MSN on November 18, 2019, 02:27:01 PM
PwC เผยความกังวลระบบอัตโนมัติแย่งงานพบมากที่สุดในกลุ่มคนที่ได้รับโอกาสในการยกระดับทักษะแรงงานน้อย

•   มากกว่า 1 ใน 3 (34%) ของแรงงานที่ไม่ได้รับการศึกษาหลังจากจบระดับมัธยม หรือไม่ได้รับการฝึกอบรมกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้รับการเรียนรู้ทักษะทางด้านดิจิทัลใหม่ ๆ เปรียบเทียบกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับวิทยาลัยที่ 17%

•   53% ของแรงงานเชื่อว่า ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบของงานอย่างมีนัยสำคัญ หรือทำให้งานที่ทำอยู่ล้าสมัยภายใน 10 ปีข้างหน้า (มีเพียง 28% ที่รู้สึกว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้น)

•   77% ของผู้ใหญ่ต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือฝึกฝนทักษะที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงทักษะของตนเองให้มีความพร้อมต่อการจ้างงานในอนาคต


กรุงเทพฯ, 18 พฤศจิกายน 2562 – PwC เผยผลสำรวจพบแรงงานที่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ น้อยกว่ามีความกังวลต่อผลกระทบจากการเข้ามาของระบบอัตโนมัติมากที่สุด และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่า สวนทางกับแรงงานคนรุ่นใหม่และผู้สำเร็จการศึกษาที่มองว่า การเข้ามาของดิจิทัลจะทำให้เกิดการเรียนรู้ทางด้านทักษะและโอกาสในการจ้างงานใหม่ ๆ แนะรัฐส่งเสริมการยกระดับทักษะแรงงานในทุกส่วนงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานในตลาดให้สามารถแข่งขันได้



นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน Upskilling Hopes and Fears ของ PwC ที่ทำการสำรวจแรงงานมากกว่า 22,000 รายใน 11 ประเทศทั่วโลก เพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการเข้ามาของระบบอัตโนมัติต่อรูปแบบของงานและทักษะในอนาคต

ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่า 53% ของแรงงานที่ถูกสำรวจเชื่อว่า ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบของงานอย่างมีนัยสำคัญ หรือทำให้งานที่ทำอยู่ล้าสมัยภายใน 10 ปีข้างหน้า (มีเพียง 28% เท่านั้นที่รู้สึกว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้น) ในขณะที่ผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่ หรือ 61% มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่อการทำงานประจำวัน และ 77% ต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือฝึกฝนทักษะที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงทักษะของตนเองให้มีความพร้อมต่อการจ้างงานในอนาคต อย่างไรก็ดี โอกาสและทัศนคติเกี่ยวกับประเด็นนี้มีความแตกต่างกันไปอย่างมีนัยสำคัญตามระดับการศึกษา ภูมิศาสตร์ เพศ และอายุของแต่ละคน

ผลกระทบของการศึกษา
รายงานของ PwC พบว่า ผู้ถูกสำรวจที่จบการศึกษาระดับปริญญาเป็นกลุ่มคนที่มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการจ้างงานในอนาคตมากที่สุด แม้จะเชื่อว่า งานของพวกเขาที่ทำอยู่ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรืออาจถูกแทนที่

ในทางตรงกันข้าม มากกว่า 1 ใน 3 หรือ 34% ของแรงงานที่ไม่ได้รับการศึกษาหลังจากจบระดับมัธยม หรือไม่ได้รับการฝึกอบรมนอกหลักสูตรกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้รับการเรียนรู้ทักษะทางด้านดิจิทัลใหม่ ๆ เปรียบเทียบกับบัณฑิตที่จบการศึกษาในระดับวิทยาลัยที่ 17% โดยแรงงานที่ไม่ได้รับการศึกษาหรือการฝึกอบรมหลังจากจบระดับมัธยมศึกษากลุ่มนี้ ยังมีโอกาสน้อยกว่าที่จะได้รับการฝึกอบรมจากนายจ้างเช่นกัน (38% ไม่ได้รับโอกาสเปรียบเทียบกับ 20% ของพนักงานที่เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญา) และพวกเขายังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีที่มีต่องานมากกว่า โดย 17% แสดงความกังวลหรือความกลัว

นาย ริชาร์ด โอลด์ฟิลด์ หัวหน้าสายงาน Global Markets ของ PwC กล่าวว่า:

“ความไม่ตรงกันระหว่างทักษะที่คนมีกับทักษะที่เป็นที่ต้องการสำหรับโลกดิจิทัล กำลังกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เติบโตรวดเร็วที่สุดของโลก เพราะในขณะที่เทคโนโลยีมีแนวโน้มที่จะสร้างงานได้พอ ๆ กับแทนที่ เทคโนโลยีในแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันไปและคนก็จำเป็นต้องมีทักษะเพื่อปรับตัวด้วย ความต้องการในการเรียนรู้ของคนในวันนี้มีมาก แต่โอกาสที่แต่ละคนได้รับนั้นไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งความไม่เท่าเทียมนี้ จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับความสนใจอย่างจริงจังจากภาครัฐ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาคธุรกิจ”

ความแตกต่างทางด้านประชากรศาสตร์
รายงานพบว่า ผู้ชายมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีต่องานในอนาคตของพวกเขามากกว่าผู้หญิง พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ มากกว่า (80% ของผู้ชายที่ถูกสำรวจกล่าวว่า พวกเขากำลังทำเช่นนั้น เปรียบเทียบกับผู้หญิงที่ 74%)

ในทำนองเดียวกัน กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปีมีมุมมองในเชิงบวกเกี่ยวกับอนาคตของดิจิทัลมากกว่ากลุ่มคนในวัยอื่น นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับโอกาสในการฝึกอบรมมากกว่าด้วย เช่น 69% ของกลุ่มคนที่มีอายุระว่าง 18-34 ปีมีความรู้สึกเชิงบวกเกี่ยวกับผลกระทบในอนาคตของเทคโนโลยีที่มีต่องานของพวกเขา เปรียบเทียบกับ 59% ของกลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 35-54 ปี และ 50% ของผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป มีเพียง 18% ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปีเท่านั้นที่กล่าวว่า ไม่ได้รับโอกาสในการได้เรียนรู้ทักษะทางด้านดิจิทัลใหม่ ๆ จากนายจ้าง เปรียบเทียบกับคนที่มีอายุระหว่าง 35-54 ปีที่ 29% และผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไปที่ 38% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ความเห็นเกี่ยวกับทักษะที่ต้องการเรียนรู้ของคนยังแตกต่างกันด้วย โดยในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน มีคนที่ต้องการมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเฉพาะด้าน และในขณะเดียวกัน ก็มีคนที่ต้องการพัฒนาการเรียนรู้ของตนให้ดีขึ้นและสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ ได้

นางสาว แครอล สตับบิงส์ หัวหน้าร่วม สายงาน Global People & Organisation ของ PwC ประเทศสหราชอาณาจักร กล่าวว่า:

“ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องเขียนโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ แต่พวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของการทำงานอย่างไร และจะมีประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร ดังนั้น การยกระดับทักษะ คือการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และนี่คือสิ่งที่หลาย ๆ องค์กรกำลังเผชิญอยู่ บ่อยครั้งที่มีการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับประเภทของแรงงานที่ควรได้รับการยกระดับทักษะ และสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นคือการที่มีคนหนึ่งคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ในขณะที่คนต้องเผชิญกับชีวิตการทำงานที่ยาวนานขึ้น การยกระดับทักษะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัลจะสามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ แม้จะมีการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีเป็นจำนวนล้านล้านดอลลาร์ในแต่ละปีก็ตาม”

เปรียบเทียบแรงงานในแต่ละประเทศ
เมื่อพิจารณาตลาดต่าง ๆ ที่ทำการสำรวจพบว่า แรงงานในสาธารณรัฐประชาชนจีนและอินเดียเป็นกลุ่มคนที่มีมุมมองเชิงบวกต่อผลกระทบของเทคโนโลยีมากที่สุด และแม้จะเชื่อว่างานของพวกเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญมากก็ตาม แรงงานในภูมิภาคเหล่านี้ยังได้รับโอกาสในการยกระดับทักษะจากนายจ้างมากกว่าที่ 97% และ 95% ตามลำดับ ในทางกลับกันแรงงานในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลียกล่าวว่า พวกเขาได้รับโอกาสน้อยที่สุดในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และมีมุมมองเชิงบวกต่อผลกระทบของเทคโนโลยีน้อยกว่า

แต่ไม่ว่าแรงงานจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทหรือในเมือง ทุกคนต่างก็มีทัศนคติต่อผลกระทบของเทคโนโลยี โดย 67% ของแรงงานที่อาศัยอยู่ในเมืองเชื่อว่า แนวโน้มของงานจะปรับตัวดีขึ้นจากการเข้ามาของเทคโนโลยี (เปรียบเทียบกับ 48% ในพื้นที่ชนบท) และ 80% ได้รับโอกาสในการยกระดับทักษะจากนายจ้าง เปรียบเทียบกับ 60% ของแรงงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท

นาย ริชาร์ด โอลด์ฟิลด์ หัวหน้าสายงาน Global Markets ของ PwC กล่าวเสริมว่า:

“ผลวิจัยของเราช่วยทำให้เห็นถึงช่องว่างของโอกาสในการปรับตัวเข้าสู่โลกในยุคระบบอัตโนมัติ โดยผู้ที่ร่วมทำผลสำรวจของเราส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องดิจิทัลมากกว่า ซึ่งยังเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของประชากรโดยรวมได้เด่นชัดกว่าด้วย”

ทั้งนี้ ผลสำรวจถูกจัดทำบนพื้นฐานของงานวิจัยของ PwC ที่พบว่า 30% ของงานจะตกอยู่ในความเสี่ยงจากการเข้ามาของระบบอัตโนมัติในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 2030 จากการวิเคราะห์ใน 29 ประเทศ และในขณะเดียวกัน ผลสำรวจซีอีโอประจำปี 2019 ของ PwC ก็ชี้ว่า ความพร้อมของทักษะนั้นเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับซีอีโอมากที่สุดที่ 79%

นางสาว วิไลพร กล่าวสรุปว่า:

“วันนี้การเข้ามาของระบบอัตโนมัติ เอไอ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้เริ่มส่งผลต่อรูปแบบการทำงานและแรงงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะยิ่งเห็นความต้องการทักษะในรูปแบบใหม่ ๆ มีมากขึ้นไปอีก ฉะนั้น เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่สำคัญทั้งในระดับชาติ และ ระดับผู้บริหาร สิ่งหนึ่งที่ PwC ต้องการที่จะผลักดันคือ การยกระดับทักษะให้กับแรงงาน ซึ่งเป็นภารกิจเร่งด่วนของเรานอกเหนือจากการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี โดยเราพยายามที่จะยกระดับทักษะทางด้านดิจิทัลของพนักงานให้เท่าเทียมกันในทุกระดับเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะเดียวกัน อยากให้ภาครัฐ สถาบันการศึกษา และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หันมาส่งเสริมการยกระดับทักษะให้แก่แรงงานโดยรวมของประเทศด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่แรงงานไทย และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติที่กำลังมุ่งไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น”

ข้อความถึงบรรณาธิการ
ทั้งนี้ ผลวิจัย Upskilling Hopes and Fears ของ PwC ถูกจัดทำขึ้นโดย Opinium ผ่านการสำรวจความคิดเห็นของคนจำนวนทั้งสิ้น 22,094 ราย ใน 11 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ถูกสำรวจอย่างน้อย 2,000 คนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปในแต่ละตลาด ระหว่างวันที่ 12 ถึง 19 กรกฎาคม 2562

เกี่ยวกับ PwC
ที่ PwC เป้าประสงค์ของเรา คือ การสร้างความไว้วางใจในสังคมและช่วยแก้ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า  เราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือข่าย 157 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 276,000 คนที่ยึดมั่นในการส่งมอบบริการคุณภาพด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ กฎหมายและภาษี หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ที่ www.pwc.com/th

เกี่ยวกับ PwC ประเทศไทย
PwC ประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 60 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรมากกว่า 2,000 คนในประเทศ

PwC refers to the Thailand member firm, and may sometimes refer to the PwC network. Each member firm is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.

© 2019 PwC. All rights reserved
« Last Edit: November 18, 2019, 02:29:25 PM by MSN »