กระทรวงวิทย์ฯ สวทช. จับมือ กลุ่มบริษัท สุพรีม โพรดักส์เสริมแกร่งธุรกิจสู่สากลต่อ

กระทรวงวิทย์ฯ สวทช. จับมือ กลุ่มบริษัท สุพรีม โพรดักส์เสริมแกร่งธุรกิจสู่สากลต่อยอดวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพ การแพทย์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมและการเกษตร



ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)










14 พฤศจิกายน 2559 – กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จับมือ บริษัท สุพรีม โพรดักส์ จำกัด ลงนามความร่วมมือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพ การแพทย์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมและการเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความพร้อมของบริษัทฯ ในการแข่งขันสู่ระดับสากล

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาเพื่อนำประเทศไปสู่การแข่งขันระดับสากล โดยการเสริมสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศในเวทีการค้าโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการผลิตและการค้า โดยสนับสนุนให้มีการสร้างทรัพย์สินทางปัญญาและใช้ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ ให้เป็นที่ต้องการแก่ผู้บริโภค ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทั้งภาครัฐและเอกชนในการร่วมกันทำงานวิจัยและส่งเสริมให้นำผลงานวิจัยไปสู่การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง

สวทช. มีบทบาทในการส่งเสริม สนับสนุนและสร้างผลงานวิจัยและพัฒนาที่จะนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย โดยถือเป็นภารกิจสำคัญของ สวทช. ในการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมถึงการส่งมอบผลงานที่มีอยู่ปัจจุบันออกไปสู่การใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยพื้นฐานหรืองานวิจัยประยุกต์ โดย สวทช. มีศูนย์แห่งชาติ 4 ศูนย์ ที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค)  ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ของผู้ประกอบการ ซึ่งในความร่วมมือนี้ ผู้ประกอบการจะเป็นผู้ตั้งโจทย์ในการทำงานร่วมกันตั้งแต่แรก เพราะว่าบริษัทฯ จะเป็นรู้ความต้องการของสินค้าและบริการ  ว่าสินค้าหรือบริการใดสามารถทำตลาดได้ ในส่วนของ สวทช. มีความเชี่ยวชาญในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการออกแบบและวิศวกรรม เมื่อได้มาทำงานร่วมกันแล้วจะนำมาซึ่งสินค้าที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด นอกเหนือจากการทำวิจัยและพัฒนาแล้ว สวทช. ยังมีความพร้อมที่จะให้บริการผู้ประกอบการในรูปแบบของศูนย์วิเคราะห์และทดสอบ ที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือที่มีมาตรฐานและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนได้เข้ามาใช้บริการวิเคราะห์และทดสอบผลิตภัณฑ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับความร่วมมือกับบริษัท สุพรีมฯ ครั้งนี้จะทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่าง 2 หน่วยงาน เชื่อมั่นว่าจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างนวัตกรรมทางด้านการแพทย์ของประเทศและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทย และเสริมให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น พร้อมทั้งยังตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบการอีกด้วย” ดร.ณรงค์กล่าว

นายกำธร กาญจนวตี กรรมการผู้จัดการบริษัท สุพรีม โพรดักส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท สุพรีมฯ และกลุ่มบริษัทในเครือ เป็นบริษัทผู้นำเข้า พัฒนา ออกแบบ และผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์การแพทย์ รถพยาบาล รถเอกซเรย์ หุ่นยนต์ทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาโดยตลอด เพราะการจะแข่งขันบนเส้นทางธุรกิจในปัจจุบันได้อย่างยั่งยืนนั้น จะต้องอาศัยความเจริญก้าวหน้าและวิทยาการของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่ง สวทช. ถือเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพและความพร้อมในด้านต่างๆ ที่จะให้การสนับสนุน โดยที่ผ่านมา บริษัท สุพรีมฯ ได้มีความร่วมมือกับสวทช. ในหลายด้าน เช่น ให้คำปรึกษาและแนะนำการทำระบบคุณภาพจนได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือในการสร้างนวัตกรรมรถพยาบาลโครงสร้างปลอดภัยเคลือบสารต้านจุลชีพจากเอ็มเทคและนาโนเทค ซึ่งขณะนี้ได้รับการขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยโดยสำนักงบประมาณเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้ใช้บริการของศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (PTEC) เพื่อทำการทดสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องด้วย

“บริษัท สุพรีมฯ มั่นใจว่าความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงานในครั้งนี้จะพัฒนาทั้งด้านการวิจัยต่อยอดและบุคลากร เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเครื่องมือ อุปกรณ์ การให้บริการทางการแพทย์ของ บริษัทฯ อย่างครบวงจร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป” นายกำธร กล่าว