Unilever Network Global Summit 2013
4 ผู้นำจาก 3 ชาติ ร่วมแชร์วิสัยทัศน์ความสำเร็จหลากหลายแง่มุม ในงาน Unilever Network Global Summit 2013
นับเป็นงานใหญ่ที่พลพรรคชาว ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค (Unilver Network) ธุรกิจเครือข่ายที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสุด ไม่พลาด!!! กับงานสัมมนา “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค โกลบอล ซัมมิท 2013 (Unilever Network Global Summit 2013)” งานที่รวมผู้ร่วมธุรกิจระดับผู้นำถึง 3 ชาติ จากประเทศไทย, มาเลเซีย และกัมพูชา นับพันคน จัดโดย สุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหาร ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด แม่ทัพหญิงคนเก่ง ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล ลาดพร้าว พร้อมแขกรับเชิญคนสำคัญ Mr.Maarten van der Weijden นักกีฬาว่ายน้ำมาราธอนเหรียญทองโอลิมปิก 2008 กรุงปักกิ่ง ที่บินตรงจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มาร่วมเผยเรื่องราวจากหนุ่มโชคร้ายเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว แต่สามารถพลิกวิกฤตจนคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ โดยมี มร.บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทยและอินโดจีน เป็นประธานในงาน
Mr.Maarten van der Weijden นักกีฬาว่ายน้ำมาราธอนเหรียญทองโอลิมปิก 2008 กรุงปักกิ่ง เผยว่า “เพราะชอบว่ายน้ำ และรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดี ประกอบกับคำพูดของพ่อผมที่บอกเสมอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เป็นผลมาจากการที่เราเลือก และยิ่งเราตั้งใจ ทุ่มเท เราก็จะประสพความสำเร็จในสิ่งนั้น ผมจึงมุ่งมั่นว่ายน้ำตลอดมา จนอายุ 19 ปี สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผมป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ผมถามพ่อว่า ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับผม ในเมื่อผมไม่ได้เลือกที่จะเป็นมะเร็ง พ่อกลับตอบว่า เรื่องเจ็บป่วยเป็นสิ่งที่เราบังคับไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของโชคชะตา ตอนนั้นผมรู้สึกท้อแท้ ผมทำทุกวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของผม ไม่มีความหวัง ไม่ตั้งเป้าหมายใดๆ จนวันหนึ่งพ่อของผมถามผมชวนให้ผมคิดทำสิ่งที่ตัวเองรัก ผมจึงได้กลับมาว่ายน้ำอีกครั้ง ด้วยการตั้งเป้าหมายชนะตัวเองด้วยการ ทำลายสถิติของตัวเอง
กระทั่งมีโอกาสได้เจอกับโค้ชซึ่งชักชวนให้มาอยู่ร่วมทีม โค้ชถามผมว่าอะไรคือเป้าหมายในชีวิตของผม ผมกลับตอบโค้ชไปว่า ผมแค่ต้องการทำลายสถิติของตัวเองเท่านั้น ก่อนถึงการแข่งขันโอลิมปิกเป็นเวลา 1 ปี ที่ผมต้องฟิตร่างกายให้พร้อมมากกว่าคนอื่น เพราะต้องสร้างเม็ดเลือดแดงให้แก่ร่างกายมากที่สุด เพื่อขจัดความเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่ในเต็นท์แอดทิจูด การว่ายน้ำในระดับที่สูงก่วาน้ำทะเล เพียงเพื่อต้องการสร้างศักยภาพและทำลายสถิติของตัวเอง กระทั่งถึงการแข่งขัน ในหมู่บ้านนักีฬาผมได้มีโอกาสเห็นนักกีฬาชาติอื่นที่เก่งๆ แต่พลาดหวังจากการแข่งขัน คนเหล่านั้นพร่ำพูดแต่ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้เหรียญทอง ทั้งที่เขาทุ่มเทและตั้งใจ แต่ผมกลับรู้สึกสงบ เพราะเป้าหมายของผมไม่ได้อยู่ที่เหรียญทอง แต่อยู่ที่การเดิมพันกับตัวเองมากกว่า ที่ต้องการทำลายสถิติตัวเอง
ในการแข่งขันว่ายน้ำมาราธอน 10 กม. แม้ว่าผมจะเตรียมความพร้อมมาดี แต่ผมกับโค้ชยังมีการวางแผนในหลายขั้นตอน ทั้งการว่ายเพื่อออมแรง โดยจะไม่เร่งว่ายตั้งแต่ออกสตาร์ท รวมถึงการให้อาหาร ที่ทุกคนจะต้องมารวมตัวกันที่จุดๆ หนึ่ง แต่ผมนัดแนะกับโค้ชที่จะว่ายแซงเลยออกไปแล้วค่อยให้ จากที่ว่ายอยู่ตำแหน่งท้ายๆ ก็เริ่มแซงขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งกลาง และเริ่มมาอยู่ในตำแหน่งต้นๆ เวลานั้นผมมองเห็นนักกีฬาที่ลงแข่งด้วยกันหน้าเริ่มแดง เพราะเขาใช้พลังงานเยอะ โดยผมให้เขาว่ายแซงผม เพื่อที่ผมจะอาศัยลู่น้ำเพื่อว่ายตามเขา ซึ่งจะเป็นการช่วยผ่อนแรง จนเมื่อเข้ามาอยู่ในระยะ 100 ม. สุดท้าย ที่ตอนนั้นผมเริ่มว่ายฉีกออกจากกลุ่ม โดยที่อีก 2-3 คน กำลังว่ายบี้กัน เร่งความเร็วสุดฤทธิ์ ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น แต่ผมคิดถึงหน้าที่ของผม หน้าที่ที่ต้องตั้งใจว่าย และว่ายให้ดีที่สุด ในนาทีนั้นที่ผมเห็นพวกเขากำลังชุลมุนกันอยู่ ผมจึงเร่งว่ายใส่ความเร็วเต็มที่ และในที่สุดผลปรากฏว่าผมเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 คว้าเหรียญทองโอลิมปิกว่ายน้ำมาราธอน 10 กม. ชายมาครอง แม้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา เป็นสิ่งที่เราเลือก แบบที่พ่อสอน หากบวกกับความตั้งใจ ทุ่มเท วางแผน สิ ที่จะทำให้เราไปถึงจุดหมายที่เราต้องการได้”
ไม่เพียงเท่านี้ ภายในงานสัมมนา “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค โกลบอล ซัมมิท 2013” ยังได้ฟังวิสัยทัศน์และเรื่องราวความสำเร็จที่หลายหลายแง่มุมของผู้ร่วมธุรกิจยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ระดับผู้นำ ถึง 4 ท่านจาก 3 ชาติด้วยกัน เริ่มจาก ปารณีย์ บู้หลง Regional Executive Business Associate จากประเทศไทยที่มาเผยเรื่องราวความสวยนั้นเปลี่ยนชีวิตได้ว่า “จากคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง เพราะต้องทำงานหนัก วันหนึ่งเมื่อได้รู้จักกับธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค จากเพื่อนเก่าที่มาเยี่ยมในวันที่คลอดลูก ทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา ที่ดูดีขึ้น จึงเริ่มสนใจและสมัครเป็นผู้ร่วมธุรกิจทันที และเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์จนมีคนทักว่าดูดี ดูสวยขึ้น พร้อมกับมีคนเริ่มสนใจ ดิฉันจึงเริ่มมีรายได้เข้ามาในกระเป๋า และยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันจึงยิ่งใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดที่เรียกว่าใช้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อต้องการให้ตัวเองดูดี จนเมื่อเกิดวิกฤตขึ้นเพราะสามีซึ่งรับราชการตำรวจถูกยิงอาการสาหัส ดิฉันเครียดและแอบร้องไห้คนเดียว แต่ธุรกิจยังคงดำเนินต่อ พร้อมๆ กับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ว่าสามีนอนป่วย แต่ดิฉันกลับแต่งตัวสวย เพราะดิฉันเชื่อว่ายิ่งเราดูดี ก็ยิ่งจะมีคนอยากเข้ามาพูดคุย ยิ่งเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะผลิตภัณฑ์จะเป็นตัวบอกคุณภาพของมันเอง และดิฉันมองผลิตภัณฑ์มากกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ แต่มองเห็นอนาคต เห็นโอกาส เห็นการศึกษาของลูก เห็นบ้าน เห็นรถ จากวันนั้นผ่านมา 7 ปี เพราะธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ที่ทำให้ดิฉันสวยขึ้น และยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีตาม เพาะดิฉันมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และลงมือทำเดี๋ยวนี้ ประกอบกับเราอยู่ในบริษัทที่น่าเชื่อถือ จึงทำให้ดิฉันประสพความสำเร็จถึงทุกวันนี้คะ”
ในขณะที่หนุ่มหล่อจากกัมพูชา Mr.Thaw Sokheng Group Executive Business Associate ที่มุ่งมั่นจะสร้างฐานะให้ได้ก่อนอายุ 20 ปี เผยว่า “ผมเป็นเด็กเกเรครับ โดดเรียน วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่น และขอเงินแม่ใช้ จนแม่ว่าเงินทองมันหายากนะ ผมจึงเริ่มหางานทำ จนได้มาเจอกับธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของบริษัท ยูนิลีเวอร์ ที่มีคนอยากทำงานด้วยมากที่สุด ยิ่งผมไม่มีประสบการณ์ แต่ไม่เป็นอุปสรรคของการทำธุรกิจนี้ ในเดือนแรกผมรับรายได้ 383 เหรียญต่อเดือน ซึ่งยังมากกว่าเงินเดือนของเด็กจบใหม่ที่มีรายได้แค่ 100 กว่าเหรียญเท่านั้น ผมอยู่ในธุรกิจเครือข่ายนี้มา 3 ปี จนล่าสุดรายได้ผมอยู่ที่ 3,861 เหรียญ ซึ่งรายได้ขนาดนี้จะต้องเป็น
คนที่จบปริญญาโท หรือมีประสบการณ์การทำงานมาไม่ต่ำกว่า 20-30 ปีเท่านั้น จากที่เคยขอเงินแม่ใช้ แต่ตอนนี้ผมให้เงินแม่ 1,000 เหรียญต่อเดือน ธุรกิจนี้ไม่เพียงสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผม แต่ยังเปิดโอกาสให้ผมได้เป็นลูกกตัญญู ยิ่งตอนนี้กัมพูชากำลังเร่งพัฒนา จะดีแค่ไหนหากธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค จะสามารถเปลี่ยนคุณภาพชีวิตคนในกัมพูชาให้ดีขึ้น 1% จาก 17 ล้านคนทั่วประเทศ ที่จะมีโอกาสได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและร่ำรวยขึ้นไปพร้อมๆ กับเรา”
ด้านหนุ่มใหญ่ Mr.Simon Hew Group Executive Business Associate จากมาเลเซีย ผู้มีจิตวิญญาณของการเป็นนักธุรกิจเผยว่า “คุณพ่อปลูกฝังว่าต้องเป็นเจ้าของธุรกิจครับ แต่ต้องไม่ใช่ธุรกิจขายก๋วยเตี๋ยวของครอบครัว ผมจึงผ่านการเป็นเจ้าของธุรกิจมามากมาย ทั้งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ เจ้าของไนท์คลับ แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องของรายได้ และความอิสระของการใช้ชีวิต จนเมื่อได้มารู้จักกับธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ที่แห่งนี้เขาเห็นคุณค่าในตัวผม และช่วยเหลือที่จะทำให้ผมนั้นบรรลุความฝันที่ตั้งไว้ ด้วยความน่าเชื่อถือของบริษัท รวมถึงการมีนักวิทยาศาสตร์ที่พร้อมวิจัยเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพอยู่ทั่วโลก ทำให้ผมยิ่งเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค จะทำให้ผมประสพความสำเร็จได้ไม่ยาก ผมฝันอยากเปิดอาวียองซ์ ช็อป 30 แห่งในมาเลเซีย เพื่อที่คนมาเลเซียจะได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ รวมถึงยังได้แบ่งปันความสำเร็จให้แก่คนอื่นๆ เพราะธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค เป็นธุรกิจแห่งการให้และการส่งต่อ เพื่อให้คนอื่นๆ ได้เดินตามฝัน และมุ่งมั่นทำฝันนั้นให้เป็นจริง”
ปิดท้ายงานด้วยตัวแทนจากประเทศไทย เจอร์รี่ หลุย National Executive Business Associate คนแรก ที่มาเผยถึงภารกิจที่เป็นไปได้ว่า “ถ้าคุณใส่ความหมายที่ดี สร้างทัศนคติที่ดี ให้แก่ธุรกิจเครือข่าย คุณก็จะทำธุรกิจได้อย่างมีความสุขทุกวัน มีพลังในการทำงาน ถ้าคุณทำธุรกิจแล้วรู้สึกว่า ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ผมว่าคุณมาผิดทาง แต่สำหรับผมที่ยิ่งทำธุรกิจ ยิ่งมีความสุข ยิ่งทำยิ่งได้เพื่อนยิ่งได้องค์กร เพราะผมหลงรักในธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค และทำธุรกิจด้วยหัวใจ และพร้อมที่จะขยายธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่คุณทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ แล้วทุกอย่างที่คุณคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ มันก็จะเป็นไปได้เอง”
อัดแน่นไปด้วยบุคคลที่ประสพความสำเร็จอย่างแท้จริง สำหรับงานสัมมนา “ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค โกลบอล ซัมมิท 2013” ทำเอาผู้ร่วมธุรกิจเครือข่ายยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค ปลื้มปิติเป็นอย่างมาก เห็นได้จากรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และพบกับงานดีๆ เช่นนี้ได้อีกในโอกาสหน้า