เรื่องย่อ: Asian Hit Series Hot "ถึงร้ายก็รัก"
ออกอากาศ Asian Hit Series Hot วันเสาร์ เวลา 23.00 – 00.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่ม 31 ต.ค. 52
นำแสดงโดย เฮ่อจินเสียง หวังฉวนอี หยางเฉิงหลิน เหอหม่าหลิน
เจินเส้าจง เจิงซานอี้ ฝาเว่ยหยู ฝานเสี้ยวฟ่าน
จู่โจม
ความสุขไม่เคยเป็นของฉัน ฉันจึงต้องอธิษฐานขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น...
ฉีเยี่ยนำจดหมายรักที่อดหลับอดนอนเขียนตลอดทั้งคืน พร้อมด้วยฉิงจื่อและเสียวไฉ่เพื่อนรักพากันไปดักรอซ่างหยวนอีที่ถนนที่ใช้เป็นทางผ่านเป็นประจำ
“ลุย...ฉีเยี่ย ! กระโจนสู่อ้อมกอดซ่างหยวนอีเลย !” จื่อฉิงผลักฉีเยี่ยเข้าหาซ่างหยวนอี
ฉีเยี่ยซึ่งถือจดหมายรักอยู่ในมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปกลับพบว่าชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ชายในฝันของเธอ แต่กลับเป็นเจียงเหมิ่งนักศึกษาใหม่คณะศิลปศาสตร์...นักศึกษาเจ้าปัญหาของมหาวิทยาลัย
เจียงเหมิ่งใช้สายตาจิกฉีเยี่ยจนเธอต้องผละออกไป ฉีเยี่ยลนลานจนลืมมอบจดหมายรักให้เจียงเหมิ่ง กระทั่งวันรุ่งขึ้นเจียเหมิ่งก็ปรากฏตัวพร้อมจดหมายรักโดยนำจดหมายรักข่มขู่ฉี่เยี่ย...
“เป็นคนของฉัน” เพื่อแลกกับการที่จดหมายรักไม่ถูกเผยแพร่ออกไป ฉีเยี่ยไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของเจียงเหมิ่ง
ฉีเยี่ยไม่เพียงถูกบีบบังคับให้จดบันทึกบทเรียนให้เจียเหมิ่งเท่านั้น หลังจากเลิกเรียนแล้วก็ต้องหาซื้อน้ำ พัดให้เมื่ออากาศร้อน ช่วยถือกระเป๋าหนังสือ.....รับใช้จิปาถะ ทุกครั้งที่เจียเหมิ่งสั่นกระดิ่ง ฉีเยี่ยจะต้องถึงตัวเจียเหมิ่งทันที แต่แล้วฝันร้ายที่ฉีเยี่ยหวาดกลัวที่สุดก็ไม่ละเว้นเธอ ในที่สุดจดหมายรักก็ถูกเผยแพร่ออกมา แม้ว่าซ่างหยวนอีไม่ได้มีท่าทีเหินห่างต่อฉีเยี่ยก็ตาม แต่ฉีเยี่ยกลับทนไม่ได้ที่ต้องอยู่ใต้อาณัติของเจียงเหมิ่ง
“ความรู้สึกของคน ไม่สามารถถูกใครบีบบังคับได้ตามอำเภอใจ” นับเป็นครั้งแรกที่ฉีเยี่ยรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับมารร้ายเช่นเจียงเหมิ่ง
“สิ่งใดก็ตามที่ฉันอยากได้ก็ต้องได้ เธอน่าจะรู้ดีที่สุด”
ไม่ได้เป็นโรคจิต ไม่ได้บีบบังคับข่มขู่ คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเจียงเหมิ่ง ทำให้ฉีเยี่ยซึมเลยทีเดียว
เมื่อกลับถึงบ้าน เสี่ยเวยแม่ของฉีเยี่ยบอกฉีเยี่ยด้วยความตื่นเต้นว่าเจ้าบ่าวที่แม่จะแต่งงานใหม่เป็นหัวหน้าฝ่ายธุรการของมหาวิทยาลัยที่ฉีเยี่ยศึกษาอยู่ วันนี้ลูกชายว่าที่เจ้าบ่าวจะมาทานอาหารที่บ้านของเรา และแล้วฉีเยี่ยก็พบว่าลูกชายของว่าที่เจ้าบ่าวนั้นคือเจียงเหมิ่งมารร้ายซึ่งเธอต้องการสลัดหลุดให้ได้
นี่เป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน ถ้าหากนี่เป็นฝันร้ายจริงก็ขอให้ฉันตื่นจากฝันร้ายโดยเร็วด้วยเถิด
ช่วงชิง
ฉันเคยพูดว่าสิ่งใดก็ตามที่ฉันอยากได้ก็ต้องได้
