AGEลุยโลจิสติกปี53 เร่งปั๊มรายได้เพิ่ม20%
เอเชีย กรีน เอนเนอจี เตรียมแผนขยายการลงทุนด้านโลจิสติกปี2553 ต่อเนื่องไปยังปี2554 เพิ่ม หวังลดต้นทุนค่าใช้จ่ายระยะยาว มั่นใจผลการดำเนินปีหน้ารายได้เพิ่ม 20%
นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE หนึ่งในผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) ที่มีคุณภาพดี เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกที่ต้นทุนต่ำ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการวางแผนการลงทุนในปี 2553-2554 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นแผนการขยายการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งของบริษัทฯในอนาคต โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 400-500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะขยายการรับคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)ไปยังแถบประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดออเดอร์)ให้กับบริษัทฯในปี2553 ได้อย่างมากขึ้น
“ ปัจจุบันบริษัทฯมีคลังสินค้าอยู่ 4 แห่ง สามารถเก็บสต๊อกสินค้าได้ถึง 650,000 ตันต่อปี ซึ่งแผนการขยายการลงทุนในครั้งนี้เป็นแผนลงทุนต่อเนื่องระหว่างปี2553-2554 โดยคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนค่าขนส่งอยู่ในระดับที่ไม่น่าพอใจ เพราะต้องอิงกับราคาน้ำมัน ทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องแบกบรับภาระต้นทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ” นายสมยศ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า จากแผนการขยายธุรกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯจะส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นอีก 20% จากปี2552 ที่คาดว่าจะมีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่ 9.5 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี2551 ที่มีปริมาณยอดขายถ่านหินอยู่ที่8.4 แสนตัน ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตของรายได้ในปีหน้า คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น20% จากปี2552 ที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ2,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางถ่านหินในปี2553นั้น นายสมยศ กล่าวว่า ในปี2553เชื่อว่าถ่านหินยังคงมีความต้องการสูงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก สำหรับราคาถ่านหินในตลาดโลกแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วยเช่นกัน
โดยราคาถ่านหินตามดัชนี BJI ขณะนี้อยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่ราคาถ่านหินในประเทศอยู่ที่ 2,500 – 2,700 บาทต่อตัน อุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหินจำนวนมากได้แก่โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า และปูนซีเมนท์ และยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มใช้ถ่านหินอย่างต่อเนื่องตามกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่อุตสาหกรรมดังกล่าวได้มีการลดกำลังการผลิตลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหากกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวขยายตัวตามที่มีการคาดการณ์ ก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯที่มีแผนขยายการลงทุนเพื่อรองรับความต้องการถ่านหินในอนาคต