MSN on February 08, 2013, 06:23:40 PM
“สีเบเยอร์” กางคัมภีร์สู้! ชูกลยุทธ์ “5 Innovation” ท้าชิงผู้นำทุกเซกเมนต์ พร้อมต่อยอด “แบรนด์แห่งนวัตกรรม” หนึ่งในใจผู้บริโภค


 
          ตลาด สีเนเวอร์ดาย แถมส่อเค้าระอุ!! ล่าสุด “สีเบเยอร์” กางคัมภีร์สู้!! จัดแถลงข่าวเผยผลประกอบการฉลุย เป็นไปตามยอด 4,000 ล้านบาท พร้อมรุกต่อด้วยกลยุทธ์ “5 Innovation” สานฝันภารกิจ “เป็นหนึ่งในใจผู้บริโภค” และ “ผู้นำทุกเซกเมนต์” หลังเป็นเจ้าตลาด “สีทาไม้” มากว่า 50 ปี ปี 2556 นี้ ลุยต่อเรื่อง “สีทาอาคาร” หลังมีตัวเลขเติบโตต่อเนื่อง ด้วยกระแส “สีซุปตาร์- สีพี่เบิร์ด” พร้อมกับ “ภาวะโลกร้อน” โดยจะทะยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ตั้งเป้าเปิดศูนย์ผสมสีเบเยอร์คัลเลอร์ดีไซน์ให้ได้ 1,500 ร้านค้าทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายตลอดทั้งปี ชี้เป้าสั้น “หนึ่งในใจผู้บริโภค” ส่วนเป้าหมายระยะยาวจะก้าวเป็นผู้นำทุกเซกเมนต์

          วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหารกลุ่มบริษัทเบเยอร์ ให้สัมภาษณ์ “ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งการเติบโตของตลาดสี โดยเฉลี่ยเติบโตสูงขึ้น 20% และคาดการณ์ว่าปี 2556 จะเติบโตขึ้นอีก 12-15% โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท ซึ่งการกระโจนเข้าสู่สมรภูมิการแข่งขันในหลากหลาย แบรนด์จะนำไปสู่การพัฒนาในทุกด้าน ทั้งตัวผลิตภัณฑ์, โปรโมชั่น รวมถึงการสร้างจุดแข็งของแบรนด์ ซึ่งยุคนี้เป็นยุคฉลาดเลือก ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจได้เอง ดังนั้นการแข่งขันทางการตลาดจะเน้นการสร้าง Brand Image และความชัดเจน Brand Positioning มากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยชี้ขาดความอยู่รอดและการก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้นำในตลาด โดยในปี 2556 นี้ “สีเบเยอร์” เน้นหนักด้วย “5 กลยุทธ์นวัตกรรม” เพื่อครองความเป็นที่ 1 ในใจผู้บริโภค และตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 4,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% จากปี 2555” โดย “5 กลยุทธ์นวัตกรรม” ประกอบด้วย

          1. Product Innovation โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเบเยอร์จะต้องมีความ Differentiation ภายใต้คอนเซปต์ “Innovation for Better Living” พัฒนานวัตกรรมที่แตกต่างตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เพื่อประโยชน์ที่ใช้งานได้จริงของผู้บริโภค บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ โดยสีเบเยอร์มีกว่า 30 โปรเจกต์ใน Pipeline ที่จะพัฒนาออกมาภายใต้ 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ Decorative Paint (กลุ่มผลิตภัณฑ์สีกันร้อน BegerCool series ด้วยนวัตกรรมไมโครสเฟียร์เซรามิกซ์ที่ใช้ในองค์การนาซ่าสู่นวัตกรรมสีกัน ร้อนเพื่อบ้านเย็นสมบูรณ์แบบ, สีทำความสะอาดตัวเอง BegerShield ด้วย Teflon Technology ให้บ้านคุณคงความสวยงาม ฟิล์มสีทนทานไม่หวั่นไม่ว่าน้ำจะท่วมอีกกี่ครั้ง บ้านจะสวยเหมือนใหม่ทุกองศา ทนทาน ทนนาน, สีฟอกอากาศ BegerShiled PhotoClean ครั้งแรกแห่งเอเชียแปซิฟิกกับเทคโนโลยีโฟโต้คะตาลิส ช่วยสลายมลพิษเพื่ออากาศบริสุทธ์ภายในบ้าน, Woodcare Products กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาเนื้อไม้ Heavy duty Coating + Construction Chemical, กลุ่มผลิตภัณฑ์สีอุตสาหกรรม และเคมีภัณฑ์ Industrial และ Effect Paint ผลิตภัณฑ์ BegerShield Art Effects สีสร้างเอฟเฟกต์นำเข้าจากอิตาลีที่ออกมาตอบสนองความต้องการที่ แตกต่าง สะท้อนรสนิยมศิลป์ของเจ้าของบ้านแบบมีเอกลักษณ์) โดยทั้งหมดนี้จะทยอยออกมาตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

          2. Channel Innovation Classify ผสานการพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายตามลักษณะทางธุรกิจและบริหารจัดการแบบ Customization ในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Wholesales, Traditional Retailer, Modern Retailer และ Projects Expert นอกจากนั้นยัง Modernize ร้านค้าแบบ Traditional Trade ให้พัฒนาเป็นศูนย์ผสมสีเบเยอร์คัลเลอร์ดีไซน์ เพื่อตอบสนองรสนิยม และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ มากขึ้น โดยจะมีให้ครบ1,500 ร้านค้า ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยภายในปีนี้

          3. Brand Innovation ซึ่งตั้งงบการตลาดปีนี้ ไว้ที่ 10-12 % ของยอดขาย โดแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ การโฆษณา , การประชาสัมพันธ์องค์กร , การส่งเสริมการขายในระดับร้านค้าและผู้บริโภค ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสังคม ตอกย้ำปณิธานผู้นำแบรนด์นวัตกรรม “Not just a paint maker but the Innovation creator ” ใช้กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบ IMC ผ่านสื่อโฆษณาหลากมิติ เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของตลาดทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ โดยในปีนี้สีเบเยอร์จะให้ความสำคัญกับ Digital marketing มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารการตลาดบนสื่อ Social network และ Online marketing ตอบรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคดิจิตัล นอกจากนั้นการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ คุณธงไชย แมคอินไตย์ ภายใต้แคมเปญ “โลกสวยด้วยมือเรา..โลกสวยด้วยสีเบเยอร์” มีกระแสตอบรับดีเกินคาดตั้งแต่หนังโฆษณายังไม่ออกอากาศ ผู้บริโภครับรู้ได้ในสิ่งที่เราพยายามสื่อสารผ่าน Brand Ambassador ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเมืองไทย ที่มีปณิธาน “รักษ์โลก” เหมือนกันกับสีเบเยอร์

          4. Service Innovation มีการขยายการบริการเพื่อสนับสนุนตลาด 2 โปรเจกต์ใหม่ โดยจัดตั้ง Beger Academy สถาบันฝึกอบรมระดับมืออาชีพขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรม ให้ความรู้ สร้างทักษะ ความชำนาญ ความเชี่ยวชาญให้กับช่างมืออาชีพ เพื่อนำไปพัฒนาเทคนิคการใช้งานให้มีศักยภาพมากขึ้นเพื่อประโยชน์เชิงคุณภาพ งานแก่ผู้บริโภค โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมจะสามารถนำชั่วโมงการฝึกอบรมจาก Beger Academy ไป Up credit กับสถาบันการศึกษาได้ในอนาคตอันใกล้นี้ รวมทั้ง Regional Satellite Engineer จัดให้มีวิศวกรภาคเข้าไปทำหน้าที่ บริการหลังการขาย และประสานงานด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาค
          5. Social Innovation ในปีนี้สีเบเยอร์ยังคงสานต่อปณิธาน โครงการ “สีเบเยอร์หนึ่งผนังรวมพลังสร้างรอยยิ้ม” โครงการดีๆ ที่สีเบเยอร์ก่อตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ปลุกจิตสำนึกของคนไทยให้หันมามอบรอยยิ้ม ให้คนรอบข้าง รับผิดชอบต่อสังคม, สิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้ ภายใต้ 3 แคมเปญหลัก หนึ่งผนังรวมพลังลดโลกร้อนกับสีเบเยอร์คูล, หนึ่งผนังรวมพลังรักษ์สะอาดกับสีเบเยอร์ชิลด์ และ หนึ่งผนังรวมพลังพิทักษ์ป่ากับสีย้อมไม้เบเยอร์ โครงการเหล่านี้จะยังคงเดินหน้ามอบรอยยิ้มให้สังคมต่อไป และตอกย้ำปณิธาน “โลกสวยด้วยมือเรา .. โลกสวยด้วยสี เบเยอร์” ต้องขอขอบคุณทุกแรงกาย แรงบันดาลใจ พี่ๆ สื่อมวลชน ศิลปินดารา ผู้ใหญ่ใจดี รวมทั้งน้องๆ อาสาสมัครทุกท่านที่ร่วมเดินทางมากับเราในปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบูรณะศูนย์เยาวชนบางเขน, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือป้อมมหากาฬที่เราได้รับการสนับสนุนจากกทม. เข้ามาร่วมรณรงค์ทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกับเรา ในปีนี้เราจะไปมอบรอยยิ้มกันที่ไหนติดตามกันได้เร็วๆ นี้”

          ท้าย สุด วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ รองประธานบริหารกลุ่มบริษัทเบเยอร์ อธิบายภาพรวมทางการตลาดและสรุปกิจกรรมทางการขายที่จะทำตลอดทั้งปีว่า “บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายเติบโตที่ 20% จากปัจจัยการเติบโตของตลาดอสังหาฯ และกลุ่ม Repaint ที่มีดีมานด์ในตลาดสูงถึง 70% ฯ โดยสัดส่วนการขายของสีเบเยอร์ที่ผ่านมา มียอดขายจาก Tradition Trade 65% Modern Trade 20% และ Project 15% ตามลำดับ ซึ่งปีนี้จะเน้นการ Modernize ร้านค้าแบบ Tradition Trade ให้เป็นศูนย์ผสมสีเบเยอร์คัลเลอร์ดีไซน์มากขึ้น ตั้งเป้าไว้ที่ 1,500 ร้านค้า ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนการเตรียมพร้อมรับตลาด AEC ปัจจุบันมียอดขาย 300 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7-8% ทั้งที่บริษัทฯ ยังไม่ได้ทำตลาดในลักษณะ Mass มากนัก เนื่องจากอยู่ในช่วงศึกษาและพัฒนาช่องทางการตลาด ทั้งนี้บริษัทฯ จะมุ่งไปที่การสร้าง Brand Partnership เป็นลำดับแรกก่อน”

          ทั้ง นี้จากปัญหาค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ผู้บริหารตอบว่า “อาจกระทบกับต้นทุนบ้าง แต่บริษัทฯ ได้มีการเตรียมพร้อมและปรับตัวมาระยะหนึ่งแล้ว เป็นผลให้ตรึงราคาสินค้าไว้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูแนวโน้มของราคาวัตถุดิบในไตรมาสสองอีกที และตอนนี้บริษัทฯ กำลังปรับแผนการผลิตโดยเพิ่มสัดส่วนของ Machine Automatic ให้มากขึ้นเพื่อลดภาระความเสี่ยงของปัญหาค่าแรงที่เพิ่มขึ้นในอนาคต”

MSN on February 08, 2013, 06:24:15 PM
“Beger” employs the strategy of “5 Innovations” fighting in all segments Enhancing the position as the “Innovative Brand” in the customer’s mind
 
          The paint market is never die and it is likely to be more aggressive this year as “Beger” prepare to penetrate the market very aggressively. Beger has organized the press conference announcing its business outcomes with the sales of 4 billion baht and also its new strategy of “5 Innovations” in order to become “The number 1 in customer’s mind” and “The leader in every segment” following its position as the leader in wood paint market in the past 50 years. In 2013, the company will continue to penetrate the “Building Paint” market following its continuous growth and the trend of “Superstar Paint – P’Bird’s Paint” and “Global Warming”. There will be series of innovative products being introduced continuously together with distribution channel expansion with the target of 1,500 distributors. Moreover, there will also be promotions and activities throughout the year with the short-term target as “The Number 1 in Customer’s Mind” while the long-term target is to be the leader in every market segment.

          Worawat Chaiyosburana, Vice President of Beger Co., Ltd. stated that “Last year was truly a growing year for the paint market with the growth of 20% and the trend is expected to continue this year with the expected growth of 12% - 15% and the market value of 16 – 17 billion baht. In having a go at a very competitive market, our brand has to strive to develop in all phases including products, promotions, and strength of the brand. Customers these days are very smart and they can make their own decision so we will be focusing on creating brand image and highlighting brand positioning as these 2 things are keys to our development. In 2013, “Beger” focuses on “The 5 Innovations” strategy to become the number 1 in customer’s mind with the targeted sales of 4.8 billion baht, an increase of 20% from the year 2012.

          “5 Innovations” includes

          1. Product Innovation: Beger product development focuses on differentiation under the concept of “Innovation for Better Living” to serve variety of needs which is also practical based on environmental responsibility. At the moment, Beger has more than 30 projects in the pipeline and can be classified into 5 groups including Decorative paint (heat protection product Beger Cool series with microsphere ceramic technology that is used in NASA resulting in completely cool temperature of the house), self-clean paint Beger Shield with Teflon technology that keeps your house beautiful with flood protection, and temperature endurance, air cleaning paint BegerShiled PhotoClean, the first time in Asia-Pacific with Photo Catalyst technology which prevent pollution and keep fresh air in the house, Woodcare products, they are products which nurture Heavy duty Coating + Construction Chemical wood, Industrial and effect paints, Beger Shield Art Effects, is the paint that imported directly from Italy to serve different needs of the customers by reflecting the taste of the owners) All of these products will be introduced consistently to serve the different needs of the customers.

          2. Channel Innovation is the development of distribution channels with “Customization” strategy including wholesales, traditional retailer, modern retailer, and projects expert. Moreover, we tend to modernize those of traditional trade shops to become Beger Color Design shops to serve the needs and lifestyle of the customers. The target is to have 1,500 shops in 77 provinces in 2013.

          3. Brand Innovation: In the year 2013, the company plans to invest 10-12 % of its sales in marketing including 3 major parts advertising, corporate promotion, and distributor and customer sales promotion along with social activities to cement the position of the innovative brand that is “Not just a paint maker but the Innovation creator”. IMC marketing strategy is employed through different dimensions of advertisements to serve the growing market both in terms of quantity and quality. This year, Beger is focusing on digital marketing including social network and online marketing to serve the needs of digital-age customers. Furthermore, there is also the introduction of Beger’s newest presenter “Khun Bird – Thongchai McIntyre” under the campaign “Beautiful World with Our Hands…Beautiful World with Beger” which has received great feedbacks even before it is on air. The customers realize in our effort through the brand ambassador who is the number one superstar in Thailand with a strong will to “Love the World” similar to Beger products.

          4. Service Innovation: Beger service has been developed and expanded to support the market in 2 projects including the setup of Beger Academy, a professional institute to train, provide knowledge, and skills to those who are in the business to be more experienced in delivering the best service to the customers. Those who attend the seminar and trained by Beger Academy will be able to up credit with their institutes in the near future. Also, Beger created Regional Satellite Engineer Services that provide after sales service by engineers with the joint work with local property projects.

          5. Social Innovation: This year, Beger still strive to continue its focus to social work through the project “Beger One Wall Creates Smiles”, a good project that Beger set up to revive the spirit of Thai people to smile to each other, be responsible to the society, the environment, and the world. There are 3 main campaigns in the project including “One Wall…Prevent Global Warming with Beger Cool”, “One Wall Keeps the World Clean with Beger Shield”, and “One Wall Protect the Greens with Beger Wood Care”. These projects will be pushed forward in order the build smiles on everyone’s face under the concept of “Beautiful World with Our Hands…Beautiful World with Beger”. Beger would like to thank the efforts of the press, actors/actresses, and the volunteers who join our rides last year including the renovation of Bang Kean Youth Center and the Statue of Democracy with the support from Bangkok Metropolitan Administrator. The schedule of good activities for social will be released soon”.

          Finally, Worawat Chaiyosburana, Vice President of Beger Co., Ltd., explained about the overall market and concluded sales promotion activities throughout the year that “The company has set the target of 20% sales growth from the growth of property market and repaint market with the demand of 70%. In the past, the company sales can be divided into 65% from tradition trade, 20% from modern trade, and 15% from project 15%. This year, we will be focusing on modernizing traditional trade shops to become Beger Color Design Center targeting at 1,500 stores covering 77 provinces in Thailand to welcome AEC market with the sales of 300 million baht or 7%-8%. Our marketing strategy, however, will not be focusing much on mass media and marketing as we are still in the process of developing our distribution channels. In addition, focusing on creating brand partnership will be our primary goal.”

          From the issue of labor cost increment, the executive stated that “This might affect the cost, but the company has been prepared by fixing some of the costs. However, we have to wait until the 2nd quarter to see how we do. Currently, the company is adapting the production plan by increasing the proportion of automatic machine to reduce the risk of higher labor cost in the future”.