sianbun on January 15, 2010, 01:44:14 PM
“ทีซีบี” เตรียมรับมือภาวะการแข่งขันตลาดปลากระป๋องที่ดุเดือด ตั้งเป้าส่งผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อครองตลาด ตั้งเป้าเติบโตก้าวกระโดด 10%
 




          ทีซีบี เผยแผนงานปี 2553 เตรียมรุกตลาดปลากระป๋อง ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ลุยโรดโชว์ทั่วประเทศ ตั้งเป้าส่งผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3-5 ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 5% จากมูลค่าตลาดรวม 5,000 ล้านบาท พร้อมดึงปรมาจารย์ด้านอาหารและนักร้องชื่อดัง เป็น Product Presenters หวังเติบโตแบบก้าวกระโดดไม่น้อยกว่า 10%

          เชื่อว่าเราๆท่านๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมไหนล้วนจะต้องรู้จักสินค้าประเภทปลากระป๋องอย่างแน่นอน สำหรับตลาดปลากระป๋องในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท จัดว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากกลุ่มหนึ่ง โดยตลาดกลุ่มนี้สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลักๆ ได้ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มปลาซาร์ดีน, กลุ่มปลาแมกเกอเรล และกลุ่มปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง โดยที่ผ่านมาอัตราการเติบโตจะอยู่ประมาณ 5-10% ในแต่ละปี ซึ่งการเติบโตหลักจะอยู่ในกลุ่มปลาซาร์ดีน และปลาแมกเกอเรล

          นายธัญธร   เวทย์วิทยานุวัฒน์  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโลฟาร์ จำกัด (กลุ่มบริษัท ทรอปิคอล แคนนิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)) ในฐานะบริษัทผู้ดูแลการตลาด และประสานงานกิจกรรมด้านการขาย ผลิตภัณฑ์ ทีซีบี (TCB) กล่าวว่า สินค้าอาหารกระป๋องทั้งปลาแมกเกอเรล และปลาทูน่า ภายใต้ตราสินค้า ทีซีบี นั้นถือเป็นหนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องคุณภาพ โดยให้ความสำคัญตั้งแต่เรื่องวัตถุดิบ ตลอดจนขั้นตอนกระบวนการผลิตต่างๆ ที่ได้รับมาตรฐาน เพื่อให้สินค้าในทุกๆกระป๋อง มีคุณภาพที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภค

          ภาพรวมของตลาดปลากระป๋องในปี 2552  ข้อมูลในส่วนนี้ยังไม่มีการสรุปออกมาอย่างแน่ชัด แต่คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 5% โดยการปรับตัวขึ้นดังกล่าวจะอยู่ในส่วนของตลาดปลาแมกเกอเรลในซอสมะเขือเทศเป็นหลัก โดยเป็นผลมาจากการแข่งขันทางด้านราคาที่ค่อนข้างแรงในช่วงปีที่ผ่านมา และมีคู่แข่งขันรายใหม่เข้าสู่ตลาด ขณะที่ทีซีบีมีอัตราการเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ยอดขายรวมของทีซีบีอยู่ที่ประมาณ 180 ล้านบาท และในปี 2553 คาดว่าอัตราการขยายตัวของตลาดปลากระป๋องน่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2552 ที่ 5% ทั้งนี้ต้องดูปัจจัยหลายๆอย่างควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตามทางทีซีบีก็ได้ตั้งเป้า และมองเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ประมาณ 10 % และคาดว่าจะมียอดขายเบื้องต้นประมาณ 200 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายหลักคือ 1.กลุ่ม Modern Trade 2. กลุ่ม Traditional Trade 3. Food services and Catering.

