news on February 26, 2020, 07:32:52 AM

RICOH เปิดตัวโมดูล Dye-Sensitized Solar Cell เป็นครั้งแรกของโลก นวัตกรรมล่าสุดของ RICOH ที่เรียกได้ว่าปฏิวัติโลกใบนี้ ด้วยแหล่งพลังงานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน



บริษัท ริโก้ จำกัด ได้ประกาศเปิดตัวโมดูล Dye-Sensitized Solar Cell (DSSC) แบบ Solid-State ครั้งแรกของโลก โดยใช้ชื่อซีรีส์นี้ว่า RICOH EH DSSC นวัตกรรมล่าสุดของ RICOH ครั้งนี้สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าจากแสงภายในอาคาร และผลิตพลังงานทดแทนใหม่เพื่อให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับการชาร์จไฟอยู่ตลอดได้

ในสังคมที่ใช้ Internet of Things (IoT) ปัจจุบันนั้น โซลูชันที่ราคาย่อมเยา แต่สามารถสร้างพลังงานทดแทนจากแสงสว่างภายในอาคารได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแสงจากธรรมชาติถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในการผลักดันสถานที่ปฏิบัติงานแบบดิจิทัล และในชีวิตประจำวัน การพัฒนานวัตกรรมประเภทนี้ถือเป็นเป้าหมายระยะยาวของทีมวิจัย RICOH มานานแล้ว

กลไกการทำงาน
เทคโนโลยี DSSC ทำงานโดยเลียนแบบกระบวนการสังเคราะห์แสง แต่แทนที่คลอโรฟิลล์ด้วยสีที่ดูดพลังงานแสง ทำให้แสงที่ส่องเข้ามาสามารถกระตุ้นโมเลกุลให้เป็นสถานะที่มีพลังงานสูงกว่าเดิม ซึ่งพลังงานที่ได้นี้จะถูกเก็บรวบรวมโดยโครงสร้างของอิเล็กโทรไลต์ และตัวเร่งปฏิกิริยา เสมือนกับโครงสร้างของใบไม้ในการสังเคราะห์แสง

ขณะที่เทคโนโลยี DSSC ได้การยอมรับในฐานะวิธีการผลิตไฟฟ้าที่มีค่าใช้จ่ายต่ำมานาน แต่ก็มีประเด็นด้านความปลอดภัยที่เป็นอุปสรรคต่อการนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ ระบบแบบเก่านั้นเป็นแบบของเหลวที่ใช้ไอโอดีนและตัวทำละลายชีวภาพในกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งง่ายต่อการระเหยหรือรั่วไหล ดังนั้น การพัฒนา DSSC ที่ประกอบด้วยอิเล็กโทรไลต์ที่เป็นวัสดุของแข็งทั้งหมดอย่างซีรีส์ RICOH EH DSSC นี้ ย่อมช่วยขจัดปัญหาด้านความปลอดภัยที่เคยเกิดขึ้นกับระบบแบบของเหลวได้ นอกจากนี้ ยังให้อัตราการผลิตพลังงานภายใต้แหล่งกำเนิดแสงแบบอ่อนได้มากกว่าเดิม เช่น ในโกดังสินค้า ทั้งนี้เพราะเม็ดสีชีวภาพที่นำมาใช้สามารถทำงานได้ดีที่สุดกับความยาวคลื่นของแหล่งกำเนิดแสงภายในอาคาร

การนำ DSSC มาประยุกต์ใช้
สำหรับตัวเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในซีรีส์ใหม่นี้อย่าง RICOH EH DSSC5284 ได้ถูกนำมาใช้กับโต๊ะทำงานรุ่น LOOPLINE T1 ซึ่งเป็นโต๊ะทำงานที่ผลิตโดยบริษัท Taisei ร่วมกับทาง Design Office Line ที่มีการติดตั้งเซลล์ DSSC ทำให้อุปกรณ์พกพาที่วางอยู่บนโต๊ะได้รับการชาร์จไฟอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่นั่งทำงาน

“เราตระหนักถึงความต้องการ ทั้งส่วนของธุรกิจและด้านสังคมที่ต้องการมองหาแหล่งพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่ ซึ่งในยุค IoT ตอนนี้ เรายิ่งต้องพยายามทุ่มเทหาแหล่งพลังงานใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ” Tetsuya Tanaka ผู้จัดการทั่วไปของศุนย์พัฒนาแหล่งพลังงานเพื่อธุรกิจของ RICOH กล่าว “ตั้งแต่แรกนั้น เทคโนโลยี DSSC ของเราได้ถูกนำไปใช้กับเทคโนโลยีตัวนำแสงอาทิตย์แบบชีวภาพด้วยเป้าหมายในการยกระดับเครื่องพิมพ์แบบมัลติฟังก์ชันของเรา แต่ด้วยความสามารถในการพัฒนานวัตกรรม และความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่ช่วยผลักดันไปสู่อนาคตนั้นทำให้เรายกระดับการใช้เทคโนโลยี DSSC ให้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่ดีกว่าสำหรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่จำเป็นสำหรับลูกค้าของเรา โดยเฉพาะในสำนักงานที่มีแสงธรรมชาติน้อย เราตื่นเต้นมากที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยี DSSC แบบ Solid-State สู่โลกภายนอก เรายังมุ่งมั่นที่จะคิดค้นวิธีประยุกต์ใช้ใหม่ ๆ สำหรับแหล่งพลังงานทดแทนใหม่นี้อย่างต่อเนื่องด้วย”

ซีรีส์ RICOH EH DSSC ปัจจุบันมีเฉพาะเซลล์สีแดง ซึ่งถ้าเปลี่ยนสีของเม็ดสีย้อมที่ใช้ ก็จะสามารถเปลี่ยนสีของเซลล์ได้อีก ทั้งนี้ทาง RICOH กำลังพัฒนาเซลล์โปร่งใสที่มองทะลุได้เพื่อนำมาใช้กับอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

เป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การเปิดตัวครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในหลายกิจกรรมที่ RICOH แสดงเจตจำนงในการทำตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือ SDG ของสหประชาชาติ ที่รวมถึงความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานสะอาด และมีราคาย่อมเยา

การวางจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ RICOH EH DSSC5284 (52mm × 84mm) จะมีพร้อมจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนนี้ ตามมาด้วย RICOH EH DSSC1719 (17mm × 19mm) ที่จะเปิดตัวเดือนมีนาคม และ DSSC2832 (28mm × 32mm) เดือนเมษายน

เกี่ยวกับ RICOH
RICOH ได้ให้การสนับสนุนสถานที่ปฏิบัติงานให้เป็นแบบดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยีและบริการที่ใช้นวัตกรรมใหม่ เปิดให้ทุกคนสามารถทำงานในรูปแบบที่อัจฉริยะมากขึ้น ซึ่งกว่า 80 ปีที่ผ่านมานั้น RICOH ได้ผลักดันนวัตกรรมต่างๆ จนขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการโซลูชันจัดการเอกสารชั้นนำ บริการด้านไอที งานพิมพ์ทั้งเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม และระบบเชิงอุตสาหกรรม เป็นต้น

กลุ่ม RICOH มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว และมีสาขาดำเนินงานอยู่ในกว่า 200 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2019 นั้น ทางกลุ่ม RICOH มียอดจำหน่ายทั่วโลกรวมอยู่ที่ 2,013 พันล้านเยน (ประมาณ 18.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.ricoh.co.th