sianbun on June 17, 2010, 01:54:49 PM
KTAMชู2ทางเลือกลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและตปท. 

        นายสมชัย  บุญนำศิริ  กรรมการผู้จัดการ   บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย  จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนพันธบัตรภาครัฐทั้งในและต่างประเทศ  ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทย ฟอเรน  ฟิกซ์อินคัม 4 เดือน2   ( KTF4M2 )   ตั้งแต่วันที่  16 -22   มิถุนายน  2553  อายุ 4  เดือน  มูลค่าโครงการ   900  ล้านบาท   มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  ไม่น้อยกว่าร้อยละ  80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน    โดยกองทุนจะพิจารณาความมั่นคงของผู้ออกตราสารเป็นหลัก   และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง     ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก   ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก   ทั้งนี้  กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง  75 %   เครดิตเรตติ้งที่ AA   โดยฟิทซ์     และอีก 25% ลงทุนในบัญชีเงินฝากธนาคาร  Standard  Chartered   Bank  สาขา  UAE  ( Full  branch )     ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 1.30% ต่อปี

         สำหรับภาวะการลงทุนในประเทศเกาหลีใต้  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00%   ซึ่งเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า  สำหรับผลตอบแทนจากพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย  เนื่องจากธนาคารกลางมีนัยว่าสถานการณ์เกี่ยวกับหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยุโรปและภาคอสังหาริมทรัพย์ของเกาหลีใต้ ยังไม่ถึงระดับที่ต้องน่าวิตก ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารกลางจะยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ จึงทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้  อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังได้ประกาศแผนที่จะควบคุมเสถียรภาพของสกุลเงินวอนโดยจะจำกัด ให้ธนาคารต่างชาติมีอนุพันธ์เกี่ยวกับค่าเงินวอนได้ไม่เกิน 250% ของเงินทุน และ 50% สำหรับธนาคารท้องถิ่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแกว่งตัวค่อนข้างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา

            นอกจากนี้  บลจ.กรุงไทยยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ  ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท  อินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3 )   ตั้งแต่วันนี้  ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2553  อายุโครงการ 3 เดือน   เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ   8%   หุ้นกู้ธนาคารดอยซ์แบงก์ เอจี  และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด  สถาบันละ 24%   ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารซีไอเอ็มบี  (ประเทศไทย) 20%   และธนาคารธนชาติ 24% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน   โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 0.90% ต่อปี  ซึ่งที้ง 2 กองทุนจะไม่เสียภาษี ณ ที่จ่าย