happy on August 17, 2020, 07:13:41 PM
'คิดดีไอดอล ปีที่ 4' คิด-ทำ-สร้างสรรค์สื่อเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม


ศูนย์สื่อสารเด็กไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกลุ่มประเด็นสื่อสาธารณะ สภาผู้ชมและผู้ฟังรายการไทยพีบีเอส เครือข่ายสื่อ สถาบันการศึกษา จัด “หลักสูตรคิดดีไอดอล พลเมืองตื่นรู้และนักสื่อสารสุขภาวะ” เวทีพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ เปิดรับเยาวชนนักสร้างสรรค์สื่อในพื้นที่ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต นครศรีธรรมราช สตูล สงขลา ยะลา และปัตตานี เข้าร่วมกิจกรรมปลุกพลังคนรุ่นใหม่ใช้ 'สื่อ' เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

คุณฮาริส มาศชาย หัวหน้าศูนย์สื่อสารเด็กไทย ได้กล่าวถึงที่มาของกิจกรรมนี้ว่า “หลักสูตรนี้เรานำประสบการณ์การทำงานด้านสื่อมาพัฒนาเป็นกระบวนการกิจกรรม เป้าหมายสำคัญคือการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็น 'นักสื่อสารสุขภาวะ' เพื่อนำไปสู่การสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคม วันนี้นอกจากเราจะฝึกกระบวนการคิดและการสร้างสรรค์สื่อที่ดีมีคุณภาพให้กับพวกเขาแล้ว เรายังเน้นเรื่องของการสร้างความมั่นคงภายในจิตใจให้เขาด้วย เพราะก่อนที่เขาจะเป็นนักสื่อสารที่ดีได้ สิ่งสำคัญคือเขาต้องเห็นคุณค่าในตัวเองก่อน จากนั้นกลุ่มคนรุ่นใหม่นี้ก็จะสามารถเป็นไอดอลเพื่อสร้างและส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างได้ ซึ่งปีนี้ 'คิดดีไอดอล' เราเดินทางมาถึงปีที่ 4 แล้ว ที่ผ่านมาเรามีคนรุ่นใหม่มากมายจากโครงการนี้ ที่ได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปสื่อสารเพื่อเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น แม้จะยังไม่เห็นผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นจุดประกายเรื่องดีๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม”


เวทีพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ คิดดีไอดอลครั้งที่ 4 มีวิทยากรมาช่วยกันปลุกพลังและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สื่อให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่มากมายหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น คุณธีรเดช งามเหลือ ผู้ประกาศข่าวจาก ThaiPBS, คุณภัทรจารีย์ หรือ น้านิต ผึ้งน้อย, คุณโตมร อภิวัทนากร ผู้อำนวยการกลุ่มมานีมานะ และทีมศิษย์เก่าคิดดีไอดอลปี 1-3 ที่กลับมาแชร์ประสบการณ์ดีๆ แบ่งปันให้กับน้องๆ รุ่นใหม่อีกด้วย

โดย คุณจิราภรณ์ กมลรังสรรค์ นักวิชาการ สำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. ได้กล่าวว่า "โครงการคิดดีไอดอล ที่ สสส. ให้การสนับสนุนนั้น เราเชื่อมั่นว่าเยาวชนทุกคนมีศักยภาพและมีพลังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงสังคม วันนี้น้องๆ คนรุ่นใหม่กำลังก้าวสู่การเป็น 'นักสื่อสารสุขภาวะ' ที่จะนำสื่อไปใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น เพื่อเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงสังคมในด้านต่าง ๆ วันนี้เรากำลังสร้างคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงได้ ทุกคนในสังคมล้วนมีพลังที่จะช่วยกันขับเคลื่อนและสร้างสรรค์เรื่องดีๆ ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยส่วนหนึ่งคือการใช้เครื่องมือการสื่อสารที่น้องๆ จะร่วมกันพัฒนาและดำเนินการให้เกิดขึ้นต่อไป”


ขณะที่ คุณธีรเดช งามเหลือ ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ Thai PBS หนึ่งในวิทยากรที่ได้มาร่วมแชร์ประสบการณ์คนทำสื่อให้กับเยาวชน ได้กล่าวว่า “ผมในฐานะคนทำสื่อทีวีและสื่อออนไลน์ของ Thai PBS เราถูกปลูกฝังให้ทำหน้าที่สื่อสารสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ข่าวลวง ข่าวปลอม เกิดขึ้นมากในทุกช่องทาง การสร้างนักสื่อสารที่มีจริยธรรมสื่อเป็นสิ่งสำคัญ มีความรับผิดชอบและมีความจริงใจในการผลิตสื่อที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม วันนี้เราหวังว่าเด็กรุ่นใหม่จะลุกขึ้นมาเป็นนักสื่อสารที่นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างสร้างสรรค์ เพราะถ้าสื่อที่เราสื่อสารไปทำให้คนดูได้ประโยชน์ มันคือความสุข ผมอยากให้น้อง ๆ มีความสุขแบบนั้น”


ในส่วนของคิดดีไอดอลรุ่นพี่อย่าง ว่าที่ ร.ต. ปิยะพัทย์ รักนุกูล ประธานคิดดีไอดอล รุ่น 1 เยาวชนคิดสร้างสรรค์นำสื่อหนังตะลุงและเพลงบอกพื้นบ้านมาสร้างความตระหนักเรื่อง ‘การเสพมือถืออย่างพอดี’ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ได้จากโครงการว่า “นอกจากการได้ฝึกคิด ทำ สร้างสรรค์สื่อเพื่อนำไปสื่อสารในพื้นที่แล้ว เรายังได้เรียนรู้ถึงทักษะการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การรณรงค์ของเราบรรลุผลลัพธ์ นี่คือการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่โครงการให้เรา อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากโครงการนี้ คือใบเบิกทางเพื่อให้เราก้าวไปสู่การ นักสื่อสารมืออาชีพได้ในอนาคต”

ส่วน น้องบูรอดี อาลี คิดดีไอดอล รุ่น 3 ที่ปัจจุบันกำลังเรียนอยู่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง ได้กล่าวว่า “โครงการนี้ทำให้เราได้นำความถนัดด้านพยาบาลมาผนวกกับทักษะการทำสื่อ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในวิชาชีพสร้างเสริมสุขภาพด้านพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราสนใจปัญหาเรื่องเด็กอ้วนและได้พัฒนาสื่อไปสื่อสารกับเด็กๆ ในโรงเรียนป่าพะยอมพิทยาคม เพื่อให้น้อง ๆ ได้มีความตระหนักและดูแลสุขภาพมากขึ้น จนทำให้น้องๆ มีการปรับเปลี่ยนเรื่องของวินัยในการกินมากขึ้น รวมถึงยังมีพฤติกรรมกินผักและผลไม้มากขึ้นอีกด้วย ”