          “ทั้งนี้ ในปี 2553 บริษัทมุ่งหวังที่จะเพิ่มยอดขายเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างฐานผู้บริโภคที่ชัดเจน เพื่อสร้างการจดจำต่อผู้บริโภค และให้มีการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าทีซีบีมากขึ้น โดยกลุ่มตลาดหลักของปลาทูน่าจะเป็นช่องทาง Modern Trade เป็นหลัก และกลุ่มตลาดที่ต้องการขยายเพิ่มคือ กลุ่ม Catering & Food Service ขณะที่กลุ่มของปลาแมกเกอเรลมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันระหว่าง Modern Trade และ Traditional Trade หากพูดถึงสัดส่วนของตลาดปลาทูน่ากระป๋อง กับกลุ่มปลาซาร์ดีนและปลาแมกเกอเรลกระป๋องในประเทศไทย สัดส่วนโดยประมาณจะอยู่ที่ 15:85 ตามลำดับ”

          สำหรับจุดขายที่ถือว่าโดดเด่น เมื่อพิจารณาเป็นรายผลิตภัณฑ์แล้ว หากพูดถึงปลาแมกเกอเรลในซอสมะเขือเทศ หรือที่ชาวบ้านอาจจะเรียกว่า ปลาซอส นั้น จุดเด่นของ ทีซีบีอยู่ที่ “ความสดของวัตถุดิบ และความเข้มข้นของซอส” ขณะที่จุดเด่นของปลาทูน่าคือ ความพิถีพิถันในเรื่องของ “การคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ผ่านกระบวนการผลิตมาตรฐานระดับส่งออก”

          นายธัญธร   เวทย์วิทยานุวัฒน์  กล่าวถึงแผนงานด้านการขายของบริษัทว่า ในปีมี 2553 บริษัทเตรียมงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ลุยโรดโชว์ทั่วประเทศ  และตั้งเป้าในเรื่องของการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาดเพิ่มเติมอีก 3-5 ผลิตภัณฑ์  โดยในช่วงต้นปีนี้มีการจัดทำหนังโฆษณา 3 ชุดคือ ทีซีบีปลาทูน่า ชุด “ยิ่งเปิด ยิ่งอร่อย”, ทีซีบี ปลาแมกเกอเรล ชุด  “ตามหาทีซีบี” และชุด  “ท้าลอง”  และเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ของทีซีบีปลาทูน่า คือ อาจารย์ยิ่งศักดิ์  จงเลิศเจษาวงศ์ และพรีเซ็นเตอร์ ทีซีบีปลาแมกเกอเรล คือ นักร้องสาว “แมงปอ-ชลธิชา”  คุณพิมพ์พัดชา  ทองแดง โดยคาดว่าจะสามารถดันยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาท 
 
          สำหรับเป้าหมายทางการตลาดของบริษัทในปี 2553 คือ
          1. การสร้างตราสินค้าทีซีบี ให้เป็นที่จดจำ และเกิดการยอมรับ
          2. การรักษาคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน
          3. การขยายช่องทางการขาย และรวมถึงการพัฒนาระบบกระจายสินค้า เพื่อให้ครอบคลุม และสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากที่สุด
          4. การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก

          ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโลฟาร์ จำกัด กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ตลาดโดยรวมเกี่ยวกับภาวะการแข่งขันในปี 2553 สำหรับกลุ่มตลาดปลากระป๋อง คาดว่าตลาดจะแข่งขันรุนแรงไม่น้อยกว่าช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มของซาร์ดีน และแมกเกอเรลในซอสมะเขือเทศ ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของผู้บริโภคที่ต่างต้องปรับตัวตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน และการที่มีตราสินค้าใหม่ๆเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ล้วนแต่จะทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นการแข่งขันในเรื่องของการทำราคา รวมถึงการชิงโชคที่จะมีให้เห็นบ่อยครั้งขึ้น

          ด้านการพัฒนาคุณภาพสินค้าในปี 2553 บริษัทมุ่งเน้นในเรื่องการรักษาคุณภาพสินค้าเป็นหลัก แต่จะให้ความสำคัญมากขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยวางเป้าหมายที่จะวางผลิตภัณฑ์ใหม่ประมาณ 3-5 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคงจะได้เห็นกันในเร็ว ๆ นี้  คุณธัญธรกล่าว