MSN on November 29, 2013, 03:31:04 PM
The All-New Volvo V40 รถยนต์วอลโว่ 5 ประตูแฮทช์แบคระดับพรีเมี่ยม


 
          วอลโว่ V40 รุ่นล่าสุด เติมสีสันให้กับตลาดรถแฮทช์แบคระดับพรีเมี่ยม สะกดทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์หรูหราสง่างาม ที่ผสานความกะทัดรัดและปราดเปรียวของรถยนต์คอมแพคกับคุณสมบัติและบุคลิกของรถหรูรุ่นใหญ่ที่จะทำให้วอลโว่ V40 ใหม่ก้าวขึ้นครองตลาดรถแฮทช์แบคระดับพรีเมี่ยมในที่สุด การออกแบบใน V40 ใหม่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตามแนวคิด “Designed around You” หรือการออกแบบมาเพื่อคุณ จึงเปิดให้ผู้ขับขี่เลือกปรับมาตรวัดบนหน้าปัดแบบกราฟิกได้ตามต้องการ และยังให้การขับขี่ที่สนุกสนาน รวมทั้งยังมีเทคโนโลยีทันสมัยมากมายทั้งในด้านความปลอดภัย และระบบสนับสนุนเช่นเดียวกับที่มีในรถรุ่นใหญ่ ซึ่งทำให้ วอลโว่ V40 ใหม่เป็นรถ IntelliSafe หรือรถอัจฉริยะและปลอดภัยที่สุดในตลาดพรีเมี่ยมแฮทช์แบค ทั้งยังมีเครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้ด้วย

MSN on November 29, 2013, 03:31:43 PM
The All-New Volvo V40 5-door Premium Hatchback



          The All-New Volvo V40 enters the Premium Hatchback class featuring a luxury look and feel that emphasises the aura of a compact car with large-car content and characteristics. The All-NewV40 is ready to overtake the competition in the Premium Hatchback class with sharpened features and characteristics from larger Volvos wrapped in a sleek, compact package.

          The All-NewV40 is the first new model that is fully developed according to Volvo’s human-centric, Designed Around You strategy. The driver-centric approach is enhanced with a new, fully graphic instrument cluster that allows the driver to personalize instrument layout and the information provided. The All-New Volvo V40 also boasts class-leading driving dynamics thanks to focused attention to a number of vital areas. Adding several new high-tech features to a full deck of safety and support systems from larger models makes the V40 the most IntelliSafe car in the segment. The All-New Volvo V40 also passed EURO V and can be operated on E20 fuel.

MSN on November 29, 2013, 03:32:21 PM
วอลโว่ XC60 D4 รุ่นปี 2013


 
          วอลโว่ XC60 D4 รุ่นปี 2013 เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล สุดยอด SUV หรูอเนกประสงค์สำหรับคนเมือง โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ทันสมัยเปี่ยมพลังและเร้าใจที่ผสานความเป็นรถครอสคันทรีกับรถสำหรับขับขี่ในเมือง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ไฟแรง มาพร้อมกับสุดยอดระบบอินโฟเทนเมนต์ “Volvo Sensus” ที่ให้ทั้งข้อมูลและความบันเทิงเต็มพิกัด

          วอลโว่ XC60 D4 มาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยครบครัน รวมทั้ง 3 เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพื่อความสะดวกของผู้ขับขี่และปลอดภัย ได้แก่ ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection) และ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) นอกจากนี้ วอลโว่ XC60 D4 ยังเพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยแห่งอนาคตมากมาย อาทิ ระบบตรวจจับคนเดินถนนและระบบเบรกอัตโนมัติแบบเต็มแรงเบรก (Pedestrian Detection with Full Auto Brake) ที่เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยครั้งแรกของโลกที่รถหยุดเองได้ ระบบ Volvo Sensus ที่ให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ขับขี่ และอื่นๆ อีกมากมาย

MSN on November 29, 2013, 03:33:31 PM
The Volvo XC60 D4 Model Year 2013


 
          Volvo XC60 D4 Model Year 2013 is Volvo's bold, sporty and muscular challenger in the Small Premium Utility segment. The car is charged with emotive form and energy. It is has the real crossover character with a combination of the traditional city vehicle and a cross country vehicle aimed at young, professional urban people with an active lifestyle.

          The Volvo XC60 D4 Model Year 2013 comes with the latest safety and driver’s comfort features including the innovative Active High Beam, Tunnel Detection and Road Sign Information.

The XC60 D4 has come with the latest Volvo Sensus infotainment system and is specified with the Pedestrian Detection with Full Auto Brake safety system, the world’s first safety technology that enables the car to stops automatically before it hit a person, plus many more.

          The car's shoulders are exceptionally broad. The large wheels, the bold wheel arches and the darker livery of the body's lower section further enhance the muscular feel, while the dynamic, flowing lines of the greenhouse combined with its daring roof contour impart a sporty coupe feel to the upper part of the car.

          EXTERIOR
          Characteristic design
          Down below, the unmistakeable, capable cross over muscles are pumped up, creating a strong athletic body that is mated with high ground clearance and large wheels. Up above, the flowing lines create the sporty charisma of a coupe. The sculpted, seductive lines are particularly clear when the XC60 is viewed from the side.

          The frowning contours of the headlamps and the taut rearward flow of the front wings emphasise the bonnet's classic V-profile, giving the front an eager, wedge-shaped stance. This DNA ingredient is further strengthened by the newly incorporated unique DNA lamps.

          The rear design is characterised by tail lamps with micro-optics and LED technology. The lamps, which distribute their light in a special way, enhance the characteristic "Volvo" design. The new 18” wheels enhance the sportiness, making the XC60 D4 a truly sporty and stylish cross country.

MSN on November 29, 2013, 03:34:24 PM
วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013

          วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 ซีดานหรูขนาดใหญ่จากวอลโว่ ยังคงรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมั่นใจ ด้วยดีไซน์งามสง่า ภายนอกเป็นเอกลักษณ์ และแชสซีที่ให้การทรงตัวและเกาะถนนดีเยี่ยม ส่วนภายในก็ยังคงเน้นทั้งความสะดวกสบายและความหรูหรา ตกแต่งอย่างประณีต ให้ทั้งความงามสง่า เกาะถนนดี และเครื่องแรงตอบสนองดีเยี่ยม โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่นเครื่องยนต์ ได้แก่ รุ่น T4 เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ รุ่น D4 เครื่องยนต์ดีเซล และรุ่น DRIVe เครื่องยนต์ FlexiFuel ที่สามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

          วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ที่เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของวอลโว่ในการออกแบบรถที่ออกแบบมาเพื่อคนทันสมัยอย่างแท้จริง รวมทั้งยังมี 3 เทคโนโลยีใหม่เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่ ได้แก่ ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) และ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) สำหรับรุ่น T4 และ D4 และระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection) ที่ติดตั้งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น

การออกแบบภายนอก
ดีไซน์การออกแบบที่หรูหราไร้กาลเวลาในแบบสแกนดิเนเวียน
เมื่อดูจากภายนอกจะเห็นว่า วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 มีตัวถังที่ดูยาว กว้างขวางนั่งสบาย กระจังหน้าและตราสัญลักษณ์วอลโว่ขนาดใหญ่ดูโดดเด่น มีสไตล์กับการตกแต่งด้วยโลหะมันวาวหรูหราบริเวณช่องระบายอากาศ ใต้ประตูและใต้ไฟท้าย ไฟหน้าที่ติดตั้งในตำแหน่งที่ต่ำ พร้อมด้วยเส้นสายโค้งจากด้านหน้าลื่นไหลไปด้านข้างและท้ายให้ความรู้สึกเสมือนว่า วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 กำลังยิ้มให้คุณ ประตูที่โค้งนูนและกระจกหน้าต่างท้ายรถสะกดทุกสายตา ขอบใต้ประตูดีไซน์โดดเด่นสื่อถึงความหนักแน่นมั่นคง นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความหรูและสง่างาม ดูเหมือนรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าตลอดเวลา วอลโว่ได้สร้างเส้นสายที่โค้งคล้ายดาวหางจากหน้าต่างหลังไปจนถึงกระโปรงหลัง ไฟหน้าแบบใหม่และไฟเลี้ยวแบบ LED ที่ติดตั้งบนกระจกมองข้างเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์สะกดสายตาทุกคน ในรุ่นปี 2013 วอลโว่ได้เพิ่มความหรูและอิสระในการเดินทางด้วย Sunroof เฉพาะในรุ่น T4 อีกด้วย

การตกแต่งภายใน
Volvo Sensus ศูนย์รวมทุกข้อมูล ทุกความบันเทิง
Volvo Sensus เป็นนวัตกรรมที่ให้ความสะดวกและข้อมูลสำคัญแก่คนขับอย่างเต็มที่ โดยออกแบบให้แผงคอนโซลกลางและหน้าปัดทำมุมเอียงหันไปด้านคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลต่างๆ ที่สำคัญได้สะดวกจากหน้าจอสี 7 นิ้ว วอลโว่ได้ติดตั้งจอในตำแหน่งค่อนข้างสูงบนแผงคอนโซลหน้าเพื่อให้ผู้ขับมองเห็นข้อมูลและถนนได้อย่างชัดเจนพร้อมๆ กัน

นอกจากนี้ การออกแบบตำแหน่งการวางอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในระยะที่ผู้ขับขี่สามารถเอื้อมถึงปุ่มบังคับต่างๆ ได้สะดวก

Volvo Sensus ยังสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยีบลูทูธ เพื่อให้สามารถสื่อสารได้สะดวกปลอดภัย รวมทั้งฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงแบบพกพาได้อย่างรื่นรมย์ และสามารถฟังเพลงผ่านการเชื่อมต่อแบบบลูทูธได้ในรถยนต์ด้วย

หรู สบาย สไตล์สแกนดิเนเวียน
ภายในห้องโดยสาร วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 ถูกปรับปรุงให้นั่งสบายมากขึ้น และหรูหรามากขึ้น ด้วยเบาะหนังนุ่มคุณภาพดีเย็บอย่างประณีตรับกับบานประตูขลิบลายเดียวกัน เนื่องจากลูกค้า 8 ใน 10 คน ต้องการเบาะหนัง ทีมดีไซเนอร์ของวอลโว่จึงได้พยายามพัฒนาเบาะให้นั่งสบายที่สุด ขอบด้านข้างนูนขึ้นรับสีข้าง รวมทั้งเลือกใช้หนังแท้คุณภาพสูงและนุ่มสบาย เบาะหนังมีให้เลือก 2 โทนสีคือ blond กับ off-black

ในรุ่น T4 และ D4 เพิ่มความหรูด้วยแผงหน้าปัดและบานประตูตกแต่งด้วยไม้ลวดลายนุ่มนวล และรุ่น DRIVe ตกแต่งด้วยแถบสีเข้มเพิ่มความเท่ ส่วนคอนโซลกลางของทุกรุ่นเป็นแบบลอยตัว เพรียวบาง พวงมาลัยดีไซน์หรูเพิ่มความสง่างามให้แก่ S80 รุ่นปี 2013 ยิ่งขึ้นโดยในรุ่น T4 และ D4 เป็นพวงมาลัยตกแต่งด้วยไม้ และรุ่น DRIVe เป็นพวงมาลัยหุ้มหนัง แผงหน้าปัดและมาตรวัดอลูมิเนียมรวมทั้ง อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งพวงมาลัยแบบสี่ก้าน หัวเกียร์ และปุ่มสตาร์ทขลิบริมด้วยโลหะสีด้าน

ใหม่! ที่แสดงตำแหน่งเกียร์ไว้บนหัวเกียร์ด้วยแสงสีเขียวเพื่อให้มองเห็นได้ง่าย รวมทั้งรูปทรงใหม่ที่จับกระชับมือ ใช้วัสดุพิเศษที่จะเรืองแสงสีขาวในความมืดเพื่อความสะดวกในการใช้งาน

เครื่องยนต์ทรงพลัง รักสิ่งแวดล้อม
วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 มีเครื่องยนต์ให้เลือกถึง 3 แบบซึ่งประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยไอเสีย ได้แก่
· เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ (GTDi) T4 ความจุ 2 ลิตร ให้พลังงานสูงสุด 203 แรงม้าที่ 6,000 rpm และแรงบิดสูงสุด 300 Nm ที่ 1,750-4,000 rpm พร้อมเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ปรับตามสไตล์การขับขี่ และเกียร์ทรอนิก อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพีง 12.05 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 152 กรัมต่อกิโลเมตร
· เครื่องยนต์ DRIVe เบนซินเทอร์โบ FlexiFuel E85 ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 5,700 rpm และให้แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 5,000 rpm และมอบความพึงพอใจในการขับขี่ที่เยี่ยมยอดด้วยเกียร์เพาเวอร์ชิฟท์ 6 สปีดปรับตามสไตล์การขับขี่ และเกียร์ทรอนิก อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 13.5 กิโลเมตร/ลิตรเมื่อเติมน้ำมันเบนซิน และ 9.9 กิโลเมตรต่อลิตรเมื่อเติมน้ำมัน E85 นอกจากนี้ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ เพียง 136 กรัมต่อกิโลเมตร เมื่อใช้น้ำมันเบนซิน และ 131 กรัมต่อกิโลเมตรเมื่อใช้น้ำมัน E85
· เครื่องยนต์ D4 ดีเซลเทอร์โบ ที่สามารถเติมน้ำมันไบโอดีเซล B5 ได้ ความจุ 2 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,500 rpm และแรงบิดสูงสุด 400Nm ที่ 1,500-2,750 rpm พร้อมเกียร์ 6 สปีด ปรับตามสไตล์การขับขี่และเกียร์ทรอนิก อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 16.6 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 126 กรัม/กิโลเมตร

โครงสร้างเพื่อความปลอดภัย
โครงสร้างนิรภัยสร้างด้วยเหล็กแกร่งหลากชนิด
โครงสร้างนิรภัยของรถยนต์วอลโว่ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซน เพื่อช่วยดูดซับและกระจายแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โซนด้านนอกจะสามารถยุบตัวได้มาก ส่วนโซนด้านในจะแข็งและทรงตัวมากกว่าเพื่อให้การปกป้องแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสูงสุด วอลโว่จึงได้ใช้เหล็กถึง 4 ชนิด นอกจากเหล็กธรรมดาสำหรับสร้างตัวถังแล้ว ยังมีเหล็กอีก 4 เกรดที่เสริมแรง เช่น High Strength Steel, Extra High Strength Steel และ Ultra High Strength Steel

โครงสร้างแกร่งด้านข้าง
เพื่อให้การปกป้องสูงสุดจากแรงกระแทกด้านข้าง ตัวถังรถทางด้านข้างถูกออกแบบให้ใช้เหล็กหลากชนิดเช่นกัน เหล็กต่างชนิดเหล่านี้จะให้ผลลัพธ์สูงสุดในการปกป้องผู้โดยสารด้านใน ในกรณีที่ถูกชนด้านข้าง รถยนต์จะไหลไปด้านข้างเพื่อไม่ให้แรงกระแทกเข้ามาปะทะโดยตรงกับผู้โดยสาร

ระบบเบรกที่เพิ่มความมั่นใจ
ระบบเบรกที่ให้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่เต็มพิกัด โดยระบบเบรกใน วอลโว่ วอลโว่ S80 รุ่นปี 2013 ประกอบด้วยเทคโนโลยีหลากหลายได้แก่
· Ready Alert Brakes ที่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรจะต้องเบรกกระทันหัน โดยคาลิปเปอร์เบรกจะกดเบาๆ บนจานเบรกก่อนที่ผู้ขับจะเหยียบเบรก เพื่อช่วยให้หยุดรถได้อย่างมั่นใจ
· ระบบ Hydraulic Brake Assist ช่วยลดระยะเบรกให้เหลือสั้นที่สุดได้อย่างปลอดภัย
· Optimized Hydraulic Brake ช่วยเพิ่มศักยภาพของเบรก
· Fading Brake Support ใช้ระบบไฮโดรลิกในการเพิ่มแรงเบรกเมื่อเหยียบเบรกอย่างแรง ซึ่งช่วยลดปัญหาเบรกจม ทำให้มั่นใจมากขึ้น
· ระบบเบรกอิเล็กทรอนิกส์เมื่อจอดรถ (ติดตั้งเป็นมาตรฐาน)

MSN on November 29, 2013, 03:34:47 PM
ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน
สะดวกปลอดภัยกว่ากับ 3 เทคโนโลยีใหม่
เพื่อช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยให้ขับขี่รถยนต์วอลโว่ได้อย่างปลอดภัย วอลโว่ได้พัฒนาและติดตั้ง 3 เทคโนโลยีใหม่เพื่อผู้ขับขี่ได้แก่

1. ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Active High Beam) - รุ่น T4 และ D4
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเปลี่ยนจากไฟสูงเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติในสถานการณ์ที่เหมาะสม เทคโนโลยีนี้ใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางด้านบนของกระจกหน้า เพื่อตรวจจับแสงไฟหน้าจากรถที่สวนมา ส่วนซอฟต์แวร์ของรถจะวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องทิศทางและตำแหน่งของรถที่สวนมา ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังระบบ ถ้ารถที่สวนมาเข้ามาอยู่ในระยะที่กำหนด ระบบจะปรับไฟหน้ารถลงมาเป็นไฟต่ำโดยอัตโนมัติ เมื่อพ้นไปแล้วก็จะปรับมาเป็นไฟสูงเหมือนเดิมเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน

ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติยังสามารถทำงานร่วมกับระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดน้ำฝนเพื่อปรับการทำงานของไฟและที่ปัดน้ำฝนซึ่งจะให้ทัศนวิสัยที่ดีที่สุดแก่ผู้ขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ

2. ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Information) - รุ่น T4 และ D4
เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและลดความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจรในขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ผู้ขับไม่สามารถอ่านป้ายต่างๆ ได้ทันตลอดเวลา ระบบนี้จึงช่วยเป็นหูเป็นตา อ่านและแสดงสัญญลักษณ์ที่เป็นสากลบนแผงหน้าปัด เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายห้ามแซง กล้องที่ติดตั้งที่หน้ารถจะสามารถตรวจจับป้ายจราจรที่ได้มาตรฐานของยุโรป

3. ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืด (Tunnel Detection)
ระบบนี้จะเปิดไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อรถเข้าสู่ที่มืดหรืออุโมงค์ และเมื่อออกจากอุโมงค์ก็จะปิดไฟหน้ารถหรือกลับมาสู่ตำแหน่งที่ตั้งไว้เดิมโดยอัตโนมัติเช่นกัน ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติเมื่อขับขี่เข้า/ออกจากที่มืดทำงานโดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งบนกระจกหน้าช่วยวัดแสงและคาดสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อสั่งการให้ระบบนี้ทำงาน นอกจากระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้แก่ผู้ขับขี่แล้ว ยังจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ เพราะตามนุษย์ต้องอาศัยเวลาในการปรับการมองเห็นเมื่อระดับของแสงเปลี่ยนไป

นอกจากนี้ วอลโว่ S80 Model Year 2013 ยังมีเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่นที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมอีกมาก ได้แก่

ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ความเร็วต่ำ (City Safety) เพื่อความปลอดภัยในเมือง
ซิตี้เซฟตี้เป็นเทคโนโลยีที่วอลโว่คิดค้นขึ้นเป็นรายแรกและติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เมื่อรถคุณวิ่งไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะใช้เลเซอร์ที่ฝังอยู่ส่วนบนของกระจกบังลมหน้า สแกนพื้นที่ด้านหน้ารถในระยะห่างออกไป 10 เมตร เพื่อตรวจจับยานพาหนะด้านหน้ารถว่าหยุดอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ถ้าระบบประเมินว่าการชนกำลังจะเกิดขึ้น เบรกจะถูกชาร์จเตรียมไว้เพื่อให้คุณเหยียบเบรกได้ทันท่วงที หรือหากคุณไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกโดยอัตโนมัติ และถ้าความเร็วของรถคุณกับรถคันหน้าต่างกันไม่เกิน 16 กม./ชม. การเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่หากความเร็วต่างกัน มากกว่า 16 กม./ชม. การเบรกจะช่วยลดความรุนแรงลงได้

ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนพร้อมฟังก์ชั่นหยุดรถแบบเต็มแรงเบรกและเซ็นเซอร์ตรวจจับคนเดินถนน (Collision Warning with Full Auto Brake and Pedestrian Detection) - รุ่น T4 และ D4

ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชน ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ขณะขับขี่บนถนนไฮเวย์โดยเฉพาะ ระบบนี้สามารถรับรู้และเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ภายในระยะ 150 เมตร เรดาร์เซ็นเซอร์ที่อยู่บนกระจังหน้าและกล้องดิจิตอลที่อยู่บนกระจกบังลมหน้าจะตรวจจับระยะห่างระหว่างรถยนต์วอลโว่ที่มีคุณสมบัตินี้กับรถคันข้างหน้า หากรถคันหน้าหยุดกะทันหัน และระบบ Collision Warning ประเมินว่าอาจเกิดการชน ระบบจะส่งเสียงสัญญาณและไฟกระพริบเพื่อเตือนผู้ขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้นระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็วรถโดยสั่งให้ระบบเบรกทำงานในระดับหนึ่งเพื่อช่วยผ่อนแรงผู้ขับขี่ในการเหยียบเบรกให้รถหยุดทันท่วงที หากผู้ขับไม่เหยียบเบรก ฟังก์ชั่น Auto Brake จะหยุดรถโดยทันทีและเปิดสัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินเพื่อเตือนรถคันที่ตามหลังมาให้ระวังตัว

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับได้ว่ามีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ และจะหยุดรถอัตโนมัติถ้าคนขับไม่เบรกอย่างทันท่วงที

ระบบตรวจจับคนเดินถนนนี้ประกอบด้วย เรดาร์ที่ติดตั้งอยู่บนกระจังหน้าของรถ กล้องที่ติดอยู่ด้านหลังของกระจกมองหลัง และกล่องควบคุมระบบ เรดาร์มีหน้าที่ตรวจจับภาพมุมกว้าง 60 องศาทางด้านหน้ารถว่ามีวัตถุอยู่ในรัศมีหรือไม่ และวัดระยะห่างจากวัตถุนั้น ส่วนกล้องก็จะยืนยันว่าวัตถุนั้นเป็นโครงสร้างของมนุษย์ คือ มีศีรษะ ลำตัว แขน ขา หรือไม่ โดยที่เรดาร์สามารถตรวจจับได้กระทั่งคนที่เพิ่งจะก้าวลงมาบนถนน กล้องนี้มีความละเอียดสูงมาก ทำให้สามารถตรวจจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของคนเดินถนนนั้นได้ด้วย ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานและทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 35 กม./ชม.

ระบบควบคุมการทรงตัวและยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Stability and Traction Control - DSTC)
วอลโว่ S80 เกาะถนนดีเยี่ยมไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือนอกเมือง ด้วยตัวถังที่ออกแบบมาให้แกร่ง และแชสซีที่ปรับแต่งมาใหม่เป็นอย่างดี ทำให้ขับขี่แบบสปอร์ตได้ดังใจ ควบคุมได้อย่างแม่นยำ มีการกระจายน้ำหนักของตัวรถอย่างสมดุลทั้งหน้าหลังเพื่อให้เกาะถนนและทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ DSTC ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว โดยระบบจะบันทึกอัตราความเบี่ยงเบนระหว่างทิศที่ผู้ขับขี่ต้องการไปกับทิศทางจริงที่รถแล่น ทำให้สามารถทราบได้ว่าถึงจุดที่รถอาจลื่นไถลหรือยัง เช่น เมื่อผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่งอย่างกระทันหันขณะหักเลี้ยว เป็นต้น ระบบ DSTC จะปรับการถ่ายเทกำลังระหว่างล้อทำให้สามารถสร้างสมดุลและมีการทรงตัวที่ดี

ระบบกล้องและสัญญาณเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Information System: BLIS)
เป็นอีกระบบหนึ่งที่จะช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ระบบนี้จะทำงานทันทีที่รถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่สูงกว่า 10 กม./ชม. โดยอาศัยกล้องดิจิตอลที่ติดตั้งอยู่ภายในกระจกมองข้าง ช่วยในการสอดส่องสภาพการจราจรด้านหลังซ้ายและขวาที่เป็นจุดอับสายตา หากมีรถเข้ามาในบริเวณนี้ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับทราบว่ามีรถอยู่ใกล้ไม่ว่ารถคันนั้นจะอยู่ด้านหลังหรือกำลังจะแซง โดยสัญญาณไฟที่กระจกประตูจะสว่างขึ้นระบบ BLIS นี้จะช่วยให้ผู้ขับสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องฉับไว

ระบบเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert Control: DAC) - รุ่น T4 และ D4
ให้เป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่เลือกจับตาดูความเคลื่อนไหวและทิศทางของรถท่ามกลางการจราจรบนท้องถนน จากนั้นจึงประเมินความเป็นไปได้ที่ผู้ขับขี่อาจสูญเสียการควบคุมรถหรือมีสมาธิในการขับขี่น้อยเกินไปจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ แล้วส่งสัญญาณเสียง หรือข้อความทางหน้าจอเพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพัก

ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน (Lane Departure Warning: LDW) - รุ่น T4 และ D4
ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการขับออกนอกช่องทางเดินรถ โดยอาจจะเกิดจากการสูญเสียสมาธิของผู้ขับขี่ ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลนสามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนคอนโซลหน้ารถ เพื่อทำหน้าที่เตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณเสียงหากรถเคลื่อนที่ข้ามเส้นแบ่งเลนอย่างไม่เหมาะสม เช่นในขณะที่ผู้ขับขี่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว หรือการหักเลี้ยวกะทันหัน โดยใช้กล้องในการตรวจจับตำแหน่งของรถและเส้นแบ่งเลน ระบบจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 65 กม./ชม. และแอคทีฟต่อเนื่องในช่วงความเร็วที่มากกว่า 60 กม./ชม. ทั้งนี้ สำหรับถนนไฮเวย์ในสหรัฐฯ อุบัติเหตุที่เกิดจากการขับรถข้ามเลนมีตัวเลขประมาณ 1 ใน 4 ของอุบัติเหตุทั้งหมดบนถนนเลยทีเดียว นักวิจัยของวอลโว่ คาร์ประมาณการไว้ว่า ระบบเตือนเมื่อขับข้ามเลน น่าจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุประเภทนี้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30-40 ที่ระดับความเร็วระหว่าง 70-100 กิโลเมตร

ระยะห่างจากรถคันหน้า – Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert (ACC) ในรุ่น T4 และ T4
ระบบช่วยให้ผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากรถคันหน้าในทุกระดับความเร็วจนถึง 200 ก.ม./ช.ม. ในการจราจรที่เคลื่อนตัวช้าที่ระดับความเร็วต่ำกว่า 30 ก.ม./ ช.ม. ฟังก์ชั่นหยุดรถและออกตัวรถอัตโนมัติจะปรับระดับความเร็วของรถให้พอดีกับคันหน้า จากรถที่หยุดอยู่กับที่ เพียงกดปุ่มหรือเหยียบคันเร่ง ก็สามารถขับตามคันหน้าได้อย่างนิ่มนวล และถ้าใช้ความเร็วสูงกว่า 30 ก.ม./ช.ม. ก็สามารถตั้งความเร็วรถที่ต้องการและช่วงระยะวลาน้อยที่สุดที่รถจะวิ่งไปถึงคันหน้า ระบบจะปรับความเร็วให้สอดคล้องกับคันหน้าได้โดยอัตโนมัติ หรือแสดงไฟเตือนถ้าเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป

ไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย
ให้ทัศนวิสัยดีเยี่ยมในการขับขี่กลางคืนและบนนถนนที่คดโค้ง ระบบไฟหน้าแบบหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Lights) สามารถปรับมุมฉายตามความโค้งของถนนได้

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง
การปกป้องผู้โดยสารภายในรถ วอลโว่ออกแบบระบบป้องกันความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เพื่อช่วยปกป้องผู้โดยสารในทุกที่นั่งให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บขั้นรุนแรง ด้วยระบบต่างๆ อาทิ ระบบถุงลมนิรภัยด้านข้างแบบใหม่ 2 จังหวะ ที่ทำงานควบคู่กับม่านนิรภัยด้านข้าง (Inflatable Curtains: IC) และช่วยเสริมให้ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง (Side Impact Protection System: SIPS) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดดึงกลับอัตโนมัติครบทั้ง 5 ที่นั่ง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร

ระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (Whiplash Protection System - WHIPS)
ระบบนี้จะช่วยลดการบาดเจ็บที่ศีรษะ และเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในตลาดจณะนี้ เมื่อเกิดการชนหรือกระแทก โดยในกรณีที่เกิดการชนรุนแรงทางด้านหลัง พนักพิงหลังในตอนหน้าของตัวรถและพนักพิงศีรษะจะขยับเข้ามารับตัวและศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในลักษณะคล้ายคลึงกับการทำงานของกล้ามเนื้อแขนขณะที่กำลังจับลูกบอล โดยฟังก์ชั่นการทำงานของระบบนี้ยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การจับตัวและศีรษะของผู้โดยสารทำได้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น

ระบบรักษาความปลอดภัย
เพราะความปลอดภัยของผู้โดยสารในทุกที่นั่ง เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง วอลโว่จึงออกแบบระบบความปลอดภัยให้มีทั้งระบบที่ทำหน้าที่เตือนเพื่อการป้องกันและการปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างดีที่สุด (Preventive and Protective Safety) เริ่มตั้งแต่ ระบบ PCC หรือ Personal Car Communicator ซึ่งมาในรูปแบบของรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กพกติดตัวได้ ที่ประกอบด้วยฟังก์ชั่นสื่อสารกับรถพร้อมการปลดล็อคและขับขี่โดยปราศจากกุญแจ ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่มากขึ้นอีก โดยผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบได้ว่า รถยนต์ล็อคแล้วหรือยังสัญญาณเตือนภัยทำงานหรือไม่ หรือมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในตัวรถยนต์หรือเปล่า ได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการในระยะ 60 – 100 เมตรจากตัวรถ

รถยนต์รักสิ่งแวดล้อม
S80 DRIVe ผลงานจากโครงการ DRIVe เพื่อสิ่งแวดล้อม
Volvo S80 DRIVe E85 เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งในโครงการ DRIVe ซึ่งเป็นความพยายามของวอลโว่ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ วิจัย ผลิต การขับขี่และการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ อันเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตรถยนต์ปลอดไอเสีย และนำมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เครื่องยนต์เชื้อเพลิงทางเลือก การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ลดแรงต้านและประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่ทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารสะอาด ปลอดภัยมากที่สุด

รถยนต์วอลโว่เครื่องยนต์ E85 ที่พัฒนาขึ้นตามโครงการ DRIVe และมีจำหน่ายในประเทศไทยได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (TISI) ของไทย โดยพบว่ามีปริมาณการปล่อยไอเสียต่ำมากและอยู่ในเกณฑ์ดีกว่ามาตรฐานถึง 70%

ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ เพื่อสิ่งแวดล้อม
วอลโว่ S80 ถูกผลิตและติดตั้งระบบต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดกับสิ่งแวดล้อมให้มีน้อยที่สุด เครื่องยนต์เบนซินทั้งแบบธรรมดาและแบบ FlexiFuel ถูกออกแบบมาให้มีการเสียดทานภายในต่ำ มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ และมีระบบกรองไอเสียที่ทันสมัยช่วยลดปริมาณไอเสียได้เป็นอย่างดี ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลก็ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และเขม่าออกมาในปริมาณที่ต่ำมาก จนผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ตามมาตรฐานยูโร 5

นอกจากนี้ วอลโว่ยังได้ติดตั้งระบบเพรมแอร์ (PremAir®) ที่สามารถเปลี่ยนโอโซนที่เป็นอันตรายให้กลายเป็นออกซิเจนบริสุทธิ์ได้ในเวลาที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากในขณะที่มีการจราจรหนาแน่นและในขณะที่แดดจัด

ระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร (Interior Air Quality System: IAQS) ช่วยลดอากาศไม่บริสุทธิ์ เขม่า ฝุ่น ละอองเกสร หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์จากภายนอกไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาภายในห้องโดยสาร ขณะเดียวกัน เบาะที่นั่ง หนังและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถได้รับการรับรองมาตรฐาน OKO-TEX 100 ว่า ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ นอกจากนี้ วอลโว่ S80 ยังติดตั้งระบบการจัดการห้องโดยสารที่ปราศจากสิ่งกระตุ้นอาการภูมิแพ้ (Clean Zone Interior Package: CZIP) ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันโรคหอบหืดและภูมิแพ้แห่งประเทศสวีเดน เพื่อให้อากาศที่ไหลเวียนภายในห้องโดยสารสะอาดและดีต่อสุขภาพของผู้โดยสารทุกคน

MSN on November 29, 2013, 03:35:21 PM
The Volvo S80 Model Year 2013
 
          From the overwhelming success of Volvo S80, the Volvo S80 Model Year 2013 is a simply elegant sedan with an impressive package of innovative technologies for maximum safety and comfort. It comes with more stylish design and sharp chassis that offers better road holding. The interior design continues to focus on both comfort and luxury.
          The Volvo S80 offers three choices of engines – T4 petrol engine with turbocharger, D4 diesel engine and DRIVe FlexiFuel engine that can be operated on E85 fuel and emits low carbon dioxide.
          The Volvo S80 Model Year 2013 comes with the latest safety and driver’s comfort features including the innovative Active High Beam and Road Sign Information in T4 and D4 version, and the Tunnel Detection which is standard in all models.
          EXTERIORIconic Volvo S80, Iconic Volvo Design: Simply Timeless & Elegantly ScandinavianA four-door sedan has stronger muscular stance and inherent dynamism in the car’s visual expression, gives the car a solid and compact image, with smoother flowing contours and powerful raised bonnet profile. The headlamps, positioned low, follow the curvature of the front and extend along the side and upwards, creating a gentle, but knowingly satisfied, smile. The S80 is equipped with the Active Bending headlights provide better vision when driving at night as they tilt to the curves along the winding road that provides clearer vision at night. S80 has to be one of the safest and greenest cars on the roads today!
          The aura of elegance personified Volvo's S80 creates an image of being in constant motion, through vivacious sweeping lines from the bonnet’s characteristic V-shape all the way down into the spoiler and back along the hallmark Volvo broad shoulders to the refined rear tail-lamps.
          The new look of the Volvo S80 is enhanced by the chrome accent reflecting confidence and success. The S80 now comes with chrome trim on the side passenger doors, front air damp and fog lamps and underneath rear tail lights, and enlarged Volvo emblem for bolder look. The S80 T4 Model Year 2013 also comes with Sunroof for enhanced pleasure in all journeys.

INTERIOR
The Scandinavian Design
The interior decoration accentuates sophistication and success. The T4 and D4 versions come with sovereign hide soft leather and wood door panels. Eight out of 10 Volvo customers say they want leather seats, so the Volvo designer team developed the seats further to offer more comfort with the ergonomic upholster. The leather seats are available in two colour schemes – blond and offblack.

In the T4 and D4 version, the instrument panel and door panels are decorated with classic wood while the DRIVe has dark leather decoration. A super-slim 'floating' centre console to blend in seamlessly with the more classic and exclusive design, and it extends all the way through to the rear seat. Steering wheels enhance the luxury feeling inside the S80 with wood inlay steering wheel in the T4 and D4 while the DRIVe is equipped with leather-clad steering wheel.

The S80 comes with a new gear shift knob with better grip. The white decoration light enables it to illuminate in the dark. Drive modes are indicated directly on the top of the knob for driver to see easily.

Volvo Sensus - refined infotainment
Volvo Sensus is an excellent example of how Volvo Cars refines the driver environment. All information is presented on a seven-inch colour screen in the upper part of the centre stack. The screen is positioned high up to make it easy for the driver to keep his or hers eyes on the road while having easy access to important information. All the functions can be controlled via buttons built into the steering wheel or via touch buttons located just below the colour screen.

The Bluetooth connection has been upgraded to allow not only hands-free phone conversations but also music streaming from a preferred Bluetooth enabled portable music player.

ENGINEVolvo S80 offers three choices of engines that are energy saving and environmentally friendly with low emission.
· T4 GTDi: the 2-litre petrol engine with turbocharger produces as maximum 203 hp at 6,000rpm and maximum torque of 300Nm at 1,750-4,000 rpm. Equipped with the 6-speed Powershift transmission with Geartronic, the engine is very fuel saving with 12.05 km per litre consumption rate while emitting only 152 gm of carbon dioxide per kilometer.
· DRIVe: The FlexiFuel E85 five-cylinder 1.6-litre turbocharged engine produces a power output of 180 horsepower at 5,700 rpm and 240 Nm of torque at 1,600–5,000 rpm, Equipped with the 6-speed Powershift transmission with Geartronic for uncompromised driving pleasure. When operating on petrol, the fuel consumption rate is 13.5 km per litre and emits 136 gm of carbon dioxide per km. When filling up with E85 fuel, its fuel consumption rate is 9.9 km per litre and emits 131 gm of carbon dioxide per kilometer.
· D4: the diesel turbocharged engine is capable of running on B5 fuel. The 2-lt engine produces a power output of 163Hp at 3,500 rpm and torque of 400Nm at 1,500-2,750 rpm. It is mated to a six-speed Geartronic transmission for uncompromised driving pleasure. Fuel consumption rate is 16.6 km per litre and emits only 126 gm of carbon dioxide per kilometer.

SAFETY STRUCTURE
Strong body structure
The advanced front structure consists of deformation zones of different grades of steel, each one with a certain role in a collision. The structure is designed to help provide increased protection in a frontal collision. Side structures of different grades of steel and a number of tubes and members are all designed to "move" the body to the side, helping to reduce the risk of passenger compartment intrusion. For maximum protection, Volvo uses four grades steel to make the vehicle – High Strength Steel, Extra High Strength Steel and Ultra High Strength Steel.

Side Impact Protection System
Volvo's Side Impact Protection System helps absorb incoming collision forces in order to maintain adequate safety space for the passengers.

Advanced, integrated braking functions
· A highly advanced braking system is an important part of the dynamic driving properties of the S60. Volvo's new sports wagon is equipped with a number of features that interact to provide the shortest possible stopping distance in all scenarios.
· Ready Alert Brakes can predict when swift braking is needed. The brake callipers are applied lightly to the brake discs even before the driver presses the brake pedal.
· Hydraulic Brake Assist helps the driver brake in the shortest possible distance. In an emergency situation where the driver does not press the brake pedal fast or hard enough, Hydraulic Brake Assist can help utilise the ABS system optimally and thus shorten the overall braking distance.
· Optimized Hydraulic Brakes is a system that amplifies braking ability during firm braking by using hydraulics to compensate for low vacuum pressure in the brake servo.
· Fading Brake Support uses the hydraulic system to gradually build up brake pressure during long, hard braking. This helps reduce the risk of brake fade and maintains pedal feel.
· An electronic parking brake is fitted as standard.

PREVENTIVE SAFETY
Safer with 3 new technologies
1. Active High Beam – in T4 and D4 version
Active High Beam helps the driver utilize high beam more efficiently. It offers automatic switching between high and low beam at the right moment. Active High Beam is using forward looking camera located in the top middle of front windscreen to detect the headlights from vehicles in the front. Advanced image processing software analyses this data and provides information about the position and direction of other vehicles. The calculation serves as the basis for automatic switching between low and high beam. This gives the driver the best possible visibility at night.

The technology can be equipped with Active Bending Lights – swiveling headlamps that follow the sweeps and bends of the road. Visibility in poor conditions is also enhanced with the option of an electrically heated windscreen and a rain sensor, which automatically starts and regulates the wipers when it rains.

2. Tunnel Detection
Tunnel Detection will automatically turn on the headlights when the car enters into dark area or tunnel. The headlights will turn back to the setting it had before when the car passed the tunnel. Tunnel Detection uses special sensor located on the front windscreen. This does not only increase the visibility to the driver and other road neighbours during pass through the tunnel but also reduce risk that might occur due to rapidly change from bright to dark environment. Human eyes needs time to be adapted from bright to dark.

3. Road Sign Information – in T4 and D4 version
The Road Sign Information gives an extra “eye” on the traffic environment. It reminds the driver to respect traffic rules for safety and helps reduce risk of accident. The information flow in the traffic is high and it is sometimes difficult for driver to catch all information, especially in the distracting traffic situations.
Road Sign Information will assemble the most important road signs, prioritize the information and display in the combined meter. This will give the driver extra time to catch up on important sign on the road. The recognized signs detected by this technology must follow to the EU Standard.

MSN on November 29, 2013, 03:35:44 PM
Safety and Support
The Volvo S60 Model Year 2013 is designed for modern consumers with a full range of innovations and advanced technologies that help make driving and controlling a car an easy and safer task.

Collision Warning with Full Auto Brake and
Pedestrian Detection – in S model only

Designed for highway driving, Collision Warning with Full Auto Brake can sense and alerts the driver if the distance to a vehicle ahead suddenly decreases below 150 metres. The radar sensor on the front grille and digital sensor on the windshield will measure the distance to a vehicle ahead. If the car in front stops abruptly and the Collision Warning views that the accident is possible, it will beep and blink to alert the driver. The Auto Brake system's braking function prepares for heavy braking and brakes the car automatically (with up to 50% of the maximum braking power) if the driver has not reacted to the warning signal. The system will also automatically switch on hazard light to warn the car behind.
Pedestrian Detection is a groundbreaking technological solution. It can detect pedestrians who walk into the road in front of the car, warn the driver - and automatically apply full braking power if the driver does not respond in time.

The system consists of a newly developed radar unit integrated into the car's grille, a camera fitted in front of the interior rear-view mirror, and a central control unit. The radar has wider field of vision (60 degree) and its task is to detect any object in front of the car and to determine the distance to it. The camera determines what type of object it is or whether it is human being (with head, shoulders, arms, body and legs). This system is standard and is activated when the car travels at below 35 km/h speed.

In an emergency situation the driver first receives an audible warning combined with a flashing light in the windscreen's head-up display. At the same time, the car's brakes are pre-charged. If the driver does not react to the warning and an accident is imminent, full braking power is automatically applied.

City SafetyCity Safety – A collision avoidance technology which is standard equipped in Volvo cars.

At speeds up to 50 km/h, a collision can be avoided completely. The laser sensor embedded in the windshield will scan the area within 10 metre range in front of the car, sensing if vehicles ahead are moving slower or standing still. In a situation where the calculated braking force needed reaches a certain level, and the driver has not reacted, the City Safety function senses that a collision is imminent. Brake will be pre-charged to enable the driver to stop the car more effectively. If the driver does not react, the system will automatically brake. If the difference in speed between the vehicles is below 16 km/h, an accident can be avoided. However, if the difference in speed is higher, the consequences of the impending collision can be mitigated considerably because the system will intervene to reduce speed when the collision occurs.

Dynamic Stability & Traction Control (DSTC)
Volvo's Dynamic Stability and Traction Control system continuously registers the car's roll rate, making it possible to detect slowly building skids at an early stage. Generally, the system helps stabilise the car in evasive manoeuvres, particularly when the car is exposed to high lateral forces.

The Blind Spot Information System (BLIS) available in S80 is also designed to prevent and reduce risk of road accident. BLIS, activated when the car speed exceeds 10 km/h, comprises a camera that captures the traffic on the blind spots on the side and back of the car. When another car comes into the blind spot areas, the system will alert the driver by blinking the light on the side door window.

Distance Alert - in T4 and D4 version
Distance Alert helps drivers maintain distance between the car and the car in front even without using Cruise Control.

Driver Alert Control (DAC) - in T4 and D4 version
This world-first innovation in passenger cars monitors the car’s movements relative to the road and traffic, not only the driver’s personal driving behavior which, of course, varies from one driver to another, and thereby assesses whether the vehicle is being driven in a controlled or uncontrolled way. If the risk is assessed as high, the driver is alerted via an audible signal. In addition, a text message appears in the car’s information display, alerting him or her with a coffee cup symbol to take a break. The system steps in at 65 km/h and stays active as long as the speed exceeds 60 km/h and proves invaluable in combating driver fatigue on long distance or motorway journeys where concentration can easily reduce.

Lane Departure Warning (LDW) - in T4 and D4 version
Lane Departure Warning has been developed to help prevent single-vehicle road departure accidents as well as head-on collisions due to temporary distraction. LDW is activated via a button in the centre stack and it alerts the driver with a gentle warning sound if the car crosses one of the road markings without an obvious reason such as use of the turn indicator, or the positive turn of the steering wheel. The system also uses a camera to monitor the car’s position between the road markings. LDW steps in at 65 km/h and stays active as long as the speed exceeds 60 km/h. On US highways, single-vehicle road departures account for approximately one fourth of all accidents. Volvo Cars’ researchers estimate that the LDW system can help prevent 30 to 40 percent of these types of accidents at speeds between 70 and 100 km/h.

Adaptive Cruise Control with Queue Assist - in T4 and D4 version
The Adaptive Cruise Control with Queue Assist and Distance Alert system helps adjust the car speed to match with the current traffic and distance from the lead vehicle at below 30km/h speed as well as automatically stops and moves the car to the traffic move. Distance Alert is activated at all speed level up to 200 km/h will light up the signal on the Head-Up display when the distance to the lead vehicle is shorter than the chosen. When travelling at higher than 30 km/h speed, the driver can set the desired speed and the shortest time to reach the lead vehicle and the system will automatically reduce the car speed when it approaches the vehicle in front too fast.

The Active Bending Light provides better vision as the light bends according to the steering position.

PROTECTIVE SAFETY
Volvo Cars is known for its legendary holistic approach to safety and this encompasses both preventive and protective safety and personal security.

Protective safety in Volvo S80 is structured in the form of a network of exterior and interior safety systems that interact in a cohesive concert of technology to reduce the risk of occupant injury in the event of a collision. The exterior systems have the task of distributing and absorbing incoming collision forces so that the passenger space is preserved as intact as possible.

The purpose of the interior safety systems is to keep the passengers securely in place and to minimise the risk of serious injuries. To accomplish this and provide the most effective protection possible, Volvo Cars has developed a number of unique systems. A new type of side-impact airbag makes Volvo’s patented SIPS (Side Impact Protection System) even more effective. The new side-impact airbags feature two separate inflation chambers. The side-impact airbags interact with the inflatable curtains (IC) and the body’s network of beams to protect as effectively as possible.

All five seats are equipped with three-point inertia reel safety belts, belt pre-tensioners and head restraints. The highest possible safety requires that all occupants always use their safety belts.

Whiplash Protection System (WHIPS)
Volvo’s system for avoiding neck injuries – WHIPS (Whiplash Protection System) – is one of the most effective on the market. In the event of a severe impact from the rear, the front seat backrest and head restraint move together with the occupant’s body, thus damping its movement much like the way the arms move rearward when catching a ball. In the latest generation of WHIPS, the system’s function has been further developed to provide an even smoother “catching” motion.

SECURITY
The award-winning Personal Car Communicator (PCC) which is an advanced control centre in pocket format. At the touch of a button, the car owner can instantly find out whether the car is locked or unlocked; whether the alarm has been activated or even if there is an intruder inside the car or not through a heartbeat sensor. And it is possible to check at any time and from anywhere if the PCC is within the range of 60-100 metres.

GREEN VEHICLE
With commitment to the better world and living, Volvo has continuously developed its vehicles and state-of-the-art technology that create the least possible impact on the environment

DRIVe – Volvo’s attempt to cut CO2 emission
The S80 DRIVe Model Year 2013 is a work under DRIVe program. The program looks into the entire process, from design to research, development, performance and ability to recycle parts at the end of vehicle life. This attempt leads to the development of no-emission vehicles and interesting technologies, including FlexiFuel and alternative fuel, aerodynamic design that effectively reduces friction for improved fuel efficiency, and new technologies for clean air in the passenger cabin.

In Thailand, Volvo cars which are powered by the innovative E85 engine under DRIVe programme have passed the test by Thailand Industrial Standard Institute (TISI) with extremely low emission, which is approximately 70% better than TISI standard.

The Environment & Air Quality
The Volvo S80 is built and equipped to impact as little as possible on the global environment and to provide a clean and healthy in-car environment. Petrol FFV engines with low internal friction, efficient combustion and advanced exhaust filtration techniques all help produce low emission levels and energy-efficient diesel engines produce low emissions of carbon dioxide and particulates meaning this car is already beyond the proposed Euro V standard.

The engines in the Volvo S80 can be optionally specified with a catalytic radiator coating known as PremAir®. This system converts harmful ground-level ozone into pure oxygen as the car is driven. Its benefit is greatest in dense traffic and strong sunlight.

Volvo IAQS (Interior Air Quality System) effectively reduces the amount of particles, pollen, gases and certain unpleasant odours in the air that enters the passenger compartment. All the interior fabrics and leather used in the upholstery are certified according to ÖKO-TEX 100, an international standard that guarantees that the interior is free from allergenic and hazardous substances. The climate unit can also be supplemented with the Clean Zone Interior Package (CZIP), an advanced system that provides healthier air quality inside the passenger compartment (approved by the Swedish Association against Asthma & Allergy).

MSN on November 29, 2013, 03:36:57 PM
เชฟโรเลตเผยโฉมยานยนต์รุ่นล่าสุด ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30


 
          พบกับรถยนต์ต้นแบบเครื่องยนต์ V8 “เอสเอส คอนเซปต์”
          เปิดตัวรถกระบะโคโลราโดรุ่นล่าสุด มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์อันทรงพลัง และสีส้มใหม่ “ออเรนจ์ ร็อค”
          เพิ่มสมรรถนะและคุณสมบัติใหม่กับ เทรลเบลเซอร์

          บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ สู่วงการยานยนต์ เตรียมพบกับรถกระบะขนาดกลาง เชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขุมพลังดูราแม็กซ์ เทอร์โบดีเซล เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ เสริมคุณสมบัติใหม่อีกมากมาย ที่งานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป
          นอกจากรถกระบะอันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้แล้ว เชฟโรเลตยังแนะนำรถยนต์เอนกประสงค์ เทรลเบลเซอร์ รุ่นล่าสุด ที่ใช้เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่เช่นกัน ทั้งยังครบเครื่องด้วยอุปกรณ์อย่างกล้องมองหลังและระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทดลองใช้งานจริงภายในบูธอีกด้วย
          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรงแบบคลาสสิกสไตล์มัสเซิลคาร์ขนานแท้ พลาดไม่ได้กับรถยนต์ต้นแบบ เอส-เอส คอนเซปต์ ซึ่งเป็นมัสเซิลคาร์ 4 ประตู เครื่องยนต์ V8 รุ่นแรกของเชฟโรเลตนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 ซึ่งจะนำมาจัดแสดงภายในงานเพื่อวัดระดับความสนใจในตลาดรถยนต์เมืองไทย
          “พวกเราทุกคนที่เชฟโรเลตยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อวงการยานยนต์อยู่เสมอ” มร. กุสตาโว โคลอซซี รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และการบริการหลังการขาย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย และ เจนเนอรัล มอเตอร์ส เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว “สิ่งใดที่ดีอยู่แล้ว เราก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น อย่างเช่นเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นขุมพลังของรถยนต์รุ่นโคโลราโดและเทรลเบลเซอร์ นอกจากนี้ ทีมงานของเชฟโรเลตยังทุ่มเทแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ในการพัฒนารถยนต์ทุกรุ่น ดังจะเห็นได้จากรถยนต์ต้นแบบ เอสเอส คอนเซปต์ ที่นำมาจัดแสดงในปีนี้”
          “เรายังมีเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในทุกประสบการณ์การขับขี่ ดังจะเห็นได้จากระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ สรุปแล้วก็คือ แก่นแท้ของเชฟโรเลต การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนได้อย่างดีที่สุดครับ” มร. โคลอซซีกล่าวเสริม
          เชฟโรเลต โคโลราโด ใหม่
          รถกระบะมิดไซส์ เชฟโรเลต โคโลราโด รุ่นปี 2014 มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ดูราแม็กซ์ รุ่นล่าสุด ระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือแม้แต่สีตัวถังใหม่ “ออเรนจ์ ร็อค” โดยผู้สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้
          สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ดูราแม็กซ์ รุ่นใหม่นี้ ได้รับการออกแบบมาให้มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อรองรับสมรรถนะที่สูงกว่าเดิม โดยสำหรับรุ่น 2.8 ลิตรนั้น มีพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า (147 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ทำให้เชฟโรเลต โคโลราโด เป็นหนึ่งในรถปิคอัพขนาดกลางที่ทรงพลังที่สุด ด้วยอัตราส่วนแรงบิดที่สูงถึง 178 นิวตันเมตรต่อลิตร ด้วยเครื่องยนต์ใหม่นี้ ทำให้โคโลราโดมีอัตราเร่งและสมรรถนะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเสริมให้สามารถลากจูงหรือบรรทุกสินค้าได้มากขึ้นอีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์รุ่น 2.5 ลิตรนั้น มีพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 3,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
          เชฟโรเลต โคโลราโด ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ได้รับการปรับแต่งอัตราทดเกียร์ให้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันสูงสุด ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็คุ้มค่ายิ่งขึ้นด้วยระบบแสดงผล Display Information Cluster (DIC) ที่นำเสนอข้อมูลต่างๆ อย่างครบครันเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้น้ำมันได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และตระหนักถึงพฤติกรรมในการขับขี่ของตนเองอีกด้วย
          ส่วนระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความเพลิดเพลินในยามขับขี่ และสำหรับโคโลราโดรุ่น LTZ1 มีระบบนำทางผ่านดาวเทียมติดตั้งเพิ่มมาให้อีกด้วย นอกจากนี้ ระบบมายลิงค์ จะช่วยให้รถยนต์เชฟโรเลตสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บนเครื่องโทรศัพท์ได้อย่างสะดวกสบาย โดยหน้าจอทัชสกรีนความละเอียดสูง สีสันสดใส ขนาด 7 นิ้วของมายลิงค์ สามารถแสดงภาพได้ทั้งปกอัลบั้มเพลง วิดีโอ ภาพถ่าย หรือแม้แต่ภาพยนตร์ DVD โดยที่ผู้ใช้สามารถเลือกฟังเพลงจากเพลย์ลิสท์ส่วนตัว สนทนาทางโทรศัพท์แบบแฮนด์สฟรี และใช้ฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกมากมาย สำหรับราคาเชฟโรเลต โคโลราโดในประเทศไทย อยู่ระหว่าง 570,000 บาทถึง 998,000 บาท.
          เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์
          อีกหนึ่งไฮไลท์ของเชฟโรเลตที่โดดเด่นที่สุดในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 นี้ คือรถยนต์ต้นแบบ เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์ ซึ่งเป็นรถซีดานประสิทธิภาพสูง เครื่องยนต์ V8 แบบขับเคลื่อนล้อหลังคันแรกที่เชฟโรเลตได้พัฒนาขึ้นนับตั้งแต่ปี 2539 รถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาให้มีสมรรถนะสูงสุดทั้งบนถนนและในสนามแข่ง โดยมีรากฐานการพัฒนามาจากรถยนต์ วีเอฟ คอมโมดอร์ และผลิตขึ้นโดยโรงงานของ จีเอ็ม โฮลเด้น ที่เมืองเอลิซาเบธ ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย
          รูปลักษณ์ภายนอกของ เอสเอส คอนเซปต์ มาในมาดคมเข้มและลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทั้งยังเท่เตะตาด้วยสีส้มเมทัลลิกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถต้นแบบรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตัดกับล้อแม็กสีดำวาววับอย่างชัดเจน
          เมื่อสัมผัสกับแสงไฟแล้ว รถต้นแบบคันนี้ก็จะเผยให้เห็นถึงพื้นผิวตัวถังที่ออกแบบมาอย่างละเอียดอ่อนและซับซ้อน จนออกมาเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์สปอร์ต ที่สอดรับกับรูปทรงตัวถังแบบรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังได้เป็นอย่างดี ล้อแม็กทรง 5 แฉกสีดำสนิทนั้น เป็นงานขึ้นรูปโดยช่างผู้ชำนาญการที่โดดเด่นด้วยการเคลือบผิวแบบพิเศษเฉพาะตัว ส่วนผิวสีเทาวาววับของกระจังหน้าและคิ้วล้อก็เสริมให้ เอสเอส คอนเซปต์ มีบุคลิกที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น
          เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์ พัฒนาขึ้นโดยมีรากฐานมาจากแพลตฟอร์มยานยนต์ประสิทธิภาพสูงแบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ใช้ในการพัฒนารุ่นคามาโรมาแล้ว และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.0 ลิตร แบบวาล์วเหนือสูบ (OHV) วัสดุอัลลอยทั้งบล็อก มีพละกำลังสูงสุด 362 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที นอกจากนี้ เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังมี ฝาเสื้อสูบแบบ Cross Flow และเซ็นเซอร์น็อคแบบคู่ และระบบตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานในตัวอีกด้วย
          ส่วนตัวถังแบบสปอร์ต ก็มาพร้อมกับช่วงล่างแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัทด้านหน้า และช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ซึ่งทำให้ เอสเอส คอนเซปต์ สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ด้วยการกระจายน้ำหนักในอัตราส่วนราว 50/50 และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ส่วนระบบเบรกของเบรมโบ ก็สามารถหยุดมัสเซิลคาร์ตัวแรงคันนี้ได้อย่างง่ายดาย
          เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ใหม่
          รถยนต์เอนกประสงค์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ รุ่นใหม่ ได้รับการเสริมสมรรถนะด้วยขุมพลังดูราแม็กซ์ รุ่นล่าสุดและคุณสมบัติใหม่อีกมากมาย ซึ่งรวมถึงระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ด้วยเช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้เทรลเบลเซอร์เป็นรถยนต์สารพัดประโยชน์สำหรับทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง และถือเป็นการยกระดับคุณภาพในตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ของเมืองไทยขึ้นไปอีกระดับ
          เครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ของเทรลเบลเซอร์มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรองรับสมรรถนะที่สูงกว่าเดิม โดยส่วนประกอบภายในจำนวนมากได้รับการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้ทนทานเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ทีมวิศวกรระบบส่งกำลังของจีเอ็มได้เลือกที่จะเน้นพัฒนาสมรรถนะและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์รุ่นนี้ โดยไม่ต้องขยายความจุของตัวเครื่องแต่อย่างใด
          รถเอนกประสงค์ เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ทุกรุ่น มีระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ติดตั้งมาให้ในตัว โดยที่รุ่นท็อปอย่าง LTZ1 จะมีระบบมายลิงค์แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบไปด้วยลำโพง 9 ตัว จอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว และระบบนำทางผ่านดาวเทียม พร้อมฟังก์ชันแสดงผลปกอัลบั้มเพลง วิดีโอ ภาพถ่าย และภาพยนตร์ DVD นอกจากนี้ เทรลเบลเซอร์ LTZ1 ยังสามารถใช้จอมายลิงค์เป็นจอแสดงภาพจากกล้องมองหลังได้อีกด้วย สำหรับราคาเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ในประเทศไทย อยู่ระหว่าง 1,095,000.00 บาทถึง 1,465,000 บาท
          ไฮไลท์อื่นๆ ในงาน
          นอกเหนือจากรถยนต์และเทคโนโลยีล่าสุดเหล่านี้ เชฟโรเลตก็ยังมีรถยนต์รุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นซับคอมแพกต์ซีดานและแฮทช์แบ็ครุ่น โซนิค รถเอนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่น สปิน รถซีดาน ครูซ และรถเอนกประสงค์ แคปติวา
          ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมบูธเชฟโรเลตภายในงานยังจะมีโอกาสได้สัมผัสกับประสบการณ์ มายลิงค์ ซิมูเลเตอร์ ซึ่งจะช่วยตอกย้ำถึงความสะดวกสบายและผู้ขับขี่จะได้รับเมื่อใช้ระบบมายลิงค์ ในรถยนต์เชฟโรเลตรุ่นต่างๆ ส่วนท่านที่มีความสนใจในด้านเทคนิค ก็สามารถค้นหารายละเอียดแบบเจาะลึกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์รุ่นใหม่ได้ ในนิทรรศการพิเศษที่จัดแสดงชิ้นส่วนต่างๆ ที่ได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้สูงขึ้น คลอไปกับดนตรีสดในสไตล์นิวฟังค์แจ๊ซ
          ทั้งนี้ ท่านจะได้พบกับข้อเสนอพิเศษมากมายภายในบูธเชฟโรเลต ดังนี้
          เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ ผ่อนเริ่มต้น 8,880 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          เชฟโรเลต แคปติวา ผ่อนเริ่มต้น 9,990 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          เชฟโรเลต โคโลราโด ผ่อน 0% นาน 48 เดือน
          เชฟโรเลต ครูซ ฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปีเต็ม พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
          จองเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ หรือ เชฟโรเลต แคปติวา รับฟรีซัมซุง แกแล็กซี่ โน้ต 8.0

          พบกับเชฟโรเลตได้ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 ได้ที่บูธหมายเลข A12 แชลเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี โดยงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป จะจัดขึ้นที่อาคารอิมแพกต์ แชลเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2556

MSN on November 29, 2013, 03:37:25 PM
Chevrolet Showcases Ingenuity, Passion and Evolution at 30th Thailand International Motor Expo



          Showcases V8-powered Chevrolet SS Concept
          Launches new, class-leading Colorado midsize pickup truck with efficient new Duramax engine and ‘Orange rock’ paint job
          New Trailblazer with several new features launched

          Chevrolet Sales Thailand’s (Chevrolet) booth at the 30th Thailand International Motor Expo will be showcasing products and technologies that underline the automaker’s constantly evolving products, passion and ingenuity. Leading the show will be the much-anticipated launch of one of Chevrolet’s iconic midsize Colorado pickup truck which now comes with a more powerful Duramax turbo-diesel engine and other enhancements.
          In addition to this, the new Chevrolet Trailblazer will also makes its debut at this years Motor Expo. The Trailblazer now comes with the new Duramax engine along with new features like a reversing camera and MyLink Infotainment system.
          Also taking to the stage is the Chevrolet SS Concept, Chevrolet’s first four-door V8 muscle car since 1996. Yet to go on sale in Thailand and the rest of the region, Chevrolet is using the Motor Expo to evaluate response to its latest muscle car. Visitors to Chevrolet’s booth will also have hands-on opportunities to learn what MyLink is all about.
          Speaking at Chevrolet’s booth presentation, Mr. Gustavo Colossi, Vice President of Sales, Marketing and Aftersales, Chevrolet Sales Thailand and General Motors SEA Operations said, “At Chevrolet, we continue to evolve and change. We continue to make good things better such as the new Duramax engine, which now powers the new Colorado and Trailblazer. We also inject a lot of passion into our products. Look no further than the Chevrolet SS Concept in front of you.”
          “We are also constantly coming up with ingenious solutions that make life behind the wheel more enjoyable. Solutions such as the MyLink infotainment system. In short, this is what Chevrolet is about – building a strong brand and products that connect with customers everywhere,” he continued.

New Chevrolet Colorado
The new, 2014 Chevrolet Colorado midsize pickup truck comes with a several new features like the new Duramax diesel engine, the MyLink infotainment system, a new six-speed manual transmission and a new body color, ‘Orange Rock’ is also available now.

GM’s new Duramax diesel-turbo powertrain is built stronger to handle the increased outputs. The 2.8L variant now produces 200 hp (147 kW) of power at 3600 rpm and 500 Nm of torque at 2,000 rpm, making the Colorado one of the most powerful in its class. Equivalent to 178 Nm-per-liter, the new engine will improve the Colorado’s acceleration and linear performance, and enhance the vehicle's towing and payload capacity. The 2.5L variant now produces 163 hp (120 kW) at 3600 rpm and 380 Nm of torque at 2000 rpm.

Both variants of the Colorado will come with new six-speed manual transmissions with retuned ratios to take advantage of the new Duramax's characteristics, for the best combination of performance and economy. Inside, the truck features an enhanced Display Information Cluster (DIC) with additional displays that encourages the driver to be more fuel conscious and monitor their driving habits.

Chevrolet’s MyLink infotainment system is a part of the automaker’s continued efforts to make driving more enjoyable. The LTZ1 version of the Colorado will also come with Satellite Navigation system. MyLink offers new levels of convenience and flexibility by bringing smartphone capabilities into the vehicle. It aggregates content from the smartphone onto the seven-inch, high resolution, full-color touch-screen display. MyLink is capable of displaying album art, videos, pictures and DVD playback. Users can access personal playlists and make hands-free voice calls, amongst other functions. The new Chevrolet Colorado is priced between Bt 570,000 to Bt 998,000.

Chevrolet SS Concept
On display at the 30th Thailand International Motor Expo is the stunning Chevrolet SS Concept. It is Chevrolet’s first V8, rear-wheel-drive performance sedan since 1996 and is designed to deliver performance on the street and on the track. The Chevrolet SS Concept is based on the new VF Commodore and manufactured at GM Holden’s plant in Elizabeth, South Australia.

The SS Concept has a mature, aerodynamic exterior design, which has been finished in eye-catching custom Fantale orange metallic paint specially created by Chevrolet for the show car. It’s muscular design is enhanced with a bespoke paint job and well contrasted against glossy black multi-spoke wheels.

Under spotlights, the show car’s glowing finish emphasises the more sculpted, layered surfacing and bolder graphics that give the Chevrolet SS a powerfully different sports design character and complement its classic rear drive performance car proportion. The gloss black paint on the hand-machined double five-spoke wheels is a custom finish, while the cool gunmetal chrome detailing on the front fascia and the vertical fender add a touch of luxury.
The Chevrolet SS Concept is based on the proven, race-tested, global rear-wheel drive platform of the Camaro and is powered by a Generation IV 90-degree 6.0L all-alloy OHV (Overhead Valve) V8. The engine produces 362 hp (279 kW) at 5,600 rpm and 530 Nm at 4,400 rpm. It also features cross-flow cylinder heads, twin knock sensors and on-board diagnostics.

A sport-tuned chassis, featuring MacPherson struts at the front and multilink independent suspension at the rear, ensures the SS corners well. Handling is also helped by a near 50/50 weight distribution, and a low center of gravity. Brembo brakes provide the SS with stopping power.

New Chevrolet Trailblazer
The new Trailblazer SUV, now comes with a new and more powerful Duramax engines in addition to other improvements. Apart from a new powertrain, the new Trailblazer will also be equipped with Chevrolet's MyLink in-car infotainment system. These improvements further underline the Trailblazer's 'Go Anywhere' concept and raises the bar for SUV’s in the market.

The new Duramax engine has been made stronger to handle the increased outputs, and certain elements have been redesigned to enhance durability and further improve overall quality. Instead of increasing capacity to enhance performance, GM powertrain engineers focused on improving efficiency and performance within the same capacities.

All versions of the Trailblazer will now get the MyLink infortainment syste, while the top-of-the-range Trailblazer LTZ1 is equipped with Chevrolet's latest generation MyLink infotainment system. It features nine speakers, a 6.5-inch touch-screen and built-in satellite navigation. The system is capable of displaying album art, videos, pictures and DVD playback. Since the LTZ1 is also equipped with a reverse camera, the 6.5-inch screen also doubles as the display when the reverse camera is in use. Prices for the Trailblazer in Thailand will range from Bt 1,095,000 to Bt1,465,000.

Also at the show
In addition to new vehicles and technologies, Chevrolet will also display its complete product portfolio and this includes the Sonic sub-compact sedan and hatchback, Spin compact MPV, Cruze sedan and the Captiva SUV.

Visitors to the Chevrolet booth will also have the opportunity to experience a MyLink Simulator, which shows how Chevrolets advanced new infotainment system benefits the driver. For those with a more mechanical interest, on display will be the new Duramax exhibition, which will show visitors each of the major upgraded parts in the new Duramax engine. In addition to this, the Chevrolet booth with have the NU Funk Jazz Band to entertain visitors at the booth.

Special sales promotions at the Chevrolet booth will include
· Chevrolet Trailblazer – installment payment starts from THB 8,880 with first-class insurance
· Chevrolet Captiva – installment payment starts from THB 9,990 with first-class insurance
· Chevrolet Colorado – 0% installment payment up to 48 months
· Chevrolet Cruze – 5-year free maintenance plus free first-class insurance
· Customers booking Chevrolet Trailblazer and Captiva will get free– Samsung Galaxy note 8.0.

Chevrolet’s booth is located at A12 at Challenger Hall, at Muang Thong Thani. The 30th Thailand International Motor Expo is held at IMPACT Challenger 1-3, Muang Thong Thani, Nontaburi and is open to the public from November 30 – December 10, 2013.

          For more information please visit www.chevrolet.co.th, http://media.gm.com/ or www.facebook.com/chevyclub

MSN on November 29, 2013, 03:38:21 PM
เชฟโรเลตโชว์รถต้นแบบ “เอสเอส” ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2013


 
          รถซีดานขับเคลื่อนล้อหลัง เครื่องยนต์ V8 รุ่นแรกของเชฟโรเลต นับตั้งแต่ปี 2539
          ผสมผสานสมรรถนะของรถแข่ง V8 พันธุ์แท้ และความสะดวกสบายของรถยนต์นั่ง 4 ประตู
          พัฒนาจากต้นตระกูลมัสเซิลคาร์ระดับตำนานของเชฟโรเลต

          เชฟโรเลตเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบตัวแรงรุ่นล่าสุด เอสเอส ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 30 โดย เอสเอส คอนเซปต์ เป็นรถซีดานสมรรถนะสูงแบบขับเคลื่อนล้อหลัง เครื่องยนต์ V8 รุ่นแรกของเชฟโรเลตนับตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา และได้รับการออกแบบมาเพื่อผสมผสานสมรรถนะที่ลงตัวทั้งในสนามแข่งและการใช้งานทั่วไป เอสเอส คอนเซปต์ ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยมีรถยนต์ โฮลเดน วีเอฟ คอมโมดอร์ เป็นพื้นฐาน และผลิตขึ้นที่โรงงานของจีเอ็ม โฮลเดน ในเมืองเอลิซาเบธ ทางใต้ของออสเตรเลีย
          รูปลักษณ์ภายนอกของ เอสเอส คอนเซปต์ มาในมาดคมเข้มและลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทั้งยังเท่เตะตาด้วยสีส้มเมทัลลิกที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถต้นแบบรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตัดกับล้อแม็กสีดำวาววับอย่างชัดเจน
          เมื่อสัมผัสกับแสงไฟแล้ว รถต้นแบบคันนี้ก็จะเผยให้เห็นถึงพื้นผิวตัวถังที่ออกแบบมาอย่างละเอียดอ่อนและซับซ้อน จนออกมาเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์สปอร์ต ที่สอดรับกับรูปทรงตัวถังแบบรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังได้เป็นอย่างดี ล้อแม็กทรง 5 แฉกสีดำสนิทนั้น เป็นงานขึ้นรูปโดยช่างผู้ชำนาญการที่โดดเด่นด้วยการเคลือบผิวแบบพิเศษเฉพาะตัว ส่วนผิวสีเทาวาววับของกระจังหน้าและคิ้วล้อก็เสริมให้ เอสเอส คอนเซปต์ มีบุคลิกที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น
          เชฟโรเลต เอสเอส คอนเซปต์ พัฒนาขึ้นโดยมีรากฐานมาจากแพลตฟอร์มยานยนต์ประสิทธิภาพสูงแบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ใช้ในการพัฒนารุ่นคามาโรมาแล้ว และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 6.0 ลิตร แบบวาล์วเหนือสูบ (OHV) วัสดุอัลลอยทั้งบล็อก มีพละกำลังสูงสุด 362 แรงม้า (279 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที นอกจากนี้ เครื่องยนต์บล็อกนี้ยังมี ฝาเสื้อสูบแบบ Cross Flow และเซ็นเซอร์น็อคแบบคู่ และระบบวิเคราะห์การทำงาน On-board diagnostics.
          ส่วนตัวถังแบบสปอร์ต ก็มาพร้อมกับช่วงล่างแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัทด้านหน้า และช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ที่ด้านหลัง ซึ่งทำให้ เอสเอส คอนเซปต์ สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ด้วยการกระจายน้ำหนักในอัตราส่วนราว 50/50 และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำได้ด้วยฝากระโปรงหน้าและฝากระโปรงท้ายอะลูมินัม ซึ่งน้ำหนักน้อยกว่าเหล็กทั่วไป 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนระบบเบรกของเบรมโบ ก็สามารถหยุดมัสเซิลคาร์ตัวแรงคันนี้ได้อย่างง่ายดาย
          รถยนต์ต้นแบบ เชฟโรเลต เอสเอส ได้ปรากฎโฉมต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกที่สนามแข่งรถ เดย์โทนา อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ โดยลงแข่งขันนาสคาร์ในรายการเดย์โทนา 500 พร้อมกับระบบพวงมาลัยที่ตอบสนองต่อทุกการขับขี่ได้อย่างแม่นยำโดยไม่ไวจนเกินไป เข้าคู่กับระบบเบรกจากเบรมโบ (มีจานเบรกแบบระบายความร้อนที่ล้อหน้า) ได้เป็นอย่างดี ส่วนล้ออลูมิเนียมขนาด 20 x 8.5นิ้ว พร้อมด้วยยาง 245/35ZR20 คู่หน้า และล้อขนาด 20 x 9.0 นิ้ว พร้อมยาง 275/30ZR20 คู่หลัง ก็ยึดเกาะพื้นถนนได้อย่างหาตัวจับยาก
          ห้องโดยสารของเชฟโรเลต เอสเอส เป็นผลงานการออกแบบสุดหรูที่ใช้วัสดุอย่างผ้ากำมะหยี่ โลหะชุบโครเมียม พื้นผิวสีดำวาววับ และหนังแท้แต่งตะเข็บ จนออกมาเป็นห้องโดยสารระดับพรีเมียมที่เติมสีสันด้วยแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็นผ้าเบาะลายคาร์บอนไฟเบอร์ หรือคอนโซลและพวงมาลัยสปอร์ตหุ้มหนัง ด้วยโทนสีแนวมืดขรึมและนุ่มนวล ห้องโดยสารของเอสเอส คอนเซปต์ จึงให้ความรู้สึกหรูหราสปอร์ต โดยผสมผสานวัสดุชั้นเยี่ยม งานฝีมือสุดประณีต และความสะดวกสบายเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
          ล้อคู่หลังของเอสเอส คอนเซปต์ มีระยะห่างระหว่างกันกว้างกว่าคู่หน้า จึงทำให้ซีดาน V8 คันนี้มีมาดของรถสปอร์ตสุดแกร่งอย่างเต็มตัว ส่วนพื้นที่ภายในห้องโดยสารก็กว้างขวางเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 5 คน ด้วยพื้นที่วางขาที่กว้างถึง 107 เซนติเมตรที่เบาะหน้า และ 99 เซนติเมตรที่เบาะหลัง ทั้งยังครบด้วยอุปกรณ์พิเศษมากมาย นับตั้งแต่เบาะสไตล์ bucket seat พร้อมระบบไฟฟ้าปรับตำแหน่ง 8 ทิศทาง ชุดเครื่องเสียงโบสพร้อมลำโพง 9 ตัว จอแสดงข้อมูลสีสันสดใส และคอนโซลกลางที่อัดแน่นไปด้วยระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ฟังก์ชันควบคุมเครื่องปรับอากาศ และอื่นๆ อีกมากมาย
          ส่วนในด้านความปลอดภัย เอสเอส คอนเซปต์ ก็ขนมาครบชุด ทั้งระบบ StabiliTrak ที่ช่วยควบคุมการทรงตัว ระบบเตือนการชนด้านหน้า สัญญาณเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน สัญญาณเตือนมุมบอดด้านข้าง กล้องมองหลัง และระบบตรวจจับรถด้านหลัง นอกจากนี้ รถต้นแบบคันนี้ยังมีระบบ Automatic Parking Assist ที่สามารถจอดรถได้โดยอัตโนมัติด้วยการอ่านความลึกและความกว้างของช่องจอดโดยใช้เซนเซอร์เทคโนโลยีอัลตราโซนิค
          ทั้งนี้ เชฟโรเลตยังไม่ได้ทำการตั้งราคาหรือกำหนดเวลาจำหน่ายของรถยนต์ เอสเอส คอนเซปต์ แต่อย่างใด โดยบริษัทมีความตั้งใจที่จะนำเอาเสียงตอบรับจากลูกค้าชาวไทยที่แวะมาเยี่ยมชมบูธในงานเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทำตลาดรถสปอร์ตรุ่นนี้ในประเทศไทย
          สำหรับข้อมูลหรือรูปภาพเพิ่มเติม www.media.gm.com หรือ www.chevrolet.co.th

MSN on November 29, 2013, 03:39:13 PM
Chevrolet Brings SS Concept to Motor Expo 2013


 
          Chevrolet’s first V8 rear-wheel-drive performance sedan since 1996
          A marriage between racetrack V8 performance and four-door practicality
          Born from a long heritage of iconic Chevrolet muscle cars

          On display at the Chevrolet booth at the 30th Thailand International Motor Expo 2013 is a Chevrolet SS Concept. It is Chevrolet’s first V8, rear-wheel-drive performance sedan since 1996 and is designed to deliver performance on the street and on the track. The Chevrolet SS Concept is based on the new VF Commodore and manufactured at GM Holden’s plant in Elizabeth, South Australia.
          The Chevrolet SS has a mature, aerodynamic exterior design, which has been finished in eye-catching custom Kandy Fantale orange metallic paint job specially created for the show car. Its muscular design is enhanced with a bespoke paint job and well contrasted against glossy black multi-spoke wheels.
          Under spotlights, the show car’s glowing finish emphasizes the more sculpted, layered surfacing and bolder graphics that give the Chevrolet SS a powerfully different sports design character and complement its classic rear drive performance car proportion. The gloss black paint on the hand-machined double five-spoke wheels is a custom finish, while the cool gunmetal chrome detailing on the front fascia and the vertical fender add a touch of luxury.
          The Chevrolet SS shares the same proven, race-tested, global rear-wheel drive platform as the Camaro and is powered by a Generation IV 90-degree 6.0L all-alloy OHV (Overhead Valve) V8. The engine produces 362 hp (270 kW) at 5,600 rpm and 530 Nm at 4,400 rpm. It also features cross-flow cylinder heads, twin knock sensors and on-board diagnostics.
          A sport-tuned chassis, featuring MacPherson struts at the front and multilink independent suspension at the rear, ensures the SS corners well. Handling is also helped by a near 50/50 weight distribution, and a low center of gravity. A low center of gravity – made possible in part by the aluminum bonnet and boot lid that are 30 percent lighter than traditional steel panels. Brembo brakes provide the SS with impressive stopping power.
          The Chevrolet SS debuted at the Daytona International Speedway, as the Chevrolet SS racecar made its NASCAR debut during the Daytona 500. Steering response has been tuned to be communicative without being overly sensitive, while Brembo brakes (ventilated at the front) provide the stopping power. Forged aluminum 20 x 8.5-inch wheels with 245/35ZR20 tires in front and 20 x 9.0-inch wheels with 275/30ZR20 tires at the rear help keep the SS glued to the road.
          Inside, the SS benefits from a sleek interior design layered with up-scale finishes of suede, galvano chrome, gloss black and perforated leather with accent stitching. The result is a premium-grade cabin detailed with motorsport-inspired touches including carbon fiber look cross-car applique, stitched leather instrument binnacle and sports profile leather steering wheel. The interior theme is well-appointed sport luxury: dark-toned, subtle and sophisticated. This is a carefully considered ergonomic design, defined by the use of high-quality materials, careful tailoring, craftsmanship and comfort.
          The staggered front and rear wheels, which are pushed out to the corners, enhance the sporting, muscular stance of the SS while the spacious interior comfortably accommodates five adults, with 107 cm of front legroom, and 99 cm of rear legroom. Some of the interior features include eight-way power adjustable front bucket seats, Bose nine-speaker sound system, color heads-up display and an integrated center stack with MyLink infotainment, climate and other vehicle controls.
          Active safety features come in the form of StabiliTrak Electronic Stability Control, Forward Collision Alert, Lane Departure Warning, Side Blind Zone Alert and Rear-vision camera Rear Cross Traffic Alert. The Chevrolet SS also comes with Automatic Parking Assist, which provides hands-free parking using ultrasonic sensing system to detect the width and depth of either parallel or reverse right-angle parking spaces. The driver controls the throttle, transmission, and brake, and the system controls steering inputs.
          No price and availability details are set for the SS at this point. Chevrolet Thailand plans to study the possibility of selling the SS in Thailand based on the response from the Thai customers who come to visit the show.

For more information please visit www.chevrolet.co.th, http://media.gm.com/ or www.facebook.com/chevyclub

MSN on November 29, 2013, 03:40:18 PM
ปอร์เช่ขนทัพรถหรูร่วมโชว์ในงานมหกรรมยานยนต์ 2013


 
          บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 (Thailand International Motor Expo 2013) เพื่อเป็นการประกาศและตอกย้ำความเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยภายในงานท่านจะมีโอกาสได้สัมผัสสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลกอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย ปอร์เช่ เคย์แมน ใหม่ (The new Cayman) รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง 2 ที่นั่งเปิดประทุน , บ็อกซ์เตอร์ใหม่ (The new Boxster) รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง, 911 คาร์เรร่า (911 Carrera) รถสปอร์ตที่เป็นตำนานของปอร์เช่, 911 50 ปี (911 50 Years Edition) รุ่นเฉลิมฉลองที่ครองใจคนรักรถสปอร์ตมายาวนานถึง 50 ปี, คาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) รถสปอร์ตเอนกประสงค์ SUV และรุ่นที่เพิ่งได้รับการเปิดตัว ซึ่งมาพร้อมกับ ความประหยัดที่สุด คุ้มค่าที่สุด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด อีกทั้งเป็นรถยนต์ที่มีระบบไฮบริดแบบ Plug-in คันแรกของโลกในคลาสรถยนต์หรู นั่นคือ พานาเมร่า เอส อี-ไฮบริด (Panamera S E-Hybrid)

          เอเอเอสฯ ในฐานะผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ให้ความมั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันที่ทางเอเอเอสฯ นำเข้าและจัดจำหน่ายได้ผ่านการทดสอบโฮโมโลเกชั่น (Homologation) ของประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและครบทุกกระบวนการที่จำเป็นและสำคัญสำหรับการนำมาใช้งานในประเทศไทย ระบบจัดการของเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับแต่งและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกฎระเบียบและสภาพ ภูมิประเทศของประเทศไทยอย่างดีที่สุด รวมถึงยังมีศูนย์บริการของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้มาตรฐานตามโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีกำหนดไว้ พร้อมทั้งมีทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานโดยตรง พร้อมให้การดูแลและบริการรถยนต์ปอร์เช่ของท่าน โดยลูกค้าสามารถมั่นใจในบริการที่จะได้รับ หากซื้อรถยนต์กับทางเอเอเอสฯ อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการบริการหลังการขายที่ได้คุณภาพโดยตรงจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนี ราคาที่เสียภาษีนำเข้ารถยนต์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และคุณภาพของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้มาตรฐาน ไม่เพียงเท่านั้นทางเอเอเอสฯ ยังได้จัดแคมเปญสุดพิเศษมามอบให้ท่านลูกค้าที่จองซื้อรถยนต์ปอร์เช่ภายในงานนี้

          รับฟรีไมล์สะสมบินทั่วโลก 100,000 ไมล์
          คุ้มค่าที่สุดด้วยบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 100,000 บาท
          การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่เยอรมนีนาน 9 ปี
          พร้อมรับจดหมายรับประกันการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
          *Term & Condition Apply

          นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมายที่ทางเอเอเอสฯ ได้จัดเตรียมให้ทุกท่านร่วมสัมผัสและค้นหา ความสุนทรีย์ของสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์กันอย่างใกล้ชิด รวมถึงรถยนต์ไฮไลท์ประจำบูธที่จะสะกดสายตาคุณให้หลงใหลไปกับสมรรถนะอันลือเลื่องที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และมี Accessories ต่างๆ ของปอร์เช่มาให้ท่านเลือกสรรมากมายในราคาพิเศษ ภายในงาน Motor Expo 2013 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. - 10 ธ.ค. 2556 นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

          ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
          แผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ AAS
          e-mail : pawarapa@porsche.co.th / porschepr@porsche.co.th

MSN on November 29, 2013, 03:41:34 PM
ซันยองจัดใหญ่!! ฉลองครบรอบ 10 ปี ทั้งแจก.. ให้.. แถม.. บุกงาน Motor Expo 2013





          ซันยองพร้อมแล้ว สำหรับมหกรรมยานยนต์ยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี Thailand International Motor Expo 2013 ปีนี้ในงานมาพร้อมธีม Innovative Energies World changing Verhicles “พลังงานสร้างสรรค์ ยานยนต์เปลี่ยนโลก” ซันยองจึงขอร่วม Concept ยกทัพยานยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียม รองรับพลังงาน Euro 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง Rexton W, Korando, Kyron และ New Stavic ที่ปรับโฉมเพิ่มความเร้าใจสไตล์ MPV สุดหรูมาช่วยกวาดยอดจองอีกครั้ง

          และพิเศษสุดสำหรับปีนี้ ครบรอบ 10 ปี ซันยอง ประเทศไทย บอสใหญ่ซันยอง เสี่ยวิรัตน์ ผลประดับ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด ใจดีกว่าปีไหนๆ มอบแคมเปญพิเศษ ที่ให้คุณเป็นเจ้าของซันยองสตาวิคได้ง่ายๆ ราคาเริ่มต้นเพียง 1.58 ล้าน หรือเลือกรับเงื่อนไขพิเศษ จองรถซันยองทุกรุ่นในงาน แจกฟรีผ่อน 0% นาน 3 ปี ให้ค่าบำรุงรักษา นาน 3 ปี แถมประกันภัยชั้นหนึ่งฟรี และสิทธิพิเศษที่พลาดไม่ได้อีกมากมาย เฉพาะในงานเท่านั้น

          พบกับ Ssangyong ได้ในงาน Motor Expo 2013 บริษัทฯ ยังได้จัดการแสดงโชว์สุดพิเศษในวันเปิดงาน เพื่อเพิ่มสีสันให้มีความตื่นตาตื่นใจ พบการแสดงโชว์สุดอลังการ และชมนวัตกรรมใหม่ ๆ จากบู๊ธรถยนต์ซันยอง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2556 นี้ ที่บู๊ธ A08 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี

          ในโอกาสนี้ บริษัท ซันยอง (ประเทศไทย) จำกัด ขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนทุกท่าน ร่วมพิธีแถลงข่าวของบูธ SSANGYONG ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2556 เวลา 10.00 - 10.10น. ซึ่งท่านจะได้พบกับโชว์สุดอลังการจากทีมนักแสดงมืออาชีพที่ได้รับรางวัลการันตีมาแล้วจากหลายสถาบันที่จะมาให้ความบันเทิงแก่ท่าน

          New Stavic เป็นยานยนต์อเนกประสงค์หรู 11 ที่นั่ง มาพร้อมเครื่องยนต์อัจฉริยะคอมมอลเรลเทอร์โบดีเซล Xdi 2.0 ขนาด 2.0 ลิตร ขนาด 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 155 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด E -Tronic มาตรฐาน ของ Mercedes-Benz ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระปีกนกสองชั้น และด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ที่ให้การตรงตัว และการเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม ภายในมาพร้อมเบาะหนังแท้สีเบจให้ความภูมิฐานควบคุมด้วยไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ล้อแม็กขอบ 17 นิ้ว ครู๊ซคอนโทรล ระบบควบคุมการเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบควบคุมการปรับตั้งไฟหน้า เรนเซ็นเซอร์ ด้วยราคาสุดคุ้มเฉพาะในงานด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1,580,000 บาท

          Rexton W รถยนต์ในแบบฉบับ SUV ระดับหรู ขนาด 7 ที่นั่ง มาพร้อมพลังขับเคลื่อนที่มหาศาล จากเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน DOCH 5 สูบแถวเรียง ขนาด 2.7 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 186 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 402 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ T-Tronic จาก MERCEDES-BENZ พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องแคล่วและสะดวกง่ายดายที่วงพวงมาลัย (Steering Gear Shift) สู่การขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Permanent ที่ล้ำสมัย ให้การยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมด้วยระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและช็อคอับ ส่วนด้านหลังแบบอิสระ 8 Links คอยส์สปริงและช็อคอับแก๊ส โดดเด่นด้วยซันรูฟสองชั้นที่ควบคุมสั่งงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ภายในตกแต่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายง่ายต่อการใช้สอย เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมด้วยระบบ Easy Access ซึ่งเบาะนั่งจะปรับระดับลดต่ำลง และถอยหลังไปจนสุดเพื่อความสะดวกในการลงจากรถ และจะเลื่อนกลับสู่ตำแหน่งเดิมที่กำหนดไว้ เมื่อปิดสวิทซ์กุญแจสตาร์ท ราคาพิเศษเพียง 2,580,000.-

          Kyron เป็นรถยนต์ที่ผสมผสานความปราดเปรียวของรถสปอร์ตคูเป้เข้ากับสมรรถนะในการขับเคลื่อนของรถ SUV ให้ความสนุกสนานเร้าใจในการขับขี่ ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัย พร้อมชุดโคมไฟหน้าและไฟตัดหมอก เพิ่มความสปอร์ตเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพลิดเพลินไปกับการเดินทางด้วยเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยม ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 141 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร พร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบAUTOMATIC TRANSAXLE พร้อมโปรมแกรม Winter Mode ช่วยให้รถเคลื่อนตัวบนสภาพถนนที่ลื่นได้อย่างง่ายดาย ส่วนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ คล่องตัวยามขับขี่ในเมือง และเต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในทุกสภาพถนน เพิ่มความมั่นใจด้วยระบบการทรงตัว ESP และช่วยในการขับขี่ลงทางลาดชันด้วยระบบ HDC ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น คอยส์สปริง ด้านหลังแบบมัลติลิ้งค์ 5 จุด ราคาพิเศษเพียง 1,780,000.-

          Korando เป็นรถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่นที่พกพาความทันสมัยมาแบบเต็มพิกัดนำเข้ามาตอบสนองตลาดเมืองไทย จะเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อในรูปแบบของรถ CUV (Classy Utility Vehicle) เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดมาดใหม่สไตล์โดดเด่นได้รับการออกแบบเพื่อสร้างสรรค์ยนตกรรม SUV ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความวิจิตรของเส้นสายความทันสมัย และความแข็งแกร่ง ผสมผสานไปกับความภูมิฐาน แต่แฝงไว้ด้วยพละกำลัง และสมรรถนะจากระบบขับเคลื่อนแบบ AWD เพื่อเป็นแบบฉบับของรถ SUV ชั้นเลิศ Korandoใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้แรงม้าสูงสุด 175 แรงม้า และแรงบิด ขนาด 360 นิวตันเมตร มาพร้อมชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะแบบ E-Tronic ซึ่งได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ชุดนี้โดยเฉพาะ ให้สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว และการขับขี่ทางไกลที่ให้ความประหยัด ปลอดภัยในทุกเส้นทางด้วยระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ ขณะเดียวกัน Korando ยังสร้างมลพิษน้อยมาก ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอันเข้มงวด EURO 5

MSN on November 29, 2013, 03:42:15 PM
โซนี่ไทย เตรียมยกขบวนเครื่องเสียงรถยนต์เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ในงาน Motor Expo 2013


 
          โซนี่ไทย เตรียมยกขบวนเครื่องเสียงรถยนต์เต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่ล่าสุด ในงาน Motor Expo 2013 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม ศกนี้

          บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด ใคร่ขอประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนสื่อมวลชน และผู้สนใจที่เข้าชมงาน Motor Expo 2013 ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ และทดลองประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ เครื่องเสียงรถยนต์ใหม่ล่าสุดจากโซนี่ได้ที่บู๊ธโซนี่ ภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 30 Motor Expo 2013” ณ อาคารชาเลนเจอร์  อิมแพค เมืองทองธานี
 
           บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เตรียมยกขบวนเครื่องเสียงรถยนต์ พร้อมเปิดตัวจอภาพ 4 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อแสดงภาพจากสมาร์ทโฟนได้หลายรุ่น รวมถึงการเชื่อมต่อ MHL/HDMI และ App Remote V.2 แอพพลิเคชั่นที่สามารถความควบคุมความบันเทิงในรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมาตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และให้คุณได้เต็มอิ่มกับความบันเทิงที่หลากหลายให้กับทุกการเดินทางของคุณ

          ภายในบู๊ธ ท่านจะได้พบกับเครื่องเสียงรถยนต์และจอภาพจากโซนี่รุ่นใหม่ อาทิ จอภาพรุ่น XAV-712BT, XAV-612BT, XAV-602BT และ XAV-65 เป็นต้น

          นอกจากนี้ ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์บันเทิงที่หลากหลายจากจากชุดเครื่องเสียงที่โซนี่ได้ติดตั้งในรถยนต์ตั้งแต่ชุดความบันเทิงระดับไฮเอนด์ในรถซูเปอร์คาร์ จนถึงชุดประหยัดในอีโคคาร์ทั้งหมด 7 คัน 7 สไตล์ อีกทั้งจะได้พบกับโปรโมชั่นเด็ดๆที่จัดเตรียมไว้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ อาทิ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับส่วนลด และขอสมมนาคุณที่มีมูลค่าสูงถึง 25,000 บาท เมื่อซื้อสินค้าจากบูธโซนี่ภยในงาน และพิเศษกับการเพิ่มระยะเวลาการรับประกันสินค้าเป็น 2 ปีเต็ม รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจตลอดงาน