ตัวละครจะดีแต่พูดเอาดีเข้าตัว แต่ละคาแร็คเตอร์ก็แรงชัดเจน จะมีเหตุการณ์ซึ่งทำให้รู้ว่าแม้แต่คนที่เราคิดว่าเขารักเราที่สุดแต่จริงๆ กลับไม่ใช่ คนที่ดีกับตัวเราที่สุดก็คือตัวเราเอง มันเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัวของมนุษย์จริงๆ ค่ะ แต่บางทีเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ก็ต้องไปดูกันค่ะ หนังให้สาระในการใช้ชีวิตมากเลยค่ะ”

          เตรียมพบกับบทบาทแรงดีไม่มีตกของ “พลอย เฌอมาลย์” ที่จะทำให้ผู้ชมประทับใจในฝีมือการแสดงขั้นเทพของเธออีกครั้งใน “อุโมงค์ผาเมือง” พร้อมเข้าฉาย 8 ก.ย. นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on August 15, 2011, 01:26:38 PM
“อุโมงค์ผาเมือง” ดูง่าย สนุกครบรส สะท้อนความจริงของมนุษย์ “หม่อมน้อย” ทำเพื่อพุทธบูชา


 
          กำลังจะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” เข้าฉาย 8 ก.ย. นี้ ผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ย้ำถึงผลงานล่าสุดนี้ว่า เป็นหนังที่สะท้อนความจริงของสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน ดูไม่ยากแถมความสนุกครบรสชาติ พร้อมทั้งตั้งใจทำเพื่อเป็นพุทธบูชาอีกด้วย

          “เรื่อง ‘อุโมงค์ผาเมือง’ นี้เราคิดจะทำเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้ทำในปีนี้เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของสหมงคลฟิล์ม และ 100 ปีของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ประพันธ์บทละครดั้งเดิมเรื่องนี้เอาไว้ เราคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะเฉลิมฉลองสองวาระนี้ไปพร้อมๆ กัน

          จริงๆ แล้วเรื่องนี้ ก็เป็นการจำลองโลกในยุคปัจจุบันนี้ คือเมื่อมนุษย์เป็นทาสวัตถุ ทาสเกียรติยศ และยึดตัวตนเท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญโดยไม่นึกถึงการให้ซึ่งกันและกัน ไม่เคยคิดถึงการบริสุทธิ์ของจิตใจ อะไรฉกฉวยได้ฉกฉวยเอา ซึ่งมันก็เป็นแก่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่จะเป็นการนำความเป็นจริงในชีวิตมานำเสนอในแต่ละฉาก มันเป็นหนังที่ดูสนุกกับบทสนทนาที่มีความหมายเข้าใจง่าย และก็มีหลากหลายรสชาติ สนุก ตลก ตื่นเต้น บู๊ รัญจวนใจ มีทุกอารมณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันดูไม่ยากเลย และสำหรับเราก็ตั้งใจที่จะทำเพื่อเป็นพุทธบูชา ให้คนที่ได้ดูแล้วรู้สึกว่าอยากเข้าวัด อยากทำบุญ แค่นี้เราก็ถือว่าการทำหนังของเราประสบความสำเร็จแล้ว ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ 100 ล้าน ความคาดหวังคือคนดูดูแล้วได้คิดหรือเปล่า คุณได้เห็นและเข้าใจตัวเองอย่างในหนังหรือเปล่า เท่านี้ก็คงพอ”

          “อุโมงค์ผาเมือง” พร้อมเข้าฉาย 8 ก.ย. นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on August 16, 2011, 07:22:17 PM
บทสัมภาษณ์ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” จัดเต็มการแสดง 4 มุมมอง 4 คาแร็คเตอร์ ใน “อุโมงค์ผาเมือง”






 
บทบาท-คาแร็คเตอร์
          เรื่องนี้พลอยรับบทเป็น “แม่หญิงคำแก้ว” ค่ะ พื้นเพจริงๆ แล้วแม่หญิงคำแก้วก็คือลูกสาวคนครัว ได้รับการเลี้ยงดู ได้รับเลือกให้เป็นภรรยาของขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า ผู้หญิงในสมัยนั้นไม่ว่าจะยุคโบราณหรือยุคนี้ผู้หญิงก็จะเป็นช้างเท้าหลังที่จะต้องถูกกดขี่ข่มเหงหรืออะไรต่างๆ นานาค่ะ แม่หญิงคำแก้วก็จะเรียบร้อย แต่...พลอยบอกไม่ถูกนะ แต่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ตัวละครดีแต่พูดเอาดีเข้าตัวเอง เสียหน้าไม่ได้ เสียศักดิ์ศรีไม่ได้ เสียเงินทองเป็นเรื่องเล็ก เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็แต่ละคนแต่ละคาแร็คเตอร์ก็แรงชัดเจน แต่ว่าตัวแม่หญิงเองจริงๆ แล้วก็เป็นแค่แม่หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เกิดในสังคมของลูกคนครัวแล้วก็ ถูกชุบให้มาเป็นภรรยาของขุนศึกเจ้าหล้าฟ้า ซึ่งท่านเองก็เป็นคนเลือกที่จะแต่งงานกับเราเองด้วย แต่ว่ามันก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้รู้ว่าแม้แต่คนที่เราคิดว่าเขารักเราที่สุดแล้วแต่ไม่ใช่ คนที่ดีกับตัวเราที่สุดก็คือตัวเรา มันเป็นเรื่องของความเห็นแก่ตัวของมนุษย์อะไรอย่างนี้ค่ะ

พลิกบทบาทจากเรื่องที่ผ่านๆ มาอย่างไรบ้าง
          มันไม่เหมือนหนังเรื่องไหนๆ เลยค่ะ พลิกอย่างแน่นอนเพราะว่าบทภาพยนตร์นี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นบทที่นักแสดงทุกคน แทบจะทุกคนไม่ว่าจะเป็นที่ฮอลลีวู้ดหรือที่เมืองไทยหรือว่าที่ไหนเนี่ย เขาใช้บทแม่หญิงคำแก้วเนี่ยสอบการแสดง คือนักเรียนที่เรียนกำกับการแสดง เรียนการแสดง เขาก็จะใช้บทนี้สอบทั้งนั้นเลย ซึ่งเป็นบทที่ท้าทายมาก แล้วก็ยากมาก เพราะว่าต้องเล่น 4 แบบ เล่าเรื่อง 4 แบบ 4 อารมณ์ค่ะ
          แล้วเนื้อหาก็ค่อนข้างเข้มข้นมาก ตัวละครก็จะเยอะ เรื่องหนึ่งคนนี้เล่าเราก็เล่นตามนั้น คนนี้เล่าเราก็เล่นตามนั้น เล่นตามที่เขาเล่า แต่เราเล่ามันก็เป็นอีกแบบ แต่ความจริงมันเป็นแบบนี้เราก็เล่นแบบนี้อะไรอย่างนี้ค่ะ

มีการซักซ้อมการแสดงกับหม่อมน้อยอย่างเข้มข้นด้วย
          มันเยอะมากตอนที่พลอยซ้อมเนี่ย พลอยแบบความจำเต็มเลย พลอยงงมากต้องใช้เวลาทำการบ้านนานมาก ตอนที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้เองพลอยก็ถ่ายละครอยู่แล้ว 2 เรื่อง แล้วก็ต้องมารับอีก 4 คาแร็คเตอร์ รวมเป็น 7 คาแร็คเตอร์ เกินตัวจริงๆ ไม่เคยต้องรับหน้าที่ขนาดนี้มาก่อนในเวลาเดียวกัน ก็ใช้เวลาเหมือนกันกว่าจะปรับตัวเป็นแม่หญิงคำแก้วอย่างเต็มตัว ใช้เวลาซ้อม ซ้อมกับตัวเอง ซ้อมกับหม่อม เหมือนอย่างที่ทุกๆ ครั้งที่ทำกับทีมงานและนักแสดงทุกคนค่ะ

การร่วมงานกับหม่อมน้อยและอนันดาอีกครั้งหนึ่ง
          การทำงานของพวกเรานี่คือ พวกเราทำงานมาด้วยกัน 10-11 ปีแล้วที่ทำงานกับหม่อมมา มันเหมือนเป็นครอบครัวแล้ว ทุกอย่างมันคุ้นเคยการทำงานแบบนั้น แล้วพลอยก็ชอบทำงานกับหม่อม ชอบทำงานกับอนันดา ชอบทำงานกับพี่เจี๊ยบ เพราะว่าเราเล่นกันมาแล้วหลายเรื่อง ทุกคนก็เหมือนมีอะไรก็คุยกัน เวลาเล่นเนี่ยเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีทุกคน ส่งอารมณ์ถึงกันหมด แล้วหม่อมน้อยก็เป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก แล้วทำงานเนี่ยทำด้วยความรักและศรัทธา แล้วก็ใส่จิตวิญญาณลงไป ซึ่งพลอยพูดได้เลยว่าหาใครคนไหนไม่ได้แล้วที่จะเป็นแบบนั้น น้อยคนมากที่จะใส่ใจรายละเอียดทุกอย่าง แม้กระทั่งการแสดงของนักแสดงทุกคน พลอยโชคดีที่หม่อมให้โอกาส แล้วก็เอ็นดูเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง พลอยก็สะดวกใจที่ได้ทำงานกับหม่อม แล้วก็สะดวกใจที่ได้เล่นเป็นภรรยาอนันดาไปเรื่อยๆ คือเขาเป็นคนอย่างที่รู้กันค่ะ เราเป็นเพื่อนรักกัน พลอยรู้สึกดีกับเขา พลอยรู้สึกสบายใจกับเขามากเลยในทุกๆ เรื่อง แล้วก็เวลาพวกเราทำงานเราเป็นคนเปิด เวลาแสดงมันเหมือนเป็นคลื่นความถี่เข้าหาด้วยกันได้ มันส่งอารมณ์แล้วมันโดน มองตาแล้วมันใช่ค่ะ
 
ฉากประทับใจที่เล่นกับอนันดาในเรื่องนี้
          มีฉากหนึ่งแบบอนันดาต้องไม่รู้สึกอะไรเลยกับพลอย แต่พลอยเพิ่งโดนข่มขืนมา แล้วอนันดากลับมองด้วยสายตาเหยียดหยามมาก แกมันขยะ สายตาที่ส่งมาทั้งๆที่พลอยเป็นเมีย คือแบบพลอยก็ต้องแสดงอารมณ์ออกมามันเหมือนคนจะบ้า คนเสียใจผิดหวัง ทำไมคนที่รัก ทำไมไม่ปกป้องฉันเลย กลับจะผลักไสไล่ส่งออกไปอีก พลอยเล่นเป็นซีนที่เครียดมากเลยนะ อนันดาถึงขั้นต้องสงบสติอารมณ์ จริงๆ แล้ววันนั้นอนันดาต้องไม่รู้สึก อนันดาต้องมองพลอยแบบเหยียดที่สุด อนันดาร้องไห้ อารมณ์มันแรงมาก อารมณ์คนแบบสิ้นไร้ไม้ตอก พลอยส่งอนันดาเขารับไง เขารับอารมณ์อยู่ยาก เก็บอารมณ์เข้ามากก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ก็ร้องไห้ออกมาเลย ก็เป็นฉากที่อารมณ์แรงมากๆ ฉากหนึ่งที่ชอบค่ะ

การร่วมงานกับพี่ดอม
          เล่นกับพี่ดอมเป็นเรื่องแรกเลยค่ะ สำหรับพี่ดอมเองเคยรู้จักกับพี่ดอมตอนอายุ 17 พี่ดอมเป็นนักแสดงรุ่นพี่ที่แบบเราก็เจอกันแล้วก็คุยกัน คือเขาเป็นคนน่ารักมาก คือเป็นพี่ที่แบบน้องมีปัญหาอะไรปรึกษาพี่ได้อะไรอย่างนี้ เขาน่ารักเป็นคนที่สนุกสนาน เป็นพี่ชายที่แสนดีแสนอบอุ่นมาก แล้วกว่าจะได้ร่วมงานกันนี่พลอยก็รอมาตั้งนาน รอมานานมากที่จะได้ทำงานกับคุณดอม อยากทำงานร่วมกันมาก พี่ดอมเป็นนักแสดงที่เก่ง ถือว่ามีวินัย แล้วก็มีพลังในการแสดงสูงมาก พลังเยอะมาก เล่นแบบเยอะอึด เขาแสดงแบบชัดมากไปทุกเรื่องเลย พลอยเห็นครั้งที่พี่ดอมซ้อม พลอยบอกพี่ดอมไปซ้อมมาจากไหน ทำไมถึงจำบทได้หมดเลย 20 กว่าหน้าทำไมจำได้หมด พี่ดอมบอกว่าพี่ซ้อมมาแล้วไม่รู้กี่หน มิน่าล่ะมาซุ่มก่อน แล้วช่วงนั้นพลอดติดละครพลอยก็มาไม่ได้ เขาก็บอกพี่เป็นน้องใหม่ครับ ผมเป็นเด็กใหม่ผมเพิ่งเข้ามา คุณก็เป็นลูกคนกลาง ผมเป็นน้องใหม่ ผมก็ต้องตั้งใจ เขาก็รู้หน้าที่

เป็นบทบาทการแสดงที่เข้มข้นที่สุด
          ใช่ค่ะ เรียกว่าเป็นบทบาทที่เข้มข้นที่สุดในชีวิตที่เคยเล่นมา แล้วเล่นอย่างหมดตัวจริงๆ พลอยเล่นแบบหมดตัวเลยคราวนี้ พลอยใส่เต็มที่หูตาพลอยออกมา พูดได้เลยเรื่องนี้หาพลอยสวยยาก แต่เราไม่ได้มาดูหนังเพราะว่าความสวยงามของนักแสดง หน้าตาพระเอกหล่อไหม มันจะเน้นเรื่องการแสดงล้วนๆ แล้วก็ความสุนก ความหลากหลายมันดูแล้วมันมาก พลอยพูดตรงๆ พลอยอ่านบทแล้วพลอยชอบมาก พลอยเคยดูพีสาวพลอยทำ Thesis พี่สาวพลอยเรียน มศว. ประสานมิตร เรียนกำกับการแสดงพลอยเคยเห็นเขานั่งทำรายงานอยู่ ไม่คิดไม่ฝันว่าเราจะได้เล่น มันเป็นอะไรที่แบบว่าเราได้รับเกียรติสูงส่งมาก ได้รับหน้าที่อันสำคัญอีกแล้ว เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เล่นบทประพันธ์ดีๆ แบบนี้ พลอยก็ต้องทำให้ดีค่ะ

          ยากที่สุดคงเป็นฉากสุดท้าย 9 หน้าค่ะ แต่ก็โชคดีนะหม่อมเค้าแบ่งคัท เพราะเราต้องมีภาพแต่ละมุมไป แต่ว่าเป็นไดอะล็อคที่ยากมาก ก็คือไดอะล็อค 2 หน้าสุดท้ายของพลอย เฌอมาลย์นี่แหละ เป็นที่หลากหลายอารมณ์มาก ร้องไห้ หัวเราะเป็นคนบ้าเหมือนหมาไฮยีน่าเลย แต่อันนี้แค่เลเวล 2 นะ ขอโทษค่ะมีเลเวล 10 หัวเราะเป็นแม่มดแล้วแบบลุกขึ้นมาหัวเราะใส่หน้าผู้ชายด่าๆๆๆๆ แล้วถุยน้ำลายใส่ มันสะใจมากค่ะ เป็นบทที่ยากจริงๆ แล้วบางทีเหมือนเราอินมาก ก็จะเครียดเลยค่ะ บางฉากที่พลอยเล่าพลอยเอามีดปักอนันดา เอ็นคอมันขึ้น คอเป็นเอ็นแล้วเห็นเป็นเส้นเลือดเลยค่ะ ดูในมอนิเตอร์แล้ว โห...พลอยเครียดมากจริงๆ แล้วก็คอเป็นเอ็น เป็นเส้นอะไรหมดเลย คือเครียดจริงๆ แบบพลอยใส่ไปเต็มที่เลย แต่มึนนะ กลับบ้านมึนหัวมาก แต่โชคดีคือตัดแล้วตัดเลย เวลาคัทปุ๊บพลอยจะออกมาอยู่ในโลกของพลอย แต่พลอยก็ไม่ได้ลั้นลา แต่พลอยก็จะมองนกมองฟ้า นั่งอ่านบทไปเรื่อย ดูเขาทำงาน พอเข้าซีนเราก็เอาใหม่ค่ะ

          มันสำคัญมาก เราต้องไม่ยึดติด มันเหมือนเป็นคำสอนของพุทธศาสนา ไม่ยึดติดก็คือไม่ยึดติดอะไรทั้งสิ้น รูปธรรม นามธรรม เงินทองของนอกกายหรือว่าติดกับความคิดอะไรต่างๆ นานา มันต้องตัด โชคดีที่พลอยจะแบบไม่คือไม่ ก็เลยเอาหลักการใช้ชีวิตมาใช้ในการแสดง ก็ช่วยได้มากเลยค่ะ
 
ปัญหา-อุปสรรคในการทำงาน
          อุปสรรคที่ต้องทำงานต่างกองนี่แหละค่ะคือปัญหาของพลอย พลอยว่ามันยากนะ มันต้องทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ปีหนึ่งพลอยอยากให้มันมีซัก 600 กว่าวัน 365 วันไม่เพียงพอสำหรับพลอย เหนื่อยมากช่วงนี้โทรมหน้าแหลม คอยาว เป็นกะหรี่ยง สังเกตเวลารวบผมตึง คอยาวมากน่ากลัว หันด้านข้างมาตายแล้วน่ากลัว เพราะมันเหนื่อยมากค่ะ ต้องแบกรับถึง 7 คาแร็คเตอร์ มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยทีเดียว นี่กำลังมาใหม่อีกเรื่องนะ เดี๋ยวจะเคลียร์เรื่องนี้ให้เสร็จก่อน ก็เนี่ยแหละเรื่องเวลาที่ต้องทำให้ดี ต้องรักษามาตรฐาน รักษาคุณภาพให้มันดีเพราะว่าพลอยเหนื่อยมากจริงๆ พลอยแบบจะเอาตัวเองเป็นใหญ่ไม่ได้ เวลาพลอยทำงาน ต้องทำออกมาให้ดีที่สุด

          ไม่ได้นอนนี่เรื่องเล็ก เมื่อก่อนไปเที่ยวไม่ได้นอนไม่เห็นบ่นซักคำ นี่แค่ตื่นตี 4 แล้วก็ทำงาน เรื่องเล็ก อย่าไปคิดมาก แต่เวลาผ่านไปเร็วนะคะ เพราะว่าพลอยถ่ายแต่ตอนกลางวัน แล้วก็มันเหมือนสนุก มันเล่นๆ ไปเรื่อยๆ มันหยุดไม่ได้ บางทีหม่อมบอกพอแล้ว แต่พลอยขออีกนิดนึง หนูติดไดอะล็อคอันนี้นิดเดียว หม่อมแกก็น่ารักนะแกให้ด้วย

ความน่าสนใจโดยรวมของเรื่องนี้
          อย่างที่พลอยบอกค่ะ ด้วยบทประพันธ์ก็มาที่ 1 และตัวท่านคึกฤทธิ์ ตัวหม่อมน้อยเอง คุโรซาว่าอีก ใครๆ ก็รู้ว่าเรื่องนี้น่าดูมาก พลอยพูดได้คำเดียวว่าน่าดูมาก อย่างที่บอกโดยเฉพาะที่เป็นนักเรียนการแสดงเนี่ยจะต้องรู้จัก แล้วก็เป็นภาพยนตร์ที่น่าดูอะไรอย่างนี้ เนื้อหาความจริงมันมีอยู่เรื่องเดียวแต่แต่ละคนก็เล่ามาแต่ละอย่าง ก็ตีความกันคนละแบบ มันก็แสดงแตกต่างกันมาก ไฮไลต์ก็เยอะเลย พลอยว่าไฮไลท์ทุกเรื่องทุกฉากเลยค่ะ ต่างคนต่างเล่ามันก็ต่างสไตล์ ก็มีทั้งดราม่า แอ็คชั่น ขำก็มี ยิ่งตอนสุดท้ายนี่ขำกลิ้งเลย เป็นอะไรที่ครบรสชาติมาก

อยากให้คนไทยสนับสนุนหนังไทยดีๆ อะไรอย่างนี้ เราก็มาดูหนังไทยที่มีคุณค่า หนังสนุกมาก ภาพสวย ความละเอียดอ่อนมีทุกอย่าง เรื่องราวเนี่ยมันจะให้อะไรเยอะมากเลยนะ พลอยบอกตรงๆ พลอยอาจจะพูดอะไรไม่ดีมาก พลอยไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงคนไหนที่มีคาแร็คเตอร์อยู่ในหนังที่พลอยเล่น เขาก็จะเห็นว่ามันไม่ดีนะ เราควรรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราก็ควรดีๆ กันไว้ รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อย่าทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเลย แล้วก็เหมือนอาจจะทำให้คนยอมรับด้วยกัน เพราะว่าคนเราจะดีจะชั่วจะถูกจะผิด สุดท้ายแล้วเนี่ยก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น เพราะตัวเรานี่แหละรักตัวเราที่สุด ตัวเรานี่แหละที่เห็นคุณค่าของตัวเราที่สุด ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวเรา ใช่ไหมคะ แต่บางทีตัวเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดค่ะ ต้องไปดูค่ะหนังให้สาระในการใช้ชีวิตมากเลยค่ะ