ชื่อภาพยนตร์ LUCY
ชื่อไทย ลูซี่ สวยพิฆาต
วันที่เข้าฉาย 28 สิงหาคม 2557
จัดจำหน่าย บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)
เธอคือผู้หญิงธรรมดา
ผู้ที่ได้รับพลังพิเศษโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อกำเนิดเป็นพลังพิฆาต เพื่อปราบคนชั่วให้สิ้นซาก
ความสวยที่อาจทำให้คุณถึงตาย
สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน เป็น ลูซี่ สวยพิฆาต
เข้าฉาย 28 สิงหาคมนี้ในโรงภาพยนตร์
ลูซี่ (โจแฮนส์สัน) นักศึกษาสาวไร้ภาระผู้ใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวัน แต่แล้วเธอกลับโดนแฟนหนุ่มหลอกให้เป็นคนถือกระเป๋าไปส่งให้กับคู่ค้าธุรกิจ แต่ก่อนที่ลูซี่จะทันมองเกมออกว่าเธอโดนหลอกให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องอะไร ลูซี่โดนมิสเตอร์จาง (ชอยมินซิก จาก Oldboy, Lady Vengeance) ผู้เหี้ยมโหดจับตัวไปเป็นตัวประกัน และเมื่อลูกน้องสุดชั่วของมิสเตอร์จาง ใส่สารสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์รุนแรงเข้าไปในตัวของ ลูซี่ ซึ่งเป็นสารที่สามารถฆ่าเธอได้ถ้าหากมันรั่วไหลจากสิ่งที่บรรจุมันเอาไว้ ความหวาดกลัวของลูซี่กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง ลูซี่พร้อมเหยื่ออีกหลายราย ถูกส่งตัวไปที่สนามบินเพื่อให้พวกเธอบินข้ามโลกไปพร้อมกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงในตัว แต่เมื่อสารเคมีดังกล่าวเกิดรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ และร่างกายของลูซี่ดูดซึมสารเข้าไป ร่างกายของเธอเริ่มแสดงปฏิกิริยาในแบบที่คาดไม่ถึง ความสามารถในการทำงานของสมองถูกปลดล็อคเข้าสู่ระดับที่น่าตื่นตะหนก ขณะที่ ลูซี่ พยายามทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นทั้งกับสภาพจิตใจและร่างกายของเธอ ลูซี่เริ่มสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย ไม่ว่าจะเป็นอากาศ แรงสั่นสะเทือน ผู้คน หรือแม้แต่แรงดึงดูด ร่างกายเธอถูกพัฒนาไปจนเกิดพลังเหนือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นพลังจิต โทรจิต ความรู้มหาศาล และการควบคุมวัตถุสสารต่างๆ ได้จนน่าตกใจ ขณะที่สารดังกล่าวยังคงปลุกและปลดล็อคทุกพื้นที่ทุกมุมในสมองของลูซี่ เธอต้องเดินทางข้ามโลกเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากโปรเฟสเซอร์ซามวล นอร์แมน (ฟรีแมน) ผู้ใช้เวลาหลายสิบปีในการศึกษาความสามารถของสมอง ซึ่งทำให้เขาเชี่ยวชาญในเรื่องนี้จนยากจะหาใครทัดเทียม และเขาเป็นเพียงบุคคลเดียวบนโลกนี้ที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปยังที่ใด คนที่เข้ามาช่วย ลูซี่ ตามหาตัวดร.นอร์แมน ก็คือ ตำรวจฝรั่งเศส สารวัตรปิแอร์ เดล ริโอ (อามีร์ เว็คเค็ด จาก Syriana, ผลงานทางทีวีเรื่อง House of Saddam) ถึงแม้จะรู้สึกไม่สบายใจกับพลังเหนือมนุษย์ของลูซี่ ที่ดูจะเพิ่มขึ้นในทุกนาที แต่ เดล ริโอ ก็ยินดีจะสละชีวิตของเขาเพื่อปกป้องหญิงสาวที่มองว่าเขาเป็นเสมือนความเป็นมนุษย์ธรรมดาส่วนสุดท้ายของเธอ ลูซี่ถูกตามล่าตัวโดยแก๊งโจรที่เคยจับตัวเธอไป โดยคนเลวเหล่านี้จะฆ่าทุกคนที่คิดจะนำสินค้าของพวกเขาออกจากตัวผู้หญิงคนนี้ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นคู่ปรับที่ร้ายกาจที่สุดของพวกเขา นั่นทำให้ลูซี่เริ่มพลิกเกมและกลายร่างเป็นนักรบที่พัฒนาฝีมือในการต่อสู้ไปไกลเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา ดูจากผลงานยอดเยี่ยมในอดีต ตั้งแต่ La Femme Nikita และ The Professional จนถึง The Fifth Element มือเขียนบท/ ผู้กำกับ ลุค เบสซอง ได้บรรจงสร้างตัวละครแอ็กชั่นฮีโร่เพศหญิงที่อึดที่สุด และอยู่ในความทรงจำของคนดูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ยุคปัจจุบัน บัดนี้ เบสซอง ปล่อยของสุดพลังด้วยการกำกับดาราสาวคนสวย สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน (Captain America: The Winter Soldier, The Avengers) และดาราชายรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง มอร์แกน ฟรีแมน (The Dark Knight Rises, Oblivion) ใน Lucy ภาพยนตร์แอ็กชั่น ทริลเลอร์ ที่นำเสนอเรื่องราวบททดสอบความเป็นไปได้ที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถทำได้ถ้าเธอสามารถใช้ความสามารถของสมองได้ถึง 100 เปอร์เซนต์เต็ม และเข้าถึงจิตตัวเองได้ไกลมากที่สุด
เป็นเวลานานมากแล้วที่มีการตั้งสมมติฐานว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เราใช้สมองในระดับเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก และเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วเช่นกันที่มีการศึกษาเพื่อคาดคะเนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้ามนุษย์สามารถพัฒนาจนก้าวล้ำไปจากขีดจำกัดนั้นได้ จะเกิดอะไรขึ้นกับจิตสำนึกของเราและความสามารถที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ถ้าทุกพื้นที่ของสมองเกิดทำงานขึ้นมาพร้อมๆ กัน ถ้าเซลล์ประสาทที่อัดอยู่แน่นถึง 86 พันล้านเซลล์ในสมองมนุษย์เกิดทำงานขึ้นมาพร้อมกัน คนๆ นั้นจะกลายเป็นซูเปอร์มนุษย์หรือไม่?
ในเรื่องราวที่เบสซองสร้างขึ้นมาเรื่องนี้ เราจะได้พบกับ ลูซี่ (โจแฮนส์สัน) นักศึกษาสาวไร้ภาระผู้ใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวัน แต่แล้วเธอกลับโดนแฟนหนุ่มหลอกให้เป็นคนถือกระเป๋าไปส่งให้กับคู่ค้าธุรกิจ แต่ก่อนที่ลูซี่จะทันมองเกมออกว่าเธอโดนหลอกให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องอะไร ลูซี่โดนมิสเตอร์จาง (ชอยมินซิก จาก Oldboy, Lady Vengeance) ผู้เหี้ยมโหดจับตัวไปเป็นตัวประกัน และเมื่อลูกน้องสุดชั่วของมิสเตอร์จาง ใส่สารสังเคราะห์ที่มีฤทธิ์รุนแรงเข้าไปในตัวของ ลูซี่ ซึ่งเป็นสารที่สามารถฆ่าเธอได้ถ้าหากมันรั่วไหลจากสิ่งที่บรรจุมันเอาไว้ ความหวาดกลัวของลูซี่กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง ลูซี่พร้อมเหยื่ออีกหลายราย ถูกส่งตัวไปที่สนามบินเพื่อให้พวกเธอบินข้ามโลกไปพร้อมกับสินค้าที่มีมูลค่าสูงในตัว
แต่เมื่อสารเคมีดังกล่าวเกิดรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ และร่างกายของลูซี่ดูดซึมสารเข้าไป ร่างกายของเธอเริ่มแสดงปฏิกิริยาในแบบที่คาดไม่ถึง ความสามารถในการทำงานของสมองถูกปลดล็อคเข้าสู่ระดับที่น่าตื่นตะหนก ขณะที่ ลูซี่ พยายามทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นทั้งกับสภาพจิตใจและร่างกายของเธอ ลูซี่เริ่มสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย ไม่ว่าจะเป็นอากาศ แรงสั่นสะเทือน ผู้คน หรือแม้แต่แรงดึงดูด ร่างกายเธอถูกพัฒนาไปจนเกิดพลังเหนือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นพลังจิต โทรจิต ความรู้มหาศาล และการควบคุมวัตถุสสารต่างๆ ได้จนน่าตกใจ
ขณะที่สารดังกล่าวยังคงปลุกและปลดล็อคทุกพื้นที่ทุกมุมในสมองของลูซี่ เธอต้องเดินทางข้ามโลกเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากโปรเฟสเซอร์ซามวล นอร์แมน (ฟรีแมน) ผู้ใช้เวลาหลายสิบปีในการศึกษาความสามารถของสมอง ซึ่งทำให้เขาเชี่ยวชาญในเรื่องนี้จนยากจะหาใครทัดเทียม และเขาเป็นเพียงบุคคลเดียวบนโลกนี้ที่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะนำไปยังที่ใด
คนที่เข้ามาช่วย ลูซี่ ตามหาตัวดร.นอร์แมน ก็คือ ตำรวจฝรั่งเศส สารวัตรปิแอร์ เดล ริโอ (อามีร์ เว็คเค็ด จาก Syriana, ผลงานทางทีวีเรื่อง House of Saddam) ถึงแม้จะรู้สึกไม่สบายใจกับพลังเหนือมนุษย์ของลูซี่ ที่ดูจะเพิ่มขึ้นในทุกนาที แต่ เดล ริโอ ก็ยินดีจะสละชีวิตของเขาเพื่อปกป้องหญิงสาวที่มองว่าเขาเป็นเสมือนความเป็นมนุษย์ธรรมดาส่วนสุดท้ายของเธอ
ลูซี่ถูกตามล่าตัวโดยแก๊งโจรที่เคยจับตัวเธอไป โดยคนเลวเหล่านี้จะฆ่าทุกคนที่คิดจะนำสินค้าของพวกเขาออกจากตัวผู้หญิงคนนี้ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นคู่ปรับที่ร้ายกาจที่สุดของพวกเขา นั่นทำให้ลูซี่เริ่มพลิกเกมและกลายร่างเป็นนักรบที่พัฒนาฝีมือในการต่อสู้ไปไกลเกินกว่ามนุษย์ธรรมดา
ที่เข้ามาช่วยสร้างชีวิตให้กับเรื่องราวของ เบสซอง เรื่องนี้ จากบทภาพยนตร์ให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวบนจอ ก็คือ ทีมงานหลังกล้องที่ร่วมงานกับเบสซองมานาน นำทีมมาโดย ผู้อำนวยการสร้าง เวอร์จินี่ เบสซอง-ซิลล่า (The Family, The Lady), ผู้กำกับภาพ เธียร์รี่ อาร์โบแกสต์ (The Professional, The Fifth Element), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ฮิวส์ ทิสแซนเดียร์ (The Transporter, Taken), ผู้ลำดับภาพ จูเลี่ยน รีย์ (The Family, The Lady), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย โอลิวิเย่ร์ เบอริอ็อท (Arthur and the Great Adventure, The Family) และผู้แต่งดนตรีประกอบ เอริค เซอร์ร่า (The Fifth Element, The Messenger: The Story of Joan of Arc)
ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่อง Lucy คือ มาร์ค ชมูเกอร์ (The Spectacular Now, We Steal Secrets: The Story of WikiLeaks)เบื้องหลังงานสร้าง
ความลับของจักรวาล :
วิทยาศาสตร์และนิยายรวมกันเป็นหนึ่งเดียวใน Lucy
สมองของมนุษย์และความสามารถของสมองเป็นเรื่องฉงนสนเท่ห์และทำให้นักวิทยาศาสตร์ผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดจำนวนมากเกิดความหลงใหล ขณะเป็นที่เข้าใจกันดีแล้วว่าเราใช้ความสามารถของสมองน้อยกว่าความสามารถจริงของมัน แต่จำนวนเปอร์เซนต์ที่แน่นอนยังคงไม่มีใครรู้...และอาจเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนตลอดไป ด้วยแนวคิดเช่นนี้ มือเขียนบท/ ผู้กำกับ ลุค เบสซอง จึงได้นำแนวคิดนี้มาเป็นจุดเริ่มต้นให้กับโครงเรื่องภาพยนตร์ใหม่ของเขา เขาได้จินตนาการว่ามันจะเป็นเช่นไรถ้าเราสามารถใช้สมองได้มากที่สุด โดยเขาถามตัวเองว่ามันจะส่งผลต่อความเข้าใจชีวิตของเราอย่างไร และบทบาทของเราในชีวิตนั้นด้วย เขาตั้งคำถามว่า “เราจะควบคุมตัวเราเองและคนอื่นๆ ได้มากขึ้นหรือไม่?”
เบสซองสนใจในความคิดที่มี “หญิงสาวธรรมดาๆ” คนหนึ่ง เธอได้พัฒนาความสามารถทั้งทางสมองและร่างกายในระดับยอดมนุษย์ เมื่อมันสมองของเธอถูกปลดล็อค เขาคาดคะเนว่า “ลูซี่มีปัญหามากมายเหมือนกับคนอื่นๆ เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตของเธอดี แต่เธอก็ได้ก้าวไปจนถึงความรู้สูงที่สุดในจักรวาลนี้”
ผู้อำนวยการสร้าง เวอร์จินี่ เบสซอง-ซิลล่า ซึ่งเคยร่วมงานกับเบสซองมาแล้วในภาพยนตร์ถึง 3 เรื่อง ได้แก่ The Family, The Lady และ The Extraordinary Adventures of Adèle Blanc-Sec เปิดเผยว่าเบสซองเริ่มเขียนโครงร่างแนวคิดนี้เมื่อสิบปีก่อน “เรื่องราวพื้นฐานของเรื่องนี้มีอยู่แล้ว แต่ฉันว่าตอนนั้นลุคยังไม่พร้อม ฉันเชื่อว่าเขาอยากปล่อยให้มันเติบโตเสียก่อน” เธอหยุดพูดไปชั่วขณะ “ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาต่อมาอีกหลายปีเพื่อที่ในที่สุดเขาจะได้กลับไปหามันอีก”
ถึงแม้เบสซองจะเชื่อว่าแนวคิดเรื่องการขยายความสามารถทางสมองของคนเรา ช่างเหมาะกับการนำมาสร้างเป็นเรื่องราวแอ็กชั่นทริลเลอร์ แต่เขาก็ตั้งใจที่จะวางเรื่องราวนี้เอาไว้บนความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ เบสซองกล่าวว่า “หลังจากผมได้พบนักวิทยาศาสตร์สองสามคน ผมรู้สึกทึ่งกับเรื่องที่พวกเขาบอกผมมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมะเร็ง เรื่องเกี่ยวกับเซล เรื่องเกี่ยวกับความจริงที่ว่าคนเรามีเซลเป็นแสนล้านเซลที่สื่อสารถึงกัน และแต่ละเซลได้ส่งสัญญาณออกไปประมาณ 1,000 สัญญาณต่อวินาที ผมใช้เวลาอยู่นานหลายปีทีเดียวในการหาสมดุลที่ลงตัวระหว่างสิ่งที่เป็นจริงและเรื่องในส่วนที่เป็นแฟนตาซี”
