MSN on August 10, 2016, 08:11:17 AM
บลจ.กรุงไทยขายตราสารหนี้6เดือนชู1.55%

นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ  108 (KTFF108)  ตั้งแต่วันนี้  ถึงวันที่  16 สิงหาคม 2559  อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ  ประเภทเงินฝากประจำ   First Gulf Bank PJSC  , China Construction Bank  (Asia)  Corp.Ltd , Agricultural Bank of CHINA , Union National Bank PJSC  และตราสารหนี้  Qatar Nation Bank  ผลตอบแทนประมาณ 1.55%โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี

สำหรับภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในและต่างประเทศ  หลังประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ มีผู้มาลงคะแนนเสียงราว 27 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิมาลงคะแนนเสียงประมาณ 50 ล้านคน  โดยผลการลงคะแนนรับร่างรับธรรมนูญเห็นชอบ 61%  ปัจจัยทางการเมืองในประเทศจะหายไปหลังประชามติผ่านไปได้  ทำให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วสุดราวปลายปีหน้า  ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย มีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%  โดยยังให้น้ำหนักถึงความไม่แน่นอนในตลาดโลกที่เกิดขึ้นในอนาคต 

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ( NFP) ของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด  ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์มีการปรับตัวขึ้นมาแข็งค่าอีกครั้ง และเป็นผลให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายช่วงเดือนธันวาคมของ  Fed กลับมาที่ 46.7%   ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ (  Fiscal Stimulus )  ด้วยวงเงิน 25 ล้านล้านเยน  ตามที่ตลาดคาด โดย4.6 ล้านล้านเยน  จะเป็นการเบิกจ่ายในปีงบประมาณปัจจุบัน ผลของการกระตุ้นจะไปอยู่กับผู้มีรายได้น้อย  โครงสร้างพื้นฐาน และการช่วยเหลือผู้สูงอายุ   

ธนาคารกลางออสเตรเลีย(RBA)  และธนาคารกลางอังกฤษ(BOE)  ทั้ง 2 ธนาคารกลางมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบาย  โดย  RBA  ปรับลด 0.25%  อยู่ที่ 1.5%  ด้าน BOE ปรับลด0.25% ลดลงเหลือ 0.5%  โดยฝ่ายวิจัยของบริษัท  คาดว่า  อาจยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อีกครั้งสำหรับ  BOE  หากเหตุการณ์  Brexit ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก

ด้านตลาดหุ้นในประเทศ สภาพคล่องที่เหลือในระบบค่อนข้างมาก  ประกอบกับปัจจัยที่มีผลกระทบอื่นๆ ที่จะส่งผลลบต่อตลาดได้ผ่านไปแล้ว ทำให้หากตลาดมีการปรับตัวลดลงจากความร้อนแรงของตลาด  จะมีแรงหนุนเข้ามาอีกครั้ง  ส่งผลให้ตลาดจะไม่ลดลงรุนแรงมากนัก โดยเรามองว่าปัจจัยเรื่องประชามติรับร่างรับธรรมนูญ จะส่งผลบวกให้กับตลาดในระยะสั้น     

ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้  ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ  ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตัวเลข NFP ที่ออกมาดีเกินคาด  ทำให้ตลาดคาดการณ์ถึงการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ทำให้เกิดแรงขายในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ราว 10-13 bps.  ในขณะที่พันธบัตรระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 5bps. ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในประเทศ ปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่  โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ  จากปัจจัยการคาดการณ์ของอัตราดอกเบี้ยของไทย   โดยตลาดมองว่าแม้จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย  แต่ยังเปิดช่องถึงการปรับลงของอัตราดอกเบี้ยได้หากมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น
   
ตลาดหุ้นต่างประเทศ  ส่วนใหญ่ตอบสนองปัจจัยในทางบวก  โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ  หลังจากที่ตัวเลข NFP ออกมาดี  ยืนยันถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ  ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังตลาดมีการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น  ( Risk on ) ขณะที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากความกังวลด้านอุปทานในอนาคต
« Last Edit: August 10, 2016, 01:19:14 PM by MSN »