KTAM ขายตราสารหนี้ทั้งใน-ตปท.ชู 6 เดือนยิลด์ 2.45%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศที่กำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องในทุกสัปดาห์ เพื่อรองรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงต่ำ และรักษาฐานลูกค้ารายเดิมที่มีกองทุนครบอายุ เพื่อลงทุนต่อเนื่อง หากไม่มีความจำเป็นต้องการใช้เงิน และเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อคผลตอบแทนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจผันผวน
ในสัปดาห์นี้บริษัทเปิดจำหน่ายอีก 2 กองทุน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 28 เมษายน 2558 โดยแต่ละกองทุน มีความแตกต่างกันที่นโยบายการลงทุน อายุโครงการ และเงินลงทุนเริ่มต้น โดยกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 10 (KTFFE 10 ) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ตั้งแต่ 500,000 บาท ขึ้นไป อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ทั้ง100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยกองทุนจะลงทุน ประเภทเงินฝาก ประจำ Akbank T.A.S, เงินฝากประจำ China Construction Bank , MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. , MTN ออกโดย Banco ABC (Brazil ) และ MTN ออกโดย Turkiye IS Bankasi A.S.ผลตอบแทนประมาณ 2.45% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 65 (KTFF 65) อายุโครงการ 3 เดือนเน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ China Construction Bank , เงินฝากประจำ Bank of China , MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของ บมจ. บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปี เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาทโดยทั้ง2 กองทุน ผลตอบแทนที่ได้รับบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการลงทุนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นวันหยุดยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิจำนวน 5,108 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาได้แก่ การตอบรับของตลาดต่อ Bond Supply ที่ในสัปดาห์นี้จะมีการประมูลทั้งตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี (LB21DA) และอายุ 22 ปี (LBA37DA) รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีการประชุมในช่วงปลายเดือน
ส่วนตลาดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.26 - 32.53 บาทต่อดอลลาร์ฯสหรัฐ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาโดยรวมปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน จากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาไม่ดีรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2558 ของจีน และกระแส Risk off รอบใหม่ฝั่งหุ้นจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดและความต้องการถือพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางการปรับตัวลดลงของหุ้น จากความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของกรีซ โดยสุรปอัตราผลตอบแทนสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -6 bps. มาอยู่ที่ 0.51% ต่อปี อายุ 5 ปี ปรับตัวลดลง -10 bps. มาอยู่ที่ 1.31% ต่อปี และอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -9 bps. มาอยู่ที่ 1.87% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามองได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ที่จะมีการประชุมในช่วงปลายเดือน