เจียงเหมิ่งซึ่งมีความอัจฉริยะทางด้านกีฬาได้ตัดสินใจเข้าร่วมชมรมบาสเกตบอลตามคำเชิญของซ่างหยวนอีโดยมีข้อแม้ว่าฉีเยี่ยจะต้องเป็นผู้จัดการส่วนตัวของตนเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันนี้เอง แฟนคลับที่เหนียวแน่นของเจียงเหมิ่งก็ได้แสดงตัวออกมาโดยยอมรับว่าเธอเป็นคนนำจดหมายรักไปปิดประกาศเอง ด้วยความที่ฉีเยี่ยรู้สึกผิดจึงตัดสินใจไปขอโทษเจียงเหมิ่ง นึกไม่ถึงว่าเจียงเหมิ่งกลับฉวยโอกาสนี้ดึงฉีเยี่ยเข้ามาจูบ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือซ่างหยวนอีได้ผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี ถึงแม้ว่าซ่างหยวนอีแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม แต่คนรอบข้างกลับสังเกตเห็นซ่างหยวนอีซึ่งเป็นคนเล็งผลเลิศนั้นมักจะใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉีเยี่ยไม่กล้าเข้าชมรมบาสเกตบอล ด้วยไม่รู้จะเผชิญหน้ากับซ่างหยวนอีอย่างไรดี
ซ่างหยวนอีและฉีเยี่ยต่างหลบหน้ากันและกัน ฉิงจื่อสุดที่จะทนต่อไปได้จึงตัดสินใจไปเจรจากับซ่างหยวนอี นับเป็นครั้งแรกที่ฉิงจื่อพบเห็นซ่างหยวนอีบันดาลโทสะ ทำให้หมดศรัทธาซ่างหยวนอีเลยทีเดียว
ภายในห้องข้อมูล ฉีเยี่ยและซ่างหยวนอีมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ซ่างหยวนอีปิดประตูลงกลอนเพื่อพูดคุยเป็นส่วนตัวกับฉีเยี่ย
“คนดีก็เหนื่อยล้าเป็น” เมื่อเห็นใบหน้าของซ่างหยวนอีชิดเข้ามาก็ทำให้ฉีเยี่ยพลันหวนนึกถึงใบหน้าอันชั่วร้ายของเจียงเหมิ่งขึ้นมา
“ไม่” ฉีเยี่ยเบี่ยงตัวหลบซ่างหยวนอี ที่แท้ฉีเยี่ยพบว่าเธอหลงรักเจียงเหมิ่งมารร้ายเข้าเสียแล้ว
การปรากฏตัวของเจียงเหมิ่ง ทำให้ซ่างหยวนอีต้องจากไป แต่ศึกครั้งนี้ใช่ว่าจะยุติกันง่ายๆ
วิกฤต
“คนรักอยู่ข้างกาย โลกนี้มีความสุขใดเทียบเทียม”
เมื่อเห็นความสัมพันธ์ของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยดีวันดีคืน ในที่สุดซินลี่เซียงก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างขึ้นมา
เพื่อทำลายความสัมพันธ์อันดีของเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ย ซินลี่เซียงได้วางแผนให้ร้ายฉีเยี่ย ทำให้เจียงเหมิ่งเข้าใจผิดฉีเยี่ยอย่างรุนแรง คนเดียวที่ช่วยแก้ไขวิกฤตนี้ได้มีเพียงซ่างหยวนอีเท่านั้น แต่เมื่อเห็นเจียงเหมิ่ง กลับก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เมื่อเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยเลวร้ายลง ซินลี่เซียงจึงฉวยโอกาสนี้เข้าหาเจียงเหมิ่งเพื่อแทนที่ฉีเยี่ย ถึงกระนั้นก็ตามแม้ว่าฉีเยี่ยไม่ได้อยู่ข้างกายเจียงเหมิ่ง แต่เจียงเหมิ่งก็ยังคงมีท่าทีเย็นชา ต่อซินลี่เซียงเช่นเดิม เจียงเหมิ่งบอกซินลี่เซียงว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นได้เพียงเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันเท่านั้น หยางผิงรับรู้ถึงความหดหู่สิ้นหวังของซินลี่เซียงเป็นอย่างดี จึงปลอบประโลมให้เธอคลายเศร้า
เพื่อให้ฉีเยี่ยไปจากเจียงเหมิ่งอย่างถาวร ซินลี่เซียงจึงตัดสินใจเสี้ยมหยางผิงซึ่งหลงรักเธอจนหัวปักหัวปำ ให้ร้ายฉีเยี่ย แต่แล้วซินลี่เซียงก็เปลี่ยนใจกลางคันด้วยการบอกให้เจียงเหมิ่งไปช่วยฉีเยี่ยโดยเร็ว
ในช่วงวิกฤตนั่นเอง แม้ว่าเจียงเหมิ่งสามารถช่วยฉีเยี่ยไว้ได้ แต่มิตรภาพระหว่างเจียงเหมิ่งและหยางผิงก็ต้องพังทลายลง ฉีเยี่ยตอบโต้หยางผิงและซินลี่เซียง ในที่สุดซินลี่เซียงก็ยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อซินลี่เซียงเห็นหยางผิงได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ ทำให้เธอตระหนักแล้วว่าหยางผิงเป็นองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเธอ ไม่มีวันทอดทิ้งไปจากเธอ
หลุมพราง
ความหวาดระแวงสงสัย ความไม่สบายใจ ความรู้สึกผิด เป็นความรู้สึกที่ต้องลืมทั้งหมด
หยวนชวนย่างนักศึกษาชั้นปีหนึ่งคณะสารสนเทศตามจีบฉีเยี่ย รูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามของหยวนชวนย่างทำให้ฉีเยี่ยเข้าใจผิดคิดว่าหยวนชวนย่างเป็นผู้หญิง แต่ชายหนุ่มรูปงามกลับหอบความแค้นเอาไว้โดยหมายทำลายความสุขของเจียงเหมิ่ง
ความจริงแล้วหยวนชวนย่างต้องการได้รับความเอาใจใส่จากพี่ชายจึงได้แฝงตัวอยู่ภายใต้เงาเจียงเหมิ่งมาโดยตลอด ส่วนเจียงเหมิ่งนั้นในวัยเยาว์เนื่องจากแม่เอาใจใส่ดูแลหยวนชวนย่างซึ่งมีสุขภาพอ่อนแอ ทำให้เจียงเหมิ่งถูกทอดทิ้งไม่ได้เหลียวแลเท่าที่ควร ด้วยความที่เจียงเหมิ่งเกิดความอิจฉาน้องชาย เจียงเหมิ่งจึงผลักรถเข็นซึ่งหยวนชวนย่างนั่งอยู่ลงบันไดจนมีความรู้สึกผิดเท่าทุกวันนี้ สืบเนื่องจากการที่พ่อแม่แยกทางกัน ทำให้พี่น้องไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยซึ่งความผิดทั้งหมดนี้ทุกคนต่างพุ่งเป้าไปที่เจียงเหมิ่ง แม้ว่าเจียงเหมิ่งเป็นลูกชายของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่วิกฤตครั้งนี้ทำให้เจียงเหมิ่งอาจถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว งานนิทรรศการเสื้อผ้าซึ่งจะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้กำลังจะมาถึง เจียงเหมิ่งก้มหน้าก้มตาตระเตรียมงานโดยไม่คำนึงถึงเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับตนแม้แต่น้อย นึกไม่ถึงว่าผลงานของเพื่อน ๆ กลับถูกทำลายลง มีเพียงผลงานของเจียงเหมิ่งเท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหาย
สิ่งที่ทำให้เจียงเหมิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟคือคนร้ายที่ก่อเรื่องก่อราวขึ้นมา คือหยวนชวนย่างน้องชายซึ่งตนหลบเลี่ยงมาโดยตลอด ฉีเยี่ยเห็นเจียงเหมิ่งและหยวนชวนย่างสองพี่น้องกินแหนงแคลงใจกันด้วยเรื่องในวัยเยาว์ เพื่อให้สองพี่น้องปรับความเข้าใจคืนดีกันได้ ฉีเยี่ยจึงตัดสินใจเป็นคนกลางเชื่อมความสัมพันธ์ให้สองพี่น้อง
งานนิทรรศการเสื้อผ้าเริ่มต้นขึ้น ฉีเยี่ยท้องเสียจึงไม่สามารถขึ้นเวทีได้ หยวนชวนย่างสวมใส่เสื้อผ้าที่เจียงเหมิ่งออกแบบเดินขึ้นเวที การแสดงของหยวนชวนย่างได้รับคำชมเชยเป็นอันมากจึงนับเป็นครั้งแรกที่เจียงเหมิ่งไม่ตกอยู่ภายใต้เงาของเจียงเหมิ่งอีกต่อไป ทำให้หยวนชวนย่างเป็นที่จับตามองเป็นที่สนอกสนใจจากผู้คน ในที่สุดความกินแหนงแคลงใจของสองพี่น้องก็สูญสลายไป
อุปสรรค
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สภาพแวดล้อมใหม่ แล้วพวกเราก็พบกัน
เถียนซือเซิ่นคนรักเก่าของฉีเยี่ยกลับมาที่มหาวิทยาลัย ที่เป็นเช่นนี้นั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากแม่ของฉีเยี่ยนั่นเอง
เถียนซือเซิ่นเคยเป็นลูกศิษย์ของพ่อฉีเยี่ยมาก่อน ทั้งยังเคยเป็นอาจารย์พิเศษของฉีเยี่ยในวัยเยาว์อีกด้วย ฉีเยี่ยหลงรักและมีความศรัทธาเถียนซือเซิ่นพี่ชายที่มีความสุภาพเรียบร้อยเป็นอันมาก กระทั่งพ่อของฉีเยี่ยเสียชีวิต เถียนซือเซิ่นก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับบ้านสกุลฉีเรื่อยมา เมื่อเถียนซือเซิ่นได้รับใบประกอบวิชาชีพเพื่อเป็นอาจารย์แล้ว กอปรกับได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของฉีเยี่ย ทำให้เถียนซือเซิ่นได้รับหนังสือเชิญจากเจียงโหย่วฮุยจึงได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ฉีเยี่ยศึกษาอยู่
แม้ว่าเจียงเหมิ่งดูเหมือนเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่ความจริงแล้วคุณย่าเจียงเป็นคนหนึ่งที่ให้การสนับสนุนเจียงเหมิ่งเรื่อยมา คุณย่าเจียงเป็นธุระจัดการให้ฟ่านเจียงหลิงซึ่งมีสัญญาผูกพันมาตั้งแต่เกิดให้เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเจียงเหมิ่งนั้นเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเจียงเหมิ่ง การที่คุณย่าเจียงทำเช่นนี้นั้นเพื่อเปิดโอกาสให้เจียงเหมิ่งและฟ่านเจียงหลิงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน
กระสุนทั้งสองนัดนี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเหมิ่งและฉีเยี่ยเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เริ่มต้นที่เจียงเหมิ่ง หลังจากที่เลิกเรียนแล้ว เจียงเหมิ่งก็ต้องไปส่งฟ่านเจียงหลิงกลับบ้าน ส่วนฉีเยี่ยนั้น จากคำรบเร้าของแม่ ฉีเยี่ยก็ต้องไปเรียนวิชาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจากเถียนซือเซิ่น
เจียงเหมิ่งเห็นเถียนซือเซิ่นและฉีเยี่ยอยู่ตามลำพังด้วยกันทุกวัน ด้วยความที่เจียงเหมิ่งทนไม่ได้จึงได้แสดงความไม่พอใจออกมา เจียงเหมิ่งไม่เพียงจงใจมีท่าทีเย็นชาต่อฉีเยี่ยเท่านั้น ทั้งยังแสดงท่าทีสนิทสนมกับฟ่านเจียงหลิงอีกด้วย แม้ว่าเจียงเหมิ่งไม่ได้มีใจฟ่านเจียงหลิงแม้แต่น้อย แต่กลับสร้างความหวาดหวั่นให้ฉีเยี่ยเป็นอันมาก แน่นอนว่าความรู้สึกเช่นนี้ย่อมปรากฏออกมาบนใบหน้า และแล้วเถียนซือเซิ่นก็พบความผิดปกติที่เกิดขึ้นเยี่ย อีกด้านหนึ่งนั้น ฟ่านเจียงหลิงก็พบว่าทั้งที่เธอหลงรักเจียงเหมิ่ง แต่เธอก็ไม่สามารถทำลายกำแพงความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนเป็นคนอื่นต่อกันลงได้
ดิ้นรน
พวกเราพบกันเพื่อมีความสุขด้วยกัน
การช่วยเหลือหญิงอื่นให้สมหวังในความรักกับชายที่รักถือว่าเป็นความเจ็บปวดและขมขื่น ในที่สุดซินลี่เซียงก็นัดหมายฟ่านเจียงหลิงอออกมาพบเพื่อพูดคุยทำความตกลงกัน ซินลี่เซียงบอกฟ่านเจียงหลิงด้วยน้ำตาว่าเจียงเหมิ่งมีหญิงในดวงใจอยู่ก่อนแล้ว ฟ่านเจียงหลิงหันหลังกลับเดินทางจากไป นึกไม่ถึงว่ากลับชนเข้ากับเถียนซือเซิ่น เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของเถียนซือเซิ่น ฟ่านเจียงหลิงก็รีบปาดน้ำตาทิ้งโดยตัดสินใจว่านับแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะค้นหาความสุขที่แท้จริงที่เป็นของเธอเอง
แม่ฉีเยี่ยและคุณย่าเจียงก็พูดคุยทำความตกลงกันว่าจะจัดงานแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งต้องสิ้นสุดลง ในใจของฉีเยี่ยคิดต่อต้านจึงได้ตัดสินใจเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอและเจียงเหมิ่งให้แม่รู้
หลังจากที่ฉีเยี่ยเปิดเผยเรื่องราวของเธอและเจียงเหมิ่งให้แม่รู้แล้ว แม่กลับมีท่าทีที่เยือกเย็นโดยบอกฉีเยี่ยว่าเพื่อความสุขของลูกแล้ว แม่ตัดสินใจแยกทางกับเจียงโหย่วฮุย เมื่อเจียงโหย่วฮุยรู้เรื่องนี้ก็ยากที่ทำใจยอมรับความจริงถึงกับรีบรุดไปที่บ้านสกุลฉีทันที แม่ของฉีเยี่ยเป็นลมหมดสติถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ภายนอกห้องพักคนไข้ เจียงเหมิ่งขอแยกทางกับฉีเยี่ยเพื่อความสุขของพ่อแม่ ในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจไปจากบ้าน นึกไม่ถึงเจียงโหย่วฮุย(พ่อเจียงเหมิ่ง)กลับขัดขวางโดยเห็นว่าการที่ตนและเสี่ยเวย(แม่ฉีเยี่ย)จะแต่งงานกันนั้นก็เพื่อความสุขของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่งเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เจียงโหย่วฮุยไม่เพียงไม่คัดค้านการคบหากันของฉีเยี่ยและเจียงเหมิ่ง ทั้งยังให้กำลังใจคนทั้งสองแสวงหาความสุขที่ต้องการอีกด้วย
ใคร่ครวญ
อนาคตของฉันจะต้องมีเธอ
ความสุขก่อตัวเป็นรูปร่าง แต่แล้วหยวนเหม่ยจินแม่เจียงเหมิ่งก็ตัดสินใจพาหยวนชวนย่างย้ายไปอยู่ที่อิตาลี แม่หวังว่าเจียงเหมิ่งจะร่วมเดินทางไปด้วย แม้ว่าเจียงเหมิ่งปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ความรู้สึกโหยหาแม่ของเจียงเหมิ่งกลับไม่สามารถรอดพ้นสายตาของฉีเยี่ยไปได้
เพื่อชดเชยความสัมพันธ์แม่ลูกที่สูญเสียไปในวัยเยาว์และเพื่อให้ได้เป็นนักออกแบบที่โด่งดัง ในที่สุดเจียงเหมิ่งก็ตัดสินใจติดตามแม่เดินทางไปอิตาลี หลังจากที่ฉีเยี่ยรับรู้ถึงการตัดสินใจของเจียงเหมิ่งแล้วก็รู้สึกหดหู่ด้วยไม่สามารถทำใจยอมรับความจริงได้ เพื่อแก้ความทุกข์ฉีเยี่ยจึงไปร้องเพลงกับเพื่อนๆ ฉีเยี่ยดื่มเหล้าเมามาย ต่อมาก็ได้พบกับเจียงเหมิ่งเข้าโดยบังเอิญ ในเวลานี้เอง ฉีเยี่ยก็ระเบิดความในใจออกมาให้เจียงเหมิ่งรับรู้ จากนั้นก็จากไป เจียงเหมิ่งรั้งฉีเยี่ยไว้โดยบอกฉีเยี่ยว่า “ชั่วชีวิตนี้ฉันรักเธอเพียง คนเดียว” ประโยคนี้ทำให้ฉีเยี่ยตื้นตันใจจนวางใจลงได้
ในที่สุดเจียงเหมิ่งก็เดินทางไปอิตาลี ส่วนฉีเยี่ยต่อสู้ใช้ชีวิตในญี่ปุ่น แต่ความรักที่แนบแน่นก็ข้ามพ้นระยะทางที่ไกลกัน 5 ปีผ่านไป สำเร็จการศึกษากลับมา ความรักซึ่งเต็มไปด้วยอุปสรรค หลังจากที่ใคร่ครวญเป็นอย่างดีแล้วจะลงเอยอย่างสวยงามหรือไม่