activity on March 24, 2016, 01:09:43 PM
HARLEY-DAVIDSON SHOWCASES A SLEW OF NEW AT THE 37TH BANGKOK INTERNATIONAL MOTOR SHOW









           Leading American leisure motorcycle manufacturer, Harley-Davidson® (H-D) showcases a myriad of new offerings and initiatives at the 37th Bangkok International Motor Show. From customized Dark Custom bikes, done in collaboration with two Thailand dealers, to the introduction of the all-new 2016 CVO™ Pro Street Breakout® motorcycle, a Slim Fit Custom range apparel made especially for the Asian body stature and the announcement of a region wide initiative - Passport to Freedom - that helps customers defray THB 14,750 in costs when obtaining a large-capacity motorcycle license.
          "Our brand is known throughout the world and is associated with freedom, individuality, and brotherhood. Our proposition is that owning and riding a Harley will set you free in a way that no other brand can. At this year's Bangkok International Motor Show, Harley-Davidson allows consumers to fully immerse themselves into the Harley lifestyle. Consumers will be able to experience the latest Model Year 2016 motorcycles, customization possibilities and have the opportunity to buy and win the latest Black Label and Slim Fit Custom apparel," says Peter Mackenzie, Managing Director of Harley-Davidson Asia Emerging Markets.
          The show which runs from Wednesday, 23 March 2016 to Sunday, 3 April 2016, will host Harley-Davidson at booth number B3.
          DARK CUSTOM HARLEY-DAVIDSON STREET™ 750 BUILD OFF
          Harley-Davidson of Bangkok's, Ken Svensson and Richco Harley-Davidson's, Richy Wilson collaborated with the brand to create two specially designed Dark Custom Street 750 motorcycles. Each motorcycle by the respective dealers showcases H-D's rich history of customization, and how each motorcycle is like a blank canvas waiting for a new generation of urban riders to make it their own. Launched in the U.S. in 2008, Dark Custom is the contemporary face of Harley-Davidson. It strips a motorcycle to its mechanical essence and the motorcycling experience to its rebellious core – the quest for freedom and self-expression. It is made with artful design and skilful engineering, to bring to customers the bikes that are unique, premium, as well as look and sound and feel like no other brand can.
          THE 2016 CVO™ PRO STREET BREAKOUT®
          Harley-Davidson® Custom Vehicle Operations (CVO™) re-writes the factory-custom style book with the introduction of the 2016 CVO™ Pro Street Breakout® motorcycle, a limited-production model that introduces a new, darker look utilizing cutting-edge finishes and textures applied with an obsessive eye to design and detail. They are customized using premium components and exclusive paint treatments and surface finishes combined with numerous items from Harley-Davidson Genuine Motor Accessories. This all-new motorcycle will be the centerpiece at the H-D booth.
          PASSPORT TO FREEDOM
          At the Motor Show, Harley-Davidson announces the Passport to Freedom initiative – incentivizing consumers with a THB 14,750 rebate for customers who upgrade to a large-capacity motorcycle license in Thailand and across the region, to make Harley-Davidson their first choice. Consumers can use this THB 14,750 to offset their training cost, to purchase Harley-Davidson Parts & Accessories or apparel or and/or to use as a rebate to purchase a Harley-Davidson Street or Sportster® motorcycle.
          OTHER THAN MOTORCYCLES
          A rider isn't defined by just his bike, but his actions, his choices, his style. So at the Bangkok International Motor Show, there will be apparel on show from both the Black Label and Slim Fit Custom ranges. Like the Dark Custom bikes, Black Label apparel features a discreet, minimalistic design aesthetic that matches the taste and personal style of the new, younger generation of customers. The Slim Fit Custom range has been specially designed with the Asian body stature in mind.

activity on March 24, 2016, 01:10:38 PM
ฮอนด้าเผยโฉมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบแห่งอนาคต Honda EV-Cub Concept จากญี่ปุ่น พร้อมนำเสนอประสบการณ์สนุกใหม่ผ่านเทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟในงานมอเตอร์โชว์ 2016









          รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สร้างความตื่นตาตื่นใจในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 37 ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของไลฟ์สไตล์แห่งอนาคตถ่ายทอดผ่านบูธ "Honda Neo Xperience Store" ติดตั้งเทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟ พร้อมการเปิดตัวรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าต้นแบบแห่งอนาคต Honda EV-Cub Concept และรถคอนเซปต์แนวไลฟ์สไตล์อีกมากมาย
          นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า "รากฐานสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมใหม่ๆของฮอนด้า ก็คือการมองไปข้างหน้า แต่ไม่มองข้ามความสำคัญของสิ่งแวดล้อมบนโลกใบนี้ ดั้งนั้น เราจึงได้นำความสนุกภายใต้แนวคิด Power of Fun Project มาเป็นแกนหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องมีทั้งความสนุก ความสะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"
          "ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ เราได้แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีเพื่ออนาคตผ่านบูธขนาดใหญ่ภายใต้คอนเซปต์ Honda Neo Xperience Store เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ใหม่ของไลฟ์สไตล์ในวันข้างหน้า ภายในบูธติดตั้งเทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟ โดยทางฮอนด้าและทีมแล็บซึ่งเป็นครีเอทีฟกรุ๊ประดับโลกจากประเทศญี่ปุ่นได้ร่วมกันพัฒนาในส่วนของซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้ตื่นตาตื่นใจกับประสบการณ์ความสนุกที่ล้ำสมัยของวันข้างหน้าโดยใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัส"
          "นอกจากบูธที่ได้รับการสร้างสรรค์เป็นอย่างดีแล้ว ในปีนี้เรายังได้นำรถคอนเซปต์ที่ออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่มาจัดแสดงอีกมากมาย โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ Honda EV-Cub Concept จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าทีได้รับการพัฒนาให้มีความลงตัวระหว่างดีไซน์ที่คลาสสิคของรถตระกูล Cub กับเทคโนโลยีรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งอนาคต ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เสียงเงียบ ไร้มลพิษ ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ออกแบบพิเศษให้มีน้ำหนักเบา สามารถถอดออกและชาร์จไฟได้จากที่พักอาศัย รวมทั้งให้ระยะทางการขับขี่ที่มากกว่า ถือเป็นรถต้นแบบแห่งคอมมิวเตอร์ในอนาคต"
          "ต่อมาคือ Honda 300 TT Racer Concept รถที่นำจุดเด่นของตระกูล 300 Series มาประยุกต์เข้ากับการแต่งรถในสไตล์ Neo Retro Racer และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถมินิไบค์ ครั้งนี้เราได้จัดแสดง New Honda Monkey Concept รถที่สร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นฐานของรถตระกูล MSX เพื่อคนรักรถในแบบ Monkey รวมถึง Honda Grom50 Scrambler Concept One และ Concept Two จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันนี้เรายังได้จัดแสดงรถแข่งของนักบิดไทยที่กำลังลงแข่งขันในรายการระดับเอเชียและระดับโลกภายใต้การผลักดันของ เอ.พี. ฮอนด้า โดยเฉพาะรถแข่งที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 600ซีซี ของฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หนึ่งเดียวของไทยในการแข่งเวิลด์จีพีรุ่นโมโตทู"
          "สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถบิ๊กไบค์ เราได้เปิดตัว New Honda NC750X รถแบบครอสโอเวอร์ที่ได้รับการปรับโฉมให้มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น สวยงามและขับขี่สนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับข้อเสนอพิเศษเฉพาะในงานบางกอกมอเตอร์โชว์เท่านั้น"
          นอกจากเทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟและการจัดแสดงที่น่าสนใจแล้ว รถจักรยานยนต์ฮอนด้ายังได้นำความบันเทิงจากพรีเซนเตอร์ของฮอนด้ามามอบให้กับผู้เข้าชมบูธอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นมาริโอ้ เมาเร่อ, โทนี่ รากแก่น, สิงโต นำโชค, พีช พชร, ไทยเทเนียม, แป้งโกะ, รวมไปถึงนักแข่งชื่อดังจากเอ.พี. ฮอนด้า อาทิ ฟีม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์, โฟลท-รัฐพงษ์ วิไลโรจน์, ชิพ-นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์
          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแต่งรถและการแต่งตัว ฮอนด้าได้นำเสนออุปกรณ์ตกแต่งรถจักรยานยนต์หลากหลายรุ่นภายใต้แบรนด์ H2C ควบคู่ไปกับสินค้าเครื่องแต่งกายคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดจากฮอนด้าให้ผู้เข้าชมได้เป็นเจ้าของในราคาพิเศษก่อนใคร
ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในงาน The 37th Bangkok International Motor Show ที่บูธ M1 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึงวันที่ 3 เมษายน 2559 ติดตามรายละเอียดของกิจกรรมต่างๆตลอดงานได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

activity on March 24, 2016, 01:12:17 PM
ฮอนด้าปรับโฉมสกู๊ปปี้ไอลุคใหม่สุดแนว ภายใต้คอนเซปต์ “ลีฟ ออริจินอล” เปิดตัวโทนี่ รากแก่น – แป้งโกะ สองพรีเซนเตอร์ใหม่เสริมภาพลักษณ์









          ค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เสิร์ฟความสดใหม่ให้กับวงการรถเอ.ที.อีกครั้งด้วยการเปิดตัวนิวฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ลีฟ ออริจินอล ปรับโฉมให้โดดเด่นขึ้นด้วยกราฟิกและสีสันใหม่สุดแนวในสไตล์โมเดิร์นวินเทจ พร้อมเปิดตัว โทนี่ รากแก่น และ แป้งโกะ-จินตนัดดา ลัมะกานนท์ สองนักแสดงชื่อดังในฐานะพรีเซนเตอร์ใหม่เพื่อถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของรถรุ่นนี้
          นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยเปิดเผยว่า "รถฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอถือเป็นโมเดลที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการรถจักรยานยนต์ไทยเป็นอย่างมากด้วยยอดจำหน่ายสะสมที่สูงถึง 1.62 ล้านคันนับตั้งแต่การวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2009 นับว่ามากที่สุดในกลุ่มรถเอ.ที. และยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่นไทยยุคปัจจุบัน โดยจุดเด่นที่ทำให้รถรุ่นนี้ครองใจวัยรุ่นก็คือความลงตัวของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า มีสมรรถนะดีและประหยัดน้ำมัน"
          "ในปี 2016 นี้ เราได้ทำการปรับโฉมฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอให้มีความโดดเด่นสวยงามมากขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ ลีฟ ออริจินอล ด้วยลุคแบบโมเดิร์นวินเทจ สีและกราฟิกใหม่ให้อารมณ์ย้อนยุคแบบมีสไตล์ไม่ตามใคร แต่ละซีรีย์ก็ล้วนแต่มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือมีความเป็นยูนิเซ็กส์มากขึ้นเหมาะกับวัยรุ่นทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายซี่งในจุดนี้เราได้ดึงทีนส์ไอดอลและนักแสดงชื่อดังอย่างโทนี่ รากแก่น และ แป้งโกะ-จินตนัดดา ลัมะกานนท์ มาถ่ายทอดคาแรกเตอร์แนวๆสู่กลุ่มเป้าหมายอีกด้วย"
          นิวฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ ลีฟ ออริจินอล (New Honda Scoopyi Live Original) มาพร้อมกับความแนวด้วยดีไซน์ในสไตล์โมเดิร์นวินเทจ วางเส้นสายและการเล่นสีแบบย้อนยุค แบ่งออกเป็นแบบล้อ 12 นิ้ว และล้อ 14 นิ้ว
เริ่มจากซีรีย์คลับทเวลฟ์ ที่ใช้กราฟิกและเฉดสีสไตล์อินดี้วินเทจ โดดเด่นด้วยล้อแม็กขนาด 12 นิ้วแบบ 7 ก้าน พร้อมยางแบบจุ๊บเลสสไตล์บิ๊กไบค์ ติดตั้งระบบกระจายแรงเบรกหน้าหลัง Combi Brake System พร้อมคาลิปเปอร์ 3 ลูกสูบ มีให้เลือก 3 คู่โทนสี ได้แก่สีเหลือง, ดำ, และสีขาว
          ต่อมาคือซีรีย์สกู๊ปปี้ไอล้อ 14 นิ้ว ประกอบด้วยซีรีย์เออร์เบินทีม แนวสุดๆด้วยกราฟิกด้านข้างซ้ายขวาไม่เหมือนกัน เพิ่มความสดใสด้วยสีสันที่ตัดกันอย่างลงตัว มีให้เลือก 3 คู่โทนสีได้แก่สีขาว-เขียว, ดำ-น้ำเงิน, ดำ-แดง และซีรีย์เพรสทีจ ที่ให้ความเรียบ เท่ ด้วยพาร์ทอินเนอร์สีทองและลวดลายสไตล์งานโครเมียม มีให้เลือก 3 คู่โทนสีได้แก่สีดำ-น้ำตาล, แดง-น้ำตาล, และขาว–น้ำตาล
          นิวฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ลีฟ ออริจินอล ทุกซีรีย์ติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์แท้พร้อมหลอดฮาโลเจน และวงแหวนบลูริง, เรือนไมล์แบบมัลติมิเตอร์ดีไซน์แตกต่างในแต่ละซีรีย์, กล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ความจุมากถึง 15.4 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน็อคแบบเจ็ตได้เต็มใบ
          นิวฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ ลีฟ ออริจินอล มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 จังหวะขนาด 110cc. ระบบหัวฉีด PGM-FI ยุคใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพัฒนาให้ดูแลรักษาง่ายขึ้น ให้แรงบิดเต็มพลังแต่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 53 กม./ลิตร (วัตตามมาตรฐาน สมอ. Mode ECE R40 ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก) ทั้งยังมีค่าไอเสียที่สะอาดถึงระดับ 6 และรองรับน้ำมัน E20
          เอ.พี. ฮอนด้าวางจำหน่ายนิวฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ลีฟ ออริจินอล พร้อมกันทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ ด้วยราคาแนะนำที่ 46,500 บาท สำหรับซีรีย์เออร์เบินทีมและเพรสทีจ, และราคาแนะนำ 50,000 บาทสำหรับซีรีย์คลับทเวลฟ์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aphonda.co.th และอัพเดทกิจกรรมความสนุกได้ที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand

activity on March 24, 2016, 01:13:24 PM
ฮอนด้า พลิกโฉม บูธจัดแสดงรถยนต์แนวคิดใหม่ต้อนรับ ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 รองรับกระแสดีเกินคาด ด้วยยอดจองกว่า 3,000 คัน เพียง 10 วัน หลังเปิดตัว









          บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พลิกโฉมบูธจัดแสดงรถยนต์ด้วยแนวคิด Road Through The Tunnel of Time เส้นทางแห่งความท้าทาย ผ่านมิติของกาลเวลา สู่ที่สุดแห่งโลกยนตรกรรม เพื่อต้อนรับฮอนด้า ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ณ บูธ A9 อาคาร ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม -3 เมษายน 2559
          นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ฮอนด้า ซีวิค ยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของฮอนด้า กว่า 43 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 1 ในปี 2515 และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 9 และมาสู่การพลิกโฉมครั้งสำคัญใน ฮอนด้า ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 นำมาสู่แรงบันดาลใจในการออกแบบบูธฮอนด้า ให้มีความพิเศษ และแตกต่างจากทุกปี เพื่อเป็นการต้อนรับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ภายใต้แนวคิด Road Through The Tunnel of Time เส้นทางแห่งความท้าทาย ผ่านมิติของกาลเวลา สู่ที่สุดแห่งโลกยนตรกรรม ด้วยการเปิดมุมมองของบูธในทุกด้าน และมีเส้นถนนสีแดงทอดยาวผ่านกลางบูธ เพื่อนำสายตาของทุกท่านไปยังอุโมงค์รูปตัว C ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ฮอนด้า ซีวิค โดยการจัดแสดงในปีนี้ มีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยม ด้วยยอดจองกว่า 3,000 คัน นับจากการเปิดตัว เพียง 10 วัน และมาพร้อมหลากหลายยนตรกรรมฮอนด้ารวม 8 รุ่น ที่จะพาทุกท่านเดินทางสู่ทุกเส้นทางแห่งความท้าทาย และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
          ไฮไลท์ของฮอนด้าในปีนี้ คือ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มาพร้อมการออกแบบภายนอกในสไตล์พรีเมียมสปอร์ต พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายใกล้เคียงกับรถยนต์ในระดับ D-Segment พร้อมด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และ 1.5 ลิตร VTEC TURBO ใหม่ ซึ่งให้สมรรถนะที่ทรงพลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมเทียบเท่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร อีกทั้งฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) และมาตรฐานความปลอดภัยเหนือระดับ อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น ซึ่งนับเป็นการยกระดับซีวิคให้ก้าวล้ำนำสมัยสู่ความเป็นที่สุดของซีวิค
          เพื่อตอกย้ำสปอร์ตดีเอ็นเอของซีวิค ฮอนด้าได้แนะนำ ฮอนด้า ซีวิค รุ่น TURBO RS ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน ด้วยไฟหน้าแบบ LED และไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS
โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลังแบบ wing พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และแป้นเหยียบคันเร่งดีไซน์สปอร์ต รวมทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยอันล้ำสมัย ซึ่งพร้อมให้ทุกท่านได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดที่บูธฮอนด้าในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 37
          นอกจากนี้ ยังมี ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ยนตรกรรมที่จะมา เปลี่ยนมุมมองใหม่ สู่โลกแห่งความหรูหราเหนือระดับ สะท้อนอีกขั้นของความลงตัวที่สมบูรณ์แบบแห่งโลกยนตรกรรมระดับพรีเมียม ด้วยความโดดเด่น ของรูปลักษณ์ภายนอกที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แห่งความหรูหรา แต่เสริมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวในทุกเส้นสาย
ห้องโดยสารที่กว้างขวางและหรูหรา ด้วยชุดตกแต่งภายในลายไม้และสีดำเปียโนแบล็ค สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม และมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยมาตรฐานความปลอดภัย ที่ครบครันล้ำสมัย
          และ ฮอนด้า บีอาร์-วี ยนตรกรรมแอคทีฟสปอร์ตครอสโอเวอร์ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ภายนอกสไตล์สปอร์ตที่แข็งแกร่งในทุกมิติและช่วงล่างยกสูงสไตล์รถเอสยูวี สะดวกสบายด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง เพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสีดำระดับพรีเมียม มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น SV เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่ปรับพับได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย และรุ่น V เบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ด้านท้ายขนาดใหญ่ พร้อมขับเคลื่อนสู่ทุกเส้นทางท้าทาย ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร และระบบเกียร์ CVT ใหม่ ที่พัฒนาภายใต้เอิร์ธดรีมเทคโนโลยี ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครัน เพื่อความมั่นใจในทุกการขับขี่
          ภายในงาน ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยแคมเปญสุดพิเศษและข้อเสนอที่แตกต่างกันสำหรับรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น ได้แก่
          แคมเปญ สุขเลือกได้ ฮอนด้า ออกให้ มีรายละเอียด ดังนี้
          ฮอนด้า ซิตี้ / ซิตี้ ซีเอ็นจี / แจ๊ซ / โมบิลิโอ ออกค่าผ่อน เดือนละ 1,000 บาท นาน 12 เดือน หรือ ดาวน์ ผ่อนได้ 0% นาน 10 เดือน ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
          ฮอนด้า ซีอาร์-วี ออกค่าผ่อน เดือนละ 3,000 บาท นาน 12 เดือน หรือ ออกค่าน้ำมัน 36,000 บาท
          ฮอนด้า บริโอ้ และ บริโอ้ อเมซ ดาวน์ต่ำ 19,000 บาท หรือดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย
          ฮอนด้า ซิตี้ และ ซิตี้ ซีเอ็นจี ดาวน์เริ่มต้น 5% หรือ ดอกเบี้ย 0% หรือดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.69% พร้อมฟรีประกันภัย หรือเงื่อนไขพิเศษลดดอกเบี้ย สำหรับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และกลุ่มอาชีพพิเศษ
          ฮอนด้า แจ๊ซ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.59% หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 2.29% พร้อมฟรีประกันภัย
          ฮอนด้า โมบิลิโอ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.29% หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.99% พร้อมฟรีประกันภัย หรือเงื่อนไขพิเศษดาวน์ 0 บาท พร้อมฟรีประกันภัย สำหรับข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และกลุ่มอาชีพพิเศษ
          ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรีประกันภัย
          ฮอนด้า ซีอาร์-วี ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.99% หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.49% พร้อมฟรีประกันภัย
          สำหรับลูกค้าเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า ทุกรุ่น (Honda Loyalty)
          ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ / ซีวิค ใหม่ / แอคคอร์ด ใหม่ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 2.09%
          ฮอนด้า ซีอาร์-วี ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.79% หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.29% พร้อมฟรีประกันภัย
          สำหรับลูกค้าที่รับรถ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ภายในวันที่ 31 มี.ค. รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท
          พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ฮอนด้า (ยกเว้น ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ และ แอคคอร์ด ใหม่) ภายในวันที่ 3 เม.ย. และรับรถภายในวันที่ 30 เม.ย. 2559 รับ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์อีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. และสิทธิพิเศษบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง รวมเป็น 5 ปี
          ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ของฮอนด้าพร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ณ บูธ A9 อาคารชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 2559 และพบกับข้อเสนอเดียวกันนี้ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.honda.co.th

activity on March 24, 2016, 01:14:31 PM
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขนทัพนวัตกรรมยานยนต์บุกงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ชูนวัตกรรม iPerformance พร้อมรุ่นพิเศษครบรอบ 100 ปี





          ไฮไลท์ของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ
          The all-new BMW 330e M Sport
          The all-new BMW M2 Coupe
          The all-new BMW 730Ld M Sport
          The all-new BMW X1
          BMW 525d Celebration Edition
          BMW X5 sDrive25d Celebration Edition
          The all-new MINI convertible
          บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จและความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียม พร้อมร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี และการรับรางวัล "Car & Bike of the Year 2016" ยอดเยี่ยมแห่งปี สูงสุดถึง 19 รางวัล ทั้งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยการยกทัพรถยนต์รุ่นล่าสุดจากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ มาจัดแสดงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด, บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe, บีเอ็ม ดับเบิลยู X1 sDrive18d ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d, บีเอ็มดับเบิลยู 525d รุ่นพิเศษครบรอบ 100 ปี, บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport และครั้งแรกในไทยกับการเปิดตัวมินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิลรุ่นใหม่ล่าสุด ผู้สนใจสามารถพบกับข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยูได้ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2559 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
          มร.แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า "ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ไม่ได้อยู่ที่ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเราเท่านั้น แต่ต้องย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความยิ่งใหญ่ตลอดกว่า 100 ปีที่ผ่านมา โดยเราเพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ศตวรรษของบีเอ็มดับเบิลยู ณ กรุงมิวนิค เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา"
          "เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เรายังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า พร้อมเดินหน้าขยายการประกอบรถยนต์ในประเทศ ในรุ่นต่างๆ ซึ่งขณะนี้ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่จะมีการประกอบในประเทศตามมาตรฐานการผลิดของบีเอ็มดับเบิลยู"
          "ในปีนี้ เรายังยินดีที่จะเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport รถยนต์ตระกูล ซีรี่ส์ 3 รุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยี ปลั๊กอิน ไฮบริด โดยอัตราการปล่อย CO2 ของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport อยู่ที่ 57 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งนับเป็นอัตราที่น้อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยสำหรับประเภทรถยนต์นั่งซีดาน ส่วนรถที่มีอัตราการปล่อย CO2 น้อยที่สุดอันดับหนึ่งในรถยนต์ทุกประเภท รวมถึงรถยนต์ประเภท Eco Car คือ บีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่มีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น"
          "นอกจากนี้ เราได้เปิดตัวเทคโนโลยี iPerformance เพื่อนำนวัตกรรมล้ำยุคจากรถยนต์ในตระกูล BMW i มาปรับใช้ในรถยนต์ตระกูลหลักของบีเอ็มดับเบิลยู โดยชื่อรุ่น iPerformance ใหม่นี้จะถูกใช้ในรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดทุกรุ่นนับตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป"
          ทั้งนี้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อันเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยในปีนี้ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Car of the Year) สูงสุดถึง 15 รุ่น ได้แก่ BMW 330i M Sport, BMW 320d Gran Turismo Sport, BMW i8, BMW X5 xDrive40e M Sport, BMW 528i Luxury, BMW 525d M Sport, BMW 740 Li, BMW 428i Gran Coupe M Sport, BMW 420d Coupe M Sport, BMW 218i Coupe M Sport, BMW 218i Gran Tourer Luxury , BMW X4 xDrive20d M Sport, BMW X6 xDrive30d M Sport, MINI John Cooper Works และ MINI COOPER S CLUBMAN
          บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ใหม่ พร้อมเทคโนโลยี ปลั๊กอิน ไฮบริด ราคา: 3,099,000 บาท (ราคารวม VAT)
          บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เป็นรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นถัดจากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2557 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e ที่ออกสู่ตลาดในปี 2558 โดยนับเป็นปีที่ 3 แล้วที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยนำเสนอเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด เพื่อนำพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาสู่ท้องถนนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
          บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เป็นนวัตกรรมที่ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา ได้รับการออกแบบเพื่อสุนทรียะในการขับขี่ของผู้โดยสาร ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ BMW TwinPower Turbo ที่ทรงพลังที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งได้รับรางวัล International Engine of the Year มาแล้วถึง 2 ครั้ง สามารถส่งกำลังสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 65 กิโลวัตต์/88 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อให้ขับขี่ ได้สนุก ทันใจ โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในโหมดไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
          เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า ให้เร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 40.8 กิโลเมตรต่อลิตรและลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 57 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น นับว่าเป็นอัตราที่น้อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยสำหรับประเภทรถยนต์นั่งแบบซีดาน ส่วนรถที่มีอัตราการปล่อย CO2 น้อยที่สุดอันดับหนึ่งในรถยนต์ทุกประเภท รวมถึงรถยนต์ Eco Car คือ บีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่มีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
          เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ในบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจาก ท่อไอเสียเลยในระยะ 40 กิโลเมตร แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระตอนท้าย เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.7 กิโลวัตต์ (16 แอมป์/230 โวล์ท) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 12 นาที
บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe ใหม่ ราคา: 5,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe ใหม่ เป็นยนตรกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ มาพร้อมขุมกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู M TwinPower Turbo 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 370 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชม. ที่ 4.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชม. ควบคุมด้วยเกียร์อัตโนมัติ M แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ตอบสนองการขับขี่แบบรถแข่งได้ในทุกจังหวะและย่านความเร็ว
          บีเอ็มดับเบิลยู M2 Coupe ใหม่ มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ด้วยกันชนหน้าที่ใหญ่และดุดันกว่าเดิม พร้อมกระจังหน้าในแบบเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูล M และล้อขนาดใหญ่ 19 นิ้ว M Double Spoke และโดดเด่นด้วยท่อไอเสียคู่แยกออก 2 ทาง ภายในห้องโดยสารหรูหราปราดเปรียวด้วยโทนสีดำ มาพร้อมการดีไซน์ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังแบบ M และเบาะที่นั่งหนังแบบสปอร์ต มอบความรู้สึกแบบรถสปอร์ตพันธุ์แท้ที่สมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังมีระบบ BMWApps ที่รองรับการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Go Pro และ M Laptimer ช่วยบันทึกและวิเคราะห์การขับขี่ พร้อมทั้งแชร์ข้อมูลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้
          บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18d ใหม่ ราคา: 2,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18d ใหม่เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของบีเอ็มดับเบิลยู X1 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ดีเซล 4 สูบ รุ่นใหม่ล่าสุด 1,995 ซีซี 150 แรงม้า มอบประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 21.3 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 125 กรัม/กิโลเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Steptronic Sport 8 สปีด ให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 9.2 วินาที
          นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18d ใหม่ยังมาพร้อมกับดีไซน์แบบสปอร์ตที่ดูทรงพลังด้วยชุดแต่ง xLine ภายในตกแต่งด้วยลายไม้โอ๊ค ไฟหน้าแอลอีดี และตกแต่งด้วยเบาะนั่งหนังแท้ดาโกต้า (Dakota) พร้อมระบบปรับเบาะแบบไฟฟ้าที่สามารถจดจำตำแหน่งฝั่งคนขับได้ ส่วนพวงมาลัยไฟฟ้ามัลติฟังก์ชั่นแบบ Servotronic หุ้มหนังแบบสปอร์ต ให้สัมผัสที่นุ่มมือในขณะขับขี่ ขณะที่ห้องโดยสารมีพื้นที่เก็บสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,550 ลิตร มอบความบันเทิงผ่านจอภาพขนาด 8.8 นิ้ว สะดวกสบายด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง พร้อมปุ่มควบคุม iDrive และระบบแผนที่นำทาง
          เปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d และบีเอ็มดับเบิลยู 525d Celebration Edition รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 100 ปี
          ราคา: บีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d Celebration Edition : 4,699,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          บีเอ็มดับเบิลยู 525d Celebration Edition : 3,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
          บีเอ็มดับเบิลยูเปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d และบีเอ็มดับเบิลยู 525d รุ่นพิเศษ ที่มีเพียงรุ่นละ 100 คันเพื่อเฉลิมฉลองครบ รอบ 100 ปีแห่งความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยมาพร้อมโลโก้พิเศษ "One of 100" และฟีเจอร์พิเศษต่างๆ เช่น หน้าจอ BMW Head-Up และหน้าจอควบคุมแบบมัลติฟังก์ชั่น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูลต่างๆ ได้ในขณะขับขี่
          บีเอ็มดับเบิลยู X5 sDrive25d Celebration Edition เป็นรถยนต์ที่ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา ในแบบรถยนต์ SAV เติมเต็มทุกความต้องการการใช้งานทุกรูปแบบ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว เทคโนโลยี TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุดที่ 170 กิโลวัตต์/231 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที ให้สามารถเร่งความเร็วได้อย่างใจนึกจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 7.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 18.2 กิโลเมตรต่อลิตรกับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 146 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
          ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู 525d Celebration Edition ทรงพลังในทุกสมรรถนะการขับขี่และประหยัดพลังงานด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์ว เทคโนโลยี TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุดที่ 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ให้สามารถเร่งความเร็วได้อย่างใจนึกจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 6.9 วินาที และยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตรกับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 123 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
          บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport ใหม่
          (ราคายังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ)         
          เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านการผลิตนวัตกรรมแห่งยานยนต์ การให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสากล และ ตอบแทนความเชื่อมั่นของลูกค้า บีเอ็มดับเบิลยูจึงเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยการขยายการประกอบรถยนต์ในประเทศในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport ใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์หรูขนาดใหญ่ที่ให้ความสะดวกสบายในทุก การใช้งานด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมยกระดับสมรรถนะ ความปราดเปรียวในการขับขี่ และความปลอดภัยอย่างครบครัน บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport ใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียงรุ่นใหม่ ด้วยปริมาตรกระบอกสูบขนาด 3 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร ทำงานเชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 17.6 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 150 กรัมต่อกิโลเมตร
          บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport ใหม่ ยังมาพร้อมดีไซน์สปอร์ต พร้อมไฟที่โฉบเฉี่ยว และสามารถเลือกปรับโหมดการขับรถได้หลายแบบตามต้องการ ทั้งโหมด SPORT, SPORT+, ECO PRO, COMFORT และ COMFORT+ พร้อมหน้าจอมัลติฟังก์ชั่นและอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ซึ่งรวมถึงระบบเครื่องเสียงที่ทำงานร่วมกับ iDrive ตอบรับทุกความต้องการของผู้ขับขี่เพื่อสุนทรียะแห่งการเดินทาง และมีชุดแต่ง M Sport ซึ่งประกอบด้วย ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้วแบบ Double-spoke และดีไซน์ภายนอกด้วยเส้นสาย High-Gloss Shadow Line ในแบบของบีเอ็มดับเบิลยู และชุดแต่ง M aerodynamics
เปิดตัวมินิ คอนเวอร์ทิเบิลรุ่นใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในประเทศไทย ราคา: 3,050,000 บาท (ราคารวม VAT)
          ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 นี้ บรรดาแฟนมินิชาวไทยยังได้ร่วมสัมผัสถึงรายละเอียดของยนตรกรรมระดับหรูขนาดเล็กรุ่นใหม่ล่าสุด มินิ คอนเวอร์ทิเบิล ซึ่งเปิดตัวไปในงานมอเตอร์โชว์ที่กรุงโตเกียว
          มินิ คอนเวอร์ทิเบิล ใหม่ เป็นนวัตกรรมแห่งความสำเร็จอีกขั้นของการดีไซน์ที่เติมเต็มทุกอารมณ์ โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ด้วยความล้ำสมัยโฉบเฉี่ยวและมิติที่เพิ่มขึ้น พร้อมพื้นที่ภายในตัวรถกว้างขวางขึ้นเช่นเดียวกับมิติภายนอก เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน
          มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล ใหม่ มอบสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์ MINI TwinPower Turbo Technology ให้ประสิทธิภาพการขับขี่สูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า มีอัตราความเร็วสูงสุด 228 กิโลเมตรต่อ ชม. และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.1 วินาที โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย เพื่อความรื่นรมย์ในยามขับขี่แบบเปิดประทุนตามสไตล์มินิ แผงหลังคารถเป็นวัสดุผ้าใบหรือซอฟต์ท็อปที่พับเก็บได้อัตโนมัติอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมทางเลือกดีไซน์ลายธงยูเนียนแจ็คเอกลักษณ์ของมินิ สำหรับหน้าปัดแสดงผลส่วนกลาง โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี LED ใหม่ล่าสุดที่ให้แสงไฟสีสันต่างๆ รอบวงแหวน ซึ่งสามารถเปลี่ยนตามฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ใช้ขณะขับขี่
          ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากับโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI) ซึ่งขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
นอกเหนือจากสมรรถนะและดีไซน์ที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ หัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดคือความสบายใจของลูกค้า ดังนั้น รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจึงมาพร้อมกับโปรแกรมบริการหลังการขาย BSI (BMW Services Inclusive) และ MSI (MINI Service Inclusive) ซึ่งมอบบริการบำรุงรักษารถยนต์สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู และมินิระยะเวลา 5 ปี ระยะทาง 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูและมินิยังมีโปรแกรมการรับประกันที่ขยายขอบเขตการคุ้มครองเป็นตลอดระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางด้วย
          ข้อเสนอพิเศษในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 7
          ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูที่ทำการจองรถยนต์ภายในงาน และรับส่งมอบรถยนต์ภายในเดือนเมษายน 2559 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
          ลุ้นโอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยการผ่อนชำระรายเดือนในอัตราเริ่มต้นที่ 17,999 บาทต่อเดือน และรับฟรีทันที นาฬิกา BMW Motorsport ICE รุ่น steel Unisex หรือ รุ่น steel Chrono เมื่อซื้อรถยนต์
โปรแกรม"Fantastic Loyalty Reward" จากบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายเดิมของบีเอ็มดับเบิลยู ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)
โปรแกรมบำรุงรักษา BMW Service Inclusive (BSI) 5ปี / 100,000 กิโลเมตร และโปรแกรมการรับประกันระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
          สำหรับลูกค้ามินิที่ทำการจองรถยนต์ภายในงาน และรับส่งมอบรถยนต์ภายในเดือนเมษายน 2559 จะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
          ฟรีกล้อง Go Pro Hero 4 Silver*
          ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง* สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ด้วยเงินสดและลูกค้าของ MINI Financial Services
          (*ยกเว้นมินิ คลับแมน และมินิ คอนเวอร์ทิเบิล)
          ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญดังกล่าวหรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ จาก BMW Financial Services และ MINI Financial Services ได้ทาง BMW Contact Center โทร. 1-800-269-269 (หรือโทร. 1-401-269-269 ถ้าโทรออกจากโทรศัพท์มือถือ) หรือติดต่อได้ที่ผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ

activity on March 24, 2016, 01:15:46 PM
ฮุนไดสอดรับแนวคิด “ยานยนต์ไร้ขีดจำกัด” นำทัพรถยนต์เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ร่วมจัดแสดงในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37









          ฮุนไดเปิดตัว ฮุนได เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์รุ่นใหม่ เผยโฉมสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่
          ครั้งแรกของประเทศไทย กับการเผยโฉมรถยนต์ระดับไฮเอนด์กับ เจเนซิส แนะนำตัวแทนผลิตภัณฑ์คนใหม่ของรถยนต์ เอช-วัน และเพลงพิเศษ แต่งขึ้นภายใต้แนวคิด "For All Lives"
          บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดตัว ฮุนได เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์รุ่นใหม่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ และครั้งแรกของประเทศไทย กับการเผยโฉมรถยนต์ระดับไฮเอนด์กับ เจเนซิส รถยนต์ระดับหรู และทรงพลัง ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 สร้างความหรูหราทันสมัย ตอบความต้องการแก่ลูกค้าทุกระดับ
          ภายใต้แนวคิด "ยานยนต์ไร้ขีดจำกัด" หรือ "No Boundaries Mobility" ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ฮุนได ได้นำทัพรถยนต์ เข้าร่วมจัดแสดงในงาน ได้แก่ รถยนต์อเนกประสงค์ เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์, รถสปอร์ตซีดาน เอลันตร้า, รถเอสยูวี ทูซอน และรถสปอร์ตแฮ็ทช์แบ็คสามประตู เวลอสเตอร์
          "ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังอยู่ในสภาวะซบเซา แต่ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) ก็ยังสามารถฝ่าฟันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้อีก 4 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เราหวังว่า ยอดขายของเรา จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแผนการดำเนินงานที่เราได้เตรียมแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในปีนี้อีก 3 รุ่น รวมถึงการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย และการสื่อสารทางการตลาด" มร.ฮิเดกิ ยานากิซาวา ประธาน บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว
          "แนวคิดความนำสมัยและมีระดับหรือ Modern & Premium เป็นแนวคิดฮุนไดทั่วโลกใช้ในการสื่อสารของภาพลักษณ์ของแบรนด์ และเช่นกันในบูธของเราและรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงในงาน จึงได้สะท้อนภาพลักษณ์ของความเป็น Modern & Premium ได้เป็นอย่างดี จากทั้งเทคโนโลยี และการออกแบบ" มร.ฮิเดกิ ยานากิซาวา กล่าวเสริม
          รถยนต์ฮุนได เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ถ่ายทอดความพรีเมียม มอบความหรูหรา และอรรถประโยชน์ของการใช้งานที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งาน ด้วยดีไซน์ภายนอกที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งใหม่ รวมถึงการออกแบบภายใน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้ ทำให้รถยนต์ฮุนได เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ยังคงเป็นผู้นำในรถระดับเดียวกัน
          รถยนต์ฮุนได เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ได้รับการออกแบบและเพิ่มเติมอุปกรณ์เพื่อความหรูหราและทันสมัย ได้แก่ กระจังหน้าใหม่, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light), ไฟส่องพื้นใต้กระจกมองข้าง รวมถึงล้ออัลลอยลายใหม่ เบาะนั่งโดยสารและพนักพิงศีรษะได้รับการออกแบบใหม่ ในรุ่นเอช-วัน และออกแบบที่วางเท้าใหม่ ในรุ่นแกรนด์ สตาร์เร็กซ์ เพื่อความสะดวกสบายขณะโดยสาร รวมถึงจอ LCD ความละเอียดสูงขนาด 13.3 นิ้ว พร้อมระบบ HDMI เพื่อเติมเต็มความบันเทิงแก่ผู้โดยสารขณะเดินทาง เสมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน
          เทคโนโลยีอื่นๆที่ได้รับการติดตั้ง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้งาน ได้แก่ ประตูเลื่อนไฟฟ้าอัตโนมัติทั้ง 2 บาน สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ช่วยให้การเข้าและออกจากตัวรถ สะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงระบบ Smart View System ที่จะแสดงภาพขณะถอยหลังแบบ 360 องศา ผ่านหน้าจอความละเอียดสูงบนคอนโซลกลาง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยนับเป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว
          "เราเชื่อมั่นว่า ผู้บริโภค จะให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราเป็นอย่างดี และหวังว่า ฮุนได จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้"
          "นอกจากนี้ เราได้เชิญนักแต่งเพลงชื่อดัง "บอย โกสิยพงษ์" มาร่วมถ่ายทอดเอกลักษณ์ของรถยนต์ฮุนได โดยได้มีการแต่งเพลงพิเศษขึ้นใหม่ "เคียงกัน" เพื่อถ่ายทอดชีวิตที่ไม่เหลืออะไรหากไร้ครอบครัวที่อยู่เคียงกัน และขับร้องโดยนักร้องชื่อดัง "ตู่ ภพธร" เพื่อสะท้อนความเป็นรถยนต์ เอช-วัน รถยนต์สำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง" มร. ฮิเดกิ ยานากิซาวา กล่าวเสริม
มินิคอนเสิร์ตของ ตู่ ภพธร จะจัดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2559 ที่บูธฮุนได ณ งาน บางกอกอินเตอร์เนชัน แนลมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 และสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ฮุนไดภายในงาน จะได้รับซีดีเพลง "เคียงกัน" ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยมีจำนวนจำกัด
          มร.ฮิเดกิ ยานากิซาวา กล่าวต่อว่า "ในปีนี้ เป็นปีที่เราได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นปีที่ 9 ก่อนหน้านี้ เราได้นำเสนอการสื่อสารภายใต้แคมเปญ "Confidence" โดยเราได้นำเสนอถึงพันธสัญญาที่เรามีต่อผู้บริโภคชาวไทย ในการดำเนินธุรกิจ และเราจะยังยืนหยัดความเป็นผู้นำในตลาดรถอเนกประสงค์ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแท้จริง"
          "เพื่อยืนยันพันธสัญญาดังกล่าว ในงานนี้ เราจึงได้นำรถยนต์ระดับไฮเอนด์ มาจัดแสดงในงาน เพื่อแสดงถึงเทคโนโลยี ที่เพียบพร้อมด้วยความหรูหรา กับ เจเนซิส" มร. ฮิเดกิ ยานากิซาวา กล่าว
เจเนซิส ได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 2548 ชื่อของเจเนซิส บ่งบอกถึงต้นกำเนิดของบางอย่าง ที่เป็นจุดกำเนิดที่แท้จริง ด้วยการเน้นถึงความเป็นมนุษย์เป็นจุดสำคัญ หรือ human-centric focus
          เจเนซิส เป็นรถยนต์ที่ถูกสรรสร้างขึ้น เพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่ ของความเป็นรถยนต์ระดับหรู ด้วยการผสานเทคโนโลยีระดับสูง เข้ากับความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับลูกค้า
          ด้วยแนวคิด "Fluidic Sculpture 2.0" เจเนซิสรุ่นปี 2016 จึงกลายเป็นรถยนต์ที่เพียบพร้อมด้วยความหรูหรา ทันสมัย และเต็มเปี่ยมด้วยพละกำลัง รวมถึงความสะดวกสบาย ด้วยการออกแบบที่ดึงดูดสายตา ได้แก่ กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู, ไฟหน้า HID พร้อมโคมโปรเจกเตอร์, ไฟเลี้ยวบนกระจกมองข้างแบบ LED, ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light), เสาหลังคาด้านหลังที่ได้รับการออกแบบให้มีความลู่ลม และสปอร์ต และไฟท้ายแบบ LED ที่ให้ความสวยงามและสว่างคมชัด
          ภายในได้รับการออกแบบให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ได้รับความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆที่มอบความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ได้แก่ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 16 ทิศทางสำหรับคนขับ และ 12 ทิศทางสำหรับผู้โดยสาร ทุกที่นั่ง มีระบบปรับอากาศใต้เบาะทั้งลมร้อน และลมเย็น และหรูหรามากขึ้น ด้วยการตกแต่งด้วยลายไม้แท้ และอลูมิเนียมคุณภาพสูง  ทรงพลัง ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3.8 ลิตร ไดเร็กอินเจคชัน พร้อมระบบวาล์วแปรผัน D-CVVT ที่ให้พละกำลังสูงสุด 315 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 397 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 สปีดพร้อมระบบ SHIFTRONIC ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการ พร้อม paddle shifters ทั้งหมดนี้ ทำให้เจเนซิส เป็นรถยนต์ที่มีพละกำลังที่สูง ให้อัตราเร่งที่ดี และขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล
          นอกจากนี้ เจเนซิสยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยขณะขับขี่ ได้แก่ ระบบ intelligent drives modes ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ได้ตามสภาพถนน, ระบบ Emergency Steering Support, ระบบ Electronic Stability Control, ถุงลมนิรภัย 9 ใบ และพนักพิงศีรษะที่ถูกออกแบบเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ ขณะเกิดการชนด้านหลัง และยังมีระบบ Blind Spot Detection และ Smart View System ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่, ระบบควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ภายในห้องโดยสาร, สัญญาณกะระยะขณะถอยหลัง รวมถึงเทคโนโลยีการออกแบบตัวถังเพื่อลดเสียงและแรงสั่นสะเทือน ทั้งหมดนี้ มีอยู่ในรถยนต์เจเนซิส
          และอีกหนึ่งไฮไลท์ของฮุนไดในปีนี้ กับรถยนต์ฮุนได เอลันตร้า รถยนต์สปอร์ตซีดานที่ได้รับรางวัลจากเวทีระดับโลก ด้วยการออกแบบจากแนวคิด Fluidic Sculpture ที่มีเส้นสายที่พลิ้วไหว สวยงาม และสะดุดตา พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 178 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ที่ให้พละกำลังที่แรง แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมัน รถยนต์ฮุนได เอลันตร้า มีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น SE, GLS Navi, GLE และ GL
          สำหรับผู้สนใจรถยนต์ฮุนได ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ในระหว่างวันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2559 ฮุนไดได้เตรียมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับลูกค้าผู้ที่กำลังตัดสินใจ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ฮุนไดประเทศไทย และที่โชว์รูมฮุนได ทั่วประเทศ

activity on March 24, 2016, 01:16:52 PM
Hyundai brings ‘No Boundaries Mobility’ to The Bangkok International Motor Show 2016 with class-leading and advanced technology lineups









          Official 2016 launch of Thailand's best-selling MPVs – the new H-1 and the Grand Starex
          On a showcase tour: First time in Thailand, the Genesis – Hyundai's high-end, powerful and luxurious sedan
          Introducing Hyundai's H-1 product ambassador – a special song dedicated to promoting Hyundai's H-1 theme "For all lives"
          Hyundai Motor (Thailand) Co., Ltd. unveils to the public the latest additions to its best-selling range of large MPVs, the 2016 H-1 and the Grand Starex, and for the first time in Thailand, the Genesis, Hyundai's high-end, powerful and luxurious sedan is on display. Three vehicles that firmly showcase that the brand is all about Premium Modernity for all types of customers.
          Participating at the 37th Bangkok International Motor Show 2016, with a theme of 'No Boundaries Mobility', the Hyundai stand presents a wide-range of its lineup – the best- selling MPVs H-1 and Grand Starex, sporty sedan Elantra, high performance SUV -Tucson, and 3-door coupe Veloster.
          "Even though across-the-board vehicles sales in Thailand may have been flat last year, I am happy to say that Hyundai Motor (Thailand) closed 2015 with 4,227 units sold - a positive 4 percent sales increase compared to 2014. We may expect another gloomy 2016, but we are still confident to continue our positive sales again from our solid plan – launching 3 new products as well as dealership expansion, and new communication campaign roll out" said  Mr.Hideki Yanagisawa, the president of Hyundai Motor (Thailand) Co., Ltd.
          "Our booth concept is Modern Premium, a vision that is Hyundai's global brand identity, and we apply this regardless of whether we are a major player or a new market entrant. Modern Premium is reflected in the booth design, and of course, in the exceptional show vehicles that encapsulate modern and advanced technologies coupled with comfort." Yanagisawa added.
          The new Hyundai H-1 and the Grand Starex have again set the benchmark for the premium MPV market as both deliver premium and technological advances to their drivers and passengers. Not only do the two models show off new exterior and interior designs but a host of other changes that make them the best in class.
          Design improvements include body re-designs, new front grilles, daytime running lights, courtesy lamps and new alloy wheels. The interior also boasts revised seating designs, and a new 13.3" roof-mounted LCD in the passenger cabin that is fully HDMI-capable providing full entertainment options that mimics a living room.
          Other new technology and practical options introduced in these new products are new dual-powered sliding doors providing ease of access from both sides, and the first MPV with a smart view system that provides a 360 degree view on a high definition screen that enhances ease of parking and maneuvering.
          "We are confident the discerning Thai customer will welcome these new vehicles and that they will continue to sell very well, maintaining Hyundai's domination in this segment", Yanagisawa stated.
          "We have also devised a new communications strategy this year that includes a brand new TVC, and the overall theme is 'For All Lives" – a theme that neatly encompasses the fact that Hyundai has a vehicle for every lifestyle. Our team has been working with famous song writer 'Boyd Kosiyapongse and acclaimed singer Two- Popetorn. The song lyrics and concept tell the story that live is nothing without family – the characteristics of our H-1 family," continued Yanagisawa.
          A mini-concert by Two-Popetorn will be held on March 26, and every customer who makes booking during this motor show will receive a limited edition single CD.
          He added "This year marks our 9th anniversary of our operations in Thailand and recently we kicked off our 'Confidence' campaign. We would like to express our strong commitment to growing our presence in the coming decades, continue to be the lead in MPV segment and increase our shares with more innovative products that will wow the driving consumer."
          "As an example of that," continued Yanagisawa, "it is my honor to showcase at this motor show the 2016 Hyundai Genesis, our powerful and super-luxurious sedan."
          Hyundai's Genesis marque was born in 2005. The name, Genesis, implies an origin of something completely original, with a human-centric focus.
          Genesis sedan sets new standards of luxury by connecting mobility with cutting edge technology to anticipate the driver's needs and move him in superlative comfort and safety.
          Designed with a 'Fluidic Sculpture 2.0' philosophy, the 2016 Hyundai Genesis lends a modern, premium and sophisticated silhouette that evokes power and comfort.
          One of the most positively-reviewed high-end sedans in the United States market, the Genesis has a refined hexagonal front grille, HID headlamps, LED indicators and fog lamps, while a sleek C-pillar emphasize the sporty styling. The rear of the Genesis benefits from a strong and sporty dynamic with aesthetically sculptured full LED-tail lamps.
          Interior- wise, the cabin layout is one of pure refinement that provides the driver and passengers with high-end comfort and spaciousness. Hyundai's interior design principles – safety, intuitiveness and simplicity are perfectly highlighted in the Genesis.
          The Genesis also provides 16-way power adjustable for driver seat and 12-way for front passenger seat, all seats are ventilated and giving most comfort by Power Driver Bolster, cushion extenders, 4-way power lumbar support, and high-grade materials such as genuine aluminum and matter-finished wood trim also being available.
          Powered by 3.8 liter direct injected Lambda engine with Dual Continuously Variable Valve Timing (D-CVVT), the Genesis produces 315 horsepower at 6,000 rpm and 397 Nm of torque at 5,000 rpm. It gives excellent power while direct injection technology provides a significant reduction in emissions.
          The Genesis comes equipped with Hyundai-developed 8-speed transmission, include SHIFTRONIC manual shift capability with ergonomically-placed paddle shifters, all of which means enhanced shift logic and speed, better acceleration and a smooth ride.
          The Genesis is packed with innovation and technology that makes it one of the most highly-equipped and safety-oriented sedans on the market. Some of the features found with the Genesis are driver selectable Intelligent drive modes – depending on conditions and preference - emergency steering support, Electronic Stability Control, nine airbags, and anti-whiplash front head restraints.
          Other features include a Blind Spot Detection system, and 360 degree smart view that helps monitor traffic around the car, CO2 sensor control, a parking assist system, NVH reduction and 0ther driving convenient technologies. All features that surpass others brands in its class.
          Also sharing the limelight at the show is the Elantra - a Hyundai sports passenger marque that is a global best seller. The Elantra comes with a 1.8 liter engine, producing a powerful 150 horsepower at 6,500 rpm and a maximum torque of 178 Nm at 4,700 rpm - all in a compact and sleek design that delivers fun, responsive driving with surprising economy. Its features and options are incredible value for money and the Elantra is now available in 4 versions – SE special edition, GLS Navi, GL and SE.
          Besides being able to explore the lineup of Hyundai's market-leadership in technology and premium innovations at the booth, attractive sales promotions are also available to customers during the 37th Bangkok International Motor Show.
          For more information, customers can check Hyundai's official website, or visit our Booth at Muang Thong Thani from March 23 – April 3, 2016, or visit any Hyundai showroom nationwide.

activity on March 24, 2016, 01:17:44 PM
ฟอร์ดเปิดตัว ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ ขนาด 1.5ลิตร อันทรงพลัง ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 37





          มร. มาร์ค คอฟแมน ประธานฟอร์ด อาเซียน และ นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวรถฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร อันทรงพลัง เปิดให้จองแล้ววันนี้ราคา 1,099,000 บาท ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37
          ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมกว่าเดิม พร้อมความประณีตแบบครบครันฟอร์ด โฟกัสใหม่ พร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ ภายในงานที่ราคา 1,099,000 บาทพบข้อเสนอสุดพิเศษจากฟอร์ด และรถฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต และฟอร์ด เฟียสต้า ที่สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
          ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดตัวรถฟอร์ด โฟกัส ใหม่ อันทรงพลัง พร้อมฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต และฟอร์ด เฟียสต้า รุ่นสีพิเศษ โดยสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37
          การเปิดตัว ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ยังคงสานต่อความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์คุณภาพเยี่ยม สำหรับประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ เครื่องยนต์อันทรงพลัง และระบบการเชื่อมต่อล้ำสมัยเหนือมาตรฐานรถยนต์ในระดับเดียวกัน
          ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมความสามารถในการรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85
          ฟอร์ด โฟกัส รุ่น 5 ประตู เปิดให้จองแล้ววันนี้ในราคา 1,099,000 บาท ณ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ หรือที่โชว์รูมฟอร์ดทั่วประเทศ และพร้อมส่งมอบรถได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
          "ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นรถตามมาตรฐานระดับโลกของฟอร์ดรุ่นล่าสุด ที่เราพร้อมจัดแสดงในโชว์รูม และนำเสนอแก่ลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งเรามุ่งหวังว่า ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ จะสร้างความสนใจจากผู้บริโภค และช่วยให้เราเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการเติบโตด้านส่วนแบ่งทางการตลาดรวมในประเทศไทย อันเป็นตลาดสำคัญของเรา" มร. มาร์ค คอฟแมน ประธานฟอร์ด อาเซียน กล่าว
          ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ขุมพลังความแรง
          ด้วยดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นขึ้น ประณีตยิ่งขึ้น สมรรถนะดียิ่งขึ้น และยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มากมาย โดยวิวัฒนาการดังกล่าวของ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ นี้ สร้างนิยามใหม่ให้แก่แบรนด์โฟกัส ทั้งยังได้ยกระดับขุมพลังความแรง และความสนุกสนานในการขับขี่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย
          ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่สามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร นี้ มอบพลังขับเคลื่อน 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,600-5,000 รอบต่อนาที ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ยังมาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติทอร์ค คอนเวอร์เตอร์ แบบ 6 สปีด ใหม่ เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในการทำงานควบคู่กับเครื่องยนต์อีโค่บูสท์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร
          นอกจากนี้ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เหนือชั้นและล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิม เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเข้าถึงทุกการเชื่อมต่อสื่อสารได้ทุกเวลา
          ระบบช่วยจอดอัจฉริยะใหม่ (Enhanced Active Park Assist): ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก ระบบช่วยจอดแบบคู่ขนาน (Parallel Park Assist) โดยเพิ่ม ระบบช่วยถอยจอดเข้าซอง (Perpendicular Park Assist)เทคโนโลยีช่วยจอดรถเข้าซอง โดยไม่ต้องใช้มือบังคับพวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถถอยรถเข้าเข้าซองได้แม้ในพื้นที่จำกัด
          ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (Active City Stop): ได้รับการปรับปรุงเพื่อช่วยลดอัตราการชนขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะทำงานโดยลดแรงบิดของเครื่องยนต์ และควบคุมเบรกอัตโนมัติ เพื่อช่วยลดแรงปะทะจากการชน ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ทันท่วงที
          ระบบสั่งงานด้วยเสียง ซิงค์ 3 (SYNC 3): ซิงค์ 3 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมหน้าจอสีทัชสกรีน 8 นิ้ว แบบโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่ตอบสนองการสั่งงานด้วยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ระบบซิงค์ 3 ใหม่ ยังได้รับการปรับปรุง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบความบันเทิงภายในรถ และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ผ่านคำสั่งเสียง ทั้งยังรองรับการใช้งานแอปเปิ้ล คาร์เพลย์ (Apple CarPlay)
          "ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ด ที่จะส่งมอบรถยนต์มาตรฐานระดับโลกของฟอร์ดสู่ผู้บริโภคชาวไทย พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะให้กับตลาดรถยนต์ขนาดกลาง" นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว "เมื่อไม่กี่ปีนี้ เทคโนโลยีหลายๆ อย่างในฟอร์ด โฟกัส ใหม่ นั้นได้รับการติดตั้งในรถยนต์หรูราคาแพงเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากขึ้นสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ในรถราคาที่เข้าถึงได้"
          ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ นี้ ผลิตและประกอบขึ้นที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จังหวัดระยอง โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน วินนิ่ง บลู (Winning Blue) สีดำ แพนเทอร์ แบล็ก (Panther Black) สีเทา แม็คเนติก เกรย์ (Magnetic Grey) สีแดง แคนดี้ เรด (Candy Red) และสีขาว โฟรเซ่น ไวท์ (Frozen White)
          รถยนต์รุ่นต่างๆ ในปี 2016 ที่นำมาจัดแสดง
          บูธฟอร์ดภายในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ จะมีการจัดแสดงทั้งรถยนต์ รถกระบะ และรถอเนกประสงค์ทุกรุ่น รวมถึง ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต และฟอร์ด เฟียสต้า รถรุ่นสีพิเศษ นอกจากนี้ รถทั้งสองรุ่น ยังสามารถรองรับน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ E85สำหรับรุ่นปี 2016
          ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ใหม่ รุ่นพิเศษ แบล็ก อิดิชั่น (Black Edition) ได้รับการตกแต่งภายนอกรอบคันด้วยสีดำทั้งบริเวณโครงหลังคา และล้อไทเทเนี่ยมอัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้ว นอกจากนี้ เอคโค่สปอร์ต ยังมีเฉดสีใหม่สีแดง แคนดี้ เรด (Candy Red) ในราคาเริ่มต้นที่ 714,000 บาท
          ฟอร์ด เฟียสต้า เปิดตัว รุ่นแบล็ก ลิมิเต็ด (Black Limited) ในสีทูโทนดำแดง ซึ่งมีให้เลือกในรุ่น Sport แบบ 5 ประตู ที่ราคา 719,000 บาท
          นอกจากนี้ ฟอร์ดได้แนะนำสีสันใหม่สำหรับฟอร์ด เฟียสต้า ซึ่งได้แก่ สีน้ำเงิน วินนิ่งบลู (Winning Blue) และ สีแดง แคนดี้ เรด (Candy Red) ในราคาเริ่มต้นที่ 644,000 บาท
          ภายในงาน ลูกค้าจะได้ร่วมสัมผัส รถฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ที่เพิ่งคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2558 โดยได้รับการยกย่องในด้านสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดเหนือชั้น ผสมผสานกับคุณภาพการขับขี่ยอดเยี่ยม พร้อมการควบคุมที่คล่องตัว ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ เปี่ยมสมรรถนะ เกินความคาดหมายของผู้บริโภคกลุ่มรถเอสยูวี
          ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และรถกระบะสายพันธุ์แกร่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นปี 2016 จะถูกนำมาจัดแสดงภายในงานด้วยเช่นกัน โดยรถรุ่นดังกล่าว มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น และสะดวกสบายยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนป้องกันการชนรถคันหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบรักษาเลน (Lane Keeping System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam Control) และระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert System)
          ฟอร์ดมุ่งมั่นยกระดับประสบการณ์การบริการลูกค้า
          นอกจากการจัดแสดงรถยนต์รุ่นต่างๆ แล้ว ภายในบูธฟอร์ดยังมีการจัดแสดงข้อมูล เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้ทราบถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการยกระดับและพัฒนาบริการให้กับลูกค้าและการขยายเครือข่ายการให้บริการทั่วประเทศ รวมถึงข้อมูลและตำแหน่งของตัวแทนจำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ พร้อมโปรแกรมบริการหลังการขายต่างๆ ได้แก่ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) การนัดตรวจสภาพรถยนต์ล่วงหน้า (Scheduled Service Plan) ประกันFord Ensure บริการรับประกันจัดส่งอะไหล่ภายใน 24 ชั่วโมง โปรแกรมขยายความคุ้มครอง (Premium Protection Plus) และบริการให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์
          "ฟอร์ดเดินหน้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า และการเป็นเจ้าของรถยนต์ฟอร์ด ให้สอดคล้องกับคุณภาพรถยนต์ระดับโลกของฟอร์ด เราเชื่อมั่นว่า ลูกค้าฟอร์ดจะสามารถสังเกตและรับรู้ได้อย่างชัดเจน ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการให้บริการ ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนาในสามส่วนหลัก ได้แก่ ความสะดวกในการรับบริการของลูกค้า คุณภาพของการให้บริการ และการปรับภาพลักษณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ฟอร์ดในด้านการบริการ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ด เราได้ขยายระยะเวลาบริการฟรีค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง เพิ่มขึ้นเป็น 5 ครั้ง หรือระยะเวลา 75,000 กิโลเมตร สำหรับรถฟอร์ดทุกรุ่น" ยุคนธรกล่าว
          ข้อเสนอสุดพิเศษ
          ฟอร์ดพร้อมมอบข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับรถยนต์ฟอร์ดคุณภาพระดับโลกในประเทศไทย สำหรับลูกค้าที่จองรถภายในงาน เฉพาะช่วงเวลาพิเศษนี้เท่านั้น ได้แก่
          ดอกเบี้ยพิเศษ 1.49% ผ่อนนาน 60 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น Open Cab XLT 4x2 Hi-rider
          ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนนาน 60 เดือนพร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ รุ่น 2.2ลิตร
          ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต
          ดาวน์เพียง 10% พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งสำหรับฟอร์ด โฟกัส ใหม่

activity on March 24, 2016, 01:18:22 PM
Photo Release: The launch of New Ford Focus at the 37th Bangkok International Motor Show





          Mark Kaufman (right), president, Ford ASEAN and Yukontorn 'Vickie' Wisadkosin (left), managing director, Ford Thailand officially introduced the new Ford Focus, featuring a new 1.5L EcoBoost Turbo engine, advanced driver assistance technologies and a refreshed, modern design at the 37th Bangkok International Motor Show.
 
          The new Focus priced at THB 1,099,000 is open for booking starting 23 March at the Show and dealers nationwide. The new Focus is powered by a powerful and efficient 1.5L four-cylinder EcoBoost Turbo engine with flexible fuel capability of up to E85 gasohol. Its new features include SYNC 3, Enhanced Active Park Assist, Parallel Park Assist, Perpendicular Park Assist, Park Out Assist and Active City Stop.

          Customers can visit the Ford Booth at the Bangkok International Motor Show at IMPACT, Muang Thong Thani from March 23 to April 3 to experience the lineup of world-class vehicles and take advantage of special promotions on the full range of vehicles available in Thailand.

activity on March 24, 2016, 01:19:55 PM
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว The new E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะในงานมอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 37









          บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม เปิดตัวสุดยอดยนตรกรรม 7 รุ่นใหม่ นำโดย The new E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะ ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น ทรงพลัง มาพร้อมเทคโนโลยี เพื่อการขับขี่อย่างเหนือระดับ The S 500 e และ The C 350 e รถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอิน-ไฮบริด รุ่นประกอบในประเทศ The new C-Class Coupe ยนตกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้ เจนเนอเรชั่นล่าสุด The new GLS "เอสยูวี ระดับเอส-คลาส" ที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ตระกูลเอสยูวีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และสองยนตรกรรมจากค่าย Mercedes-AMG ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 และ Mercedes-AMG C 63 S Coupe เสริมทัพด้วย The new Vito concept และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อีกกว่า 30 รุ่นมาจัดแสดงในงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 37 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
          มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ในปี 2559 นี้ บริษัทฯ มีแนวทางการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ "เดอะ เบสท์" (THE BEST) เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะนำเสนอ "สิ่งที่ดีที่สุด" ให้กับลูกค้าในวันนี้และ วันข้างหน้า ดังนั้นการนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 37" ในครั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้นำสุดยอดยนตรกรรมที่มาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์อันทันสมัยครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Compact Car กลุ่ม Contemporary Luxury และกลุ่ม Dream Car เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ในทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่"
          "สำหรับไฮไลท์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 คือ การเปิดตัว The new E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะในกลุ่ม Contemporary Luxury โดยตลอดเวลาที่ผ่านมารถยนต์ตระกูล E-Class เป็นหัวใจของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพราะได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ และบริษัทฯ ยังคงสานต่อแนวคิดดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class จึงมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทรงพลัง ทุกองค์ประกอบสอดรับกัน เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบตามหลัก Sensual Purity ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และนำเสนอเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ล่าสุดเป็นครั้งแรกของโลก ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และได้รับการสรรสร้าง ให้ขับขี่สนุกขึ้นเพื่อมอบสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย"
          มร.มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "สำหรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เตรียมเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ 7 รุ่น นำทัพด้วย The new E-Class, The S 500 e และThe C 350 e รถยนต์เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นประกอบในประเทศ (Local production) และ The new C-Class Coupe ยนตกรรมสไตล์สปอร์ตคูเป้ เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งทั้งสองรุ่นดังกล่าวได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมด้วย The new GLS, และยนตรกรรมจากแบรนด์ Mercedes-AMG ได้แก่ Mercedes-AMG A 45 และ Mercedes-AMG C 63 S Coupe อีกทั้งยังได้นำ The new Vito concept และยนตรกรรมอีกกว่า 30 รุ่น ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด"
          ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า
          นอกเหนือจากขบวนรถยนต์มากมายที่นำมาจัดแสดงในงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์" เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมข้อเสนอพิเศษสุดเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า ดังนี้
          แคมเปญ MercedesCard
          สมัครบัตรเครดิตเมอร์เซเดสการ์ดใบใหม่วันนี้ รับ Cash back สูงสุด  5,000 บาท* (ตรวจสอบเงื่อนไข ณ จุดขาย)
          สำหรับผู้ถือบัตรเมอร์เซเดสการ์ด – เมื่อจองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน ผ่านบัตรเมอร์เซเดสการ์ด 200,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัลที่พักโรงแรม มูลค่า 10,000 บาท
          ข้อเสนอสุดพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง
          สำหรับผู้ที่สั่งซื้อรถยนต์ภายในงาน บริษัทฯ นำเสนอสินเชื่อภายใต้โปรแกรม mySTAR Special รับสิทธิพิเศษอัตราผ่อนชำระต่อเดือนต่ำกว่า 1% ของราคารถยนต์ (เฉพาะรุ่น)
           นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้เตรียมขนขบวนสุดยอดยนตรกรรมรวมทั้งสิ้นกว่า 30 คัน ในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล และรถนำเข้ารุ่นอื่นๆ อาทิ CLA-Class, GLA-Class, G-Class, GLC-Class, GLE-Class, V-Class, GLE-Class Coupe, E-Class Coupe, S-Class Coupe, CLS-Class, Mercedes-Maybach
          เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดและ ยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยียานยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ในงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 23 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2559 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อมแพค เมืองทองธานี

activity on March 24, 2016, 01:21:15 PM
นิสสัน เปิดตัว แบรนด์ “นิสโม” ขีดสุดแห่งความเหนือชั้น อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมอวดโฉม “อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ” ในงานบางกอก อินเตอร์ เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ชูจุดเด่น ยนตรกรรม ล้ำสมัย ที่สร้างความเร้าใจ เต็มอารมณ์สปอร์ต ทุกเซ็กเมนต์









          ตามพันธสัญญาในการนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ วันนี้บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวแบรนด์ "นิสโม" ขีดสุดแห่งความเหนือชั้น (Ultimate Essence) อย่างยิ่งใหญ่ในงาน บางกอก อินเตอร์ เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 พร้อมเปิดตัว "อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ" และ "อัลเมรา นิสโม แอโร แพคเกจ" และยกทัพรถยนต์นิสสันยอดนิยมเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตทุกเซ็กเมนต์มาแสดงและจำหน่าย โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิสสัน มอเตอร์สปอร์ตฯ บินตรงมาร่วมงาน พร้อมนำ นิสสัน "จีที-อาร์ นิสโม" สุดยอดซูเปอร์สปอร์ตคาร์ ที่คว้าชัยชนะมาแล้วหลายสนามมาสร้างความคึกคัก รวมถึงมีการเปิดตัว นิสสัน จู๊ค คัลเลอร์ สตูดิโอ ใหม่ล่าสุด โดยนิสสันตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดจากยอดจองในงานประมาณ 10%
          มร. โชอิชิ มิยาตานิ (Shoichi Miyatani) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์สปอร์ต อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (Nissan Motor Sport International Co., Ltd. – NISMO) ได้ประกาศเปิดแบรนด์นิสโมสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ว่าการเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนก้าวสำคัญของแผนการขยายความสำเร็จ และความแข็งแกร่งของแบรนด์นิสโมไปทั่วโลก เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงขีดสุดแห่งความเหนือชั้นของแบรนด์นิสสัน ดังพันธสัญญาในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างความเร้าใจให้กับลูกค้าหรือ "Innovation that Excites"
          NISMO เป็นชื่อย่อของ Nissan Motorsports ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ซึ่งตลอดระยะเวลา 32 ปีที่ผ่านมา นิสสันได้ใช้แบรนด์ นิสโม ในการทำกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเยี่ยม เช่น การกวาดชัยชนะถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกในปี 2558 รวมถึงการแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ที่นิสสันสามารถคว้าแชมป์ทั้งรุ่น GT500 และ GT300
          นิสโม มีส่วนสำคัญในการสร้างแบรนด์ของนิสสันให้แข็งแกร่ง ในฐานะแบรนด์ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ที่ตื่นเต้นเร้าใจ โดยหน้าที่หลักของนิสโมคือ พัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะสำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต และพัฒนา Road Cars หรือรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการนำประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเทคโนโลยีจากสนามแข่ง มาใช้ในการพัฒนาสมรรถนะรถของนิสสันมีความเหนือชั้นขึ้นไปอีก ทั้งด้านการดีไซน์ การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ การควบคุมรถ และสมรรถนะ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถสัมผัสถึงความโดดเด่นและความแตกต่างที่เยี่ยมยอดของรถที่ได้อย่างชัดเจน
          นิสโมยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ก้าวข้ามข้อจำกัด สู่เส้นทางการเป็นนักแข่งรถมืออาชีพทีมนิสโม ภายใต้โครงการ นิสสัน จีที อคาเดมี (Nissan GT Academy) สานฝันเซียนเกม สู่นักแข่งระดับโลก ซึ่ง นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ประกาศยืนยันว่า จะเข้าร่วมโครงการนี้ เป็นปีที่ 3
          ด้าน มร. คะซุทากะ นัมบุ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นิสสันมีแผนที่จะ ทยอยเปิดตัวรถยนต์นิสโม รุ่นต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากรุ่นแรกคือ อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ (Almera Nismo Performance Package ) และ อัลเมรา นิสโม แอโร แพคเกจ (Almera Nismo Aero Package )
          "มั่นใจว่าความสำเร็จของแบรนด์นิสโม จะสร้างความคึกคักให้กับแบรนด์นิสสันในประเทศไทย และจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์นิสสันในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ซึ่งความพิเศษของรถอัลเมรา นิสโม เกิดจากการผสานแรงบันดาลใจ ประสบการณ์ และสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ของทีมวิศวกรที่ออกแบบและพัฒนารถยนต์นิสสัน จีที-อาร์ จนสามารถคว้าชัยชนะจากแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที เป็นความพิเศษสุด ที่เราอยากให้สัมผัส ซึ่งลูกค้าจะรู้สึกถึงความแตกต่างในทันทีที่ ได้เข้าไปนั่งควบคุมอยู่หลังพวงมาลัยรถ"
          สำหรับเหตุผลที่เลือก "นิสสัน อัลเมรา" เป็นรุ่นแรก เนื่องจาก ครองใจลูกค้าชาวไทยมายาวนานในฐานะอีโคคาร์ซีดานอันดับ 1 ที่ประสบความสำเร็จในตลาดอย่างมาก ด้วยยอดขายสะสมปัจจุบันรวมกว่า 130,000 คัน
          ภายในงานฯ นิสสันจัดแสดงยนตรกรรมล้ำสมัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ Innovation that Excites โดยนายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เพื่อฉลองการเปิดตัวแบรนด์นิสโมอย่างเป็นทางการ บริษัทฯ ได้นำ นิสสัน "จีที-อาร์ นิสโม" สุดยอดสมรรถนะสูงของนิสสัน ที่สร้างชื่อเสียงคว้าแชมป์ในเวทีมอเตอร์สปอร์ตโลกมาแล้วหลายรายการ โดยเฉพาะ "ซุปเปอร์ จีที" มาร่วมจัดแสดงด้วย
          นายประพัฒน์ กล่าวเสริม ถึงแผนการสื่อสารทางการตลาดว่า ว่าจะใช้สื่อที่เข้าถึงลูกค้าในรูปแบบต่างๆหลากหลาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'ความเร้าใจที่ไปได้สุด' หรือ 'Performance Unleashed' รวมถึงเพิ่มการรับรู้จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ อาทิ เว็บไซต์นิสโมไทยแลนด์ (nismo.nissan.co.th) ตลอดจนกิจกรรมสำหรับนิสโม พริวิลเลจ เมมเบอร์ (Nismo Privilege Member) อีกมากมาย
          ในงานบางกอก อินเตอร์ เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 นี้ นิสสันยังได้ สร้างความเร้าใจ ด้วยการเปิดตัว นิสสัน จู๊ค คัลเลอร์ สตูดิโอ สปอร์ตครอสโอเวอร์ที่สะท้อนความเป็นตัวเองของผู้ขับขี่ได้อย่างดี โดยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามีความสนุกสนานในการเลือกจับคู่ระหว่างสีภายนอกและสีของอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกและภายใน
          นอกจากนี้ยังนำยนตรกรรมยอดนิยมในทุกเซ็กเมนต์ ของนิสสัน มาให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยในกลุ่มซีดาน นิสสันภูมิใจนำเสนอ นิสสัน ซิลฟี ดีไอจี เทอร์โบ สปอร์ตซีดาน ที่หรู แรงเกินตัว ด้วยพลังที่แรงที่สุดในคลาส ถึง 190 แรงม้า เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และนิสสันเทียน่า ที่สุดของซีดานหรูที่บรรจุเทคโนโลยีล้ำสมัยรอบด้าน
          ส่วนในกลุ่มรถยนต์ SUV นำเสนอ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ที่มาพร้อมเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch system) และกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงหลังจากเปิดตัวเข้าสู่ตลาดเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ด้านกลุ่มรถกระบะ นำเสนอ นิสสัน นาวารา รุ่นสปอร์ตเทค (Sportech) กระบะพันธุ์แกร่ง ที่มีความเท่ล้ำสมัย มีดีไซน์ที่โดดเด่น มาพร้อมชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน ส่วนกลุ่มอีโคคาร์ นำเสนอ นิสสัน มาร์ช อีโคคาร์ยอดนิยมกับออพชันที่เพิ่มเครื่องเล่น DVD เพื่อเสริมความคุ้มค่า ทั้งนี้ นิสสัน ตั้งเป้าที่ได้ส่วนแบ่งการตลาดจากยอดจองในงานประมาณ 10%
          ด้านการส่งเสริมการขาย นิสสันได้จัดโปรโมชั่นด้วยข้อเสนอสุดพิเศษในงานมอเตอร์โชว์ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลายในแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็น เงื่อนไข ดาวน์ต่ำ หรือ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 0% หรือ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี ซึ่งผู้ที่สนใจ ยนตรกรรมจากนิสสัน สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ 213 แห่งทั่วประเทศ สำหรับ นิสสันอัลเมรา นิสโม ทั้ง แอโร แพคเกจ และ เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ สามารถติดต่อที่ ผู้จำหน่ายนิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ อย่างเป็นทางการ (Nismo Certified Dealer) หรือ ไปชมและทดลองขับได้ในงาน หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ Call Center หมายเลข 02 401 9600 หรือที่ www.nissan.co.th

activity on March 24, 2016, 01:22:25 PM
Nissan launches iconic NISMO motorsports brand in Thailand, extending its customer appeal to performance and personalization segments









          Nissan Almera NISMO Performance and Aero Package, available from 22 March
          Legendary GT-R NISMO and full range of Nissan vehicles displayed at the 37th Bangkok International Motor Show
          Nissan Motor (Thailand) Co., Ltd. today underlined its commitment to the Thai market and to Thai motorists' increasingly sophisticated needs with the official launch of the iconic NISMO brand in Thailand, the ultimate essence of Nissan's promise to deliver 'Innovation that Excites. The NISMO launch was highlighted by the unveiling of the Almera NISMO Performance Package and Aero Package at the 37th Bangkok International Motor Show.
          Shoichi Miyatani , President and CEO of Nissan Motorsports International, or NISMO, said that this milestone showcases the ongoing expansion of the NISMO brand globally. "NISMO is Nissan's performance and personalization brand, the ultimate essence of Nissan's promise to deliver 'Innovation that Excites'.
          Established in 1984 as the specialist motorsports arm of Nissan, NISMO has built its reputation in the world of motorsports by delivering excellent results in motor racing series around the world. NISMO won 9 titles worldwide last year, including Super GT GT500, GT300 in Japan and GT3 in Europe, Australia, and the United States. NISMO also landed double victories in GT500 and GT300 at Thailand's Chang International Circuit.
          "These results demonstrate our passion, capability and commitment to create and deliver innovations for high-performance motorsport. NISMO is all about providing outstanding performance and experience for a passionate community of enthusiasts around the world," added Miyatani.
          NISMO models appeal not only to performance seekers but also to high-life seekers. The thrill of driving a NISMO model comes from every aspect of the car. "We are confident that the motorsports- inspired aerodynamics and styling, enhanced handling characteristics and unmatched agility –developed by the same aero design team that worked on the legendary GT-R NISMO -- will appeal to drivers who are looking for an exceptional driving experience. "concluded Miyatani.
          According to Mr. Kazutaka Nambu, President of Nissan Motor (Thailand) Co, Ltd., the Thai market is very important to NISSAN . "The launch of the NISMO brand is proof of Nissan's commitment to making exciting driving experiences accessible to all our Thai customers. We are very confident that our customers will love the NISMO brand and the high performance characteristics of our line-up.
          "The first NISMO products in Thailand are the Nissan ALMERA NISMO Performance Package and the Nissan ALMERA NISMO Aero Package . Nissan ALMERA is the best-selling eco car in Thailand with total sales of over 130,000 units since its launch in 2012. With these two packages many customers will be able to experience the sporty design with NISMO DNA at its core.
          "Inspired and developed by motorsports expertise, the NISMO Performance Packages come with enhanced aerodynamics and suspension to deliver superb handling and road holding. It is the best-handling car in its class and I am confident our customers will enjoy the dynamic feel of NISMO-ness driving in their daily lives.
          "Looking toward the future, Thai customers will also experience the Nissan Motorsports Spirit more as we plan to increase our support of world-class motorsports activities. This year, I am very pleased to announce, we will continue supporting Nissan GT- Academy which turns gamers into real-life racing drivers following the overwhelming success of seasons 1 and 2," added Mr. Nambu.
Nothing better personifies Nissan's global success on the motorsports stage, than the iconic and legendary GT-R NISMO, which will be one of the star attractions at Nissan's stand.
Beside the NISMO launch, Nissan is also demonstrating its commitment to bringing the "Innovation that Excites" to Thailand by displaying product in all segments including:
          Nissan March and Almera , the best-selling Eco cars. March will offer special DVD player to underline value for money
          Nissan X Trail with petrol and Hybrid engines, the best-selling and award-winning SUV,
          Nissan Juke Color Studio , the Sports Crossover which offers even more fun and individuality ,
          Nissan Navara Sportech, guaranteed by the International Pick-Up Of the Year Award and the APEAL award from J.D Power for its well-accepted performance and design
          Nissan Sylphy DIG turbo, the most powerful sports sedan in class with 1.6L engine, 190 hp equivalent to 2.5L engine
          In addition to this impressive model line up, Nissan has invested heavily in expanding and strengthening its after sales service capacity in terms of training, equipment and availability of genuine, value-for-money spare parts and accessories.
          Nissan offers a wide range of special promotional campaigns for each model at the 37th Bangkok International Motor Show at Challenger Hall 1-3 Impact Maung Thong Thani, as well as at Nissan showrooms nationwide, including the lowest 5-percent down payment, free first-class auto insurance, and interest-free financial programs. The promotions start from 22 March until 30 April.
          For the Almera NISMO marketing communications, it will start from March 22 under the 'Performance Unleashed' concept for below the line , above the line and social media activities which customers can access through (nismo.nissan.co.th) and join many activities as Nismo Privilege Member.

activity on March 24, 2016, 01:25:49 PM
จากประสบการณ์และแรงบันดาลใจบนสนามแข่งของแบรนด์นิสโม นิสสันชวนสัมผัสความเร้าใจใหม่ ใน “อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ” ภายใต้คอนเซปต์ ความเร้าใจที่ไปได้สุด









          ภายใต้แนวคิด "นวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ" นิสสันผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก ไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างสรรค์และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สมรรถนะสูง ที่มีความโดดเด่น ล้ำสมัย เพื่อตอบสนองและเติมเต็มให้กับลูกค้าในทุกกลุ่มตลาดอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ สำหรับตลาดในประเทศไทย นอกจากแผนเชิงรุกในการนำเสนอผลิตภัณฑ์รถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีระดับโลก การขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย และการยกระดับคุณภาพมาตรฐานโชว์รูมและศูนย์บริการ อย่างเข้มข้นแล้ว มร. คะซุทากะ นัมบุ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นิสสันยังมีความเคลื่อนไหวที่ตื่นเต้นเร้าใจ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์นิสโม (NISMO) หรือ Nissan Motorsports แบรนด์มอเตอร์สปอร์ตที่สะท้อนขีดสุดแห่งความเหนือชั้นของนิสสัน ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และประสบความสำเร็จต่อเนื่องอย่างดีเยี่ยม
          มร. โชอิชิ มิยาตานิ (Shoichi Miyatani) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์สปอร์ต อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (Nissan Motorsports International Co., Ltd. – NISMO) กล่าวว่าการเปิดตัวแบรนด์นิสโม ครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของแผนการขยายความสำเร็จและความแข็งแกร่งของแบรนด์นิสโมไปทั่วโลก ซึ่งในปี 2558 ที่ผ่านมานิสโมสามารถกวาดชัยชนะได้ถึง 9 รายการในการแข่งขันระดับโลกรวมถึงการแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ที่รถนิสสัน GT-R แสดงสมรรถนะเยี่ยมยอด สามารถคว้าแชมป์ทั้งรุ่น GT 500 และ GT300 ขณะที่ในฤดูกาลแข่งขันประจำปี 2559 นิสสันและนิสโม ยังตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์ในสนามแข่งขันรายการสำคัญๆ อาทิ การคว้าแชมป์ซูเปอร์จีที ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 หรือ ลงแข่งขันเพื่อรักษาตำแหน่งชนะเลิศ ในการแข่งรายการ Blancpain Endurance เป็นปีที่ 2
          สำหรับการทำตลาด แบรนด์นิสโมในประเทศไทย ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 นิสสัน ผู้ผลิตรถยนต์ภายใต้แนวคิด "นวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ" ประเดิมด้วยรถรุ่นยอดนิยมอย่าง "นิสสัน อัลเมรา" ที่ครองใจลูกค้าชาวไทยมายาวนานในฐานะอีโคคาร์ซีดานอันดับ 1 ที่ประสบความสำเร็จในตลาดอย่างสูง ด้วยยอดขายสะสมปัจจุบันรวมกว่า 130,000 คัน โดยมีให้เลือกถึง 2 แพคเกจ คือ เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ (Performance Package) และ แอโร แพคเกจ (Aero Package) พร้อมเตรียมสื่อสารการตลาดผ่านช่องทางต่างๆ และโซเชียลมีเดีย ภายใต้คอนเซปต์ ความเร้าใจที่ไปได้สุด
          นายคะซุทากะ นัมบุ ประธานนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "มั่นใจว่าความสำเร็จของแบรนด์ นิสโม จะสร้างความคึกคักให้กับนิสสันในประเทศไทย และจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์นิสสันในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ความพิเศษและความเร้าใจของ อัลเมรา เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ (Performance Package) และอัลเมรา นิสโมแอโร แพคเกจ (Aero Package) คือเกิดจากการผสานแรงบันดาลใจ ประสบการณ์ ที่สั่งสม และสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งของทีมวิศวกรเดียวกันกับที่ออกแบบและพัฒนารถซูเปอร์คาร์นิสสัน จีที-อาร์ จนสามารถคว้าชัยชนะจากแข่งขันรายการซุปเปอร์จีที ซึ่งนี่คือความพิเศษสุด ที่เราอยากให้ลูกค้าได้สัมผัส เพื่อรับรู้ถึงความโดดเด่น แตกต่าง และความสุดยอดของแบรนด์นิสโม"
          อัลเมรา นิสโม แอโร แพคเกจ (Nismo Aero Package) ติดตั้งรอบคันด้วยชุดแต่งนิสโม แอโรคิท ที่ถ่ายทอดมาจาก ดีเอ็นเอ และเทคโนโลยีการแข่งรถของนิสโม ส่งผลต่อการควบคุม การทรงตัว และการขับขี่ที่ดีขึ้น เนื่องจากแอโรคิท จะช่วยจัดการกับการไหลของอากาศภายนอก ให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของรถดีขึ้น ช่วยเพิ่มแรงกด (Downforce) ทำให้รถยึดเกาะถนนดีขึ้น นอกจากนี้ยัง ชุดนิสโม แอโร แพคเกจ ยังช่วยสร้างสมดุลของตัวรถ จากการปรับให้มีแรงกดในแต่ละด้านที่เหมาะสม มีการถ่ายน้ำหนักลงสู่พื้นถนนในสัดส่วนที่เท่าๆกันเพิ่มมากขึ้นระหว่างด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้การขับขี่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่มั่นใจได้เพิ่มขึ้น
          โดย แอโร แพคเกจ ของอัลเมรา นิสโม มาพร้อมกับรูปแบบและสีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิสโม เติมเต็มความสวยงามและเชื่อมโยงอารมณ์สปอร์ตเต็มขั้นของนิสโมจากชุดแต่งทั้งคันให้กลมกลืน อันประกอบด้วย
          สเกิร์ตหน้า สีเทาแดง ติดตั้งอยู่ใต้กระจังหน้า พร้อมโลโก้ นิสโม
          สเกิร์ตด้านข้างสีเทาแดง ติดตั้งที่ชายล่างด้านข้างตัวรถ
          สเกิร์ตหลังด้านล่าง สีเทา แดงพร้อมโลโก้ นิสโม ติดตั้งบริเวณใต้กันชนหลัง
          สปอยเลอร์หลัง ติดตั้งบนฝากระโปรงท้ายสีเทา
          แถบสีแดงบนฝาครอบกระจกมองข้าง
          สำหรับ อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ (Nismo Performance Package) มาพร้อมกับช่วงล่างพิเศษ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ให้รถมีการทรงตัวที่ดี โดยปรับค่าสปริง และช็อคแอบซอร์เบอร์ ให้เหมาะสม และลดความสูงสำหรับด้านหน้า ด้านหลัง ช่วยลดแรงต้านและแรงยกของลมที่จะมีผลต่อตัวถัง นอกจากนี้ยังเปลี่ยนขนาดล้อและยางใหม่ โดยใช้ล้ออัลลอย 16 นิ้ว เพิ่มขนาดยางจาก 185/65 R15 เป็น 205/50 R16 ช่วยให้มีหน้าสัมผัสเพิ่มและการยึดเกาะถนนดีขึ้น โดยสิ่งที่ได้จากการปรับเปลี่ยนช่วงล่าง ล้อ และยางใหม่ คือประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นในทุกความเร็ว มีความแม่นยำในการควบคุม ซึ่งมีประโยชน์มากกับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ต้องมีการเปลี่ยนช่องทางจราจรไปมาบ่อยครั้ง รวมถึงการเดินทางที่ใช้ความเร็วสูง
          อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ ได้รับการปรับเปลี่ยนท่อไอเสียใหม่ ทั้งด้านการออกแบบภายในให้การไหลเวียนของไอเสียแบบ S-Flow ทำให้ได้เสียงที่สปอร์ต ดุดัน ชัดเจนทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไป ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว หรือจังหวะเร่งแซงก็ตาม เสริมความเร้าใจตลอดการขับขี่ และมีการปรับเปลี่ยนภายนอกโดยใช้วัสดุเป็น สเตนเลส สตีล ที่เงางาม ดูสวยหรูโฉบเฉี่ยว พร้อมกับปั๊มโลโก้ นิสโม เพื่อยืนยันคุณภาพ
          อัลเมรา นิสโม แอโร แพคเกจ และ อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ มุ่งตอบสนองลูกค้าที่มองหาสีสันใหม่ให้กับชีวิต เพิ่มเติมจากปัจจัยสี่ที่มีอยู่แล้ว หรือเรียกว่า High-life seeker โดยมีให้เลือก 3 สีคือ ขาว เงิน และ ดำ โดยมีราคาและพร้อมจำหน่ายแล้วดังนี้
          Nissan Almera Nismo Aero Package E CVT 538,000 บาท
          Nissan Almera Nismo Aero Package EL CVT 579,000 บาท
          Nissan Almera Nismo Aero Package VL CVT 655,000 บาท
          สำหรับ อัลเมรา นิสโม เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพคเกจ จะมีราคาเพิ่มจากรุ่น แอโร แพคเกจ 96,000 บาท (ทั้งนี้เป็น Dealer Option ไม่รวมค่าแรงในการติดตั้ง) โดยมีบริการติดตั้งและจำหน่ายเฉพาะที่ผู้จำหน่ายนิสโมเพอร์ฟอร์แมนซ์ อย่างเป็นทางการ (Nismo Certified Dealer) จำนวน 31 แห่ง ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของนิสสัน และ ที่ Call Center 02 401 9600

activity on March 24, 2016, 01:27:08 PM
มาสด้ายกทัพรถใหม่สกายแอคทีฟบุกงานมอเตอร์โชว์



          มาสด้าพร้อมนำรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟบุกงานมอเตอร์โชว์พร้อมกันครบทุกรุ่น เพื่อดึงลูกค้าเข้าชมภายในบูธ โดยในปีนี้มาสด้าจัดเต็มกว่าในทุกๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวครบทุกเซ็กเม้นต์ รวมทั้งยังจับเอามาสด้า CX-3 มาตกแต่งพิเศษให้ลูกค้าได้ชมเป็นครั้งแรก คาดว่างานในปีนี้จะมีประชาชนหลั่งไหลจากทั่วทุกสารทิศเข้ามาชมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงเทคโนโลยีแห่งอนาคต คาดว่าจะส่งผลให้ยอดจองรถยนต์มาสด้าในงานนี้ทะลุเกิน 4,000 คัน
          นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานมอเตอร์โชว์ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดรถยนต์ในทุกๆ ปี เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะทำการจองซื้อรถใหม่มาตั้งแต่ช่วงปลายปี และเริ่มทยอยส่งมอบยาวมาจนถึงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนแรกของทุกปี ตลาดรถยนต์จะมียอดขายที่ไม่สูงมาก แต่เมื่อมาถึงช่วงเวลาของการจัดงานมอเตอร์โชว์ตลาดก็จะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมทั้งบริษัทรถยนต์ต่างก็เตรียมรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด รวมทั้งแคมเปญส่งเสริมการขาย ซึ่งถือว่าช่วงนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างดุเดือด ทำให้ตลาดรถยนต์เริ่มกลับมามีสีสันอีกครั้ง
          สำหรับงานในปีนี้มาสด้านำเอาขุนพลภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟมากันครบทุกรุ่น เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขที่สะดวกสบาย เริ่มจากรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ New Mazda CX-5 สกายแอคทีฟใหม่ กอดคอมากับน้องใหม่อย่าง All New Mazda CX-3 ที่กำลังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย รวมทั้งการกลับอย่างยิ่งใหญ่ของสปอร์ตโรดสเตอร์ที่ไม่มีวันตายของรถสปอร์ตเปิดประทุน 2 ที่นั่ง All New Mazda MX-5 เจ้าตำนานความสนุกสนานในการขับขี่ ตามมาด้วยรถยนต์นั่งสปอร์ตคอมแพคคาร์ All New Mazda3 และรถยนต์นั่งซับคอมแพ็คคาร์ All New Mazda2 รวมทั้งรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร นอกจากนี้มาสด้ายังเอาใจคอรถสปอร์ตที่อยากเห็นความงดงามจากการตกแต่งพิเศษ ดังนั้นมาสด้าจึงจับเอารถสปอร์ตครอสโอเวอร์ มาสด้า CX-3 ใหม่มาตกแต่งพิเศษให้ลูกค้าได้ยลโฉมเป็นครั้งแรก
          สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ มาสด้ากำลังจะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเพียงรายเดียว ที่กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ไว้ให้โลกต้องจารึก นั่นคือ รถยนต์มาสด้าในเจนเนอเรชั่นที่ 6 ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบภายใต้โคโดะ ดีไซน์ Soul of Motion ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายกว่า 3,000,0000 ล้านคันทั่วโลก กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับชาวญี่ปุ่นและชาวเอเชีย ด้วยการคว้ารางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมอันทรงเกียรติต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะมาสด้า CX-5 มาสด้า2 และมาสด้า MX-5 ได้คว้ารางวัลชนะเลิศ Japan Car of the Year ในปี 2012-2013, 2014-2015, 2015-2016 และมาสด้า3 เข้ารอบสุดท้ายติดหนึ่งใน 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก World Car of the Year 2014 และในครั้งนี้ มาสด้า MX-5 ก็เข้ารอบสุดท้ายติด 1 ใน 3 ที่จะคว้ารถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก World Car of the Year 2016 นอกจากนี้ มาสด้า MX-5 และมาสด้า CX-3 ยังเข้าไปติด 1 ใน 3 ของ World Car Design of the Year 2016 อีกหนึ่งรางวัล หลังจากที่มาสด้า CX-3 เคยประสบความสำเร็จคว้ารางวัลการออกแบบ Best Design จากประเทศเยอรมนีมาแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวมาสด้าที่สามารถสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะและความสวยงามให้คนทั่วโลกและชาวไทยได้เป็นเจ้าของอย่างภาคภูมิใจ
          นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย กล่าวว่า งานมอเตอร์โชว์จะสร้างการจับจ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้มาสด้ามั่นใจว่าจะได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจเลือกให้รถยนต์มาสด้าเป็นมากกว่ายานพาหนะ ตั้งเป้ายอดจองภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 นี้อยู่ที่ 4,000 คัน และเพื่อขอบคุณ 50,000 ความไว้วางใจในยนตรกรรมสกายแอคทีฟของมาสด้า "SKYACTIV CELEBRATION" รับข้อเสนอสำหรับลูกค้าที่จองรถมาสด้าภายในงาน สำหรับมาสด้า2 มาสด้า3 มาสด้า CX-3 และมาสด้า CX-5 รับฟรีประกันภัยชั้น1 พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา Mazda Care นาน 3 ปี มาสด้า MX-5 รับฟรีประกันภัยชั้น1 พร้อมรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี ส่วนมาสด้า บีที-50 โปร ลูกค้าที่นำรถคันเก่ามาแลกรับรถใหม่รับเงินเพิ่มสูงสุด 50,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองภายในงานจะได้รับกระเป๋าเดินทางสุดหรู หรือนาฬิกาสุดเท่ลิขสิทธิ์แท้จากมาสด้า

activity on March 24, 2016, 01:27:43 PM
Mazda assembles SKYACTIV team for Motor Show



           Mazda is ready to launch a full range of new SKYACTIV models at the 37th Bangkok International Motor Show. Mazda's participation at the Bangkok Motor Show is significant this year as there are new SKYACTIV models offered in every segment, and this is also the first time that the all-new CX-3 is being exhibited in dress-up form. Large crowds are expected to flock this year's show to see the latest vehicles and automotive technologies, and Mazda expects to receive more than 4,000 orders during the event.
          Mr. Hidesuke Takesue, President of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said the Bangkok Motor Show serves as a turning point for the automobile market every year. "Customers usually place orders for new vehicles during the end of the year, and deliveries last until January, causing low sales for the auto market during the first two months of the year. The Bangkok Motor Show is the first event of the year that revives the auto market, and automobile companies all prepare new models to be launched along with sales campaigns. This is a period with extremely high market competition and helps the market to become lively again," he said.
          This year, Mazda is offering a full line-up of SKYACTIV models with attractive sales promotions. They include the new Mazda CX-5 SKYACTIV that has just been introduced and the all-new Mazda CX-3 that has been enjoying strong popularity among Thai buyers, as well as the all-new Mazda MX-5 roadster, all-new Mazda3, all-new Mazda2 and BT-50 PRO pickup. In addition, Mazda is also exhibiting a customized Mazda CX-3 for those who want to see a special version from Mazda.
          Most importantly, Mazda is the only Japanese manufacturer that is creating history by winning various awards from around the world through its 6th generation models with SKYACTIV technology and KODO design. With sales of over 3 million units globally, Mazda is also gaining fame for Japan and Asia, with the CX-5, Mazda2 an MX-5 winning the Japan Car of the Year titles in 2012-13, 2014-2015 and 2015-2016. Meanwhile, the Mazda3 was the top 3 in the World Car of the Year 2014 and the MX-5 is also a finalist in the World Car of the Year 2016. The MX-5 and CX-3 also entered the last 3 of the World Car Design of the Year 2016, after the CX-3 previously won the Best Design award from Germany. This is the pride for the Mazda people who are able to create engineering with exceptional performance and beauty for customers around the world.
          Mr. Thee Permpongpanth, Marketing Director of Mazda Sales (Thailand) Co. Ltd., said the Bangkok Motor Show will help stimulate consumer spending and Mazda is confident that it will be one of the chosen brands by car buyers, with a sales target of 4,000 units. "In order to thank more than 50,000 customers that has given their trust in Mazda SKYACTIV vehicles last year, we will be offering the 'SKYACTIV CELEBRATION' campaign for those who place orders for Mazda vehicles at the Bangkok Motor Show. Mazda2, Mazda3, Mazda CX-3 and Mazda CX-5 customers get free first-class insurance and 3-year Mazda Care maintenance, while MX-5 customers get free first-class insurance and 5-year warranty, and Mazda BT-50 PRO customers receive Bt50,000 extra value for trade-ins. All customers who place orders at the Show will also get an elegant travel suitcase or cool licensed Mazda watch," he said.