ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ผนึก 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ขานรับโครงการบ้านบีโอไอ
หลังจากบีโอไอ ปรับเงื่อนไขในกิจการที่อยู่อาศัย เพียงสองเดือนกว่า 3 สมาคมอสังหาฯ เร่งเดินหน้า สนองนโยบายขยายโครงการเพิ่มขึ้นถึง 400% จำนวน 6,743 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวม 1,893 ล้านบาท โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ พร้อมสนับสนุนสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีทางเลือกในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากยิ่งขึ้น
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปรับปรุงเงื่อนไขในกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง หรือบ้านบีโอไอ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2552 ที่ผ่านมา เพื่อส่งเสริมการลงทุนในกิจการดังกล่าว ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการสนใจในการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเภทดังกล่าวมากขึ้นและสร้างทางเลือกให้ประชาชนผู้ซื้อบ้าน นั้น
“นับว่าการปรับเงื่อนไขดังกล่าวประสบผลสำเร็จ ช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตมากขึ้น เพราะได้รับการสนองตอบจากภาคเอกชน โดยเฉพาะ 3 สมาคมหลักในวงการอสังหาฯ เป็นอย่างดีมาก โดยดูจากสถิติข้อมูลการส่งเสริมการลงทุน ณ วันที่14 สิงหาคม 2552 มีจำนวนโครงบ้านบีโอไอ เพิ่มขึ้น 25 โครงการ ซึ่งมากกว่าในช่วงก่อนปรับเงื่อนไขที่ปีนี้ มีเพียง 5 โครงการเท่านั้น หรือคิดเป็นอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 400% มูลค่าการลงทุนที่เพิ่มรวม 1,892.6 ล้านบาท จะมีจำนวนที่อยู่อาศัยเพิ่มถึง 8,690 ยูนิต ประกอบด้วยโครงการในเขตกรุงเทพมหานคร 3 โครงการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด รวม 2,250 ยูนิต และที่เหลือเป็นทาวน์เฮาส์ ในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร จำนวน 6,440 ยูนิต ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยในเขตเมืองใกล้ที่ทำงานมากขึ้น ช่วยลดภาระในการเดินทาง ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น” นายชาญชัย กล่าว
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า การปรับเงื่อนไขบ้านบีโอไอ สำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมให้กับประเทศ เพราะธุรกิจที่อยู่อาศัยจะทำให้เกิดการขยายตัวในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีกจำนวนมาก ทั้งรับเหมา เฟอร์นิเจอร์ สาธารณูปโภค และระบบสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดย ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐพร้อมที่จะสนับสนุนด้วยการวางแผนเร่งปล่อยสินเชื่อตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลให้ได้ 100,000 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งจากความร่วมมือในครั้งนี้ ธนาคารก็พร้อมที่จะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือและสนับสนุนเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ตามนโยบายหลักการดำเนินงานของธนาคาร สำหรับเงื่อนไขใหม่ของการส่งเสริมกิจการบ้านบีโอไอ คือ ผู้ประกอบการจะต้องจัดที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 50 หน่วย (เดิม 150 หน่วย) สำหรับทุกเขต โดยโครงการที่ตั้งในเขต 1 กรณีการก่อสร้างอาคารชุด จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร (เดิม 31 ตารางเมตร) และจำหน่ายในราคาหน่วยละไม่เกิน 1 ล้านบาท (เดิม 6 แสนบาท) กรณีการก่อสร้างบ้านแถวหรือบ้านเดี่ยวจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 70 ตารางเมตร และจำหน่ายในราคาหน่วยละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง