Gmail on November 13, 2010, 11:41:39 AM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดี ที่ 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น.
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1402 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.54 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.57 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19500 บาท กับ 19600 บาท GFZ10 เปิดที่ 19680 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19750 บาท และ GF10Z10 เปิดที่ 19680 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19770 บาท SPDR ถือครอง 1291.77 ตัน (ขายออก 1.22 ตัน ) น้ำมันบวก 1.09 เหรียญ/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 87.81 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 10.29 จุด มาปิดที่ระดับ 11357.04 จุด

          โดยที่ราคาทองคำในตลาดเอเชียวิ่งอยู่ระหว่าง 1393 ถึง 1410 โดยที่มีการแกว่งเพิ่มขึ้นและลดลงตลอดเวลา ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4844 คู่สัญญา ลดลง 5% และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 2587 คู่สัญญา ลดลง 12% โดยที่ Open Interest 50 บาท อยู่ที่ 9252 สัญญา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% และ Open Interest 10 บาท อยู่ที่ 5088 สัญญา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% สำหรับราคาทองคำในตลาดลอนดอนและนิวยอร์กราคาค่อยๆปรับตัวลดลง แต่ก็เป็นการแกว่งตัวอย่างมากบริเวณ 1400 เหรียญ เป็นการแกว่งขึ้นลงสลับกันหลายครั้ง โดยที่ไปทดสอบแนวรับที่ระดับ 1385 เหรียญ และดีดกลับปิดที่ระดับ 1399 เหรียญ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาค่อนข้างดี โดยตัวเลข GDP Trade Balance ออกมาดีขึ้น 1 พันล้าน มาอยู่ที่ระดับ 44.0 พันล้าน ผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานลดลงกว่าที่คาด 24000 ตำแหน่ง ซึ่งกดดันทำให้ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรมาอยู่ที่ระดับ 1.3776 ดอลลาร์/ยูโร ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.09 เหรียญ/บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 87.81 และดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 10.29 จุด มาปิดที่ 11357.04 จุด ราคาเมื่อวานได้รับแรงเทขายทำกำไรต่อเนื่องและข่าวการปรับขึ้นมาร์จิ้นใน Silver ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 20% ทำให้นักลงทุนในตลาดมีความกังวลจึงมีแรงเทขายทองคำออกมาด้วย

          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำเข้าสู่การเข้าสู่การปรับฐานทำกำไรและเป็นการสะสมพลังอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ราคาปรับตัวทะลุ 1400 เหรียญ ขึ้นมา โดยที่คาดว่าราคาทองคำอาจจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง side way ระหว่าง 1390 - 1450 เหรียญ มีแนวรับด้านล่างที่ 1390 เหรียญ แนวรับด้านบนที่ 1408 เหรียญ สำหรับราคาทองคำน่าจะเป็นช่วงสะสมพลัง และวันนี้ตลาดนิวยอร์กปิดราคาอาจจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก ในขณะที่ SPDR ขายทองคำออกมาที่ 1.2 ตัน คงทองที่ระดับ 1291.77 ตัน สำหรับราคาทองคำแท่งของไทย ปิดที่ 19550-19650 บาท
ทองคำแท่งมีแนวรับที่ 19450 ต้านที่ 19600
          Gold Futures Series Z มีแนวรับอยู่ที่ระดับ 19660 และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 19800 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรตามการแกว่งตัวซึ่งคาดว่าจะเป็นการเคลื่อนตัวไปในทาง side way ซักระยะหนึ่งก่อน
          นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          เมื่อวานน่าจะได้เข้าช้อนซื้อไปแล้วส่วนหนึ่ง วันนี้ก็น่าจะเข้าช้อนซื้อและปรับ port เป็น 30%
          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          หาจังหวะเข้าซื้อ ถือ port ประมาณ 30 % รอซื้อที่บริเวณแนวรับสำคัญ

          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

Gmail on November 13, 2010, 11:42:27 AM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,550 - 19,650
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,406
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.55 – 29.58
          - GFZ10 Hi- Low 19,790 – 19,630 ปิดที่ 19,740
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,399.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,383.40 - 1,410.00 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแข็งแกร่งเป็นเวลาหลายวัน นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรับที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
         
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดบวก 10.29 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 11,357.04 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 5.31 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 1,218.71 จุด หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงยอดขาดดุลการค้าและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ปรับตัวลดลงเกินคาด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุม G20 ซึ่งจัดขึ้นที่เกาหลีใต้

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 87.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.81 - 86.70 ดอลลาร์ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐจะยังคงเพิ่มขึ้นแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างล่าช้าก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดขาดดุลการค้าและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ปรับตัวลดลงเกินคาด

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 11 พ.ย. ขายออก 1.21 ตันเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองจากระดับ 1,292.98 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,291.77 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้โดยยูโรอ่อนตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของหลายประเทศในยุโรป รวมถึงไอร์แลนด์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3776 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3777 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3818 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.62% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.280 เยน จากระดับของวันอังคาร 81.770 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 82.12 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.54-29.58 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.55-29.58 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - ความกังวลเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลไอร์แลนด์ที่อาจทำให้ไอร์แลนด์ต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป รายงานระบุว่า รัฐบาลไอร์แลนด์เตรียมขึ้นภาษีและอาจต้องลดจำนวนหน่วยงานของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีแผนออกตราสารหนี้เพื่อระดมเงินทุน ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินยูโร และหันมาซื้อดอลลาร์สหรัฐที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ปลอดภัยมากกว่า
          - การประชุม G20 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโซล เกาหลีใต้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะมุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาภาวะไร้สมดุลในระบบเศรษฐกิจโลก เพื่อเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นไปอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ คาดว่าที่ประชุม G20 จะหารือและเรื่องความกังวลเกี่ยวกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงและสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2
          - จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ร่วงลง 24,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 435,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 450,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัว
          - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.40 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดว่าจะอยู่ที่ 4.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยให้สหรัฐสามารถส่งออกสินค้าได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
          - สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 5 พ.ย.ร่วงลง 3.3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 364.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล
          - ต้ากง โกลบอล เครดิต เรทติ้ง ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของจีน ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศของสหรัฐลง 1 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A+ จากเดิมที่ระดับ AA โดยให้แนวโน้มเป็นลบ หลังจากสหรัฐประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบสอง หรือ QE2 ต้ากงระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการชำระคืนหนี้ที่ลดน้อยลงของสหรัฐ นอกจากนี้ ภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยในระยะยาว และจะยิ่งทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดน้อยลงไปอีก
 
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

10 - 11 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันพุธ
 · Trade Balance

· Unemployment Claims

· Import Prices

· Crude Oil Inventories
 -46.3B

457K

-0.3%

2.0M
 -45.0B

451K

1.1%

1.1M
 -44.0B

435K

0.9%

-3.3M
 
วันพฤหัสบดี
 · G20 Meetings
 -
 -

Gmail on November 13, 2010, 11:44:00 AM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคาร ที่ 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น. 
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวาน นี้ที่ระดับ 1390 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.63 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.66 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19350 บาท กับ 19450 บาท GFZ10 เปิดที่ 19570 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19610 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19560 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19560 บาท SPDR ถือครอง 1294.17 ตัน (เข้าซื้อ 2.43 ตัน) น้ำมันบวก 21 เซนต์ ปิดที่ระดับ 87.06 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์ลบ 37.24 จุด ปิดที่ระดับ 11406.84 จุด
          ราคาทองคำในตลาดเอเชียเคลื่อนตัวในกรอบ 1387-1393 เหรียญ ปิดตลาดที่ระดับ 1390 เหรียญ โดยที่ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 3421 คู่สัญญา ลดลง 57% และ Gold Futures 10 บาท อยู่ที่ 1921 คู่สัญญา ลดลง 63% ตลาดทองคำในลอนดอนและComex ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาในช่วงเช้าส่วนใหญ่ 1388-1392 เหรียญ ราคาเริ่มมาทะลุ 1400 เหรียญ ในปลายตลาด Comex แล้วไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1408 เหรียญ กลับมาปิดตลาดที่ระดับ 1403 เหรียญ ตลาดยังให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่อง Global currency war คือ ปัญหาเรื่องค่าเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะนำเรื่องนี้มาคุยในการประชุม G-20 เมื่อวานไม่มีตัวเลขทางเศรษฐกิจใดๆ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าขึ้นเนื่องจากตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาหนี้เสียในฝั่งยุโรปคือประเทศไอซแลนด์ ทำให้มีการเข้าซื้อทองคำในฐานะ Safe heaven ตลอดเวลา

          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำยังอยู่ใน ภาวะปรับตัวสูงขึ้น โดยทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1408 เหรียญ ทิศทางยังเป็นขาขึ้นอยู่ Oscillator ทุกตัวเป็นสัญญาณบวก แนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1420 เหรียญ โดยมีแนวรับที่ระดับ 1380 เหรียญ ภาพรวมโดยทั่วไปของทองคำยังเป็นขาขึ้น
ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19350 บาท และ 19450 บาท
          ราคาทองคำแท่งของไทยวันนี้สามารถทะลุแนวต้านสำคัญและทำจุดสูงสุดใหม่ขึ้นมา ได้ ทะลุ 19550 บาท ขึ้นมาได้ แนวรับของทองคำแท่ง 19400 บาท และแนวต้าน 19650 บาท
          Gold Futures Series Z10 แนวรับอยู่ที่ระดับ 19700 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19900 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ยังน่าจะเป็นการเทขายทำกำไรต่อเนื่อง เป็นการปรับฐานทำกำไร
          ลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          ยังเป็นลักษณะของการขายทำกำไรต่อเนื่อง รักษา Port 10% หาจังหวะเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          ยังเป็นการถือครอง 10% และขายทำกำไรต่อเนื่อง

          บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

Gmail on November 13, 2010, 11:45:26 AM


ทองคำพุ่งกระฉุดทำ New High ในรอบทศวรรษ
 
          ค่าย MTS Gold แม่ทองสุก แจงราคาทองคำพุ่งกระฉูดทำ New High ในรอบทศวรรษ โดยทำสถิติแตะ 1,394 เหรียญ ขึ้นกว่า 3.5 % ผลักดันให้ราคาทองไทยขึ้นมาทดสอบที่ราคา 19,550 บาท/ บาททองคำ ชี้ปัจจัยหนุนจาก Fed ประกาศมาตรการ QE2 อัดฉีดเม็ดเงินอีก 6 แสนล้านเหรียญ / USD ทำให้นักลงทุนในตลาดโลกหวั่นค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง หันเข้าลงทุน และเกร็งกำไรทองคำกันอย่างหนาแน่น โดยมีปริมาณการซื้อขายของตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สกว่า 4,000 สัญญาต่อวัน หรือกว่า 4,000 ล้านบาท คาดราคาทองคำจะทะลุระดับ 20,000 บาท ได้ในเร็ว ๆ นี้

          นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ราคาทองคำได้รับผลดีจากการที่ Fed ประกาศมาตรการ QE2 อัดฉีดเงินมาอีก 600,000 ล้านเหรียญ / USD เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและช่วยบริษัท SME ด้วยปัจจัยตรงนี้ผลักดันทำให้นักลงทุนในตลาดโลกหวั่นวิตกว่าจะมีการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ประกาศ QE2 ค่าเงินดอลลาร์เองอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเงินยูโรกว่า 120 PIP มาอยู่ที่ระดับ 1.4215 USD/EUR และในขณะเดียวกันกดดันให้เงินในภูมิภาคเอเซียแข็งค่าขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินเยนและเงินบาทของไทย เรียกว่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นอีกเมื่อเทียบกับเงิน USD มาอยู่ที่ระดับ 29.65 บาท / USD

          “นักลงทุนทองคำในตลาดโลกและนักลงทุนทองคำในเมืองไทยต่างหันเข้าลงทุน และเกร็งกำไรทองคำกันอย่างหนาแน่น ทำให้ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สเองมีปริมาณการซื้อขายสัญญาคึกคักขึ้นกว่า 4,000 สัญญา/วัน หรือมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 4,000 ล้านบาท/วัน รวมทั้งตลาดทองคำแท่งเองนักลงทุนมีการเทขายทำกำไรกันอย่างหนาแน่น บรรดาร้านค้าทองต่างก็เข้ารับซื้อทองคำจากการเทขายของนักลงทุนทั่วภูมิภาค เรียกว่า ทองคำกำลังเข้าสู่จุดสูงสุดใหม่และคาดว่าภายในอนาคตอันใกล้น่าจะได้เห็นราคาทองคำแท่งแตะที่ระดับ 20,000 บาท / ราคา 1 บาททองคำ” นายแพทย์กฤชรัตน์ กล่าว

          อย่างไรก็ดีวิเคราะห์ว่ามีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,450 เหรียญ ภายในสิ้นปีนี้ และมีโอกาสที่ราคาทองคำของไทยจะไปแตะ 20,000 บาทได้ โดยยังมองว่าการลงทุนในทองคำเป็นสิ่งที่น่าสนใจและยังไม่เข้าสู่ภาวะฟองสบู่ ซึ่งผู้ที่สนใจในการลงทุนทองคำล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดงานมหกรรมการลงทุนในกรุงเทพชื่อ SET in The City ที่สยามพารากอน ในวันที่ 18-21 พฤศจิกายน 2553 นี้ เพื่อให้นักลงทุนสามารถพบปะกับกูรู้ผู้รู้ในทุกหมวดของการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งทองคำก็จะมีทุกโบรกเกอร์ไปออกบูธเรียกว่า ครบเครื่องเรื่องการลงทุนทองคำบนถนนสายทองคำ พร้อมพบแคมเปญโปรโมชั่นมากมายโดยเฉพาะจากกลุ่มบริษัทเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก นำโดยนายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ที่ยกทีมไปบริการลูกค้าอย่างเต็มทีพร้อมแคมเปญสะสมแต้มเพิ่มมูลค่ารางวัลถึง 4 เท่า สำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่ รวมทั้งให้บริการจองในการเข้าอบรมการลงทุนในทองคำกับ MTS ACADEMY สถาบันการลงทุนทองคำครบวงจรได้ฟรีในงาน เรียกว่ามีของรางวัลมากมายติดไม้ติดมือกลับไป เมื่อท่านมาพบกับเราที่บูธของเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก พร้อมพบคุณหมอกฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ตัวจริง ได้ทุกวันที่สยามพารากอน 

Gmail on November 13, 2010, 11:47:16 AM
สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ ที่ 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา 09.00น
   
 
 
          ทิศทางราคาทองคำ
          ราคาทองคำเปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 1389 เหรียญ ค่าเงินบาท 29.64 บาท/ดอลลาร์ กับ 29.66 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19350 บาท กับ 19450 บาท GFZ10 เปิดที่ 19570 บาท และ GFG11 เปิดที่ 19600 บาท GF10Z10 เปิดที่ 19560 บาท และ GF10G11 เปิดที่ 19620 บาท SPDR ถือครอง 1291.77 ตัน (ขายออก 0.42 ตัน) น้ำมันบวก 36 เซนต์ ปิดที่ระดับ 86.85 เหรียญ/บาร์เรล ดัชนีดาวโจนส์บวก 9.24 จุด ปิดที่ระดับ 11444.08 จุด
          โดยที่ราคาทองคำทองคำในตลาดเอเชียแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1383-1392 เหรียญ ปิดที่ระดับ 1384 เหรียญ มีปริมาณการซื้อขาย Gold Futures สูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยภาพรวมมูลค่าการซื้อขาย 8500 ล้านบาท โดยที่ราคาทองคำในตลาดเอเชียมีการขายค่อนข้างคึกคักจากผู้ถือครอง Physical Gold ทองคำช่วงตลาดลอนดอนเอง เทขายทำกำไร จากผู้ถือ Physical Gold และลงไปทำต่ำสุดที่ระดับ 1374 เหรียญ อย่างรวดเร็วก่อนที่จะดีดกลับมาในช่วงกลางตลาด Comex และมีการไล่ซื้อราคาจนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1398 เหรียญ โดยที่ราคาแกว่งตัวค่อนข้างมาก ในตลาด Comex จากแรงเทขายทำกำไร และกลับมาปิดตัวที่ระดับ 1395 เหรียญ ภาพรวมของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสลับกันโดยที่ ยอดขายบ้านมือสอง ต่ำกว่าที่คาด ในขณะที่ Non farm Payroll ออกมาดี โดยที่ค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างเล็กน้อย จากระดับ 1.4215 ดอลลาร์/ยูโร ปิดที่ระดับ 1.4031 ดอลลาร์/ยูโร จากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น โดยที่เช้าวันนี้ดอลลาร์ยังแข็งขึ้นอีกเล็กน้อย ในขณะที่ค่าเงินบาททรงตัวยืนอยู่ระดับ 29.60 บาท/ดอลลาร์

          วิเคราะห์ทางเทคนิค
          ราคาทองคำมีแรงเทขายทำกำไรหนาแน่นแต่ยังยืนอ ยู่เหนือระดับ 1390 เหรียญ อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกตัว และแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1400 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ระดับ 1370 เหรียญ ระวังการเทขายทำกำไร และคาดว่าจะมีการแกว่งตัวของราคา ทองคำแท่งของไทย ราคาสมาคมปิดตลาดที่ระดับ 19300 บาท และ 19400 บาท
          ราคาทองคำแท่งของไทยปรับตัวขึ้นมาเมื่อวันเสาร์ 100 บาท มาอยู่ที่ บริเวณ 19400 บาท และ 19500 บาท โดยที่ยังมีแนวต้านสำคัญที่ระดับสูงสุดเดิมที่ระดับ 19550 บาท และแนวรับที่ระดับ 19300 บาท
          Gold Futures Series Z10 แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 19570 บาท แนวต้านอยู่ที่ระดับ 19680 บาท

          คำแนะนำ
          สำหรับนักลงทุนระยะรายวัน (Daily Trade)
          เก็งกำไรตามภาวการณ์แกว่งตัว ซึ่งคาดว่าจะมีแรงเทขายทำกำไรเข้ามาหนาแน่น

          ลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
          ยังเป็นลักษณะของการขายทำกำไร ลด Port ลงมาเหลือประมาณ 10% หาจังหวะเข้าช้อนซื้อ

          นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
          ให้ขายทำกำไร ยังคงถือครอง Port 10% เช่นเดียวกัน รอช้อนซื้อ เก็งกำไรระยะสั้น สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้

          บท วิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

Gmail on November 13, 2010, 11:49:19 AM
ภาวะตลาดทองคำวันนี้ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2553   
 
 
          ข้อมูลทองคำวันนี้
          - ราคาสมาคม เปิดที่ 19,350 - 19,450
          - ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,391
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.64 – 29.67
          - GFZ10 Hi- Low 19,600 – 19,500 ปิดที่ 19,510
 
Gold Insight

          สัญญาทองคำตลาด COMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งสูงขึ้น 14.60 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,397.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยในระหว่างวันสัญญาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 1,371.90 - 1,398.70 ดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศอัดฉีดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น จะทำให้เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในช่วงขาลง ซึ่งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะเป็นปัจจัยหนุนที่กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาซื้อขายในตลาดทองคำมากขึ้น
 
          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
          ปิดเพิ่มขึ้น 9.24 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 11,444.08 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.79 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 1,225.85 จุด เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดในเดือนต.ค.

          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
          ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 86.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.96 - 87.43 ดอลลาร์ จากปัจจัยหนุนของการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาดในเดือนต.ค.

          กองทุน SPDR Gold Trust
          กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 8 พ.ย. ขายออก 0.42 ตันเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองจากระดับ 1,292.19 ตัน เข้าสู่ระดับ 1,291.77 ตัน
          USD/EU ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาดในเดือนต.ค. เงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นกว่า 1% เมื่อเทียบกับเงินยูโร ส่งผลให้เงินยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 1.4031 ดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดตลาดยู่ที่ระดับ 1.3991 ดอลลาร์ต่อยูโร
          USD/JPY เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.67% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.250 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 80.710 เยน โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 81.34 เยนต่อดอลลาร์
          USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 29.63-29.67 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักจากการเปิดตลาดในตอนเช้ามากนัก ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.64-29.67 บาทต่อดอลลาร์
 
ข่าวเศรษฐกิจโลก
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 151,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนอัตราว่างงานยังคงทรงตัวในระดับเดิมที่ 9.6% รายงานของกระทรวงระบุว่า ตัวเลขจ้างงานของบริษัทเอกชนในสหรัฐเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยอัตราการจ้างงานภาคเอกชนที่พุ่งสูงขึ้น 159,000 ตำแหน่ง สามารถชดเชยตัวเลขจ้างงานภาครัฐที่ปรับตัวลดลง 8,000 ตำแหน่งได้ นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานที่มีการเปิดเผยออกมาล่าสุดนี้ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 60,000 ตำแหน่ง
          - กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้งบประมาณจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.1249 ล้านล้านเยน (2.614 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการเทขายเงินเยนและเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน
          - วูลฟ์กัง ชูเบิล รมว.คลังเยอรมนีกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง หรือ QE2 ด้วยการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตร 6 แสนล้านดอลลาร์นั้น จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมาย แต่กลับจะสร้างปัญหามากขึ้น"ผมคิดว่าการที่สหรัฐตัดสินใจใช้มาตรการ QE2 ถือเป็นความสูญเปล่า การอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบสูงถึง 6 แสนล้านดอลลาร์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ ปัญหาที่ชาวอเมริกันเผชิญอยู่ในเวลานี้คืออัตราว่างงานที่สูงมาก ผมได้แต่คาดหวังว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยเร็ว" ชูเบิลกล่าว นอกจากนี้ นายชูเบิลกล่าวว่า ทางการเยอรมนีจะหารือเรื่องการใช้มาตรการ QE2 กับเจ้าหน้าที่สหรัฐในการประชุมสุดยอด G20 ที่เกาหลีใต้สัปดาห์หน้านี้ โดยจะหารือทั้งในระดับทวิภาคีและหารือในที่ประชุม
          - ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผย ยอดการกู้ยืมเงินของผู้บริโภคสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1% แต่ยอดการกู้ยืมในไตรมาส 3 ปีนี้ หดตัวลง 1.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคลดการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจและความวิตกกังวลที่มีต่ออัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง
          - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผย ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ของสหรัฐปรับตัวลดลง 1.8% ในเดือนก.ย.มาอยู่ที่ระดับ 80.9% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2% หลังจากที่ดัชนีขยายตัวต่อเนื่องมา 2 เดือนก่อนหน้านี้ โดยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายปรับตัวลดลงในทุกภูมิภาคของสหรัฐ ยกเว้นทางภาคตะวันตกของประเทศ
          - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สรุปรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 5 ล้านล้านเยนซึ่งที่ประชุมได้อนุมัติไปเมื่อเดือนต.ค.เรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ได้ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป บีโอเจจะเริ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลในช่วงต้นของสัปดาห์หน้า และสินทรัพย์อื่นๆหลังจากนั้น โดยบีโอเจตัดสินใจที่จะซื้อกองทุน exchange-traded funds หรือ ETF ที่เกี่ยวพันกับดัชนี Topix และดัชนีนิกเกอิ และจะซื้อกองทุน real estate trust funds หรือ REITs ที่ได้รับการจัดอันดับที่ AA หรือสูงกว่านั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บีโอเจจะเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่อาจจะขาดทุนได้

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
 
  อาทิตย์ที่

5 – 8 พ.ย. 2553
 ข้อมูลที่น่าจับตา
 ตัวเลขเดิม
 ตัวเลข คาดการณ์
 ตัวเลขจริง
 
วันศุกร์
 · Non-Farm Employment Change

· Unemployment Rate

· Pending Home Sales

· Fed Chairman Bernanke Speaks

 
 -95K

9.6%

4.3%

-
 63K

9.6%

3.2%

-
 151K

9.6%

-1.8%

-