ขณะที่เขาขุดคุ้ยลึกลงไปในแนวคิดนี้ เบสซองได้พบนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่ง รวมถึงนักประสาทวิทยาชื่อดังระดับโลก อีฟส์ แอ็กจิด ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันสมองและกระดูกสันหลัง (ICM) ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงพยาบาล Pitié-Salpêtrière ในปารีส ซึ่งเบสซองคือสมาชิกผู้ก่อตั้งสถาบันแห่งนี้ด้วย แอ็กจิดยังจำได้ดีถึงบทสนทนาระหว่างเขากับเบสซองเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นการผสมผสานระหว่างความจริงกับเรื่องแต่ง เขาเล่าว่า “ตอนที่ลุคบอกผมเกี่ยวกับบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมพบว่ามันพิเศษมากๆ อย่างไรก็ดี ผมต้องรั้งจินตนาการของเขาเอาไว้ด้วยความจริง ซึ่งสุดท้ายมันกลับง่ายมาก เพราะเขาเข้าใจทุกอย่างได้รวดเร็วมาก”
เมื่อแอ็ดจิดเข้ามาช่วยเบสซองให้เดินไปบนเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงตามทฤษฎีและจินตนาการได้แล้ว เขาเริ่มเล็งเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์ของผู้สร้างภาพยนตร์นั้นที่จริงก็ไม่ได้ต่างไปจากทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานในฐานะนักวิทยาศาสตร์เลย แอ็กจิดกล่าวว่า “นั่นคือสิ่งที่ผมพบว่าเป็นความน่าชื่นชมในภาพยนตร์เรื่องนี้ นั่นก็คือมีความเป็นจริงอยู่ ตัวอย่างเช่น Lucy พูดถึงจำนวนเซลในสมองของคนเรา จำนวนของสัญญาณที่เซลๆ หนึ่งผลิตออกมาต่อหนึ่งวินาที และอื่นๆ ด้วยการใช้ประโยชน์ของเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด ลุคสามารถดำเนินเรื่องได้อย่างน่าทึ่งทั้งเรื่อง แน่นอน ยิ่งลูซี่ผจญภัยมากขึ้นเท่าไหร่ เรื่องนี้ก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องแต่งมากขึ้น ซึ่งผมพบว่ามันมั่นคงมาก เมื่อคุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ คุณจะเชื่อสนิทใจเลย มันจับใจคุณ เพราะมันยืนอยู่ในความเป็นจริง”
เบสซองเล่าให้เราฟังถึงการค้นคว้า ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นตัวเล่าเรื่องราวนี้ “มีการผสมผสานของหลายปัจจัยที่ทำให้เรื่องนี้เป็นไปได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคนเลวและเจ้าพ่อยาเสพติดคนใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ยาเสพติดหรอก ที่จริง มันเป็นสารตามธรรมชาติที่ผู้หญิงท้องสร้างขึ้นมาในตัวในช่วงที่ท้องอาทิตย์ที่ 6 ซึ่งเรียกกันว่า CPH4 ตามที่ผมได้พูดคุยกับหมอหลายคน ผมได้คิดไอเดียนี้ขึ้นมา ซึ่งมันก็ไม่ได้ไร้เหตุผลไปเสียทั้งหมด ในหลายจุด เมื่อคุณเปิดความสามารถของสมองให้มีมากขึ้นแล้ว ถ้าคุณสามารถใช้มันได้มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ คุณก็สามารถเปิดไปสู่การใช้สมองถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคุณเขยิบไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ คุณก็สามารถเปิดไปสู่เส้นทาง 40 เปอร์เซ็นต์ และต่อๆ ไป มันเป็นเหมือนโดมิโน เอฟเฟ็กต์ ดังนั้นลูซี่กำลังสร้างสมองของเธอเอง และเธอไม่สามารถหยุดมันได้ เธอไม่ต้องการมัน เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันดี”